Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
7 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

ธารลาวา ๑๙ (ธัญรัตน์)




ตอน ๑๘

รถสวยหรูใหม่เอี่ยมอ่องจอดอยู่โรงรถ ทำให้หลานสาวอันเป็นที่รักของยายลงจากรถแล้วมองอย่างสงสัย จะว่าเป็นลูกค้าที่เอาผ้ามาให้ยายตัด ก็ไม่คุ้นตาสักนิด แต่อาจจะมีลูกค้าบางคนที่เพิ่งซื้อรถใหม่ก็เป็นได้ หิ้วข้าวของจากหลังกระบะ เอาไปกองไว้ที่ม้าหินสี่เหลี่ยมสองตัว ที่ตั้งชิดกันไว้ใต้ต้นหางนกยูงสูงใหญ่หน้าบ้าน เหมือนได้ยินเสียงยายพูดคุยกับใครดังมาจากหลังบ้าน ตั้งใจว่าจะเดินไปดู แต่เสียงยายก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว จึงก้มลงสำรวจดูข้าวของที่ซื้อมาจากตลาดอีกครั้ง ดอกกล้วยไม้สีขาวกับพวงมาลัยดอกมะลิ ที่หยิบออกมาจากตะกร้าคือสิ่งที่ ประณาลีจะซื้อมาเป็นประจำ เพราะต้องเอาไปไหว้อัฐิพ่อกับแม่ที่วัด ในวันที่เธอกลับบ้าน ส่วนรายการอาหารวันนี้เธอตั้งใจจะทำของโปรดให้ยายกินหลายอย่างตามคำเรียกร้อง

“กลับมาแล้วเหรอยายลี ทำไมวันนี้ไปนานจังล่ะลูก ปล่อยให้เพื่อนมารอเป็นนานสองนาน”
“ค่ะยาย พอดีวันนี้ตั้งใจจะทำอาหารโปรดให้ยายกับนิดไงคะ เลยเดินซื้อของเพลินไปหน่อย”

หันกลับมาก็ตกใจจนหน้าซีด เมื่อเห็นคนที่อุทิศแขนแข็งแรงให้ยายเกาะเดินมา แม้จะดีใจที่แผนการไม่ได้เหลวอย่างที่กลัว แต่การกลับมาของเขาแบบนี้ และมาถึงที่นี่ ไม่ใช่สิ่งที่คาดคิดหรือต้องการเลยสักนิด เพราะนั่นหมายถึงการเผยที่หลบซ่อนให้กับศัตรูโดยแท้ ถึงอยากจะรู้ว่าเขาหาเธอพบได้ยังไง แต่ก็ไม่ถาม เพราะคนอย่างนายคณินลองจะหาใครสักคน มีหรือจะเป็นเรื่องยาก เจ็บใจตัวเองไม่น้อยที่ประเมินเขาต่ำเกินไป หรือไม่ก็ประมาทคิดว่าเขาคงไม่ได้สนใจในตัวเองมากจนถึงขั้นตามมาถึงที่นี่ได้

“รู้ว่าเพื่อนจะมาล่ะสิ ถึงได้ซื้อของมาเยอะแยะขนาดนี้ ยายว่าขนของขึ้นบ้านเถอะลูก พาเพื่อนไปอาบน้ำด้วย ดูสิช่วยยายปลูกต้นไม้จนเปื้อนหมดแล้ว ให้ไปนอนที่ห้องแขกเลยก็ได้นะลูก...ตามสบายนะพ่อณิน ขอยายเดินดูอะไรแถว ๆ นี้ก่อน เดี๋ยวจะขึ้นไปคุยด้วย”

“ครับคุณยาย ขอบคุณมาก ๆ นะครับที่กรุณาให้ผมพักที่นี่ ถ้าคุณยายไม่ช่วยไม่รู้ผมจะทำยังไงเหมือนกัน”
ไหว้ด้วยอาการนอบน้อมในความมีน้ำใจของยาย ถึงจะถูกเขาหลอกว่าเป็นเพื่อนหลานสาว และมาทำงานที่นี่สี่ห้าวัน แล้วหาที่พักไม่ได้ จนต้องมาขออาศัยอยู่ด้วย คุณยายสำลีก็ยินดีต้อนรับอย่างเต็มใจ

‘เพื่อนยายลีหรอกเหรอ ร้อยวันพันปีไม่เคยนัดเพื่อนมาที่บ้านสักครั้งเดียวเลย ยิ่งเป็นเพื่อนผู้ชายแล้ว ยายยิ่งไม่เคยเห็น’
จำได้ว่ายายทำหน้าสงสัย
‘เรารู้จักกันที่กรุงเทพฯ ครับ พอดีผมต้องมาทำงานที่นี่ไม่มีที่พัก ก็เลยขอลีมาพักที่บ้าน ลีให้มารอที่นี่เลยครับ เพราะบอกว่าวันนี้ยายอยู่บ้านคนเดียว’ ถึงจะปดคนแก่ แต่ก็คิดว่าไม่ได้เสียหายอะไรมาก

“คุณมาที่นี่ได้ยังไง ทำไมถึงรู้ว่าฉันอยู่นี่ หรือคุณให้ใครสะกดรอยตามฉัน คุณต้องการอะไรกันแน่คุณคณิน”
ความตกใจถูกแทนที่ด้วยท่าทีเฉยเมย กับใบหน้าที่เรียบเฉย ถามออกไปทันที เมื่อขึ้นมาบนบ้านพร้อมข้าวของ โดยมีเขาคอยช่วย วางเข้าของลงแล้วก็ส่งสายตาที่ยียวนก่อนจะตอบ

“ผมนั่งเครื่องมาตรวจงาน แล้วก็เลยขับรถคันที่จอดไว้ข้างล่างมาที่นี่ บรรพตถามแม่ค้าขนมที่คุณกับยายไปซื้อเมื่อวานนี้ เขาเลยบอกว่าคุณอยู่ที่ไหน ไม่ได้ให้ใครสะกดรอยตามทั้งนั้นล่ะ ที่มาก็เพราะต้องการจะศึกษาคุณอย่างถ่องแท้ ตามที่คุณเคยถามผมไว้ไง” ตอบจนครบทุกคำถามพร้อมตีหน้ายียวนอีก ตบท้ายด้วยคำถามพร้อมชี้ไปที่เสื้อเปื้อนดินให้เธอดู

“ผมเปื้อนหมดแล้ว เหนียวตัวด้วยอยากอาบน้ำเต็มที ไหนล่ะห้องแขกที่จะให้ผมพัก เจ้าของบ้านช่วยพาไปที คุณอย่าปฏิเสธนะ เพราะคุณยายอนุญาตให้ผมมานอนที่นี่ได้นานเท่าที่ผมต้องการ พร้อมอาหารอีกสามมื้อ”

ตีสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่พอใจนิด ๆ แต่ก็เดินนำเขาไปห้องตามความต้องการ ‘ดีนะที่เมื่อเช้าเข้ามาเก็บกวาดไว้ บังเอิญจริง ๆ นะนายคณิน’ สบู่ ยาสีฟัน และของใช้อื่น ๆ ที่เจ้าบ้านพึงมี ถูกจัดหาไว้ให้เขาในห้องน้ำแล้วต้องรีบจ้ำออมาจากห้องโดยเร็ว ทิ้งให้คนที่มอมแมมยิ้มตามด้วยความขำ ‘นี่คงจะกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้เรากระมัง’

แม่ครัวประจำบ้านเริ่มลงมือปรุงอาหารตามที่ตั้งใจไว้ คณินยืนมองอยู่ครู่หนึ่งอยากจะเข้าไปช่วย แต่คิดว่าคงจะไปช่วยให้เสร็จช้ามากกว่า จึงเดินลงไปหายายข้างล่าง อากาศที่นี่ปลอดโปร่งดีเหลือเกิน แม่น้ำโขงที่ไหลผ่าน ทำให้บรรยากาศยามเย็นน่าอยู่เป็นที่สุด ชื่นชมกับธรรมชาติจนค่ำมืด ยายก็เรียกให้ขึ้นบ้าน อาหารที่จัดวางไว้บนโต๊ะจีนตัวยาว ยายลงไปนั่งพับเพียบที่เบาะ ส่วนเขาก็นั่งลงใกล้ ๆ เด็กสาวท่าทางทะมัดทะแมงออกไปทางหนุ่มที่ชื่อนิด กลับมาจากร้านผ้าไหมและอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ร่างที่เขาคุ้นตาในชุดผ้าซิ่นกับเสื้อกล้าม ตอนนี้เดินออกมาจากห้องนอนด้วยกางเกงขาสั้นเกือบถึงเข่ากับเสื้อกล้ามเช่นเคย

“อาหารน่ากินจังเลยครับคุณยาย”
อดชมไม่ได้จริง ๆ กับอาหารที่จัดวาง แต่ละจานดูน่ากินไปหมด น้ำพริกหนุ่มมีผักลวกสารพัด ที่คงสีเขียวสดเอาไว้ ปั้นเป็นคำ ๆ ในจานใหญ่ อีกฝั่งจะเป็นผักสด เตรียมไว้เป็นคำ ๆ เหมือนกัน แค๊ปหมูก็ตัดเป็นชิ้นพอคำ ปลาทอดตัวใหญ่ที่คงรูปปลาเอาไว้ แต่ก้างตรงกลางถูกเลาะออกไปแล้ว

‘คงจะกลัวก้างตำคอยาย’
เขาคิด ต้มจืดปลาหมึกยัดไส้ใช้ปลาตัวเล็ก ๆ แสดงถึงความปราณีตของแม่ครัวได้ดี ผัดผักอีกจานที่คงสีเขียวสดของผักเอาไว้ได้ มีควันลอยขึ้นมาส่งกลิ่นหอมไปทั่วบ้าน

