|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
 |
|
ถนนสายนี้มีตะพาบ กม.ที่ 352 "รถไฟฟ้ามาหานะเธอ" |
|
ถนนสายนี้มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 352
"รถไฟฟ้ามาหานะเธอ" โจทย์โดย พี่แฟรงค์ - The Kop Civil
เอาตามจริง ผมไม่ใช่สายขนส่งสาธารณะเท่าไหร่ครับ ดังนั้นประสบการณ์การใช้รถไฟฟ้าของผมจึงน้อยมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะน้อยจนไม่มีเรื่องเล่าอะไรจากการใช้รถไฟฟ้าเลยครับ งั้นผมขอเล่าเป็นเรื่องสั้นๆ หลายๆ ตอน แล้วกันนะครับมาครับ..... รถไฟฟ้ามาหานะเธอตอนที่ 1 ความสุขส่งต่อได้อย่างที่บอกครับ ว่าผมไม่ใช่คนที่ใช้รถไฟฟ้าเป็นประจำ ส่วนใหญ่ไปไหนก็ขับรถไป แต่ก็มีบ้างครับที่ต้องไปประชุมกับลูกค้าใน กทม ซึ่งบางทีผมก็ขับรถไปครับ แต่ถ้าออฟฟิศลูกค้าอยู่แนวรถไฟฟ้า ผมก็เลือกรถไฟฟ้าครับ เพราะขี้เกียจรถติด
ดังนั้น ผมจะไม่ใช่ทรงหนุ่มกรุงเทพมืออาชีพที่มีบัตรRabbit หรืออะไรไว้สแกนทันที ผมนี่ต้องล้วง ต้องควัก ต้องค้นหาเหรียญมาหยอด หรือหาตังไปใส่ตู้ แล้วก็ต้องเก็บรักษาไอ่บัตร หรือเหรียญนั่นให้ดี เอาไว้สำหรับขาออก
วันนึงครับ ผมก็จะไปประชุมกับลูกค้านี่แหละครับ ผมก็ยืนล้วง ยืนนับหาเหรียญเพื่อแลกบัตรรถไฟฟ้าอยู่ อยู่ๆ ก็มีน้องผู้หญิง ที่ดูน่าจะอายุ 18-19 มายืนกระชิดตัวผมเลย พร้อมเรียกกึ่งเบากึ่งดัง "พี่คะ จะไป BTS ใช่ไหมคะ" น้องผู้หญิงพูดเร็วๆ ผมที่ตกใจ....ก็ตอบกลับแบบลักเลๆ พร้อมมือที่กำเหรียญไว้จำนวนนึง "ครับ"
ส่วนน้องผู้หญิงก้มหน้าก้มตา แล้วรีบเสียบ...ยัด....ยื่น... ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรเลยครับ 5555 เพราะน้องเค้ายื่นบัตร BTS มาใส่มือผมทันที "พี่เอาไปเลยค่ะ เอาไปใช้เลยค่ะ" น้องเค้าพูดเร็วมากจริงๆ ครับ "ครับ" ซึ่งผมก็รับบัตรนั่นมาแบบ งงๆ ก่อนจะพลิกดูว่ามันคือบัตรอะไรวะ มันคือบัตร One day Pass "เอ้า ขอบคุณนะครับ" ผมหันกลับไปพูดขอบคุณทันทีที่เห็น ซึ่งน้องเค้าก็หันหน้าหันหลัง ก้มหัวๆ รับ แล้วเดินไปทันที
ถึงจะได้มาแบบงงๆ แต่ในใจผมนี่.... โห!โชคดีชิบหาย! 55555 ผมก็ใช้ต่อเลยครับ ซึ่งตอนนั้นประมาณ บ่าย 2 ผมใช้ไปพบลูกค้า 2 ที่จากหมอชิด ไปพญาไท จากพญาไท ไปศาลาแดง ทีนี้ พอมันเป็นบัตร One day ไม่จำกัดเที่ยว พอพบลูกค้าเสร็จ ผมเลยไปหาที่เดินเล่นต่อ ขึ้นBTS ไปพร้อมพงษ์ เดินเที่ยวเอ็มควอเทียร์ พอซักทุ่มครึ่งก็กลับครับ กลับไปที่หมอชิด เพื่อไปเอารถที่จอดทิ้งไว้ เรียกว่าโคตรคุ้มเลยครับ ขึ้นๆ ลงๆ สะบัดขนาดผม

