ในที่สุด ผมก็ไปดู ดาวินชี่โค้ดจนได้
หนังก็เดินเรื่องเหมือนๆกับในหนังสือ เพียงแต่ตัวละครไม่เหมือนที่ผมนึกไว้
ศจ. โรเบิร์ต แลงดอน ที่ผมนึกภาพไว้ จะเป็นแฮริสัน ฟอร์ด เมื่อสัก 15 ปีก่อน
ตอนที่เล่น อินเดียนน่า โจนส์ น่ะใช่เลยนะครับ
ไม่ใช่ว่าไม่ชอบทอม แฮงคส์ นะ เขาเป็นคนโปรดผมเลย
แต่เรื่องนี้ ผมว่าเขาไม่เหมาะ
ส่วนโซฟี เนิฟเวอร์ ถึงผมจะชอบ ออเดรย์ โททู เป็นการส่วนตัว
แต่ผมมองว่า น่าจะหาดาราที่เค้าหน้าสวยแบบโบราณหน่อย ให้มันคล้ายออเดรย์ เฮปเบิร์น หรือ ดอริส เดย์
เรื่องคำวิจารณ์งานสร้าง วิธีการตัดต่อเล่าเรื่อง ผมจะไม่พูดถึง
เพราะคงมีคนวิจารณ์ไปเยอะแล้ว
เรื่องสมาคมไพรเออรี่ ออฟ ไซออน หรือเรื่องลัทธิ เพเกิน
เรื่องนิกายโอปุสเดอี ผมไม่ขอแตะ เพราะไม่มีข้อมูล
ในหนังเขาก็บอกว่า มันเป็นเรื่องแต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้เขียน ไม่ให้เอาไปใช้อ้างอิง
แต่แนะนำว่า ใครอยากดู น่าจะอ่านหนังสือไปก่อน จะช่วยได้มาก
ไม่งั้นอาจจะตามฟังข้อมูลตอนเขาแปลรหัสลับไม่ทัน
เรื่องสถานะของพระเยซู เป็นบุตรของพระเจ้าหรือคนธรรมดา อันนี้ผมเห็นว่าไม่ใช่ประเด็น
ที่ว่าไม่ใช่ประเด็น ก็เพราะเราเกิดไม่ทัน หนึ่ง มันพิสูจน์ไม่ได้อยู่แล้ว
สอง ไม่ว่าจะจริงไม่จริง ผมก็ยังนับว่าพระเยซู มีคุณงามความดีให้ผู้คนยกย่องได้เสมือนเทพอยู่ดี
มหาบุรุษ ย่อมเป็นมหาบุรุษ ด้วยความดี ด้วยเมตตา กรุณา ที่ได้มอบไว้แก่โลก
ไม่ใช่ยิ่งใหญ่เพราะที่มา ว่าถือกำเนิดโดยมีการร่วมรัก หรือไม่มี
มีภรรยา หรือไม่มี มีบุตร หรือไม่มี
เหมือนถ้ามีคนมาบอกผมว่า.. จริงๆแล้วพระพุทธเจ้า ไม่ได้เป็นเจ้าชายมาก่อนหรอก
เป็นคนธรรมดา เป็นลูกคนตัดฟืน ผมก็จะเฉยๆนะ
เพราะพระพุทธองค์ ท่านไม่เคยบอก หรือบังคับให้ใครกราบท่าน วันละสามเวลา
เพราะท่านมาจากวรรณะกษัตริย์ หรือเพราะท่านมีสถานะเป็นศาสดา
ท่านเคยสอนว่า.. ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา
พระวรกายของท่านก็เป็นสังขารก้อนหนึ่ง ที่แตกดับได้ตามเวลา
แต่คำสอนที่ท่านฝากไว้บอกไว้แก่โลกต่างหาก ที่ท่านบอกว่า
ให้ท่านทั้งหลายจงมาพิสูจน์เอา (แล้วค่อยเชื่อ)
ความรู้นี้ เป็นของไม่มีรูปพรรณสัญฐาน เข้าใจไม่ได้ด้วยการอธิบาย ไม่ขึ้นกับกาลเวลา
เพียงน้อมเข้ามารู้กาย และจิตของตนเอง
ก็จะเห็นความจริงที่วิญญูชน คนที่เกิดปัญญาแล้วจะรู้ได้เฉพาะตัว
