เมื่อถึงครา “ออกเรือน” มาเยือนฉัน
ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาอัพบล็อคเลยครับ เพราะต้องไปอบรมฯโครงการการบริหารสถาบันอุดมศึกษาระดับกลาง ทุกวันเลยรวมแล้วระยะเวลา ๑ เดือน
วันนี้มีโอกาสเคลียรเมลเก่าๆ ก็กลับไปพบเมลฉบับหนึ่ง ซึ่งเป็นเมลที่มีบทความที่ผมเองเขียนให้น้องผู้หญิงคนหนึ่งเขาขอร้องให้เขียนให้เขาเพื่อนำไปส่งอาจารย์ ประมาณเดือนสิงหาคม ๒๕๕๐
ซึ่งเป็นเรื่องยากมากเลยครับที่จะเขียนบทความนี้ขึ้นมา โดยที่ต้องให้ได้ความรู้สึกสำหรับคนที่อ่านว่าบทความนี้น้องสาวคนนั้นเขียนขึ้นเอง พอดีน้องสาวคนนั้นกำลังจะแต่งงาน ผมเลยสมมุติตัวเองเป็นน้องสาวคนนั้นซึ่งกำลังจะเป็นเจ้าสาวและเขียนบทความนี้ขึ้นมา
ลองอ่านและจินตนาการตามนะครับ ... ก็เพลินไปอีกแบบ
...............................................................................
เมื่อถึงครา “ออกเรือน” มาเยือนฉัน
เสียงโห่ร้องสลับกับเสียงประทัดดังขึ้นมาในเช้าของวันหยุดที่อากาศสดใสทำให้ฉันสดุ้งตื่นขึ้นมานั่งงัวเงีย แต่ถึงกระนั้นด้วยอาการง่วงนอนขั้นรุนแรงเนื่องจากการอดนอนจนดึกเพราะละครเรื่องโปรดมาถึงตอนอวสานเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้ฉันล้มตัวลงนอนหลับต่ออย่างง่ายดาย แต่แล้วฉันก็ต้องสะดุ้งตื่นอีกครั้งเมื่อมีเสียงปลุกดังขึ้น
“ก้อย ๆๆๆ ตื่นได้แล้วเร็ว ขันหมากเข้าแล้ว” เพื่อนสนิทของฉันร้องเรียก
ทันทีที่ได้ยินเสียง ฉันก็รู้โดยอัตโนมัติว่าหน้าที่ฉันคืออะไร ทันทีที่ฉันลืมตาฉันก็พบตัวฉันเองนั้นมายืนแปรงฟันอย่างเร่งรีบพร้อมอาบน้ำอย่างรวดเร็ว แต่งตัวสวยสมวัยพร้อมที่จะรับสถานะการณ์เป็นด่านกั้นขันหมาก
จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว คงจะใช้ใด้ดีในสภาวะเช่นนี้ ร่างกายกระทำตามจิตและความรู้สึกนึกคิดของเรา
บ้านงานอยู่ไม่ไกลจากบ้านฉันมากนัก เมื่อมาถึงฉันก็ต้องเข้าประจำที่พร้อมกับเพื่อนคู่ใจและสายสร้อยทองที่พร้อมปฏิบัติงานเป็นด่านประตูเงินประตูทอง
ขันหมากขบวนใหญ่ ผู้คนมากหน้าหลายตาแต่งตัวสวยงามเดินเข้าแถวเข้ามายังบ้านเจ้าสาวพร้อมของคาวหวานนานาชนิด หลายคนต่างยืนเฝ้าดูขบวนขันหมากและเจ้าบ่าวสุดเทห์อย่างใจจดใจจ่อและปิติยินดี ซึ่งความรู้สึกของฉันนั้นกลับรู้สึกว่าไม่เห็นจะน่าสนใจอะไร มันก็เหมือนเดิม อย่างที่ฉันเคยเห็นมา สิ่งที่น่าสนใจตอนนั้นคือเงินที่อยู่ในซองสีแดงสดนั่นมากกว่า
อย่างนี้เองซินะที่เขาเรียกว่า เห็นแก่ตัวโดยสุจริต เราจะสนใจกับสิ่งที่เราต้องการและเราได้ประโยชน์จากมันเท่านั้น สุจริตเหมือนทุกคนก็คิดและทำกัน โดยมิได้สนใจเลยว่าสิ่งที่เราคิดว่ามันเดิม ๆไม่มีอะไรน่าสนใจ กลับเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของใครบางคน และอาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตของเขา
เจ้าสาวแสนสวยแต่งตัวเฝ้ารออยู่ในห้องแคบ ๆตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่นมาโห่ เจ้ารู้สึกอย่างไร ต้องการอะไรฉันไม่รู้ แต่คงไม่ใช่ซองสีแดงสดอย่างที่ฉันต้องการแน่นอน และที่แน่แท้คงเป็นขบวนขันหมากใหญ่โตมีผู้คนมากมายที่ฉันว่ามันเดิม ๆไม่น่าสนใจ เจ้าสาวนั้นคงทำได้แต่กระวนกระวายด้วยใจที่อยากเห็นและคงทำได้เพียงแค่นั้น
