Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
14 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
ธารลาวา ๒๖ (ธัญรัตน์)




ตอน ๒๖

“คุณลี มานานแล้วเหรอฮะ”
เหมือนคนที่หันหลังให้จะรู้ว่ามีคนแอบมองอยู่ หันมาก็เลยพบว่าเป็นผู้หญิงคนที่เขาเฝ้าฝันหา มายืนรออยู่แล้ว ตั้งใจว่าถ้าภายในวันสองวันเธอไม่รับโทรศัพท์อีก หรือว่าไม่มาหาเขาที่นี่ ก็จะบุกไปถึงโรงเรียนเลยทีเดียว เพราะห่วงเป็นที่สุด ห่วงว่าเธอจะหาทางออกกับเรื่องนั้นได้หรือไม่ และยังไง ยิ้มที่เจือรอยเศร้าส่งให้พ่อหนุ่มหน้าใสได้เห็น นัยให้รู้ว่าห่างกันไปหลายวัน เธอหาได้มีความสุขไม่ ปากยังคงปิดเงียบเอาไว้ เท้าก็เดินไปนั่งที่ม้านั่งตัวเดิม

พู่กันในมือถูกวางแทบจะทันที ก่อนจะตามร่างในเสื้อกล้ามไปนั่งใกล้ ๆ เขารู้ว่าไม่ควรถามในเรื่องที่พอรู้บ้างแล้ว รู้ว่าไม่ควรเสนอเงินจำนวนนั้น เพื่อช่วยเธอ และรู้อีกว่าไม่มีวันที่เธอจะรับไว้ แต่ด้วยหัวใจที่สมัครรักใคร่ กลั่นกลองออกมาเป็นห่วง เป็นสงสาร และเป็นอีกสารพัดความรู้สึก ที่อารมณ์ศิลปินก็ยากจะบรรยายออกมาได้ จึงตัดสินใจเลียบเคียงถามอีกครั้ง

“คุณลีมีปัญหาอะไรให้ผมช่วยบ้างมั้ยฮะ ถ้าผมช่วยได้ผมยินดีด้วยความเต็มใจนะฮะ”
“ทำไมคุณมินถึงคิดว่าลีมีปัญหาล่ะคะ หน้าลีมันบอกขนาดนั้นเลยหรือไงคะ”
เมื่อเหยื่อเปิดบทสนทนาให้เข้าทาง เธอจึงไม่ลังเลที่จะแสดงบทเศร้าต่อไป

“เปล่าฮะ ผมแค่ไม่ค่อยเห็นคุณลีมีท่าทางแบบนี้ ถึงคุณลีไม่ค่อยยิ้ม แต่ใบหน้าก็จะสดใสแทบตลอดเวลา ไม่หมองคล้ำ หรือเหมือนคนแบกโลกไว้ทั้งใบแบบนี้ อย่าลืมสิฮะ ว่าผมเป็นพวกเซ้นซิทีพ มีอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็รู้ได้ก่อนใครอยู่แล้วฮะ คุณลีจำที่ผมบอกได้มั้ยฮะ ว่าถ้าคุณลีหาทางออกไม่ได้ให้คิดถึงผม แล้วตอนนี้คุณลีมองเห็นทางออกนั้นหรือยังฮะ แล้วมีผมยืนรออยู่ตรงนั้นหรือเปล่า หรือว่าคนอย่างผมไม่มีค่าพอที่คุณลีจะนึกถึงฮะ”

เขารู้ว่าจะต้องงัดเอาไม้นี้มาอ้างเพื่อหวังว่าจะให้เธอยอมรับความช่วยเหลือจากเขาบ้าง แม้จะเป็นความหวังที่ริบหรี่ก็ตามที
“คุณมินคะ ลีเคยบอกว่าลีมีทางออกให้กับเรื่องนี้แล้ว สำคัญว่าลีจะเลือกมันหรือไม่แค่นั้น แต่วันนี้ลีตัดสินใจเลือกมันแล้วค่ะ เลือกทั้ง ๆ ที่ในใจไม่ได้ต้องการสักนิด เลือกทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะขัดต่อหัวใจตัวเอง แต่ลีก็ต้องทำค่ะ”
“แล้วตกลงมีผมยืนอยู่ตรงจุดนั้นหรือเปล่าฮะคุณลี” อยากจะรู้เป็นที่สุด

“คุณมินคะ ถ้าคุณมินมีคนที่เรามีความรู้สึกพิเศษ ๆ ให้ จนอาจจะเรียกได้ว่าถึงขั้น ‘รัก’ ซึ่งเป็นรักจริง ๆ รักจากหัวใจ รักชนิดที่ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน รักด้วยหัวใจบริสุทธิ์ แต่จู่ ๆ ค่าแห่งรักนั้น ก็ถูกตีค่าจากคนรอบข้าง หรือจากเขาคนนั้นว่าเป็นรักจอมปลอม รักลวงโลก รักเพื่อหวังผลตอบแทน หรือหนักเข้าก็อาจจะเป็นว่า ‘รักเพราะเงิน’ คุณมินจะรู้สึกยังไงคะ จะเจ็บปวดแค่ไหน จะเสียใจแค่ไหน แล้วคิดว่าตัวเองจะยังคงมอบความรัก ที่ถูกตีค่าเป็นอย่างอื่นให้คนพิเศษได้เหมือนเดิมหรือเปล่าคะ”

กับศิลปินหนุ่มคนนี้ ความรักแบบนี้ คือเรื่องที่เธอควรจะหยิบยกเอาขึ้นมาเป็นข้ออ้าง ให้ตัวเองต้องผิดน้อยหน่อยในความคิดเขา น้ำตาที่สั่งให้มาคลอเบ้า พร้อมที่จะไหลรินออกมาหากมีคำสั่งต่อไป

