บริหาร การจัดการ การตลาด พัฒนาตนเอง พัฒนาความคิด กลยุทธ์ ธรรมะ จักรราศี ฯลฯ
จัดตั้งธุรกิจ ปรับปรุงกิจการ | ไขความลับสมองเงินล้าน | การเขียนแผนธุรกิจ | บริหารคน บริหารงาน | พัฒนาความคิด
พระไตรปิฎกฉบับหลวง | แด่องค์กรที่แสนรัก | สุขใจกับเด็กสมาธิสั้น
Group Blog
 
 
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
20 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
แด่องค์กรที่แสนรัก - 10 - ไปนอกครั้งแรก

 แด่องค์กรที่แสนรัก...


<< ไปนอกครั้งแรก >>

โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)

ต้นปี ค.ศ.1995 เจ้านายให้ผมไปมาเลเซีย เพื่อไปแก้ไขโปรแกรมที่ให้ลูกค้าใช้งาน เนื่องจากการขอให้ทางมาเลเซียแก้ไขข้อมูลนั้น ทำไปได้ช้ามากๆ ทำให้เจ้านายผมเสนอผมไปช่วยแก้ไขในสิ่งที่ประเทศไทยต้องการ แต่ปัญหาของผมไม่ได้อยู่ที่เรื่องการเขียนโปรแกรม แต่กลับไปอยู่ที่ ผมไม่เคยไปต่างประเทศเลย อีกทั้งภาษาในตอนนั้นถ้าจะให้อ่านก็ยังพอจะรู้เรื่องบ้าง ถ้าให้เขียนก็นานนิดหน่อย ถ้าให้พูดก็พูดได้น้อยมากๆ เอาไงดี

"เจ้านายครับผมไม่เคยไปต่างประเทศนะครับ แล้วนี่ต้องทำอย่างไรบ้างครับ"
"ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรหรอก ครั้งนี้ผมจะไปด้วยเพื่อจะได้ไปแนะนำตัวให้กับทางนั้นด้วย แต่ผมจะกลับก่อน"

ได้ฟังเจ้านายพูดอย่างนี้แล้วค่อยใจชื้นขึ้นหน่อย และ ตื่นเต้นมากกับการได้นั่งเครื่องบินไปเมืองนอกครั้งแรกในชีวิต

วันที่ไปถึงมาเลเซีย ผมกับเจ้านายไปเดินเล่นหาตึกของที่ทำงานก่อน ซึ่งอยู่ชานเมืองหลวงเป็น Office Area ทางเดินเป็นเนินเขาสูง กว่าจะเดินไปถึงตึกที่ทำงานซึ่งไม่ห่างจากโรงแรมมากนัก แต่ก็เอาเราสองคนหอบ เลยทีเดียว อีกทั้ง เรายังข้ามถนนแบบไทยๆเรา ไม่ใช้สะพานลอยอีกต่างหา ทำให้เราสองคนดูแตกต่างกับพวกเขาอย่างมาก

เมื่อเจอตึกที่ตั้งแล้ว เราก็เรียก TAXI ไปเที่ยว ซุนไกวัง กัน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเหมือนสยาม หรือ มาบุญครอง บ้านเรา อยู่ในตัวเมืองหลวง

เราไปทานอาหารจีนกัน ในห้างซึงเราคิดว่า น่าจะคุ้นเคยกับเรากันมากที่สุด แต่เมนูก็เป็นภาษาจีน กับอังกฤษ ซึ่งเจ้านายก็ลองสั่งมาทานกัน 2-3 อย่าง อาหาร แพงมาก แถมรสชาติไม่ได้เรื่องเลย ช้าก็ช้า ส่งผิดก็มี ทำให้เราหงุดหงิด เลยไปหาอย่างอื่นทานกันต่อดีกว่า

ห้างที่นี่คนจีนเข้าเยอะมากๆ ส่วนคนมาเลย์ก็มีบ้าง มีคนผิวดำเพียงเล็กน้อย ภาษาที่ใช้ เขาใช้ทั้ง ภาษามาเลย์ ภาษาอังกฤษ และ ภาษาจีนกวางตุ้ง เป็นส่วนใหญ่ ทำให้ดูน่าตื่นเต้นดี

ออกจากซุนไกวัง เราก็ไปเที่ยว Central Market ซึ่งเขาบอกว่าเหมือน จตุจักร บ้านเรา แต่ผมว่า ของที่เขาขายน้อยมากๆ มีคนไทยขายของที่นั่นบ้าง แวะเข้าไป ก็ไปซื้อของมาฝากน้องๆ และ เพื่อนๆพอสมควร

ออกจาก Central Market เราก็เดินเข้าไปที่ China Town เดินซื้อของกิน เดินไปลักษณะการขายเหมือนที่ ซอยละลายทรัพย์บ้านเราเลย แต่ผมว่า ของบ้านเราถูกกว่า

