Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
21 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 

ตอนอวสาน




สิ้นเสียงของเขาเท้าก็สั่งการให้เดินหน้าต่อไปเพื่อตรงไปยังรถ เพราะเขาอยากจะหนีไปให้พ้น ๆ บ้านหลังนี้เสียที อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้ลืมของอย่างที่บอกเอาไว้เลยแม้แต่น้อย หลังจากที่การเดินทางของเขาต้องสะดุดลง เมื่อเขาได้รับข้อความจากเมธิตาตอนที่เปิดมือถือดูว่างานมีปัญหาอะไรหรือไม่ ก็เห็นข้อความว่าให้เขากลับมาที่บ้านริมทะเลด่วน แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร เพราะเมธิตาส่งข้อความบอกว่าเรื่องมันยาว ให้รอมาเจอเธอก่อน เธอกำลังเดินทางมาแล้วจะมาเจอกันที่นี่

เขาพยายามจะโทรหาเมธิตาแต่ก็ติดต่อไม่ได้ เขาเองก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยตัดสินใจกลับมารอที่นี่ก่อน กะว่าเสร็จเรื่องแล้วจะเปลี่ยนเป็นขึ้นเครื่องไปฮ่องกงแทนเลย
แต่พอมาเจอพี่ชายโดยบังเอิญที่นี่ ก็ทำให้เขาต้องรีบหาทางหนีไปให้พ้น ๆ โดยเร็ว เพราะไม่เช่นนั้น เขาก็อาจจะต้องกลายเป็นผู้ต้องหา โทษฐานขโมยเมียพี่ชายไปในไม่ช้า

“คุณจะทิ้งฉันกับลูกไปได้ยังไงคะ คุณจะปล่อยให้เราสองคนอยู่ยังไงถ้าคุณไม่อยู่ แล้วคุณท่านกับคุณดาล่ะคะ คุณจะไม่คิดถึงพวกเขาเหรอคะ”ระพีพรรณไม่รู้จะเริ่มต้นบอกเขายังไงดี
“ผมก็เห็นว่าทุกคนก็มีความสุขดีแล้ว และอีกอย่างพี่เด่นก็อยู่ทั้งคนมีอะไรพี่เด่นก็ช่วยได้ แล้วคุณจะไปกลัวอะไรในเมื่อคุณเองก็ได้อยู่กับคนที่คุณรักและเขาก็รักคุณ ”เขาบอกด้วยความเจ็บปวด
“ถ้าคุณไม่ไปฉันก็คงจะได้อยู่กับคนที่ฉันรักค่ะ แต่ถ้าคุณไปแล้วฉันจะอยู่ยังไงคะ”

“คุณหมายความว่ายังไง”เขาถามด้วยความงง
“ฉันไม่เคยรักใครมากไปกว่าคุณเลยค่ะ อย่าไปเลยนะคะ ฉันไม่อยากจะเป็นหม้ายสามีทิ้ง และฉันก็ไม่อยากจะให้ลูกต้องกำพร้าพ่อตั้งแต่ยังเล็กค่ะ คุณยังอยากจะแต่งงานกับฉันเหมือนวันที่คุณเคยขอฉันหรือเปล่าคะ”
เธอบอกพร้อม ๆ กับน้ำตาไหลรินออกมาอาบแก้ม
“คุณกำลังเล่นตลกอะไรอีกเพลง แค่นี้คุณยังทรมานผมไม่พออีกเหรอ ใจจริงคุณจะให้พวกเราสองพี่น้องต้องฆ่ากันตายเพราะคุณเลยหรือยังไงคุณถึงจะพอใจ หรือว่านี่คือการแก้แค้นคืนของคุณ”
เขาถามด้วยความหัวเสียกับคำบอกเล่าที่สร้างความงงงวยให้เขา

“ดำ...พี่กับคุณเพลงไม่ได้แต่งงานกันอย่างที่ดำเข้าใจนะ ที่เรามานี่ก็จะมาตามหาดำ พี่จะพาคุณเพลงกับลูกมาคืนดำ คุณเพลงไม่ได้รักพี่อย่างที่เธอบอกหรอก แต่เธอรักดำ พี่เองก็เพิ่งจะรู้ความจริงเมื่อเช้านี้เอง”
เด่นณรงค์รีบบอกเพื่อให้ความกระจ่างแก่เขา จนสายตาที่ดูจะเศร้าสร้อยเมื่อสักครู่มองไปยังเธออีกครั้ง เพื่อค้นหาความจริงว่าสิ่งที่เขาได้ยินนั้นจริงเท็จมากน้อยแค่ไหน แต่เขาก็มองไม่เห็นทางว่าพี่ชายจะโกหกเขาไปเพื่ออะไรกัน

“เรามาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งจะได้มั้ยคะ ฉันขอโทษค่ะที่ทำให้คุณเสียใจ แต่ฉันก็ไม่ได้เสียใจน้อยไปกว่าคุณเลย ที่ฉันจะแต่งงานกับพี่เด่นก็เพราะว่าอยากจะชดใช้ในสิ่งที่คุณพ่อทำไว้แค่นั้นค่ะ เรามาลืมเรื่องในอดีตทั้งหมดแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กันนะคะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“แล้วทำไมพี่เด่นถึงไม่แต่งงานกับเพลงล่ะในเมื่อพี่เด่นรักเขาขนาดนี้”เขาไม่วายที่จะอยากรู้

“พี่อยากจะแต่งงานกับคนที่พี่รัก และเขาก็ต้องรักพี่ด้วยเหมือนกัน และก็ต้องรักแบบคนรักเท่านั้น ไม่ใช่รักแบบพี่ชายอย่างที่คุณเพลงรักพี่นะดำ พี่ขอโทษมาก ๆ ที่พี่ไม่ทันคิด ว่าทำไมจู่ ๆ วันนั้นคุณเพลงถึงบอกว่ารักพี่ แต่ก็ช่างมันเถอะนะ เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว เราอย่าไปคิดถึงเรื่องในอดีตมันอีกเลย ทีนี้ก็เหลือเรื่องปัจจุบันและอนาคตเท่านั้น ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับดำแล้วล่ะ ว่าจะเลือกยังไง พี่ก็ได้ทำในสิ่งที่พี่ควรจะทำแล้ว พี่ขอให้ดำกับคุณเพลงตกลงกันเองก็แล้วกัน หมดหน้าที่พี่แล้ว”
เขาบอกและเดินไปหาน้องชายใกล้ ๆ พร้อมกับตบไปที่หัวไหล่ของเขาสองสามครั้งเพื่อเป็นการปลอบขวัญ

“ผมไม่แน่ใจว่าคุณเพลงของพี่จะหลอกผมอีกหรือเปล่า”เขายังคงไม่ยอมฟัง
“ฉันไม่เคยหลอกคุณค่ะ ฉันรักคุณ ได้ยินมั้ยคะว่าฉันรักคุณ คุณอาจจะไม่รู้ว่าฉันก็รักคุณมานานแล้ว ถึงฉันจะเสียใจที่คุณทำเรื่องร้าย ๆ ไว้กับฉัน แต่ฉันก็ไม่เคยเสียใจเลยเวลาที่ได้อยู่กับคุณ และฉันดีใจที่สุดค่ะ ที่ฉันได้เป็นแม่ของลูกคุณ แล้วฉันก็ไม่เคยย..............”
ไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น ดนุพรก็โผเข้าไปกอดเธอเอาไว้ด้วยความรัก และดีใจเป็นที่สุดที่ได้เธอกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

“คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ ผมเชื่อคุณแล้ว ผมรักคุณ”
เขาบอกขณะยังโอบร่างเธอเอาไว้ และเธอเองก็โอบกอดเขาด้วยความรักไม่แพ้กัน ทำให้เด่นณรงค์ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ถึงกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่ในที่สุดเขาก็พาเธอมาส่งให้น้องชายที่เขารักได้สำเร็จ ในขณะเดียวกันน้ำตาแห่งความเสียใจและเจ็บปวดที่เขาแอบซ่อนเอาไว้ลึก ๆ มันก็พาลจะไหลออกมาให้ทั้งสองได้เห็น จนเขาต้องรีบหักห้ามเอาไว้ แล้วรีบเดินผละออกมาจากคนทั้งสอง
“พี่เด่นจะไปไหนคะ”ระพีพรรณถาม หลังจากที่ดนุพรละวงแขนออกจากร่างของเธอ

“พี่จะไปจองห้องพักครับ พี่จะโทรไปชวนคนที่มางานเราเมื่อเช้ามาพักผ่อนที่นี่เลย ไม่รู้จะมีใครอยากมาบ้าง แต่ที่แน่ ๆ ลุงโป่ง สมคิด และพีคงจะอยากมา เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพี่จะโทรมาหานะดำ”เขาบอก
“พี่เด่นครับ ขอบคุณมาก ๆ ครับสำหรับทุก ๆ อย่างที่พี่ทำเพื่อพวกเรา พี่เป็นพี่ชายที่ดีที่สุดของผมครับ”
ดนุพรเดินไปแล้วก็ไหว้ไปที่อกพี่ชายด้วยความตื้นตันใจ
“เพลงด้วยค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ที่พี่เด่นทำเพื่อพวกเรา เพลงดีใจที่มีพี่ชายที่แสนดีเพิ่มมาอีกคนค่ะ”
ระพีพรรณไหว้เขาด้วยเช่นกัน

“พี่ขอให้น้องที่พี่รักทั้งสองคน จงมีความสุขในการใช้ชีวิตคู่ด้วยกันนะ รักและเข้าใจกันมาก ๆ ดำพี่ฝากคุณเพลงด้วยนะ ดูแลเธอให้ดี ๆ สี่ห้าปีที่ผ่านมานี้เธอลำบากมากแล้ว แต่ต่อไปพี่เชื่อว่าดำจะให้ความสุขและความสะดวกสบายกับเธอได้แน่ แล้วก็ขอบใจมาก ๆ นะน้องรัก ที่ทำเพื่อพวกเราเหมือนกัน พี่มีน้องดี ๆ อย่างดำพี่ก็อุ่นใจแล้วล่ะ พี่ไปก่อนนะ พรุ่งนี้พี่จะพาคุณแม่กับคุณท่านมาหาที่นี่”เขาบอกแล้วก็ต้องรีบเดินจากไป ทิ้งให้คนทั้งสองต้องมองตามรถที่แล่นออกไปจนลับสายตา