“คุณลี”
เขาไม่ใช่คนที่เข้าใจอะไรได้ยาก แต่ครั้งนี้ไม่ค่อยจะเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของเธออย่างกระจ่างแจ้งนัก

“คุณลีจะไปแคร์กับคนรอบข้างทำไมฮะ ทุกวันนี้คนแทบจะทั้งโลก ต้องมาข่มใจทำอะไรต่อมิอะไรที่ใจไม่อยากจะทำ เพราะคนรอบข้างมากพอแล้วนะฮะ รู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่ทำจะไม่ให้ความสุขกับตัวเอง แต่คนก็เลือกที่จะข่มใจตัวเอง เพียงเพราะเพื่อรักษาความรู้สึกคนอื่น คุณลีจะไปใส่ใจทำไมฮะ”

“ลีจำเป็นต้องแคร์ และจำเป็นต้องใส่ใจค่ะ เพราะนั่นคือคนที่ลีมีความรู้สึกดี ๆ ให้ ดีจนมันอาจจะเป็น...”
ดีใจเป็นที่สุดที่มือถือดังขึ้นมาช่วยไม่ให้ต้องเอ่ยคำว่า ‘รัก’ ออกมา เมื่อมองว่าเป็นคนที่เฝ้ารอให้โทรเข้ามา ประณาลีจึงปลีกตัวไปคุยอีกด้านของดาดฟ้า แต่หาได้เล็ดรอดจากคนที่ตั้งใจฟังอยู่ไม่ แม้จะไม่รู้ว่าเธอคุยเรื่องอะไร แต่เขาเดาได้ว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่

“ฉันบอกแล้วไงว่าจะหาให้ ขอเวลาหน่อย แค่นี้ก่อนนะ”
น้ำเสียงที่ไม่ดังมากนัก แต่ก็ไม่เบาจนทำให้คนที่เธอเดาได้ว่ากำลังเหงี่ยหูฟังจะไม่ได้ยิน จบประโยคแค่นั้นก็เดินกลับมาหาเขาอีก แต่ก็มาได้ไม่ถึงครึ่งทาง มือถือก็ดังขึ้นอีกจึงจำเป็นจะต้องเดินกลับไปจุดเดิม แล้วสั่งให้น้ำเสียงดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

“ฉันสัญญาว่าจะทำตามที่ตกลงกันไว้ อย่าทำอะไรน้องกับยายฉันนะ รับรองว่าถึงเวลาฉันจะจัดการให้ แต่ถ้าน้องกับยายฉันเป็นอะไรไป ฉันจะแจ้งตำรวจไปลากคอพวกแกมาเข้าคุก แค่นี้ก่อนนะแล้วไม่ต้องโทรมาอีก มีอะไรคืบหน้าฉันจะติดต่อไปเอง”
ไม่ต้องหันกลับมามอง ก็รู้ว่าคนที่นั่งอยู่ม้านั่งลุกเดินมาแอบฟังใกล้ ๆ แล้ว แทนที่จะหันกลับในทันที ก็ทิ้งช่วงให้เขาได้มีเวลาเดินกลับไปนั่งที่เดิมให้เรียบร้อยก่อน เพราะเธอจะไม่มีวันให้เขาเข้ามาถามตรง ๆ ได้

“ใครโทรมาฮะ ดูคุณลีไม่ค่อยดีเลย” แกล้งถามไปอย่างนั้น แต่รู้ดีว่าจะต้องเป็นเจ้าของจดหมายนั้นเป็นแน่
“ไม่มีอะไรค่ะ เอ่อ! ลีขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
สีหน้าทำเหมือนฝืนยิ้มให้เขา ซุกมือถือไว้ในกระเป๋าสะพายแล้ว แต่ไม่ยอมหิ้วไปด้วย เมื่อเข้าไปในห้องน้ำได้ สิ่งแรกที่ทำก็คือ ดึงมือถือเครื่องเล็ก ๆ ที่เหน็บไว้ที่เอวตั้งแต่ก่อนมา กดไปหาแพททันที

“พี่แพทคะ ให้วีโทรเข้าไปอีกรอบได้เลยค่ะ ให้โทรหลาย ๆ ครั้งนะคะ จนกว่านายคามินจะรับ”
บทสนทนาที่สั้นเท่าที่จะทำได้ แพทรีบทำตามแผนในทันที คนที่ลังเลกับเสียงเรียกเข้าสองสามครั้งแล้ว เมื่อเจ้าของมือถือไม่อยู่ จึงตัดสินใจคว้าเจ้าเครื่องเล็ก ๆ ที่ส่งเสียงดังพร้อมเขย่าอยู่กระเป๋าสะพายขึ้นมาในทันที ‘เป็นไงเป็นกัน’ เขาคิดแค่นั้น

“คุณครูครับ ทำไมไม่ยอมรับสาย ผมเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าทุกครั้งที่ผมโทรมาคุณครูจะต้องรับ หรืออยากจะให้น้องกับยายได้ไปเที่ยวนรกเร็วขึ้น ผมไม่เคยขู่ใครนะขอบอกให้รู้ไว้ก่อน”

“ผมเป็นเพื่อนของเจ้าของโทรศัพท์ ตอนนี้เขาไม่อยู่ คุณมีอะไรก็ว่ามา”
คามินไม่คุ้นเลยกับน้ำเสียงที่เยือกเย็นและน่ากลัวแบบนี้ ให้วาดภาพคนที่โทรเข้ามาก็คงจะเป็นพวกอาเสี่ยหน้าเจ้าเล่ห์ มีลูกน้องหน้าเหี้ยม ๆ ยืนล้อมรอบเหมือนในหนังรอคำสั่งให้ลุยจากเจ้านายนั่นเอง

