......บันทึกการเดินทางของชีวิต แบบเรื่อยเปื่อยตามแรงอารมณ์......


แม่เจ้าเมฯ
Location :
Great Yarmouth United Kingdom

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





แม่ของลูก 3 เมฯ
เมธัส เมฑิรา เมษวีร์
...รวบรวมบันทึกรูปภาพและเรื่องราว
ของวันดีๆในช่วงชีวิตที่ประทับใจ...
ชีวิตครอบครัว...มิตรภาพ-เพื่อนฝูง...
อาหารการกิน...เรื่องราวท่องเที่ยว...
สิ่งแปลกใหม่ในสถานที่แปลกตา
และสิ่งจรรโลงใจทั้งหลายทั้งมวล...
...ไม่มาก-ไม่น้อย แต่ไม่พอดี???
...ไม่ขาด-แต่ไม่เกิน ไม่เต็ม-แต่ไม่ล้น...

Enjoy your life while you can.




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่เจ้าเมฯ's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 

Holiday in Dreams



Dominican Republic




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2554 16:53:59 น.
Counter : 916 Pageviews.  

เดอะ แก๊งส์ # 2 in Norway



Norway








 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2554 16:51:39 น.
Counter : 462 Pageviews.  

ชวนกันล่ารูปใน Prague




เริ่มต้นมาจากวันที่ 20 สิงหาคม 2008
โทรคุยกับ พี่เจี๊ยบ ด้วยเรื่องสัพเพเหระ...
แล้วมาจบลงที่ชวนกันไปเที่ยว " ปราก"
นาทีนั้นด้วยความใจง่าย บวกกับความชอบเที่ยว...
จึงตอบตกลง ไปทันที ทันใดโดยไม่ต้องคิด

...แล้วเราก็เริ่มต้นหาที่พัก-ตั๋วเครื่องบินกันเดี๋ยวนั้นเลย...



เริ่มต้นการเดินทางโดยสายการบิน KLM
...ออกจากบ้านแต่เช้ามืดของวันที่ 3 ตุลาคม 2008
ขึ้นเครื่องบินเล็กจาก Norwich ไปยัง Amsterdam
นัดเจอกับพี่เจี๊ยบที่สนามบินนี้แล้วเดินทางด้วยกัน
ต่อไปยัง Prague เมืองในฝันของเรา

...ถึงที่หมาย ปลายทางเวลา เกือบสิบเอ็ดโมงเช้า
รถแท็กซี่ที่เราจองไว้ก็มารับเราไปส่งที่อพาร์ทเม้นท์
kaprova สะอาด สะดวกสบาย และเป็นส่วนตัว สมราคา
แต่ก็มีที่ให้ติอยู่นิดนึงคือ ห้องพักเราอยู่ตั้งชั้นสามแน่ะ...เอิ๊ก
เดินขึ้น-เดินลงแต่ละที แทบจะลมจับ...
แต่ก็โชคดีที่อยู่ในตัวเมือง จะเดินไปทางไหนก็ใกล้ไปหมด...




































ขอเวลาหน่อยนะคะ...เอารูปมาลงไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยตามมาเขียน







 

Create Date : 08 ตุลาคม 2551    
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2555 23:55:21 น.
Counter : 879 Pageviews.  

Florida เที่ยวไป-บ่นไป




...และแล้วก็ได้ฤกษ์มาเขียนบล็อกนี้เสียที...
หลังจากดองมาซะเกือบสามปี...
ครั้งนี้เป็นการไปเยือน Florida ครั้งที่ 2 ของเรา
(เมื่อปี 2000 ครั้งแรกนั้นผู้ใหญ่ลีพาเรา
และลูกๆของแกไปแต่งงานลูกสาวคนโต)

เริ่มต้นออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าของวันที่ 4 กันยายน 2008
โดยนัดให้แท๊กซี่มารับจากบ้านไปส่งที่สถานีรถที่ Norwich
นั่งรถโค้ช ไปถึงสนามบิน Gatwick ก่อนเที่ยง
แล้วเดินทางโดยสายการบิน Virgin Atlantic
ใช้เวลาเดินทางบนเครื่องบินประมาณ 9 ชั่วโมง...
แต่...ท่านเชื่อหรือไม่???
สายการบินนี้เขาเสริฟอาหารเพียงมื้อเดียวจบรวด...
ห้ามขอเพิ่ม-ห้ามต่อรอง เด็ดขาด...
เพราะคุณแอร์ฯ แต่ละนางเธอหน้าตา
เหมือนนางงามไร้มิตรภาพ...

... แต่...เที่ยวบินวันนี้มีข้อดีหนึ่งอย่าง คือ ว่างมากๆค่ะ...
แทบจะปลอดผู้โดยสารกันเลยทีเดียว...
คงจะเป็นเพราะความงกของสายการบินน่ะแหละ
เค้าถึงไปกับสายการบินอื่นๆกันหมด...หุหุหุ (บ่นอีกแล้ว...)
ดังนั้น พอเครื่องออกตัวไปได้สักพัก
เราก็แยกวงกันดังทันที (กรน)
...ต่างคนต่างนอนยาวไปคนละแถวไปเลย
แม้แต่ Bertie (น้องหมี) ก็ยังแยกไปนอนต่างหากตัวเดียว...
แต่ต้องขอเริ่มต้นบ่นหน่อยเหอะว่า....
" ไม่ประทับใจกับสายการบินนี้ซักเท่าไหร่เลยว่ะค่ะ..."

...ไปถึง สนามบิน Orlando ประมาณ 5 โมงเย็น
เราก็แวะไปทำเรื่องเช่ารถกันในสนามบิน
เสร็จแล้วก็ออกเดินทางตามล่าหาบ้านที่เราเช่าไว้...
ขั้นตอนนี้แหละค่ะ...ทำให้หงุดหงิดมากกกก
เกือบหมดสนุกตั้งแต่เริ่มต้นฮอลิเดย์ซะแล้ว...
ทางบริษัทที่เราจองแพ็คเก็จไว้บอกรายละเอียด
เกี่ยวกับสถานที่ที่จะไปรับกุญแจแบบคลุมเครือ...
มากปริศนา...กว่าจะหากุญแจและตามล่าหาบ้านได้
เสียเวลาไปเกือบ 5 ชั่วโมง...
...เกมตามล่าหากุญแจและบ้านจบลงเอาเกือบห้าทุ่ม...
แต่พอเห็นบ้านแล้วค่อยหายเหนื่อยกันหน่อย...เฮ้อ...