และไม่นานนักเจ้าบ่าวก็ฝ่าด่านมากมายเข้าไปพาเจ้าสาวซึ่งเก็บตัวเฝ้ารอมานานนับหลายชั่วโมงเพียงเพื่อวินาทีนี้
ทั้งคู่พากันนั่งร่วมพิธีต่าง ๆมากมายมีผู้คนรายล้อมอวยพรด้วยคำอันเป็นมหามงคลหมุนเวียนไม่ขาดสาย ภายในงานมีความวุ่นวายหลายหลากทั้งฝ่ายพิธีการ ฝ่ายต้อนรับและอาหาร ต่างสับสนวุ่นวาย ทุกพิธีการทุกการกระทำอยู่ในสายตาของฉันที่ผันตัวเองมาทำหน้าที่สังเกตการณ์ที่รู้สึกแอบยินดีไปกับเขา แต่ความรู้สึกลึก ๆในใจฉันนั้นยังคงยืนยันแน่นหนัก
“หากถึงคราฉันออกเรือน จะไม่จัดงานอย่างนี้”
นั่นคือความคิดของฉันที่โดยส่วนตัวไม่ชอบอะไรที่ยุ่งยากมากความ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วอาจมีเหตุผลหรือตัวแปรต่าง ๆมากมายที่มากำหนดและมีอิทธิพลเหนือความต้องการและเหตุผลของเรา ที่เขาเรียกว่า ความเหมาะสมทางสังคม
เขาว่ากันว่า “ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน” แค่ประโยคนี้เหตุผลของฉันที่ยืนยันแน่นหนักนั้นก็ลืมไปได้เลย เพราะฉันก็คงต้องรับฟังความคิดของอีกฝ่ายซึ่งอาจมีความเห็นที่แตกต่าง และยิ่งเรื่องการแต่งงานแล้วยิ่งเป็นคนละเรื่องเดียวกัน เพราะนอกจากจะมีเราสองยังจะมีดองของทั้งสองฝ่ายมาร่วมตัดสินและแสดงความคิดเห็นในงานของเราที่เขาว่ายิ่งใหญ่และสำคัญ
ฉันเคยได้ยินเพื่อนชายที่มีความคิดเหมือนกันกับฉันพูดกันว่าหากแต่งงานจะไม่จัดงานอยากจัดงานง่าย ๆไม่อยากตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แต่แล้วก็ถูกเพื่อนหญิงที่คิดคนละอย่างต่อว่าเห็นแก่ตัว โดยให้ความเห็นว่าการแต่งงานสำคัญกับฝ่ายหญิง คิดแบบนั้นได้ไง
... ในวันนี้ฉันไม่มีเวลามานั่งคิดหรือรื้อฟื้นความคิดเดิม ๆของฉันที่เปี่ยมไปด้วยอัตตา
เมื่อฉันต้องเป็นเจ้าสาว ด้วยวัย 25 ปี ที่กำลังสาละวนอยู่กับการเตรียมงานและเตรียมตัวเพื่อการเป็นเจ้าสาวแสนสวยให้กับแฟนหนุ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ใกล้แล้วซินะ ใกล้วันที่ฉันจะได้เข้าใจ แท้จริงเจ้าสาวนั้นรู้สึกอย่างไร ต้องการอะไรในวันที่ขบวนขันหมากแห่แหนยิ่งใหญ่ มีเจ้าบ่าวสุดเทห์กว่าใคร โดยที่ฉันนั้นก็คงต้องทำหน้าที่เจ้าสาวแต่งตัวเฝ้ารออยู่ในห้องแคบ ๆตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่นมาโห่ ที่นั่งจินตนาการถึงขบวนขันหมาก มีประตูเงินประตูทองที่ฉันคุ้นเคยมากมาย เพียงแต่หน้าที่ของฉันในวันนั้นแตกต่างจากวันนี้
วันที่อาจมีใครบางคนหรือหลายคนมองว่าก็เหมือนเดิม ๆอย่างที่เคยเห็นมาไม่น่าสนใจ ในวันที่สำคัญและยิ่งใหญ่ในชีวิตของฉัน
Create Date : 16 มิถุนายน 2553 |
|
13 comments |
Last Update : 17 มิถุนายน 2553 17:48:21 น. |
Counter : 1405 Pageviews. |
|
 |
|
เคยอยู่ในบรรยากาศออกเรือนเช่นกันครับ
งานจะยุ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อมีความคิดเห็นเสนอมาเรื่อยๆครับ 555
ปล.บอลคู่ดึกผมหมดสิทธิ์เลยครับพี่
เพราะเช้ามาต้องทำงานครับ