Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
25 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
ธารลาวา ๓๗ (ธัญรัตน์)




ตอน ๓๗

“ขอบคุณคุณณินเหมือนกันครับ ที่ให้ผมมีได้มีโอกาสช่วยงาน”

บรรพตยิ้มรับด้วยความปลื้มปีติ ก่อนจะรีบออกไปทำงานต่อ คณินนั่งเคลียร์งานตรงหน้าจนลืมเวลา รู้ตัวอีกทีก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว ใจอยากจะกลับบ้านไปอยู่กับแม่ แต่ความห่วงงานทำให้เขาต้องพาตัวเองขึ้นไปนอนพักห้องข้างบนแทน ซีดีที่ได้มาจากประณาลีถือติดมือมาด้วย และถูกเปิดขึ้นเมื่อเขาอาบน้ำเสร็จแล้ว เขาเองก็ไม่ได้คิดว่ามันจะมีความสำคัญอะไรมากมายนัก จึงไม่ได้ให้ความสนใจมากไปกว่าตั้งหน้าตั้งตาทำงานจนหมดวัน คิดได้อีกทีจึงอยากจะลองดูว่ามีอะไรอยู่ด้านใน เพียงแค่เห็นภาพบนหน้าจอไม่นาน ความโกรธแล่นเข้ามาในหัวทันที เมื่อเดาได้ว่าใครเป็นคนต้นเหตุของเรื่อง

เวลาเพียงไม่กี่นาทีเขาก็มายืนอยู่หน้าห้องโชติกาเรียบร้อยแล้ว กอดออดเรียกนับครั้งไม่ถ้วน กว่าเจ้าของห้องจะออกมาเปิดรับเขา ร่างที่อยู่ในชุดนอนบางจนมองแทบจะทะลุไปถึงไหน ๆ ไม่ได้เรียกความสนใจให้เขาเลยสักนิด ซีดีในมือโยนไปใส่หน้าหญิงสาวในทันที พร้อม ๆ กับน้ำเสียงที่ดุดันอย่างที่โชติกาไม่เคยเห็นเขาทำมาก่อน

“คุณทำแบบนี้ทำไมโรส คุณบ้าไปแล้วเหรอ ทำแบบนี้แล้วคิดเหรอว่าผมจะกลับมาหาคุณ จะบอกให้นะว่าคุณไม่มีค่ามากพอที่ผมจะเอามาเป็นเมีย และเป็นแม่ของลูกผมหรอก ผมรักประณาลีคนเดียว และจะรักเธอตลอดไป”

“ณินอย่ามาดูถูกโรสให้มันมากนักนะ จะบอกให้ว่าคุณไม่ได้มีค่าอะไรกับฉันมากมายนักหรอก ฉันก็แค่อยากจะทดสอบดู แม่คู่หมั้นของคุณมันจะเข้มแข็งมากแค่ไหน ไม่น่าเชื่อเห็นเฟิร์ม ๆ ขนาดนั้น กับอีแค่เห็นผัวนอนกับผู้หญิงอื่นแค่นี้ จะใจฝ่อถึงกับประกาศถอนหมั้นกลางอากาศ โง่สิ้นดีเลยที่ยอมทิ้งคุณ เพราะซีดีเพียงแผ่นเดียว” โชติกาสวนทันควัน

“ก็เพราะลีไม่ใช่ผู้หญิงอย่างคุณไง จะได้เที่ยวเร่นอนกับผู้ชายไม่เลือกหน้า ผมขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายนะ ว่าให้คุณอยู่ห่าง ๆ คนรักของผมเอาไว้ ถ้าผมรู้ว่าคุณไปยุ่งหรือส่งอะไรไปให้เธออีก อย่าหาว่าผมไม่เตือน ถึงตอนนั้นแม้แต่ความเป็นเพื่อนคุณก็จะไม่มีวันได้จากผม”