“กินเยอะ ๆ นะพ่อณิน วันนี้ยายลีเข้าครัวยายคงจะกินข้าวได้หลายปั้น”
คุณยายสำลีบอก ก่อนลงมือควักข้าวเหนียวจากกระติ๊บ ไปจิ้มน้ำพริกและอาหารอื่นตรงหน้า เคี้ยวสามสีทีก็ยิ้มให้หลานสาวอย่างพึงใจก่อนจะชมว่า

“ไม่เสียแรงที่ยายสอน รสชาติไม่เปลี่ยนเลยนะยายลี”
หลานได้แต่ยิ้มรับคำชม

‘ก็วันนี้ลีตั้งใจทำเป็นพิเศษนี่คะยาย ศัตรูของครอบครัวเราจะได้ประทับใจในตัวหลานยายเพิ่มขึ้นไงคะ’
สิ่งที่บอกอยู่ในใจ ไม่อยากจะคิดเลยถ้ายายรู้ว่าเธอและทุกคนในบ้าน ยกเว้นนิดกำลังคิดทำการใหญ่ ยายจะโกรธแค่ไหน เพราะมักจะบอกเสมอ ๆ ว่า

‘อย่าไปโกรธแค้นเขาเลยนะลูก กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมตามสนอง พ่อกับแม่เราไปดีแล้ว’
เมื่อครั้งที่พ่อจบชีวิตลง ตามด้วยแม่ในเวลาไม่ห่างกันมากนัก

ประณาลีต้องรีบสลัดความคิดเรื่องในอดีตออกไปจากหัวให้หมด เพราะหน้าที่ใหม่สำหรับเธอก็คือ ทำให้ศัตรูที่เริ่มหลงเข้ามาหาติดใจตัวเองให้ได้มากที่สุด ภาวนาขอให้เขาอยู่ที่นี่สักสี่ห้าวัน หรือไม่ก็จนกว่าเธอจะแน่ใจว่าได้หัวใจเขามาครองสักครึ่งหนึ่งแล้ว หรือทั้งหมดได้ก็จะเป็นการดี

ประณาลีส่งจานข้าวสวยให้แขก ยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เพราะไม่มั่นใจว่าจะต้องปั้นข้าวเหนียวแบบยายกับนิดหรือไม่ คงจะอืดท้องน่าดูในความคิดของเศรษฐีหนุ่มด้วยไม่ชิน อาหารรสชาติดีสมคำชมของยายทีเดียว ตอกย้ำให้เขาได้รู้ว่า แม่เสือยิ้มยากเก่งงานครัวไม่น้อย ทั้งอาหารประจำภาค และอาหารภาคกลาง เขายิ้มให้กับความเอื้อเฟื้อที่หลานสาวมีให้ยาย ส่งผ่านการตักอาหารไปให้ที่ช้อนของยายอย่างอ่อนโยน ปลาก็คอยดูให้อย่างระมัดระวังกลัวว่าจะมีก้างติดไปด้วย

เสียงกระทบกันของถ้วยชามดังมาจากครัว ปลุกให้แขกต้องตื่นขึ้นมาพบว่าตีห้าแล้ว ร่างบางในชุดเมื่อคืน กำลังสาละวนอยู่หน้าเตา เมื่อเขาลุกจากเตียงออกมาดู ยายเดินออกมาจากห้องนอนด้วยใบหน้าแจ่มใส ในเสื้อผ้าชุดใหม่ขาวสะอาดตา นิดเองก็เพิ่งเดินออกมาจากห้อง ตรงไปหาอุปกรณ์มาปัดกวาดบ้านอย่างขมักเขม้น

“อ้าว! พ่อณินตื่นแต่เช้าเหมือนกันนะ ดีเลยจะได้มาตักบาตรกับยาย ไปอาบน้ำเถอะอีกหน่อยพระก็จะมาแล้ว”
บอกแล้วก็ก้มสนใจกับดอกบัวสามมัดใหญ่ ๆ วางอยู่ตรงหน้าเพื่อจับกลีบ คณินกลับเข้าไปห้องอีกครั้งอย่างว่าง่าย ประณาลีตักอาหารหวานคาวใส่ถุงพลาสติกอย่างอารมณ์ดี มองไปหายายก่อนจะถามว่า
“ยายจะตักบาตรพระกี่รูปจ๊ะ ลีจะได้เตรียมถูก”

“ประมาณสิบห้ารูปมั้งยายลี มีสองวัด พระท่านมาวัดละแปดบ้างเจ็ดบ้าง ไม่แน่นอน เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำเลยนะลูก ดอกบัวยายจะจับกลีบให้เอง”

ตอบหลานไปทั้ง ๆ ที่สายตายายยังจับจ้องอยู่กับดอกบัวในมือ คณินกลับออกจากห้องไม่เห็นแม่ครัวแล้ว ยายสั่งให้เอาโต๊ะไปตั้งหน้าบ้าน แล้วก็ให้ช่วยยายยกถาดอาหารไปวางรอ กลับขึ้นไปรับยายกับดอกไม้ก็พบแม่เสือสาวที่มาในชุดที่คุ้นตา เขาไปช่วยพยุงให้ยายเดินลงบันไดได้สะดวก ส่วนหลานสาวก็ยกถาดดอกไม้ ธูป เทียนที่มัดรวมกันเอาไว้แล้ว พระมาประมาณหกโมง

“พ่อณินไปยืนอยู่ฟากโน้น ข้าง ๆ ยายลีน่ะลูก”
คุณยายสำลีให้ความเมตตากับเขา นัยว่าสายตาผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน ย่อมมองอะไรทุละปุโปร่งกว่าใคร ถึงหลานสาวจะบอกว่าเป็นคนรู้จัก ส่วนเขาจะบอกว่าเป็นเพื่อน แต่คนอยู่มาปูนนี้ย่อมมองออก เมื่อพระมาถึงอาหารถุงไหนที่หลานยายหยิบเขาก็มักจะยื่นมือไปช่วยแทบทุกครั้ง ยายผู้สังเกตดูแอบยิ้มในใจ

“ลี! ก่อนไปดูร้านช่วยยายเย็บผ้าก่อนนะลูก”
คุณยายสำลีถือโอกาสใช้หลานสาว ขณะที่นั่งตัดผ้าตามแบบอยู่กับพื้น เมื่ออาหารเช้าเสร็จ นิดแยกตัวไปเปิดร้านแล้วตามปกติ คณินไม่รีบเข้าออฟฟิศ หอบแล็ปทอปมาทำงานที่โต๊ะจีน ที่ใช้เป็นที่กินข้าวข้างนอก แม้ตากับสมองจะสนใจกับงานตรงหน้า แต่ก็แบ่งช่องว่างเอาไว้ฟังสองยายหลานสื่อสารกับไปมาอยู่เงียบ ๆ

“งานเยอะเหรอคะยาย ลีบอกว่าให้รับงานน้อย ๆ ลงหน่อยไง นั่งตัดชุดหลังขดหลังแข็ง แล้วก็บ่นว่าปวดหลัง จะพาไปหาหมอทีก็แทบจะต้องอุ้มไป ยายกล้วยบ้านข้าง ๆ ไม่เห็นดื้อเหมือนยายเลย”

แม้ปากจะบ่นแต่มือก็ช่วยยายไป เพราะรู้ดีว่าห้ามยายไม่ได้สักครั้ง เสียงมอเตอร์จักรเย็บผ้าดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ตามแต่หญิงสาวจะสั่งการ ความสงสัยที่ว่า ‘แม่เสือสาวเย็บผ้าเป็นด้วยหรือ’ ดึงให้เขาละสายตาจากงานชั่วคราวเดินไปนั่งลงข้าง ๆ ยาย หยิบผ้าที่เย็บเสร็จแล้วมาดูด้วยความพินิจ

“หลานคุณยายเก่งหลายอย่างจังนะครับ เย็บผ้าก็เป็นด้วย” ปากชมแต่ตามองไปหาคนที่นั่งเย็บจักร
“จะไม่เก่งได้ยังไง ก็ยายสอนมากับมือนี่นาพ่อณิน เมื่อก่อนนะ พอยายลีกลับมาจากโรงเรียน ทำงานบ้าน หุงหาอาหารเสร็จก็ต้องมาช่วยยายตัดผ้า ตอนนั้นร้านผ้าไหมยังไม่อยู่ตัว ต้องหารายได้เพิ่มเพื่อส่งหลานเรียน”
คุณยายสำลีอวดก่อนจะยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ ในตัวหลานสาว

“ยายไม่บอกไปล่ะคะว่าแอบใช้แรงงานเด็กน่ะ”
คนที่ถูกกล่าวถึงรีบสมทบ ก่อนจะยิ้มให้ยายด้วยแววตาที่สดใส คณินแยกตัวไปออฟฟิศก่อน ทิ้งให้สองคนอยู่บ้านตามลำพัง เมื่อหลานสาวช่วยตามที่ยายขอแล้ว ก็ออกบ้านพร้อมดอกกล้วยไม้และพวงมาลัยตรงไปไหว้อัฐิพ่อแม่ที่วัด แววตาที่หญิงสาวมองไปยังรูปผู้ให้กำเนิดทั้งสองในวันนี้ ดูจะสดใสกว่าวันวาน เพราะหนทางที่จะได้เล่นงานศัตรูนั้น เริ่มเปิดขึ้นอีกครั้ง นับตั้งแต่คณินก้าวเข้าไปเหยียบที่บ้านของคุณยาย