“เข้าบ้านกันเถอะนะ ผมไม่อยากเห็นคุณอยู่ในชุดนี้เลยมันเจ็บยังไงไม่รู้”
เขาบอกและโอบกอดร่างเธอพร้อม ๆ ทั้งพาเธอเดินเข้าบ้าน จนอีกฝ่ายต้องรีบดึงมือเขาออก เพราะเห็นคนที่ดูแลบ้านเดินออกมาพอดี
“คุณดำจะเอาอะไรอีกหรือเปล่าคะ”คนดูแลถาม
“ไม่ล่ะครับ ผมมีครบทุกอย่างในชีวิตแล้ว ป้ากลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวผมจัดการทางนี้เอง”
เขาบอกพร้อมกับยิ้มให้ ก่อนจะเดินเข้าบ้านโดยมีร่างเธอติดไปด้วย ทำให้คนดูแลบ้านถึงกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ที่เห็นสีหน้าเขาดูมีความสุขมากกว่าตอนแรกที่เขามาถึงที่นี่

“คุณเพลงจะไปไหนครับ”
เขารั้งร่างเธอเข้ามากอดพร้อม ๆ กับคำพูดที่ทีเล่นทีจริง หลังจากที่เธอและเขาเข้าไปอยู่ในห้องนอนที่มีลูกชายนอนหลับอุตุรออยู่แล้ว
“ปล่อยค่ะ ฉันจะไปดูลูกหลับตั้งนานแล้ว สงสัยจะตื่นแล้วค่ะ”เธอบอกด้วยความอาย
“ผมรู้ว่าลูกยังไม่ตื่นคุณห้ามโกหกผมนะ รู้มั้ยว่าคนโกหกต้องถูกลงโทษ”
เขาบอกและหอมไปที่แก้มเธอแรง ๆ

“ปล่อยค่ะ งั้นฉันจะไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดค่ะ ใส่มาตั้งแต่เช้ามืดแล้ว”
เธอบอกและรีบสลัดตัวออกจากวงแขนของเขาทันที เขาได้แต่ยิ้มตามร่างที่หายเข้าไปในห้องน้ำด้วยความขำปนดีใจ และระหว่างที่รอเธอ เขาก็เดินไปดูลูกชายที่หลับปุ๋ยอยู่บนเตียงด้วยความรัก และหอมแก้มเด็กน้อยที่เอาแต่หลับไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเกี่ยวกับพ่อแม่ที่เกือบจะต้องแยกทางกันซะแล้ว

“อุ๊ย....ปล่อยค่ะ ฉันจะไปใส่เสื้อผ้า”
ระพีพรรณถึงกับอุทานด้วยความตกใจเมื่อมีวงแขนของเขาตวัดร่างบางของเธอเข้าไปกอดเอาไว้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เธอพ้นประตูห้องน้ำออกมาพร้อม ๆ กับเสื้อคลุมตัวเดียวที่หุ้มร่างเอาไว้
“ใส่ทำไม คุณดูดีจะตายไปเวลาที่ไม่ใส่อะไร”เขาบอกและยิ้มให้เธอด้วยความรัก
“บ้า...ปล่อยค่ะเดี๋ยวลูกตื่น”เธอบอกและพยายามจะออกห่างจากวงแขนเขาแต่ก็ไม่สำเร็จ

“ลูกไม่ตื่นหรอกเมื่อกี้ผมไปกระซิบบอกลูกแล้ว ว่าขอเวลาให้พ่อได้ทำโทษแม่ก่อน มานี่เลย คุณเกเรต้องถูกทำโทษนะรู้มั้ย”เขาบอกและช้อนร่างเธอแล้วก็เดินตรงไปอีกห้องหนึ่งทันที
“ปล่อยค่ะ....ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมจะต้องมาลงโทษด้วยคะ” เธอว่าเขาหลังจากที่ตัวเองถูกวางลงไปบนเตียงแล้ว
“ก็โทษฐานที่ทำให้ผมเสียใจเพราะรักคุณไง และก็โทษฐานที่บังอาจจะไปแต่งงานกับพี่เด่นทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รักด้วย และก็โทษอีกหลาย ๆ โทษที่ตอนนี้ผมยังไม่มีเวลาสาธยายความผิดคุณไง มานี่เลย”
เขาบอกพร้อม ๆ กับนั่งไปใกล้ ๆ ร่างเธอแล้วก็ก้มลงไปจุมพิตที่เรียวปากนุ่มด้วยความรักและคิดถึง

“ผมรักคุณนะเพลง ต่อไปนี้เราจะอยู่ด้วยกัน และรักกันไปตลอดนะ ผมสัญญาว่าผมจะเป็นสามีที่ดีของคุณ และจะเป็นพ่อที่ดีของลูกเราด้วย กลับไปนี่เราจะแต่งงานกัน ผมจะจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ประกาศให้คนรู้กันทั่วว่าผมมีเมียสวยแค่ไหน แล้วก็มีลูกที่หล่อไม่แพ้พ่อด้วย คุณจะตกลงแต่งงานกับผมมั้ย”เขาบอกเมื่อละจากเรียวปากนุ่มของเธอ
“ฉันไม่อยากได้งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่มากไปกว่าการที่คุณจะรักและดูแลฉันกับลูกพร้อมกับคนรอบข้างฉันให้ดีที่สุดค่ะ แค่นี้ฉันก็ดีใจและมีความสุขแล้วค่ะ”เธอบอกและยิ้มให้เขาด้วยความรัก

“แต่ผมจะให้คุณทั้งสองอย่าง ผมสัญญา”
สิ้นเสียงของเขา เรียวปากงามของเธอก็ถูกเขาปิดไปอีกวาระหนึ่ง แล้วไม่นานร่างบางก็ถูกร่างกำยำทาบทับลงไป เสื้อคลุมที่ผูกเอวไว้หลวม ๆ นั้นหลุดร่วงไปจากร่างเธอตั้งแต่เมื่อไหร่เธอเองก็ไม่คิดที่จะสนใจอีกต่อไปแล้ว เพราะเธอรู้แต่ว่าตอนนี้เธอมีความสุขที่สุดที่มีเขาแนบข้างอยู่ใกล้ ๆ
“ผมรักคุณนะเพลง”

“ฉันก็รักคุณค่ะ”
นั่นคือคำบอกรักของที่ทั้งสองที่พร่ำบอกกันและกันด้วยความซาบซึ้ง แล้วทั้งคู่ก็ถ่ายทอดความรักและความโหยหาที่มีให้กันมานานแรมปีอยู่ภายใต้ชายคาของบ้านหลังน้อยที่เขาและเธอเคยได้มีความสุขด้วยกันมาเมื่อครั้งก่อนแล้วนั่นเอง


“ครับคุณแม่แล้วพบกันครับ”

สิ้นเสียงของผู้ที่นั่งอยู่ในรถ โทรศัพท์ก็ถูกเขาวางเอาไว้อย่างไร้ความหมาย แล้วตัวเองก็ค่อย ๆ เดินลงจากรถตรงไปยังชายหาดที่ทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา เด่นณรงค์ค่อย ๆ นั่งลงที่โขดหินด้วยความอ่อนแรง น้ำตาของลูกผู้ชายอย่างเขาหลั่งไหลออกมาด้วยความเจ็บปวดและดีใจระคนกันไป
เขาบอกไม่ได้ว่าเขาดีใจแค่ไหนที่ตัดสินใจทำเรื่องที่มันถูกต้องลงไปได้ และเขาก็บอกไม่ได้ว่าเขาเสียใจมากแค่ไหนที่เขาจะต้องเสียคนที่เขาเฝ้ารักมานานไปจริง ๆ เสียที เขาห้ามไม่ให้น้ำตาแห่งความเสียใจในโชคชะตาตัวเองไหลออกมาไม่ได้ แต่เขาก็มองไม่เห็นประโยชน์ที่เขาจะมานั่งเสียใจและร้องไห้แบบนี้

เขาสัญญากับตัวเองเอาไว้ว่านับแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เขาจะไม่เสียใจและไม่ปล่อยให้น้ำตาของเขาให้ไหลออกมาเพราะเด็กน้อยหน้าใสอีกต่อไปแล้ว เขาจะพร่ำบอกตัวเองว่าจะต้องลืมเธอให้ได้ ไม่ว่ามันจะยากเย็นแสนเข็นขนาดไหน หรือจะนานแสนนานแค่ไหนก็ตาม เขาก็จะทนทำให้ได้ เขาจะทนให้ได้ ให้เหมือนกับเวลาที่เขาจะต้องทนทุกข์อยู่ในที่กักขังมานานนับสิบปี


ที่บ้านใหญ่ในเวลาหนึ่งปีผ่านไป

“เพลงเสร็จหรือยังจ๊ะแขกมารอเต็มสนามแล้วนะ เอ...ทำไมท้องนี้เมียผมแต่งตัวนานจัง สงสัยลูกของเราจะเป็นผู้หญิงแน่ ๆ เลยนะ ดีล่ะจะได้เกี่ยวดองกับเจ้าสิทธิ์มัน”
ดนุพรเดินเข้ามาในห้องแล้วก็เรียกภรรยาที่นั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก เขาเข้าไปหอมแก้มภรรยาด้วยความรัก
“ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ แล้วแขกที่ไหนกันคะ คนกันเองทั้งนั้นเลยค่ะ แล้วคุณพ่อมาถึงหรือยังคะ”
เธอถามพร้อม ๆ กับยิ้มให้เขา
“มาแล้วจ๊ะกินกุ้งย่างไปสามจานแล้วมั้ง”เขาบอก

“ค่อย ๆ เดินนะระวังด้วย”เขาบอกเมื่อเธอลุกจากสตูลและจะเดินออกจากห้องไป
“คุณคะเพลงเพิ่งจะท้องได้แค่สี่เดือนนะคะ ไม่ต้องถึงขนาดนี้หรอกค่ะ แค่นี้เพลงก็รู้แล้วว่าคุณรักเพลงมากแค่ไหนแล้ว”
เธอบอกและยิ้มให้เมื่อเขาดูจะเป็นกังวลไปหมดเวลาที่เธอจะเดินเหินไปไหน เขาก็จะคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะเขาเคยบอกไว้ว่าท้องแรกเขาไม่ได้ดูแลเธอเลย ก็อยากจะแก้ตัวกับลูกคนที่สองบ้าง แต่ไม่ว่าเขาจะดูแลเธอดีเท่านี้หรือน้อยลงไปหน่อยเธอก็รู้ว่าเขารักเธอมากแค่ไหน

เพราะจะเห็นได้จากการที่เขาทำตามที่บอกเธอเอาไว้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานแต่งงานที่หลังจากกลับจากปรานบุรีเขาก็จัดงานอย่างยิ่งใหญ่ให้เธอทันที แล้วตั้งแต่ที่เธอได้เป็นภรรยาเขาและย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ เธอก็แทบจะไม่ได้หยิบจับอะไรเลย เพราะเขาบอกว่าทำให้เธอลำบากมานานมากแล้ว เขาอยากจะชดเชยให้เธอในสิ่งที่เขาได้ทำผิดไป และนี่ก็ทำให้เธอรักเขามากไม่น้อยไปกว่าความรักที่เขามีให้กับเธอ