จบประโยคเขาก็ออกจากห้อง โดยไม่สนใจว่าโชติกาจะกรีดร้องด่าตามหลังเขาแค่ไหน เข้าไปนั่งในรถได้ถึงกับฟุบหน้าลงกับพวงมาลัย ไม่อยากจะเชื่อว่าเวลาเพียงไม่กี่วันที่เขาไม่อยู่ จะมีอะไรเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้ พี่สาวกลายเป็นหม้าย หลานกลายเป็นกำพร้า ส่วนเขากำลังจะเสียคนรักไป

‘ผมไม่ยอมเสียคุณไปหรอกลี ผมรักคุณ’
บอกกับตัวเอง ก่อนจะออกรถตรงไปยังคอนโดฯ ของหญิงสาว

“คุณลีหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วครับ ไม่ได้บอกว่าจะไปไหน”
รปภ. ที่เขาคุ้นเคยดีบอก ถอนหายใจแรง ๆ อยู่คนเดียว บ้านคือที่ที่เขากลับมาซุกตัวนอน แต่กว่าจะหลับตาลงได้ก็เกือบสว่าง ถึงขนาดนั้นเขาก็ยังรีบตื่นแต่เช้า เพื่อไปทำงานที่ค้างไว้ตั้งแต่เมื่อวาน อัมพรมองลูกชายเดินลงมาในชุดเตรียมพร้อมไปทำงาน
“เมื่อคืนกลับดึก ทำไมออกแต่เช้าล่ะลูก แม่แป้นตักข้าวต้มให้คุณณินเยอะ ๆ หน่อยจะได้มีแรงไปทำงาน”
สั่งแป้นที่ยืนรอรับใช้อยู่ใกล้ ๆ

“ตอนนี้งานยุ่งครับคุณแม่ ช่วงนี้ผมอาจจะกลับดึก หรือไม่ก็ไม่กลับมานอนบ้านบ่อยขึ้นนะครับ จะรีบเตรียมงานเสนอลูกค้ารายใหม่ เพื่อชดเชยที่เสียไป”
บอกมารดาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่มองหน้าพี่สาวที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยซ้ำ คณิศรเองที่มานอนกับแม่ตั้งแต่หย่าก็ไม่ยอมปริปากคุยกับน้องเช่นกัน คามินที่เมื่อคืนนี้มานอนบ้าน เดินลงมาในเวลาไม่ห่างพี่ชายนัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากนั่งตักข้าวต้มเข้าปากเงียบ ๆ แม้ใจอยากจะขอโทษพี่ชาย ในเรื่องที่เขาทำไม่ดีเอาไว้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูจะหมางเมินของพี่แล้ว ทำให้เขาอ่อนใจ พลันก็คิดไปถึงที่ว่า พี่จะทำหน้ายังไงนะ หากเขากำลังจะเป็นตัวจริงของอดีตคู่หมั้นพี่

“เจเจ เจนนี่ อิ่มแล้วรีบลาคุณยายเร็ว ๆ ลูก เดี๋ยวไปโรงเรียนสาย”
เมื่อพี่ทนเห็นหน้าที่เฉยเมยของน้องไม่ได้ จึงรีบปลีกตัวหนี คณินยิ้มให้หลาน ๆ ที่ยกมือไหว้เขาโดยที่ไม่ต้องให้แม่บอก
“ณินจะไปแล้วเหรอลูก ข้าวต้มยังไม่หมดชามเลย” อัมพรอดห่วงลูกไม่ได้ เพราะลูกตักข้าวเข้าปากไม่กี่คำก็ทำท่าจะไป
“ครับคุณแม่ ผมไปนะครับ” บอกเพียงเท่านั้นเขาก็รีบเดินหนีไป โดยไม่สนใจน้อง ๆ อีกเลย คามินรู้สึกอึดอัดกับท่าทีของพี่ชายไม่น้อย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง

“นทีช่วยไปดูให้ที ว่าคุณลีไปพักกับใคร แล้วโทรมาบอกด้วยนะ”
สั่งก่อนจะลงจากรถ นทีรับคำสั่งโดยเร็ว แล้วรีบถือกระเป๋าคอมพิวเตอร์ตามเจ้านายไปที่ออฟฟิศ งานสารพัดที่คณินจะต้องรีบสะสางให้เสร็จโดยเร็ว เขาดีตรงที่ว่าเวลาทำงาน มักจะลืมเรื่องส่วนตัวจนหมดสิ้น แม้ใจจะคิดถึงใครบางคนที่โกรธเคืองอยู่ แต่ก็พยายามสลัดทิ้งแล้วทุ่มให้กับงานตรงหน้าก่อน นทีโทรมารายงานผลในเวลาเกือบสี่ทุ่ม เพราะต้องแอบตามประณาลีไปจนรู้ว่าพักอยู่ที่ไหน ใจก็อยากจะไปหาและปรับความเข้าใจกับหญิงสาวในตอนนี้ แต่ความเหนื่อยมีมากกว่า อีกอย่างเขาอยากจะปล่อยเธออยู่ตามลำพังอีกหน่อย จะได้มีเวลาคิดไตร่ตรองให้มากขึ้น

“คุณณินไม่ไปตาม เอ่อ!” บรรพตรู้ว่าเจ้านายสั่งนทีไปทำอะไร
“วันนี้เหนื่อยขอกลับไปพักก่อน” บอกแล้วก็เดินขึ้นชั้นบนไปดื้อ ๆ
แต่เช้าของวันรุ่งคณินก็มายืนอยู่หน้าประตูห้องแพทแล้ว แม้จะบอกกับตัวเองว่าจะมาหาเธอคืนนี้ แต่ใจมันคิดถึงและอยากพบหน้าเร็ว ๆ จนต้องรีบตื่นแล้วตรงมาหาเธอ แพทกับหญิงสาวเตรียมตัวจะออกไปทำงานแล้ว

“พี่ไปรอข้างล่างนะลี” แพทเปิดโอกาสให้คณินได้มีเวลาเป็นส่วนตัว เพราะคิดว่ายังไง ๆ เขาก็คงไม่กล้าจะทำอะไรน้องสาวในห้องตัวเองเป็นแน่ จึงขอปลีกตัวออกไป
“ลี! ผมขอโทษ ผมรู้ว่าผมผิด แต่ผมอยากจะบอกคุณว่า ผมรักคุณ และรักคุณคนเดียวเท่านั้น ยกโทษให้ผมด้วยนะ”
น้ำเสียงที่อ้อนวอนดูเหมือนจะช่วยเขาไม่ได้ในตอนนี้ เพราะประณาลีเอาแต่เงียบเท่านั้น

“ลีคุณจะให้ผมทำยังไงคุณถึงจะเชื่อ ถึงจะยกโทษให้ผม โรสไม่ได้มีความหมายอะไรกับผมมากเท่าคุณเลยนะ ถ้าผมมีใจให้เขา ผมจะหมั้นและจะแต่งงานกับคุณทำไม ผมขอร้องล่ะนะ อย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นต้นเหตุ ทำให้เราต้องถึงกับเลิกกันเลย ผมสัญญาว่าจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ผมรักคุณนะลี” เขายังไม่ละความพยายาม

“คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ ฉันอยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ สักพัก จะได้คิดทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่างด้วย บางทีเรื่องระหว่างเรามันอาจจะเกิดขึ้นเร็วเกินไปก็ได้ ถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ ขอร้องเถอะค่ะ ยิ่งคุณมาบอกรักฉันมากแค่ไหน มันก็ยิ่งทำให้ฉันเห็นภาพพวกนั้นลอยมาอยู่ตรงหน้าบ่อยขึ้นเท่านั้น คุณเองก็จะได้คิดทบทวนด้วยว่าตกลง ใจคุณต้องการใคร ระหว่างฉันกับเขา”
น้ำตาที่ไหลออกมาในตอนนี้ ก็ยังคงกลั่นกรองออกมาจากความเจ็บปวดอยู่อย่างนั้น หาได้เป็นการเสแสร้งไม่

