กลับมาจัดรายการอีกทีนี่.. ยากกว่าที่คิดนะครับ
ผมว่าสมัยผมเริ่มจัดใหม่ๆ ผมทำได้ดีกว่านี้เยอะเลย
จะพูดให้ตรงกว่านั้น ถ้าคะแนนเต็มสิบ ผมให้ตัวเองแค่สี่
สอบตกชนิดไม่มีข้อกังขา
ส่วนนึงเพราะผมรู้สึกว่า ตัวเอง "พยายาม" มากไปนิด
ไม่เหมือนสมัยก่อนตอนเริ่มจัดใหม่ๆ ตอนนั้นไม่คิดอะไรมาก
เจอเพลงไหนชอบใจ ก็ซัดเลย มันได้ความสด มันได้ความสนุกยังไงบอกไม่ถูก
ประกอบกับความคาดหวังของตัวเอง ที่คิดว่ามีประสบการณ์เยอะแล้ว
พอออกมาต่ำกว่าที่ตัวเองเคยทำได้ เคยเป็น มันก็ผิดหวังสิครับท่าน
ผมชอบเปรียบเทียบว่า เวลาผมจัดรายการ
มันจะเหมือนผมทำงานศิลปะอะไรอย่างนึง เหมือนวาดรูปก็ได้ เอ้า..
เปิดเพลงแต่ละเพลง ก็เหมือนการวาดพู่กันลงไปครั้งนึง
พอจบรายการมันจะฟ้องเลยว่า ในภาพรวมเราทำได้ดีแค่ไหน
ผมพบว่า สองวันที่ผ่านมา ผมขาด "เซนส์" ในการเปิดเพลง และจัดรายการอย่างรุนแรง

จะว่าไปก็เหมือนศูนย์หน้าทีมฟุตบอลทีมโปรดผมที่ชื่อ มิลาน บารอส
คุณมิลานนี่ แกมีดีกรี เป็นถึงศูนย์หน้าทีมชาติเช็ค
ที่เคยได้ตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุด ของฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปมาแล้ว
แต่พอมาเล่นระดับสโมสร แกกลับยิงประตูไม่ได้ นัดแล้วนัดเล่า
ยืนก็ไม่ถูกที่ วิ่งก็ผิดจังหวะ เขาส่งซ้าย ดันวิ่งไปรอขวา
เขาส่งหน้า ดันวิ่งย้อนมารอข้างหลัง ทำอะไรก็ผิดไปหมด

บางทีผมนึกเล่นๆว่า.. ถ้ามิลาน หรือผมเป็นแบบ ฟอเรสต์ กัมพ์ ท่าทางจะไม่เลวเหมือนกัน

คุณเคยดู ฟอเรสต์ กัมพ์ ไหมครับ หนังในดวงใจผมเชียวนะ
เป็นหนังยอดเยี่ยม เป็นหนังที่ทำให้ ทอม แฮงคส์ ได้รางวัลออสการ์ในฐานะดารานำ และอื่นๆอีก 4 รางวัล
ฟอเรสต์ เป็นเด็กไอคิวต่ำครับ แต่โชคดีที่ได้แม่หัวใจสิงห์
แม่ของเขายอมสู้ทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีโอกาสเหมือนเด็กปกติทั่วไป
ด้วยความที่ไอคิวต่ำ ฟอเรสต์ จึงทำทุกอย่างด้วยความ "ไม่คิดมาก"
ถึงเวลาทำอะไร ก็ทำตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายอย่างสุดใจขาดดิ้น
ตอนเด็กๆ ฟอเรสต์ ไม่ได้แค่ไอคิวต่ำ แต่กระดูกขายังยาวไม่เท่ากัน
ทำให้เขาต้องใช้รองเท้าพิเศษและใช้โครงเหล็กช่วยดามขาไว้
แต่วันนึง เมื่อเขาถูกเด็กคนอื่นรุมแกล้ง ด้วยการระดมเอาหินขว้าง
เจนนี่ เพื่อนสาวคนสนิท ซึ่งเป็นเพื่อนสาวคนเดียวในชีวิตของฟอเรสต์ ก็สั่งให้เขาวิ่ง
เขาเริ่มออกวิ่งๆๆๆ และเขาก็พบว่า เขามีพรสวรรค์ในการวิ่ง
เขากลายเป็นคนวิ่งเร็วที่สุดในย่านนั้น
เขาได้เข้าเรียนวิทยาลัย ก็เพราะโค้ชทีมอเมริกันฟุตบอลเห็นเขาวิ่งเร็ว
เขารอดตายจากสงครามเวียดนาม ก็เพราะเขาวิ่งเร็ว
ทุกครั้งที่เขาวิ่ง เขาไม่คิดอะไรเลยครับ เพียงแต่เจนนี่สั่งไว้ว่า
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ให้วิ่งเสมอ..

