Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
1 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

ธารลาวา ๑๒ (ธัญรัตน์)




ตอน ๑๒

“ครั้งก่อนผมจำได้ว่าคุณติดเลี้ยงกาแฟผมอยู่ งั้นคืนนี้ถึงคราวที่คุณต้องใช้คืนแล้วล่ะ”

ไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยปากปฏิเสธ เขาก็เดินลงจากรถพร้อมตรงไปยังคอฟฟี่ช๊อป ที่อยู่ในคอนโดฯ เสียอย่างนั้น การควบคุมเขาไม่อยู่ หรือไม่รู้ว่าเขาจะเอายังไงต่อ คือสิ่งที่ประณาลีไม่ชอบเอาเสียเลย มันออกจะเสี่ยงไปสักหน่อย ที่จะให้เขามานั่งจิบกาแฟที่นี่ เพราะโอกาสที่นเรศ ซึ่งรู้ว่าเธออยู่ที่ไหนจะมาเห็นมีมากเช่นกัน ส่วนคามินความเป็นคนมีมารยาท ที่ไม่เคยถามว่าเธอพักที่ไหน เขาจึงไม่รู้ หรืออาจจะรู้แต่ไม่บอกเธอก็เป็นได้

“นั่งตรงนี้ดีกว่าค่ะ”
มุมที่สามารถปิดบังการมองเห็น จากคนภายนอกถูกเลือกโดยเธอ ซึ่งเขาไม่ว่าอะไรได้แต่เดินตามไปนั่งพร้อมสั่งกาแฟที่เขาไม่ได้อยากจะดื่มสักนิด แต่ถ้ายืดเวลาที่จะได้อยู่ใกล้ ๆ อีกคนหน่อยเขาก็ยอม เพราะวันนี้เป็นวันว่างแบบจริง ๆ ไม่มีงานเลี้ยงที่ไหนให้ยกเลิก เพื่อมาอยู่กับเธอ แต่วันต่อไปไม่แน่ ว่าเขาจะได้มีโอกาสทำคะแนนให้เธอปลื้มได้บ้างไหม เพราะจำจะต้องไปงานเลี้ยงนั้น ๆ ด้วยกฏเกณฑ์ทางสังคม ซึ่งอาจจะนำมาของช่องทาง ทางธุรกิจให้กับเขาอย่างประเมินค่าไม่ได้

“ขอบคุณค่ะที่มาส่งจนถึงประตูห้อง” น้ำเสียงที่จงใจประชด เมื่อไม่สามารถทัดทานให้เขาส่งแค่หน้าลิฟท์ได้
“ด้วยความยินดีครับคุณผู้หญิง เอ่อ! ระดับเศรษฐีอย่างผมมาส่งให้ขนาดนี้ พอจะมีรางวัลบ้างหรือเปล่าครับ”
ความเป็นเขาเริ่มขึ้นแล้ว สายตาคมจ้องเขม็งไปยังเจ้าของหน้าสวย ที่เหมือนจะหยุดคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะตอบออกมา

“ฉันไม่ได้เรียกร้องให้เศรษฐีคนไหน ต้องลำบากมาส่ง จึงไม่คิดว่าจะต้องให้รางวัลอะไรค่ะ และอีกอย่างคนจน ๆ อย่างฉัน คงไม่สามารถจะหาของมีค่าอะไร มาตอบแทนได้หรอก และก็เดาได้ว่าคนอย่างคุณคงจะมีครบแล้ว ขอตัวนะคะ”
แค่นั้นก็หันหลังให้เขาเพื่อหยิบเอาการ์ดในกระเป๋า ร่างบางถึงกับสะดุ้ง เมื่อวงแขนแข็งแรงสองข้างรวบเธอมาจากด้านหลัง ก่อนที่แก้มจะถูกเขากดจมูกลงไปพร้อมกับสูดดมอย่างแรง

“นี่ไงของมีค่าของคุณ กุ๊ดไนท์ นะครับ คุณครู”

ยิ้มกว้างที่เธอไม่อยากเห็น ก่อนจะรีบเดินกลับไปทางเดิม ทิ้งให้อีกคนที่โกรธอย่างเอาเป็นเอาตาย น้ำในห้องต้องทำหน้าที่ชำระล้างอีกครั้ง สายตาที่ดุกร้าว หากใครมาเห็นก็คงจะต้องรีบถอยห่าง กระจกเงาตรงหน้าช่วยเตือนสติเธอได้เป็นอย่างดี เพราะใบหน้าสวย ๆ เวลาโกรธจัด ๆ นี่ ดูไม่น่ามองเลยสักนิด

พลัน! ก็ได้คิดว่าจะไปโกรธเคืองอะไร กับอีแค่ถูกนายนั่นหอมแก้ม ก็เธอเคยเตรียมใจเอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ว่ากว่าที่จะเอาชนะใจนายนั่นได้ มันอาจจะมากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่าจะมากแค่ไหน เธอก็ไม่มีวันปล่อยให้มันเกินเลยไป จนตัวเองต้องเสียสิ่งที่หวงแหนมานับสิบปีเป็นแน่ เธอจะต้องรีบทำให้พวกศัตรูต้องเจ็บปวดแล้วจากไป ก่อนที่จะตัวเองจะสูญเสียไปมากกว่านั้น

