Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
5 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
ธารลาวา ๔๕ (ธัญรัตน์)




ตอน ๔๕

“แล้วจะสั่งอะไรครับที่ลีพอจะกินได้”
“ยายก็ไม่รู้หรอก ลอง ๆ สั่งดู อย่างสองอย่างก็แล้วกัน กินไม่ได้ค่อยสั่งใหม่”
เพียงเท่านั้น พอใกล้เวลาอาหารเย็น เด็กที่ร้านก็เอาอาหารมาส่ง คุณยายสำลีได้แต่นั่งมองกล่องอาหารที่วางเรียงรายจนจะเต็มครัว คณินจ่ายเงินพร้อมสินน้ำใจให้เด็ก ก่อนจะรีบหันมาจัดอาหารใส่จานอย่างตั้งใจ

“หมดร้านหรือยังพ่อณิน แล้วจะกินกันเข้าไปหมดเหรอ คงต้องแจกเพื่อนบ้านแล้วมั้งนี่” อดไม่ได้ที่จะแหย่หลานเขย
“ก็ผมไม่รู้ว่าลีจะกินอะไรได้บ้างนี่ครับ เลยสั่งมาเยอะ ๆ ไว้ก่อน ให้เลือกเอา อันไหนที่กินไม่ได้ก็คงจะต้องแบ่งเพื่อนบ้านอย่างที่คุณยายว่าล่ะครับ”

ประณาลีเป็นอีกคนที่มีอาการไม่แพ้ยาย เมื่อเห็นกล่องอาหารวางเรียงรายตอนตื่นขึ้นมา แม้ไม่อยากจะกินของที่เขาซื้อมาแค่ไหน แต่เมื่อถูกคุณยายสำลีดุด้วยน้ำเสียงหนัก ๆ บวกกับอีกใจก็ห่วงลูกในท้อง จนต้องยอมกินอาหารที่คิดว่าเป็นของโปรด แต่ก็ต้องวิ่งเข้าไปห้องน้ำด้วยเหตุผลเดิม กลับออกมาลองเลือกดูรายการอื่น แต่ก็เหม็นจนกลืนอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็ได้นมแก้วเดียวก่อนจะเข้านอน กำลังจะหลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่เห็นเขาเดินหอบกระเป๋าเสื้อผ้า และเครื่องนอนเข้ามาในห้อง

“นี่คุณหอบอะไรมา ฉันจะนอนแล้วออกไปจากห้องฉันนะ”
“คุณยายให้ผมมานอนดูแลคุณไงลี เผื่อกลางดึกจะลุกขึ้นมาอ้วกอีกผมจะได้คอยช่วย”
“ฉันไม่เป็นอะไรมากขนาดนั้น ออกไปจากห้องฉันซะ ถ้าคุณไม่ออกฉันจะออกไปเองนะ”
“ลีมีเหตุผลบ้างสิ”

“เหตุผลของฉันก็คือ ฉันเกลียดคุณ ออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ ถ้าไม่ไปฉันจะเป็นคนไปเอง”
เมื่อเห็นหญิงสาวมีสีหน้าจริงจัง และทำท่าจะลุกจากเตียง เขาเลยจำต้องยอมหอบข้าวของออกมาโดยเร็ว คุณยายสำลีเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ก็เลยให้เขาไปนอนห้องที่เคยนอนครั้งก่อนแทน เพราะลองหลานได้ไล่ออกมาขนาดนี้ แปลว่าโกรธจริงแน่ในความคิดยาย

“ยายช่วยได้แค่บางเรื่องนะพ่อณิน ส่วนจะทำให้ยายลีหายโกรธนี่คงจะยาก แต่พ่อณินก็ต้องเข้าใจด้วยนะ ว่าหลานยายเจออะไรที่ร้าย ๆ มาเยอะเหมือนกัน ถ้ารักหลานยายจริงก็ต้องอดทนหน่อยนะ ผู้หญิงน่ะจะใจอ่อนกับผัว ก็ตอนที่แพ้ท้องนี่ล่ะ ยายแพ้ตาบ่อย ๆ เมื่อก่อนน่ะ บางทีโกรธตาแทบตาย แต่เวลาตาหาอะไรมาให้กินนะ ยายแทบจะหายโกรธเลยล่ะ”
ยายให้กำลังใจแล้วก็ออกจากห้องไป คณินเองก็ทำใจเอาไว้แล้วว่าจะเจอแบบนี้ แต่จะคิดอีกทีอย่างน้อย ๆ เขาก็มียายเป็นกองหนุนให้อีกแรง คงจะพอมีทางเอาชนะใจเธอได้ในไม่ช้า

แต่ดูเหมือนที่คณินจะคิดผิดถนัด เพราะประณาลีแทบจะไม่ยอมญาติดีกับเขาเลย ตลอดเวลาสี่วันที่ปักหลักอยู่ที่นี่ งานก็ดูจะรุมเร้าให้กลับไปสะสางอยู่เนือง ๆ ห่วงคนทางนี้ก็ห่วง เพราะวัน ๆ แทบจะกินอะไรไม่ได้เลย หรือกินได้ก็จะเป็นแบบเดิมตลอดเวลา อาการห่วงหน้าพะวงหลังเกิดขึ้นกับเขาอีกแล้ว แต่สุดท้ายก็จำต้องกลับไปดูงานก่อน

“คุณแม่ครับบัวทำอะไรเป็นบ้าง นอกจากทำความสะอาดบ้านแล้ว ทำอาหารได้หรือเปล่าครับ เหรอครับ ถ้าผมจะขอให้มาอยู่ดูแลลีทางนี้ก่อน คุณแม่จะว่ายังไงครับ ตอนนี้ลีแพ้ท้องมาก กินอะไรไม่ได้เลย ครับคุณแม่ งั้นผมจะให้คนที่ออฟฟิศไปรับมาขึ้นเครื่องนะครับ”

