Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
28 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

ธารลาวา ๔๐ (ธัญรัตน์)




ตอน ๔๐

“ผมจะไม่ไปไหนนอกจากจะมีคุณไปด้วย” ตอบหน้าตาย
“ฉันบอกให้ไปไง ได้ยินมั้ยไปให้พ้น” น้ำเสียงเริ่มเครือมาอีกแล้ว จนเขาต้องถอนใจและยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้
“โอเค ๆ ผมกลับก็ได้ แต่คุณต้องกินข้าวต้ม ที่ผมกำลังเตรียมให้นี่ก่อน คุณยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อคืนใช่มั้ย”
“ฉันไม่หิว ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงฉันหรอก กลับไปซะ” น้ำเสียงแข็งกระด้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“ผมจะไม่ไปไหน จนกว่าคุณจะกินอะไร ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำนะลี ไปนั่งรอที่โต๊ะ ถ้าคุณอยากให้ผมไปก็กินอะไรซะ อย่าให้ผมต้องโกรธเหมือนเมื่อคืนอีก รู้ใช่มั้ยว่าเวลาผมโกรธแล้วจะเกิดอะไรขึ้น”
เขาเองก็ทำเสียงแข็งไม่ยอมแพ้ขึ้นมาเช่นกัน ประณาลีรู้ดีว่าไล่เขาไปไหนไม่ได้ จึงยอมเดินไปนั่งที่โต๊ะเงียบ ๆ ข้ามต้มถูกเทใส่ชามที่มีบางอย่าง ที่บรรพตจัดหามาให้ใส่ลงไปก่อนหน้าแล้ว ซึ่งคณินรอบคอบมากพอ ที่จะเก็บซองยาเข้าไปไว้ในกระเป๋ากางเกง แทนที่จะทิ้งลงถังขยะ

“กินให้หมดอย่างน้อยครึ่งหนึ่งผมถึงจะยอมไป หรือจะลองดีกับผม”
ทำเสียงแข็งใส่อีกครั้ง เมื่อเห็นเธอตักข้าวเข้าปากแค่คำเดียว ก็ทำท่าจะหยุด หญิงสาวยอมทำตามที่เขาบอก แม้จะรู้สึกตื้อมากแค่ไหน แต่เพื่อแลกกับการที่เขาจะออกไปจากห้อง ก็จำต้องยอมทำตาม เจ้าของหน้าคมยิ้มอย่างพอใจ
“พอใจคุณหรือยัง ทีนี้ก็กลับไปได้แล้ว” เมื่อกัดฟันกินตามที่เขาต้องการแล้วก็รีบทวงคำทันที

“ผมจะอาบน้ำแล้วจะกลับเลย ไม่เชื่อคุณก็นั่งรอดู”
จบคำพูดก็รีบหายเข้าไปในห้องน้ำทันที ส่วนคนอยู่ข้างนอก อยากจะนั่งรอดูเขาอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก แต่ความง่วงมันเรียกร้องให้พาตัวเองไปนั่งเอนหลัง รออยู่ที่ชุดรับแขกแทน จากนั้นเปลือกตาก็เริ่มหนักอึ้งขึ้นทุกที ๆ พยายามที่จะฝืนแค่ไหน แต่ที่สุดก็ฟุบหลับไปตรงนั้น คณินยิ้มรับกับผลงานตัวเองทันที เมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้ว

“ขึ้นมาได้”
มือถือกดไปหาบรรพต แล้วก็รีบใส่เสื้อผ้าที่ได้มาจากลูกน้อง กระเป๋าสะพายที่เคยเห็นเธอใช้ประจำ ชายหนุ่มโยนลงไปในกระเป๋าที่เปิดทิ้งไว้ พร้อมด้วยข้าวของบนตู้เครื่องแป้ง ที่ถูกรวบทุกอย่างไปโยนลงกระเป๋าเช่นกัน เหลือบเห็นปืนพกที่วางไว้ข้าง ๆ ไมโครเวฟจึงเก็บไว้กับตัว

“ช่วยเอากระเป๋าใบที่เปิดอยู่นั่นไปให้ที แล้วฝากจัดทุกอย่างให้เรียบร้อยด้วยนะบรรพต เอาการ์ดนี่ลงไปให้ผมด้วย”
สั่งการทันที เมื่อบรรพตมาถึง แล้วก็รีบอุ้มคนที่หลับสนิทออกไปจากห้อง บรรพตทำตามคำสั่งและรีบเดินเร็ว ๆ ไปกดลิฟท์ให้เจ้านาย รปภ. ด้านล่างมองเขาอย่างสงสัย แล้วรีบตรงมาถามไถ่ด้วยความห่วง
“คุณลีเป็นอะไรครับคุณณิน มีอะไร ให้ผมช่วยมั้ยครับ”

“คุณลีไม่สบายมาก ผมจะพาไปหาหมอ ช่วยเปิดประตูรถให้ผมที”
ยื่นกุญแจให้ แล้วก็อุ้มหญิงสาวตรงไปที่รถในทันที บรรพตรีบจัดการเก็บกระเป๋าไว้ด้านหลังรถด้วยความเร็ว
“ขอบคุณมากนะบรรพต ผมจะไม่อยู่สักวันสองวัน ฝากงานด้วยมีอะไรติดต่อได้ตลอดเวลา”
กดโทรศัพท์ไปหาลูกน้อง เมื่อแล่นรถออกมาได้สักพัก ตั้งใจจะอยู่หลายวัน แต่ก็ไม่อยากบอกให้ลูกน้องรู้รายละเอียดมากนัก ยังไง ๆ เขาก็ยังอยากจะลองใจลูกน้องอยู่ดี จากนั้นก็โทรไปหาน้อง เพื่อถามไถ่อาการของแม่ เมื่อรู้ว่าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมก็แทบจะหมดแรง