พอลากกระเป๋าเข้าบ้านเรียบร้อย...
เราก็พากันขับรถออกไปหาซื้อเสบียงกันต่อ
โชคดีที่ประเทศนี้เขามีร้านค้า,
ซุปเปอร์มาเก็ตและร้านสะดวกซื้ออย่าง 7/11
ที่เปิดกันทั้งวันทั้งคืน เยอะมาก...
ไม่น้อยหน้าไปกว่าเมืองไทยเลย...
งานนี้ทั้งร้อน ทั้งหิว และเหนื่อย...
แต่เพิ่งจะเริ่มต้นฮอลิเดย์กันจะท้อได้ไงล่ะคะ? ชิมิ ชิมิ...
หลังจากกินมื้อแรก เก็บข้าวของให้พอเข้าที่เข้าทาง
แล้วเราก็พักผ่อน ออมแรงไว้สำหรับวันต่อไป...

เช้าวันรุ่งขึ้น มิรอช้า...
เราฝันมาเป็นปีๆแล้วที่จะได้กลับมากินอาหารเช้าที่
Ponderosa (คลิกชื่อร้านตามลิงค์ได้เลยค่ะ)
แต่กลับไม่ประทับใจดังที่คาดไว้ซะอีก...แป่ว...
จบอาหารเช้า.... เราก็ไปหาซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ต
กันอีกรอบ...ตาดีหันไปเจอซูชิสำเร็จรูปชุดใหญ่เข้า
เลยหอบกลับมาเป็นมื้อเที่ยงของเราซะ อิอิ...
วันแรกนี่ยังไม่ค่อยชินกับอากาศร้อน
แดดเปรี้ยงๆกันซักเท่าไหร่
แดดแรงแบบน่าตายมากค่ะ...
...เลยขอหลบแดดกลับเข้าบ้านพัก
นั่งดูรายการอาหารในทีวีและว่ายน้ำเล่น
เพื่อเป็นการปรับตัวกับภูมิอากาศซะก่อน...
(ที่จริงติดขี้เกียจมากกว่าอ่ะ แฮะ แฮะ...)

คืนนั้นเราตั้งใจพากันไปกินเสต็ก
ที่ Kissimmee Steak House
เพราะผู้ใหญ่ลีแกอยากลองกินเนื้อสเต็ก
ส่วนที่เขาเรียกกันว่า Porterhouse
ซึ่งเขาเชื่อกันว่าเป็นเนื้อส่วนที่ดีที่สุดสำหรับสเต็ก????
(ไม่รู้ใครนะที่เชื่ออย่างนั้น...)
แต่เราได้ชิมแล้วก็รู้สึกงั้นๆแหละ...
ยังไง๊ ยังไงเราก็ยังชอบ Rib-eye มากกว่าอยู่ดีล่ะ...
เพราะมันมีไขมันแทรกอยู่ในเนื้อเยอะ
ทำให้เวลาย่างแล้ว เนื้อนุ่ม-ชุ่มฉ่ำ...ยัม ยัม...

โอ๊ย...พูดถึงก็ทำให้หิวอี๊กแล่ว...

เช้าวันที่สอง...
ไปตามล่าหาร้านแลกเงินและพ่วงมื้อเช้ากันที่
Florida Mall
หลังจากนั้นเปิดแผนที่ตามหาแหล่งช้อปปิ้ง...
เรื่องที่พลาดไม่ได้อยู่แล้น...หุหุ
Premium Outlets
จึงเป็นเป้าหมายแรกของเรา
แต่ก็แทบจะไม่ได้ซื้ออะไรเลย
เพราะเบื่อที่จะต้องเดินหลบแดด-เบียดคน
ชวนให้หงุดหงิดอีกแล้ว...
ขากลับได้แวะเข้าไปเดินตากแอร์
ชมร้านมอเตอร์ไซด์ในดวงใจของใครหลายๆคน...
ให้น้ำลายไหลเล่น...ซะงั้นแหละ...

Harley-Davidson
ร้านนี้...เราได้แค่เดินเข้าไปชื่นชม เพราะ...
แค่ล้อเดียวของเค้ายังแพงกว่ารถที่เรามีทั้งคันเลยค่ะ
แต่เราก็ยังอุตส่าห์ได้ตัวติดตู้เย็นติดมือออกมาอันนึงนะ...
อ่า...ก็เดี๊ยนมีปัญญาซื้อได้แค่นั้นนี่เค๊อะ...

คืนนั้นเราไปกินมื้อค่ำกันที่ Crabby Bills
อาหารไม่อร่อยเท่าที่ควร
หรือจะเป็นเพราะไม่หิวเต็มที่ก็ไม่รู้...
แอบบ่นอีกแร๊ะ....




ข้ามมาถึงวันที่ 8 กันยายน...
วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของคุณปู้จายเค้าค่ะ
เราไม่ได้วางแผนจะทำอะไรพิเศษกันหรอกค่ะ
...เพราะทุกวันคือวันพิเศษของเราอยู่แล้ว...
(คิดให้มันพิเศษเข้าไว้ก่อน...
เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่ตัวเองค่ะ...เป็นการมองโลกในแง่ดี)
หลังจากพากันไปหม่ำมื้อเช้ากันที่ Sizzler
เราก็ขับรถไปเที่ยวกันที่ Old Town
ที่นี่มีร้านรวงขายสินค้าและขนมแบบโบราณ
ดูน่าเพลิดเพลินเจริญใจ...
อย่างเช่นร้านขายป๊อปคอร์น
ที่มีรสชาดให้เลือกเป็นร้อย.....
โอ๊ว มายก๊อด....
ขนาดแค่ป๊อปคอร์นยังจริงจังขนาดนี้กันเลยรึ...???
และอื่นๆอีกมากมาย...
วันนั้นอากาศร้อนมาก (ของเรา)
แต่อาจเป็นร้อนปกติของคนแถวนั้นก็ได้...
ตรงกลางสี่แยกในโอด์ล ทาวน์นี้ เค้าทำเป็นน้ำพุฝอย
พุ่งลงมาให้ลมพัดผ่าพากระแสน้ำเย็นๆไปทั่วๆ
ต้องขอบอกว่าชื่นชอบไอเดียนี้จริงๆเลยค่ะ
ในเมืองไทยเราน่าจะทำบ้าง แบบเปิดๆ-ปิดๆก็ยังดี
จะได้ชลอความระอุของอากาศ
และลดความร้อนรนในใจคนลงบ้าง...
...ออกจากโอด์ล ทาวน์แล้วเราก็ตระเวนไปเดินเล่น
กันตาม Flea Market ซึ่งก็เหมือนๆกับ
ตลาดนัดหรือเปิดท้ายขายของบ้านๆเรานั่นเอง...
ตั้งใจมองๆหาของฝากติดมือกลับบ้าน
แต่ส่วนมากเป็นสินค้าที่มาจากเมืองจีนทั้งนั้น...
เราเลยคิดกันว่าคราวหน้าไปเที่ยวเมืองจีนกันดีกว่า(ว่ะ)
ยังไงๆก็จะได้สินค้าแบบเดียวกันนี่แหละ
แต่ราคาคงจะถูกกว่าเยอะเลย...เหอเหอ...