“บรรพตช่วยจัดการ...” ในเย็นวันนั้นบัวก็มาอยู่ที่บ้านคุณยายสำลี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมบรรพต
“บัวดูแลคุณผู้หญิงให้ดี ๆ นะ ช่วยงานคุณยายด้วย มีอะไรก็โทรหาฉันได้ตลอดเวลา”
เป็นคำที่เขาพร่ำบอกบัวนับ ตั้งแต่ก้าวแรกที่ขึ้นมาบนเรือน จนกระทั่งถึงเวลาเช้าที่เขาจะต้องบินไปภูเก็ต ถึงประณาลีจะบอกว่าไม่ต้องการคนดูแล แต่เขาก็ไม่ยอมฟัง

“ผมห่วงเมียกับลูกนี่ ยิ่งผมไม่อยู่ด้วยแล้ว คุณจะได้เรียกใช้บัวได้ ถ้าไม่มีอะไรก็ให้อยู่ช่วยงานคุณยายไปด้วย”
“ใครเป็นเมียเป็นลูกคุณกัน กลับไปได้แล้วและเอาคนของคุณกลับไปด้วย ฉันอยู่ของฉันได้”
“ใครอุ้มท้องลูกผมอยู่ก็คนนั้นล่ะ” เขาเถียงพร้อมยิ้มน้อย ๆ เยาะเย้ยเธอ

“นี่คุณ อย่ามาหยาบคายกับฉันนะ” คนท้องที่อารมณ์ไม่คงที่ ให้โกรธแทบเป็นไฟ กับสีหน้าและสายตาของเขา ปากขยับทำท่าจะว่าให้หนัก ให้สมกับใจอยากเพราะอดกลั้นมาหลายวัน ตั้งแต่เขามาอยู่ในบ้านแล้ว
“ลี ที่พ่อณินคิดมันก็ถูกนะ เรายิ่งไม่ค่อยแข็งแรงอยู่ อย่าดื้อเลย จะเกลียดพ่อยังไงก็ให้ห่วงลูกก่อนเถอะ”

แต่สุดท้ายคนที่ต้องยอมก็คือประณาลี เพราะยายเป็นคนตัดสินให้ว่าบัวควรจะอยู่คอยช่วยเหลือ คณินออกจากบ้านพร้อมบรรพตด้วยความอารมณ์ดี เมื่อมีคุณยายสำลีคอยหนุนให้อยู่เนือง ๆ

“คุณผู้หญิงจะดื่มอะไรหรือเปล่าคะ บัวจะจัดไว้ให้”
บัวรีบเดินไปหาขณะที่ประณาลีเดินออกจากห้อง ในช่วงบ่ายหลังจากนอนพักแล้ว คนที่ได้ตำแหน่งใหม่ถึงกับมองบัวอย่างขุ่นเคือง ส่วนคุณยายสำลีได้แต่ยิ้มน้อย ๆ ด้วยความขำ เมื่อเห็นหน้าหลานสาว
“บัว ถ้าจะอยู่กับฉันที่นี่ อย่าเรียกฉันแบบนี้อีก ฉันไม่ใช่คุณผู้หญิงของใคร ให้เรียกชื่อฉันก็พอ”

“แต่คุณณินสั่งบัวไว้นี่คะ แล้วยังบอกว่าคุณลีเป็นคุณผู้หญิงของบ้าน”
“ถ้าไม่เชื่อกันก็เก็บข้าวของกลับไปได้เลยนะ” น้ำเสียงที่ดุทำเอาบัวกลัวจนตัวสั่น ก่อนจะรับคำ
“ค่ะ คุณลี”

ตั้งใจว่าจะออกมานั่งรับลม แต่ก็หัวเสียด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ประณาลีจึงกลับเข้าห้องอีก ไม่รู้จะทำยังไงกับสถานะการที่เกิดขึ้น ยิ่งมียายคอยมาดักคอไว้อีก ในใจก็คิดว่าถ้าพอจะมีเรี่ยวแรงกว่านี้ จะรีบหนีกลับกรุงเทพฯ ไปให้สิ้นเรื่อง แต่คิด ๆ อีกทีก็เห็นว่าไม่มีประโยชน์ ถึงจะหนียังไงก็คงจะไม่รอดพ้นสายตาเขาไปได้แน่ ดูอย่างเรื่องลูก เขายังรู้ได้ โดยที่หญิงสาวไม่คิดว่าจะมีใครบอกเลยด้วยซ้ำ แต่เขายังอุตส่าห์รู้ ‘แสดงว่าเขาจะต้องคอยติดตามเราอยู่ไม่ห่างแน่’

แม้ใจจะรู้สึกดีที่อย่างน้อย ๆ เขาก็ห่วงใยเธอ แต่ความรู้สึกเคียดแค้น ชิงชังผู้ให้กำเนิดเขามันก็มียิ่งกว่า และยิ่งภาพความหลังมันลอยเด่นอยู่ในความทรงจำตลอดเวลาด้วยแล้ว ประณาลียิ่งไม่อยากเอาชีวิตไปเกี่ยวข้องกับเขา และคนในครอบครัวเขาด้วยซ้ำ แพทดูเหมือนจะเป็นที่พึ่งพิงให้ในเวลานี้ คิดได้ดังนั้นก็รีบกดไปหาทันที