“พี่ฝากคุณแม่ด้วยนะญา พี่ต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดวันสองวัน มีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอด หรือถ้าพี่ไม่ได้รับก็ส่งข้อความมาได้” จบจากสั่งความน้องเสร็จ ก็หันไปมองคนที่หลับสนิทอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ บ้านพักตากอากาศ คือที่ที่เขาพามาพักพิง ป้าคนดูแลบ้านยืนรอรับอยู่ก่อนแล้ว เพราะบรรพตสั่งให้จัดเตรียมทุกอย่าง ไว้รอเจ้านายตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ร่างระหงถูกอุ้มไปวางไว้บนเตียงในเวลาต่อมา ป้าช่วยยกกระเป๋าและข้าวของอื่น ๆ จากรถไปให้

“นี่ค่าซื้อของนะครับป้า อย่าลืมห้ามบอกใครเด็ดขาดว่าผมมาที่นี่ และอย่าลืมบอกลุงกับลูกชายป้าด้วยว่าห้ามมาที่นี่ จนกว่าผมจะโทรหา ถ้าเกิดคุณผู้หญิงที่หลับอยู่ไปหา ป้าก็ต้องโทรบอกผมทันที”
สั่งป้าพร้อมส่งเงินให้ แม้จะมั่นใจว่าคนที่หลับไม่มีทางรอดพ้นสายตาเขาได้ แต่ก็ต้องกันเอาไว้ก่อน
“ค่ะคุณณิน ถ้ามีอะไรก็เรียกป้าได้นะคะ”

ป้าพยักหน้ารับหงึก ๆ แล้วรีบจากไป ชายหนุ่มเข้าไปสำรวจดูข้าวของในบ้าน เมื่อรู้ว่าครบตามที่ตัวเองต้องการ ก็เดินไปหยุดอยู่ใกล้ ๆ เตียง มองหน้านวลที่นอนแน่นิ่งอยู่เป็นนาน เหลือบไปเห็นกระเป๋าสะพาย ก็คิดอะไรขึ้นได้ จึงจัดข้าวของไว้ตู้เครื่องแป้งให้ มือถือสองเครื่องอยู่ในนั้น ตามที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด จัดการปิดเครื่องซะให้หมดแล้วเอาไปซ่อนไว้ในรถ เขาไม่ต้องการให้ใครมารบกวนเธอ แม้แต่ทางโทรศัพท์ เพราะตั้งใจจะอยู่ตามลำพังกับหญิงสาว เพื่อปรับความเข้าใจกัน

“คุณณินครับ ที่ระยองโทรมาครับ บอกว่ามีปัญหานิดหน่อย ผมอยากจะไปดูแต่ติดงานทางนี้”
บรรพตโทรมาแจ้ง ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก็พบว่าเก้าโมงเช้า เมื่อเห็นว่าอีกนานกว่าคนหลับจะตื่นขึ้นมาจึงบอกบรรพตไป
“ผมอยู่ใกล้กว่าคุณ เดี๋ยวจะไปดูเอง”

ล็อคกุญแจห้องและบ้านอย่างแน่นหนา ให้แน่ใจว่าคนข้างใน ตื่นขึ้นมาจะออกไปไหนไม่ได้ สปอร์ตแล่นออกไปด้วยความรวดเร็ว ไม่นานก็ถึงที่หมาย เขาใช้เวลาจัดการกับปัญหาที่ไซด์งานอยู่หลายชั่วโมง กว่าจะกลับได้ ดวงตาคู่สวยที่หลับสนิทอยู่ค่อย ๆ ลืมขึ้น ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน จำได้ว่าง่วงมากและหลับไปกับชุดรับแขก แต่สภาพรอบตัวตอนนี้ ดูไม่คุ้นตานัก ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง รู้สึกมึน ๆ ศีรษะ ‘คงจะนอนนานไปหน่อย’ คิดอยู่คนเดียว

มองรอบ ๆ ห้องอย่างครุ่นคิด เมื่อแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องเดิมแล้ว วิ่งไปที่ประตูพยายามหมุนลูกบิดเปิดประตูออกแต่ไม่สำเร็จ เสียงเกรียวคลื่นดังสาดซัดเข้ามา เมื่อปิดเครื่องปรับอากาศ แล้วหมุนบานเกร็ดหน้าต่างออก ‘บ้านพักตากอากาศ’ เป็นสถานที่เดียว ที่คิดออกในตอนนี้ และยิ่งมั่นใจ เมื่อภาพห้องดูคุ้นตาขึ้น อาการหนักอึ้งที่หัวยังไม่หายไปซะทีเดียว เหลือบเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองวางอยู่กับพื้น คว้าเอาผ้าเช็ดตัวเดินหายไปในห้องน้ำ กลับออกมาพร้อมร่างกายที่สดชื่น แต่หากใจกลับตรงกันข้าม เมื่อภาพที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและเขา ลอยมาตรงหน้าอีกครั้ง