“คุณพ่อสวัสดีค่ะ อาหารอร่อยหรือเปล่าคะ”ระพีพรรณเดินลงมาที่สนามหญ้าโดยมีดนุพรค่อย ๆ ประคองมา
“อร่อยสิลูก”
กำพลตอบลูกสาวและยิ้มให้ด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุขเป็นที่สุด เพราะตั้งแต่ที่ลูกสาวและลูกเขยแต่งงานกันมา ทุกคนก็ให้สัญญากันว่าในทุก ๆ วันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนทุกคนจะพากันมาสังสรรค์ที่บ้านนี้ หรืออาจจะเป็นบ้านของคนอื่น ๆ ในกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นบ้านของพิสิทธิ์ หรือที่บ้านของเขาเอง

แรก ๆ เขาก็ไม่ค่อยสะดวกในที่จะมานัก ระพีพงศ์เองก็ไม่ค่อยอยากจะมา เพราะกลัวจะเข้าหน้าน้องเขยไม่ติด แต่เมื่อทั้งสองยอมมาในครั้งแรก ก็ได้รับการต้อนรับที่ดีจากดนุพร จนทำให้ความบาดหมางระหว่างทั้งสองครอบครัวค่อย ๆ เลือนลางลงไป ถึงจะยังไม่ถึงกับสนิทใจนัก แต่ทั้งเขาและลูกชายพร้อม ๆ กับลูกเขย ก็สัญญากันเอาไว้แล้วว่าจะพยายามไม่คิดถึงมันอีก
“ลุงโป่งสวัสดีค่ะ กินใหญ่เลยสงสัยอาหารจะอร่อยนะคะ”

เธอทักทายโป่ง ที่บัดนี้กลายเป็นผู้อาวุโสในบ้านของกำพลไปแล้ว ทั้งระพีพรรณ ทั้งกำพลก็ไม่ยอมให้เขาทำงานอะไรอีกเลย นอกจากนั้นเธอยังได้ให้เขากับระพีพงศ์พร้อมทั้งกำพลได้ไปเที่ยวรอบโลกตามที่บอกเอาไว้ด้วย ตั้งแต่ที่เธอแต่งงานกับดนุพรใหม่ ๆ เลย

“อร่อยครับคุณเพลง ...แล้วคุณเพลงจะกินอะไรดีครับ อาหารทะเลก็แพ้จนกินไม่ได้ อาหารฝรั่งก็แพ้ แล้วจะกินอะไรกับเขาได้บ้างครับ”
โป่งยังห่วงเธอ แต่มือก็ยังไม่วางกุ้งที่เขาตั้งหน้าตั้งตาปอกเข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อยเลย จนทำให้ระพีพรรณหันไปยิ้มกับสามีด้วยความขำปนดีใจ ที่ได้เห็นเขามีความสุข และพบกับความสบายเสียที
“เพลงมีอาหารแล้วค่ะ เอ่อ....คุณพ่อคะ แล้วพี่พีอยู่ไหนล่ะคะ”ระพีพรรณทรุดตัวลงนั่งใกล้ ๆ ผู้เป็นพ่อ

“กำลังไปรับยายดากับแม่ลัดดาอยู่ลูก”
กำพลตอบด้วยความดีใจที่ลูกชายได้มีส่วนร่วมคอยช่วยยุพินดูแลดรุณีไปได้บ้างในช่วงหนึ่งปีมานี้ ถึงแม้ว่าระพีพงศ์จะไม่ค่อยมีเวลาว่างสักเท่าไหร่ เนื่องจากต้องบริหารงานที่เป็นกิจการของครอบครัวที่ดนุพรโอนกลับไปให้แล้ว แต่เขาก็พยายามเจียดเวลามาคอยดูแลดรุณีอยู่ไม่ขาด

แรกทีเดียวเขาตั้งใจว่าจะรับดอนเอาไปเป็นลูกของเขา แต่ระพีพรรณแนะนำให้ตรวจ ดี.เอ็น.เอ. ดูก่อน และพอผลตรวจออกมาพบว่า ดอนและเขาไม่ใช่พ่อลูกกัน ทั้งเขาและระพีพรรณพร้อมกับทุก ๆ คนก็ต่างลงความเห็นว่าอยากจะให้ดอนเป็นลูกของดนุพรต่อไป ส่วนดรุณีนั้น ระพีพงศ์ได้บอกกับตัวเองเอาไว้ว่า เขาจะไม่รักผู้หญิงคนไหนเลย ถ้าชีวิตนี้เขายังไม่เห็นดรุณีหายเป็นปกติ เพราะเขารู้สึกผิดเหลือเกินที่ทำเรื่องร้าย ๆ เอาไว้

“อ้าว....เจ้าสิทธิ์มาพอดีเลย เดี๋ยวผมไปช่วยก่อนนะเพลง”
ดนุพรบอกเมื่อเห็นรถของพิสิทธิ์ขับพาภรรยาและลูกชายตัวน้อย ๆ มาพอดี
“คุณแม่มาพอดีเลยค่ะ พี่พีพาคุณแม่มานั่งตรงนี้ดีกว่านะคะ”
ระพีพรรณค่อย ๆ ลุกให้ลัดดาที่มีระพีพงศ์เข็นรถเข็นมานั่งใกล้ ๆ กับกำพล
“ตามสบายเถอะจ๊ะแม่เพลง กำลังท้องกำลังไส้ไม่ต้องเกรงใจแม่หรอกจ๊ะ เราหน่ะต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ เฮ้อ....เลยให้แขกรอนานเลย คุณกำพลมานานหรือยังคะ พอดีรอดูรูปที่ยายดาวาดอยู่ค่ะเลยมาช้า นั่นพ่อสิทธิ์ก็เพิ่งจะมาถึงใช่มั้ยคะ”
ลัดดาบอกลูกสะใภ้ด้วยความห่วงใย และก็ไม่ลืมที่จะออกตัวกับกำพลเพราะตัวเองมาช้า

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกแม่ลัดดาคนกันเองทั้งนั้น เอ้า....เจ้าพีพาน้องมานั่งใกล้ ๆ พ่อก็ได้ลูก หรือจะไปนั่งที่โต๊ะโน้นก็ได้”
กำพลบอกขณะที่ระพีพงศ์ช่วยยุพินจูงดรุณีที่มีอาการดีวันดีคืนมากแล้ว
“ผมว่านั่งโต๊ะโน้นก็ได้ครับพ่อ กลัวคุณดาจะรำคาญเอา พี่จะพาคุณดานั่งตรงนั้นนะเพลง เดี๋ยวจะให้คุณยุมานั่งตรงนี้แทนจะได้พักผ่อนบ้าง”เขาบอกและยิ้มให้พ่อและน้อง
“สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า แหม....นึกว่าจะมาไม่ทันอาหารซะแล้ว”
พิสิทธิ์ที่ถือตะกร้าผ้าอ้อมในมือ พร้อมไหว้ผู้ใหญทั้งสองและก็ทรุดตัวลงนั่งใกล้ ๆ กำพล

“ดำเอามานี่ก็ได้หลานน่ะฉันอุ้มเอง คุณมานั่งตรงนี้ก็ได้อย่าไปนั่งใกล้คุณเพลงเลย เดี๋ยวเจ้าดำมันจะขวิดเอา ยิ่งหวง ๆ เมียอยู่”พิสิทธิ์ไม่วายจะแหย่เพื่อนรัก
“แหม...ฉันก็อยากจะนั่งใกล้ ๆ เพื่อนรักฉันบ้างสิคะคุณก้อ จริงมั้ยเพลง”
โสภาบ่นแต่ก็ยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่เปี่ยมสุขเหลือเกิน
“ใช่ค่ะ แล้ววันนี้คินกับแฟนไม่มาเหรอคะ”
ระพีพรรณถามหาภคินที่พักนี้หายหน้าไปนานแล้ว เพราะมัวแต่ยุ่งกับงานบริษัทที่ดีวันดีคืน แล้วไหนจะยุ่งเรื่องการเตรียมงานแต่งงานที่จะมีขึ้นในอีกสองเดือนข้างนี้ด้วย

“คินยุ่งมาก ๆ เลยตอนนี้ มัวแต่เตรียมงานแต่ง เมื่อเช้าพี่โทรไปหาก็บอกว่ามาไม่ได้ เลยฝากขอโทษเพลงมาด้วย แต่บอกว่าเดือนหน้ารับรองว่าจะมาแน่ ๆ เลย”โสภาบอก
“เหรอคะ”
“จ๊ะ...เอ่อ...แล้วน้องพิงไปไหนล่ะเพลง”
โสภาเพิ่งนึกขึ้นได้เพราะไม่เห็นหลานชายตัวน้อยวิ่งเล่นอยู่แถว ๆ นี้เหมือนหลาย ๆ ครั้ง
“น้องพิงเล่นอยู่กับคุณดอนค่ะ ป่านนี้แล้วยังไม่ยอมมาเลย ติดคุณดอนจะแย่ค่ะวัน ๆ เรียกหาแต่พี่ดอนตลอดเลย”
เธอบอกและก็ยิ้มให้พิสิทธิ์กับโสภาด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“แม่ให้แตนไปตามแล้วล่ะลูกอีกหน่อยก็คงจะมา”ลัดดาบอกลูกสะใภ้ด้วยรอยยิ้มของคนมีความสุขไม่แพ้กัน

“เพลงคุณหิวหรือยัง ผมจะไปทำอาหารมาให้”ดนุพรเดินไปนั่งใกล้ ๆ ภรรยาและก็โอบไหล่เธอเอาไว้ด้วยความรัก
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ แต่พี่เด่นบอกว่าจะแวะซื้อติ่มซัมมาฝากยังไม่เห็นมาเลยค่ะ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะกินได้หรือเปล่ากลัวจะอาเจียนออกเหมือนวันก่อนอีก”
เธอตอบเขาแล้วก็พยายามจะแกะมือเอาออกจากไหล่เพราะรู้สึกอายผู้ใหญ่ที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย จนหลาย ๆ คนแอบยิ้มให้กันด้วยความขำ