“ใจเย็น ๆ นะลี เดี๋ยวพี่จะลองโทรปรึกษาวีก่อน ว่าจะทำยังไงดี ตอนนี้ลีก็อยู่บ้านไปก่อน เอาไว้ให้นายคณินกลับไปอีกทีค่อยว่ากันใหม่” เมื่อแพทรู้เรื่องทุกอย่างจากประณาลีแล้ว ก็ให้เป็นกังวลไม่น้อย รีบกดหาปวีร์ทันที
“มันกล้าทำแบบนั้นเลยเหรอครับพี่แพท นั่นมันบ้านพวกเรานะ ยายก็อีกคนทำไมเห็นมันดีไปได้นะ ผมว่าพวกเราควรจะกลับไปเยี่ยมบ้านอีกครั้งดีกว่านะครับพี่แพท รอให้ผมแก้งานส่งให้ลูกค้าก่อนนะแล้วเราจะไปกัน”

รถป้ายแดงคันหรูที่เพิ่งสั่งซื้อ สำหรับใช้งานที่บ้านคุณยายสำลีโดยเฉพาะ แล่นเข้ามาจอดในบริเวณบ้าน คณินที่หายไปอาทิตย์เต็ม ๆ ก้าวลงมาจากรถ บัวรีบไปรับและขนข้าวของที่มีแต่อาหารบำรุงครรภ์แทบทั้งสิ้น และเขาก็ไม่ลืมที่จะเอาใจคุณยายสำลีด้วยการหายาบำรุงมาฝากอีกสารพัดด้วยเช่นกัน ประณาลีออกมาจากห้อง เพราะได้ยินเสียงรถ แต่พอเห็นข้าวของที่เขาหิ้วมาจนเต็มแล้วนำไปฝากคนเป็นยาย อาการนอบน้อมถ่อมตน เวลาอยู่ใกล้ผู้ใหญ่ของเขา คนเห็นให้รู้สึกขัดลูกตานัก

“ลี เป็นยังไงบ้าง คุณหายแพ้หรือยัง แล้วกินอะไรได้บ้างมั้ย ผมซื้อของมาให้เยอะแยะเลยนะ”
“คุณไม่ต้องลำบากหรอก ของพวกนี้ฉันมีปัญญาซื้อหามาได้ เก็บกลับไปซะ และเอาคนของคุณกลับไปด้วย ตัวคุณก็ไปจากบ้านฉันได้แล้ว ระหว่างเราไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกันอีก” สิ้นคำก็กลับเข้าห้องไป โดยไม่สนใจว่ายายจะมองตาม หรือไม่

“บัวเอาของไปเก็บไป แล้วช่วยโทรสั่งอาหารที่ร้านให้ฉันหน่อยนะหิว เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จจะออกมา”
แม้จะถูกตัดรอนจากไมตรีที่หยิบยื่นให้แค่ไหน แต่เขาก็ไม่ละความพยายาม ที่จะเอาชนะใจหญิงสาว เมื่อเจ้าของร่างใหญ่หายเข้าห้องไปไม่นานก็ออกมาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ บัวจัดอาหารรอไว้แล้ว ก่อนจะออกไปตลาดตามปกติ นับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เมื่อจัดการให้ตัวเองอิ่มท้องแล้ว ก็อดห่วงอีกคนไม่ได้ จึงหันไปถามยายที่นั่งก้มหน้าทำงานอยู่

“คุณยายครับ ตอนนี้ลีกินอะไรได้บ้างครับ ผมจะสั่งมาให้ บัวบอกว่าลีกินข้าวเที่ยงได้หน่อยเดียวเอง”
“พักนี้ยายเห็นกินพวกสลัดทูน่า แล้วก็แกงจืดร้อน ๆ นะ แต่พ่อณินไม่ต้องสั่งหรอก บัวซื้อมาไว้ในตู้เย็นแล้ว ถ้าทำเป็นก็ทำให้ยายลีก็ได้ แกงจืดยายพอช่วยได้ แต่เรื่องอาหารฝรั่งยายไม่ค่อยเก่ง” ได้คำแนะนำแล้วก็จัดการเข้าครัวทันที
“พ่อณินทำเป็นด้วยเหรอ ท่าทางคล่องเชียว” คุณยายสำลีร้องถาม เมื่อมองดูเขาอยู่นาน

“อ๋อ! ผมเคยทำบ้างครับตอนอยู่กับยายที่บ้านนอก แล้วตอนที่ผมเรียนอยู่เมืองนอก ก็ทำอาหารกินเองเป็นส่วนใหญ่ครับ”
ยิ้มกว้างให้ผู้อาวุโส ก่อนจะหันมาสนใจกับผักในมือ เสียงรถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านอีกครั้ง ปวีร์และแพทก้าวลงมาจากรถ ไม่ทันที่คุณยายสำลีจะได้ลุกไปดู สองพี่น้องก็ก้าวขึ้นมาอยู่บนบ้านแล้ว คณินที่วุ่นอยู่กับหม้อแกงหันกลับมา เมื่อเห็นแพทก็ยิ้มให้อย่างมีไมตรี และกับอีกคน ที่ไม่เคยได้พูดคุยกันแต่เขาก็รู้ว่าคือใคร

“สวัสดีครับคุณแพท สวัสดีครับ”
รีบกล่าวทักทายคนทั้งสอง แพทยังคงยิ้มรับและทักทายตอบเหมือนทุก ๆ ครั้งที่เคยเห็นกันมา แต่ปวีร์ไม่สนใจที่จะทำแบบนั้น และจุดหมายที่เขามาในครั้งนี้ก็คือ ไล่ไอ้พวกลูกศัตรูออกไปจากชีวิตพี่สาวให้ได้ คุณยายสำลีมองดูท่าทีของหลานชาย ตั้งแต่ก้าวแรกที่ขึ้นบ้านมา เมื่อเห็นว่าหลานกำลังจะเสียมารยาท จึงรีบออกคำสั่ง