“เป็นยังไงบ้างลี มีอะไรคืบหน้าบ้างมั้ย”
ความอยากรู้ว่าแผนการไปถึงไหนแล้ว ทำให้แพทต้องรีบมาทำงานเร็วกว่าปกติ โดยกะเอาว่าชั่วโมงแรกที่ครูสาวสอนเสร็จ ออกมาเบรคจะได้คุยกันพอดี หลังจากที่ไปเยือนถิ่นศัตรูผ่านไปอาทิตย์หนึ่ง

“ไม่มีอะไรมากค่ะพี่แพท นายนั่นแค่ไปมองดูลีสอนอยู่นอกห้อง แล้วก็หายไปเลยค่ะ ข้าวเย็นก็ไม่เคยได้กินด้วยกัน คิดว่าคงจะยุ่งเรื่องออกงานสังคมมั้งคะ ที่ห้องนอนลีก็หาอะไรได้ไม่มากค่ะ เพราะจะล็อคลิ้นชักทุกชั้นไว้หมดเลย อยู่กับพี่แหม่มโอกาสสำรวจอะไร ๆ มียากกว่าอยู่กับนายนั่นอีกค่ะพี่แพท” สีหน้าที่ออกจะหนักใจนิด ๆ มีให้แพทเห็น

“น่าลี เหลือเวลาอีกตั้งสามอาทิตย์มันต้องมีวันของเราบ้างล่ะน่า แล้วนายคณินพอจะมีทีท่ากับลีบ้างหรือยัง”
“ดูไม่ออกค่ะ ยิ่งต่อหน้าพนักงานแล้ว ลีเห็นนายนั่นทำหน้าเฉยมาก ๆ ค่ะ”
“เหรอ แล้วทำไมลีไม่ดึงเขาไว้บ้างล่ะ ปล่อยให้หนีไปบ่อย ๆ เดี๋ยวจะเสียโอกาสงาม ๆ ไปนะ”
แพทออกจะห่วงในเรื่องนี้ไม่น้อย

“หึ! ไม่หรอกค่ะพี่แพท ลีจะไม่ดึงนายนั่นไว้เด็ดขาด เพราะเท่าที่ดูนะ เขาน่าจะชอบเป็นคนดึงคนอื่นมากกว่า อยากจะเล่นตัวนัก ทีนี้ก็ถึงทีของลีบ้างล่ะค่ะ เรื่องอะไรจะไปวิ่งตามเหมือนแม่สาว ๆ ของนายนั่นคะ”

เท่าที่ไตร่ตรองดูท่าทีของศัตรู เธอเหมือนจะเดาทางได้ลาง ๆ ว่าชอบเป็นคนคุมเกมส์มากกว่า เธอจึงตั้งใจว่าจะลงไปเล่นด้วยหน่อย ให้เขาได้ตายใจว่าเอาชนะและควบคุมเธอได้ เอาไว้แค่เวลาฉุกเฉินเท่านั้น ที่เธอจะพลิกกลับมาเป็นคนคุมเกมส์แทนเอง

“ยังไง ๆ ก็ระวังตัวดี ๆ นะ เครื่องป้องกันตัวอย่าให้ห่างล่ะ...เอ้อ...นายนเรศโทรมาถามพี่แล้วนะจะให้ตอบว่ายังไง”
อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน ที่อยากจะรอถามเจ้าของแผนการ

“พี่แพทต้องตอบตกลงแบบกึ่งรับกึ่งสู้นะคะ ออกตัวว่ากลัวลีจะจับได้ แต่ก็อยากจะช่วย แล้วบอกไปด้วยว่า ถ้าเกิดลีจับได้ให้นายนเรศรับผิดเพียงคนเดียว อย่าดึงเอาพี่แพทไปเกี่ยวข้องด้วย ประมาณนี้ค่ะ เสร็จแล้วเมื่อได้หนังสือมอบอำนาจมาก็ดึงไว้อีกสักพักก่อน แล้วค่อยถามลีเป็นระยะ ๆ นะคะ” ยิ้มที่ออกจะสุขใจที่แผนการคืบหน้าไปเรื่อย ๆ

“ได้ ๆ แค่นี้ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวเจ๊แพทจัดให้...เอ้อ...อีกเรื่องนะลี ตาวีถามว่าจะให้ทำยังไงต่อดี แม่ญาณินชวนไปเที่ยวพัทยาสองสามวันจะให้ไปมั้ย แต่ไม่ได้ไปกันสองต่อสองหรอก มีเพื่อนไปด้วย”
“ก็ไปเลยค่ะ ส่วนแผนก็เริ่มไปทีละขั้นได้เลย แต่อย่าเร่งรีบนะ บอกวีด้วยว่าต้องรอให้ลีมั่นใจกับทางนี้ก่อนค่ะ”
“ได้ ๆ แล้วลีจะไปหานายคามินบ้างมั้ย”

“ไม่ค่ะพี่แพท ลียุ่ง ๆ ด้วย กว่าจะเสร็จก็เหนื่อยเหมือนกัน เอาไว้ให้ถึงวันหยุดของลีเหมือนเดิมจะดีกว่าค่ะ ยังไง ๆ นายคามินก็ต้องรอลีอยู่วันยังค่ำ ตอนนี้ขอจัดการนายคณินให้อยู่หมัดก่อน ไปนะคะถึงเวลาแล้ว”
ไม่ทันที่แพทจะได้หารืออะไรอีก ร่างในโจงกระเบนก็เดินหายไปจากห้องแล้ว

งานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของนักการเมืองคนหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนในสังคมไม่น้อย หลังจากที่เจ้าของงานเป่าเทียนเสร็จสิ้นไป ภาระกิจอันสำคัญของคณิน ที่หมายมั่นว่าจะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปด้วย ก็เสร็จสิ้นไปเช่นกัน แม้งานจะไม่ใช่ระดับร้อยล้าน แต่ก็เป็นสิบ ๆ ล้านเหมือนกัน เมื่อเขาถูกแนะนำให้รู้จักกับชาวต่างชาติ ที่มาร่วมในงานจากผู้ใหญ่คนหนึ่ง พร้อมกับบรรยายสรรพคุณของงาน ที่เขาทำอยู่เป็นประจำ ก็เป็นใบเบิกทางให้เขาได้สิทธิ์ เสนอราคางานสร้างบ้านให้เพื่อนใหม่ ที่มีแผนจะไปปลูกที่เชียงรายพอดิบพอดี

อันที่จริงจะว่าเขาโชคดีสองต่อก็ไม่ผิดนักหรอก เพราะวันนี้ว่าที่ลูกค้า ที่เขาตามไปดูแลแทบจะทุกอย่างก้าวเมื่อหลายวันก่อน หลังจากที่ขอกลับไปตัดสินใจกับหุ้นส่วนที่อังกฤษแล้ว ก็โทรมาแจ้งข่าวดีว่าบริษัทเขาได้งานนี้แล้ว พร้อมนัดให้เขาบินไปเซ็นสัญญาได้เลย หลังจากที่อ่านร่างสัญญา เป็นที่พอใจกันทั้งสองฝ่ายแล้ว คืนนี้เขาจึงรู้สึกผ่อนคลาย ได้กว่าหลาย ๆ คืนที่ผ่านมา

หรือจะเป็นเพราะสาวร่างระหงที่เป็นคู่รำ ที่นำพาให้เขาได้รู้สึกสบาย ๆ พาตัวเองเคลื่อนไหวไปตามจังหวะเพลง ที่พริ้วเบาด้วยก็เป็นได้ รู้ตัวว่าคู่เต้นรำออกจะอินไปกับบรรยากาศ จนดูจะเกินเหตุ เพราะคุณเธอเอาแก้มขาว ๆ ไปแนบไว้กับอก ที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ส่วนมือสองข้างก็ยกขึ้นไปโอบที่ลำคอเขาไว้อยู่อย่างนั้น ตั้งแต่ที่เขาถูกลากมาที่กลางฟลอร์แล้ว แม้จะรู้ตัวว่าสายตาหลาย ๆ คู่จับจ้องมา แต่คนอย่างคณินมีหรือจะเกรงอะไร ก็ในเมื่อยังคงควบคุมตัวเองให้อยู่ในกรอบของทุก ๆ ครั้งเวลาออกงานได้

ต่อให้ผู้หญิงอย่างโชติกา จะทำตัวประกาศก้องว่าเขาเป็นของเธอผู้เดียวยังไง เขาก็ไม่มีวันถูกตำหนิติเตียน จากคนในสังคมเป็นแน่ หรือถ้ามีก็คงจะน้อยเต็มที หากแต่คู่เต้นรำคนนี้ต่างหากที่จะเป็นฝ่ายเสีย เพราะหลงเอาวัฒนะธรรมต่างแดนเข้ามาใช้ในสังคมบ้าน แม้ยุคนี้จะเป็นยุคของการสื่อสารที่ไร้พรมแดน แต่จะอย่างไรเสียในสายตาของผู้ใหญ่ ที่มาร่วมงานนี้ก็ยังคง ยึดถือขนบธรรมเนียมแบบไทย ๆ เอาไว้อย่างเหนียวแน่นอยู่นั่นเอง

“โรส! ดูเหมือนเราจะกลายเป็นเป้านิ่ง ให้คนในงานมองมากเกินไปแล้วนะ”

แม้จะไม่ห่วง แต่ก็อดที่จะเตือนหญิงคู่เต้นไม่ได้ อีกฝ่ายกลับไม่ได้ใยดี กับสิ่งที่เขาเปล่งออกมาแม้แต่น้อย กลับกระชับมือทั้งสองข้าง ที่โอบต้นคอเขาอยู่ขึ้น แถมแนบลำตัวเข้าไปเบียดให้ชิดกว่าเดิมอีกต่างหาก แม้เธอจะไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาจะเกี่ยวก้อยเข้าประตูวิวาห์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า สาวสวย และเจนสังคมคนนี้ ทำให้เป็นสุขแค่ไหน เมื่อเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เขาได้แต่ยิ้มจาง ๆ ให้ผู้ใหญ่ที่เต้นรำอยู่กับภรรยาไม่ห่างมากนัก

“คืนนี้ณินจะค้างที่คอนโดโรสหรือเปล่าคะ คิดถึงจะแย่”

เสียงออดอ้อนกระซิบถามเบา ๆ เมื่อใบหน้ารูปไข่เงยขึ้นไปหาเจ้าของอกกว้าง และดูเหมือนเจ้าของคำถามจะพอใจนัก เมื่อรอยยิ้มของคู่เต้นรำส่งออกมาแทนคำตอบ นับวันโชติกาก็ยิ่งประทับใจในรสรักที่เขามอบให้มากขึ้นเท่านั้น แต่ก็มีอีกหลาย ๆ คนที่ลีลาไม่ได้แพ้เขานัก หากแต่แพ้ด้วยหน้าตาที่เธอค่อนข้างจะถือเป็นจุดสำคัญด้วย