“ผมว่าอย่าไปรอเลยนะ กว่าพี่เด่นจะมาลูกผมคงจะหิวจนท้องกิ่วไปซะก่อน งั้นผมไปทำให้นะแป๊บเดียว......ไม่รู้เป็นอะไรชอบกินแต่สปาเก็ตตี้ฝีมือเรา สงสัยจะมีความหลังกับสปาเก็ตตี้แน่ ๆ เลย”
เขาแหยเธอพร้อม ๆ กับยิ้มอย่างมีเลศนัยเพราะตั้งแต่ระพีพรรณแพ้ท้องที่สองนี้ ไม่รู้เป็นอะไรอยากจะกินแต่สปาร์เก็ตตี้ผัดกุ้งตลอดเวลาเลย และก็ต้องเป็นฝีมือเขาทำคนเดียวเท่านั้น ถ้าแพงหรือใคร ๆ ทำให้เธอก็จะกินไม่ได้อาเจียนออกมาจนหมดเลย
“ป้าแพงเตรียมของไว้ให้คุณดำแล้วค่ะ ไปถึงก็ผัดได้เลย”นิตยาบอกขณะที่เดินมาได้ยินที่เขาพูดพอดี
“น้ำส้มคั้นของคุณเพลงมาแล้วค่ะ มีใครจะเอาด้วยหรือเปล่าคะ”นิตยาวางแก้วน้ำส้มให้ระพีพรรณ

“ขอบคุณค่ะ”
ระพีพรรณบอกและยิ้มให้นิตยาด้วยรอยยิ้มแห่งความจริงใจ คิด ๆ แล้วตัวเองก็อดขำกับโชคชะตาไม่ได้ ที่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอยังถูกนิตยาเรียกใช้โน่นใช้นี่อยู่ไม่ขาด แต่มาตอนนี้มันช่างกลับกันนัก ถึงแม้เธอจะรู้อยู่เต็มอกว่านิตยาไม่ค่อยเต็มใจที่จะรับใช้เธอสักเท่าไหร่ แต่ที่ต้องทำก็เพราะกลัวดนุพรและลัดดามากกว่า

เพราะดนุพรสั่งทุกคนในบ้านว่าให้เคารพและนับถือคุณผู้หญิงของบ้านให้เปรียบเสมือนเป็นเขา และถ้าใครทำให้คุณผู้หญิงไม่พอใจแม้แต่น้อย เขาจะไล่ออกทันที จนทำให้นิตยาและแตนนั้นแทบจะไม่กล้าแสดงอาการไม่พอใจออกมาเลยทีเดียว แต่ระพีพรรณก็เข้าใจคนทั้งสองดีว่ารู้สึกอย่างไร เธอก็ได้แต่ใช้พระเดชพระคุณเข้าช่วยเท่านั้น จนทั้งสองปฎิบัติกับเธอดีขึ้นมาบ้าง ถึงแม้จะไม่เต็มใจในบางครั้ง แต่เธอก็ไม่คาดหวังอะไรมากไปกว่านี้แล้ว
“รำพึงปลาเผาฉันได้หรือยังจ๊ะ ฉันจะกินวันนี้นะไม่ใช่ปีหน้า มัวแต่กระหนุงกระหนิงอยู่นั่นล่ะ ทำยังกับว่าเพิ่งจะแต่งงานใหม่ยังงั้นล่ะ”ลัดดาร้องถามรำพึงและสมพรที่กำลังเฝ้าเตาย่างอยู่ห่างออกไปจากโต๊ะไม่มากนัก

“แหม...คุณท่านก็ ใกล้จะสุกแล้วค่ะ อีกนิดเดียวค่ะ”รำพึงบอก พร้อมกับยิ้มให้คนที่โต๊ะด้วยความเขินอาย
“พี่สมพรเอากุ้งไปให้คุณท่านกินก่อนไปเดี๋ยวปลาจะตามไป เอ้า...นี่นังแตนช่วยยกน้ำจิ้มไปด้วย แต่อย่าเอาไปใกล้คุณเพลงนะ เดี๋ยวจะอาเจียนออกมาเหมือนคราวก่อน โดนคุณดำไล่ออกฉันไม่รู้ด้วย เดี๋ยวคุณแม่บ้านใหญ่ก็จะพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วยหรอก พักนี้คุณเพลงยิ่งแพ้บ่อย ๆอยู่”รำพึงรีบสั่งการโดยด่วน และก็อดขำไม่ได้ที่ได้มีโอกาสเอาคืนแตนและคุณแม่บ้านบ้าง
“รู้แล้วน่า”แตนรับคำแต่ก็อดบ่นไม่ได้ ถึงจะได้แค่บ่นเพื่อเป็นการคลายความอัดอั้นก็ตามที

“แตนถืออะไรมาจ๊ะ”ระพีพรรณถามเมื่อเห็นถ้วยในมือแตน
“น้ำจิ้มค่ะ คุณเพลงเอาหรือเปล่าคะ”แตนถามและก็แกล้งยื่นถ้วยน้ำจิ้มไปใกล้ ๆ
“ไม่เอาเหม็น เอาไปไกล ๆ ตรงโน้นเลย”ระพีพรรณถึงกับอยากจะอาเจียนออกมาตรงนั้น เมื่อได้กลิ่นน้ำจิ้ม
“แตนเอาอะไรไปให้คุณผู้หญิง ฉันบอกแล้วไงว่าคุณผู้หญิงกำลังแพ้ท้องและเหม็นอาหารทะเล ไปเอายาดมมาให้เดี๋ยวนี้เลย ทีหลังอย่าให้มีแบบนี้อีกนะ คงไม่ต้องบอกนะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ดนุพรที่เดินมาพร้อมกับอาหารรีบดุแตนทันทีที่เห็นภรรยามีอาการแพ้ท้องอย่างแรง

“คุณคะพอได้แล้วค่ะ แตนเขาไม่ได้ตั้งใจหรอก เพลงถามเขาเองล่ะ แตนไปเอายาดมให้ฉันหน่อยนะ อยู่ในตะกร้านั่นล่ะยกมาหมดเลย”ระพีพรรณต้องรีบห้ามสามี เพราะสงสารแตน ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าอะไรเป็นอะไร
“แตนรีบไปสิ ไม่ได้ยินที่คุณผู้หญิงบอกรึไง”
นิตยารีบดุหลานทันที เพราะกลัวหลานจะถูกไล่ออก และอีกอย่างก็นึกขอบคุณระพีพรรณไม่น้อยที่คอยห้ามดนุพรเอาไว้ และกับความดีในข้อนี้นี่เอง ที่ทำให้นิตยานั้นรู้สึกดีกับระพีพรรณขึ้นมาเรื่อย ๆ
“ตาเด่นมาพอดีเลย”
ลัดดาบอกเมื่อเห็นรถของลูกชายคนโตขับเข้ามาจอด แล้วเขากับสมคิดก็หอบเอาหนังสือในรถเดินตรงมาที่โต๊ะทันที
“สวัสดีครับคุณแม่ คุณท่าน แล้วก็ทุก ๆ คน ขอโทษด้วยนะที่มาช้า”เด่นณรงค์ไหว้ผู้ใหญ่

“หอบอะไรมาด้วยลูกแม่”ลัดดาถามด้วยความสงสัย
“อ้าว....ก็หนังสือเล่มที่ห้าของผมไงครับคุณแม่ นี่โรงพิมพ์เพิ่งจะส่งมาให้เมื่อเช้านี้เอง ก็เลยกะว่าจะเอามาแจกให้ทุกคนอ่านครับ ไหนใครอยากได้บ้าง วันนี้นักเขียนมาแจกถึงที่พร้อมลายเซ็นต์ด้วยนะ สมคิดตามสบายนะ จะไปร่วมวงกับเพื่อนก็ตามใจ”

เขาบอกพร้อม ๆ กับนั่งลงใกล้ ๆ มารดา แต่ก็ไม่ลืมที่จะบอกสมคิดด้วย เพราะตั้งแต่ที่เขาไม่ได้แต่งงานคราวที่แล้วนั้น เขาก็แยกตัวเองไปอยู่บ้านสวนที่ดนุพรยกให้ เพราะต้องการจะหาที่สงบ ๆ จะได้เขียนหนังสือได้เต็มที่ เขาหอบเอาสมคิดไปอยู่ด้วยตั้งแต่ครั้งนั้นเลย จนสมคิดกลายเป็นผู้ช่วยเขาในทุก ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน เรื่องเสื้อผ้า เรื่องงานบ้านงานเรือน

สมคิดช่วยเขาได้มาก ๆ เลยทีเดียว และก็ยังช่วยให้เขาหายเหงาบ้างในบางครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่อยากจะลืมเด็กน้อยหน้าใสทีไร สมคิดก็จะเป็นคนช่วยเขาได้ไม่น้อย เพราะสมคิดชอบชวนเขาไปช่วยงานในสวนบ่อย ๆ จนเดี๋ยวนี้เขาจะกลายไปเป็นชาวสวนแทนการเป็นนักเขียนอยู่แล้ว แต่เขาก็ชอบไม่น้อย เพราะเวลาเขียนหนังสือไม่ลื่นเขาก็จะไปทำสวนแทน จนได้ฉายาที่บอกอตั้งให้ว่า นักเขียนในสวนส้มไปแล้ว

“อันนี้ของดำกับของคุณเพลงครับให้เล่มเดียวก็พอ ส่วนเล่มนี้ให้คุณท่านเอาไว้เป็นที่ระลึกครับ ของคุณแม่อยู่นี่ เล่มนี้ให้สิทธิ์กับคุณโสภา และพี่ฝากให้ภคินด้วยนะครับ”
เขาแจกจ่ายหนังสือให้ทุก ๆ คนพร้อมกับลายเซ็นต์ ทุกคนยิ้มรับด้วยความขอบคุณ
“แนวใหม่เหรอครับพี่เด่นเรื่องอะไรนี่ ‘รอย...อาญา’ ชื่อมันเหมือนจะออกไปแนวสืบสวนสอบสวนหรือเปล่าครับ”
ดนุพรถามพี่ชายด้วยความสงสัย เมื่อรับหนังสือมาแล้ว
“เอาไว้อ่านก่อนแล้วค่อยมาคุยกันนะ อย่าลืมอ่านนะครับทุกคน คุณเพลงด้วย”เขาบอกและยิ้มให้กับทุก ๆ คน

“ค่ะพี่เด่น แล้ววันนี้ไม่เอาผลไม้มาฝากเพลงเหรอคะ แล้วติ่มซัมของเพลงล่ะคะอยู่ไหน”
เธอถามพร้อม ๆ กับรอยยิ้มที่ปีตินัก ที่ได้เห็นผลงานของเขา
“เอามาครับ แต่ได้แค่ผลไม้นะครับคุณเพลง ยังอยู่ในรถอยู่เลย ส่วนติ่มซัมพี่ขอแก้ตัววันหลังนะครับ พอดีพี่ยุ่งมาก ๆ เลย อ้อ...ลุงเปลวกับสมจิตก็ฝากผักมาให้ด้วย บอกว่าให้เพลงไปเที่ยวบ้านสวนบ้าง เขาคิดถึงน้องพิงกัน และก็อยากรู้ด้วยว่าหลานในท้องจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”เขาตอบและยิ้มให้เธอ
“งั้นเอาไว้เดือนหน้าเราไปที่โน่นกันก็ได้นะ คุณว่ายังไงเพลง”ดนุพรถามความเห็น