“ตาวี พี่เขาทักไม่ได้ยินเหรอ อย่าเสียมารยาทต่อหน้ายายนะ ยายไม่ชอบ”
“พี่ผมมีแค่สองคนคือพี่แพทกับพี่ลี คนอื่นผมไม่นับญาติด้วย”
เป็นครั้งแรกที่ยอมขัดคำยาย แต่ก็ค่อย ๆ นั่งลงข้าง ๆ แพท และก้มลงไปกราบที่อกยายอย่างที่เคยทำมา
“ไหว้พระเถอะ มาก็ดีแล้ว ยายมีเรื่องจะคุยกับเราสองคนพอดี แต่มาเหนื่อย ๆ ยายจะยังไม่พูดตอนนี้หรอก ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนไป จะได้มากินข้าวเย็นด้วยกัน”

ท่าทางที่ไม่ยอมยายในตอนแรก แต่เมื่อได้ยินคำและสีหน้าที่ดุของยายในเวลาต่อ มาทำเอาสองพี่น้องเกิดอาการหวั่นไปตาม ๆ กัน ปวีร์ออกมาจากห้องด้วยเสื้อผ้าชุดสบาย ๆ เห็นคณินยังวุ่นอยู่ในครัวก็ให้ขัดตานัก ‘ทำกับเป็นเจ้าของบ้าน’ เขาอดบ่นในใจไม่ได้ เดินตรงไปหากำลังจะอ้าปากถามในเรื่องที่ตั้งใจไว้ แต่ก็จำต้องหยุดเอาไว้ก่อน เพราะยายกับแพทเดินออกมาจากห้องพอดี แพทเพิ่งจะสังเกตุเห็นว่านักธุรกิจหนุ่ม กลายเป็นพ่อครัวไปแล้ว ถึงจะมีความแค้นเคืองจากผู้ให้กำเนิด ไม่แพ้น้องทั้งสองคน แต่แพทก็เห็นว่าการที่จะไล่ให้เขาออกไปจากชีวิตน้องได้ ควรจะใช้ไม้อ่อนมากกว่าแข็ง จึงเลือกที่จะยิ้มให้อย่างที่เคยเป็นมา

“คุณณินทำอะไรคะน่ากินเชียว”
“ผมทำสลัดทูน่ากับแกงจืดเต้าหู้ไว้ให้ลีครับ เสร็จพอดี ผมไปปลุกลีก่อนนะครับ”
“ไม่ต้อง พี่ผมเดี๋ยวผมจัดการได้” ปวีร์รีบห้าม
“ตาวี! ไปยุ่งอะไรกับเรื่องผัวเมียเขา อ้าว! ยายลีออกมาพอดี”
“พี่แพท วี มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

แล้วบรรยากาศบนโต๊ะอาหารของบ้าน ก็เป็นไปอย่างเงียบเชียบกว่าที่เคย ประณาลีถูกยายดุ เพราะไม่ยอมแตะอาหารที่เขาทำไว้ให้ จนคุณยายสำลีต้องจัดการขั้นเด็ดขาดด้วยการเอ็ดแรง ๆ จึงได้ยอมกิน คณินปลีกตัวออกไปหาซื้อข้าวของกับบัว เพราะรู้ดีว่าทุกคนคงอยากจะมีเวลาเป็นส่วนตัว คุยกันมากกว่า ประณาลีถูกยายสั่งให้ไปอยู่ในห้อง ให้ขัดใจอยู่บ้างแต่ก็ต้องยอม

“ทำไมยายต้องยอมนายนั่นถึงขนาดนี้ด้วยครับ ก็ในเมื่อพ่อแม่มัน ทำกับพ่อแม่พวกเรา พวกมันสมควรจะได้รับกรรมที่พ่อแม่มันก่อเอาไว้ ดูอย่างพวกเราสิครับ ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย แต่ก็ต้องมารับกรรมแทน วีไม่ยอมนะครับ ถ้ายายเห็นไอ้นั่นดีกว่าหลานแท้ ๆ ตัวเอง วีจะพาพี่ลีกลับไปอยู่กรุงเทพฯ พรุ่งนี้” ปวีร์คัดค้านยาย ตั้งแต่ทุกคนหันหน้ามาคุยกัน
“แล้วเราจะปล่อยให้หลานเป็นกำพร้าเหรอ ชีวิตตัวเองเป็นกำพร้าไม่พอหรือไง” ยายไม่ยอมเหมือนกัน
“ถ้าพ่อมันเป็นคนพวกนี้ ผมก็ยอมครับ ถึงจะกำพร้าแต่หลานก็มีแม่ มีน้า แล้วก็มีป้าด้วย แถมยายทวดอีก แค่นี้มันก็พอแล้ว”

“เรามันก็เอาแต่เข้าข้างตัวเอง ไม่คิดเหรอว่าพี่เราอาจจะรักเขาด้วยก็ได้”
“พี่ลีไม่มีวันรักมันหรอกครับ ผมกับพี่แพทรู้ดี ถ้าพี่ลีรักมันจะยอมลงทุน ทำให้พวกมันเป็นแบบนี้เหรอครับยาย”
“รู้ได้ยังไง เราเลี้ยงพี่มาเหมือนยายเหรอ ถ้าไม่รู้จริงเราอย่ามาเถียงยายดีกว่า”
“ยาย! แพทว่าลองเรียกลีมาถามเลยดีมั้ยคะ ถ้ายายลีบอกว่ารักคุณณินทุกอย่างก็จบค่ะ”
แพทเห็นยายเริ่มอารมณ์ไม่ดี จึงรีบหาทางออก

