‘ขนมต้ม 3 สหาย’ ขนมไทย ที่ยังไม่ตกยุค
ขนมต้ม 3 สหาย ขนมไทย ที่ยังไม่ตกยุค

“ขนมไทย” ที่ด้านหนึ่งแสดงถึงความประณีตของคนไทย เป็นวิถีการดำรงชีวิตของคนไทย ในอีกด้าน
ยังสร้างอาชีพและรายได้ให้ผู้ทำขายได้ นับจากอดีตจนปัจจุบัน ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” มีสูตรการทำ
“ขนมต้ม 3 สหาย” ที่นำสูตร ขนมไทยโบราณ มาปรับให้เข้ากับความนิยมของยุคสมัย มาให้พิจารณากัน.....

กฤษณา คนซื่อ หรือที่ลูกค้าเรียกติดปากว่า “แดง” อายุ 43 ปี ยึดอาชีพขายขนมไทยหลากหลายชนิด
ไม่ว่าจะเป็น ขนมหยกมณี ขนมถั่วแปบ ขนมเปียกปูน ขนมกล้วย ขนมมัน ข้าวเหนียวแก้ว ข้าวเหนียวมูน
ข้าวเหนียวกลอย ข้าวเหนียวสังขยา ข้าวเหนียวหน้าปลาย่าง ฯลฯ และรวมถึง “ขนมต้ม”

เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า เดิมทีเป็นพนักงานบริษัทโตชิบา แต่ด้วยภาระการเลี้ยงดูบุตร จึงทำให้ต้องลาออกมาทำ
อาชีพอิสระ คือ ขายขนม ที่พอมีเวลาดูแลลูก และนอกจากนี้ยังรับซักรีดเสื้อผ้าเป็นอาชีพเสริม
หลังจากขายขนมเสร็จแล้วเมื่อมีเวลาว่างก็จะรับซักรีดเสื้อผ้าในละแวกบ้านด้วย

“ขายขนมไทยมาแล้ว 6 ปี สถานที่ขายคือข้างร้านข้าวหมูแดงนครปฐม ติดกับมหาวิทยาลัยเกริก
รายการขนมในแต่ละวันก็หมุนเวียนสลับกันไป ลูกค้าก็มีทั้งนักศึกษา คนทั่วไป พนักงานบริษัท ตำรวจ
เพราะอยู่หลังโรงพักบางเขน โดยออกขายตั้งแต่ เวลา 07.00-15.00 น. ทุกวัน หยุดวันอาทิตย์หนึ่งวัน”

ขนมต้ม 3 สหาย ขนมไทย ที่ยังไม่ตกยุค

กฤษณาบอกว่า แม้ขนมที่ทำขายจะมีขั้นตอนการทำยุ่งยาก และใช้เวลาในการทำนานพอสมควร
แต่ราคาขายก็ไม่แพง ซึ่งโดยส่วนตัวเป็นคนรักสุขภาพมาก ส่วนผสมขนมทั้งหมดจึงปราศจากสารเคมี
สีสันสดใสของขนมที่เห็นจะมาจากธรรมชาติล้วน ๆ สำหรับ “ขนมต้ม 3 สหาย” ที่มี 3 สี
สีส้มได้จากสีของแครอท (นำแครอทมาปั่นให้ละเอียด) สีดำได้จากข้าวเหนียวดำ,
สีเขียวได้จากใบเตย ซึ่งนอกจากสีสันสวยงามแล้ว ความหอมหวานไม่เหมือนใคร
บวกกับแป้งที่นิ่มกำลังดี ก็ทำให้ขนมร้านนี้เป็นที่ติดอกติดใจของคนในละแวกนั้น

การเรียนรู้วิธีทำขนมของแม่ค้ารายนี้ กฤษณาบอกว่าอาศัย “ครูพักลักจำ”
โดยในอดีตเคยไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่ สระบุรี เห็นคุณยายของเพื่อนทำขนมขาย เกิดความสนใจจึงลองไปหัดทำดู
บวกกับศึกษาข้อมูลจากที่อื่นบ้าง และจำเอาเทคนิคต่าง ๆ มาผสมกับวิธีของตัวเอง จนสามารถทำขนมขายได้

ขนมต้ม 3 สหาย ขนมไทย ที่ยังไม่ตกยุค

วัสดุ/อุปกรณ์ในการทำหลัก ๆ ก็มี... เตาแก๊ส, หม้อสเตนเลส, กระชอน, กระทะ, ถาด,
อ่างผสม, ผ้าขาวบาง, ตะหลิว, กะละมัง, ที่ขูดมะพร้าวเล็บแมว, เครื่องปั่น เป็นต้น

ส่วนผสม/วัตถุดิบ ก็จะใช้ แป้งข้าวเหนียว, แป้งข้าวเจ้า, แป้งข้าวเหนียวดำ,
มะพร้าวทึนทึก, น้ำตาลมะพร้าว, ใบเตยหอม, หัวแครอท และน้ำสะอาด