“แล้วแต่คุณสิคะ เพลงยังไงก็ได้ค่ะ”
เธอรับคำเขา และทุกคนก็ยิ้มรับคล้าย ๆ จะเห็นด้วย แล้วงานสังสรรค์ในกลุ่มเล็ก ๆ ก็เริ่มขึ้นด้วยความรื่นเริง ทุกคนต่างมีความสุขกันถ้วนหน้าที่ได้พูดคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้กันอย่างออกรส แต่ก็มีเพียงเรื่องเดียวที่ไม่มีใครอยากจะเอามาพูดถึง นั่นก็คือรอยอาญาที่เกิดจากความไม่รู้ของหลาย ๆ คนที่ช่วยกันสร้างมันขึ้นมานั่นเอง


บทส่งท้าย

ร่างผอมบางค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปช้า ๆ เพื่อเลือกดูหนังสือของนักเขียนคนโปรดที่เธออุตส่าห์ตะเกียกตะกายมาซื้อถึงกรุงเทพฯ หลังจากที่ตะเวนดูทั่วปทุมฯ แล้วก็ไม่มีหนังสือที่ต้องการแม้แต่ร้านเดียว แล้วรอยยิ้มบาง ๆ ก็ปรากฏบนใบหน้ารูปไข่ นัยตากลมโตคู่นั้น เพราะสิ่งที่เธอมองหามานานตั้งอยู่ตรงหน้าแล้ว มือน้อย ๆ รีบคว้าหนังสือเล่มนั้นด้วยความเร็ว แต่ก็ดูเหมือนว่าจะช้ากว่าหรือว่าพร้อมกัน กับอีกคนที่ค่อย ๆ เคลื่อนกายมองหาหนังสือเรื่องเดียวกับเธอนั้น

“อุ๊ย...ขอโทษค่ะ เหลือเล่มเดียวพอดีเลย”
เธอรีบบอกเมื่อรู้ว่าตัวเองคว้าหนังสือช้ากว่าหนุ่มใหญ่รูปงาม ที่เธอคล้าย ๆ จะเคยเห็นหน้าเขาที่ไหนมาก่อน แต่ก็จำไม่ได้ว่าที่ไหน
“คุณชอบเล่มนี้เหรอครับ”เขาถามพร้อม ๆ กับยิ้มบาง ๆ ให้เธอ
“ค่ะ เล่มนี้เล่มที่ห้าของเขาแล้ว หาแทบตายค่ะ มีขายน้อยที่จริง ๆ เลย แต่คุณเอาไปก่อนก็ได้ค่ะ เพราะคุณมาก่อน เดี๋ยวฉันจะไปดูร้านอื่นก็ได้”เธอรีบบอกเขา

“ไม่เป็นไรครับ ผมให้คุณก่อนก็แล้วกัน นักเขียนคงจะดีใจไม่น้อยนะครับ ที่มีแฟนตัวจริงขนาดนี้ ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะครับ”เขาบอกและยื่นหนังสือให้เธอแล้วก็เดินออกไปจากร้านด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
“คุณคะ ๆ เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันจำคุณได้แล้ว”
สาวน้อยตาคมต้องรีบถือหนังสือวิ่งตามเขาออกไปด้วยความเร็ว เพราะเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า เขาก็คือนักเขียนที่เธอกำลังหาหนังสือเรื่องใหม่ของเขาอยู่นั่นเอง
“มีอะไรครับ”เด่นณรงค์หันมาและยิ้มให้กับสาวน้อยผิวสีน้ำตาลในตากลมโตที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“คุณคือเจ้าของนามปากกา “เด่นณรงค์ ปรีชากุล” หรือเปล่าคะ ที่เขียนเรื่อง “รอย...อาญา” นี้ใช่ไหมคะ”
หญิงสาวรีบถามด้วยความดีใจ

“ครับ ขอบคุณมาก ๆ นะครับที่จำได้ มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ แต่ถ้าจะถามซื้อหนังสือ ผมไม่มีนะครับ”
เขาบอกและยิ้มให้สาวน้อยด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความจริงใจ
“เปล่าค่ะ ฉันแค่อยากจะได้ลายเซ็นค่ะ ช่วยเซ็นให้หน่อยได้หรือเปล่าคะ เพื่อน ๆ จะต้องอิจฉาฉันและก็เสียใจแน่ ๆ เลยค่ะ ที่วันนี้พวกเขาไม่ยอมมาเป็นเพื่อนฉัน เลยไม่ได้เจอนักเขียนในดวงใจเลยค่ะ”เธอบอกและยิ้มให้เขา
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ แต่ก็ด้วยความยินดีครับ แล้วคุณชื่อะไรครับ”
เขาถามเธอพร้อมกับดึงปากกาที่เสียบอยู่ที่กระเป๋าเสื้อขึ้นมา แล้วก็เซ็นชื่อลงไปในหนังสือให้เธอ แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะถามชื่อคนขอด้วย

“ชื่อวลัยรัตน์ค่ะ”เธอบอกและยิ้มให้เขาด้วยความดีใจ
“งั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ นี่ครับ ขอบคุณมาก ๆ นะครับที่อุดหนุนหนังสือผม ขอตัวนะครับ”
เขาบอกเธอแล้วก็รีบเดินข้ามถนนไปอีกฟากก่อนจะขับรถออกไปช้า ๆ ทิ้งให้สาวน้อยมองตามรถของเขาไปด้วยความปลาบปลื้มใจเป็นที่สุด


“อ้าว...สมคิดแต่งตัวหล่อแต่เช้าจะไปไหนเหรอวันนี้”เด่นณรงค์ทักทายลูกน้องหัวแก้วหัวแหวน
“ผมจะกลับบ้านสักอาทิตย์ครับพี่เด่น เมื่อเช้าตอนเก็บผักอยู่แม่โทรมาบอกว่าไม่สบาย ผมก็เลยจะมาขอลาพี่เด่นไปดูแม่ก่อน ถ้าอาการดีขึ้นก็จะกลับมาก่อนอาทิตย์หนึ่งครับ ห่วงพี่เด่นเหมือนกัน เดี๋ยวไม่มีใครหาข้าวให้กิน ผักก็กำลังพอดีตัดด้วย”
สมคิดที่นั่งรอเขาอยู่ระเบียงบ้านบอก พร้อม ๆ กับข้าง ๆ ก็มีกระเป๋าเสื้อผ้าที่เตรียมเอาไว้ด้วยแล้ว

“ไปสิสมคิด ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอกเดี๋ยวพี่จัดการเอง เอาเงินนี่ไปนะ ถ้าไม่พอยังไงก็โทรมาบอกพี่ได้ จะโอนไปให้”
เขาบอกและยิ้มให้สมคิด พร้อม ๆ กับล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบธนบัตรใบสีเทายื่นให้สมคิดเกือบสิบใบ และมันก็ทำให้สมคิดรักเขามากขึ้นทุกวัน ๆ เลยทีเดียว ไม่ใช่เพราะเงินที่เขาให้สมคิดแค่นั้น แต่เป็นเพราะเขาเป็นคนมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทางต่างหาก ที่มัดใจสมคิดจนไม่ยอมไปทำงานที่ไหนเลย

“ขอบคุณพี่เด่นมาก ๆ นะครับ แล้วผมจะทำงานใช้คืนให้นะครับ อ้อ...ผมจัดผักเอาไว้ให้แม่ค้าที่ตลาดด้วย อยู่ใต้ถุนบ้าน สาย ๆ แม่ค้าจะมาเอา ฝากพี่เด่นดูให้ผมด้วยนะครับ ค่าผักกับผลไม้ประมาณสองพันครับ ผมจะรีบไปรีบมา ไปนะครับพี่เด่น”สมคิดบอกพร้อม ๆ กับยกมือไหว้เขา แล้วก็รีบเดินลงระเบียงไปด้วยความรีบ


ร่างที่นั่งจมอยู่หน้าแล็บท๊อปมาตั้งแต่เช้าจนบ่ายคล้อยค่อย ๆ บิดตัวไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยล้า เด่นณรงค์เหลือบไปดูนาฬิกาที่หน้าจอก็พบว่าเกือบจะบ่ายสองแล้ว เขาลุกจากเก้าอี้เดินตรงไปเปิดตู้เย็นเพราะท้องเริ่มหิวแล้ว ได้ผลไม้ติดมาด้วยหนึ่งจาน สมคิดคงจะเตรียมไว้ให้เขานั่นเอง คิด ๆ แล้วเขาก็ยิ้มให้กับตัวเอง ที่ไป ๆ มา ๆ กลับได้สมคิดมาคอยดูแล แทนที่จะเป็นคุณแม่ลูกหนึ่งอย่างระพีพรรณ หรือสาวสวยสักคน

ใช่สิ “ระพีพรรณ” ชื่อนี้ทำให้เขาเจ็บทุก ๆ ครั้งที่คิดถึงเธอ แต่เขาก็ดีใจเหลือเกินที่ได้เห็นเธอและน้องชายอยู่ครองคู่กันอย่างมีความสุข ไม่เสียแรงเปล่าที่เขายอมหลีกทางให้คนทั้งคู่ ทั้ง ๆ ที่วันนั้นเขาจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วแต่งงานกับเธอไปเลยก็ได้ และเขามั่นใจเหลือเกินว่าเธอคงจะรักเขาจริง ๆ ได้ในไม่ช้า แต่เขาคงจะหาความสุขจากชีวิตที่เหลือไม่ได้อีกเป็นแน่ ถ้าทำแบบนั้นลงไป

“มีใครอยู่หรือเปล่าคะ จะมาเอาผักที่สั่งไว้ค่ะ”
เสียงใครคนหนึ่งดังมาจากด้านล่าง ทำให้เขาต้องละจากจานผลไม้และก็เดินไปที่ระเบียง เพราะคิดว่าคงจะเป็นคนที่จะมาเอาผักที่สมคิดบอกไว้
“อยู่นี่ครับ มาเอาผักหรือเปล่าเอ่ย”เขาถามและชะโงกหน้าไปหาเจ้าของเสียง
“อ้าว....คุณนั่นเอง รอแป๊บหนึ่งนะครับ”
เขาทักเธอด้วยความแปลกใจ เพราะคนที่มาเยือนตอนนี้ก็คือคนที่เพิ่งจะขอลายเซ็นเขาไปเมื่อไม่กี่วันมานี้นั่นเอง