“อย่ามาทำเป็นแนะนะเจ้าเพชร ลองเรียกยายลีมาสิ เดี๋ยวก็ต้องบอกยายว่าไม่ได้รักพ่อณินอยู่ดีนั่นล่ะ ก็นัดแนะกันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ คิดว่ายายจะโง่จนไม่ทันพวกเราหรือไง ยายจะบอกให้นะ ยายลีน่ะจะโกหกใครก็โกหกได้ แต่โกหกตัวเองไม่มีทางทำได้หรอก เราสองคนลองคิดให้ดี ๆ นะ ว่าจริง ๆ แล้วยายลีต้องการอะไรกันแน่ คนมีทิฐิ และรักศักดิ์ศรี อย่างยายลี พากันดูไม่ออกเหรอ ยายเกิดก่อนเรา อาบน้ำร้อนมาก่อน ยายเชื่อสายตาตัวเองว่าดูไม่ผิด”

“แต่พี่ลีไม่ได้รักนายนั่น ผมยืนยันได้” “แพทด้วยค่ะ” เมื่อหนึ่งสู้ไม่ได้ ก็รวมกันเป็นสอง
“เอาอย่างนี้นะ เรามาให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ก็แล้วกัน ถ้ายายลีไม่ได้รักพ่อณิน ต่อให้มาง้อมาทำดีด้วยแค่ไหน ก็ไม่มีวันทำสำเร็จไปได้หรอก ถึงเวลานั้นยายจะไม่ขัดเราสองคนเลย แต่ตอนนี้ยายขอห้ามว่าอย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ ถ้าไม่เชื่อกันก็อย่ามาถือว่ายายเป็นยายพวกเรา ตายก็ไม่ต้องมาเผาผียาย ตกลงมั้ย”

คุณยายสำลีเห็นท่าว่าจะตกลงกันไม่ได้ จึงยื่นข้อเสนอให้ ส่วนสองพี่น้องเอง เมื่อยายยื่นคำขาดแบบนี้ก็จำต้องยอม แต่ปวีร์ก็ให้ขัดใจเป็นที่สุด ส่วนแพทแม้จะมีความรู้สึกเดียวกันกับน้อง แต่ก็ยังคงใช้วิธีนุ่มนวลอยู่ดี
“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะยาย เราจะรอดูสักพักนะคะ แต่ถ้ายายลียังยืนกรานแบบเดิม เป็นอันว่ายายจะยอมนะคะ”
นั่นคือข้อสรุปที่ได้ในที่ประชุม แพทนำมาถ่ายทอดให้ประณาลีฟังโดยละเอียด แม้จะขัดยายไม่ได้ แต่ก็ยังนึกกลัวใจตัวเองไม่หาย หากปล่อยให้เขาเข้าใกล้แบบนี้ จึงจะลองใช้วิธีอื่นดู

“พี่แพทลองไปพูดกับเขาสิคะ บอกไปว่าลีเกลียดเขา และขอร้องให้ออกไปจากชีวิตของลีซะ หรือจะให้วีไปพูดก็ได้ ทำยังไงก็ได้ที่จะให้นายนั่นไปจากชีวิตลี”
“คงจะเป็นไปไม่ได้หรอกครับคุณแพท ผมรักลีและรักลูกที่กำลังจะเกิดมา ผมมองเห็นหนทางนี้ เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะลบร้อยร้าวของอดีตได้ คือให้สองครอบครัวหันหน้ามาปองดองกัน และผมก็มั่นใจว่า ผมกับลีคือคู่ที่เหมาะสมที่สุดที่จะหยุดความแค้นได้ หรือคุณแพทอยากเห็นคนรุ่นลูกรุ่นหลานเรา ตามมาแก้แค้นกันไปมาไม่รู้จักจบสิ้นครับ”
นั่นเป็นคำยืนยันจากเขา เมื่อแพทขอคุยด้วยในเย็นวันต่อมา แม้น้ำเสียงของเขาจะมุ่งมั่นในสิ่งที่คิดแค่ไหน แต่แพทก็ยังไม่อยากยอมแพ้

“แต่ลีไม่ได้ต้องการแบบนี้นี่คะ ลีไม่ได้รักคุณณิน และลีก็ยินดีที่จะเลี้ยงลูกเองโดยไม่ขอเกี่ยวข้องกับคุณ”
“อันนั้นให้ผมเป็นคนหาคำตอบเองดีกว่าครับคุณแพท ถ้าลีไม่ได้รักผมจริง ๆ ไม่ต้องการให้ผมเป็นพ่อของลูกจริง ๆ ถึงเวลานั้น ผมจะไปจากเธอเอง แต่ตอนนี้ผมขอร้องเถอะนะครับ อย่าขัดขวางผมเลย ให้ผมได้มีโอกาสไถ่โทษ ที่คุณพ่อกับคุณแม่ทำบ้างเถอะครับ อีกอย่างผมก็ทำผิดกับลีด้วย ผมอยากทำอะไรให้เธอบ้าง”

แพทรู้ว่าไม่มีทางที่จะห้ามเขาได้เป็นแน่ และก็พอ ๆ กับปวีร์และประณาลีเช่นกัน เมื่อคำพูดเขาถูกแพทถ่ายทอดให้ฟัง คณินต้องบินกลับกรุงเทพฯ เพื่อเคลียร์งานที่ออฟฟิศในวันต่อมา

‘คุณยายครับผมจะมาที่นี่ในช่วงวันหยุดนะครับ ผมจะมาจนกว่าลีจะยอมยกโทษให้ผม และพ่อกับแม่ผมครับ’
เขายืนยัน เมื่อเข้าไปกราบลาคุณยายสำลี แพทกับปวีร์ก็จำต้องกลับ เมื่อสิ่งที่ตั้งใจมาทำไม่สำเร็จในวันต่อมา