พอถึงหมอชิด ผมยกบัตร One day pass นั่นขึ้นมาอีกครั้ง.... เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าบัตรจะหมดอายุ และยังมีคนเดินทางอยู่เรื่อยๆ ไอ่บัตรนี้ ตอนนี้หมดมูลค่าแล้วในมือผม แต่ถ้าอยู่ในมือคนที่กำลังจะเดินทาง ไอ่บัตรนี่ก็จะมีมูลค่าขึ้นมาทันที ผมเลยมองหาคนที่ไม่มีบัตร BTS
และผมก็เดินไปยื่นบัตรให้กับพี่ผู้ชายคนนึงที่ดูทรงน่าจะไปฝั่งเอกมัย ดูจากที่เค้าไปยืนดูฝั่งรถไฟฟ้า "พี่ครับ...ผมมีบัตรวัน ไม่ใช้แล้ว พี่เอาไปใช้ต่อเลยครับ" ผมพูดพร้อมยื่นบัตรให้ เพราะผมมาแบบไม่มึน และให้ข้อมูลแบบครบถ้วน พี่เค้าเลยไม่งงครับ 5555 เค้าก็รับบัตรนั้นไป "อ้อ ขอบคุณครับๆ เดี๋ยวใช้เสร็จผมให้คนอื่นต่อนะครับ" ผมแค่พยักหน้าครับ แล้วเดินลงบันไดเลื่อนไปเอารถเห็นไหมครับ....ความสุขส่งต่อกันได้จริงๆ บัตรใบเดียวสร้างความสุขให้กับคนได้ตั้งหลายคน และทุกคนก็พร้อมจะส่งต่อสิ่งดีๆ ที่ได้รับให้คนอื่นต่อ ขอบคุณน้องผู้หญิงคนนั้นที่เริ่มส่งต่อสิ่งดีๆ นะครับตอนที่ 2 Dear Foreignerเมื่อซัก6 เดือนที่แล้ว ผมกับพี่สาวพาหลานไป Sea life Bangkok ที่พารากอน

ด้วยความอะไรไม่รู้.... พี่สาวอยากให้หลานได้ลองขึ้นรถไฟฟ้าดู ผมเลยจอดรถไว้ที่หมอชิด แล้วขึ้น BTS ไปสยาม ซึ่งก็สะดวกดีครับ รู้สึกดีไปอีกว่าไม่ต้องวุ่นวายรถติดที่ราชดำริ หรือต้องวนหาที่จอดรถ หลานก็ตื่นเต้น ชอบ Take Sky train มาก ๆ พี่สาวก็พาเที่ยว สอนกันไปตลอดทางขาไปเราไปกันแต่เช้าครับ รอบ10 โมงจากหมอชิดคนโล่งๆ นั่งกันสบาย จากนั้นก็กินข้าว เดินเที่ยวกัน จนบ่าย 2 อยู่ๆ หลานที่เดินๆ เล่น ก็หันมาหาผมแล้วชูมือมาให้
"อุ้มค่ะ....อุ้มค่าาาา"
"เอ้า ไม่เดินเล่นแล้วหรอคะ" ผมพูดพร้อมก้มลงไปหา "เดินไม่ไหว เมื่อยแล้ว" นั่นไง.....แต่ก็เข้าใจได้ครับ เพราะเข้าเดินเที่ยวมาตั้งแต่11 โมงแล้ว ตอนนี้ก็น่าจะเหนื่อย ผมเลยอุ้มขึ้นมา ซึ่งหลานก็ซบบ่าทันที ทีนี้พี่สาวก็ Mayday ทันที...... "เค้าหลับอ่ะ" นั่นแหละครับคำตอบของพี่สาว
"เอาไงอ่ะ จะเดินต่อหรือกลับ" "ไหวไหมละ" "ไหว....ไหวแหละ" 555555 ผมนี่หัวเราะแห้งๆ พร้อมแบกผู้หญิงหนัก14 โลกว่าไปด้วย แล้วก็เดินไปซื้อของกินกันที่ Gourmet ซึ่งผมสามารถซื้อไอติมกระทิกินได้ด้วย5555 แต่พี่สาวต้องถือไว้ให้แล้วผมตักกินเป็นพัก ๆ

ไปๆ มาๆ เริ่มสงสารหลาน เพราะหลานหลับคอโยกง๊อกๆ แง๊กๆ เวลาผมเดิน เลยคุยกันว่า กลับกันเถอะ ไว้ค่อยมาเดินเล่นกันใหม่ ทีแรก เราก็ต้องกลับไปขึ้นรถไฟฟ้าไปหมอชิดครับ แต่ตอนนี้การขึ้นรถไฟฟ้าไม่บันเทิงละครับ เพราะนอกจากหนักแล้ว...คนก็เยอะมาก ผมนี่ทำอะไรไม่ได้เลย ยืนอยู่เฉยๆ บนสถานีให้พี่สาวไปแลกบัตรมาให้ แล้วยืนต่อแถวรอขึ้นรถไฟฟ้า....