เขาเคยวิ่งข้ามประเทศจากฟากนึงไปอีกฟากนึง ไปกลับ
เพียงเพราะเขา "อยากวิ่ง"
ไม่ใช่เพื่ออุดมการณ์อะไรสูงส่ง ไม่ใช่เพื่อเรียกร้องอะไร
แต่เพราะเขาแค่.. "อยากวิ่ง"
ถึงหนังมันจะดูเพี้ยนๆ ดูเหลือเชื่อ เกินจริง
แต่มันก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า.. คนเราที่ทำอะไรโดยไม่คาดหวังผลอะไรนี่..
มันดีเหมือนกันนะครับ
คือมีหน้าที่อะไร ก็ทำมันไปแบบนั้นแหละ ไม่ต้องคิดมากว่า
จะต้องอย่างโน้น อย่างนั้น จะต้องทำเพื่อใคร ต้องมีใครมาชมมาเชย
เหมือนที่ไนกี้เขาใช้เป็นสโลแกนน่ะครับ
"JUST DO IT"
แล้ววันเสาร์นี้ ผมจะลองใหม่นะครับ

ปิดท้ายบล็อคนี้มีเพลงมาฝากเช่นเคยครับ จากหนังเรื่อง "Cocktails"
เผื่อใครจะกำลังเบื่อๆเซ็งๆ ต้องฟังเพลงนี้เลยครับ เพลงของ Bobby McFerrin
เนื้อท่อนนึง เขาบอกว่า..
Listen to what I say
In your life expect some trouble
But when you worry
You make it double
Don't worry, be happy......
ผมจะบอกอะไรให้ฟังกัน
เชื่อไว้นะว่าสักวัน..ชีวิตมันต้องเจอปัญหา
แต่ถ้าคิดมากจะยากนาน พาลเพิ่มปัญหาเป็นสองเท่า
ไม่เอาน่า..อย่าคิดมาก..

แจงแทบจะไม่รู้สึกอย่างที่คุณเอ๊ดว่าตัวเองเลย
มันเป็นเพราะอะไร...แจงรู้คำตอบนะ : )
วันก่อน อ่านทู้อยู่ห้องเฉลิมไทย
มีทู้ชื่มชมดาราที่ตัวเองชอบกัน
บางคนก็หลงแรงซะ................อะนะ
ซักพัก ... มีโพสนึงมาเบรคว่า...
ชอบมาก ก็จะมองข้ามข้อเสีย หรือมองไม่เห็นข้อเสียกัน...มันก็เรื่องปกติของคนน่ะคร้าบบบบ
กลับมามองตัวเอง ก็...เออ เนอะ
ถ้าให้บอกจริงๆ แจงก็รู้ตัวนะ
ว่าไปหลงรักคุณตอน เอทตี้ส'โนว่า (จำผิดเปล่าเนี่ยเรา...)
กะตอนเค้าท์ดาวน์ท้อป 40 วันอาทิตย์นั่นแหละ
แล้วก็ชอบแบบตอนนั้นด้วย...สมูทมากๆ
แจงว่ามันสุดยอดเลยตอนนั้น(สำหรับแจงนะ)
แหม่...ฟังเสียงคุณเอ๊ด แล้วมันเพิ่มพลังจริงๆ : )
พับผ่าสิ !
ไม่เอาน่า..อย่าคิดมาก ...
ยังไงก็ร้ากกกกกกกก...ล่ะน่า อิอิ