“คุณอยู่ที่นี่เหรอคะ”
วลัยรัตน์ถามด้วยความแปลกใจปนดีใจที่จู่ ๆ บ้านที่ตัวเองและครอบครับเพิ่งจะย้ายมา ก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านเขานัก
“ครับ ผมมาอยู่นี่ได้เป็นปีแล้ว แล้วคุณเอ่อ...มาอยู่นานหรือยังครับ”
“วลัยรัตน์ค่ะ หรือจะเรียกว่ากุ้งเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ ฉันกับที่บ้านเพิ่งจะย้ายมาจากนครศรีธรรมราชเมื่อสามเดือนที่แล้วค่ะ เราซื้อสวนของลุงเสริมที่อยู่ไม่ห่างจากนี่ค่ะ”วลัยรัตน์บอกและยิ้มให้เขา

“แหม...ดีจังเลยนะครับ จะได้เป็นเพื่อนบ้านกัน ปกติผมไม่ค่อยไปไหนครับ อ้อ...ตายจริงผักอยู่ตรงโน้นครับ แล้วไม่รู้ว่าเอารถอะไรมา ผมจะช่วยยกไปให้ พอดีสมคิดไม่อยู่ไปต่างจังหวัดอีกหลายวันกว่าจะกลับ”
เขาบอกและเดินนำเธอไปที่เข่งผักที่วางเรียงกันเอาไว้หลายเข่ง
“เดินมาค่ะ เพราะแม่บอกว่าจะให้รถที่บ้านพี่สมคิดขับไปส่งให้ที่ตลาดเลย พอดีวันนี้รถไม่อยู่ค่ะ เอาของไปส่งของให้ลูกค้า”เธอบอกตามคำมารดา
“เหรอครับ งั้นผมขับไปส่งให้ก็ได้”
“จะดีเหรอคะ เกรงใจคุณเด่นณรงค์ค่ะ จู่ ๆ จะให้นักเขียนชื่อดังไปส่งผักที่ตลาดให้ ใครรู้เข้าอายเขาแย่เลยนะคะ”
เธอแย้งเพราะไม่เห็นด้วย

“ผมก็คือคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นครับ อย่าไปสนใจกับหัวโขนที่คนเขาสร้างขึ้นมาเลย แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ได้ดังอะไรมากมายครับ หนังสือยังมีไม่กี่เล่ม และที่สำคัญที่สุด ผมก็กะว่าจะออกไปที่ตลาดพอดี เพราะว่าตอนนี้หิวท้องจะกิ่วอยู่แล้วครับ ปกติสมคิดจะเป็นคนหาข้าวเที่ยงเอาไว้ให้ แต่ว่าตอนนี้ต้องช่วยตัวเองไปก่อนครับ”
เขาบอกและยิ้มให้กับเธอขณะที่ยกเข่งผักใส่ไปที่กะบะรถ
“นี่มันจะบ่ายสองแล้วนะคะ คุณเด่นณรงค์ยังไม่กินข้าวเที่ยงเหรอคะ ตายจริง”เธอถามเพราะเลยเที่ยงมานานแล้ว

“ยังไม่ตายหรอกครับ แค่หิวเท่านั้นเอง เสร็จแล้ว ไปกันหรือยังครับ”
เขายิ้มให้เธอพร้อมกับเดินนำเธอไปที่ส่วนหน้าของรถแล้วก็เปิดประตูให้เธอ ทำให้วลัยรัตน์ถึงกับยิ้มออกมาด้วยความขำ ที่ไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีสุภาพบุรุษเปิดประตูรถให้นั่งแบบนี้ หญิงสาวอดดีใจไม่ได้ที่นักเขียนในดวงใจตัวจริงเป็นคนที่ติดดิน และสุภาพเหลือเกิน และก็คงจะสุภาพกว่าใครคนหนึ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวด จนต้องพาพ่อกับแม่หนีมาเลียแผใจถึงที่นี่

“ที่บ้านทำปิ่นโตส่งด้วยนะคะ ถ้าคุณเด่นณรงค์ไม่รังเกียจจะรับมาทานช่วงที่พี่สมคิดไม่อยู่ก็ได้ค่ะ กุ้งจะคิดราคาถูก ๆ ให้คุณเลยค่ะ หรือจะให้กินฟรียังได้เลยนะคะ แต่ต้องแลกกับหนังสือเล่มต่อไปด้วยค่ะ” เธอบอกและยิ้มให้เขา
“จริงเหรอครับ งั้นผมเริ่มพรุ่งนี้เลยก็แล้วกัน เพราะไม่ค่อยอยากจะออกมาหาซื้อกินเองเลย บางทีกำลังเขียนติดพันไม่อยากจะทิ้งมา แต่ท้องมันก็ไม่ยอมครับ เอ่อ...แล้วคุณกุ้งทำงานที่ไหนครับ หรือว่าช่วยที่บ้านขายของ”เขาถาม
“กุ้งเขียนโปรแกรมค่ะ แต่ก็ทำเป็นฟรีแลนด์นะคะ ขี้เกียจทำตัวเป็นมนุษย์เงินเดือน ทำแบบนี้สบายใจกว่า”เธอตอบ

“ดีครับ ผมเองก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากจะเขียนหนังสือ เพราะพอคนเริ่มติดและรู้จักเรา บอกอก็อยากจะให้เราผลิตงานออกมาบ่อย ๆ เลยต้องหนีคุณแม่มาปักหลักอยู่ที่นี่เลย”เขาบอกและก็อดยิ้มไม่ได้ที่คิดไปถึงวันที่บอกมารดาว่าจะขอมาอยู่ที่นี่
“สวนกุ้งอยู่ตรงนี้ค่ะซ้ายมือนั่นไงคะ แต่ว่าเราจะไปตลาดคุณเด่นณรงค์ต้องเลี้ยวขวานะคะ”เธอบอกเขา
“ครับ คุณกุ้งจะเรียกผมว่าเด่นเฉย ๆ ก็ได้นะครับ มันดูจะเป็นกันเองมากกว่า เพราะไหน ๆ เราก็เป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว”
เขาบอกและยิ้มให้เธอด้วยความสุภาพและอ่อนโยน จนอีกฝ่ายนั้นยิ้มด้วยความปลาบปลื้มใจ


ผู้ที่นั่งพิงหัวเตียงค่อย ๆ ยิ้มออกมา เมื่ออ่านหนังสือเล่มใหญ่ที่ได้จากเด่นณรงค์เมื่อหลายวันมาแล้ว แต่ก็ไม่มีเวลาได้เอาขึ้นมาอ่านเลย เพราะมัวแต่เร่งทำแบบให้ลูกค้า ถึงแม้สามีจะห้ามยังไงเธอก็ขอทำงานนี้ให้ลูกค้าก่อน เพราะได้สัญญากับลูกค้าเอาไว้แล้ว จนดนุพรต้องยอมให้เธอทำ
“ระพีพรรณ ปรีชากุล ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่นอนอีกครับ แบบลูกค้าก็เสร็จแล้วนี่นา”
ดนุพรถามภรรยาที่รักด้วยน้ำเสียงล้อเลียน ขณะเดินเข้ามาในห้องพร้อมในมือมีแก้วนมอุ่น ๆ ติดเข้ามาด้วย ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเพิ่งจะกลับจากงานเลี้ยงนอกบ้าน

“ดึกที่ไหนกันคะเพิ่งจะสี่ทุ่มเอง แล้วเป็นยังไงคะงานแต่ง.....เจ้าสาวสวยหรือเปล่าคะ แล้วเจ้าบ่าวหล่อหรือเปล่า”
เธอถาม เพราะดนุพรเพิ่งจะกลับจากงานแต่งงานของนัชนินมา
“เจ้าสาวก็สวยน้อยกว่าเมียผมหน่อยหนึ่ง ส่วนเจ้าบ่าวไม่ต้องพูดถึง ไม่ติดฝุ่นของนายดนุพรคนนี้หรอก”
เขาบอกและยิ้มให้เธอขณะที่วางแก้วนมไว้ที่โต๊ะหัวเตียง
“น้อย ๆ หน่อยค่ะ อุ๊ย....คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ เพลงเตรียมผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนเอาไว้ให้แล้ว”
เธอบอกเมื่อเขาก้มลงไปหอมแก้มเธอด้วยความเร็วจนเธอตกใจ

“ขอบคุณครับ ผมบอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องทำให้ผมหรอก ผมช่วยตัวเองได้ คุณกำลังท้องนะ เดี๋ยวลูกแฝดผมก็เหนื่อยแย่หรอก กว่าจะได้มาปั้มตั้งนานสองนาน”
เขาบอกและยิ้มให้เธอ แต่ก็ไม่วายห่วงเธอและลูกในท้องด้วย เพราะเพิ่งจะไปทำอัลตร้าซาวด์แล้วพบว่าลูกในท้องภรรยาเป็นแฝดหญิงชาย ซึ่งสร้างความดีใจให้กับเขาเป็นที่สุด
“คุณน่ะพูดอะไรก็ไม่รู้ แต่เพลงทำได้ค่ะ ไม่ได้เหนื่อยอะไรมากมาย เห็นคุณทำงานมาเหนื่อย ๆ เพลงก็อยากจะทำอะไรให้บ้าง แล้วนี่เพลงก็เอาโสมมาไว้ให้คุณด้วยนะคะ นั่นไงอยู่บนตู้ค่ะ”
“ขอบคุณครับคุณภรรยา งั้นคุณดื่มนมก่อนนะ เดี๋ยวผมมา”
เขาบอกและก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานเขาก็ออกมาอีกครั้งในชุดเตรียมเข้านอน

“ลูกชายผมอยู่ไหนเหรอคืนนี้”
เขาถามเมื่อขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงใกล้ ๆ เธอ แล้วก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นหน้าลูกชายมาวนเวียนอยู่ในห้อง
“นอนอยู่บ้านคุณแม่ทั้งพี่ทั้งน้องเลยค่ะ คุณดอนน่ะติดตาพิงยังกับอะไรดี พอเลิกเรียนก็รีบกลับบ้านมาเล่นกับน้องค่ะ ส่วนน้องไม่ต้องพูดถึงเลย วัน ๆ เอาแต่ร้องหาพี่ดอนตลอดเลยค่ะ พี่ไปโรงเรียนก็รอว่าเมื่อไหร่พี่ดอนจะกลับบ้านซักที”
เธอบอกและยิ้มด้วยความเอ็นดูเมื่อพูดถึงลูกชายทั้งสองคน
“ดีแล้วล่ะ ผมกลัวดอนจะน้อยใจจะแย่ที่จู่ ๆ มีน้องกับแม่เพลงเพิ่มขึ้นมาในบ้าน”เขาบอก