‘เขาไปไหนนะ’
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นคนพาตัวเองมาที่นี่ และไม่ต้องเดาด้วยซ้ำว่าทำไม ถึงได้หลับตั้งแต่เช้าถึงเย็นขนาดนี้ ไม่มีใครนอกจากเขาคนเดียวเท่านั้น เดินไปตู้เครื่องแป้ง เห็นกระเป๋าสะพายและกระปุกครีมต่าง ๆ วางอยู่แล้ว เปิดกระเป๋ารีบลงมือค้นหาในทันที แต่ก็ไม่มีสิ่งที่คิดไว้และอยากได้ เสียงรถแล่นเข้ามาจอดในบ้าน ไม่นานประตูห้องก็เปิดออก เขาจริง ๆ ด้วย

“ตื่นแล้วเหรอลี คุณหิวหรือเปล่า ผมซื้อข้าวมาให้แล้วอยู่ข้างนอก”
ถามด้วยความห่วงใย ขณะเดินตรงมาหาใกล้ ๆ ประณาลีกลับถอยห่างออกไปอย่างรังเกียจ
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม คุณก็ได้สิ่งที่ต้องการไปแล้วนี่ จะมายุ่งกับฉันอีกทำไม พาฉันกลับไปเดี๋ยวนี้นะ ฉันจะกลับบ้านได้ยินมั้ยว่าฉันจะกลับบ้าน”

“ผมอยู่ที่ไหน เมียผมก็ต้องอยู่ที่นั่นด้วย หรือลืมไปแล้วว่าเมื่อคืนระหว่างเรามีอะไรกัน หรือคุณยังไม่แน่ใจอยากให้ผมเตือนความจำให้อีก” จบคำก็ทำท่าจะเดินเข้าไปหาเธออีก
“อย่าเข้ามานะ คุณต้องการอะไรกันแน่ เราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว ฉันกับคุณจะเป็นเหมือนคนที่ไม่รู้จักกันอีก ฉันเกลียดคุณ เกลียดทุกคนที่อยู่รอบตัวคุณ ได้ยินมั้ยว่าฉันเกลียดคุณ”

“รวมทั้งคุณแม่ด้วยใช่มั้ยลี คุณไปพูดอะไรกับท่าน จนเสียใจแล้วตกบันได ถึงกับต้องนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างนั้น บอกผมมาคุณไปว่าอะไรท่าน” เมื่อคิดขึ้นได้ในสิ่งที่ตั้งใจจะไปคุยกับเธอเมื่อวาน แต่ก็มีเรื่องอื่นมาทำให้ลืมเรื่องนี้ไป ประณาลีไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยินนัก จึงถามเพื่อความแน่ใจว่าฟังไม่ผิด
“คุณว่าอะไรนะ”

“ก็แม่ผมไง หลังจากที่คุณไปพบที่บ้าน ก็ไม่ยอมพูดจากับใครอีก แล้วก็เดินพลัดตกบันไดบ้านเมื่อคืนก่อน จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่ฟื้นอีก บอกผมมาประณาลี คุณไปว่าอะไรท่าน ยายญาบอกว่าเห็นคุณกำลังจะกลับ ป้าแป้นก็บอกว่าคุณแม่กับคุณไปคุยกันตั้งนานอยู่ในห้องหนังสือ”
เสียงเขาหนักและดังขึ้น เมื่อเผลอคิดไปว่าเธออาจจะทะเลาะกับแม่ หรือว่าอะไรแม่จนเสียใจและเกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้น ประณาลียิ้มออกมาด้วยความสะใจในสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะพูดด้วยท่าทางที่เย้ยหยันคนที่ไม่ได้สติที่อยู่ห่างไกล

“หึ! ก็นับว่าฟ้ายังมีตา สวรรค์ยังเป็นใจ กรรมก็ยังวิ่งเร็วเหมือนติดจรวดอยู่ คนทำความเลวไว้ ก็ต้องได้รับผลกรรม ป่านนี้วิญญาณของพ่อกับแม่ฉันคงจะดีใจ คงสะใจที่คนเลว ๆ ต้องมารับกรรมแบบนี้”
“คุณหมายถึงใครประณาลี คุณกำลังพูดอะไรของคุณ นี่คุณเป็นอะไรไป”
ก้าวยาว ๆ เขามาบีบหัวไหล่สองข้างของคนตรงหน้า แล้วถามด้วยน้ำเสียงดังจนจะเป็นตะคอก
“ฉันก็หมายถึงคนที่คุณเรียกว่าแม่ไงล่ะ แม่เลว ๆ ของคุณไง”

“ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ แม่ผมไปทำอะไรให้คุณ แล้วตกลงคุณไปพูดอะไรกับท่าน บอกผมมานะประณาลี ก่อนที่ผมจะหมดความอดทน คุณอย่าคิดนะว่าผมจะไม่กล้าทำอะไรคุณ บอกผมมาว่าคุณไปว่าอะไรแม่ผม” โกรธขึ้นกว่าเดิมอีก
“อยากรู้คุณก็ไม่ถามแม่คุณสิ ถ้าแม่คุณกล้าพอที่จะพูดความจริงนะ แต่ฉันว่าแม่คุณไม่กล้าหรอก คนเลวก็คือเลว ไม่มีวันที่จะกลายเป็นคนดี เป็นคนสำนึกผิด กล้ารับในสิ่งที่ตัวเองก่อเอาไว้หรอก” ยิ้มเยาะคนตรงหน้าด้วยความขำ
“แม่ผมไปทำอะไรให้คุณ บอกมาเดี๋ยวนี้นะประณาลี ตกลงคุณเป็นใครกันแน่ แล้วมีอะไรที่ผมไม่รู้อีก”
เขย่าร่างเล็ก ๆ ไปมาเพราะความโกรธและอยากรู้เรื่อง

“ปล่อย คุณอยากรู้ก็ไปถามแม่คุณสิ อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันเกลียดคุณ เกลียดพวกคณานุรักษุ์ทุกคน เกลียด ๆ ๆ ได้ยินมั้ยว่าฉันเกลียด” ปัดมือเขาออกจากไหล่ได้สำเร็จ แล้วก็ผลักอกเขาจนเซไป แต่เขาก็ตั้งหลักได้ และตรงเข้ามาหาด้วยสีหน้าและท่าทางที่ดุดัน
“งั้นผมจะทำให้คุณรักผม และรักคณานุรักษุ์เอง” เหวี่ยงร่างเล็กด้วยความโมโห จนลงไปนอนกองอยู่บนเตียง ไม่ปล่อยให้หญิงสาวลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ เขาก็รีบตามลงไปประกบทันที

“ออกไปให้พ้นนะ อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันเกลียดคุณ บอกให้ออกไป ไป๊ ไปให้พ้น ฉันเกลียดคุณ” จูบที่ดุดัน รุนแรง ถูกมอบให้เจ้าของเรียวปากอย่างรวดเร็ว แม้อีกฝ่ายจะทุบกำปั้นใส่ร่างกำยำแค่ไหน แต่มันก็ไม่ได้ระคายผิวเขาด้วยซ้ำ
“ผมบอกแล้วไงว่าจะทำให้คุณรักผมเอง”

บอกก่อนที่จะกดริมฝีปากลงไปประกบกลีบกุหลาบนุ่มอีกครั้ง มือที่ช่ำชองเลื่อนไปปลดเปลื้องอาภรณ์ ที่หุ้มกายหญิงสาวไว้ในเวลาไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ เขาไม่วายที่จะชื่นชมเรือนร่างอันงดงาม ได้รูปราวแกะสลักอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อคืนได้เชยชมมาแล้ว ยิ้มเจ้าเล่ห์มีให้คนที่เอาแต่หลับตาปี๋ มือพยายามจะดึงผ้าห่มใกล้ตัว มาปกปิดร่างเปลือยให้รอดพ้นจากสายตาเขา แต่ไม่สำเร็จหรอก อกอวบอิ่ม นุ่มละมุน ผิวขาวราวหิมะของสาวเมืองเหนือ มีหรือที่จะยอมให้อะไรมากางกั้นสายตา

คนที่ได้ฉายาว่า ‘เสือผู้หญิง’ ทาบทับร่างบางลงไปอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ไม่มีอะไรมากางกั้น ระหว่างเนื้อเนียนละเอียดกับผิวกายที่กำยำ แข็งแกร่งได้ แม้ใจจะโกรธกับน้ำคำของหญิงสาว ที่หมิ่นผู้ให้กำเนิด แต่เขาก็ไม่อาจจะทำให้ร่างงามต้องบอบช้ำได้แน่ เพราะหัวใจที่รักในตัวเธอมีล้นเปี่ยม สัมผัสที่รุนแรงแต่แรก จึงเป็นเสมือนใบเบิกทางเท่านั้น เมื่อร่างระหงไร้ซึ่งเรี่ยวแรงทุบตี หรือตอบโต้ได้ แล้วเขาก็มอบรสรักที่อ่อนโยน ทะนุถนอมให้เธอเช่นเคย

อีกฝ่ายแม้จะรู้ดีว่าไม่ควรให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีก แต่เพียงแค่แรงหญิงมีหรือจะสู้แรงชาย อีกทั้งสัมผัสที่อ่อนโยนจากเขามันคอยจะทำให้ใจล่องลอยอยู่ร่ำไป ไหนจะเพราะหัวใจคิดคดขบถต่อตัวเองอีก ที่บังอาจแอบซุกซ่อนเขาไว้ในส่วนลึก ๆ อีก ทั้งหมดนี้มันช่วยกันรบเร้าให้เธอพ่ายแพ้อยู่ตลอดเวลา และดูเหมือนว่ามันจะทำสำเร็จด้วยแล้ว เพราะมือบางเผลอยกขึ้นไปลูบไล้ ตามแผ่นหลังของเขาอย่างแผ่วเบา เรียวปากมันเผลอไปจูบตอบโดยไม่รู้ตัว

“ลี ผมรักคุณ รักมาก รักอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อนด้วยซ้ำ”
คำหวานจากปากพร่ำบอกแทบไม่มีขาดตอน ส่วนประณาลีเองก็สุขใจเหลือเกิน เมื่อได้ยินคำ ๆ นี้ สุขใจเหลือเกินเมื่อมีเขาอยู่ข้างกาย สุขใจเหลือเกินเมื่อวงแขนแข็งแรงโอบรัดร่างตัวเองเอาไว้ มันสุขใจจนเธอเกือบจะเผลอตอบเขาไปว่า ‘ลีก็รักคุณเหมือนกันค่ะ’ แต่เธอก็ยังควบคุมปากไม่ให้พูดออกไปไว้ได้ และมันจะต้องไม่มีคำนี้หลุดออกมาตลอดไป เธอคิดไว้แบบนั้น