พอขึ้นขบวนได้ ที่นั่งเต็มครับ ซึ่งผมก็คิดไว้แล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไร ผมรีบไปหามุมถนัดยืนให้มั่นคง เพราะเราต้องไปโน้นเลยครับ หมอชิด แต่ยืนได้ไม่ถึง 2 นาที คุณป้าคนนึงที่ยืนใกล้ๆ จะเริ่มหันมาคุยด้วย "น้องหลับแล้วลูก น่าสงสาร ไปหาที่นั่งไหมจ้ะ" คุณป้าพูดพร้อมพยายามมองหาที่ให้ "ไม่เป็นไรครับ ได้ครับผม" ผมยิ้มให้โบกมือว่าไม่เป็นไร "เด็กหลับค่ะ ช่วยหา...." คุณป้าใจดีมากครับ พยายามบอกพยายามหาที่นั่งให้
แต่ผู้หญิงต่างชาติที่ดูหน้าทรงแขกขาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมก็กวักมือเรียก แล้วทำท่าว่าให้มานั่งแทนเค้า ซึ่งเค้ามากับลูกอีก 3 คน
ซึ่งผมก็บอกว่า ขอบคุณครับ ไม่เป็นไรจริงๆ แต่เค้าก็พยายามกวักอีก แล้วบอกว่า คุณมานั่งตรงนี้ เด็กของคุณกำลังหลับ ก่อนจะลุกเดินมาดึงแขนให้ผมไปนั่ง ซึ่งพอเห็นว่าเค้ามีน้ำใจให้จริงๆ ผมเลยกล่าวขอบคุณ แล้วส่งหลานให้พี่สาว แล้วให้พี่สาวไปนั่งตรงนั้นแทน ก่อนที่ผมจะไปยืนอยู่ข้างหน้าพี่สาว ผู้หญิงชาวต่างชาติก็ยืนข้างๆ ผม เค้าหันมายิ้มให้ ส่วนผมก็ขอบคุณเค้าอีกครั้ง
ขนาดเค้าเป็นนักท่องเที่ยว มาเที่ยวประเทศไทย เค้ายังมีน้ำใจให้คนไทยเลยครับ ขอบคุณมาก ๆ ครับ สำหรับน้ำใจตอนที่ 3 มียาดมไหมอันนี้ไม่เล่าเยอะนะครับ 55555 แต่จะไม่เล่าก็ไม่ได้ เพราะถ้าพูดถึงรถไฟฟ้าทีไร ผมลืมเรื่องนี้ไม่ได้ซักที

เอาเป็นว่า ผมต้องไปประชุมกับลูกค้า ซึ่งวันนั้นผมเป็นไข้ แต่มีงานก็ต้องทำครับ ลาก็ไม่ได้ ไม่ไปก็ไม่ได้ ซึ่งแน่นอน รู้สึกไม่อยากขับรถ เบื่อรถติดเลยใช้ BTS แทน กว่าจะประชุมเสร็จก็บ่าย 3 หรือ 4 โมงเย็นนี่แหละครับ รถไฟฟ้ากำลังคนเยอะเลย
ผมก็ไปยืนเข้ามุมอยู่ตรงทางเชื่อมระหว่างขบวน แต่ยืนไปยืนมาเริ่มร้อน เริ่มเวียนหัว ผะอืดผะอม จนคิดว่าจนลงตรงนี้ก่อนดีไหมวะ ยืนหลับตาบ้างลืมตาบ้างหายใจเข้าพุทธ หายใจออกโธ
อย่าเป็นลมนะเมิง....อดทนก่อน
จนมันเริ่มไม่ไหวครับ รู้สึกว่ากูร่วงแน่ ใน 10วินาทีนี้ แต่ทำไงอ่ะครับ อยู่ๆ เราจะบอกคนข้างๆ ว่าจะเป็นลมงี้หรอ แม่งโคตรอาย ผมอ่ะ พิมไลน์ไปหาน้องที่ทำงานว่า "ถ้าเป็นลมเป็นรถไฟฟ้าจะทำไงวะ" 55555 แล้วหันไปหาผู้ชายที่ยืนข้างๆ "มียาดมไหมครับ"แต่หน้าผมคงดูไม่ไหว เค้าก็รีบจับผมเลย ซึ่งผมอ่ะ ลงนั่งเซฟตัวเองก่อน สุดท้ายเค้าก็พาผมลงไปพักข้างนอก แถมรอจนน้องผมขับรถมารับด้วย
โคตรจะอาย อันนี้คือจำไม่ลืมมากครับ