ตกบ่าย... เริ่มร้อนมากขึ้นเลยกลับเข้าบ้านพัก
หาซื้อสแน๊คจากห้าง Wallmart เข้าบ้าน
แล้วกินไป ว่ายน้ำเล่นไป...

มื้อค่ำพาคุณผู้ชายไป
Birthday dinner กันที่ Outback
คุณผู้ชายหม่ำสเต็กเนื้อ เราสั่งสเต็กปลาทับทิม...
รสชาดพอทนได้...
โชคดีที่เรามีน้ำปลา-พริกป่นพกไปด้วย
...เฮ้อ...หมดไปอีกหนึ่งวัน...



วันต่อมา...ทำอาหารเช้ากินกันในบ้านพัก
เพราะเบื่อกับการเดินทางไปล่ามื้อเช้าข้างนอกกันแล้ว
เมื่อวานได้กุ้งสดๆตัวโตๆมาจากซุปเปอร์มาเก็ต
เลยทำข้าวต้มกุ้ง บำรุงพุงไปหนึ่งชามใหญ่ๆ
ส่วนของคุณผู้ชายก็ Breakfast พื้นๆ...
ตอนบ่ายๆวางแผนกันขับรถไปเที่ยวชายหาด
Melborne Beach ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันตก
อากาศวันนั้นเริ่มตั้งเค้าของพายุมาเป็นระลอก
ทางวิทยุก็ออกประกาศข่าว Tropical Storm Fay
สลับกับข่าวการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธบดีคนใหม่
ตลอดทั้งวัน ตอนนั้นนาย John McCain
กำลังเป็นที่ชื่นชอบของกำลังประชาชนแถบนั้น
...เราขับรถตัดข้ามไปอีกฝั่ง ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง
กว่าจะเห็นชายหาด พอไปถึง น้ำทะเลเริ่มปั่นป่วน
จนน่ากลัว เลยเลิกล้มความคิดที่จะเล่นน้ำ
ขับรถออกไปเดินตากแอร์แก้ร้อน-แก้เบื่อ
เที่ยวห้าง Macy's และห้าง Sear's กันต่อ...
มื้อเย็นวันนั้น
ทำพิซซ่ากินกับสลัดกันในบ้าน...
อิ่มอร่อยก่อนลงไปว่ายน้ำรอบดึกกันอีกรอบ...



อีกสองวันถัดมาเราก็ยังคงขับรถวนเที่ยว
กันไปเรื่อยๆ...หาที่กิน ที่เที่ยวไปตามแผนที่
แต่ส่วนมากก็จบลงที่ร้านขายของซะล่ะมากกว่า
เพราะความที่อากาศร้อน อยากเดินตากแอร์
บวกกับสันดานช๊อปกระจายที่เรามีอยู่เป็นทุนเดิม...
ทำเอาคุณผู้ชายส่ายหัว...
เบื่อหน่ายกับการที่จะต้องเดินตามเราซื้อของซะแล้ว
แต่ในที่สุด...ก็ตกลงกันได้แบบลงตัว...
คุณเธอยอมจำนน เราอยากไปช๊อปร้านไหน?
ก็ไป.... ฉันจะขับรถไปส่งให้ถึงหน้าร้าน...
เธอจะเข้าไปช๊อปกี่ชั่วโมงก็ไปเหอะ...
ฉันเปิดแอร์นอนรออยู่ในรถละกัน...

...ช่วงนี้มรสุมเริ่มเข้าโหมกระหน่ำมากขึ้น
บางวันทั้งลมและฝนสลับกันมาอย่างรุนแรง
แต่บริเวณที่เราอยู่นั้นโดนกระทบน้อยมาก
ถ้าเทียบกับทาง Texas บางพื้นที่ถนนถูกตัดขาด
ราคาน้ำมันเริ่มถีบตัวสูงขึ้นจนน่าตกใจ...
แต่เราสองตายายยังอยู่กันในโหมดหลั่นล๊า
ฮอลิเดย์เลยไม่หวั่นกับปัญหาใดๆทั้งสิ้น...
ขนาดวิทยุ-โทรทัศน์ประกาสปาวๆ ให้ระวังพายุ
เรายังขับรถฝ่าลมฝนออกไปหาที่กินกันจนได้...
Joe's Crab Shack เป็นอีกร้านหนึ่งที่ประทับใจ
ก้ามปูอลาสก้าเสริฟมาในถังใหญ่ๆ...
ชอบบรรยากาศการตกแต่งร้านที่ฮิปๆ
คุณผู้จัดการหนุ่ม... ก็บริการได้สนิทใจ
เหมือนอย่างกะเป็นเพื่อนเรามาซักสิบปีแน่ะ...

อีกวันเราพากันขับรถไปเรื่อยเปื่อยตามถนน
Internatoinal Drive ถนนสายหลักของ
Orlando ที่เป็นแหล่งรวมร้านค้าและ
Theme Park ทั้งหลายแหล่...
ที่เที่ยวนี้เราไม่ได้เข้าไปเยี่ยมชมสถานที่เหล่านั้น
เพราะเมื่อ 7 ปีที่แล้วเราไปลุยกันมาบ้างแล้ว...



วันรุ่งขึ้นเราจำเป็นต้องหาร้านส่งแฟกซ์
เพื่อส่งใบเวลางานของพนักงานกลับเข้าบริษัท
จึงจัดการอาหารเช้ากันในบ้าน
แล้วขับรถไปตระเวณกันอีก...ส่งแฟกซ์เสร็จ...
หันไปเจ๊อะโรงภาพยนต์ The Loop เข้า
เดินๆดูโปรแกรมหนัง...อ๊ะ... Bangkok Dangerous
หนังใหม่ที่มีดารานำอย่าง Nicolas cage
เล่นคู่กับพระเอกไทย ชาคริต แย้มนาม
ต้องดูซะหน่อยล่ะ...
หนังใหม่ๆอย่างนี้ถ้าจะกลับไปรอดูที่บ้าน
คงต้องรออีกอย่างน้อยก็ปีกว่า...