เช้าวันใหม่ร่างกำยำค่อย ๆ ลุกจากเตียงอย่างแผ่วเบา เพราะกลัวคนที่กำลังหลับสบายต้องตื่น ชายหาดขาวเป็นที่ที่เขาวิ่งออกกำลังกาย เมื่อได้เหงื่อแล้ว ก็กลับเข้าบ้าน พบว่าอีกคนยังนอนอยู่ จึงเดินเข้าครัวปรุงอาหารง่าย ๆ ที่เขาถนัดไว้รอ เพราะรู้ดีว่าเธอไม่ได้กินอะไร มาสองคืนกับอีกหนึ่งวันแล้ว เมื่อวานก็ตั้งใจว่าจะจัดหาอาหารให้กิน แต่ก็เกิดปะทะคารมกันก่อน กลับมาในห้องอีกทีพบแต่เตียงนอนที่ว่างเปล่า เสียงน้ำไหลดังมาจากห้องน้ำ ยิ้มอย่างพอใจแล้วก็ออกไปจัดโต๊ะ

“มากินข้าวได้แล้วลี คุณไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว เดี๋ยวจะเป็นลมไปซะก่อน”
เข้ามาเรียกคนที่หวีผมอยู่ในห้อง แต่ไม่มีคำพูดใด ๆ เล็ดรอดออกมาจากปากบาง เขาไม่ละความพยายามบอกออกไปอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงที่ดุและดังขึ้นกว่าเก่า
“ลี ผมบอกให้มากินข้าวไง ได้ยินหรือเปล่า”
“ฉันไม่หิว เชิญคุณกินไปคนเดียวเถอะ” ตอบทั้ง ๆ ที่ยังหันหลังให้เขาอยู่อย่างนั้น

“ตามใจหมดแล้วอย่ามาหาว่าผมใจดำนะ”
กลับออกมาจัดการกับอาหารด้วยความหิว เพราะตัวเองก็ไม่ได้กินอาหารเย็นเช่นกัน ส่วนที่เป็นของหญิงสาว เขาจัดการหาฝีชีมาครอบไว้ อยากจะลงโทษด้วยการไม่เหลืออาหารไว้ให้ แต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี มองไปยังประตูห้องตั้งแต่เริ่มกินจนอิ่มแปล้ ก็ยังไม่เห็นประตูห้องเปิดออก พลันเขาก็ลุกพรวดตรงไปยังห้อง และลากคนที่ยังนั่งหวีผมอยู่ ออกมาที่โต๊ะอย่างคนหมดความอดทน ประณาลีพยายามจะสบัดข้อมือแต่ก็ไม่เป็นผล

“ปล่อยฉันนะ”
“กินข้าวซะประณาลี คุณจะได้มีแรงเอาไว้ทำอะไรกับผมอีกไง ถ้าผมกลับจากอาบน้ำมาเห็นคุณนั่งมองจานข้าวแบบนี้ คงไม่ต้องให้บอกนะว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมอิ่มและมีแรงขึ้นกว่าเมื่อคืนด้วยนะ”

พูดจบก็เดินหายเข้าไปในห้อง สายตาหญิงสาวจ้องมองไปยังประตูบ้าน ที่เปิดอ้ารับลมอยู่อย่างนั้น ยิ้มออกมาเหมือนคนเห็นแสงสว่าง แม้อยากจะพากายไปให้หลุดพ้นจากเขาแค่ไหน แต่ก็รู้ดีว่าตอนนี้ร่างกายกำลังต้องการอาหารมากกว่าสิ่งอื่นใด

‘กินซะจะได้มีแรงหนี’
สั่งตัวเองได้อย่างนั้น จึงรีบตักอาหารเข้าปากโดยเร็ว หิวจนแทบจะเคี้ยวข้าวไม่ทันด้วยซ้ำ น้ำส้มที่วางไว้ให้ดื่มจนหมดแก้ว หันไปมองประตูห้องนอนที่ยังคงปิดอยู่อย่างนั้น ค่อย ๆ ลุกจากเก้าอี้ เดินหันหลังไปหาประตูหน้าบ้านช้า ๆ เมื่อแน่ใจว่าคนที่อยู่ในห้องจะยังไม่ออกมา ช่วงขาเรียวรีบออกวิ่งทันที ไม่สนใจด้วยซ้ำ ว่าเท้าเปล่าจะย่ำไปกับก้อนกรวดก้อนหิน ตามถนนเล็ก ๆ วิ่งออกมาได้ไกลพอสมควร

ในใจคิดว่าคงจะหนีพ้นแล้ว แต่จู่ ๆ หูเหมือนได้ยินเสียงเรียกอยู่ด้านหลัง หันกลับไปดูก็รู้ว่าเขาวิ่งตามออกมา ปากก็ร้องเรียกด้วยความโมโห ประณาลีวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต ท้องที่กินข้าวจนอิ่มเริ่มจุก เท้าที่ย่ำไปกับหินเริ่มเจ็บ แต่ก็ไม่ยอมหยุดวิ่ง ดีใจเป็นที่สุด เมื่อมองเห็นถนนใหญ่อยู่เบื้องหน้ารำไรจึงฮึดวิ่งจนสุดแรงเกิด