คณินทำตามที่บอกกับคุณยายสำลีไว้ทุกคำ ทุกวันหยุดเขาจะมาอยู่กับประณาลี คอยดูแลหาโน่นหานี่มาให้ไม่ขาดนับแรมเดือน แม้จะไม่ได้รับไมตรีตอบจากเธอ แต่เขาก็ไม่ละความพยายาม อัมพรให้สงสารลูกเป็นที่สุด เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูเศร้าทุกครั้ง เวลากลับจากเชียงราย คามินเองก็รู้สึกเห็นใจพี่ไม่น้อย แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากปลอบใจอย่างลูกผู้ชาย

‘อีกหน่อยคุณลีก็คงจะใจอ่อนฮะพี่ณิน’
เขาพูดอย่างนี้ เมื่อเดินเข้ามาบอกพี่ชายว่าอยากจะไปเรียนต่อเมืองนอก และขอบินไปพร้อมกับญาณิน

รู้ทั้งรู้ว่าน้องกำลังหนีอะไร แต่เขาก็ยอมอนุญาตแต่โดยดี พร้อมสั่งจ่ายเช็คสามสิบล้าน กลับให้น้องแทนประณาลีทันที แล้วคณินก็ยังขอซื้อบ้านกับนเรศกลับคืน และมอบให้คามินอีกด้วย เพราะเขารู้ดีว่าน้องคงจะทำใจลำบาก หากจะต้องอยู่ร่วมบ้านกับพี่ชายที่มีคนที่น้องรัก อยู่ในฐานะภรรยา ต่อให้เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะทำให้หญิงสาวยอมใจอ่อนได้ก็ตาม

“ณินแม่อยากจะไปหาหนูลี ช่วยพาแม่ไปทีได้มั้ยลูก”
อัมพรบอกในสิ่งที่คิดมานานแล้วให้กับลูกชายรู้ หลังจากที่เขากลับจากทำงานในวันหนึ่ง
“คุณแม่จะไปทำไมครับ” ไม่แน่ใจว่าแม่กำลังคิดอะไรอยู่

“แม่จะไปขอโทษหนูลีด้วยตัวของแม่เอง แม่สงสารณินเหลือเกินลูก ทำงานก็หนักมากพอแล้ว ยังจะต้องขึ้น ๆ ลง ๆ ระหว่างเหนือกับใต้อยู่เป็นเดือนแล้ว แม่ว่าถ้าแม่ลองไปพูดกับหนูลี บางทีอาจจะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นก็ได้นะลูก”

“อย่าเลยครับคุณแม่ ให้ผมลองใช้วิธีของผมก่อนก็แล้วกัน ถ้าจะต้องถึงขั้นให้คุณแม่ไปขอโทษลีขนาดนั้น ผมคงทนไม่ได้หรอกครับ ถึงผมจะรักเขามาก แต่ผมก็รักคุณแม่มากเหมือนกัน ถ้าเราสองคนเกิดมาเป็นคู่กันแล้ว คงจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ลียอมยกโทษให้ผม และพวกเราได้บ้างหรอกครับ คุณแม่อย่าห่วงผมเลย ผมไม่ได้ทำอะไรมากมายหรอกครับ จะหนักก็แค่เดินทางเท่านั้น อยู่ที่โน่นมีบัวคอยช่วยงาน ไม่ได้เหนื่อยอะไร อีกอย่างคุณยายก็ใจดีกับผมมากครับ”

รู้ดีว่าลูกเพียงแค่อยากทำให้แม่สบายใจเท่านั้น และอัมพรก็รู้ดีด้วยว่า ไม่มีวันที่ประณาลีจะยอมยกโทษให้ง่าย ๆ กับเรื่องที่ผ่านมา
“ณินแน่ใจนะลูก ถ้าเป็นแบบนี้แม่ก็ค่อยสบายใจหน่อย” และรู้ดีว่าจะต้องทำให้ลูกสบายใจ จึงยอมตามคำบอกของลูก

ดอกกล้วยไม้สีขาวกับพวงมาลัยดอกมะลิหน้าซุ้มเก็บอัฐิพ่อแม่ ประณาลีมักจะนำมาผลัดเปลี่ยนให้บ่อยครั้งนับตั้งแต่กลับมาอยู่ที่บ้าน หญิงสาวนั่งมองรูปบุคคลที่ตัวเองรักและคิดถึงยิ่ง อยู่เป็นนานแทบจะทุก ๆ ครั้งที่มา

“คุณพ่อคุณแม่คะ ลีขอโทษค่ะ ลีหลงคิดว่าตัวเองแก้แค้นได้สำเร็จแล้ว แต่สุดท้ายลีก็ทำพลาดค่ะ ลีจะทำยังไงดีคะ ลูกของลีจะมีชีวิตยังไงคะถ้าขาดพ่อเขาไป ช่วยลีคิดหน่อยได้มั้ยคะ ลีเหนื่อยใจเหลือเกินค่ะ ลีไม่รู้จะหาทางออกยังไงแล้ว ทำไมลีกับเขาจะต้องมาเกี่ยวข้องกันด้วยคะ ทำไมครอบครัวเราถึงหนีไม่พ้นคนพวกนี้ซักที นี่เป็นผลที่ตามมาของการที่ลีไม่เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ใช่มั้ยคะ ที่ไม่ให้ลีไปยุ่งกับคนพวกนั้น ลีขอโทษค่ะ ลีผิดไปแล้ว ลีขอโทษค่ะ”

และแทบจะทุกครั้ง เธอก็จะพร่ำถามพ่อแม่ด้วยคำถามเดิม ๆ น้ำตามันก็จะหยดไหลลงที่เดิมอย่างนี้ตลอดมา คุณยายสำลีก็จะแอบอยู่ที่เดิม เพื่อรับรู้ความรู้สึกของหลานแทบจะทุก ๆ ครั้งด้วยเช่นกัน เข้าใจหลานที่มีความรู้สึกแบบนี้อยู่ไม่น้อย แต่ก็มองไม่เห็นประโยชน์อะไร ที่หลานจะมานั่งแบกความทุกข์ไว้ในอก แต่ก็จนด้วยปัญญาที่จะทำให้หลานรักลืม สิ่งที่อยู่ในใจมาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา แม้คนที่ผ่านโลกมามากอย่างคุณยาย ยังต้องใช้เวลาทำใจไม่น้อยเลยทีเดียว กว่าจะให้อภัยคนที่เป็นต้นเหตุได้