ระหว่างรอเวลาเข้าโรงหนังก็แวะหามื้อเที่ยง
กินกันแถวหน้าโรงหนังน่ะแหละ...
ร้านเบอร์เกอร์ร้านนี้ ขายเบอร์เกอร์แบบดั้งเดิม
จุดเด่นคือการต้อนรับลูกค้าที่ไม่เหมือนใคร...
พอมีคนเดินเข้าร้านปุ๊ป...พนักงานทุกคน...
ไม่ว่าใครจะยืนเกาตูดอยู่ตรงส่วนไหนของร้าน
จะต้องตะโกนทักทายลูกค้าโดยพร้อมเพรียง
เป็นเสียงเดียวกัน...พอตอนลูกค้าเดินออกจากร้าน
ก็พากันตะโกนอำลาซะอีก...อย่างนี้น่าจะเรียกว่าเป็น
ร้านเบอร์เกอร์มารยามงามซะจริงๆ
ส่วนรสชาดนั้นก็ถือว่าใช้ได้
อย่างที่บอกว่าเป็นเบอร์เกอร์แบบต้นตำรับ
จึงไม่เหมือนกับเบอร์เกอร์ตามร้านแฟรนไชน์ทั่วไป
อีกสิ่งที่ดูน่ารักในร้านนี้คือ เค้ามีจุ๊กซ์บ๊อกซ์เล็กๆ
ทุกโต๊ะให้ลูกค้ากดเลือกเพลงฟังเองได้...

หลังดูหนังเสร็จ...ก็ตระเวณช๊อปปิ้งกัน...(อีกแร๊ะ)
ดูเล่นเรื่อยเปื่อยซะมากกว่าตั้งใจจะซื้อ...
แต่ก็ยังอุตส่าห์ได้กระเป๋าถือติดมือมา 3 ใบ...
แวะซื้อของกินจากซุปเปอร์มาเก็ตกลับเข้าบ้าน
...วันนี้กินมื้อเย็นในบ้านอีกแล้วค่ะ
ดูโทรทัศน์ว่ายน้ำเล่น...ก่อนเข้านอน...
หมดไปอีกหนึ่งวัน...



2-3 วันถัดมา...พักผ่อนกันในบ้าน
ซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะพายุเริ่มขยายตัวหนักขึ้น
ทำให้ไม่อย่างเสี่ยงไปปลิวว่อนทั้งคน ทั้งรถอยู่ข้างนอก
กิน นอน ว่ายน้ำ ดูโทรทัศน์ ได้พักเต็มที่
จนรู้สึกสนิทใจเหมือนเป็นบ้านตัวเองเลยเชียว
พอวันรุ่งขึ้น ฟ้าเริ่มใส เราเลยเริ่มต้นตระเวณกันอีก
เริ่มมื้อเช้ากันที่ Denny's
ไปเดินเล่นตาม Mall และ Flea Market หลายที่
ตอนบ่ายหลบร้อนเข้าบ้าน ว่ายน้ำ กินสแน็ค....
มื้อค่ำวันนั้นตกลงใจพากันไปกินอาหาร Mexican
กันที่ Galibaldi ไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ
อาหารถูกปาก บรรยากาศถูกใจ
จนทำให้ต้องกลับไปอีกครั้ง....

อาหารเม็กซิกันร้านนี้ปรุงแบบต้นตำรับ
และพนักงานส่วนมากก็เป็นคนพื้นเมืองเม้กซิกันแท้ๆ
แม้แต่นักดนตรีที่คอยเดินร้องเพลงขับกล่อม
ลูกค้าไปทั่วๆร้าน...จึงไม่สงสัยเลยว่าทำไมร้านนี้
จึงแน่นขนัดไปด้วยลูกค้าเกือบทุกวัน...

อีกวันเราพากันสลัดตัวขี้เกียจออกจากตัวกันไม่ไหว
เลยนอนดูทีวี พึ่งพุงกันอยู่ในบ้าน จนตกเย็น...
หิวล่ะซิ... ตู้เย็นก๊อโล่งเชียว...
ออกไปหาไรกินกันนอกบ้านดีกว่า...
ขับรถตระเวณไปจนถึง St. Cloud
เอาร้านนี้แหละฟะ... The Cat Fish
"ร้านปลาดุก"
ที่มีขายมากกว่าแค่ปลาดุก...ไก่ กุ้ง หอย กวาง...
แม้แต่เนื้อจระเข้ก็มีให้กินนะคะ...
รวมสารพัดเนื้อสัตว์แปลกๆจากทุกมุมโลก
จนดูคล้ายร้านอาหารป่าไปเลยเชียว...



2-3 วันที่ผ่านมาก็ตะเวณเที่ยวกัน
สะเปะสะปะ เรื่อยเปื่อย...บางวันก็เฉื่อยแฉะ
นอนแช่น้ำเล่น แก้ร้อนอยู่แต่ในบ้าน...

วันหนึ่งคุณผู้ชายเกิดอยากได้รองเท้าบู๊ธขึ้นมา
เลยเปิดหนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและร้านค้า
จนเจอร้าน Rick's Ranchwear
เอ้า...ไปดูกัน...เรียบร้อยค่ะ
กระเป๋าเบาไปเลย
ไปกันสองคน แต่ได้บู๊ธมาสามคู่...

แล้วเราก็วนเวียนกลับไปกินสเต็กกับล๊อปสเตอร์ที่
Kissimmee Steak House กันอีกรอบ...
คราวนี้ร้านแน่นเชียว...อิ่มอร่อยเหมือนเคย...

อีกวันหนึ่งก็ชวนกันออกไปดูหนังเรื่อง
Righteous Kill
เราชอบดารานำแสดงทั้งสองคนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
แต่บทในเรื่องนี้เชือดเชือนกันน้อยไปนิด...
แต่ก็ไม่ถึงกับเสียดายตังค์หรอกค่ะ...หุหุ

คืนก่อนที่จะแพ็คกระเป่ากลับบ้านกัน
แวะกลับไปเยือนร้าน Galibaldi กันอีกครั้ง
อร่อยประทับใจ จนทำให้อยากกลับไปอีก...

เช้าวันกลับบ้าน แวะกินมื้อเช้าที่ Denny's อีกรอบ
อาหารเช้ามื้อนี้อร่อยจนน้ำตาแทบร่วง...
เพราะไม่อยากกลับบ้านเลยอ่ะ...
แต่ทุกปาร์ตี้ต้องมีวันสิ้นสุด...