ภายในงานหากทั้งคู่จะมองกว้างออกไปอีกนิด ก็จะพบกับสายตาที่หวานฉ่ำ ของสตรีสวยจนหาตัวจับยากอีกคน ที่แนบแก้มไว้กับอกแข็งแรงของใครบางคน ส่วนมือทั้งสองข้างก็ดูเหมือนกลัวจะแพ้โชติกา แม้จะเคลื่อนกายไปพร้อม ๆ กับคู่เต้นรำตรงหน้า แต่สายตาและจิตใจของสตรีผู้นี้ ไม่ได้เปลี่ยนทิศทางการมองไปทางไหนมากไปกว่า ร่างสูง กำยำ อกที่ผาย ไหล่ที่พึง พร้อม ๆ กับท่าทีที่ดูจะพกพาความมั่นใจในตัวเองสูงของเขาคนนั้นแทบจะตั้งแต่เข้ามาในงานแล้ว

“วิ! เราจะได้เจอกันแบบนี้อีกบ่อย ๆ มั้ย”
เจ้าของอกที่แก้มขาวอิงแอบถามขึ้น ทำให้วิชุดาที่มีหัวใจล่องลอยไปอยู่กับใครบางคน ทำได้แค่ยิ้ม
“พรุ่งนี้ผมก็ต้องไปลุยงานที่บริษัทคุณพ่อแล้ว คงจะยุ่งจนหาเวลามาเที่ยวกับวิไม่ได้สักระยะหนึ่งแน่ ๆ เลย วิก็รู้ว่าผมจะไม่ออกเที่ยวไหน ถ้าภาระกิจยังไม่เสร็จสมบูรณ์”

ชลทิศหนุ่มรูปงามบอกไปเรื่อย ๆ เพราะตั้งแต่ที่เขาและวิชุดาเรียนจบกลับมาจากอเมริกาพร้อมกันได้ไม่กี่วัน ก็ต้องไปเริ่มช่วยงานครอบครัวแล้ว แต่ในใจก็อดห่วง หวง คู่รักในอ้อมกอดไม่ได้ ถึงความลับในเรือนร่างของสาวคนนี้เขาได้ค้นพบตั้งแต่ที่เรียนอยู่ด้วยกันแล้ว แต่เขาก็มั่นใจตัวเองนักว่าเขาได้มอบหัวใจให้เธอไปด้วยเป็นของแลกเปลี่ยน

“ดีแล้วล่ะค่ะทิศ เราจะได้ห่างกันสักพัก จะได้ให้เวลากันและกันไงคะ”
เขารู้ดีว่าคำพูดแบบนี้ บ่งบอกว่าเธอยังต้องการจะรู้จักกับเพศตรงข้ามเพื่อค้นหาให้เจอคนที่ใช่จริง ๆ ขัดใจอยู่ไม่น้อย แต่ความที่คนทั้งคู่ตกลงว่าจะเคารพการตัดสินใจของอีกฝ่าย ทำให้เขาไม่อาจจะผูกมัดเธอเอาไว้กับตัวเองได้ จึงมีแต่ความเงียบเท่านั้นที่เป็นข้อโต้แย้ง

ยิ้มที่ออกจะพึงพอใจในความไม่เซ้าซี้ของเจ้าของอกทำให้วิชุดาพอใจเป็นที่สุด ‘ใช่แล้ว’ เธอต้องการเวลา ต้องการจะค้นหาอีกหลาย ๆ คน และคนแรกที่เธอจะตรงดิ่งเข้าไปค้นหาก็คือ ชายที่ถูก ‘แม่โรส’ โอบกอดเอาไว้นั่นเอง เพราะประวัติของคณินถูกเธอสืบค้นอย่างแจ่มแจ้งมาแล้วจากพวกที่ชอบอวดภูมิที่มาร่วมงานนี้นี่เอง ความเป็นหนุ่มรูปงาม พร้อมฐานะที่เป็นปึกแผ่น บวกกับการรักษาสถานะภาพที่โสดเอาไว้ได้ ทำให้เธออยากจะลองพิสูจน์ดูสักหน่อย ว่าเขาจะมีอะไรดี ๆ ซุกซ่อนเอาไว้อีก

ห้องสี่เหลี่ยมที่มีกระจกติดไว้ข้างผนัง กับพื้นที่ถูกเช็ดถูจนมันวับวาว ร่างอรชรทั้งครูและนักเรียนต่างก็เคลื่อยย้ายไปมาตามท่ารำต่าง ๆ ที่ถูกถ่ายทอดด้วยครูสาว แม้วันนี้จะมีอาการอ่อนล้าอยู่บ้าง เพราะสอนมาตั้งแต่สิบโมงเช้า แถมต้องรบกับนักเรียนตัวน้อย ๆ ที่ช่วงปิดเทอมมักจะมีผู้ปกครองพามาลงทะเบียนเรียนรำกันมากขึ้น แต่กระนั้นครูสาวก็ยังเก็บแรงเอาไว้ให้สู้กับอีกสามชั่วโมงที่เหลือของวันนี้ได้อีก ซึ่งเธอเริ่มสอนระบำเชียงแสนเป็นวันที่สองของสัปดาห์ที่สอง

“ดีมากค่ะ งั้นเรามาเริ่มใหม่อีกรอบนะคะ แบ่งแถวละ ๓ คนออกเป็นสองแถวเหมือนเดิมกันเลยค่ะ”