“อ้อ! ให้ผู้ชายมารับสายแทนเหรอ เป็นคนมีเงินหรือเปล่า ถ้ารวยก็แสดงว่านังครูมันยอมขายตัวให้คุณเพื่อแลกกับเงินที่จะมาใช้หนี้ผมแล้วใช่มั้ย ถึงว่ามันบอกผมว่ามีทางออกแล้ว ไหน ๆ เราก็ได้คุยกันแล้ว คุณก็รับรู้ไว้เลยว่า ถ้ายังอยากจะนอนกกอีนังครูนั่นนาน ๆ ล่ะก้อ รีบหาเงินมาคืนผมซะ ไม่อย่างนั้น มันจะถูกผมไปลากมาเป็นนางบำเรอแทน พอเบื่อแล้วผมก็จะส่งมันไปขายซ่อง หน้าสวย ๆ หุ่นดี ๆ อย่างมันคงได้หลายเงินหรอก หรือไม่แน่ผมอาจจะเอาไปใส่ตะกร้าล้างน้ำ แล้วไปขายให้อาเสี่ยเงินหนาแทนก็ได้ ส่วนน้องกับยายของมันมีแค่ทางเลือกเดียวคือตาย ฝากบอกมันด้วยนะว่ามันเหลือเวลาอีกไม่มาก”

จบประโยคสายก็ถูกตัดไปในทันที ไม่ทันที่คามินจะได้ถามอะไรต่อ พยายามจะกดโทรเข้าไปหาอีก แต่พบว่าฝ่ายโน้นปิดมือถือไปแล้ว แค่ฟังจากน้ำเสียงกับคำพูดของมัน เขาก็รู้ว่าเธอกำลังจะเข้าตาจน ถึงคราวที่จะต้องพูดกับเธอให้รู้เรื่องแล้ว เมื่อเธอเดินขึ้นมาถึงดาดฟ้าเขาถึงไม่รีรอที่จะถาม

“คุณลีฮะ ตกลงว่าจะให้ผมช่วยมั้ย”
สายตาสั่งให้มองเขาแบบมีคำถาม แบบไม่เข้าใจในความหมายของเขา แต่คามินก็รู้ว่าเธอปิดไม่ได้
“คุณลีอย่าเงียบนะฮะ มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ....”
มือถือของเขาที่วางอยู่โต๊ะดังขึ้นมาขัดจังหวะการสนทนา ตั้งใจจะไม่รับแต่เมื่อเดินไปดูพบว่าเป็นใคร เลี่ยงไม่ได้จึงจำเป็นจะต้องรับ

“ครับพี่ อยู่ฮะ มีอะไรหรือเปล่าฮะ ได้ ๆ เดี๋ยวมินลงไปหา รออยู่ข้างล่างก็ได้ฮะ”
แค่ได้ยินยศที่คามินเรียกก็ทำให้ประณาลีตกใจแทบแย่ ไม่คาดคิดว่าคณินจะมาในเวลานี้ ดีเท่าไหนแล้วที่หอบเอารองเท้ามาด้วย ‘จะทำยังไงดี’ คิด ๆ และคิด

“คุณมินจะไปไหนคะ” มือบางรีบคว้าแขนเขาไว้อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะรั้งไว้ได้ยังไง
“ผมจะไปหาพี่แป๊ปเดียวครับ เดี๋ยวผมขึ้นมาฮะ” ยิ้มบาง ๆ ออกมาเมื่อมีมือเธอยึดแขนไว้ประหนึ่งจะหวงเขาขึ้นมา
“แล้วเขาดุมั้ยคะ แล้วรู้หรือเปล่าว่าลีกับคุณมิน....เอ่อ...” อยากจะหยั่งเชิงศัตรูเอาไว้ก่อน

“ไม่มีใครรู้หรอกฮะคุณลี ผมไม่ค่อยคุยเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง และไม่มีใครมาถามเหมือนเรื่องพี่ชายด้วย รายนั้นโดนคุณแม่บอกให้พาว่าที่สะใภ้ไปหาแทบจะทุกวัน รอสักครู่นะฮะ”

ดึงมือบางมาแล้วตบเบา ๆ ไปที่หลังมือ ก่อนจะวิ่งลงบันไดไปด้วยรอยยิ้ม ตรงกันข้ามกับประณาลีที่ต้องรีบคว้ากระเป๋าสะพาย พร้อมรองเท้าเดินหลบไปอยู่ด้านหลังของดาดฟ้าเพื่อความปลอดภัย แม้ใจอยากจะรู้ว่าคณินมาทำไม พอ ๆ กับอยากจะรู้ว่าคามินจะบอกอะไรกับพี่ชายในเรื่องของเธอหรือไม่มีมากแค่ไหน แต่ก็บังคับจิตใจให้สงบ นิ่ง ได้ในเวลาต่อมา กระนั้นในใจก็ภาวนาขอให้ทุกอย่างอย่าเพิ่งพังลงในตอนนี้เลย

‘คุณพ่อ คุณแม่คะ ช่วยลีด้วยนะคะ ขอให้ลีทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จด้วยเถอะนะคะ’
หลับตาแล้ววิงวอนขอจากดวงวิญญาณพ่อแม่ที่ล่วงลับไปแล้วอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่านานแค่ไหน แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าคามินมายืนอยู่ตรงหน้าและยิ้มบาง ๆ ให้แล้ว

“อยู่นี่เอง ไปนั่งคุยกันตรงม้านั่งดีกว่านะฮะคุณลี ผมเอาเครื่องดื่มมาให้ด้วย”
ไม่บอกเปล่าแต่จูงมือเธอให้เดินไปด้วย น้ำส้มคั้นเย็น ๆ ในแก้วช่วยให้เธอผ่อนคลายได้ในระดับหนึ่ง จากเรื่องที่เพิ่งจะกลัว คามินจ้องมองใบหน้าที่แม้จะดูไม่สดใสเหมือนหลาย ๆ ครั้งที่เขาเคยเห็น แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยของเธอลดน้อยลงสักนิด ทันทีที่แก้วถูกวางลง เขาก็ดึงมือบางมากุมไว้ตบเบา ๆ สองสามครั้งอย่างคนอยากจะปลอบโยน แต่ไม่ได้ลืมเรื่องที่คุยกันไว้สักนิด