“คุณพ่อกับคุณแม่ต้องมาอยู่ใกล้ ๆ ลี คอยช่วยลีให้เอาชนะใจนายคณินให้ได้นะคะ ลีจะไม่ปล่อยโอกาสงาม ๆ แบบนี้หลุดมือไปไหนค่ะ ลีจะพยายามทำทุกทางจนลูกศัตรูของเรามาตกหลุมรักลีค่ะ”

จบจากคำวิงวอน หญิงสาวก็นั่งมองรูปพ่อแม่อยู่เป็นนานเหมือนทุก ๆ ครั้ง แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาแทบจะทุก ๆ ครั้งเช่นกัน กลับจากวัดประณาลีก็ไปตรวจบัญชีที่ร้านผ้าไหมกับนิด ซึ่งเธอจะทำประจำทุกเดือนอยู่แล้ว คณินกลับเข้าบ้านเกือบสี่โมงเย็น คุณยายสำลีจึงให้พาออกไปที่ร้าน พบว่าหลานสาวตรวจงานเสร็จแล้วกำลังจะไปตลาด เขาจึงถูกยายสั่งให้ไปเป็นเพื่อน

“คุณไม่เอารถไปเหรอ” สงสัยเป็นที่สุด เมื่อเห็นประณาลีเดินออกทางหลังร้าน
“ไม่ค่ะตลาดหาที่จอดยาก อีกอย่างก็อยู่ไม่ไกลจากร้าน เดินไปตรงนี้ทะลุออกถนนก็เป็นตลาดแล้ว ความจริงคุณไม่ต้องมาก็ได้นะคะ ตลาดสดไม่น่าดู เหม็นด้วย เศรษฐีอย่างคุณจะเดินได้เหรอ”

คำพูดสบประมาทเป็นที่สุด เขาไม่ตอบแต่คว้าข้อมือนุ่มไปกุมไว้ เมื่อทั้งเขาและเธอเดินมาถึงถนน ประณาลีไม่อยากเป็นเป้าสายตาให้คนที่มองมา จึงพยายามจะสบัดมือออกเมื่อข้ามถนนแล้ว แต่อีกคนไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ แถมยังจูงเธอเดินเข้าไปตลาดหน้าตาเฉย สุดท้ายก็ต้องยอมปล่อย เมื่อถุงสารพัดถูกส่งให้เขาช่วยถือ แถมอาสาควักกระเป๋าเองอีก หมั่นไส้ในความอวดรวยของคนข้าง ๆ สุดกำลัง ประณาลีจึงซื้อของอย่างไม่ยั้งมือ

“เอ่อ! ผมไม่ได้งกหรอกนะ แต่ทำไมคุณซื้อของเยอะจัง ผมชักจะหนักแล้วสิ”
อดไม่ได้จริง ๆ ที่จะถาม เพราะเดาทางแม่เสือได้ว่าคงอยากแกล้งเขา มากกว่าอยากจะได้ข้าวของที่กระหน่ำซื้อ จนเขาต้องถือเต็มไม้เต็มมือ

“พรุ่งนี้วันพระ ยายบอกให้ซื้อของไปทำอาหารถวายพระที่วัด คุณไม่อยากจะได้บุญด้วยกันเหรอคะ”
บอกแล้วก็เดินต่อไปร้านอื่นเรื่อย ๆ กว่าจะได้กลับก็แขนแทบหลุด เมื่อรับยายที่ร้านแล้ว พอถึงบ้านได้สิ่งที่แรกที่เขาขอทำคืออาบน้ำ ‘เดินตลาดสดมันไม่น่าไปอย่างนี้นี่เอง’ อาหารค่ำจบไปด้วยความอิ่มหนำกับเมนูเลิศรส หนุ่มรูปงามลงไปนั่งคุยกับยายตามลำพังที่ม้าหินใต้ต้นหางนกยูงเช่นเมื่อวาน ประณาลีเย็บผ้าที่ยายตัดทิ้งไว้ มีนิดช่วยจับโน่นจับนี่ให้

ตีสี่เป็นเวลาที่เขาตื่นสำหรับวันใหม่ เพราะแม่ครัวลุกมาทำหน้าที่เร็วกว่าเมื่อวาน วันนี้มีนิดออกมาช่วย เพราะทำอาหารหลายหม้อ ออกมาจากห้องได้เขาก็ช่วยยายมัดดอกไม้ ธูป เทียน จนเสร็จ ยายก็บอกให้ไปอาบน้ำเตรียมตัวไปวัดเลย อาหารถูกยกไปไว้หลังรถกระบะเขาทำหน้าที่เป็นคนขับ ทั้งหมดถึงวัดเกือบเจ็ดโมง เสียงพระสวดทำให้จิตใจของเจ้าของร่างสูง ที่นั่งพับเพียบอยู่ข้าง ๆ หญิงสาวสงบอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ชีวิตที่เรียบง่ายของสองยายหลาน ที่เขาพาตัวเองเข้ามาสัมผัส ทำให้อดคิดถึงยายตัวเองไม่ได้ ตอนเป็นเด็กพ่อกับแม่จะทิ้งพี่สาว เขาและน้องไว้กับยายที่สุโขทัย กว่าพ่อแม่จะสร้างตัวจนร่ำรวย เขาก็ย่างเข้าวัยหนุ่มน้อยแล้ว พ่อจึงไปพาทุกคนต้องเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ แต่ด้วยความที่ยายรักบ้านเกิดมากไม่ยอมตามมาอยู่ด้วย ได้อยู่กับพ่อแม่ ไม่นานเขาก็ถูกส่งไปเรียนต่อที่เมืองนอกอีก

และยายก็จากไปในระหว่างนั้น เขาต้องกลับมาเผายายด้วยความเศร้าเสียใจ เมื่อสิ้นยายพ่อก็ขายทุกอย่างที่สุโขทัย ทุกคนมารู้ทีหลังจากหมอ ว่าที่ยายล้มป่วยลงเพราะตรอมใจคิดถึงหลาน เพื่อนบ้านที่เขาคุ้นเคยบอกว่าถึงยายจะห่วงและคิดถึงหลานแค่ไหน แต่ก็ไม่อยากจะดึงหลานให้ห่างที่อยู่ที่เรียนดี ๆ จึงไม่ยอมบอกพ่อกับแม่ จะคิดถึงแค่ไหนยายก็ยอมทน จนทนไม่ได้และจากไปในที่สุด

ประณาลีอยากจะแยกไปไหว้อัฐิพ่อแม่อีก แต่ก็กลัวว่าลูกศัตรูจะจับสังเกตุได้ จึงได้แต่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ยายอย่างนั้น ‘เมื่อวานลีไปไหว้มาแล้วค่ะยาย’ เธอตอบเบา ๆ เมื่อยายกระซิบถาม เพราะสงสัยว่าทำไมหลานไม่ไปไหว้พ่อแม่เหมือนเคย เมื่อพระฉันเสร็จยายเลยพาทุกคนกินข้าวที่วัด ตั้งแต่เกิดมาจนหนุ่มขนาดนี้ นี่เพิ่งจะครั้งแรกที่คณินได้กินข้าวที่วัดร่วมกับชาวบ้านระแวกนั้น และที่แปลกสำหรับนักธุรกิจหนุ่มก็คือ เวลาไม่เท่าไหร่นับแต่ก้าวเข้ามาในวัด มันช่างทำให้หัวที่คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้เป็นประจำ โล่งโปร่งเบาสบายอย่างไม่เคยมีมากก่อน เขารู้สึกสบายใจที่สุดในรอบหลาย ๆ ปี ที่ผ่านมา

นี่กระมังที่เขาเรียกว่า ‘ผลบุญ’ ที่เขาตามคุณยายสำลีมาวัดด้วย ความร่มรื่น เงียบสงบรอบ ๆ วัด คงทำให้จิตใจเขาพลอยสงบเงียบไปด้วยเป็นแน่ และที่สำคัญที่สุด คงจะเป็นเพราะคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาด้วย คณินเผลอหันไปมองดูท่าทีสำรวม เงียบ สงบ นิ่ง ดุจสายน้ำ ‘ประณาลี’ สมแล้วที่ผู้ให้กำเนิดตั้งชื่อนี้ให้เธอ เพราะเธอทำให้คนที่มีเรื่องต้องขบคิดไม่หยุดหย่อนอย่างเขา รู้สึกเย็นสบายได้มากเวลาอยู่ใกล้ ๆ เธอ

กว่าจะกลับได้ก็เกือบเก้าโมง ต่างก็แยกกันไปทำหน้าที่ วันนี้คณินกลับเข้าบ้านยายเกือบจะหกโมง พบว่าบ้านเงียบกว่าทุกวัน จะเปิดปากถาม แม่ครัวที่วุ่นกับการเตรียมอาหารเย็นก็ให้สัญญาณว่าอย่าส่งเสียง เพราะยายกำลังนั่งสวดมนต์อยู่ในห้องพระ เขาจึงเลี่ยงไปอาบน้ำ ออกมาอีกทีในครัวก็ว่างเปล่า มองเห็นหลังคนใส่เสื้อกล้ามเดินไปหน้าบ้านก็รีบวิ่งตามไป