จากนั้นผมกับเจ้านายก็เหนื่อยมากแล้ว จึงนั่งรถ TAXI กลับโรงแรม

เช้าวันรุ่งขึ้นผมแบกโน๊ตบุ๊กตัวใหญ่ ขึ้นไปตามเนินเขา ข้ามสะพานลอย กว่าจะเดินถึงตึกก็ทำให้ได้เหงื่อตกพอสมควร

ที่ทำงานในนั้นมีความแปลกแตกต่างกับของไทยตรงที่ เขามีคนหลากหลายเชื้อชาติทำงานร่วมกัน หันขวาคุยมาเลย์ หันซ้ายคุยจีน พอคุยกับเราใช้ภาษาอังกฤษ ผมอึ้งกับความสามารถทางภาษาของเขาอย่างมาก มิน่าเขาถึงเป็นศูนย์กลางการเขียนโปรแกรมของกลุ่มบริษัทฯ เพราะ กลุ่มบริษัทฯ ในตอนนั้นก็จะมี ฮ่องกง, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, นิวซีแลนด์, ฟิลิปปินส์ และ ไทย ที่ใช้โปรแกรมที่ทางมาเลเซียผลิต ซึ่งภาษาของเขาครอบคลุมและสามารถสื่อสารกับคนในเครือได้ทั้งหมด

ผมเรียนรู้ และได้รับมอบหมายงานมาให้เขียนโปรแกรม ซึ่งผมใช้เวลาไม่ถึง 10 วัน อีก 4 วันที่เหลือ ผมใช้เวลาไปกับการแก้ไข โปรแกรม หลัก เพื่อให้สามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้น และ เขียนโน๊ตในส่วนที่แก้ไว้ว่า {wbj:dd/mm/yyyy:modify from ... because ...} เพื่อให้เขาเห็นว่า โปรแกรมของเขาช้าเพราะใช้วิธีการเก่าๆ และไม่ได้ใช้ความสามารถของคำสั่งในการเขียนโปรแกรมเลย ซึ่งโปรแกรมออกมามีผลเหมือนกัน แต่การทำงานของโปรแกรม การเขียนโปรแกรมง่ายกว่ามากๆ

ผมต้องอยู่ที่นั่นถึง 2 สัปดาห์ ได้ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ เพื่อนที่นั่นพาไปเที่ยวแต่ละสถานที่แทบจะไม่ซ้ำกันเลย และ พาไปทานข้าวเย็นด้วยเพราะเห็นว่า ผมพูดภาษาได้ไม่คล่อง วันไหนที่เขาไม่พาไปทานข้าว อาหารกันตายที่ง่ายที่สุด คือ KFC หน้าโรงแรม แค่ชี้ก็ ได้กินแน่นอน หรือ ไม่ก็เข้าไปกับ บุฟเฟ่ในโรงแรมไปเลยไม่ต้องสนใจใคร กินเสร็จก็ลงเบอร์ชื่อห้องเอาไว้

ผมกลับมาก็ต้องเข้ามารายงานเรื่องต่างๆให้กับเจ้านายรับทราบถึงการทำงาน เจ้านายถามผมว่า

"คุณไปแก้ไขโปรแกรมเก่าๆของเขาหมดเลยหรือ?"
"ทางนั้นเขาต่อว่ามาหรือครับ? ผมขอโทษครับ..."

(อ่านต่อตอนหน้านะครับ...)



ข้อคิดที่ได้รับ



- ผมกับเจ้านายค่อนข้างสนิทกันในช่วงเวลานั้น เพราะเราเข้ามาไร่เรี่ยกันมากห่างกันแค่ปีเดียว ดังนั้น การไปมาเลเซียครั้งนี้เหมือนกับไปเที่ยวกับพี่ชายมากกว่าไปเที่ยวกับเจ้านาย

- มาเลเซียมีคนหลายหลายเชื้อชาติเข้าไปอยู่ในนั้น โดยปกครองโดยคนมาเลย์เอง ซึ่งรัฐบาลมาเลเซีย บังคับให้เรียนภาษามาเลย์และสอบเข้ามหาลัยด้วยภาษามาเลย์ ดังนั้น คนจีนในมาเลเซียที่มีเงินบ้างจะส่งลูกเรียนโรงเรียนจีน หรือ โรงเรียนสองภาษา และส่งลูกไปเรียนต่างประเทศกันมาก โดยเฉพาะที่ นิวซีแลนด์, ออสเตรเลีย เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อนผมบอกว่า มันถูกกว่าการเข้าไปเรียนมหาลัยของมาเลเซีย เพราะต้องเข้าไปเรียนภาษามาเลย์เพิ่มเติม