...ช่วงเวลา 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา...
เราได้ใช้เวลาพักผ่อนกันอย่างคุ้มค่า
และสนุกเต็มที่กับทุกนาทีที่ผ่านไป...
ถึงตอนนี้ก็ยังหวังอยู่ว่า...
ซักวันเราอาจจะได้กลับมาเยือน America กันอีก...

แต่เที่ยวหน้าขอไปเยือนรัฐอื่นมั่งเหอะ...
นะคะๆ คุณผู้ชายขา...








 

Create Date : 08 ตุลาคม 2551    
Last Update : 26 กรกฎาคม 2554 19:06:18 น.
Counter : 1742 Pageviews.  

จากเกาะ-ถึงเกาะ Ibiza




กลับมาเป็นเดือนแล้วแต่เพิ่งมีเวลามาเขียนบล๊อกนี้ซะที...
นี่ถ้าเป็นของหมักของดองอาจจะเน่าไปแล้วล่ะมั๊ง...

เอาล่ะ...มาเริ่มเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า...
เราเริ่มต้นเดินทางกันแต่เช้าตรู่ของวันที่ 8 กันยายน
คุณปู้จายเป็นคนเลือกจองวันนี้เพราะเป็นวันเกิดเขาพอดี
ตั้งใจจะไปเที่ยวและฉลองวันเกิดด้วยว่างั้นเหอะ...
ปาหินก้อนเดียวได้เค๊ก 2 ก้อน (สุภาษิตแม้วอังกิด...)
ออกจากบ้านไปถึงสนามบิน Norwich ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง
บินตรงไปถึงเกาะ ไอบีซ่าก็แค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
การเดินทางแบบนี้ทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อยล้ามากมายนัก
ยอมจ่ายค่าตั๋วแพงขึ้นอีกนิดหน่อย
แต่ไม่ต้องลากกระเป๋าทุลักทุเลกันไปถึงลอนดอน...
การไปเที่ยวเกาะ ไอบีซ่าครั้งนี้เป็นรอบที่ 3 ของเรา
ส่วนคุณปู้จายน่ะ รอบที่ 10 ได้แล้วมั๊ง...
เกาะ Ibiza นี้อยู่ในหมู่เกาะ Balearic ทางใต้ของสเปน
เกาะนี้ขึ้นชื่อทางด้านทัศนียภาพที่สวยงามรอบเกาะ
และสถานที่เริงรมย์ยามค่ำคืนจึงมีนักท่องเที่ยวทุกเพศ
และทุกวัยจากยุโรปและรอบโลกมาเยี่ยมเยียนไม่ขาดสาย
อากาศช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายนจะเป็นช่วง
ฤดูร้อนที่มีแดดจัด และอากาศร้อน
กับลมทะเลเย็นๆเหมาะแก่การพักผ่อนยิ่งนัก...

***ถ้าภาพสไลด์ขึ้นเป็นจอสีเทาเข้ม กรุณาคลิกที่เครื่องหมายกากบาทบนมุมขวาสุดของสไลด์นะคะ




เรามาถึงที่พักกันก่อนเที่ยงวันนิดหน่อย
ที่พักก็ที่เดิมเหมือนทุกๆครั้งที่เรามาพักกัน
Carmen 8, Urbanization Siesta, Santa Eulalia
อพาร์ทเม้นท์นี้เจ้าของเป็นเพื่อนเก่าแก่ของคุณปู้จายเขา
เราจึงเช่าได้ในราคาถู๊ก ถูก... (ไม่ใช่ถูกหลอกนะตัวเอ๊ง...)
(ใครสนใจติดต่อได้ตามเบอร์โทรท้ายบล๊อกนะจ๊ะ)
ฮี่ ฮี่...ไม่ได้ค่าโฆษณาหรอกจ้ะ ช่วยๆกันไปเน๊อะ...
ที่พักนี้อยู่ไม่ห่างจากตัวเมือง Santa Eularia เท่าไหร่
พอจัดข้าว-ของออกจากระเป๋าเสร็จแล้วเราก็เดินไปหา
อาหารเที่ยงมานั่งกินกันหน้าอพาร์ทเม้นท์
งานนี้เราเตรียมข้าวสาร อาหารแห้ง (ก็มาม่าน่ะแหละ)
มาด้วยพร้อม เพราะเราติดกินแบบไทยๆมากกว่าอ่ะ...
ตอนบ่ายก็เดินเข้าเมืองเพื่อไปหาแลกเงินกัน
เชื่อป่ะ... มาถึงวันแรกก็เจอดีซะแล้วล่ะ...
ช่วงที่เราออกไปหาแลกเงินกันนั้นเป็นช่วงพักตอนบ่าย
ของคนพื้นเมืองเขา (Siesta Time)
ธนาคารและร้านค้าส่วนใหญ่จะปิดทำการและเปิดอีกครั้ง
หลังบ่ายสี่โมงครึ่งจนถึงเที่ยงคืน
เราว่านโยบายนี้ดีสำหรับประเทศเมืองร้อนนะ
เพราะช่วงกลางวันร้อนๆอย่างนี้ได้กลับบ้าน
ไปกินอาหารมื้อเที่ยงและนอนพักซักตื่น
หรือไปว่ายน้ำให้คลายร้อนนั้นน่าจะดีมากๆเลย...
เอ...หรือจะเป็นการชวนกันให้ขี้เกียจหนักข้อกันมากขึ้นไปกว่าเดิมอีกก็ไม่รู้สิ...
เอ้า...ว่าจะเล่าเรื่องหาที่แลกเงินก็ดันชักชวนกันเข้าป่า-เข้าพง
ไปซะนี่...มาๆ กลับมาทางนี้จ้ะ...
...เราเดินตากแดดกันไปหาร้านแลกเงินในตัวเมือง
แล้วก็หันไปเจอร้านที่รับแลกเงินโดยเฉพาะตั้งอยู่ข้าง
ร้านอาหารที่พลุกพล่านมากสุดของเมือง
ใกล้สี่แยกไฟแดงนั่นเอง...
นาทีนั้นยังอยู่ในอารมณ์ของนักท่องเที่ยวไง...
เลยไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง ระวังซ้าย-ระวังขวา
เดินหน้าเข้าไปให้ป้าแกฟันซะเละเทะออกมาเลยค่ะ..
เราเข้าไปขอแลกเงินแค่ 100 ปอนด์ซึ่งควรจะได้เป็นเงินยูโร
กลับมา 145 ยูโรตามเรทที่คุณป้าแกเขี่ย เอ๊ย เขียนไว้หน้าร้าน
แต่คุณเธอเล่นหักค่าธรรมเนียม ในการทำหน้า
เครียดๆใส่เราไปซะ ร้อยละ 15 เซ็นต์
เท่ากับว่าเราแลกเงิน 100 บาท แต่ได้คืนมา 90 บาทอ่ะ...
น่าเศร้าใจในความโง่ของตัวเองยิ่งนักเชียว...
เพราะปกติเราจะแลกเงินกันจากร้านขายของชำร่วย
ซึ่งให้ราคาดีกว่าธนาคารและร้านแลกเงินหน้าเลือดพวกนี้
เพียงเพราะเราลืมไปสนิทไม่ได้คิดถึงเรื่องปลีกย่อยพวกนี้ไว้เลย
โดนฟันซะตั้งแต่วันแรก...จ๋มน้ำหน้า...บักง่าว...เอิ๊ก
แล้วคืนนั้นเราก็ไปฉลอง Birthday Dinner
ของคุณปู้จายกัน 2 คน เราสั่ง Sangria เหยือกเล็กมาดวดคนเดียวแก้เจ็บใจ
หลังอาหารก็สั่ง Whisky Tart มาปักเทียนจุดไฟให้คุณปู้จาย
ดั๊นลืมไปอีกว่าเหล้ากะไฟใกล้กันไม่ได้นะตัวเอง...
ดีที่มันไม่ติดไฟขึ้นมา...
ไม่งั้นจะกลายเป็นวันประชุมเพลิงแทนวันเกิดไปซะแล่ว...