“ท่าที่ ๑ จีบ ๒ มือ ปล่อยตั้งวงหน้า ทั้งสองแถว หันตัวไปทางขวา ก้าวเท้าขวา เอียงขวา เบี่ยงไหล่ขวา มือซ้ายจีบหงายชายพก มือขวาจีบส่งหลังค่ะ ต่อด้วยก้าวเท้าซ้าย ปล่อยจีบมาตั้งวงหน้า เอียงซ้าย มือขวาวงสูงกว่ามือซ้าย เบี่ยงไหล่ซ้าย หน้าตรง ทั้งสองแถวกลับมาทำอีกข้างค่ะ หันตัวไปทางซ้าย ก้าวเท้าซ้าย เอียงซ้าย เบี่ยงไหล่ซ้าย มือขวาจีบหงายชายพก มือซ้ายจีบส่งหลัง เท้าขวาก้าวค่ะ ปล่อยจีบมาตั้งวงหน้า เอียงขวา มือซ้ายวงสูงกว่ามือขวา เบี่ยงไหล่ขวา หน้าตรง”

“ท่าที่ ๒ วงหงายสูง จีบหลัง สลับวงสูง จีบหงายแขนตึง แถวขวา มือซ้ายสอดจีบแล้วปล่อยเป็นวงหงายสูง มือขวาจีบส่งหลัง แถวซ้าย มือขวาสอดจีบแล้วปล่อยเป็นวงหงายสูง มือซ้ายจีบส่งหลัง....”

แม้ปากจะสอน สายตาจะจับจ้องไปที่ศิษย์สาว ๆ สวย ๆ แต่ผู้เป็นครูก็รับรู้ได้ตลอดเวลาว่าเหยื่อหนุ่มได้เข้ามาในห้องเรียน และกำลังจ้องมองเธอได้สักพักแล้ว ความที่จะต้องร่ายรำเป็นแบบอย่างให้นักเรียนทำให้เธอไม่สามารถปลีกตัวไปทักทายเขาได้ แม้จะอยากทำแบบนั้นก็ตาม แต่อีกใจประณาลีก็คิดว่าดีเหมือนกันที่ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ให้เขามายืนมองเธอแบบนี้ทุกวันจะเป็นการดีกว่า เธอมั่นใจว่าเสน่ห์ของสตรีเพศที่ตัวเองมี จะต้องสร้างความหวั่นไหวให้เขาได้ไม่มากก็น้อยเป็นแน่

“คุณณินคะมีแขกมารอพบค่ะ ไม่ได้นัดเอาไว้หรอกค่ะ แหม่มถามว่าชื่ออะไรก็ไม่ยอมบอกค่ะ”

แหม่มเข้ามากระซิบร่างสูงที่นั่งไขว้ห้างมือกอดอก สายตามองไปยังร่างระหงนั้นอย่างจับจ้อง แม้จะไม่หันไปหาแหม่มที่เดินเข้ามา แต่เขาก็รับรู้ว่ามีแขกมารอพบ ทำให้รู้สึกขัดใจไม่น้อยที่มาแย่งเวลาการบริหารสายตาของเขา ครูสาวไม่ได้มีความหมายใด ๆ กับจิตใจเขา หากแต่ก็ชอบเดินเข้ามาดูเธอทำงาน และนั่งมองอยู่ได้สักพักแทบจะทุกวัน และวันนี้เขาคาดเดาว่าคงจะได้มีโอกาสพาเธอไปกินข้าว พร้อมกับตั้งใจว่าจะประทับรอยจูบให้ แทนการกดจมูกลงไปที่แก้มเหมือนวันนั้นแทน

แหม่มถึงกับงงที่จู่ ๆ เจ้านายหนุ่มก็ยิ้มกับตัวเองเมื่อมองไปยังครูสาว แต่แล้วจู่ ๆ ก็ลุกเดินออกจากห้องไปอย่างไม่มีปี่มีขลุยซะอย่างนั้น จนเลขาฯ คู่ใจต้องรีบเดินแกมวิ่งตามไป

“แหม่มช่วยยกกาแฟเข้าไปให้ผมกับแขกในห้องด้วยนะ”
ขายาว ๆ ของเขาสาวไม่กี่ทีก็มายืนอยู่หน้าห้องทำงานตัวเอง พร้อมได้ทำความรู้จักกับแขกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่แหม่มจะมาถึงหน้าห้องด้วยซ้ำ
“เชิญด้านในดีกว่าครับคุณวิ”
ประตูห้องทำงานถูกเปิดออก ให้ร่างขาวที่มีเสื้อเกาะอกกับกางเกงยีนส์ราคาเรือนหมื่น เดินผ่านหน้าเขาไป

“ขอบคุณค่ะ”
ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองให้มากไปนัก แต่การที่ต้นแขนของแขกที่เฉียดหน้าอกเขาไปนี่ บ่งบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายดูจะจงใจเหลือเกิน แหม่มได้แต่ยิ้มพร้อมส่ายหน้าน้อย ๆ เมื่อเจ้านายหันมามองก่อนจะตามแขกเข้าไปในห้อง

บ้านพักตากอากาศหลังใหญ่ ได้ถูกใช้งานจากญาณินและเพื่อน ๆ มาจะเข้าคืนที่สองแล้ว ปวีร์ผู้ได้ไฟเขียวจากพี่สาวนั่งจิบเบียร์เย็น ๆ อยู่กับอีกสามหนุ่ม ที่เป็นเพื่อนของญาณิน เขาเองก็พอจะรู้จักบ้าง แต่ไม่ค่อยจะสนิทเท่ากับสองสาว ซึ่งอีกหนึ่งกลายเป็นเป้าหมายเขาอย่างไม่รู้ตัว ตอนนี้รู้แล้วว่าจะต้องรุกขั้นต่อไป แต่ก็ยังมองไม่เห็นทางว่าจะทำได้ยังไง ในเมื่อญาณินหอบเอาเพื่อนมาตั้งเจ็ดคน ตั้งแต่มาถึงบ้านพัก จนป่านนี้ก็ยังหาโอกาสได้เข้าใกล้ตามแผนไม่ได้เลยสักครั้ง