“จริงสิคะ คุณดอนบอกเพลงว่าจบ ม. ต้นแล้วขอไม่ไปเรียนเมืองนอกได้มั้ย อยากจะรอให้จบ ม. ปลายก่อนค่ะ”
“จริงเหรอ ทำไมตาดอนเป็นแบบนี้นะ เมื่อก่อนเห็นบอกว่าอยากจะไปเรียนเมืองนอกจะตายไป”
“ก็คงจะติดบ้านกับติดน้องล่ะค่ะ แต่เพลงว่าก็ดีนะคะ แกยังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ให้อยู่กับเราไปก่อนก็ดีเหมือนกันค่ะ จะได้อยู่ใกล้ ๆ คุณดาด้วย ตอนเพลงไปเรียนใหม่ ๆ ก็ร้องไห้คิดถึงคุณพ่อกับพี่พีจะแย่ค่ะ กว่าจะชินก็ตั้งนาน”
เธอให้เหตุผลกับเขา
“งั้นผมก็แล้วแต่เพลงก็แล้วกัน ว่าแต่วันนี้ยายดาเป็นยังไงบ้าง พี่พีของคุณกลับไปเมื่อไหร่”
เขาถามเพราะระพีพงศ์จะมาดูดรุณีบ่อยครั้ง

“ก็ไปตอนที่คุณดาหลับค่ะ พี่พีบอกเพลงนะคะว่าถ้าคุณดาไม่หาย ก็จะไม่มองผู้หญิงคนไหนเลย และก็จะไม่แต่งงานกับใครด้วยค่ะ”
“ทำไมเหรอ หรือว่าเขาจะชอบยายดา”
“ไม่รู้สิคะ พี่พีคงอยากจะรับผิดชอบในสิ่งที่เคยทำพลาดมามั้งคะ คุณน่ะไม่รู้อะไร เห็นพี่พีห่าม ๆ อย่างนั้นนะคะ แต่ลึก ๆ แล้วพี่พีเป็นคนขี้สงสารคนจะตายไปค่ะ ยิ่งมาเห็นคุณดาเป็นแบบนี้แล้ว ก็คงอยากจะช่วยให้หายดีก่อนมั้งคะ”
“อย่าว่าแต่พี่พีของคุณเลยที่ขี้สงสาร ตัวคุณเองก็เถอะ มีอย่างที่ไหนขี้สงสารจนเกือบได้พี่ชายผมเป็นสามีแทนแล้ว พูดขึ้นมาแล้วมันน่าเจ็บใจจริง ๆ น้องชายทั้งหล่อ ทั้งรวยยังมองข้ามเราไปได้”เขาไม่วายแหยเธอ

“คุณก้อ....เราสัญญากันแล้วนะคะว่าเราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก แต่พูดถึงพี่เด่น พักนี้ดูจะเงียบ ๆ ไปนะคะ คุณได้โทรคุยกันบ้างมั้ยคะ”เธอถามหาอีกฝ่ายด้วยความห่วงใย
“เหลือจะคุยน่ะสิ วันก่อนผมก็แวะไปหาเจออะไรดี ๆ มาด้วยล่ะ”
“อะไรคะ”
“ก็ไม่รู้ว่าใครนะ เห็นหิ้วปิ่นโตมาให้พี่เด่นทุกวัน ๆ ไม่แน่อาจจะเป็นพี่สะใภ้ผมในอนาคตก็ได้”
“จริงเหรอคะ สวยหรือเปล่า แล้วเป็นคนที่ไหน นิสัยยังไง รักพี่เด่นหรือเปล่าคะ เพลงอยากจะให้พี่เด่นได้พบใครสักคน จะได้แต่งงาน และมีความสุขเหมือนคนอื่นบ้างค่ะ”เธอถามเป็นชุด ๆ เพราะความอยากรู้ ด้วยดีใจที่เด่นณรงค์จะมีใครสักที

“ก็หน้าตาน่ารักนะ เป็นคนใต้ผิวสีน้ำตาล ตากลมบ้องแบ้วมาก ๆ เลย ส่วนนิสัยผมยังไม่รู้ แต่เท่าที่ได้คุย ๆ กันแป๊บ ๆ ผมว่าผมรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนั้นนะ ดูเป็นคนเรียบ ๆ ง่าย ๆ ตรงไปตรงมา ผมถามสมคิดว่ารู้จักกับพี่เด่นยังไง ก็ได้ความมาว่า พี่เด่นไปผูกปิ่นโตกับบ้านนั้น ตอนที่สมคิดไม่อยู่ แต่พอสมคิดกลับมาแล้วก็ยังไม่ได้หยุดสั่ง สมคิดก็มอง ๆ อยู่เหมือนกัน เห็นเปรย ๆ ว่าคงจะได้นายผู้หญิงแน่คราวนี้”

เขาเล่าให้เธอฟังพร้อม ๆ กับยิ้มด้วยความดีใจที่จะได้เห็นพี่ชายมีความสุขกับใครเขาบ้าง หลังจากที่พี่ชายขอปลีกตัวไปอยู่ตามลำพังตั้งแต่ก่อนที่เขาจะแต่งงานกับระพีพรรณด้วยซ้ำ แล้วเขาเองก็เข้าใจพี่ชายดีว่ารู้สึกยังไง

“เหรอคะ เพลงชักอยากจะเห็นซะแล้วสิคะ”
“อย่าเพิ่งเลย เอาไว้ให้พี่เด่นได้มีเวลาคบหากันไปสักระยะก่อน เราอย่าเพิ่งไปแหวกหญ้าให้งูตื่นเลย เดี๋ยวพี่เด่นเกิดอายขึ้นมาจะยุ่งไปกันใหญ่....แล้วคุณอ่านอะไรอยู่จบหรือยัง ใช่นิยายเรื่องล่าสุดของพี่เด่นให้มาหรือเปล่า เห็นคุณเมบอกผมมาเหมือนกันว่าให้ผมรีบอ่าน เพราะเขียนได้ดีมาก”เขาถามเมื่อเห็นหนังสือวางอยู่บนตักเธอ
“เพลงเพิ่งจะอ่านจบเมื่อกี้นี้ค่ะ นี่ไงคะ เรื่อง รอยอาญาค่ะ”
“ฟังชื่อเรื่องเหมือนนิยายสืบสวนเลย แล้วเรื่องมันเป็นยังไง ทำไมใคร ๆ ถึงบอกให้ผมมาอ่านนัก คุณแม่ กับเจ้าสิทธิ์ก็อีกคน แต่คุณโสภาไม่ยักกะจะบอกให้มาอ่าน”

“มันเป็นนิยายรักค่ะ เพลงว่าคุณควรจะอ่านตามที่หลาย ๆ คนบอกนะคะ”เธอบอกและยิ้มให้เขาด้วยความขำ
“แล้วตอนจบเป็นยังไง พระเอกกับนางเอกจะได้แต่งงานกัน และอยู่กินด้วยกันอย่างมีความสุขหรือเปล่า”
เขาถามเพราะพอจะเดาได้ว่านิยายรักตอนจบจะเป็นยังไง
“ได้แต่งงานและอยู่กินด้วยกันค่ะ แต่ว่าจะมีความสุขหรือไม่นี่ก็ขึ้นอยู่กับพระเอกของเรื่องนะคะ ว่าจะรักนางเอกกับลูก ๆ ได้นานแค่ไหน ไม่แน่นะคะอยู่กันไปนาน ๆ พระเอกอาจจะหนีไม่มีคนอื่นก็ได้ หรือคุณว่าไงคะ”เธอถามและยิ้มให้เขา

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะทีนี้ เอ๊ะ...มันชักยังไง ๆ อยู่นา....ไหนมาให้ดูหน่อยสิ พระเอกชื่ออะไร แล้วนางเอกชื่ออะไร”
เขาถามและเอื้อมมือไปหยิบหนังสือมาจากตักเธอ เปิดไปกลาง ๆ เล่มและก้มอ่านดูบางตอนของนิยาย
“อย่าบอกนะว่าพระเอกชื่อดำ”เขาถามและหันไปหาเธอด้วยความสงสัย ก็ได้แต่รอยยิ้มจากเธอมาแทน
“ชื่อเชย ๆ อย่างผมมีคนอยากจะเอาไปตั้งเป็นชื่อพระเอกนิยายด้วยเหรอ....เอ....และอย่าบอกนะว่านางเอกชื่อคุณเพลง”
เขาหันไปหาเธออีกครั้ง หลังจากที่ก้มลงอ่านดูอีกจนแน่ใจก่อน แต่ก็ยังคงได้แต่รอยยิ้มจากเธออยู่นั่นเอง

“คุณอย่าบอกผมนะว่าพี่เด่นเอาเรื่องของเราไปเขียนเป็นนิยาย....นั่นไงจริง ๆ ด้วย ตายล่ะทำไมพี่เด่นทำแบบนี้ สงสัยจะต้องฟ้องให้เข็ด โทษฐานละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล”เขาไม่วายบ่นพี่ชายเมื่อได้รู้ความจริงเกี่ยวกับนิยายแล้ว
“โธ่คุณก้อ...เพลงไม่เห็นว่าจะเป็นอะไรเลยนี่คะ”เธอค้อนสามี
“ไม่เป็นได้ยังไงเพลงก้อ ใคร ๆ เขาก็รู้สิว่าผมทำอะไรกับคุณบ้างโธ่....พี่เราไม่น่าทำแบบนี้เลย”เขาบ่นแต่ก็ไม่จริงจังนัก

“จะมีคนที่อ่านนิยายสักกี่คนคะที่รู้จักเรา ถึงรู้เขาก็แค่สงสัยค่ะ ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงหรือว่าเรื่องแต่ง ไม่มีใครมากล้าถามคุณหรอกค่ะ ว่าทรมานนางเอกในเรื่องจริงหรือเปล่า”เธอบอกและยิ้มให้เขาด้วยความรัก
“เฮ้อ....งั้นผมไม่อ่านดีกว่านะ ยิ่งอ่านก็ยิ่งจะโกรธตัวเองมากขึ้น และตอนสุดท้ายก็คงจะสงสารตัวเองมากขึ้นด้วยเหมือนกันนะที่ถูกนางเอกสลัดรัก และจะไปแต่งงานกับพี่พระเอก”เขาบอกและวางหนังสือเอาไว้อย่างนั้น
“แล้วกันคะ เพลงอยากจะให้คุณอ่านออกค่ะ”เธอตีแขนเขาเบา ๆ

“ไม่เอาล่ะ ดึกมากแล้วนอนดีกว่านะ ไหนผมขอดูลูกหน่อยเร็ว”
เขาบอกและก็เอื้อมมือไปเปิดดูท้องภรรยาเพื่อพูดคุยกับลูก ซึ่งเขามักจะทำอยู่บ่อยครั้ง