นอกจากนั้นก็เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ ที่จำไม่ค่อยได้ครับ เช่นเคยไปดื่ม แล้วเมา แล้วสถานีกำลังจะปิด ผมกับเพื่อน คนเมา 2 คนต้องฉุดแขนกันวิ่งไปเข้าสถานีให้ทัน เพราะไม่อยากนั่งแท็กซี่ ก็ทุลักทุเลมากครับ 5555 เจ้าหน้าทีก็พอเห็นว่าเป็นคนเมา 2 คนก็อยากจะปิดประตู พวกผมก็ยกไม้ยกมือ พี่ๆๆ รอก๊อนนนน
เคยมีนัดงานแถวสุขุมวิท ใกล้รถไฟฟ้า สมัยก่อนผมไม่ชอบขับไปสุขุมวิท เลยนั่งรถไฟฟ้าไปครับ ไอ่ขาไปก็โอเค แต่ขากลับนี่สิ เพราะเสร็จงานผมต้องนั่งพี่วิน มาขึ้นรถไฟฟ้า ในสภาพเสื้อยืดกางเกงยืนรองเท้าแตะ แต่เซ็ตผมอย่างเต็ม 5555 อายมากกกกกกก สัญญากับตัวเองว่าจะขับรถมาทุกครั้งน่าจะหมดครับประสบการณ์ขนส่งสารธารณะเพราะถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ผมยอมรถติด ขับรถไปถึงที่แน่นอน แต่ถึงอย่างงั้น ผมก็ชอบไลฟ์สไตล์ที่สามารถใช้ขนส่งสาธารณะได้ใน Dairy life นะครับ รู้สึกว่ามันเป็นชีวิตกลางกรุงอย่างแท้จริง ไม่จำเป็นต้องมีรถ ไม่จำเป็นต้องหาที่จอด
แค่....ไม่ค่อยชินแค่นั้นละครับ
Create Date : 21 พฤษภาคม 2567 |
Last Update : 21 พฤษภาคม 2567 22:46:19 น. |
|
18 comments
|
Counter : 547 Pageviews. |
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณThe Kop Civil, คุณอุ้มสี, คุณtanjira, คุณtoor36, คุณหอมกร, คุณkae+aoe, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณกะว่าก๋า, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณtuk-tuk@korat, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณสองแผ่นดิน, คุณไวน์กับสายน้ำ |
โดย: อุ้มสี วันที่: 22 พฤษภาคม 2567 เวลา:0:08:06 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 22 พฤษภาคม 2567 เวลา:7:15:23 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 พฤษภาคม 2567 เวลา:11:32:29 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 22 พฤษภาคม 2567 เวลา:13:52:15 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 พฤษภาคม 2567 เวลา:5:18:04 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 23 พฤษภาคม 2567 เวลา:19:57:57 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 พฤษภาคม 2567 เวลา:20:09:10 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 พฤษภาคม 2567 เวลา:4:54:38 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 พฤษภาคม 2567 เวลา:22:01:14 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 พฤษภาคม 2567 เวลา:5:35:54 น. |
|
|
|
|
|
 |
|
|
|