ขั้นตอนการทำ
“ตัวขนมต้ม” เริ่มจากการเตรียมผสมสีสันของแป้ง สีเขียว ก็นำเอาใบเตยมาล้างให้สะอาด แล้วปั่นกับน้ำสะอาด
กรองเอาแต่น้ำใบเตยข้น ๆ ใส่ภาชนะเตรียมไว้, สีส้ม เอาหัวแครอทมาปั่นผสมกับน้ำสะอาด ตั้งพักไว้,
สีดำ จะออกอมม่วงนิด ๆ จะใช้สีของ แป้งข้าวเหนียวดำ อย่างที่บอกแต่ต้น

ลำดับต่อไป ก็เตรียมผสมแป้งให้ออกมาไม่แข็งเกินไป หรือนิ่มเกินไปจนเละ
โดยใช้ แป้งข้าวเหนียว 1/2 กิโลกรัม ผสมกับ แป้งข้าวเจ้า 1/4 ของ แป้งข้าวเหนียว
แล้วใส่สีเขียวของใบเตยที่เตรียมไว้ลงไป นวดให้เข้ากันจนหน้าแป้งเนียน ส่วนสีส้มของแครอทก็ทำวิธีเดียวกัน
แต่สำหรับขนมต้มสีดำนั้นจะเปลี่ยนส่วนผสมของแป้ง คือไม่ต้องใส่แป้งข้าวเจ้า แต่ใช้แป้งข้าวเหนียวดำแทน
เพราะถ้าใส่ทั้งหมดสามแป้งจะทำให้เนื้อขนมต้มแข็งเกินไป

เมื่อนวดแป้งจนเนียนได้ที่แล้วให้พักไว้ เอาผ้าขาวบางชุบน้ำหมาด ๆ คลุมไว้

ต่อไปเป็นขั้นตอนของการทำ “ไส้ขนมต้ม” สูตรไส้ที่หวานหอมของกฤษณาคือ
การนำมะพร้าวขูดมาคั่วกับ น้ำตาลมะพร้าว คั่วไฟอ่อน ๆ จนหอม
แล้วทำการเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ ไปเรื่อย ๆ จน ไส้เหนียว-หอมได้ที่ ยกลงพักไว้ให้เย็น
จึงทำการปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ ใส่ถาดเตรียมไว้ และ ขูดมะพร้าวทึนทึกเป็นเส้นใส่ถาดเตรียมไว้ด้วย

จากนั้นนำแป้งที่เตรียมไว้มาปั้นเป็นก้อนกลมขนาดเท่าเหรียญบาท แล้วแผ่เป็นแผ่นบาง ใส่ไส้ที่เตรียมไว้ลงไป
ห่อแป้งปิดไส้ให้เรียบร้อย แล้วนำขนมใส่ลงในน้ำเดือด เมื่อขนมสุกจะลอยขึ้นมา
ใช้กระชอนตักขึ้นมาให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำขนมลงคลุกในมะพร้าวที่ขูดเตรียมไว้ทันที เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

เคล็ดไม่ลับที่ทำให้ขนมต้มและขนมไทยชนิดอื่น ๆ ขายดิบขายดีคือ ความสดใหม่ของขนมที่ทำใหม่ทุกวัน
ไม่ค้างคืน รวมถึงสีสันความสวยงามที่ได้จาก พืชผักธรรมชาติ

ราคาขายขนมต้ม 6 ลูก 20 บาท ซึ่งลูกค้าจะสั่งขนมหลายอย่างปนกันก็ได้
ทั้งนี้ ปัจจุบันกฤษณามีออร์เดอร์ทำขนมส่งมหาวิทยาลัยเกริกทุกเสาร์-อาทิตย์
ใครมีการจัดงานเลี้ยงก็สามารถสั่งทำได้ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ายังมีคนไทยสนับสนุนคนไทย-ขนมไทยที่รสชาติดี
ราคาไม่แพง เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจบ้านเราเป็นจำนวนมาก

ร้านขนมของกฤษณาอยู่ที่ อมรินทร์นิเวศน์ 1 ใกล้มหาวิทยาลัยเกริก ข้างร้านข้าวหมูแดงนครปฐม
ขายจันทร์-เสาร์ หยุดอาทิตย์ ใครสนใจชิมฝีมือก็ไปได้ หรือติดต่อที่ โทร.08-6800-9474
ทั้งนี้ สโลแกนรณรงค์ “กินของไทย ใช้ของไทย ร่วมใจประหยัด” กับ “ขนมไทย” นั้นดูจะเข้ากันเป๊ะ
ใครจะลองทำขายบ้างก็เชิญ !!.

ที่มา เดลินิวส์



Create Date : 07 มิถุนายน 2552
Last Update : 7 มิถุนายน 2552 10:02:52 น.
Counter : 10524 Pageviews.

3 comments
  
ใส้ขนมต้มไม่อบเทียนให้หอมเหรอ มะพร้าวที่คลุกก็ต้องคลุกเกลือนึ่งก่อน
โดย: 11 IP: 122.154.97.135 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:06:19 น.
  
ส่วนผสมทุกอย่างควรบอกสัดส่วนให้ชัดเจนด้วยค่ะ
โดย: ครูมะลิ IP: 171.5.89.189 วันที่: 29 กันยายน 2556 เวลา:15:46:09 น.
  
บอกวิธีทำได้ง่ายมากค่ะจะลองทำดู
โดย: น้ำ IP: 1.47.169.211 วันที่: 19 สิงหาคม 2557 เวลา:16:49:12 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Anotherside.BlogGang.com

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]

บทความทั้งหมด