อีกทั้งใจก็ไม่ปรารถนาที่จะรุกกับญาณิน มากไปกว่าอยากจะรุกกับอีกคน ที่ตั้งแต่มาก็วุ่นวายอยู่กับการคอยบริการพวกเพื่อน ๆ ที่เป็นลูกผู้มีอันจะกิน จนแทบจะหาเวลาพักไม่ได้ ถึงรู้ดีว่าเจ้าของหน้าแฉล้มจะ เต็มใจอำนวยความสะดวกให้เพื่อนก็ตามที แต่เขาก็ให้ขัดใจอยู่ลึก ๆ ที่บรรดลูกท่านหลานเธอ แทบจะไม่กระดิกนิ้วเลยด้วยซ้ำ ญาณินเองก็ไม่แตกต่างจากคนอื่นนัก ตั้งแต่มาก็ทำเอาคนดูแลบ้านสองสามีภรรยา ที่อยู่ในวัยกลางคนวิ่งวุ่นแทบทั้งวัน พร้อมกับลูกชายที่อยู่ในวัยหนุ่มน้อย แทบจะไม่ได้นั่งเลยก็ว่าได้ เพราะจะต้องวิ่งหาโน่นหานี่ มาคอยรองรับตามความต้องการของเจ้านาย

นี่กระมังที่ทำให้เกสราต้องลุกขึ้นมาหยิบโน่นจับนี่ช่วย ‘สามพ่อแม่ลูก’ นี่กระมังที่ทำให้เขาประทับใจสาวคนนี้มาโดยตลอด ครอบครัวทางบ้านของเธอไม่ได้ร่ำรวย จนเป็นเหตุให้หยิบจับอะไรไม่เป็น แต่ก็ไม่ได้ยากจน ขนาดต้องดิ้นรนทำมาหาเลี้ยงตัว เธอจัดอยู่ในเกณฑ์ครอบครัวมีฐานะปานกลาง จึงสามารถเป็น ‘คุณหนู’ เมื่ออยู่บ้าน และเปลี่ยนเป็นผู้นำเพื่อน ๆ ทำโน่นทำนี่ได้เมื่อเวลาอยู่ข้างนอก

“เกด ‘กุ้ง’ ของเราได้หรือยังจ๊ะ กินวันนี้นะไม่ได้กินพรุ่งนี้”

เสียงหวาน ๆ ของญาณิน บวกกับรอยยิ้มที่แสนจะจริงใจ ส่งไปหาสาวหน้าแฉล้มที่ยืนวุ่นอยู่หน้าตาปิ้งอาหารทะเล มาตั้งแต่หัวค่ำ เพราะวันนี้ทั้งหมดพากันลงความเห็นว่าอยากจะกิน ‘บาร์บีคิว’ ริมชายหาด ปวีร์ชำเลืองมองญาณินแค่ครู่เดียวเท่านั้น ปากบางเหยียดยิ้มให้อย่างเสียไม่ได้ เมื่ออีกฝ่ายเหมือนจะจ้องมองเขาแทบจะตลอดเวลาอยู่ก่อนแล้ว แววตาที่ออกจะจริงใจของญาณิน ที่มีให้เพื่อนสนิท ไม่ได้สร้างคะแนนในใจเขาเลยสักนิด ตรงกันข้ามเขากลับไม่ชอบใจเอาเสียเลย ที่ญาณินไม่คิดจะหยิบจับอะไรเอง ขณะที่อยู่ในสถานะภาพที่ทำได้ และนี่กระมังที่ทำให้เขา ไม่อยากจะเริ่มแผนการรุกตามคำสั่ง

อันที่จริงก็ดีไปอีกแบบ ที่ญาณินทำตัวแบบนี้ มันคงจะง่ายสำหรับเขา ที่จะรุกเหยื่อได้โดยไม่ลังเล ซึ่งเขาเล็งเอาไว้ว่าพรุ่งนี้คงจะมีโอกาสเหมาะ ๆ เพราะทุกคนจะไปดำน้ำดูประการัง โดยเอาเรือยอร์ชของครอบครัวญาณิน ไปตระเวนอยู่ในทะเล เขาจะต้องหาเหตุทำให้ตัวเองและญาณิน มีอันต้องอดไปกับเพื่อนให้ได้ จะด้วยเหตุอะไรเขาก็ยังมืดแปดด้านอยู่ พลัน! ปากบางเหยียดยิ้มอีกครั้งเมื่อมองไปยังกระป๋องเบียร์ ที่วางอยู่ตรงหน้า เพราะเหมือนจะคิดอะไรดี ๆ ออกแล้ว