“ตกลงว่าทางออกของคุณลีจะมีผมยืนรออยู่ตรงนั้นมั้ยฮะ”
“คุณมินคะ ลีมีทางออกของลีแล้วค่ะ แต่ถ้าคุณมินอยากจะช่วยลีจริง ๆ คุณมินช่วยสัญญากับลีสักข้อจะได้มั้ยคะ”
ถึงเวลาที่จะต้องงัดไม้ตายออกมาใช้แล้ว
“ได้สิฮะ จะกี่ข้อ ๆ ผมก็ให้คุณลีได้ สัญญาอะไรว่ามาเลยฮะ” หน้ายิ้มมือตบเบา ๆ ที่หลังมือเธออีก

“คุณมินสัญญากับลีนะคะ ว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณมินจะคงความเป็นเพื่อนกับลีเสมอ ๆ อยู่เคียงข้างกับลีเสมอ ๆ ไมตรีที่เรามีจะยังคงอยู่แบบนี้ตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตก็ตาม”
“โธ่! ผมก็คิดว่าเรื่องอะไร ได้สิฮะ ผมสัญญาว่าผมจะอยู่ข้าง ๆ คุณลีไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ด้วยเกียรติของลูกเสือ”
ยกนิ้วขึ้นมาสามนิ้วพร้อมยิ้มกว้างออกมาให้เธอได้เห็น

“คุณมินสัญญากับลีแล้วนะคะ และลีขอบอกให้คุณมินรู้ไว้ตรงนี้เลย ไม่ว่าลีจะเลือกทางออกทางไหน หรือใครจะไปยืนอยู่ตรงจุดนั้น แต่คุณมินจะยืนอยู่ใกล้ ๆ ในความรู้สึกของลีเสมอ ๆ และจะตลอดไปค่ะ”

คนฟังปลื้มจนหัวใจแทบจะหลุดออกมาเต้นแรง ๆ ให้เธอได้เห็น หาได้คิดไปในทางอื่นสักนิด นอกจากจะเข้าใจว่าเขาอาจจะเป็นคนที่อยู่ในใจเธอแล้ว ความดีใจที่พี่มาบอกให้กลับไปกินข้าวบ้านเพราะมีคนสำคัญจะแนะนำให้รู้จักเมื่อสักครู่ เทียบกับความดีใจในตอนนี้แทบจะไม่ติดเลย

กล่องดำในลิ้นชักถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้ง ภาพต่าง ๆ ของครอบครัวที่เคยได้อยู่ด้วยกันเมื่อนานมาแล้ว เรียกความทรงจำเมื่อวัยเด็กให้เจ้าของแผนการได้เป็นอย่างดี ภาพที่ถ่ายไว้ในอดีตในแต่ละสถานที่ที่พ่อมักจะพาทุกคนไปเที่ยว ภาพแม่กับพี่แพทกำลังเฝ้าเตาปิ้งบาร์บีคิวอย่างขมักเขม้น ภาพน้องชายวัยเด็กกำลังขี่คอพ่อเดินเล่นตามชายหาด มืออีกข้างก็จูงสาวน้อยไปด้วย ผมยาวสลวยที่แม่รวบไปมัดไว้เพื่อไม่ให้โดนลมพัดจนกระจายเหมือนที่เคยเป็นพร้อมหมวกใบโต

‘แดดร้อนเดี๋ยวจะไม่สบายนะลูก’
คำที่แม่พร่ำบอกก่อนจะวิ่งตามพ่อไป มันช่างเรียกน้ำตาให้คนที่ยังอยู่ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

มือบางค่อย ๆ เปิดภาพไปเรื่อย ๆ เห็นน้องและตัวเองกับเปียสองข้างอยู่ในชุดนักเรียนที่บ่งบอกว่าเป็นโรงเรียนชั้นดี และค่าเทอมแพงลิบลับ แต่สุดท้ายเมื่อสิ้นบุญพ่อก็ต้องกลับมาใส่อีกชุดที่บ่งบอกว่าเป็นโรงเรียนรัฐ หรือจะเรียกให้ถูกก็คือ ‘โรงเรียนวัด’ นั่นเอง ผมที่เคยยาวก็ถูกสั่งให้ตัดจนสั้นเท่าติ่งหู ภาพบ้านที่เคยเปี่ยมสุข มีทุกคนอยู่พร้อมหน้าในวันหยุด แม้พ่อจะงานยุ่งแต่ก็จะเจียดเวลามาอยู่ด้วย สุดท้ายก็กลายเป็นภาพที่ถูกเจ้าหนี้มายึด พร้อมขับไล่คนในบ้านอย่างไม่ปราณี และเขียนป้านประกาศ ‘ขาย’ ตัวเบ่อเร่อ ฟ้องให้เพื่อนบ้านได้รู้ถึงสถานะภาพการเงินที่ย่ำแย่ของพ่อ

“คุณพ่อ คุณแม่คะ วันนี้เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของลี มาอยู่ข้าง ๆ ลี คอยช่วยลีด้วยนะคะ ช่วยให้ลีทำภาระกิจสำเร็จ ลีจะทวงทุกอย่างที่เคยเป็นของเราคืนมา ถึงมันจะไม่ได้ช่วยให้คุณพ่อกับคุณแม่ฟื้นขึ้นมาอยู่กับลีและทุกคนได้ แต่ลีก็จะทำให้วิญญาณไอ้คนึงอยู่ไม่สุข และลีก็จะทำให้เมียกับลูกมันต้องจดจำลีไปจนวันตายค่ะ ลีรักคุณพ่อกับคุณแม่นะคะ”