“ยายลีกลับบ้านเถอะลูก พ่อแม่เราไปดีแล้ว อย่าร้องไห้อีกเลย”
เดินมาพยุงหลานรักที่นั่งร้องไห้อยู่นานแล้ว ประณาลียอมทำตามคำของยาย โดยไม่ปริปากพูดอะไรแม้แต่คำเดียว ข้าวของในมือยายหญิงสาวดึงไปถือเอาไว้ แล้วเดินตรงไปที่รถที่มีนิดรออยู่

“เจ้านิด! เย็นนี้ก่อนกลับบ้านช่วยแวะไปซื้อขนมที่ร้านหน้าโรงบาลมาด้วยนะ เดี๋ยวพ่อณินมาแล้วจะบ่นอยากกิน”
คุณยายสำลีมักจะเอ่ยชื่อเขาให้หลานรักได้ยินอยู่เป็นอาจินต์ แต่คนเป็นหลานก็เอาแต่ปิดปากเงียบ กระทั่งรถแล่นเข้ามาจอดที่บ้าน หญิงสาวก็ปลีกตัวไปเดินเล่นที่ริมแม่น้ำ ซึ่งเป็นที่โปรดปรานมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว แม้ปากแทบจะไม่เคยเอ่ยถึงเขาเลยสักครั้ง แต่ในใจนั้นกลับเหมือนมีเขาอยู่ใกล้ ๆ ตลอดเวลา

ใบหน้าขาวเนียนเหม่อมองไปยังตำแหน่ง ที่เขาแกล้งกระโจนลงน้ำหมายให้เธอช่วย และตามด้วยรอยจุมพิตอันนุ่มนวลที่เขามอบให้ในเวลาต่อมา แม้จะบอกกับตัวเองว่าที่ทำไปเพราะอยากจะแก้แค้น แต่หญิงสาวรู้ดีว่าแท้ที่จริงมันคืออะไร มือเผลอเอื้อมไปลูบที่ท้องเบา ๆ พลันให้รู้สึกสงสารตัวเอง และชีวิตน้อย ๆ ที่กำลังจะเกิดมาเหลือเกิน รู้ดีว่าตอนนี้เหมือนยืนอยู่ระหว่างทางแยก ไม่รู้เลยว่าจะตัดสินใจเดินไปทางไหนดี เมื่อคิดขึ้นได้ว่าตอนนี้ไม่ควรจะเครียดจึงรีบห้ามน้ำตาเอาไว้ แล้วเดินขึ้นบ้านอย่างสงบ

“เจ้าบัว! วันนี้คุณณินของเราโทรมาบอกหรือยัง ว่าอยู่แถวไหนแล้ว ปกติก่อนขึ้นเครื่องจะโทรมาบอกนี่นา ไม่รู้เป็นอะไรหรือเปล่านะ ป่านนี้แล้วยังไม่เห็นเลย หรือว่าไม่สบาย หรือว่างานจะยุ่งจนมาไม่ได้แล้ว”

คุณยายสำลีเอ่ยถามบัวที่นั่งช่วยสอยผ้าอยู่ข้าง ๆ เหมือนจงใจจะให้หลานได้ยิน แต่มีหรือที่ประณาลีจะใส่ใจ ขึ้นบ้านได้ก็เดินตรงเข้าห้อง แล้วปิดประตูเงียบอยู่อย่างนั้น แต่ถึงจะเฉยเมยให้ยายเห็นยังไง อาการของหญิงสาวที่ออกมาจากห้อง แล้วแอบชะเง้อมองไปหน้าบ้าน มีหรือที่คนเป็นยายจะปล่อยให้ผ่านตา เท่านี้ก็พอจะเดาได้แล้วว่ากำลังรอใคร และคุณยายสำลีก็เดาได้อีกว่า ถ้าหากคนที่หลานรอมาถึงบ้านเมื่อไหร่

ทันทีที่เอารถเข้ามาจอด หลานสาวก็จะทำเป็นไม่สนใจ รีบเดินหนีเข้าห้องอยู่แทบจะทุก ๆ ครั้งเช่นกัน เพราะที่ผ่านมามันเป็นแบบนั้น และครั้งนี้ก็เช่นกัน ประณาลีก็ไม่วายที่จะอยากรู้ว่าทำไมเขายังไม่มาอีก ทั้ง ๆ ที่ปกติเขาควรจะมาถึงแล้ว บอกไม่ถูกว่าคำพูดของยายมีน้ำหนักมากแค่ไหน แต่เมื่อเห็นสายตาของยายที่มองมาหา ทำให้ต้องรีบเดินกลับเข้าห้องเสียเดี๋ยวนั้น แต่ถึงยังไงว่าที่คุณแม่ก็ยังเหงี่ยหูรอฟังเสียงรถเงียบ ๆ อยู่ดี จนเวลาเกือบสองทุ่มก็ยังไม่มีวี่แววของเขา

“คุณลีคะ บัวเตรียมอาหารเย็นเสร็จแล้วค่ะ จะทานเลยหรือเปล่าคะ”
ถึงจะไม่หิวยังไง ก็ยังอดห่วงลูกในท้องไม่ได้ จำต้องออกไปกินข้าวร่วมกับคนอื่นอยู่เงียบ ๆ แต่ไม่นานก็รู้สึกเหม็นจนต้องไปอาเจียนในห้องน้ำอีก จนหมดแรงก็ต้องพาตัวเองไปนอนซมอยู่ที่เตียงเหมือนหลาย ๆ ครั้ง เวลาจนจะเที่ยงคืนก็ยังถ่างตารอฟังเสียงรถ ว่าจะแล่นเจ้ามาจอดตอนไหน แต่ก็ไร้วี่แวว

