แด่องค์กรที่แสนรัก - 7.5 - เป็นฑูต หรือ เป็นพวก ?
แด่องค์กรที่แสนรัก...
<< เป็นฑูต หรือ เป็นพวก >>
โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj) เมื่อเจ้านายของคุณลักษณ์ลาออก ไม่นาน คุณลักษณ์ ก็ยื่นใบลาออกตาม ซึ่งข่าวของคุณลักษณ์ลาออกเข้าถึงหูเจ้านายใหญ่ และ เจ้านายผม และ ส่งผมเพื่อให้เป็นฑูต เพื่อที่จะดึงให้คุณลักษณ์อยู่ต่อ
ในช่วงเวลานั้นผมสนิทกับ จอห์น ซึ่งทำงานประมวลผลข้อมูลกับอีกแผนกหนึ่ง ซึ่งเรามีเรื่องคุยกันตลอด เพราะ บางครั้งเราต้องทำงานร่วมกันเพื่อเชื่อมระบบทั้งหมดเข้าด้วยกัน และ จอห์น ก็ค่อนข้างสนิทกับ คุณลักษณ์ค่อนข้างมาก
วันนั้น ผมไปทานข้าวกลางวันกับจอห์น และ ขอให้จอห์นไปเป็นเพื่อนที่ตึกเก่า ซึ่งเป็นตึกที่คุณลักษณ์ทำงาน จอห์นก็ยอมที่จะช่วยไปเป็นเพื่อนให้
"คุณลักษณ์ ได้ข่าวว่าจะออกหรือครับ" "แหมข่าวไปไวเหลือเกินนะ" "ผมก็ไม่รู้ว่าเร็วหรือเปล่า คุณลักษณ์มีปัญหาอะไรหรือเปล่า เผื่อว่าผมจะช่วยได้" "ไม่มีปัญหาอะไร พี่ลักษณ์อยากจะพักผ่อนแล้วนะ" "แล้วจะไปทำงานที่ไหนต่อครับ" "เปล่า ก็แค่เริ่มเบื่อกับการทำงานแล้วก็เท่านั้น พี่จะลาออกไปช่วยแม่ขายของดีกว่า"
น้ำเสียงของคุณลักษณ์ ไม่ได้บอกเลยว่าเบื่อการทำงาน แต่ผมเดาว่าน่าจะย้ายไปทำงานกับเจ้านายเก่า หรือไม่ก็ ไม่มีเจ้านายแล้วเขาก็ลำบากมากขึ้น สิ่งที่เจ้านายสัญญาไว้ว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ไม่มี แถมเจ้านายก็ออกไปแล้วด้วย
"คุณลักษณ์ กลับไปทำแผนกผมไม๊ แผนกผมยินดีต้อนรับนะ" "ไม่เอาแล้ว จุงก็ทำงานได้แล้วนี่ เห็นว่ามีผลงานดีไม่ใช่หรือ" "นิดหน่อยครับ คุณลักษณ์ไม่ไปจริงๆหรือ ผมคุยกับเจ้านายผมให้ได้นะครับ" "ไม่ละ ขอบใจ" "อย่างนั้นผมขอเลี้ยงส่งคุณลักษณ์มือนึงนะ" "เย็นนี้เลยเป็นไง พี่เลือกร้านนะ" "ได้เลยครับ" "เฮ้ย กูไปด้วยนะ" เพื่อนผม จอห์น เสนอตัวไปด้วยทันทีเลย "ได้ๆไม่มีปัญหา"
ผมกลับไปทำงานต่อ เจ้านายก็สอบถามว่าเป็นอย่างไรบ้างผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้เจ้านายรับรู้ รวมถึงข้อเสนอให้มาทำงานร่วมกับเรา แต่เขาก็ปฏิเสธ เจ้านายกับเจ้านายใหญ่ มองหน้ากันสีหน้าก็ไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ ผมก็เลยขอตัวกลับมาทำงานต่อ
เย็นวันนั้นผมก็ไปกับจอห์นที่ตึกเก่าอีกครั้งเพื่อไปตามนัดของคุณลักษณ์ ผมคุยกับคุณหน่อยว่าไปด้วยกันไม๊ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่ว่าง ผมเลยไปกับจอห์นเพียงสองคน
เราไปทานกันที่ร้านหรูมากๆแห่งหนึ่ง ซึ่งก็เข้าไปกินข้าวแล้วนั่งคุยกัน เป็นสถานที่ที่มีบรรยากาศดีมาก และราคาค่อนข้างแพงเลยทีเดียว เราทั้งหมด ส่วนใหญ่คุยกันนอกเรื่อง และถูกคอกันมาก ถึงขนาดคุณลักษณ์ชวนไปเที่ยวบ้านที่พัทยา แม่ของคุณลักษณ์เปิดร้านอาหารที่นั่น ผมก็รับปากไป
คุณลักษณ์ ทำงานถึงสิ้นเดือนก็ออก ถึงแม้นผมจะขอให้เขามาอยุ่ร่วมงานกับผมไม่ได้ จอห์นมาชวนให้ขับรถไปเที่ยวกันที่พัทยา เพื่อไปทานไข่แมงดาทะเลยำ ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของร้านแม่คุณลักษณ์ ผมก็ไปตามคำชวน
เมื่อถึงพัทยา เราก็ตะเวนหาร้านของ คุณลักษณ์ ซึ่ง จอห์นเขาก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็โทรติดต่อสอบถามสถานที่จนเราสามารถไปถึงร้านของคุณแม่คุณลักษณ์
"แหมวันนี้หอบเอา จุง มาได้ด้วยนะ" "จอห์นเขาชวนผมมาครับ"
คุณลักษณ์คุยกับผมดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก วันนั้นก็ได้กินข้าวฟรีอีก 1 อิ่ม คุณลักษณ์เลี้ยง แล้วคุยเล่นหัวกันไป ได้ใจ ได้พี่สาวมาอีก 1 คน ถึงแม้นคุณลักษณ์จะออกไปแล้ว แต่เราก็มีการติดต่อทาง e-mail กันบ่อยๆ
หลังจากกลับจากเที่ยว ผมก็มาเล่าให้เจ้านายฟังว่า คุณลักษณ์ กลับไปทำงานที่บ้านจริงๆ ร้านอาหารเขาอร่อยมาก ยังชวนเจ้านายไปทานเลย แต่ก็ไม่เคยได้ไปกันจริงๆ
(อ่านต่อตอนหน้านะครับ...)