น้ำตาไหลอาบแก้มลงมาเป็นทาง มือกอดรูปพ่อกับแม่แนบอกไว้แน่น ประหนึ่งได้กอดร่างจริงของคนที่เธอรักและคิดถึงจนแทบจะขาดใจก็ไม่ปาน นานเท่าไหนแล้วที่เธอห่างอ้อมอกที่อบอุ่นมา นานเท่าไหนแล้วที่อกยายคือที่พักพิงใหม่ของเธอและน้อง นานเท่าไหนแล้วที่เธอและพี่แพท จะต้องดิ้นรนทำงานหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่าย ให้กับตัวเองเพื่อช่วยยาย นานเท่าไหนแล้วที่ยายจะต้องนั่งหลังขดหลังแข็งเย็บผ้าจนดึกดื่น เพื่อให้หลาน ๆ ได้เรียนหนังสือจนจบ

แล้วครอบครัวของศัตรูล่ะ นานเท่าไหนแล้วที่พวกมันเสวยสุขอยู่กับกองเงินกองทองของพ่อ นานเท่าไหนแล้วที่พวกมันลืม ว่าเคยมี ‘ประนพ นามองอาจ’ คอยเกื้อกูลด้วยไมตรีที่ดี นานเท่าไหนแล้วที่พวกมันลืมว่า มันได้ทำให้ชีวิตที่เคยพบแต่ความสุขสบายของคนทั้งห้าคน กลับกลายไปเป็นคนที่สิ้นไร้ไม้ตอก แล้วพวกมันจะรู้บ้างไหมว่าอีกหนึ่งชีวิตถึงกับหมดอาลัยตายอยาก จนต้องลาโลกนี้ไปเพียงแค่ปลายนิ้วลั่นไก

ตามด้วยอีกหนึ่งชีวิตที่ทั้งอยากจะอยู่เพราะห่วงลูก แต่ก็อยากจะไปหาคนที่เป็นที่รักนั่นก็คือพ่อของเธอ แต่ก็ติดค้างด้วยคำว่า ‘หน้าที่แม่’ เพียงเท่านั้น ที่ยังต้องฝืนลืมตาสู้กับโลกอันโหดร้าย สุดท้ายแม่ก็ได้ตามพ่อไปในเวลาไม่นาน เธอยังจำวันที่แม่สั่งเสียทุกอย่างก่อนจะสิ้นใจได้ดี มันช่างเป็นภาพที่ติดตาติดใจอยู่นับแต่วินาทีนั้นจนกระทั่งวินาทีนี้

“ลีแน่ใจแล้วเหรอว่าจะทำแบบนี้” เพชรผู้ที่บัดนี้อยู่ในสภาพของหญิงสาวถามน้อง เมื่อสามคนนั่งปรึกษากันอยู่ริมน้ำ หลังจากสิ้นแม่บุญธรรมไปได้สองปีแล้ว และสรรพนามเรียกตัวเองก็เปลี่ยนเป็น ‘แพท’
“แน่สิพี่แพท ลีจะตามไปเอาคืนพวกมันให้สมกับที่มันทำให้พวกเราต้องเป็นแบบนี้ พี่แพทต้องช่วยลีกับวีนะคะ เราสองคนคิดดีแล้ว แต่ตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้ ต้องให้พี่เพชรช่วยอีกแรงค่ะ” สาวน้อยประณาลีในชุดนักเรียนมัธยมปลายบอกพี่ด้วยความมั่นใจนับตั้งแต่สิ้นแม่

“วีก็ไม่ยอมครับพี่แพท พวกมันจะต้องรับผลกรรมที่ทำกับคุณพ่อคุณแม่ และพวกเราไว้” หนุ่มน้อยปวีร์ในชุดนักเรียนมัธยมต้นที่นั่งข้าง ๆ พี่ยืนยันอีกคน แพทเองก็ยิ้มบาง ๆ ออกมาด้วยความถูกใจ ที่น้อง ๆ ต่างมีความคิดเดียวกัน
“ถ้าทุกคนคิดอย่างนี้ งั้นเราก็จะต้องร่วมมือกัน พี่อยู่กรุงเทพฯ จะสืบดูว่ามันทำอะไรไปถึงไหนแล้วตอนนี้ ไม่รู้ว่ามันยังอยู่บ้านหลังเดิมหรือเปล่า ส่วนลีกับวีอยู่ทางนี้ก็ต้องตั้งใจเรียนนะ เอาให้เอ็นทรานส์ติดให้ได้ แล้วเราค่อยไปอยู่ด้วยกันที่โน่น พี่จะตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงินช่วยยายอีกแรงหนึ่ง”

“ค่ะพี่แพท”
“อีกอย่างนะลี ถ้าลีจะทำอย่างที่บอกพี่ไว้ ลีจะต้องดูแลตัวเองให้มากกว่านี้นะ กินอาหารที่มีประโยชน์ อย่าปล่อยให้อ้วน ผิวพรรณก็ต้องดูแลดี ๆ อย่าตากแดดมาก เล่นกีฬาด้วยนะจะได้ตัวสูง ๆ สังคมคนกรุงกับที่นี่ไม่เหมือนกันนะ ลีจะต้องฝึกตัวเองให้มากกว่านี้ แล้วพี่จะส่งข่าวเรื่องไอ้คนึงมาให้เป็นระยะ ๆ” สามพี่น้องจึงรวมตัวเป็นทีมเดียวกันมานับแต่วินาทีนั้น