วันรุ่งขึ้นตื่นมาด้วยพลังเต็มร้อย แต่ไปได้แค่สิบ...
ก็มันตรงกะวันอาทิตย์ร้านไหนๆก็ปิด...งดช๊อปปิ้งไว้ก่อน
ไปหาอาหารเช้ากินกัน แล้วก็เดินเล่นหน้าชายหาด
กลับถึงที่พัก ดันเป็นลมแดด!!! เพราะกระแดะไปเดิน
ตากแดดมาซะทั้งวัน...
เย็นวันนั้นเลยต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ในอพาร์ทเม้นท์
วันต่อมา...แรงดี ลิโพช่วย กลับฟื้นคืนชีพ
ดี๊ด๊าได้ต่อ ก็พากันเดินขึ้นไปบนโบสถ์ใหญ่กลางเมือง
ที่ตั้งอยู่บนหุบเขา Puig d'en Missa Church
มาที่นี่ทีไร คุณปู้จายเธอก็จะแวะไปเยี่ยมญาติ (ข้างไหนไม่รู้?)
ที่นอนเรียงกันอยู่บนมรณะคอนโดที่นี่ทุกครั้งไป...
ดีนะที่ชวนไปเดินตอนกลางวัน ไม่งั้นไม่ไปด้วยหรอก...
หลังจากนั้นเราก็เดินลงจากเขา
แวะเลยไปถึงหน้าหาดแถวที่คนรวยเขาจอดเรือยอร์ช
เก๊ะถ่ายแสร้งว่าเป็นคนล้างเรือกัน 2-3 แชะก็เข้าตลาด...
หาของกินต่อสิคะ...ตลาดสดที่นี่คล้ายๆบ้านเราเลย
แถมมีพริก-ผักให้เลือกซื้อได้เยอะแยะถูกใจโก๋
เลยซื้อไส้กรอกอิสานสเปน (Chorizo Mini Picante)
กับน้องหมึกอวบอ้วนมาผัดพริกกินเป็นอาหารเย็นหลังจาก
กลับมาว่ายน้ำเล่นและนอนพักกลางวันกันไปหนึ่งตื่น...




วันที่ 4 ชวนกันนั่งรถเมล์เข้าตัวเมือง
หรือที่คนพื้นเมืองเรียกกันว่า Eivissa
งานนนี้ตั้งใจจะไปกินอาหารจานเด็ดในดวงใจ
ที่ใฝ่ฝันถึงมาตลอด...
ลูกปลาหมึกตัวจิ๋วหลิวชุบแป้งทอดกรอบ
แต่งวดนี้ไม่ยักอร่อยแถมน้อยลงกว่าเดิมด้วย...
เจ็บใจ(อีกแล้ว)เล็กน้อย...
เลยพากันเดินชมเมืองกันแค่นิดหน่อย
ก็กลับที่พักมาฝันถึงมื้อต่อไป...แหะ แหะ




วันรุ่งขึ้น อากาศร้อนจนทำให้รู้สึกขี้เกียจขยับตัว
(นิสัยเดิมกำเริบ) เลยนอนให้พัดลมเป่าตูดเล่นจนถึงบ่าย
ตอนเย็นเดินเข้าเมืองไปส่งแฟกซ์ใบเงินเดือนพนักงาน
แวะตลาดซื้อพริกและผักเพิ่มมาทอด
ไส้กรอกอิสานสเปนกินกันอีกรอบ...
...วันต่อมาก็เดินเข้าเมืองกันอีก...
ไม่รู้ไปทำไม? จำไม่ได้แร๊ะ...
แต่ตอนบ่ายเรายื่นคำขาดกะคุณปู้จายไปว่า
เดินไม่ไหวแล้วว๊อย...ทัวร์ทรมานแบบนี้ รู้งี้ตูอยู่บ้านดีก่า...
ตอนเย็นคุณเธอถึงยอมไปเช่ารถซะที...
ทีนี้จะได้ตระเวณรอบๆเกาะกันซะหน่อย
พอได้รถมาปุ๊ปก็บึ่งไปหาร้านอาหารตาม
หนังสือแนะนำสถานที่สำคัญและร้านเด็ดของเกาะ
ที่หน้าหาด Sant Vincenc
พอไปถึงพนักงานสาวบอกปิดร้านเฉยเลย...
แป่ว...เห็นเราเป็นอะไรไปเนี่ย...
เลยต้องระเห็จไปหาร้านอื่นกินกันที่ Es Canar
อีกวันหนึ่งเราเลยขับรถไปหาข้าวเช้ากินกันถึง
Sant Antonio ซึ่งอยู่อีกฟากของเกาะ
แต่เกาะนี้มันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักหนา
ขับรถวน 2-3 วันก็ทั่วเกาะแล้ว
เราถึงไม่ได้เช่ารถกันตั้งแต่แรกไง...
ตอนบ่ายก็แวะเยี่ยมร้านขายเครื่องปั้นดินเผา
และงานฝีมือพื้นเมืองรายทางก่อนกลับที่พัก...