แต่มีหรือที่จะเร็วเท่าคนที่มีช่วงขายาวกว่า วิ่งเร็วกว่า และร่างกายแข็งแรงกว่า แถมยังมีร้องเท้ารองรับด้วยแล้ว คณินให้โกรธตัวเองเป็นที่สุด ที่คิดจะลองใจหญิงสาว ด้วยการเปิดประตูทิ้งเอาไว้ แล้วหายไปอาบน้ำ ไม่คาดคิดว่าเธอจะกล้าหนีเขามาแบบนี้ มาแบบตัวเปล่า ๆ ด้วยซ้ำ เห็นร่างบางอยู่ใกล้แค่เอื้อม จึงรีบสาวเท้าให้เร็วขึ้น ในที่สุดเขาก็คว้าเธอเอาไว้ได้

“ปล่อยฉันนะ บอกให้ปล่อย ช่วยด้วย ๆ ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย” ปากร้องส่วนตัวถูกเขาลากติดมือกลับทางเดิมไปแล้ว
“ร้องให้คอแตกก็ไม่มีใครได้ยินคุณหรอกลี ถึงได้ยินเขาก็ไม่ช่วยหรอก เพราะมันเป็นเรื่องของผัวเมีย ไม่มีใครจะมายุ่งหรอก มานี่! คุณใจกล้ามากเลยนะที่ออกมาในสภาพนี้ ไม่เห็นเหรอว่าถนนนี่มันเปลี่ยวแค่ไหน”
ปากว่ามือก็ลากแขนอีกคนไปด้วย เจ้าของแขนพยายามสบัดให้หลุดพ้นจากการบีบ แต่ก็เหมือนเสียแรงเปล่า แถมเจ็บที่ข้อมืออีก

“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
กำปั้นทุบไปที่หลังเขาหนัก ๆ หลายครั้งจนรู้สึกเจ็บ เท้าก็เตะลมเตะแล้งไปตามเรื่อง จากตอนแรกที่เดินไปตามแรงลากของเขา เข่าก็อ่อนลงจนหกล้ม เขาก็ยังไม่หยุดลากแขนเล็ก ๆ ไปอีก เท้าบางย่ำไปกับก้อนหินที่ทั้งแหลมอยู่ตามถนน
“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ ปล่อย”

“ทีอย่างนี้ทำเป็นเจ็บ ทีเมื่อกี้ทำไมวิ่งมาได้ทั้ง ๆ ที่ไม่มีรองเท้า มานี่!”
หันมาเห็นคนที่เพิ่งจะหกล้ม เอามือไปลูบเท้าด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด แล้วเขาก็ตัดสินใจแบกร่าง ที่คะเนน้ำหนักได้ว่าไม่เกินห้าสิบกิโลขึ้นบ่าเดินตรงไปยังบ้าน

“ปล่อยนะ ฉันเดินเองได้ บอกให้ปล่อย”
คนแบกไม่สนใจจะฟังด้วยซ้ำ พอถึงห้องก็โยนเธอลงไปกองไว้ที่เตียง แม้เมื่อคืนจะลิ้มลองรสรัก จากเรือนกายหญิงสาวแทบจะทั้งคืน แต่ความเป็นชายก็เรียกร้องให้ลงมืออีกครั้ง เพื่อเป็นการลงโทษ ที่เธอบังอาจหนีเขาไปแบบนี้
“ออกไปให้พ้นฉันนะ ออกไป ฉันเกลียดคุณ ออกไป”

“ผมบอกแล้วว่าอย่าทำให้ผมโกรธประณาลี ครั้งนี้จะเป็นบทเรียน ทีหลังคุณจะได้ไม่คิดหนีอีก”
แล้วหญิงสาวก็ได้รับบทลงโทษ จากเขาในเวลาไม่กี่อึดใจ โกรธตัวเองเป็นที่สุด ที่เพิ่งจะได้คิดว่า ทำไมจะต้องวิ่งหนีเขา แทนที่จะไปหากุญแจรถแล้วขับไปจะดีกว่า แต่ก็ดูเหมือนความคิดนี้มันสายไปซะแล้ว รสรักที่รุนแรงแต่แรก แปรเปลี่ยนเป็นนุ่มละมุนในเวลาต่อมา เช่นเดียวกับที่หญิงสาวเอง ก็ขัดขืนแต่แรก แต่ก็แปรเปลี่ยนเป็นเต็มใจในภายหลัง

คณินลืมตาขึ้นมาอีกทีพบว่าเกือบจะเที่ยงแล้ว วงแขนยังกอดร่างนุ่มอยู่อย่างนั้น แม้ใจอยากจะนอนเบียดกายอยู่ใกล้ ๆ เธอมากแค่ไหน แต่ความห่วงแม่ ห่วงงาน และความสงสัยในหลาย ๆ อย่าง ทำให้เขาต้องลุกจากเตียง ออกไปหาคอมพิวเตอร์ที่หอบมาด้วย ญาณินเป็นคนแรกที่เขาโทรหา ตามด้วยบรรพต และผู้จัดการไซด์งานต่าง ๆ ที่กำลังคุมโปรเจคอยู่ ตอบอีเมล์เรื่องงานอยู่ได้สักพัก พลันคำพูดของคนที่หลับอยู่ในห้อง ก็ผุดขึ้นมาในโสดประสาท