“ได้ค่ะพี่แพท ลียอมทำทุกอย่าง ขอแต่ให้มีโอกาสได้แก้แค้นให้คุณพ่อกับคุณแม่ก็พอค่ะ” สาวน้อยตั้งใจแน่วแน่
“ลีเอ้ย ลี อยู่ไหนลูก ตาวีอยู่ด้วยหรือเปล่า” เสียงคุณยายสำลีร้องเรียก เมื่อกลับจากตลาด ทำให้สามพี่น้องต้องรีบออกมาจากที่ประชุมในทันที ปวีร์ตรงไปช่วยหิ้วตะกร้าจากมือยายด้วยความเคยชิน

“อยู่นี่เอง ขึ้นบ้านกันเถอะลูก เพชรเดี๋ยวขับรถเอาชุดไปส่งบ้านคุณนายเกสรให้ยายหน่อยนะลูก ยายแก้ไว้แล้วแกไม่ว่างมาเอาให้ตาวีไปด้วยจะได้บอกทาง” คุณยายสำลีคือคนเดียวที่ยังคงเรียกสรรพนามหลานนอกไส้แบบเดิมอยู่ เพราะไม่ชินกับชื่อใหม่ที่เพชรตั้งขึ้นมา แต่คุณยายก็ไม่ได้ตำหนิในสิ่งที่เขาตัดสินใจเปลี่ยนรูปกายแต่อย่างใด

“ลีจะช่วยยายทำกับข้าวนะคะ” เด็กสาวบอกก่อนจะวิ่งขึ้นบ้านตรงเข้าครัว ตามความเคยชิน และทุก ๆ ครั้งที่เธอช่วยยายปรุงอาหาร ใบหน้าแม่ที่เปื้อนเหงื่อเมื่อวุ่นอยู่ในครัวก็ลอยมาให้เห็นไม่เหือดหาย แต่ยังไง ๆ เด็กสาวก็พยายามข่มใจลืมซะ เพราะยิ่งคิดถึงแม่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเกลียดคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องมากเท่านั้น

“เข้มแข็งเอาไว้นะประณาลี อย่ากลัวเลย ว่าสิ่งที่เธอกำลังจะทำในตอนนี้มันจะล้มเหลว พระผู้เป็นเจ้าย่อมไม่เข้าข้างคนชั่ว พวกมันจะต้องได้รับผลกรรมที่ทำไว้ในอดีตด้วยน้ำมือเธอ ลูกของมันจะต้องได้รู้ว่าพ่อแม่มันเคยทำอะไรเลว ๆ เอาไว้”

น้ำตาที่ไหลอาบแก้มถูกปาดออกลวก ๆ ข้าวของทุกอย่างเก็บเข้ากล่อง ใส่ลิ้นชักล็อคอย่างแน่นหนา หันมามองชุดพิเศษ สำหรับวันพิเศษที่พาดไว้บนเตียง ก่อนจะเดินหายเข้าห้องน้ำ แล้วใช้เวลาในการชำระล้างร่างกายเป็นนาน โดยที่เจ้าตัวไม่รีบเพราะเหลือเวลาอีกเป็นชั่วโมง กว่า ‘ว่าที่คู่หมั้น’ จะมารับ เสียงมือถือดังขึ้น ออกมาจากห้องน้ำพอดี ยิ้มเย้นหยันเมื่อรู้ว่าใครโทรมา

“ฮัลโหล! ลีอาบน้ำแล้วค่ะ คงจะแต่งตัวเสร็จทันพอดีที่คุณณินมาถึง แล้วเจอกันค่ะ”
วางโทรศัพท์ได้ก็นั่งแต่งหน้าด้วยอาการสงบ วันนี้เป็นอีกวันที่จะต้องสวย ผ้าซิ่นที่เลือกมาเป็นผ้าไหมโบราณหายากและราคาแพง เสื้อยืดแบบแนบลำตัวสีฟ้าเป็นของแบรนด์เนม ราคาแม้จะไม่ได้แพงลิบลิ่วแต่ก็ไม่ทำให้เจ้าของน้อยหน้าใครเป็นแน่ เข็มขัดเงินเลือกเส้นที่มีราคาแพงที่สุด หรูสุด

‘พี่ให้ลีเป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้า’
แพทคือคนที่ยิ้ม เมื่อยื่นเข้มขัดเส้นนี้ให้เธอ ส่วนเครื่องประดับอื่น ๆ หญิงสาวยังคงใช้ของเดิม เพราะไม่อยากจะเลิศมากไป ผมยาวสลวยก็ยังคงรวบไปมัดไว้ด้านหลังเช่นเคย แค่นี้ประณาลีก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูแล้ว

คณินมองผู้หญิงที่เขารักและเลือกที่จะให้มาเป็นคู่ชีวิตตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเธอเดินมาเปิดประตูห้องให้ ภาพผู้หญิงที่เขาเห็นในร้านอาหารวันนั้น ผุดขึ้นมาในความทรงจำอีกครั้ง ท่าทีที่ดูสง่า เดินเชิดไหล่ตรง แม้เวลานั่งเธอก็นั่งตัวตรงแทบจะตลอดเวลา หากจะบอกว่าเป็นลูกผู้ดีเก่า ที่เกิดในตระกูลที่เคยเป็นขุนน้ำขุนนางเขาก็คงจะเชื่อ จะมีสักกี่คนที่จะคิดว่าเธอเป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ธรรมดา ๆ เหลือเกิน แต่ทุกอากรัปกิริยาช่างดูสูงส่งดุจนางหงส์ ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะได้เธอมาครอบครอง

“ลีมีอะไรผิดปกติเหรอคะ”
ถึงรู้ว่าแววตาที่เขามองมาหาตัวเองเป็นไปในทางปลื้มมากกว่าตำหนิ แต่ก็ไม่อยากหลงตัวเองจนเกินไปนัก คนถูกถามได้แต่ยิ้มน้อย ๆ เดินตรงเข้ามาหาเจ้าของห้อง สวมกอดร่างกลมกลึงได้รูปเอาไว้ด้วยความรักแทนคำตอบ กลิ่นกายสาวหอมละมุนไม่เสื่อมคลายสักครั้ง นับตั้งแต่ที่เขาได้โอบกอดเธอครั้งแรก