“ลีคุณจะไปไหน” คำเรียกชื่อเธอสั้นลงตั้งแต่เมื่อไหร่เขาจำไม่ได้
“ฉันจะไปพายเรือเล่น”
เจ้าของช่วงขาขาวหันกลับมาบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่ไม่เฉยชาเหมือนหลาย ๆ ครั้งที่เขาเคยเห็น คิดขอบคุณตัวเองไม่น้อย ที่ยอมเสียเวลามาศึกษาแม่เสือสาว จากที่ได้อยู่ใกล้ ๆ และนอนร่วมชายคาเดียวกันมาจะเข้าคืนที่สาม เขาพบว่าแม่เสือยิ้มยากคนก่อน เดี๋ยวนี้ยิ้มบ่อยครั้งขึ้น ถึงจะไม่ได้ยิ้มกับเขาก็เหอะ แต่ทุก ๆ ครั้งที่เรียวปากบางขยับเจรจากับยายมักจะเจือจางด้วยรอยยิ้มเสมอ ๆ

“ผมไปด้วยคนนะ”
แทนคำตอบกลับ ประณาลีก็หันหลังให้ แล้วเดินลงไปท่าน้ำที่มีระดับต่ำลงไปจากฝั่งพอสมควร คณินไม่มั่นใจในฝีพายของเจ้าของแขนเรียว ที่จับไม้พายด้วยท่าทางมั่นใจนัก แต่เขาก็ตัดสินใจพาตัวเองลงไปนั่งในเรือเรียบร้อยแล้ว การมาชมสายน้ำในยามเย็น ได้บรรยากาศไปอีกแบบ แม่น้ำกว้างใหญ่มองไปเห็นอีกฝั่งที่เป็นประเทศเพื่อนบ้าน มีเรือนหลังเล็ก ๆ ปลูกสลับกับต้นไม้เลียบชายฝั่งขนานไปกับฝั่งไทย

“ให้ผมช่วยมั้ย นั่งเฉย ๆ เกรงใจคุณ” แขนเรียวพายมาไกลจากท่าแล้ว เขาเพิ่งจะคิดขึ้นได้
“แล้วคุณพายเป็นเหรอคะ”
ยิ้มจนริมฝีปากบางเหยียดตรง แม้จะอยู่ในเวลาโพล้เพล้ คนนั่งหันหน้ามาหาเธอก็เดาได้ว่าถูกเย้ยหยันอยู่ในที
“เราไม่มีบ้านอยู่ติดแม่น้ำบ้างให้มันรู้ไป”
ตัดพ้อก่อนจะเบือนหน้าหนี เห็นชายฉกรรจ์สองคนกำลังกู้อะไรบางอย่างขึ้นจากน้ำ

“เขากู้มองดักปลากันค่ะ” ไม่ต้องถามคนพายก็พอเดาได้ว่าพ่อลูกศัตรูอยากรู้
“แล้วได้ปลาเยอะหรือเปล่า จะพอกินเหรอมองดูไม่ได้เท่าไหร่เลย”
“เขาก็กินเท่าที่หาได้ วันไหนโชคดีเหลือกินก็ขาย เป็นอาชีพที่ไม่ได้ลงทุนอะไรมาก นอกจากแรงงานเท่านั้น”
คนพายว่าก่อนจะหันหัวเรือกลับทางเก่า เมื่อท้องฟ้าเริ่มจะปิดลง
“กลับแล้วเหรอ ผมยังสนุกอยู่เลย อยู่ต่ออีกหน่อยสิลี”

“จะค่ำแล้วค่ะ เดี๋ยวยายเรียกหา ป่านนี้คงจะใกล้สวดมนต์เสร็จแล้วล่ะ”
เมื่อคำตอบที่เขาร้องขอไม่เป็นผล จึงนั่งเงียบ ๆ มองช่วงแขนที่จับไม้พายพาเรือล่องไปเรื่อย ๆ ไม่นานคิ้วสองข้างของเขาก็ขมวดเข้าหากัน พร้อมแววตาเจ้าเล่ห์เมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้ หากไม่มืดค่ำคนพายก็คงจะพอมองเห็นบ้าง
“ขอผมพายบ้างนะลี สอนผมหน่อยสิ”
เหมือนไม่สนใจจะรอคำตอบ ร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ก็ลุกขึ้นทำท่าจะเดินไปหาคนที่หัวเรือ แทนที่จะยืนตรงกลางลำเรือ กลับยืนค่อนไปด้านข้าง

“คุณคณินนั่งลงสิคะเดี๋ยวเรือก็คว่ำกันพอดี”
ไม่ได้สนใจกับคำเตือน ช่วงขายาวก้าวเดินไปทางหัวเรือแต่ไปได้ไม่ถึงสองก้าว
“โอ๊ย! ช่วยด้วย ๆ ผม ๆ ผมว่ายน้ำไม่....”
ไม่รู้ความห่วงในตัวคนที่ตกลงไปในน้ำ กับห่วงว่าศัตรูจะมาด่วนจากไป โดยที่ไม่ทันได้แก้แค้นอันไหนมีมากกว่ากัน ร่างบางรีบกระโดดลงไปคว้าเอาตัวคนที่ใกล้จะจมน้ำพาว่ายเข้าฝั่งด้วยเร่งรีบ

“คุณคณิน ๆ เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ”
แม้จะเข้าฝั่งได้แล้ว แต่น้ำก็ลึกในระดับอกจนต้องให้เขาเกาะไหล่เอาไว้ จากมือที่อ่อนปวกเปียกตอนอยู่กลางน้ำ พอถึงฝั่งกลับมีเรี่ยวแรงขึ้นมามากพอที่จะคว้าเอาเอวบางเข้าไปกอดไว้แนบอก

“นี่คุณคณิน คุณไม่ได้ว่ายน้ำไม่เป็นใช่มั้ย คุณหลอกฉัน ปล่อยนะ”
ทั้งโกรธและเกลียดขึ้นมาครามครัน เมื่อรู้ตัวว่าถูกศัตรูทำให้หลงกลอีกจนได้
“ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วผมจะรู้เหรอ ว่าจริง ๆ คุณก็ห่วงผมเหมือนกัน”
สายตาบ่งบอกว่าดีใจส่งให้คนที่ทำตาขวางใส่ได้เห็น มือก็ผลักอกเขาให้ออกห่าง ถึงไม่สำเร็จก็ขอให้ได้ปัดป้องตัวเองบ้าง

“ฉันไม่ได้ห่วง แค่ขี้เกียจจะต้องให้ตำรวจมาสอบปากคำ ว่าทำไมปล่อยให้เศรษฐีอย่างคุณจมน้ำตายไปต่อหน้าต่อตา โดยไม่คิดจะช่วยเหลือต่างหาก” เสียงอ่อนลงกว่าตอนแรกทีเดียว
“แต่ผมถือว่าห่วง คุณอย่าหลอกตัวเองเลยลี ยอมรับเถอะว่าคุณห่วงผม”
หลังมือเย็นยกขึ้นไปแตะแก้มขาวที่มีสภาวะไม่แพ้กัน

“กลับบ้านเถอะค่ะค่ำแล้ว” แขนแข็งแรงยังรั้งเอาไว้ไม่ยอมให้ห่าง
“ลีขอผมอยู่ใกล้ ๆ คุณบ้างได้มั้ยนะผมขอร้อง”

เสียงออดอ้อนส่งมาให้คนฟังยืนนิ่งอยู่กับที่ ปล่อยให้มือหนาจับปอยผมที่ตกลงมาแนบแก้มกลับไปคัดหูเอาไว้ คางมนถูกเชยขึ้นให้มองเขาตรง ๆ ในที่สุดริมฝีปากอิ่มก็ถูกปิดอย่างนุ่มนวล ไม่รู้ด้วยสัมผัสที่แผ่วเบาของเขา หรือความที่อยากจะล่อให้ศัตรูหลงเข้ามาในบ่วง อะไรมีมากกว่ากัน ที่ทำให้ไม่ยอมขัดขืนเขาแม้แต่น้อย ปล่อยให้เขาดูดดื่มอยู่กับเรียวปากอย่างหลงใหล ผละจากเรียวปากจมูกโด่งก็ไล้ไปตามพวงแก้มเนียนลออ เรื่อยลงไปหาคอกลมกลึง

“คุณคณินปล่อยค่ะเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” เหมือนกลัวใจตัวเองจะเผลอไปกับสัมผัสนั้น จึงต้องรีบห้ามปราม
“คุณบอกผมเองไม่ใช่เหรอว่าค่ำแล้ว ไม่มีใครมาเห็นเราหรอก”

เถียงด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาก่อนจะกลับมาจุมพิตที่กลีบกุหลาบนุ่ม ที่ตั้งแต่แรกเย็นเฉียบกลับกลายเป็นร้อนผ่าว ด้วยสัมผัสของเขาที่มอบให้อีกครั้ง มืออีกข้างสอดเข้าไปเคล้าคลึงอกอิ่มอย่างสุขใจ แขนแข็งแรงพยุงร่างบางให้เข้าไปนั่งที่ชายฝั่งระดับน้ำพอท่วมเอว ร่างสูงใหญ่โน้มลงไปหาร่างที่นั่งเอาหลังพิงฝั่ง ขาอีกข้างทาบทับไว้กับต้นขาขาว แม้จะรู้ว่าปล่อยเขาให้หาความสุขกับเรือนร่างมากเกินไป แต่เมื่ออ่านจากสัมผัสของศัตรูแล้ว ก็รู้ว่าเขากำลังเป็นสุขจึงไม่คิดที่จะห้ามปราม

‘ทนหน่อยนะประณาลี เพื่อให้แผนการสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี’
ใจพร่ำบอกตัวเองไปแทบจะทุกวินาที

เสื้อกล้ามตัวเล็กถูกเปิดขึ้นอย่างช้า ๆ บราลูกไม้ตามขึ้นไปในเวลาต่อมา เรียวปากได้อิสระ เมื่อเขาผละจาก ไปหาอกอวบอิ่ม ดูดดื่ม เคล้าคลึงอย่างลืมตัว มือสองข้างที่ธรรมชาติเรียกร้องให้โอบกอดเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอก็ยากที่จะจดจำ แม้ใจจะพร่ำบอกตัวเองว่าอย่าหลงใหลไปกับเขา แต่ก็ยากนักที่จะห้ามเอาไว้ได้