Sant Antonio เป็นอีกเมืองใหญ่ของเกาะ
ที่หนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยววัยหนุ่มสาว
เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมของคลับและบาร์
อีกทั้งชายหาดกว้างสำหรับนอนอาบแดด
และศิลปินก่อกองทรายให้เป็นรูปตามจินตนาการตามชายหาด

ที่มาของอนุสาวรีย์ไข่ The Egg
ตามประวัติดั้งเดิมเล่าสู่ต่อกันมาว่า
นายChristopher Columbus
หยิบไข่ใบหนึ่งขึ้นมาตั้งปัญหาเชาว์
"มีใครสามารถตั้งไข่ให้ไม่ล้มได้บ้าง?"
หลังจากหลายคนพยายามแก้ปัญหาเชาว์นี้
แต่ก็ไม่มีใครทำได้สักคน...
นายคริสโตเฟอร์ผู้ชาญฉลาดจึง
เฉลยด้วยการตัดส่วนป้านที่สุดของไข่ออกและตั้งมันขึ้นมา
และเขายังกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า
"ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้..."

...ชาวพื้นเมืองดั้งเดิมของเกาะนี้มีความสามารถในเรื่อง
เครื่องปั้นดินเผาและงานฝีมือด้านต่างๆมากมาย
ตามร้านขายของที่ระลึกจึงมีถ้วยจานและเครื่องเซรามิค
ลวดลายเฉพาะตัววางขายกันดาษดื่น น่าตื่นตา-ตื่นใจ...




อีกวันหนึ่งเราก็ขับรถวนเที่ยวรอบเกาะกันต่อ
เริ่มต้นจาก Cala Llonga ที่เป็นเวิ้งอ่าวกว้าง
ที่คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวอาบแดดตรงชายหาด
มีท่าเรือที่พาไปยังหาดอื่นรอบเกาะอยู่ด้านหนึ่ง
พอดีวันนั้นมีคณะถ่ายทำแฟชั่นคุณหนูๆมาทำการกันอยู่บนท่าเรือด้วย
เราก็นั่งดูกันอยู่สักพักก่อน ขับรถล่องขึ้นไปถึง
Sant Miquel ที่ซาน มิเกลนี้มีถ้ำ
ที่เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอยู่ด้วย
เราเคยเข้าไปชมกันมา 2 รอบแล้ว
คราวนี้เลยเดินเล่นกันแค่รอบนอก
ภายในถ้ำก็จะมีหินหยด-หินย้อยและการแสดงแสง-สี
ให้ดูกัน ในสมัยก่อนถ้ำนี้เป็นที่เก็บซ่อนสินค้าและสมบัติ
ของนักเดินเรือที่ผ่านมาที่นี่...แต่ป่านนี้คงไม่มีเหลือแล้วล่ะ

ขากลับเราแวะกินมื้อเย็นกันที่ร้านอาหาร Can cans

เป็นร้านข้างทางที่อยู่ดีๆก็โผล่ขึ้นมาให้แวะ
บรรยากาศในร้านสวยและคลาสสิคดี
เราสั่งปลาซาร์ดีนย่างมากิน ส่วนคุณปู้จายกินสเต็ก
อิ่มอร่อยกลับบ้านนอนสบาย....




วันต่อมาเราไปหาอาหารเช้ากินกันที่ Sant Josep
อาหารเช้าของเราก็ไม่พ้น Tapas อีกแร่ะ
ขอให้มีปลาหมึกเหอะ...กินได้ทุกวัน
โชคดีที่เกาะนี้มีอาหารทะเลอุดมสมบรูณ์
แต่บางวันเราก็เปลี่ยนไปกินไตผัดกระเทียมดูบ้าง
รสชาดก็อร่อยถูกปากดี...
หลังจากนั้นก็ขับเรื่อยเปื่อยชมทิวทัศน์ไปจนถึงนาเกลือ
นาเกลือนี้อยู่ทางใต้สุดของเกาะ(ไม่ไกลจากสนามบินนัก)
และชายหาดบริเวณนี้ก็เป็นแหล่งรวมนักเล่นวินเซริฟ
เพราะเป็นอ่าวเปิดที่รับลมทะเลเต็มๆจากเมดิเตอร์เรเนี่ยน
ขากลับแวะเดินเล่นที่ Platja d'En Bossa
ย่านนี้เต็มไปด้วยผับและบาร์ที่พลุกพล่านที่สุด
นักท่องเที่ยวหนุ่มๆก็นั่งดื่มเบียร์-เชียร์บอลกันโหวกเหวก
สาวๆก็แต่งตัวเหมือนเพิ่งหลุดออกมาจากปาร์ตี้...

ป้ากะลุงเลยหลบไปเดินตากแอร์ในห้าง Syp กัน...
และในซุปเปอร์มาเก็ตนี้เองทำให้เราได้เจอกับ ป้านางและน้องเม
สองสาวไทยที่อาศัยอยู่ที่นี่ ป้านางบอกว่าแต่งงานมาอยู่ที่เกาะนี้
ร่วม 30 ปีแล้ว นานทีถึงจะได้กลับเมืองไทย เพราะมีกิจการ
ร้านปลาสดที่ต้องดูแล (ร้านปลาของป้านางที่เราหาไม่เจอซักที)
อยู่ในตัวเมือง Santa Eularia ที่เราพักอยู่
ป้านางยังบอกอีกว่าที่บ้านป้ามีพื้นที่ปลูกผัก-ผลไม้ไทยกินเองด้วย
ทักทายพูดคุยกันพอหอมปาก-หอมคอแล้วเราก็ร่ำลากัน
กลับมาทำ กุ้งอบวุ้นเส้น กินเล่นตอนบ่าย...




วันรุ่งขึ้นขับรถไปแวะกินมื้อเช้ากันที่ Jesus
ก็กินปลาหมึกอีกแหละ...แวะเข้าไปชมโบสถ์
(ไม่รู้ทำไมเราชอบเที่ยววัด โบสถ์และพิพิธภัณต์เป็นพิเศษ)
แล้วขับรถชมวิวกันไปรอบเกาะ
แวะร้านขายเครื่องเซรามิคอีกร้านใน Sant Josep
ขับรถวนต่อจนไปเจอทางเดินลาดลงจากเขา
ที่คาดว่าจะไปถึงหาดสวยๆสักที่หนึ่ง...
แต่หลังจากเดินกันไปเกือบชั่วโมงก็ยังไม่เห็นอะไรเลย
นอกจากประตูบ้านใครไม่รู้ ออกแบบได้เหมือนกิโยตินมากๆ
เราเลยเดินไต่เขาย้อนกลับขึ้นมา 2 ลุง-ป้าบ่นกันอุบอิบ...

กลับที่พักว่ายน้ำเล่นแก้ร้อน
แล้วคืนนั้นเราก็ออกไปกินอาหารจีนกัน...