“หึ ก็นับว่าฟ้ายังมีตา สวรรค์ยังเป็นใจ กรรมก็ยังเร็วเหมือนติดจรวดอยู่ คนทำความเลวไว้ ก็ต้องได้รับผลกรรม ป่านนี้วิญญาณของพ่อกับแม่ฉันคงจะดีใจ คงจะสาสมใจที่คนเลว ๆ ต้องมารับกรรมแบบนี้”
“อยากรู้คุณก็ไม่ถามแม่คุณสิ ถ้าแม่คุณกล้าพอที่จะพูดนะ แต่ฉันว่าไม่หรอก คนเลวก็ยังคงเลว ไม่มีวันที่จะกลายเป็นคนดี เป็นคนสำนึกผิด กล้ารับในสิ่งที่ตัวเองก่อเอาไว้หรอก”
“ปล่อย คุณอยากรู้ก็ไปถามแม่คุณสิ อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันเกลียดคุณ เกลียดพวกคณานุรักษุ์ เกลียด ๆ ๆ ๆ ได้ยินมั้ยว่าฉันเกลียด”

“บรรพตช่วยให้คนไปสืบอะไรให้ผมหน่อย”
บรรพตคือคนที่เขาโทรหาอีกครั้ง แม้คนที่อยู่ปลายสายจะงง แต่ก็ตั้งใจฟังคำสั่งเจ้านายเป็นอย่างดี พร้อมเตรียมจดรายละเอียดอย่างที่เคยทำ

“ผมอยากรู้ว่า ประณาลี เป็นใครกันแน่ เอาให้ละเอียดกว่าคราวที่แล้วนะ จะไปสืบดูที่บ้านคุณยายเธอ ที่เชียงแสนก็ได้ ผมต้องการรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเธอ พ่อ แม่ พี่ น้อง เครือญาติ การศึกษา หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยง และสืบดูด้วยว่าพ่อแม่เธอ เกี่ยวข้องอะไรกับพ่อแม่ผม อีกอย่าง ผมอยากจะรู้ว่า นอกจากผมแล้ว คนในครอบครัวผมมีใครบ้าง ที่เธอรู้จักและคุ้นเคยเป็นการส่วนตัว ก่อนที่จะหมั้นกับผม ขอด่วนนะ มีอะไรส่งเมล์หรือโทรหาผมได้ตลอดเวลา” แม้จะรู้ว่าบรรพตงงกับคำสั่ง แต่ก็ไม่คิดที่จะอธิบายให้มากความ

พี่สาวกับน้องชายต่างสายเลือดเปิดประตูห้องประณาลีเข้ามา เพื่อสำรวจร่องรอยการหายไปของหญิงสาว ซึ่งทั้งสองไม่แน่ใจว่าจะสี่หรือห้าวันแล้ว ความที่เข้าใจว่าประณาลี บินกลับเชียงรายและอยู่กับยายแล้ว ทำให้ไม่มีใครคิดติดใจ ตอนที่นกมาเอารถตามที่ประณาลีบอกไว้ แพทได้โทรหาเธอแล้ว แต่ก็ไม่มีใครรับสาย แพทกลับคิดว่าน้องคงยังไม่อยากให้ใครรบกวน จึงทิ้งเรื่องนั้นให้ผ่านไป จนกระทั่งเมื่อเช้าที่ปวีร์โทรไปหายาย จึงได้รู้ว่าพี่สาวยังกลับไม่ถึงบ้าน

“กระเป๋าพี่ลีหายไปด้วยนะครับพี่แพท หรือพี่ลีจะไปพักผ่อนที่ไหนก่อน และไม่อยากบอกเรา”
“ไม่น่าเป็นไปได้นะวี แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน”

เมื่อสำรวจดูจนทั่วห้อง ก็ไม่พบร่องรอยการหายไปของพี่สาวเลย ทุกอย่างถูกจัดเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นที่นอนก็คลุมไว้อย่างดี ข้าวของเครื่องใช้บนตู้เครื่องแป้งก็หายไปด้วย ปวีร์ดูเหมือนจะตาไว เหลือบไปเห็นชามข้าวต้มที่อ่างล้างจาน ซึ่งยังไม่ได้ล้าง สองพี่น้องมองหน้ากันด้วยความสงสัย เพราะทุกครั้งที่ประณาลีจะออกจากห้อง จะจัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อยก่อนไปเสมอ ๆ

“อ๋อ คุณลีเหรอครับ ผมก็ไม่เห็นหลายวันแล้วนะครับ คิดว่าคงจะไปต่างจังหวัด ผมก็เลยไม่ได้ถามใคร รอสักครู่นะครับ ผมจะถาม รปภ. คนอื่นดู”
หัวหน้า รปภ. ตอบคำถามสองพี่น้องแล้วก็วอถามลูกน้องที่อยู่เวรกลางวัน แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน ส่ายหน้าเป็นการให้คำตอบกับผู้ที่รออย่างใจจดใจจ่อ แต่สีหน้าผู้ชายร่างล่ำ ก็ยิ้มออกมาอีกทำให้ปวีร์และแพทพลอยดีใจไปด้วย