“คุณคณินคะปล่อยฉันค่ะ อย่าทำอย่างนี้เลยนะคะ ถ้ายายรู้เข้าท่านจะต้องเสียใจแน่ ๆ กลับบ้านกันเถอะค่ะ”
ได้ผลทีเดียวเมื่อยายถูกเอ่ยขึ้นมา คณินดึงตัวเองกลับมาได้ แม้จะทรมานจนร้าวรานแค่ไหน เขาก็จำต้องยอม เพราะมันไม่ถูกที่ถูกเวลานัก เสื้อผ้าถูกเขาจัดให้เข้าที่เรียบร้อยแล้ว แขนแข็งแรงพยุงร่างให้ลุกนั่ง

ตอน ๑๙

“ผมขอโทษนะที่เผลอทำแบบนี้กับคุณอีกแล้ว งั้นเรากลับบ้านกัน”

ปอยผมถูกจับไปคัดหูให้อีกครั้ง พร้อมเสียสละเสื้อเชิ้ตให้เธอใส่ทับไว้ เพราะเสื้อกล้ามสีอ่อน ๆ เวลาเปียกน้ำ ยายเห็นคงไม่ชอบใจนัก โชคดีที่ยายยังไม่ออกจากห้องพระเมื่อทั้งคู่กลับเข้าบ้าน จึงแยกกันไปอาบน้ำ อาหารที่เตรียมไว้แล้ว แค่แม่ครัวออกจากห้องมาปรุงสมาชิกในบ้านก็ได้ลิ้มลองอาหารอร่อยอีกมื้อ นิดกับหลานสาวเข้านอนแล้ว ยายกับแขกประจำที่เดิม

“ลีเป็นหลานที่ยายรักและห่วงมาก เพราะเป็นผู้หญิง มีใครเข้าใกล้ ยายก็ห่วงว่าจะดูแลหลานยายไม่ดี ปล่อยทิ้งปล่อยขว้าง ยิ่งกำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่เล็ก ๆ ดีเท่าไหนแล้วที่ยายลีไม่ขาดความอบอุ่น จนต้องเดินทางผิดเหมือนเด็กวัยรุ่นหลาย ๆ คน พ่อณินว่าอย่างยายมั้ย” จู่ ๆ ยายก็เปลี่ยนเรื่องคุยจนคนนั่งข้าง ๆ ปรับตัวไม่ทัน

“ครับคุณยาย” เขารับคำสั้น ๆ รู้ทั้งรู้ว่ายายกำลังบอกอะไรเขาอยู่
“ยายจะไม่พูดอ้อมค้อม ปกติหลานยายจะไม่พาใครมาบ้านเด็ดขาด ยิ่งเป็นเพื่อนผู้ชายด้วยแล้วยิ่งไม่เคย มีพ่อณินคนเดียวที่ยายเห็นหลานยอมให้มา แถมดูแลเรื่องอาหารการกินอย่างดี ที่สำคัญยอมไปไหนค่ำ ๆ มืด ๆ กับพ่อณินด้วย ยายไม่อยากให้หลานเป็นขี้ปากใคร ถ้าไม่คิดจะจริงจังก็อย่าทำให้หลานยายเสียใจ เพราะมันจะทำให้ยายรู้สึกแบบนั้นไปด้วย”

ยายบอกเสียงเบา ๆ เนิบ ๆ แต่คนฟังรู้สึกหนักอึ้งไปทีเดียว ตอนนี้เขาเหมือนอยู่ระหว่างทางแยก จะเลี้ยวหรือจะตรงยังไม่แน่ใจนัก ถึงจะประทับใจกับคนที่เก็บตัวอยู่ในห้องตอนนี้ แต่ก็ยังไม่ถึงกับมั่นใจเสียทีเดียวจึงหาคำพูดที่สวย ๆ มาบอกยายไม่ได้

“พ่อณินฟังยายอยู่หรือเปล่า” ยายเห็นเขาเงียบ
“ครับคุณยาย ผมกับลีเรารู้จักกันไม่นานเท่าไหร่ครับ เราสองคนต้องการเวลาที่จะศึกษากันและกัน ให้นานกว่านี้หน่อย ลีคิดยังไงกับผม อันนี้ผมก็เดายังไม่ออก แต่คุณยายไม่ต้องห่วงนะครับ ผมเองก็เป็นลูกผู้ชายมากพอ ผมกล้าพอจะรับถ้าค้นพบอะไรบางอย่างที่ชัดเจนแล้ว ผมสัญญาว่าจะทำให้ถูกต้องทุกอย่างเมื่อถึงเวลานั้น หวังว่าคุณยายคงจะเข้าใจผมกับลีนะครับ”
นั่นคือสิ่งที่เขาบอกยายไปได้ในตอนนี้

“เด็กสมัยนี้ไม่รู้อะไรกันนักหนา จะดูกันไปถึงไหน ถ้าเป็นยายสมัยก่อนนะ ป่านนี้มีลูกเป็นโหลไปแล้ว”
ถึงจะตัดพ้อแต่น้ำเสียงก็รื่นขึ้น ทำให้คนฟังค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย

“แผนของเราน่าจะได้ผลบ้างแล้วล่ะค่ะพี่แพท นายคณินเริ่มจะหลงเข้ามาในบ่วงแล้ว”
ไม่ได้เก็บตัวเงียบอย่างที่คนข้างล่างเข้าใจสักนิด กลับรายงานแผนการแทบจะทุกระยะให้แพทได้ร่วมรับรู้ด้วยความสะใจตั้งแต่วันแรกที่เหยื่อเดินเข้ามาหาเองด้วยซ้ำ

“ดีแล้วลี แต่ยังไง ๆ ก็ระวังตัวด้วยนะ และที่สำคัญอย่าเผลอให้ยายรู้ว่าเราทำอะไรล่ะ แล้วจะกลับเมื่อไหร่”
แม้จะรู้ว่าน้องจะไม่พลาดแต่แพทอดห่วงไม่ได้
“มะรืนค่ะพี่แพท ทิ้งมานานเดี๋ยวนักเรียนจะบ่นคิดถึง งั้นแค่นี้ก่อนนะคะพี่แพท”
ไม่อยากจะคุยมาก เพราะกลัวเสียงจะเล็ดลอดออกไปนอกห้อง

“ไปกันเถอะลีเดี๋ยวไม่ทัน” เกือบสี่โมงเย็นเขาก็เดินเข้ามาจูงมือเธอออกจากร้านผ้าไหมเอาดื้อ ๆ นิดงงพอ ๆ กับเจ้านายสาว
“จะไปไหนคะ” ไม่ชอบใจเอาจริง ๆ เมื่อนายนี่จู่โจ่มโดยไม่ให้สัญญาณอะไรล่วงหน้า
“ไปงานวันเกิดลูกค้าผมไง” ตอบหน้าตาเฉย เมื่อยัดร่างเล็ก ๆ ให้ไปนั่งในรถได้แล้ว
“ไปได้ยังไงฉันต้องทำอาหารเย็นให้ยายนะ” เมื่อไม่มั่นใจว่าจะเจอใครหรืออะไรบ้าง ก็ยิ่งไม่อยากจะไป

“ผมขอคุณยายไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ท่านอนุญาตให้คุณไปกับผมได้ ท่านบอกว่ากินข้าวกับนิดสองคนก็ได้”

ประณาลีสิ้นสุดคำถามไว้แค่นั้น ปล่อยให้เขาพารถไปจอดที่ร้านเสริมสวยตกแต่งหรูหรา คณินสั่งบางอย่างกับเจ้าของร้าน แล้วก็บอกเธอว่าจะกลับไปอาบน้ำแต่งตัวที่บ้านแล้วจะมารับ เจ้าของร้านยืนพอใจกับสาวสวยที่ทำหน้างงอยู่ตรงหน้า ก่อนจะจัดการแต่งเติมเสริมแต่งหน้าที่สวยอยู่แล้วให้ดูผุดผ่อง นวลเนียนยิ่งขึ้น ผมที่เคยรวบไว้ด้านหลังก็จับเปลี่ยนให้เข้ากับชุดราตรีเกาะอกสีฟ้าอ่อน ๆ ด้านหลังเปิดกว้างลึกไปเกือบถึงเอว

เกือบหนึ่งทุ่มคณินถึงกลับเข้ามาในร้านอีกครั้ง แทบจะก้าวขาไม่ออก เมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือประณาลี หรือแม่เสือยิ้มยากของเขา จากเสื้อกล้ามกับผ้าซิ่นจนเขาคุ้นตา ที่เห็นว่าคนใส่ดูดีและเด่นแปลกกว่าใครอยู่แล้ว แต่วันนี้เขากล้าบอกตรงนี้ได้เลยว่า ต่อให้สาวไฮโซหน้าไหนมายืนเทียบ แม่เสือสาวคนนี้ก็ไม่น้อยหน้าเลยสักนิด คุ้มค่าเงินที่จ่ายให้เจ้าของร้านเหลือเกิน