- การดำเนินการธุรกิจของมาเลเซียในยุคนั้น ผมคิดว่า เหมือนกับการทำธุรกิจของคนไทยอย่างมาก ทั้งนี้อาจจะแตกต่างตรงที่ สินค้าบางอย่าง ที่มีราคาถูกกว่า เพราะส่งผ่านมาทาง สิงคโปร์ โดยเสียภาษีค่อนข้างต่ำ

- การที่เป็นวัฒนธรรมผสมทั้งภาษาและวัฒนธรรม กลับเป็นข้อดี เพราะทำให้พนักงานต้องปรับปรุงภาษาของตนให้คุยได้ทั้งหมด

"มันมีข้อดีในข้อเสียเสมอหากเรามองมันในทางที่ดี"

- ผมเป็นคนคิดเร็วเขียนโปรแกรมเร็ว อีกทั้ง ภาษาที่เขาใช้เป็นภาษา PASCAL ที่ผมถนัด ดังนั้นการเข้าไปเขียนโปรแกรมที่มาเลเซีย งานที่เขาคิดว่าน่าจะทำ 14 วัน ผมก็ทำเพียง 10 วัน

- การที่ผมปรับปรุงโปรแกรมหลักของทางมาเลเซีย ทำให้ผมได้เข้าใจว่า จริงๆแล้ว มาเลเซียเขียนโปรแกรมไม่ได้เก่งกาจเหมือนคนไทยเลย แถมยังใช้แนวทางวิธีของคนหัดเขียนโปรแกรมอีก ทำให้ผมต้องแก้ไขโปรแกรมต่างๆ เพื่อพยายามทำให้โปรแกรมสำหรับลูกค้าของผมเร็วขึ้น แต่เนื่องจาก ผมแก้ไข ผมจึงต้อง เขียนสัญญลักษณ์และชื่อของผมไว้ว่า ผมแก้วันที่เท่าใด แก้จากอะไร และ สาเหตุที่แก้ไขอย่างไร เพื่อที่จะให้คนอื่นที่พบว่ามันมี ความผิดพลาดได้ตามหาตัวคนแก้ไขได้ถูกต้อง จนทำให้ทีมเขียนโปรแกรมที่นั่น ทำตามแนวทางการเขียนของผมซึ่งการปรับปรุงอะไร ก็จะสามารถแก้ไขและอ้างอิงถึงบุคคลที่แก้ไขโปรแกรมได้

- การเขียนถึงสัญลักษณ์แทนตัว wbj ของผมทำให้คนรุ่นหลังที่มาเรียนรู้โปรแกรม รู้จักผมไปโดยปริยาย แค่เห็นเมล์ผมแล้วลงท้ายว่า Wiboon Joong (wbj) เขาก็จะถามถึงการแก้ไขโปรแกรมในยุคนั้นๆ ซึ่งทำให้ผมปลื้มอยู่หลายๆครั้ง นั่นเป็นการสร้างแบรนด์ของตัวผมเองเป็นครั้งแรกโดยไม่ได้ตั้งใจ



Create Date : 20 มกราคม 2552
Last Update : 14 มิถุนายน 2556 23:00:19 น. 2 comments
Counter : 1077 Pageviews.

 
Just dropping by to read ka.


โดย: CrackyDong วันที่: 20 มกราคม 2552 เวลา:20:13:11 น.  

 
สวัสดีค่ะ

กำลังตื่นเต้นและเป็นห่วง...อยากรู้เรื่องต่อก็ต้อง..รอต่อตอนสองเอาเอง...


โดย: sirivinit วันที่: 20 มกราคม 2552 เวลา:23:41:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wbj
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 210 คน [?]




ต้องการสอบถาม กรุณาติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com หรือ 062 641 5992, 062 826 1544

วิทยากรเชิงกิจกรรม

วิทยากรกระบวนการ

ที่ปรึกษาธุรกิจ

ด้านการบริหารจัดการ

การตลาดและการประชาสัมพันธ์

การบริหารทรัพยากรมนุษย์

การวางแผนกลยุทธ์

วิจัยธุรกิจ

IT Dashboard



ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้...
ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย
และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด



<< Main Menu >>



ดวงถาวร


ดวงตามวันเกิด



ดวงตามปีเกิด






;b[^]pN 06' ไรินนื ่นนืเ "รินนื ๋นนืเ c:j06'

ต้องการสอบถาม โทร 062-641-5992, 062-826-1544
ติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com
Line ID : wbjoong

ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการ การตลาดและการประชาสัมพันธ์ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และ การวางแผนกลยุทธ์ วิทยากรเชิงกิจกรรม, วิทยากรกระบวนการ นักวิจัยการดำเนินงานธุรกิจ Executive & Management Coach

ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้... ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด
<< Main Menu >>
Friends' blogs
[Add wbj's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.