ผมแน่ใจว่า วันนี้ เป็น Ground Hog Day ของวันเสาร์สำหรับผม
เพราะมันก็ยังเป็นวันเสาร์ที่อยู่ถัดจากวันศุกร์ หนึ่งวัน
และอยู่ก่อนหน้าวันอาทิตย์หนึ่งวัน เหมือนกับทุกเสาร์ที่ผ่านมา
ผมตื่นก่อนเวลาที่ตั้งใจไว้ แต่ก็ดีไปอย่าง เพราะได้เปิดพันทิพเข้ามาดูโน่นดูนี่
วันนี้ได้เห็น 1 ข่าว และหลายกระทู้ ที่อ่านแล้วน้ำตาซึม
ข่าวนึง คือข่าวน้อง ม.4 ที่โดนฆ่าข่มขืน ที่ดอนเมือง
ข่าวว่าน้องเขาไปช่วยงานศพคุณย่าของเพื่อน แล้วกลับดึก
อันนี้น้ำตาซึมด้วยความสงสาร และเศร้าใจ
ผมทำได้แค่ส่งจิตแผ่เมตตาไปให้วิญญานน้องเขาสงบ และได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี
ส่วนที่น้ำตาซึมอันต่อมา คืออันนี้
//topicstock.pantip.com/camera/topicstock/2006/01/O4035518/O4035518.html
เรื่องของลุงหอยทอดเตาถ่าน ภาคใหม่ ที่ทำให้ผมรับรู้ได้ว่า ลุงเขาคงมีความสุขมากกับน้ำใจของคนแปลกหน้าที่ไหลรินมาให้
เรื่องต่อมา เป็นเรื่องหมาๆ ที่ไม่ใช่หมาในความหมายไม่ดี
คุณมารบูรพา อึ้งเอียะซือ ส่ง link มาชวนให้ไปอ่าน //www.pantip.com/cafe/jatujak/topic/J4453780/J4453780.html
ช่วงที่อ่าน ก็ได้เห็นอารมณ์หลากหลายของตัวเอง
วูบนึง มันสงสาร วูบนึงมีโทสะ วูบนึงอิ่มใจในความใจบุญของคนกลุ่มนึง แว๊บนึงอยากทานหอยทอด
หลายคนที่ผมรู้จักก็ปฏิบัติธรรม วิปัสสนาในชีวิตประจำวันแบบนี้แหละครับ
เราไม่ค่อยได้นุ่งห่มขาว ไม่ได้นั่งหลับตาอย่างเดียว
หรือไปเพ่งจิต คุมไว้ไม่ให้มันหลุดไปไหน
ครูบาอาจารย์ผม ท่านสอนให้เจริญสติด้วยการตามรู้สภาวะที่เกิด ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่งหรือนอน
ไม่ว่าจะลืมตาหรือหลับตา
นั่งอ่านอะไรแล้วชอบใจ ก็รู้สึกตัวว่าชอบใจขึ้นมาแล้ว
อ่านแล้วไม่ชอบใจ ก็รู้สึกตัว ว่ามีอารมณ์ไม่ชอบใจเกิดขึ้น
อ่านแล้วอยากทานหอยทอด ก็รู้ว่าเกิดอารมณ์อยากทานขึ้นในใจ
อ่านแล้วเกลียดคนที่เอาหมาไปทิ้ง ก็รู้ว่ามีโทสะขึ้น
แค่นี้ก็เจริญสติ วิปัสสนาเสร็จไปหลายครั้งแล้วนะครับ ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรเลย
***************
เมื่อคืน ผมคุยกับน้องท่านนึงทางโทรศัพท์
เธอบอกว่าช่วงนี้เธอรู้สึกแปลกๆ เธอเบื่อทุกอย่างที่อยู่รอบตัว
เธอพยายามทำในสิ่งที่ปกติเธอชอบ เธอมีความสุข
เช่นอยู่กับแฟน ก็เบื่อ เลยหลบมาอยู่กับแม่ ก็เบื่อ
ไปเที่ยว ก็เบื่อ ไปเดินสยามช๊อปปิ้ง ก็เบื่อ ทำงานก็เบื่องาน
ผมก็บอกเธอไปว่า.. จริงๆแล้ว ที่เธอทุกข์อยู่
มันไม่ได้ผิดปกติอะไรเลย มันเกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทุกคนได้ในบางเวลา
เพราะมนุษย์เรา มีธรรมชาติในการพอใจในอารมณ์ที่ดี วิ่งหนีอารมณ์ที่ร้าย
เราชอบใจในความสงบ รังเกียจความวุ่นวาย
เรายินดีในสุข และเกลียดความทุกข์
ทุกข์ที่เกิด มันไม่ใช่เพราะค่าเงินดอลล่าร์ตก รถติด น้ำมันแพง แฟนไม่เข้าใจ แม่ไม่เข้าใจ งานน่าเบื่อหรอก
แต่มันเป็นเพราะ เธอไม่ชอบที่มันเป็นอย่างนั้น