“วันนี้ลูกดิ้นบ่อยหรือเปล่าจ๊ะเพลง”เขาถามเมื่อเอาหูไปเงี่ยฟังที่ท้องภรรยา
“ก็บ่อยเหมือนกันค่ะ วันนี้เพลงแค่เอาของว่างไปให้คุณแม่ที่ศาลาแค่นั้น ต้องหยุดเดินเลยค่ะ เพราะสองตัวน้อย ๆ นี้กำลังเล่นกันค่ะ”เธอบอกเขา
“ผมบอกคุณแล้วว่าอย่าทำอะไรมากนัก คนก็มีให้ใช้ เพลงก็ใช้ ๆ เขาไปเถอะ คุณแม่น่ะแค่ได้คุณมาเป็นสะใภ้ท่านก็รักและหลงคุณจะแย่แล้ว ไม่ต้องไปทำอะไรให้ท่านมากนักหรอกตอนนี้ เอาไว้ให้เพลงแข็งแรง ๆ ก่อนดีกว่าค่อยไปดูแลท่าน”
เขาบอกเธอด้วยความห่วงใย พร้อม ๆ กับก้มลงสูดดมเรือนผมยาวสลวยของภรรยาด้วยความรักยิ่งนัก

“อุ๊ย....”ระพีพรรณถึงกับตัวงอเมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ ที่ท้อง
“เพลงเป็นอะไร ไหนให้ผมดูหน่อย คุณจะคลอดหรือเปล่า จะให้ผมโทรตามหมอมั้ย”
เขารีบหันไปหาภรรยาและโอบเธอเอาไว้ และก็ถามด้วยความตกใจที่เห็นอาการของเธอ
“ยังหรอกค่ะ ลูกแค่ดิ้นแรงเท่านั้นเอง เพลงเพิ่งจะท้องได้แค่หกเดือนเองนะคะ คุณก้อ”
เธอบอกสามีพร้อม ๆ กับยิ้มด้วยความขำ ที่เห็นเขามีท่าทางตื่นเต้นจนเกินเหตุ

“เหรอ....เฮ้อ...ค่อยโล่งอกไปหน่อย แล้วลูกดิ้นแรง ๆ ทุกครั้งเลยเหรอ อย่างนี้เพลงก็เจ็บแย่สิ”
“ก็เจ็บอย่างนี้ทุกทีล่ะค่ะ ตอนท้องตาพิงยิ่งกว่านี้อีก คุณจะไปรู้อะไรคะ ก็ทิ้งให้เพลงเจ็บอยู่คนเดียว” เธอแกล้งแหย่สามี
“โธ่...เพลงก็ ผมบอกแล้วไงว่าผมขอโทษ ตอนนี้ผมก็กำลังชดเชยให้คุณอยู่นะ แล้วยิ่งผมเห็นคุณเจ็บแบบนี้แล้ว ผมยิ่งเจ็บมากกว่าคุณอีก”เขาบอกด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิดไม่น้อย

“เพลงล้อเล่นค่ะ เพลงไม่ได้คิดอะไรตั้งนานแล้วนะคะ คุณอย่าห่วงเลยค่ะ”
“แต่ผมก็รู้สึกผิดอยู่ดี แต่ช่างมันเถอะนะ เรื่องที่มันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป เรามาทำปัจจุบันกับอนาคตให้มันดีขึ้นดีกว่านะ เพลงว่ามั้ย”เขาบอกและก้มลงหอมแก้มเธอด้วยความรัก
“ค่ะ เพลงดีใจนะคะที่ได้ยินคุณพูดแบบนี้ ไม่น่าเชื่อนะคะว่าเรื่องระหว่างสองครอบครัวจะลงเอยแบบนี้ เพลงดีใจที่สุดเลยค่ะ”เธอบอกและยิ้มให้เขาด้วยความรัก

“ผมก็ดีใจเหมือนกัน ผมสัญญานะว่าผมจะไม่ทำให้คุณเจ็บปวดอีก ผมจะทำให้คุณกับลูกและทุก ๆ คนมีความสุขตลอดไปเลย”
“แค่นี้เพลงกับทุก ๆ คนก็มีความสุขแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะ”เธอบอกและหอมแก้มเขา ทำให้เขาทำหน้างง ๆ
“เพลงขอบคุณผมทำไม”
“ก็ขอบคุณที่คุณทำให้เรามีความสุขไงคะ และก็ขอบคุณที่รักเพลงมากขนาดนี้ด้วยค่ะ”

“โธ่....ผมก็นึกว่าเรื่องอะไร ผมไม่รักเพลงแล้วจะให้ผมไปรักใครที่ไหนล่ะครับคุณภรรยา แต่ตอนนี้มันดึกมากแล้ว ผมว่าเพลงดื่มนมและก็นอนได้แล้วล่ะ ลูกในท้องง่วงแล้ว” เขาบอกพร้อม ๆ กับเอื้อมมือไปยกแก้วนมที่เขาตั้งเอาไว้มายื่นให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณก็ดื่มโสมที่เพลงเอามาให้ด้วยนะคะ”เธอบอกพร้อม ๆ กับรับแก้วนมจากมือเขา
“ทีนี้คุณก็นอนได้แล้วนะมาผมจะห่มผ้าให้”
เขาบอกพร้อม ๆ กับจัดหมอนให้เธอและประคองให้เธอค่อย ๆ นอนลงไปที่เตียง
“ขอบคุณค่ะ”เธอบอกเมื่อเขาห่มผ้าให้

“ด้วยความยินดีครับ คุณระพีพรรณ ปรีชากุล....ผมรักคุณนะ”
เขาบอกและยิ้มให้เธอ พร้อม ๆ กับก้มลงไปหอมที่หน้าผากเธอด้วยความรัก
“เพลงก็รักคุณค่ะ”
เธอบอกและยิ้มให้เขาด้วยความสุข ก่อนที่ทั้งคู่จะอยู่ในห้วงแห่งราตรีกาลด้วยความรักที่มีให้กันและกันตลอดไป


**** จบบริบูรณ์ ***







 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2551
10 comments
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2552 9:08:04 น.
Counter : 2117 Pageviews.

 

มาให้กำลังใจตอนจบค่ะ

เรื่องนี้เคยอ่านมาแล้ว มันเศร้าเลยไมอยากอ่านซ้ำสอง

อันที่จริงรอภาคต่อค่ะ อยากเห็นความรักครั้งใหม่ของเด่นค่ะ

 

โดย: จิงโกะ IP: 122.154.5.133 21 พฤศจิกายน 2551 11:59:51 น.  

 

โธ่! คุณจิงโกะคะ

มันยังคิดไม่ออกค่ะ ว่าจะแต่งให้ออกมาแบบไหนดี

เอาไว้ให้คิดได้ก่อนน้อ แล้วจะลองแต่งดู

ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ สำหรับกำลังใจ

รับมาเต็ม ๆ ค่ะ

 

โดย: ธัญรัตน์ IP: 115.67.6.253 21 พฤศจิกายน 2551 14:26:25 น.  

 

มากราบงามๆขอบพระคุนคนเขียนค่าาา ในที่สุดก็ทำให้คนอ่านคนนี้หลับได้สนิทซะที(ไม่งั้นจะตามจิกค่ะขอบอก) เห็นด้วยอย่างแรงค่ะ ว่าสงสารพี่เด่นมากๆค่ะ อยากให้พี่เด่นมีความสุขมากๆค่ะ ถ้าเป็นไปได้คนเขียนพิจารณาด้วยนะคะ ขอบคุนมากนะคะที่มาลงให้จนจบเลย รออ่านเรื่องใหม่อยู่นะคะ

 

โดย: Dozaemon IP: 212.30.211.225 22 พฤศจิกายน 2551 3:01:16 น.  

 

มีความสุขจัง ขอบคุณมากค่ะ สำหรับพี่เด่นแค่นี้ก็พอแล้ว

 

โดย: aoi IP: 124.120.145.184 22 พฤศจิกายน 2551 10:05:53 น.  

 

แต่ถ้ามีตอนพิเศษเพิ่มขึ้นมาอีกซัก 5 -6 ตอนก็คงจะดีไม่น้อย ยังไงก็จะติดตามเรื่องต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้คะ มาเปิดทุกวันเลยนะเนี่ย

 

โดย: aoi IP: 124.120.145.184 22 พฤศจิกายน 2551 10:16:20 น.  

 

ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ

ยังไง ๆ ก็คอยแวะมาแล้วกันนะคะ

อีกสักพักคงจะได้ลงเรื่องใหม่ให้อ่าน

แต่ถ้าใครยังอ่านไม่ครบทุกเรื่อง แนะนำให้ไปอ่านนะคะ

 

โดย: ธัญญะ 22 พฤศจิกายน 2551 10:29:05 น.  

 

พึงเคยเข้ามาครั้งแรก.........แต่เป็นนักอ่านนิยายตัวยงคนหนึ่งเหมือนกัน.....ยังไงขออนุญาตอ่านนิยายคุณธัญญะด้วยนะ..

 

โดย: taitao (sat_toa ) 28 พฤศจิกายน 2551 13:51:51 น.  

 

ด้วยความยินดีค่ะ คุณ taitao

ยังไงก็ฝากแนะนำด้วยนะคะ

 

โดย: ธัญญะ 2 ธันวาคม 2551 10:27:22 น.  

 


สวัสดีค่ะ การดำเนินเรื่องหรือการใช้ภาษาในการเล่าเรื่องมีความน่าสนใจ และทางเราเองมีความสนใจที่อยากจะติดต่อคุณโดยตรง โดยอยากจะขอต้นฉบับหรือโครงเรื่องมาจัดเรียงหน้ากระดาษให้ใหม่ เพื่อที่เนื้อเรื่องของคุณจะได้รับการตีพิมพ์ หากท่านมีความสนใจในเรื่องรายละเอียด กรุณาติดต่อมาที่ kat_tingtong@hotmail.com
ทางเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความไว้วางใจจากคุณและจะได้รับการติดต่อกลับมา ภายในเร็ววันนี้
ขอขอบคุณค่ะ

 

โดย: Bown Sugar IP: 202.151.41.113 15 มกราคม 2552 10:20:32 น.  

 


สวัสดีค่ะ การดำเนินเรื่องหรือการใช้ภาษาในการเล่าเรื่องมีความน่าสนใจ และทางเราเองมีความสนใจที่อยากจะติดต่อคุณโดยตรง โดยอยากจะขอต้นฉบับหรือโครงเรื่องมาจัดเรียงหน้ากระดาษให้ใหม่ เพื่อที่เนื้อเรื่องของคุณจะได้รับการตีพิมพ์ หากท่านมีความสนใจในเรื่องรายละเอียด กรุณาติดต่อมาที่ kat_tingtong@hotmail.com
ทางเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความไว้วางใจจากคุณและจะได้รับการติดต่อกลับมา ภายในเร็ววันนี้
ขอขอบคุณค่ะ

 

โดย: Bown Sugar IP: 202.151.41.113 15 มกราคม 2552 10:23:16 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.