“เดี๋ยวผมจะลองถามพวกที่ออกเวรไปแล้วดูก่อนนะครับ อาจจะมีใครเห็นคุณลีบ้าง”
หายเข้าไปกดโทรศัพท์โทรไปหาลูกน้องที่ออกเวรเป็นรายคน กว่าจะได้เรื่องก็อยู่ที่คนสุดท้ายพอดี
“ลูกน้องผมบอกว่า เมื่อสี่ห้าวันก่อนคุณณินอุ้มคุณลีลงมาจากห้องครับ บอกว่าคุณลีไม่สบายจะพาไปหาหมอ ลูกน้องผมยังเดินไปเปิดประตูรถให้คุณณินอยู่เลยนะครับ ลองโทรถามแกดู”

เพียงเท่านั้น สองพี่น้องยิ่งทวีความกังวลขึ้นอีกนับพันเท่า แพทไม่สามารถติดต่อคณินได้ แม้จะโทรหานับสิบ ๆ ครั้ง แหม่มก็ดูเหมือนจะไม่ได้ให้ความร่วมมืออะไร นอกจากจะตอบว่า

‘แหม่มไม่รู้ค่ะคุณแพท คุณณินไม่ได้เข้าบริษัทมาหลายวันแล้ว’
ส่วนปวีร์ที่แยกจากแพทไปตามหาพี่สาวก็ดูเหมือนจะคว้าน้ำเหลว ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือแม้แต่ที่คอนโดฯ ของคณิน ก็ไร้ซึ่งวี่แววคนที่เขาตามหา

“ไม่ได้เรื่องอะไรเลยครับพี่แพท ตอนแรกวีคิดว่าพี่ลีน่าจะถูกพาไปอยู่ที่คอนโดของนายคณิน แต่เขาไม่ได้ไปที่นั่นนานแล้วครับ เราจะทำยังไงดี นี่ก็ช่วยกันหามาทั้งวันแล้วนะครับ”
“วีพักก่อนเถอะดึกมากแล้ว พี่จะลองคิดอีกทีว่านายคณินจะพาลีไปที่ไหนอีก พี่ต้องพาเด็กไปแสดงแล้วนะวี”
แพทส่งเสียงมาตามสาย แต่พอเช้าวันใหม่แพทก็โทรหาปวีร์แต่เช้ามืด น้ำเสียงดูจะสดใสกว่าเมื่อวาน

“วี! พี่พอจะคิดออกแล้วว่านายคณินจะพาลีไปอยู่ที่ไหน”
“ที่ไหนครับ” คนรับยังไม่ตื่นดี แต่เมื่อเป็นข่าวของพี่สาวเขาก็ลืมงัวเงียเป็นปลิดทิ้งเลย
“บ้านพักตากอากาศไงวี” สรุปได้ดังนั้น ทั้งคู่จึงรีบบึ่งรถมุ่งหน้าไปพัทยาในเวลาต่อมา

สปอร์ตคันหรูขับเข้าไปจอดที่ท่าเรือในเวลาเช้าตรู่ เรือยอร์ชลำโตจอดเที่ยบท่ารออยู่ก่อนแล้ว พนักงานคอยอำนวยความสะดวกให้ และรายงานการจัดเตรียมข้าวของตามที่เขาสั่งเป็นที่เรียบร้อย ประณาลีจะพยายามส่งสายตา เพื่อขอความช่วยเหลือจากคนเหล่านั้น แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ผล เพราะไม่มีใครจะใส่ใจเธอเลยสักนิด แม้จะยืนมองอาการที่เขากึ่งจูง กึ่งลากเธอขึ้นไปบนเรือก็ตาม ก็ไม่มีใครคิดที่จะสนใจ ประหนึ่งมีใครสั่งห้ามเอาไว้แล้วก็ไม่ปาน

“เอารถไปจอดไว้ที่อื่นให้ผมด้วย และอย่าลืมทำตามที่ผมสั่งด้วยนะ บอกคนของคุณด้วย”
สั่งพนักงานแค่นั้น ก่อนจะไปประจำที่ เมื่อสมอขึ้นจากน้ำ เขาก็กลายเป็นกัปตันในเวลาต่อมา
“คุณจะพาฉันไปไหน”

อดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามาถาม คนที่ทำหน้าที่ควบเรือแล่นออกไปกลางทะเล คณินทำเหมือนไม่ได้ยิน เอาแต่มองตรงไปข้างหน้าอยู่อย่างนั้น จนหญิงสาวอดไม่ได้ต้องถามซ้ำอีกครั้ง และดังกว่าครั้งก่อน แต่เขาก็ยังไม่คิดที่จะตอบแต่อย่างใด ได้แต่บังคับเรือด้วยความเร็วมุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว คนให้อ่อนใจ เดินหนีเขาไปอยู่อีกฟากของเรือด้วยความหงุดหงิด







 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2552
1 comments
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2552 7:30:39 น.
Counter : 552 Pageviews.

 

ดำเนินเรื่องได้ลื่นไหลดีค่ะ

เนื้อหาก็เข้มข้นได้ทุกตอนเลยจริงๆ

 

โดย: Ki IP: 110.49.21.31 23 มิถุนายน 2552 12:10:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.