ข้อคิดที่ได้รับ
- ในองค์กรที่ผมอยู่ เมื่อไปขอใบลาออกกับทาง HR ทาง HR จะแจ้งให้หัวหน้างานของคนๆนั้นทางโทรศัพท์หลังจากคนๆนั้นออกจากห้อง HR ไปแล้วทันที แต่ในกรณีนี้ ซึ่งคุณลักษณ์ มีส่วนเกียวข้องกับทุกส่วน อีกทั้งเจ้านายเก่าก็ลาออกไปแล้ว HR จึงรายงานมาให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมเจ้านายผมถึงรู้เรื่องนี้เร็วนัก
- ผมพยายามดึงคุณลักษณ์ให้อยู่แบบกลางๆ เพราะตอนนั้นผมไม่กล้าที่จะรับปากอะไรเพราะผมไม่มีข้อมูลอะไรของคุณลักษณ์เลย ซึ่งการเสนอไปก็จะเสนอในสิ่งที่ผมพอจะทำได้เท่านั้น
การเสนอแล้วเราไม่สามารถทำได้ ก็จะทำให้เราจะสูญเสียความน่าเชื่อถือไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมระมัดระวังเรื่องการรับปากคนค่อนข้างมาก หรือ แม้นแต่การให้สัญญากับลูกน้องก็เช่นกัน เพราะกลัวว่าถ้าสัญญาแล้วทำตามสัญญาไม่ได้ คนที่เสียใจก็คือลูกน้อง แต่ผมนะเสียคน ซึ่งหนักกว่า...
- การที่คุณลักษณ์ออกจากงาน ก็กลับไปทำงานกับคุณแม่นั้น การไปเที่ยวกับ จอห์น ผมไปเพื่อพิสูจน์ข้อมูลที่ได้รับว่าเป็นจริงตามที่ คุณลักษณ์กล่าวอ้างหรือไม่ แล้วค่อยมารายงาน เพื่อให้เจ้านายหายข้องใจว่าคุณลักษณ์อาจจะโดนเจ้านายเก่าดึงตัวไปทำงาน... แต่ความเป็นจริงเจ้านนายเก่าก็ดึงตัวคุณลักษณ์ออกจริงๆ แต่คุณลักษณ์ต้องการพักผ่อนก่อนสักเดือนสองเดือนก่อนไปทำงานต่อกับเจ้านายเก่าที่เปิดบริษัท แนวเดียวกับบริษัทที่ผมทำงานอยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า
1.) การให้คนที่มีความนับถือจากลูกน้องมากๆ ก็เป็นอันตรายที่จะดึงเอาทรัพยากรขององค์กรไป
2.) การลาออก คำถามที่ให้ตอบว่าออกเพราะอะไร ส่วนใหญ่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะพนักงานไม่ยอมที่จะเขียนความจริงที่ออก อีกทั้งบางทีหัวหน้างานอาจจะรับไม่ได้กับเหตุผลนั้นๆ
3.) การออกของคุณลักษณ์ที่บอกว่าไปช่วยงานแม่ เป็นเรื่องจริง ซึ่งผมก็ไม่สามารถฟันธงได้ว่า เจ้านายเก่าคุณลักษณ์ดึงตัวคุณลักษณ์ตั้งแต่ก่อนเขาจะลาออก หรือว่า เรียกตัวให้เข้าไปช่วยงานเมื่อทราบข่าวว่าคุณลักษณ์จะลาออก ทั้งนี้ คุณลักษณ์เท่านั้นที่จะเป็นผู้ตอบได้ในเรื่องนี้เพียงคนเดียว แต่ภาพลักษณ์ที่ออกมา คนทั่วไปก็ต้องคิดว่า เจ้านายเก่าเขาดึงไปทำงานร่วม
- หลังจากได้คุยกันจริงๆจังๆ ตอนไปทานอาหารเลี้ยงส่ง และ การไปทานข้าวที่ร้านคุณแม่ของคุณลักษณ์ ทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น ผมขาดเพื่อนร่วมงานที่รู้งานทั้งหมดไป 1 คน แต่ผมก็ได้พี่สาวมา 1 คนที่ยังสามารถคุยเล่น หางานใหม่ให้ทำ และ ไหว้วานกันได้เสมอมา
Create Date : 15 มกราคม 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 14 มิถุนายน 2556 22:58:51 น. |
Counter : 1209 Pageviews. |
|
|
|
เลยตามเข้ามาครับผม
และสงสัยว่าคงได้เข้ามาอีกบ่อยๆแน่
ชอบบทความของพี่มากคร้าบ