งานที่คณินพาเธอมา เป็นงานเลี้ยงของลูกค้ารายใหญ่ ที่ทำให้เขาถูกเธอตบเป็นครั้งแรก แขกที่มาร่วมงาน ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ มีคนไทยปะปนบ้างก็เฉพาะที่เจ้าภาพสนิทจริง ๆ เท่านั้น และเขาก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น คู่ควงของเขาเป็นที่สะดุดตากับผู้ชายในงานทั้งโสดและมีเจ้าของแล้ว ประณาลีทำเขาอึ้งอีกรอบ เมื่อเธอใช้ภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว เมื่อเขาแนะนำให้รู้จักกับเจ้าของงานและคนที่เขารู้จักและคุ้นเคยดี แถมแม่เสือสาวก็ยังเต้นรำได้คล่องแคล่วโดดเด่น ไม่แพ้สาวชาวตะวันตกที่มาในงานด้วย

ลูกค้าอดแซวเขาไม่ได้ เมื่อคำแนะนำประณาลี ที่เคยบอกเมื่อตอนมาถึงงานแรก ๆ คือ ‘เพื่อน’ แต่กลับเห็นเขาเอาแต่ส่งสายตาคอยจับจ้องร่างแบบบาง ที่ถูกชาวต่างชาติมาโค้งออกไปเต้นรำได้หลายเพลงแล้ว ประณาลีลอบยิ้มด้วยความสะใจ เมื่อรับรู้ว่าเหยื่อเริ่มสนใจเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ ต้องขอบคุณที่เหยื่อดิ้นรนมาหาเธอถึงที่นี่ แล้วก็พาเธอมาในคืนนี้

‘นายเป็นคนทำบ่วงเอาไว้ให้ฉันคล้องเองนะนายคณิน’
ถ้ารู้ว่ามาอยู่นี่แล้วจะทำให้เหยื่อติดใจเร็วขนาดนี้ จะมาตั้งแต่แรกแล้ว คงไม่ต้องเสียเวลามากในการไล่ต้อน

“หาอะไรคะ” แววตาหวานใสส่งให้คนที่ตั้งแต่เขาดึงตัวเธอมาอยู่กลางฟอร์ได้ก็เอาแต่จ้องไม่วางตา
“ประณาลี คุณเป็นใครกันนะ ทำไมคุณถึงทำให้ผมแปลกใจในตัวคุณแทบทุกครั้ง”
สายตาคมที่มีแววหวานฉ่ำส่งให้คนตรงหน้าไม่แพ้กัน
‘นายก็ทำฉันแปลกใจได้ทุกครั้งเหมือนกัน’ ยิ้มเคลือบใบหน้าที่สะใจเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน

“ฉันอาจจะทำอะไรอีกมากมายที่คุณคาดไม่ถึงก็ได้นะคะ”
น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความหมายบางอย่าง แต่ไม่ได้ทำให้คนที่มั่นใจในตัวเองอย่างเขา จะคิดไปในทางเลวร้ายมากไปกว่ายิ้มขำ ๆ ก่อนจะถามว่า

“เช่นอะไรครับคุณครู”
“ฉันอาจจะเป็นลูกของคนที่คุณหรือคนใกล้ตัวคุณเผลอไปรังแกเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว พอฉันโตขึ้นมาก็ตามมาเอาคืนกับคุณไงคะ” ยังคงยิ้มให้คนตรงหน้าสายตาก็จ้องมองตอบอย่างไม่วางตา

“ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมชักอยากจะรู้แล้วสิ ว่าคุณจะเอาคืนผมแบบไหน อย่างคุณนี่อาวุธที่ร้ายแรงที่สุด ก็น่าจะเป็นความสวยนี่ล่ะ ที่คุณจะใช้มาเล่นงานผม ส่วนไอ้ผมก็มักจะแพ้ผู้หญิงสวย ๆ อยู่ด้วย หวังว่าคุณคงไม่เข้ามาทำให้ผมหลงรักแล้วก็ตีจากผมไปหรอกนะประณาลี” พูดไปขำไป

“หลงรักแล้วตีจากมันคงจะน้อยไปมั้งคะ ขอแถมด้วยทำให้คุณ อืม! ให้เสียอะไรดีนะ รวย ๆ อย่างคุณก็น่าจะทำให้เสียเงินเล่น ๆ สักร้อยล้านดีไหมคะ หรือว่าจะน้อยไป”
“อืม! หลักร้อยก็พอมั้ง เจ็บน้อยหน่อย ว่าแต่คุณจะทำยังไงล่ะ ผมถึงจะต้องเสียเงินขนาดนั้น หรือว่าคุณจะเรียกค่าสินสอดเป็นร้อยล้าน พอแต่งกันได้สองวันคุณขอเลิกกับผมแล้วไปหาผู้ชายอื่น”

“คนธรรมดา ๆ อย่างฉัน มีค่าพอที่คุณจะจ่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ ฉันกลัวว่าดอกไม้ริมทางอย่างฉัน พอคุณได้เชยชมแล้วก็คงจะโยนลงถังขยะมากกว่า คุณคงไม่คิดที่จะเอาไปประดับไว้แจกันทองราคาแพงของคุณหรอกมั้งคะ”
เมื่อเห็นว่าคำพูดตัวเองอาจจะสกิดใจศัตรูให้รู้ตัวก็เป็นได้ จึงเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นอ่อนโยนปนเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
“ลี! ทำไมคุณถึงคิดแบบนี้ล่ะ ในสายตาคุณผมเป็นคนใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
อารมณ์ขันแทบจะหมดไป เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาที่จ้องมองเขาอย่างค้นหา

“ก็ไม่แน่นี่คะ หน้าตาอย่างคุณ ฐานะอย่างคุณ ถ้าให้ฉันเดา ฉันก็คิดว่าคุณคงยังไม่คิดจริงจังกับใครหรอกค่ะ คงจะหาความสุขแค่ชั่วครั้งชั่วคราว เบื่อแล้วคุณก็คงตีจาก...เอ่อ...ดึกมากแล้วฉันกลัวยายห่วง เราจะกลับกันได้หรือยังคะ แขกเริ่มบางตาแล้ว”

ไม่ได้รอคำตอบจากคนตรงหน้าด้วยซ้ำ ชุดสีฟ้าก็ตามร่างระหงไปยังโต๊ะ ที่เจ้าภาพนั่งคุยกับแขกอย่างออกรส เพื่อกล่าวลาแล้ว คณินจำต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้ ตลอดทางไม่มีบทสนทนาใด ๆ จากเจ้าของแผนการแม้แต่คำเดียว

‘จะได้สมบทเศร้า’ ที่คิดว่าตัวเองจะกลายเป็นดอกไม้ริมทางให้ศัตรูกลุ้มไปด้วย

“ลี! เราไปคุยกันตรงนั้นก่อนได้มั้ย”
รีบวิ่งไปคว้าข้อมือเอาไว้ ก่อนที่เจ้าของชุดสีฟ้าจะขึ้นบันไดไป หากไม่อยู่ในห้วงราตรีกาล เขาคงจะมีโอกาสได้เห็นยิ้มเยาะหยันในความ ‘โง่’ ของชายตรงหน้าแล้ว มือปล่อยให้เขาจูงไปยังใต้ต้นหางนกยูง

“คุณโกรธผมเรื่องอะไร”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่เงียบมาตลอดทาง ต้องไม่พอใจกับบทสนทนาในงานเป็นแน่ แต่ไม่มีแม้แต่คำตอบจากเจ้าของชุดสวยที่ยืนกอดอก ลูบแขนไปมาเพื่อไล่ความเย็น คณินรีบถอดสูทไปคลุมไหล่ให้อย่างสุภาพบุรุษ

“คุณจะบอกผมได้หรือยัง ว่าโกรธผมเรื่องอะไร ถ้าไม่ยอมบอกผมจะกอดคุณไว้ทั้งคืน”
ไม่เฉพาะสูทเท่านั้นที่ให้ความอบอุ่นวงแขนแข็งแรงก็ดึงร่างบางมากอดไว้ แก้มขาวแนบไปกับอกกว้าง ยิ้มอย่างสะใจเมื่อเห็นว่าเหยื่อให้ความสำคัญกับตัวเอง
“ตกลงคุณจะไม่ตอบผมใช่มั้ยประณาลี เอ๊ะ! หรือสงสัยว่าอยากจะให้ผมยืนกอดแบบนี้ งั้นแถมด้วยจูบจะดีมั้ยน๊า”

“อย่าค่ะ”
แสร้งเบี่ยงหน้าน้อย ๆ เมื่อจมูกโด่งยื่นมาใกล้ ๆ ริมฝีปาก เจ้าของหน้าคมยิ้มออกมาอย่างคนมีชัย เมื่อเห็นคนที่เอาแต่เงียบยอมเปิดปากออกมาได้ ความตั้งใจที่คิดจะหลอกให้เธอยอมพูดอะไรออกมาบ้าง กลับเปลี่ยนลงกระทันหัน เมื่อกลิ่นหอมกรุ่นของนวลเนื้อกระทบกับจมูก เรียวปากบางแม้จะเคยถูกจุมพิตมาหลายครั้ง แต่หัวใจเจ้ากรรมมันก็เรียกร้องหาอยู่ร่ำไป

ลมที่พัดบางเบามากระทบร่างทั้งสองจนรู้สึกหนาวเหน็บ เรียกร้องให้เขาเบียดเสียดหาไออุ่นของอีกร่าง แสงดาวแพรวพราวบนท้องฟ้ากระพริบถี่ ๆ ราวจะคอยยุยง ให้เขาทำตามสิ่งที่หัวใจปรารถนา สุดท้ายเขาก็แพ้กับธรรมชาติที่พากันโหมกระหน่ำมายั่วเย้าเขาอย่างไม่ปราณี