“เดี๋ยวเสื้อจะเปื้อนลิปสติกนะคะ ไปถึงโดนคนที่บ้านล้อกันพอดี ลีอายตายเลยค่ะ”
ถึงปล่อยให้เขากอด แต่ก็ไม่วายห่วงสีชมพูที่แต่งแต้มริมฝีปากได้รูปไว้ เพราะเขาออกแรงกอดจนเธอรู้สึกอึดอัด
“ผมรักคุณนะลี วันนี้คุณสวยที่สุดเลย สวยกว่าวันที่ผมพบคุณในร้านอาหารวันนั้นอีก ไม่อยากเชื่อว่าเราจะรักกันได้”

แก้มแนบอกแน่น เรียวปากยิ้มอย่างสะใจที่เอาเขาอยู่ได้สักที แต่ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มที่หวานละมุน เมื่อเขาเปลี่ยนจากกอดเป็นจับที่หัวไหล่เธอพร้อมจ้องมองดวงหน้าที่แต่งไว้แต่พองาม มือใหญ่เชยคางขึ้น อยากจะจูบตามที่หัวใจร่ำร้อง แต่ก็ทำได้แค่หอมแก้มนวลเท่านั้น เพราะกลัวจะเปลี่ยนใจทำอย่างอื่นที่เกินเลยไปมากกว่านี้ จำต้องตัดใจ

“เราไปกันเถอะ” “ค่ะ”

อัมพรผู้เป็นประมุขของบ้านนั่งหัวโต๊ะเช่นทุกวันที่ผ่านมา มองดูสมาชิกในบ้านที่ค่อย ๆ ทยอยกันมานั่งร่วมโต๊ะอาหารอย่างพร้อมหน้า ขาดก็แค่ลูกชายคนโตที่ไม่กี่อึดใจก็คงจะมาถึง พร้อมใครบางคนที่อัมพรรู้จักแต่ยังไม่ได้บอกให้ทุกคนรู้ตามคำขอของลูก อาหารวันนี้พิเศษกว่าหลาย ๆ วัน คนรับใช้ตักข้าวให้ทุกคน เมื่ออัมพรพยักหน้าเป็นการอนุญาต

“ไม่รอณินก่อนเหรอคะคุณแม่ ไปไหนกันทำไมป่านนี้ยังไม่มาอีก ปล่อยให้คนอื่นรอ”
คณิศรอดสงสัยไม่ได้จึงหันไปหามารดา แต่นเรศผู้ที่ตอนนี้จิตใจไม่ได้มีเพียงภรรยาครอบครองเอาไว้ อดหมั่นไส้คนนั่งข้าง ๆ ไม่ได้ แม้จะไม่ได้ว่าเขา แต่กับคำพูดและน้ำเสียง ทำให้รู้ว่าภรรยาตัวเองจงใจจะเป็นใหญ่ไปแทบทุกบ้าน ไม่ว่าบ้านตัวหรือบ้านแม่ เขาเพิ่งจะประจักษุ์ก็ตอนนี้เองว่า คณิศรมีนิสัยวู่วามและเลือดร้อนคล้ายผู้พ่อมากกว่าแม่เป็นไหน ๆ โดยเฉพาะเวลาที่อยู่ด้วยกันมานาน

“อีกหน่อยก็มาจ๊ะแม่ณิ เห็นบอกว่าจะไปรับเพื่อนมาแนะนำให้พวกเรารู้จัก นั่นไงเสียงรถเข้ามาจอดแล้ว”
คนบอกออกจะยิ้มกริ่มด้วยความดีใจจนเกิดเหตุ ทำให้ทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะอดสงสัยไม่ได้
“ใครกันคะคุณแม่ เห็นหน้าคุณแม่แล้วทำยังกับว่าเพื่อนณินคนนี้เป็นคนพิเศษยังไงยังงั้นเลยค่ะ”
คณิศรทำหน้าสงสัย แต่สำหรับคามินเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้ว่าพี่ชายจะพาใครบางคนมาแนะนำให้รู้จัก จึงอดเหน็บมารดาไม่ได้
“ก็คนที่คุณแม่เรานั่งนับวันรอมานานแสนนานแล้วไงฮะพี่ณิ”

“อย่าบอกนะว่าพี่ณินจะพาว่าที่สะใภ้มาให้คุณแม่รู้จัก ถ้าเป็นอย่างนั้นมีหวังสาว ๆ ทั้งไฮโซฯ และโลโซฯ ที่พี่ณินควง ๆ อยู่ได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่ ๆ เลยค่ะ”
ญาณินเป็นอีกคนที่ไม่คิดถึงเรื่องนี้ แต่ถึงพี่ชายจะมีใครก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก คนในโต๊ะอาหารพากันหัวเราะออกมาพร้อม ๆ กัน เมื่อคำพูดญาณินจบลง จนอัมพรต้องรีบห้ามเพราะเดาได้ว่าลูกคงจะเดินมาในตัวบ้านแล้ว

“เงียบ ๆ หน่อยสิจ๊ะ อะไร พากันหัวเราะยังกับดูหนังตลก พอดีแขกมาเห็นอายจนไม่กล้าเข้าบ้านหรอก”
“อุ๊ย! พี่ณินพาผู้หญิงมาด้วยจริง ๆ ค่ะ สงสัยจะเป็นว่าที่พี่สะใภ้เราแน่ ๆ เลยพี่มิน ซ๊วยสวยดูสิคะ”