“พี่คงไปไม่ไหวหรอกญา ปวดหัวไปหมดเลย สงสัยจะหนักเบียร์เมื่อคืนนี้ พากันไปเถอะ เดี๋ยวพี่เฝ้าบ้านให้เอง”
เจ้าของแผนการยืนทำหน้ายุ่งอยู่หน้าประตู เมื่อญาณินเดินมาเรียก เพราะทุกคนพร้อมจะไปลงเรือกันแล้ว
“อ้าว! เหรอคะ แล้วพี่วีจะอยู่ยังไงคะ ลุงกับป้าก็ไปธุระกว่าจะกลับก็เย็น ๆ โน่น ใครจะหาข้าวให้กิน ปวดหัวมากมั้ย ให้ญาพาไปหาหมอหรือเปล่าคะ” สีหน้าที่ออกจะห่วงใยเขา จนเกือบจะเลยขั้นรุ่นพี่รุ่นน้องแบบไม่รู้ตัว

“ไม่เป็นไรครับพี่จะต้มมาม่ากินก็ได้ หรือไม่ก็ออกไปหาอะไรกินแถว ๆ นี้ ญารีบไปเถอะเดี๋ยวเพื่อนจะรอนะ พี่ขอนอนสักพักก่อน เพราะปวดหัวมาก ๆ เลยตอนนี้” คำพูดพร้อมสีหน้าที่ทำให้ตัวเองน่าสงสาร ถูกส่งออกไป
“ในครัวคงจะไม่มีมาม่าหรอกค่ะพี่วี อีกอย่างที่นี่ก็ไกลจากแหล่งชุมชนมาก จะกินอะไรก็ต้องขับรถออกไปอย่างเดียว จะเดินไปยังไงไหวคะ ไกลเป็นกิโล ๆ กว่าจะถึงถนนใหญ่ ทางก็เปลี่ยวอีก เอางี้นะคะญาจะอยู่เป็นเพื่อนพี่วีเอง ให้พวกนั้นไปกัน”
“แล้วญาไม่อยากไปดูประการังเหรอครับ”

“โอ๊ย! ญาดูเป็นร้อย ๆ รอบแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวญาจะไปสั่งคนเรือกับพวกนั้นก่อน พี่วีไปนอนพักเถอะค่ะ”

ปากบางทำท่าขยับจะห้าม แต่ร่างในชุดกางเกงขาสั้นสีขาวกับเสื้อกล้ามสีเดียวกัน ก็วิ๋งปร๋อไปจากหน้าห้องแล้ว แม้จะซาบซึ้งในความมีน้ำใจของผู้จากไปมากแค่ไหนก็ตาม แต่ความโกรธแค้นของผู้ให้กำเนิดเธอ มีมากกว่า คนป่วยจึงเดินกลับไปล้มตัวลงที่เตียง โดยเปิดประตูแง้ม ๆ เอาไว้ เหมือนจงใจจะให้คนภายนอกเข้าไปได้ง่าย ๆ ก่อนจะหลับตาลง

แล้วมันก็เป็นจริงอย่างที่เขาคิด เสียงฝีเท้าเดินเบา ๆ เข้ามาในห้อง คงกลัวเขาจะตื่นกระมัง มือขาวลออแตะที่หน้าผากกับต้นคออย่างแผ่วเบา เพื่อเช็คดูว่าคนป่วยมีไข้ด้วยหรือไม่ เมื่อทุกอย่างปกติ ก็ยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก ผ้าห่มถูกคลี่ออกไปคลุมร่างที่นอนขดอยู่บนเตียง ก่อนจะออกไปจากห้อง ทันทีที่ประตูปิดลง เจ้าของแผนการก็ลืมตาขึ้น แผนรุกยังไม่ได้ถูกดึงมาใช้ตอนนี้เป็นแน่ ต้องรออีกสักพัก วันนี้โอกาสทองมีให้เจ้าของแผนการแทบจะทั้งวัน

เวลาใกล้เที่ยงข้าวต้มกุ้งร้อน ๆ กับน้ำผลไม้ ที่เจ้าของบ้านดิ้นรนออกไปซื้อ ถูกยกเข้ามาในห้องผู้ป่วย มือบางแตะไปที่หน้าผากอีกครั้ง หน้าขาวเนียนระเรื่อทันที เมื่อคนป่วยขยับตัวแล้วคว้าเอามือไปกุมไว้ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาดูว่าใครเป็นผู้มาเยือน

“ญา! นี่กี่โมงแล้วครับ พี่เผลอหลับไป” รู้ว่าเป็นใคร แต่เขาก็แกล้งกุมมือเอาไว้อย่างนั้น
“จะเที่ยงแล้วค่ะ พี่วีลุกมากินข้าวนะคะ จะได้กินยา ข้าวต้มกำลังร้อน ๆ เลยค่ะ”
บอกออกไปด้วยท่าทางเขินอายเป็นที่สุด เจ้าของแผนการจึงยิ้มออกมาอย่างได้ใจ

“พี่ไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน”
ร่างสูงผละไปจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำทันที แม้เจ้าของบ้านจะรู้สึกอายและประหม่า แต่ก็ยังคงนั่งรอเขาอยู่ในห้องอย่างนั้น ไม่นานคนที่บอกว่าป่วย ก็ออกมาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ แม้สีหน้าจะดูว่าสดชื่น แต่คนป่วยก็จงใจเอามือกุมหัวก่อนจะค่อย ๆ เดินมานั่งที่เตียง เจ้าของบ้านแสดงสีหน้าห่วงใยคนป่วย จึงปราดเข้ามาช่วยประคองให้เขานั่งลงไปได้ง่ายขึ้น

“ยังไม่ดีขึ้นเหรอคะพี่วี” มือขาวยกขึ้นไปแตะหน้าผากอีกครั้ง
“คงจะมึนนิดหน่อยครับญา ขอบคุณครับที่เป็นห่วงพี่ ถ้าไม่ได้ญาพี่คงจะแย่”