“ลีผมบอกคุณตอนนี้ได้เลยว่าผมรักและเลือกคุณแล้ว ไม่มีผู้หญิงคนไหนมีค่าไปมากกว่าคุณอีกแล้ว ได้โปรดเถอะนะลี อย่าทำให้ผมต้องเจ็บได้มั้ย ผมต้องการคุณ ตอนนี้ผมมีปัญหาสารพัดประดังเข้ามา ผมอยากอยู่ใกล้ ๆ คุณ อยากให้คุณมาช่วยแบ่งปัน ลืมเรื่องนั้นซะเถอะ นะลีผมขอร้อง คุณทำเพื่อผมได้มั้ย”
ลูกผู้ชายอย่างเขาไม่เคยมีเลยสักครั้ง ที่จะเสียน้ำตาให้กับผู้หญิงคนไหน แต่กับเธอ เพียงแค่คิดว่าจะต้องสูญเสียเธอไปเขาก็แทบจะทำใจไม่ได้แล้ว

“คุณอย่าขออะไรฉันตอนนี้เลยนะคะ ขอเวลาให้ฉันได้คิดอะไรก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่ ระหว่างนี้ขอให้เราต่างคนต่างอยู่ จะได้หยุดฟังเสียงหัวใจตัวเองไปด้วย ถ้าคุณมีธุระแค่นี้รบกวนออกไปจากห้องด้วยค่ะ ฉันจะเตรียมตัวไปทำงาน”
บอกแล้วก็เกินหายเข้าไปในห้องปิดประตูเงียบเช่นเคย คณินไม่คิดจะเซ้าซี้หญิงสาวแต่อย่างใด รู้ว่ายังไง ๆ ก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ในตอนนี้ จึงเดินออกไปเงียบ ๆ แพทขึ้นมาบนห้องทันทีที่เห็นเขาลงไป

“ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะพี่แพท เราไปกันเถอะ”
น้ำเสียงของประณาลีที่ฟังดูเจ็บปวดทำให้แพทรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่อยากจะถามอะไรมากไปกว่านั้น ได้แต่เก็บเงียบไว้คนเดียว

อัมพรยืนมองลูกชายนั่งกรอกเหล้าเข้าปากคนเดียว อยู่ริมสระน้ำมาตั้งแต่กลับจากออฟฟิศแล้ว คนเป็นแม่เฝ้าสังเกตุอาการของลูกชายคนโตที่ซึมลงไปอย่างเห็นได้ชัดอยู่หลายวัน เช้าออกไปทำงาน ตกดึกก็กลับบ้านหรือไม่กลับเลย แต่อาการแบบนี้แม่รู้ได้ว่าลูกรู้สึกยังไง และเพราะใคร ความดีใจที่จะได้คนมาดูแลลูกให้สบายขึ้น กลับกลายเป็นความหนักใจเข้ามาแทนที่ แต่ก็ไม่อยากจะโทษประณาลีคนเดียว เพราะลูกสาวตัวเองก็มีส่วนผิดอยู่มาก ที่ไปพูดจาดูหมิ่นศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงด้วยกันเอาไว้

“ณินพอได้แล้วล่ะลูก ดื่มมากไม่ดีนะ ขึ้นบ้านไปนอนเถอะดึกมากแล้ว” อดไม่ได้ที่จะห้าม แม้ตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งแล้ว
“คุณแม่ทำไมยังไม่นอนครับ” น้ำเสียงของเขาในตอนนี้แหบพร่า
“พอได้แล้วลูกแม่ขอร้องนะ นทีพาคุณณินไปบนห้องไป บัวมาจัดการเก็บของซะ”

อัมพรสั่งการเพราะนทีกับบัว ถูกเรียกให้มายืนรอรับใช้อยู่ก่อนแล้ว คณินยอมให้นทีหิ้วปีกไปแต่โดยดี เพราะเริ่มจะทรงตัวไม่อยู่ พอถึงเตียงได้ก็ล้มตัวลงไปนอนแผ่เหมือนเด็กไม่มีผิด แม่จัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใหม่หมด เพราะกลิ่นเหล้าคลุ้งไปหมด

“มือคุณแม่นุ่มจังครับ นานเท่าไหนแล้วที่คุณแม่ไม่ได้เช็ดตัวให้ผมแบบนี้ นานเท่าไหนแล้วที่ผมไม่ได้เมาแบบนี้ และนานเท่าไหนแล้วครับ ที่ผมต้องกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนคุณพ่อ” ปากพร่ำถาม มือก็กุมมือแม่เอาไว้อย่างเด็กขาดความอบอุ่น
“ก็ตั้งแต่ที่พ่อเราจากไปไงลูก” ยิ้มก่อนจะตอบลูกไป