‘เขาคงจะไม่มาแล้ว หรือไม่ก็คงจะถูกแม่โรสหิ้วไปไหนต่อไหนแล้ว’
เพียงแค่คิดน้ำตาเจ้ากรรมมันก็ไหลรินออกมาเอาดื้อ ๆ
‘ดี ฉันจะได้ลืมคุณให้ง่ายขึ้น’
เมื่อคิดได้ว่าตัวเองควรจะดีใจ ที่จะได้ไม่ต้องทรยศต่อวิญญาณพ่อแม่ ที่บังอาจไปเผลอใจกับลูกศัตรู จึงพยายามข่มตาให้หลับ จะยากลำบากแค่ไหนแต่ก็จำต้องยอมทำ แม้เมื่อคืนจะผิดหวังที่เขาไม่มา แม้ในใจจะบอกว่าดีแค่ไหน แต่ในวันรุ่งก็ยังไม่วายเผลอตัวชะเง้อคอคอยเขาอยู่ดี เมื่อเห็นว่าเลยเวลาที่เขาจะมาแล้ว ก็พาให้ตัวเองกลับเข้าห้อง

แต่จู่ ๆ รถก็แล่นเข้ามาจอด ไม่นานคนที่หญิงสาวรอคอยก็เดินขึ้นบ้านมา ใจให้รู้สึกโล่งที่เห็นเขามาด้วยความปลอดภัย แต่ก็ไม่สามารถแสดงออกให้ใครได้เห็น เพราะอะไรหลาย ๆ อย่างมันขัดแย้งกันอยู่ จึงรีบเดินหนีเข้าห้องไป โดยไม่คิดที่จะหันมองเขาอีกเลย คณินมาทันได้เห็นแค่หลังคนรักหายเข้าห้องไปแค่นั้น คิดถึงเธอจนแทบจะขาดใจ อยากจะกอดและถามไถ่ทุกข์สุขเหลือเกิน แต่ก็ทำให้แค่มองตาม ก่อนจะเดินไปก้มกราบคุณยายสำลี

“ไหว้พระเถอะลูก ทำไมเมื่อวานไม่มาแล้วก็ไม่ยอมโทรมาบอกยายบ้าง คนทางนี้ห่วงรู้มั้ย”
แววตายายส่งไปยังหน้าห้องหลานสาว จนคณินอยากจะรวมเอาเธอไปอยู่ในกลุ่มคนทางนี้ด้วยแต่ก็ไม่กล้าคิด
“เมื่อวานติดงานครับคุณยาย ก็เลยมาวันนี้แทน แล้วอีกอย่างผมตั้งใจว่าจะพาลีไปหาหมอด้วยครับ ผมแอบโทรเช็คที่โรงพยาบาลมาแล้วครับคุณยาย แต่ไม่รู้ว่าลีจะยอมให้ผมพาไปหรือเปล่าครับ”

บอกด้วยน้ำเสียงที่เบาจนเป็นกระซิบ เมื่อรู้อย่างนั้นแล้วคุณยายสำลี ก็อาสาช่วยเขาเต็มที่ หลังจากที่เขามาถึงได้ไม่นาน ประณาลีก็เตรียมตัวจะออกบ้าน แล้วยืนรอนิดให้มารับอยู่เป็นนานสองนาน จนคุณยายจำต้องบอกว่านิดไม่ว่างมา หลานสาวรู้ดีว่านิดไม่ยุ่งมากจนถึงขั้นมารับเธอไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากจะพูดกับยายให้มากความ จึงเดินไปยืนรอสองแถวอยู่หน้าบ้าน

“ลีให้ผมไปส่งเถอะนะ ตอนนี้แดดกำลังแรงด้วย เดี๋ยวเป็นลมไป”
คณินพยายามจะพูดให้เธอใจอ่อนอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล
“ยายลีอย่าดื้อนะลูก อะไรกันกำลังท้องกำลังไส้ จะขึ้นสองแถวไปโรงพยาบาล เกิดหกล้มแล้วเป็นอะไรขึ้นมา ใครจะช่วยทัน อย่าให้ยายต้องห่วงเลยนะลูก ถ้าหลานกับเหลนยายเป็นอะไรไปอีก ยายไม่ขอมีชีวิตอยู่ดีกว่า ไปกับพ่อณินนั่นล่ะดีแล้ว ให้หมอได้เห็นหน้าพ่อของลูกบ้าง”







Create Date : 05 มีนาคม 2552
Last Update : 5 มีนาคม 2552 8:14:38 น. 2 comments
Counter : 272 Pageviews.

 
เอาพลังชีวิตมาฝากก้าบ

พลังชีวิตรายวัน มะซ้ำมุข อิๆๆๆ
สดใสใหม่ทุกวัน จันทร์ถึง อาทิตย์


ตารางออกอากาก 555
5 03 2009 ตอน พ่อก่าหลอกหมิงอีกแย้ว
6 03 2009 ตอน ที่มาของชื่ออินชอน ภาค1
7 03 2009 ตอน ต้นมะพร้าวกะตู้จดหมาย อิๆๆๆ
8 03 2009 ตอน 2หมิง งานเข้า


โดย: พลังชีวิต วันที่: 5 มีนาคม 2552 เวลา:8:50:57 น.  

 
ขอบคุณค่ะ แล้วจะติดตามนะคะ


โดย: ธัญญะ วันที่: 6 มีนาคม 2552 เวลา:8:20:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.