พอไม่ชอบใจ ก็ไม่สบอารมณ์ ไม่สบอารมณ์แล้วก็อยากทำอะไรให้มันหาย ให้มันพ้นจากอารมณ์นี้
พูดง่ายๆว่าไปวิ่งหาสุข วิ่งหนีทุกข์ วิ่งๆๆๆๆ จนเหนื่อย
แล้วก็มาทุกข์เพิ่มเพราะเหนื่อย และทุกข์ก็ไม่ได้น้อยลง หรือหมดไปไหน
เพราะระหว่างนั้น เราก็แบกทุกข์ไว้ตลอดเวลา
พระท่านถึงสอนว่า.. ทุกข์น่ะ มีไว้ให้รู้ ไม่ได้มีไว้แบก
ยกตัวอย่าง.. มีผู้ชายคนนึง เดินๆไปเจอก้อนหินหล่นมาจากฟ้า หล่นโครมลงมาข้างหน้า
แทนที่จะแค่รู้แล้วก็เดินไป แต่ด้วยความไม่พอใจ ก็ยกหินนั้นขึ้นมาแบก
พอรู้สึกว่ามันหนัก ก็เริ่มออกวิ่งหนีความหนักของก้อนหิน
ไปเที่ยว ไปหาอะไรที่สวยๆดู หาอะไรที่สนุกๆทำ
มันก็ไม่หายหนัก ยิ่งนานก็ยิ่งหนัก แล้วก็โกรธตัวเอง
โกรธหิน โกรธทุกอย่าง แต่ก็แบกหินไว้ตลอดเวลาอยู่นั่นแหละ
ทั้งๆที่ไม่ต้องวิ่งไปไหน ไม่ต้องทำอะไร แค่แวะเข้าข้างทาง แล้วก็วางหินลง .. แค่นั้น
สำหรับคนที่เดินบนสายของผู้ปฏิบัติ
ก็คือคนธรรมดากลุ่มนึงบนโลกปกติ
ยังต้องทำมาหากิน มีชีวิตทางโลก มีปัญหาเหมือนคนธรรมดา
เพียงแต่แตกต่างที่การมีสติ.. ตามรู้บ่อยๆ
ไม่ว่าจะดีหรือร้าย จะสุข หรือทุกข์
ทุกอย่างเป็นสภาวะที่มีค่าเท่าเทียมกัน .. คือมีไว้ให้รู้ ไม่ได้มีไว้แบก
เพราะสุขหรือทุกข์ ก็เป็นแค่อารมณ์ๆนึง ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
สุขก็อยู่กับเราไม่นาน ทุกข์ก็อยู่กับเราไม่นาน
เมื่อคืนผมบอกน้องเธอไปว่า.. สุข หรือทุกข์ มันก็เป็นเหมือนลม
มันอาจพัดมาวูบนึง หรือพัดชั่วระยะนึง แล้วมันก็ไปแล้ว
ถ้าเป็นลมดี ก็อาจทำให้เราเย็นสบายชื่นใจ
ถ้าเป็นลมร้าย ก็อาจหอบเอากลิ่นขยะเหม็นเน่า ลอยมาเตะจมูก เป็นทุกข์แก่เรา
แต่ไม่จำเป็นเลย ที่เราต้องไปโกรธ ไปเกลียดลม ร้ายๆ
และไม่ควรด้วย จะไปอยากบังคับลมดีๆ ให้มันคงอยู่ตลอดไป
แค่มีสติรู้กาย รู้ใจเราไป เดี๋ยวทุกอย่างมันก็แค่ มาแล้วก้ไป
ไม่มีอะไรต้องยึด ไม่มีอะไรต้องเกลียด
ด้วยสติที่เรามีและคอยสะสมมันไปเรื่อยๆ
ถึงจุดนึง มันจะสร้างมุมมองที่แตกต่างให้ ที่เรียกว่าปัญญา
เราจะเข้าใจชีวิต เข้าใจโลก เข้าใจธรรมะ หรือธรรมชาตินั่นแหละ
ถึงจุดนั้น .. วันๆนี้ จะเป็นวันจันทร์ หรือวันเสาร์ ก็มีค่าเท่ากัน
เป็นวันทำงาน หรือวันหยุด ก็มีค่าเท่ากัน
เป็นวันที่เจอแต่เรื่องดี หรือมีแต่เรื่องร้าย ก็มีค่าเท่ากัน
ถึงจะเป็นวันเดิมๆเหมือนที่เคยเจอมาชั่วนาตาปี
ถึงจะซ้ำซาก จำเจ เราก็จะมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องจำใจ
ความสุขสงบอันเกิดจากภายใน เกิดขึ้นได้ แม้ในวันร้ายๆ
ถ้าเพียงแต่เราเลือกวิธีมีชีวิตที่แตกต่าง จากเดิม ตามที่พระพุทธเจ้าแนะนำ
เรากำหนดเองไม่ได้นะครับว่าจะหลุดจาก Ground Hog Day เมื่อไหร่
รู้แต่ว่า เราเลือกใช้ชีวิตให้แตกต่างได้
แม้ว่าเราจะยังต้องวนเวียนอยู่ ในนี้
ขอให้ท่านเป็นสุขกับทุกวันที่เจริญด้วยสตินะครับ
แล้ววันนี้ ผมจะทานหอยทอดเผื่อนะ
แคบหมูน้ำพริกอ๋อง น่าจะลำกว่า