“ใช่สิครับ ตั้งแต่คุณพ่อจากไป ผมก็ต้องกลายเป็นความหวังของคนในบ้าน กลายเป็นที่พึงของทุกคน ผมเหนื่อยแล้วครับคุณแม่ ผมหมดกำลังใจที่จะทำอะไรต่อมิอะไรให้คนอื่นแล้ว ไม่มีใครรักผมสักคน ไม่มีใครเห็นความสำคัญของผมสักคนเดียว ผมอยากเปลี่ยนเป็นเจ้ามิน เป็นยายญาครับ จะได้ไม่ต้องมานั่งรับผิดชอบอะไรอีก อยากจะไปไหน ทำอะไร กับใครก็ทำได้ ไม่ต้องมาคอยห่วงหน้าห่วงหลับแบบนี้ ผมยอมทำอะไรเพื่อทุก ๆ คน แต่ไม่มีใครมองเห็น ไม่มีใครเข้าใจผมเลย ทุกคนทิ้งผมไปหมด ไม่ว่าจะเป็นพี่เป็นน้อง หรือแม้แต่ลี

เขาไม่รักผมครับคุณแม่ เขาทิ้งให้ผมเจ็บ เขารักศักดิ์ศรีตัวเองมากกว่ารักผมด้วยซ้ำ ผมรักเขาครับคุณแม่ ผมไม่อยากเสียเขาไป แต่ทำไมเขาไม่รักผมบ้างเลย คุณแม่บอกผมได้มั้ยครับว่าทำไม ผมไม่เข้าใจว่าผู้หญิงทำไมถึงได้คิดเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้นัก ผมแค่เผลอทำผิดไปแค่ครั้งเดียวเอง ไม่ว่าผมจะไปยุ่งกับผู้หญิงคนไหน แต่ผมก็มอบใจให้เขาเพียงคนเดียวครับคุณแม่ ทำไมเขาไม่ยอมฟังคำอธิบายของผมบ้าง ทำไมครับ ทำไม ๆ ๆ ๆ”

น้ำเสียงค่อย ๆ ขาดหายไปพร้อม ๆ กับดวงตาก็ปิดลงในเวลาต่อมา อัมพรห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาไม่ได้ เพราะความสงสารลูก รู้ดีว่าอาการที่ท้อแท้แบบนี้ ไม่มีใครเป็นต้นเหตุสำคัญไปมากกว่าคนที่ลูกรัก และอัมพรก็เดาได้ว่าคงจะรักมากด้วย ถึงได้มีอาการแบบนี้ และก็เดาได้อีกเช่นกันว่า นอกจากที่ประณาลีจะถูกลูกสาวตัวเองด่าว่าแล้ว ลูกชายคงจะไปทำอะไรผิดกับผู้หญิงคนไหนเป็นแน่ ถึงได้เอ่ยปากออกมาแบบนี้ ถอนหายใจออกมาเบา ๆ เพราะรู้สึกเหนื่อย ผ้าผืนหนาห่มให้ลูกก่อนจะออกจากห้องไป แม้จะ

พยายามข่มตาให้หลับมากแค่ไหนแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะใจมัวแต่ห่วงอาการของลูก วันรุ่งหลังจากที่คณินออกไปทำงานแล้ว
‘วันนี้ผมไปตรวจไซด์งานที่ระยองนะครับคุณแม่ ค้างที่นั่นคืนหนึ่ง เพราะจะรอคุยกับเจ้าของงานด้วยเลย ผมอาจจะไม่เปิดมือถือนะครับ เพราะพักนี้รู้สึกเบื่อ ๆ มีอะไรก็ให้โทรไปหาแหม่มที่ออฟฟิศได้’