สายตาคมประสานไปหาสายตาที่บ่งบอกว่าห่วงเขามากแค่ไหน มืออีกข้างเอื้อมไปเชยปลายคางเจ้าของหน้าระเรื่อ ให้เงยขึ้นมองหน้าเขาตรง ๆ แววตาหวานใส จ้องมองหน้าคนป่วยกึ่งกลัวกึ่งกล้า ก่อนจะปิดลง เมื่อเจ้าของหน้าคม ก้มลงจุมพิตอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล

มือขาวเนียนสองข้าง ไม่ได้คิดจะห้ามปรามเขาแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับยกไปโอบร่างอบอุ่นไว้อย่างหลงใหล เลือดในกายสาวสูบฉีดไปทั่วร่าง เมื่ออีกฝ่ายรุกเร้ามากกว่าจุมพิตครั้งก่อน อกอวบอิ่มชูช่อรอสัมผัสจากฝ่ามือหนาอุ่นอย่างเต็มใจ ร่างอรชรไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะทรงตัวให้อยู่ในท่านั่งต่อไปได้ จึงค่อย ๆ เอนกายลงไปนอนกับเตียงนุ่ม ปล่อยให้ผู้ที่ครอบครองเรียวปากได้ทาบทับอย่างอิสระ

ใจไม่ได้คิดพิศวาสเป้าหมายนัก แต่ความเป็นชายที่ฉีดพุ่งในกาย สั่งให้ต้องรุกเร้าต่อไป จากเรียวปากละลงมาที่คอระหง เนินอกขาวเนียนปลุกให้ต้องสูดดม ปทุมคู่งามกำลังชูชันรอให้เขาลิ้มลอง อย่างยากจะห้ามใจได้ มือขาวสองข้างลูบไล้ไปตามแผ่นหลังหนาอย่างลืมตัว ร่างทั้งร่างอ่อนระทวย เมื่ออกเต่งตึงถูกดอมดม เคล้าคลึง ก่อนจะดูดดื่มอย่างนุ่มนวล มือหนาค่อย ๆ เลื่อนลงไปหาขอบกางเกงอย่างลืมตัว ก่อนจะชะงัก เมื่อมือถือในกระเป๋ากางเกงของเธอดังขึ้น

คนป่วยลุกผละจากร่าง ที่มีท่อนบนเปลือยและเดินห่างไปทันที เหมือนจงใจให้เธอได้จัดการกับเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อย เสียงสนทนากับปลายสายแหบพล่า เมื่อทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดี แต่กลับถูกกระชากออกมาอย่างกระทันหัน ผู้ที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างถึงกับยิ้มหยันออกมา ก่อนจะชักสีหน้ากลับให้เป็นปกติจนเกือบจะเศร้าสร้อย เมื่อการสนทนาของญาณินยุติลงได้สักพัก และกะว่าอีกฝ่ายจัดการกับตัวเองเรียบร้อยแล้ว เขาเดินกลับไปที่เตียงอีกครั้ง ก่อนจะสบตาหวานใสคู่ที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้ว

“พี่ขอโทษครับญา พี่มันไม่ดี พี่มัน...เอ่อ...”

เขาจำจะต้องแสดงความเป็นลูกผู้ชาย ออกมาให้ศัตรูได้เห็น ก่อนจะลุกเดินออกไปจากห้องอย่างนั้น ทิ้งให้เจ้าของบ้านได้ขบคิด กับคำถามที่ว่า ที่เขาทำกับเธอ เพราะเหตุผลอะไรกันแน่ เขารู้สึกกับเธอเหมือนที่เธอรู้สึกกับเขาหรือไม่ หรือว่ามันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบที่เกิดขึ้น เมื่อชายหญิงได้อยู่ใกล้ชิดกันสองต่อสองแบบนี้ แล้วหน้าขาว ๆ ก็เปลี่ยนเป็นแดงกร่ำอีกครั้ง เมื่อคิดขึ้นได้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายเดินมาหาเขาถึงห้องขนาดนี้ ใครไม่สนก็คงจะเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ไปแล้วกระมัง

ห้องที่เหลือเพียงหนึ่ง กลายเป็นว่างเปล่าในวินาทีนั้น ความอับอายที่เกิดขึ้นในใจ สั่งขาสองข้างให้วิ่งกลับห้องนอนตัวเองอย่างเร่งรีบ คนป่วยที่ยืนหลบอยู่พุ่มไม้ เดินกลับเข้าห้องด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ต้องทิ้งปริศนาเอาไว้แบบนี้ เหยื่อจะได้ไม่คิดเข้าข้างตัวเอง เขาก็จะได้ไม่ผิดไปมากกว่านี้ หากจะสานต่อความสัมพันธ์กับเจ้าของหน้าแฉล้ม ที่หลงใหลในประการังอยู่กลางทะเล มือถือกดไปหาแพท เพื่อรายงานความคืบหน้าทันที ก่อนจะได้คำชมจากพี่สาวต่างสายเลือดกลับมา ภาระกิจเขาเสร็จสิ้นแล้วสำหรับทริปนี้







 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2552
1 comments
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2552 12:36:41 น.
Counter : 364 Pageviews.

 

แวะเอากำลังใจมาส่งจ้า บ้านสวยจังเลย เข้ากับบรรยากาศเรื่องนี้จริง ๆ

 

โดย: Airis_Ai 1 กุมภาพันธ์ 2552 17:48:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.