กับคำพูดของญาณิน ทำให้ทุกคนหันไปมองประตูห้องอาหาร ที่มีคณินเดินจูงมือมากับผู้หญิงที่สวยจัดคนหนึ่ง หากจะนับอย่างไม่เป็นทางการแล้ว คนที่ไม่เคยเห็นและรู้จักประณาลีก็คงจะมีเพียงแค่ญาณินเท่านั้น

“ณินมาแล้วเหรอลูก ตามินกับยายญาขยับให้พี่กับเพื่อนนั่งตรงนั้นสิลูก”
อัมพรยิ้มรับลูกชายด้วยใบหน้าสดใส แต่นเรศและคามินกลับมีสีหน้าที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง นเรศดูเหมือนจะตั้งสติได้ดีกว่าอีกคน แม้จะงวยงง เพราะคิดไม่ถึง แม้จะโกรธที่ผู้หญิงที่ตัวเองหมายตาจะเดินควงมากับชายอื่น แต่เพราะความเป็นคนใจเย็นเป็นทุนอยู่แล้ว และก็ผ่านโลกมามากกว่า บวกกับเกรงกลัวคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กระทั่งคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ จึงปรับสีหน้าที่ตระหนกกลับเป็นปกติได้ในเวลาไม่นานนัก กระนั้นคำพูดของเธอวันที่พบกันครั้งสุดท้าย ก็ดังเข้ามากระทบเข้ามาที่หู ดวงหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตายังคงลอยเด่นตอกย้ำเขาอีกครั้ง

“ขอบคุณ คุณเรศมาก ๆ นะคะที่ห่วงความรู้สึกลี และจะยอมทำทุกอย่างเพื่อลี แต่อย่าเลยค่ะ ลีไม่อยากมีบาปติดตัวไปจนตาย บางครั้งลีก็ควรจะเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับรถคันนั้นใหม่ เปลี่ยนจากความอยากได้มาครอบครองเป็นแค่ยืนชื่นชมความสวยงามของมัน ส่วนลีก็ควรจะไปหารถคันใหม่ที่ยังไม่มีเจ้าของจะดีกว่า ถึงแม้ว่าจะไม่มีรถคันไหนที่ลีจะรัก และอยากได้มาครองเท่ารถคันนั้นแล้วก็ตาม แต่ลีก็ควรจะอยู่ห่าง ๆ มันเอาไว้ เพื่อไม่ให้ใจมันคิดไม่ในทางที่ไม่ดี”

นี่น่ะหรือคือรถคันใหม่ของเธอ ที่เลือกมาแทนคันเก่าอย่างเขา ถึงจะไม่ค่อยได้ยุ่งเรื่องส่วนตัวของน้องเมียสักเท่าใดนัก แต่นเรศก็รู้กิติศัพท์ดีว่าเป็น ‘เสือผู้หญิง’ ไม่แพ้เขา อดห่วงไม่ได้หากเธอจะเป็นว่าที่สะใภ้ของบ้าน ไม่รู้ว่าห่วงกลัวเธอจะต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า หรือห่วงว่าตัวเองจะสูญเสียของรักไปกันแน่

แต่คามินเหมือนไม่อยากจะเชื่อตาตัวเอง ที่เห็นเธอเดินคู่มากับพี่ชาย ก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ข้าง ๆ เขาที่พี่ชายเป็นคนเลื่อนให้อย่างสุภาพบุรุษ คำถามร้อยแปดผุดขึ้นมาในหัวตอนนี้ อยากจะถามว่า ‘ทำไม’ ‘เพราะอะไร’ ถึงได้เห็นเธอตรงนี้ เวลานี้ และกับพี่ชายเขาคนนี้ แต่อีกใจก็อยากจะคิดว่าคงไม่มีอะไรมากไปกว่า ที่พี่ชายจะพาเพื่อนมาแนะนำให้เขาและทุกคนรู้จักแค่นั้น แต่คำแนะนำเธอให้กับทุกคนรู้จัก พร้อมมือบางที่เขาเคยหลงใหลของเธอ ถูกพี่ชายดึงไปกุมไว้ขณะบอกชื่อสมาชิกที่เหลือให้เธอนั้น มันช่างฟ้องว่าเธอไม่ใช่แค่เพื่อนพี่เสียแล้ว คำถามยิ่งย้ำชัดในคำตอบเมื่อนิ้วนางข้างซ้ายของเธอถูกจับจองด้วยแหวนเพชรเม็ดโตเอาไว้

“คุณมินสัญญากับลีแล้วนะคะ และลีขอบอกให้คุณมินรู้ไว้ตรงนี้เลย ไม่ว่าลีจะเลือกทางออกทางไหน หรือใครจะไปยืนอยู่ตรงจุดนั้น แต่คุณมินจะยืนอยู่ใกล้ ๆ ในความรู้สึกของลีเสมอ ๆ และจะตลอดไปค่ะ”

‘นี่หรือคือทางออกของคุณ ประณาลี’
คำพูดของเธอวันนั้นวนเวียนอยู่ในหัวไม่รู้จักจบสิ้น พร้อมกับคำถามที่ว่า ทำไมเธอไม่บอกเขา ทำไมเธอไม่ขอร้องให้เขาช่วย ทำไมกับเงินแค่นี้เธอคิดว่าเขาจะไม่มีปัญญาช่วยหรือยังไงกัน แล้วเธอรู้หรือไม่ว่าเขาและคนที่ยึดครองมือเธอไว้ตอนนี้ เป็นพี่น้องกัน จิตรกรหนุ่มผู้มีอารมณ์อ่อนไหวกว่าคนอื่น อยากจะเดินหนีจากโต๊ะอาหารเป็นที่สุด เพราะไม่อยากจะรับรู้เรื่องราวของเธอและพี่ชายอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ยังข่มใจเอาไว้ให้นั่งอยู่ต่อได้ แม้จะยากลำบากเขาก็ยอมทำ







Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2552 8:56:43 น. 0 comments
Counter : 338 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.