วันต่อมารู้สึกเพลียๆเลยนั่งๆ-นอนๆกันอยู่ในอพาร์ทเม้นท์จนบ่าย
ค่อยออกไปหามื้อบ่ายกินกันที่ Sant Antonio แล้วขับรถต่อ
ไปจนถึง Eivissa เดินชมร้านรวงจนดึกแล้วก็ขับรถกลับที่พักกัน...
เสื้อผ้าที่นี่สวยดี แต่ราคาค่อนข้างแพง
โดยเฉพาะชุดผ้าลินินพื้นเมืองสีขาวๆนั่น...
...เที่ยวนี้เราไม่ได้กิน Paella เลยซักกะจาน
เพราะมัวแต่ตามล่ากินปลาหมึก...
แต่เราก็ซื้อผงเครื่องปรุงพาเอลล่ากลับมาบ้านด้วย
กะว่าจะลองทำกินเองดูซักที...




วันนี้เราขับรถตระเวณขึ้นไปเที่ยวทางเหนือสุดของเกาะ
หาด Portinatx นี้ก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาอาบแดด
ที่นั่นมีสวนน้ำขนาดกลางๆให้เข้าไปเล่นสไลเดอร์ได้ด้วย
และใกล้ๆกันนี้ก็มีจุดชมวิวที่สวยมากอีกแห่งหนึ่ง
ซึ่งเมื่อ 3 ปีที่แล้วเรามาแวะจอดรถเดินลงไปชมกัน
ขากลับขึ้นมาพบว่ารถ(เช่า)โดนทุบกระจกข้าง
และมีคนขโมยกระเป่าหิ้วที่เราทิ้งไว้ในรถไป
งานนั้นเราต้องเสียเวลาเที่ยวไปหนึ่งวันเพื่อไปแจ้งความและทำ
Emergency Passport ที่สถานฑูตในตัวเมือง
...จากนั้นเราก็ขับรถตระเวณหาถ้ำที่คุณปู้จายเคยเดินลงไปเที่ยว
เมื่อหลายปีก่อน หากันจนเจอ แต่...
ตอนนี้เขาปิดกั้นทางเดินลงไว้และปิดป้ายอันตรายไว้ทั่วไปหมด
คาดว่าอาจจะมีคนเคยประสบอุบัติเหตุที่นี่
เราเลยเดินวนๆดูกันแค่ชั้นบน แค่นั้นก็ประทับใจ
ในความงามของธรรมชาติแล้ว...
หาดด้านล่างสวยและน้ำทะเลสีฟ้าใสเหมือนภาพในโปสการ์ดเชียวล่ะ
ขากลับแวะกินมื้อค่ำกันที่ Es Canar
คุณปู้จายกิน Chilli Con Carne เราสั่งขาแกอบมาลอง
รสชาดน่าเกลียดจนกินไม่ลง......




Hippy Market ตลาดนัดฮิปปี้นี้เป็นจุดสวนรวมใหญ่ของ
พ่อค้า-แม่ค้าเร่ที่อาศัยอยู่บนเกาะนี้
เริ่มต้นมาจากพวกฮิปปี้ที่อพยพเข้ามาอาศัยที่นี่ตั้งแต่ปี 1958
บุปผาชนเหล่านี้รักอิสระและถนัดในงานฝีมือ
จึงสามารถผลิตผลงานออกมาขายให้แก่นักท่องเที่ยว
ต่อมาได้มารวมตัวกันมาเป็นตลาดนัดแห่งนี้ขึ้น
ตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมาตลาดนัดวันพุธนี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
เปิดตลอดช่วงฤดูร้อน เดือนเมษายน จนถึงปลายเดือนตุลาคม
ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าพื้นเมือง
เสื้อผ้าและเครื่องประดับจากอินเดีย แอฟาริกา จีน และไทย!!!
สมัยที่เกาะนี้ยังใช้เงินเดิมก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นยูโร
ที่ตลาดนัดแห่งนี้จะมีบรรดาวณิพก-ศิลปินแต่งตัว
หลากสีสรรมายืนเป็นหุ่นให้ถ่ายรูปกันเยอะแยะไปหมด
มาเที่ยวนี้ทั้งตลาดมีเจ้าหนุ่มดรบินฮู้ดสีเงินเหลืออยู่คนเดียว???



Eivissa (Ibiza Town)
Dalt Vila ปราสาทเก่ากลางเมืองนี้ได้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ประมาณปีคศ. 1500
และถูกบันทึกไว้เป็น 1 โบราณสถานของ Unesco ตั้งแต่ปี 1999
ปัจจุบันยังพอมีกลิ่นไอของศิลปะยุค Renaissance พอเหลือให้เห็นอยู่บ้าง...
รอบๆตัวปราสาทมีบ้านเรือนและสถานที่ทำการของราชการ
รวมทั้งโบสถ์,พิพิธภัณต์และร้านค้าต่างๆ ปะปนกันไป
ที่นี่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกขึ้นมาชมไม่เคยขาดสาย
จากมุมมองสูงสุด มองออกไปสู่ทะเลเมดิเตอเรเนี่ยน
กำแพงเมืองและบริเวณรอบๆเกาะไกลสุดสายตา...

...จากประสบการณ์การกลับไปเยือนเกาะนี้มา 3 รอบ
ทำให้เรารู้สึกว่าเดี๋ยวนี้สเน่ห์เดิมๆของเกาะแห่งนี้ลดน้อยลงไปเยอะ
ค่าครองชีพก็สูงขึ้น ผู้คนยิ้มน้อยลง...
จะมีก็แต่ภูมิประเทศและธรรมชาติที่ยังคงสวยงามคงเดิม
เราเลยคิดกันว่าครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของการมาเยือนเกาะ
ไอบีซ่านี้เสียที...จะลองไปค้นหาที่อื่นเที่ยวดูกันบ้าง
แต่ถ้าเพื่อนๆท่านใดต้องการที่จะไปค้นหาสเน่ห์ของไอบีซ่า
ด้วยตนเอง...และสนใจที่พักที่เราไปพักกันนี้
ขอเชิญติดต่อได้ที่ Mr.Rod - Mrs.Penny 01603 864408
เบอร์โทรนี้เฉพาะสำหรับภายในประเทศอังกฤษเท่านั้นนะคะ...

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเที่ยวชมทริปเที่ยว Ibiza ด้วยกันค่ะ

GRACIAS POR SU VISITA






 

Create Date : 21 ตุลาคม 2550    
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2553 18:26:50 น.
Counter : 2974 Pageviews.  

1  2  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.