“ลี! คุณรู้มั้ยว่าเวลาคุณโกรธแบบนี้ ทำให้คุณน่ารักแค่ไหน”
น้ำเสียงแผ่วเบาบอกออกมา เมื่อละจากกลีบกุหลาบบางลงมาหาเนินอกอวบอิ่มขาวผุดผ่อง หอมกรุ่นด้วยกลิ่นไอสาวเต็มที่ ดวงตากลมโตหลับพริ้มลง เมื่อจำต้องทอดกายให้เขาเชยชมอีกครั้ง

‘ผู้ชายต่อให้แกร่งสักแค่ไหน ก็ย่อมพ่ายแพ้ต่อเรือนร่างผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ ครั้งนี้ฉันปล่อยนายไปก่อน แล้วฉันจะตามไปเอาคืนให้สาสม’ บอกตัวเองอยู่แค่นั้น เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะล้ำเส้นที่เธอขีดเอาไว้ จึงรีบห้ามปราม

“คุณคณินคะปล่อยฉันค่ะ”
อีกครั้งที่เขาต้องหักห้ามใจตัวเองเอาไว้ จากความสุขที่ได้รับ ยิ้มกว้างเผยให้เห็นเมื่อแสงจันทราสาดส่อง จนเจ้าของแผนการขัดใจกับยิ้ม ที่คิดว่าเขากำลังเย้ยหยันหรือสาแก่ใจที่ได้เชยชมเรือนร่างตัวเอง ตากลมโตจึงขวางขึ้น

“ยิ้มอะไรคะ”

“เปล่าผมก็แค่ดีใจ ที่ทำให้คุณยอมพูดกับผมได้ ทีนี้ผมก็รู้แล้วว่าต่อไปเวลาคุณโกรธ จะทำให้หายโกรธได้ยังไง ชอบใจจังเลยทีหลังคงจะต้องทำให้โกรธบ่อย ๆ จะได้ง้อแบบเมื่อกี้ไง”
กำปั้นทุบไปที่ไหล่หนัก ๆ ก่อนจะผลักเขาให้ออกห่าง แล้วก็รีบวิ่งขึ้นบ้านโดยเร็ว ทิ้งให้คนมองตามยิ้มกว้างด้วยความชอบใจแล้วเดินขึ้นบ้านเข้าห้องตัวเอง

“ดูแลตัวเองดี ๆ นะยายลี ฝากบอกเจ้าเพชรด้วยนะ ว่ายายคิดถึงว่าง ๆ ก็มาเยี่ยมยายบ้าง”
คุณยายสำลีลูบศีรษะหลานสาวเบา ๆ อย่างเอ็นดู เมื่อก้มลงไปกราบที่ตัก ก่อนจะสวมกอดยายด้วยความรักและห่วงใย ร่างสูงใหญ่ที่คุกเข่าอยู่ข้าง ๆ ยิ้มให้กับสองร่างที่ประสานกันอย่างกลมเกลียว คุณยายสำลียิ้มให้กับเขาทั้ง ๆ ที่ยังกอดหลานอยู่
“ยายฝากหลานด้วยนะพ่อณิน อยู่ใกล้ ๆ กันคงจะไม่เป็นการลำบากที่จะไปคอยดูแล”

“ครับคุณยาย งั้นผมกราบลานะครับ ผมมาเชียงรายครั้งต่อไป จะแวะมากราบคุณยายอีก”
ความนอบน้อมกับคนสูงวัยเรียกคะแนนให้ตัวเองได้โข คุณยายสำลีละวงแขนจากหลานสาว เอื้อมมือไปลูบศีรษะเขาไปมาเบา ๆ รถหรูของเขาวันนี้มีคนขับรออยู่ก่อนแล้ว เพื่อไปส่งที่สนามบิน เหยื่อควักกระเป๋าจ่ายค่าตั๋วโดยไม่อิดออด ได้ที่นั่งติดกันตามที่เขาต้องการ เมื่อโทรมาจองไว้แล้ว มือขาวนุ่มถูกเขาจับจองตั้งแต่เช็คอินที่สนามบิน และเอวคอดก็ถูกโอบเอาไว้ เมื่อเข้าไปประจำที่นั่ง แม้จะไม่ได้พูดคุยอะไรมาก เพราะอยู่รวมกับคนหมู่มาก แต่เขาก็สุขใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้อยู่ใกล้ ๆ คนที่เขาตั้งจะศึกษาอย่างถ่องแท้

“ผมจะไปส่งคุณก่อน”
บอกเมื่อนทีนำรถสปอร์ตมาจอดรอหน้าประตูทางเข้าตามคำสั่ง แล้วก็ปลีกตัวนั่งแท็กซี่กลับในทันที
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะนั่งแท็กซี่กลับเอง”
ตั้งใจว่าจะนั่งแท็กซี่ไปคอนโดฯ แพท เพื่อเอารถแล้วก็ขับกลับ อยากจะอ้าปากปฏิเสธมากกว่านั้น แต่คิดได้ว่าคงไม่มีประโยชน์ เพราะกระเป๋าถูกเขายัดใส่หลังรถแล้ว บวกกับเจ้าหน้าที่การท่าฯ เร่งให้ออกรถไปโดยเร็ว

“ผมเหนื่อยจังขอไปนั่งพักจิบกาแฟก่อนกลับหน่อยนะลี”
ไม่ทันที่จะได้บอกปัดมือหนาก็ดันประตูห้อง พาร่างสูงใหญ่พร้อมกระเป๋าเข้าไปด้านในแล้ว
‘ดีนะที่เก็บกวาดห้องเอาไว้ตั้งแต่คราวที่แล้ว’
ครั้งก่อนที่เขาทำท่าจะบุกเข้าห้อง จึงได้คิดรีบเก็บร่องรอยของศัตรูเอาไว้ก่อนแล้ว

“ขอกาแฟให้ผมแก้วหนึ่งนะลี ง่วงจังกลัวขับรถไม่ถึงบ้าน”
รู้ว่าเจ้าของบ้านไม่เชื่อสักนิด แต่ก็ไม่สนใจ เพราะรู้อีกเหมือนกันว่าแม้เจ้าของห้องจะขัดใจอยู่บ้าง แต่ลึก ๆ คงจะไม่ว่าอะไรที่เขาดึงดันเข้ามาแบบนี้ เป็นจริงอย่างที่คิด เมื่อเธอยอมทำตามคำขอ โดยไม่ว่าอะไร แขกไม่ได้รับเชิญจึงย่ามใจร้องขออย่างอื่นเพื่อยืดเวลาที่จะได้อยู่ใกล้ ๆ อีกครั้ง

“ผมหิวจังเลย เราลงไปกินอะไรที่คอฟฟี่ชอปข้างล่างมั้ย”
“ไม่ค่ะ ฉันเหนื่อย อยากอาบน้ำพักผ่อนมากกว่า” พูดแค่นี้คิดว่าเขาคงจะรู้ ว่าอยากไล่ ‘แขก’ เต็มที

“งั้นเอาอย่างนี้นะ โทรไปสั่งมากินบนนี้ก็ได้ ระหว่างรออาหารคุณก็ไปอาบน้ำได้เลย เสร็จแล้วก็มานั่งกินอะไรหน่อยเป็นเพื่อนผม สัญญาว่าอิ่มแล้วผมจะกลับบ้านทันที คุณไม่ต้อง ‘ไล่’ ผมทางอ้อมหรอก วันนี้ถ้าคุณไม่ยอมกินข้าวกับผม ผมก็จะนอนอยู่ที่นี่กับคุณเลย”
รู้แน่แล้วว่าคงจะหาเหตุมาอ้างให้เขาออกจากห้องได้ไม่สำเร็จ จึงเดินสบัดหน้าน้อย ๆ ไปคว้าเอาเสื้อผ้ากับข้าวของอื่นหายเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งให้ ‘แขก’ ยิ้มตามหลังอย่างมีชัย อันที่จริงไม่ได้หิวสักนิด แต่อยากยืดเวลาอยู่ใกล้ ๆ คนที่สบัดหน้าหนีไปอย่างนั้นเอง

“พี่แพทคะช่วยเช็คให้หน่อยค่ะ ว่านายนเรศอยู่ออฟฟิศหรือเปล่า...เอ่อ...นายคณินอยู่กับลีที่คอนโดค่ะ ไล่ให้กลับก็ไม่ยอม”
ความเป็นไปได้ที่นเรศจะมาแถวนี้มีน้อย แต่ก็ไม่อยากประมาท

“ระวังตัวดี ๆ นะลี พี่เป็นห่วง”
แพทบอกด้วยความกังวล ก่อนจะรีบวางสายแล้วจัดการทำตามที่น้องร้องขอ ไม่นานก็กดกลับมาบอกคนรอว่าทางสะดวกเพราะเหยื่อประชุมอยู่ที่ออฟฟิศเสร็จแล้วจะเลยไปงานเลี้ยงต่อ เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นถูกสวมใส่ ซึ่งเป็นชุดที่เธอมักจะใส่ เวลาอยู่ตามลำพัง ใบหน้าขาวผ่องอยากจะอยู่ให้ห่างเครื่องสำอางค์ แต่ก็ทำไม่ได้ จำต้องแต่งหน้าอ่อน ๆ ผมถูกเป่าจนแห้งปล่อยสยายไว้กลางหลัง

“พอดีเลย กินข้าวกันเถอะผมสั่งสลัดมาให้คุณด้วย”
แขกรีบบอกเมื่อเห็นเจ้าของห้องออกมาแล้ว อันที่จริงอาหารตรงหน้า เรียกความสนใจเขาน้อยกว่าร่างที่หอมกรุ่นด้วยกลิ่นน้ำหอมบาง ๆ ด้วยซ้ำ แต่อยากจะปล่อยให้เธอผ่อนคลายบ้าง เพราะดูจากสีหน้าแล้วคงจะหวาดหวั่นว่าเขาจะทำอะไรเหมือนที่เคย ๆ ทำเป็นแน่ และครั้งนี้เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าจะห้ามใจได้เหมือนทุกครั้งหรือไม่ ก็ในเมื่อเตียงนอนหนานุ่มอยู่ห่างออกไปไม่ถึงสิบก้าวแค่นี้ มันคอยจะยุแหย่ให้ใจเขาแตกแถวอยู่ร่ำไป