(อดีต)นักเรียนทั้งหลายคงเคยเรียนมาแล้วว่า
สมัยพุทธกาล นี่ไม่มีพระพุทธรูปนะครับ
พระพุทธรูปเพิ่งมาเกิดขึ้นหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วเกือบพันปีได้มั้ง อันนี้ผมจำปีไม่ได้
แต่เป็นเครื่องยืนยันว่า พระพุทธองค์ไม่เคยสนใจจะให้ใครมากราบไหว้ เท่ากับมารู้มาเห็น มาพิสูจน์ธรรม ที่พระองค์ค้นพบ
เพียงแต่คนที่ได้สัมผัสแก่นของธรรม เข้าถึงธรรมที่ท่านทรงแสดงไว้
ไม่มีใครเลยจะไม่รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณพระพุทธเจ้า จะไม่ศรัทธาในตัวท่านจนต้องอยากกราบท่านทุกวันๆ
คนที่มีศรัทธาในพุทธศาสนาที่มั่นคงคู่ไปกับปัญญานี่
มันต่างกับคนที่ศรัทธาอย่างเดียวนะครับ
เหมือนคนที่เคยแยกธาตุของน้ำได้ว่ามี ไฮโดรเจน 2 โมเลกุล มี อ็อกซิเจน 1 โมเลกุล
เขาก็จะมั่นคงในศรัทธานั้น เพราะเขาประจักษ์เห็นจริง
ไม่ใช่ "คิด" หรือ "เชื่อ" เอา
จะมีใครไปบอกว่า จริงๆแล้วไม่มีอ๊อกซิเจนหรอก
หรือจริงๆต้องเป็นไนโตรเจน บวกอ๊อกซิเจน
เราก็จะยิ้มๆ แล้วก็ปล่อยเขาไป
จะมีข่าวคนในผ้าเหลืองบางคนไปทำอะไรไม่ดีไม่งาม
เราก็แยกแยะออกว่า มันเป็นเรื่องของคนนอกศาสนา
ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคำสอน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพระพุทธเจ้า และยังมีพระที่ควรค่าแก่การกราบไหว้เสมอ
ผมพูดในมุมของศาสนาตัวเองก็แล้วกัน
ไปพูดถึงพระเยซูมาก เดี๋ยวเพื่อนชาวคริสต์ จะเข้าใจเจตนาผมผิด
ผมเชื่อนะครับ.. ผมเชื่อ.. ว่าผมเข้าใจคนที่ออกมาประท้วง
ผมโตมาในสภาพแวดล้อมของโรงเรียนคริสต์ถึง 8 ปี
เรียนพระคัมภีร์ ไบเบิ้ลมาตลอดเวลานั้น
และผมเชื่อว่า พระเยซู เป็นมหาบุรุษของโลก และถ้าพลังศักดิ์สิทธิที่เรียกกันว่า พระเจ้า มีจริง
ท่านก็คงไม่ลังเลใจจะรับพระเยซูไว้เป็นบุตรคนนึง
เหมือนที่ชาวพุทธอย่างผม กราบไหว้นับถือพระพุทธเจ้าว่าเป็นพ่อได้อย่างสนิทใจ
ไม่ว่าจุดกำเนิด ชาติตระกูล ท่านจะเป็นใคร ตอนประสูติจะมีดอกบัวมารองรับจริงหรือไม่
หรือจะเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์แทนพันธกิจที่ท่านอธิษฐานปรารถนาพุทธภูมิไว้
ผมก็เห็นว่า ท่านเป็นอัครมหาบุรษที่ควรแก่การกราบไหว้เสมอ

เริ่มที่ ดาวินชี่โค้ด จบที่ บุดดาเบลส
สุขสันต์วันอาทิตย์ครับ

กะเพื่อนๆ..ฟรีอ่ะ...
ดูแล้วก็ โอเคเลยครับ..สนุกดี...
เพื่อนมันเลี้ยงแบบ Sub-Title อ่ะ...
Workๆๆ....