“ขอบคุณนะที่คุณยอมกินข้าวกับผม แล้วจะโทรหานะ”
สั่งลาก่อนจะยื่นจมูกไปหอมแก้มขาวอย่างรวดเร็ว และก็ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วอีกเช่นกัน เดาได้ว่าเจ้าของแก้มคงจะขุ่นเคืองกับการกระทำเป็นแน่ เมื่อหันหลังเดินจากมา หากแต่เขาคิดผิดถนัด รอยยิ้มอย่างผู้มีชัยกว่าปรากฏบนใบหน้ารูปไข่อย่างเห็นได้ชัด

“ฉันต่างหากที่กำลังจะชนะนาย ขอบใจนะที่อุตส่าห์ตามฉันไปถึงบ้าน ถึงเวลาที่นายจะต้องเจ็บบ้างแล้วล่ะ”
มือถือกดไปหาแพทอีกครั้ง
“พี่แพทคะ ฝากโทรไปบอกวีด้วยนะคะว่าให้รุกต่ออีกขั้นค่ะ ปลาเริ่มจะติดเบ็ดแล้วค่ะ”
น้ำเสียงที่ออกจะยินดีกับข่าวที่ได้ยินของแพท แม้ไม่เห็นหน้าคนฟังก็เดาได้ว่ามีความสะใจแค่ไหน

ร่างในสูทหรูเดินด้วยท่าทีที่สง่าเข้าไปบริษัทตั้งแต่เช้า พยักหน้ารับพร้อมยิ้มให้พนักงานแทบจะทุกคน ที่ไหว้เขาเป็นทาง แหม่มเองก็ยังทำหน้างง เมื่อเจ้านายหนุ่มทักทายด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหายเข้าไปในห้องทำงาน ปัทมาทำหน้าที่ยกกาแฟกับน้ำเปล่าไปให้เช่นทุกเช้า แหม่มกับบรรพตถูกเรียกให้ไปหาพร้อม ๆ กัน กว่าจะได้ออกมาก็เกือบจะชั่วโมง

“ลองอารมณ์ดีแบบนี้ แปลว่าได้แอ้มสาวมาแหง ๆ ว่ามั้ยคุณบรรพต...เอ...ว่าแต่สาวไหนนะที่ทำให้เจ้านายเรายิ้มออกมาได้ อยากจะไปขอบคุณจริง ๆ เลย แต่แหม่มว่าคงจะไม่ใช่คนที่ทำให้อารมณ์เสียคราวก่อนหรอกนะ”
กระซิบกับบรรพต เมื่อออกมาจากห้องแล้ว บรรพตไม่คิดจะเปิดปากบอกในเรื่องที่เจ้านายคงไม่อยากให้ใครรู้ แม้แต่เลขาฯ ที่รู้ใจยังต้องเดาเอาเอง

“นินทาเจ้านายระวังจะโดนตัดเงินเดือนนะ ไปดีกว่า”
กระซิบตอบใกล้ ๆ แหม่มแล้วก็เดินจากไป ตามเรื่องที่ได้รับมอบหมายใหม่จากเจ้านาย
เวลาช่วงเช้าหมดไปกับการเคลียร์งานเอกสาร ส่วนช่วงบ่ายออกไปดูงานกับบรรพตแล้วก็กลับมาประชุมจนเกือบหกโมงเย็น กลับออกมาจากห้องประชุมสาวไฮโซนามโชติกาก็นั่งปั้นหน้ายิ้มรออยู่กับปัทมาที่เฝ้าโต๊ะรอแหม่มตามปกติ

“โรส! มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ แล้วมาถึงนี่มีธุระด่วนหรือเปล่า” คำถามที่ออกจะเป็นทางการเหลือเกิน
“ไม่มีธุระสำคัญมากหรอกค่ะ แค่จะมาลงโทษใครบางคนที่หายหน้าไปเป็นอาทิตย์ โทรหาก็ไม่ยอมเปิดเครื่อง เสร็จงานแล้วใช่มั้ยคะ ไปกันเถอะค่ะโรสหิวจะแย่แล้ว นั่งรอณินมาจะสองชั่วโมงแล้วนะคะ”
มือสอดไปคล้องแขนอย่างเปิดเผย ไม่สนใจว่าพนักงานจะหันมามองแค่ไหน

“วันนี้สงสัยจะไม่ได้แล้วล่ะโรส นัดกับคุณแม่ไว้ว่าจะไปกินข้าวบ้านสักหน่อย หายไปหลายวันท่านบ่นแทบแย่”
บอกไปตามความจริง เพราะเมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านถูกมารดาบอกกึ่งสั่งให้กลับไปกินข้าวด้วย
“เหรอคะ งั้นไม่เป็นไร โรสไปกินที่บ้านด้วยก็ได้ค่ะ คิดถึงคุณแม่เหมือนกัน ไม่ได้ไปกราบท่านนานแล้ว ก่อนเข้าบ้านณินช่วยแวะร้านขนมเจ้าเก่าด้วยนะคะ จะซื้อไปฝากท่าน ไปกันหรือยังคะอย่าช้าสิคะณินเดี๋ยวคุณแม่จะรอ”

รู้อยู่แล้วว่าต่อให้ยกเอาเหตุผลร้อยแปดมาอ้าง คนข้าง ๆ ก็จะต้องติดสอยห้อยตามไม่ยอมปล่อย จึงได้แต่ยิ้มก่อนจะเข้าไปหยิบเอาข้าวของในห้อง แล้วก็เดินออกมาโดยที่แขนก็มีคนเกี่ยวเดินไปข้าง ๆ พร้อมปั้นหน้ายิ้ม ให้กับพนักงานที่ยกมือไหว้ตลอดทางเดิน

“อย่างน้อย ๆ คนที่ทำให้คุณณินอารมณ์ดีเมื่อเช้านี้ ก็ไม่ใช่คุณโรสแน่ ๆ ค่ะพี่แหม่ม”
ปัทมาพูดตามหลังเจ้านายด้วยอารมณ์ขัน พลอยทำให้แหม่มหัวเราะไปด้วย

อาหารเย็นกับแม่เสร็จสิ้นไปตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม โชติกาอยู่พูดคุยกับอัมพรได้สักพักคณินก็ต้องไปส่ง เพราะเธอทิ้งรถไว้ที่ออฟฟิศเขา จนแล้วจนรอดก็ทนเสียงออดอ้อนบวกกับร่างนุ่มนิ่มที่เบียดเสียดมาแทบจะตลอดทางไม่ได้ จึงหักพวงมาลัยรถเข้าไปคอนโดฯ ของตัวเองในที่สุด

“พร้อมจะรับโทษหรือยังคะณิน หายไปนานแบบนี้โรสไม่ปล่อยให้ไปไหนง่าย ๆ หรอกค่ะ คิดถึงจะแย่ คนอะไรใจร้ายไม่ยอมโทรหาสักนิด หรือว่าหลงแม่นักเรียนนอกจนลืมโรสแล้วคะ”
ร่างบางทาบทับร่างใหญ่ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้ มือค่อย ๆ เอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างรู้งาน ลูบไล้ไปตามแผ่นอกกว้างจนอีกฝ่ายทนไม่ได้จึงต้องผลิกกลับสลับตำแหน่งกับสาวเจ้า

“ยินดีที่จะรับโทษครับ ว่าแต่จะมาบ่นเหนื่อยไม่ได้นะ”
ไม่รอฟังคำที่จะเปล่งออกมาจากปากงามเลยสักนิด ก็ก้มลงประกบอย่างรวดเร็ว ถึงกายจะอยู่กับอีกคน แต่ใจเผลอไปคิดถึงอีกคนที่คอยจะผลักไสให้เขาอยู่ห่าง ๆ ขึ้นมาอีกจนได้ แต่ท้ายที่สุดความเป็นชายก็เรียกความคิดที่ล่องลอยให้มาสนใจกับอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าเช่นเคย

“พี่แพทครับนายคณินออกจากบริษัทมากับคุณโรส พาเข้าบ้านสักพักก็ออกไปอีก ผมตามมาถึงคอนโดฯ ไม่รู้ว่าเป็นของคุณโรสหรือของนายคณิน แต่ว่าสองคนนั้นหายขึ้นไปเกือบจะชั่วโมงแล้วครับ จะให้ผมรอก่อนหรือว่ากลับเลย ถ้าเดาไม่ผิดผมว่านายคณินก็คงจะกกคุณโรสจนถึงเช้านั่นล่ะครับ ไหนพี่ลีบอกว่ามันติดกับเราแล้วไง ทำไมยังลากคุณโรสมาหาความสุขแบบนี้อีกล่ะ นายนี่ตกลงมันจะรักใครเป็นบ้างมั้ยครับ” รายงานตามคำสั่งพี่สาวไปยังแพท

“รอก่อนนะวี พี่ถามพี่เราก่อน...ลีบอกให้วีกลับไปได้เลย อย่าลืมจัดการกับน้องนายคณินต่อด้วยนะ”
คำสั่งถูกส่งมาแล้วบทสนทนาก็จบสิ้นลงไปตรงนั้น







 

Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2552
0 comments
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2552 7:19:52 น.
Counter : 351 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.