ลูกชายบอกไว้ก่อนออกจากบ้าน อัมพรจึงโทรหาประณาลี นัดให้มาพบที่บ้านในช่วงบ่าย และนี่คือเวลาที่เธอรอคอย เวลาที่จะได้เปิดตัวกับศัตรู เวลาที่จะได้ทวงถามเรื่องในอดีต เวลาที่จะได้รู้ว่าศัตรูรู้สึกบ้างมั้ยที่เคยทำกับเธอไว้ จึงรีบรับนัดทันที
“ถึงเวลาที่ฉันจะเอาคืนให้คุณพ่อกับคุณแม่แล้ว” พูดกับตัวเองด้วยความปีติ แพทกำลังรอฟังอยู่ข้าง ๆ อย่างตั้งใจ
“วันนี้ศัตรูของเราจะได้รู้แล้วค่ะพี่แพท ว่าลีเป็นใคร พี่แพทเตรียมทุกอย่างให้ลีเลยนะคะ” ยิ้มรับคำน้องด้วยท่าทางเดียวกัน

อีกมุมหนึ่งในรั้วมหาวิทยาลัย ญาณินยืนมองผู้ชายที่ตัวเองมอบหัวใจให้ พูดคุยหยอกล้ออยู่กับเพื่อนรักอย่างมีความสุข นับวันความสัมพันของคนทั้งสองจะยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น บ่อยครั้งที่เคยเอ่ยปากชวนเพื่อนรักไปเที่ยวด้วยกัน แต่มักจะถูกปฏิเสธ

‘เกดไม่ว่างน่ะญา พอดีวันนี้ต้องช่วยแม่ทำขนม มีลูกค้าสั่งเยอะขึ้น หรือ เกดยังทำงานส่งอาจารย์ไม่เสร็จเลยญา’

และอีกร้อยแปดที่เกสรามักจะหามาอ้าง หากเป็นเมื่อก่อนญาณินคงจะพอเชื่อได้บ้าง แต่ตอนนี้ และเวลานี้ เหตุผลเดียวที่มีอยู่ในใจคือ เพื่อนต้องการใช้เวลาอยู่กับปวีร์เท่านั้น ไม่ต้องเดาก็พอจะมองออกว่าทั้งสองมีใจให้แก่กัน คิดแค่นี้ น้ำตามันก็ไหลรินออกมา หน้าอกแน่นขึ้นในทันที ภาพที่เคยทอดกายให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า จนเกือบจะเลยเถิดไปถึงไหน ๆ มันลอยมาตรงหน้า เพื่อตอกย้ำให้รู้สึกเสียใจเป็นเนืองนิจ

โฟลคเข้ามาจอดอยู่หน้าร้านผ้าไหม หลังจากที่เฝ้าติดตามดูปวีร์ และเพื่อนรักไปเที่ยวด้วยกันสองต่อสอง จบด้วยการที่ปวีร์ไปส่งเกสราที่บ้าน และกินข้าวเที่ยงกับครอบครัวเพื่อนรักกว่าจะกลับได้ ไม่บอกก็รู้ว่าแม่ของเพื่อนปลื้มเขาแค่ไหน ผู้ชายที่มีคุณสมบัติอย่างเขา ใครเห็นก็อยากได้เป็นลูกเขยทั้งนั้น ถึงไม่ร่ำรวยมาก แต่ก็ไม่ได้ยากจน และที่สำคัญ เขาเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง ไม่เที่ยวเตร่กินเหล้าเมายาจนเสียงานเสียเงิน

ญาณินเดินขึ้นไปหาเขาชั้นบนอย่างเคย หยุดคิดนิดหนึ่ง ‘เรามาทำไมกัน’ แม้จะไม่รู้ว่าตัวเองมายืนอยู่ตรงนี้ทำไม แต่เท้าก็ยังคงก้าวขึ้นบันไดไปเรื่อย ๆ อย่างคนใจลอย ปวีร์ออกมาจากห้องนอนด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ ตั้งใจว่าจะทำงานต่อ แต่พอเห็นญาณินก็เปลี่ยนใจ เขาไม่ใคร่จะแปลกใจในการมาของลูกศัตรูนัก แต่ก็ไม่คิดว่าหญิงสาวจะกล้ากลับมาหาอีก ในเมื่อเขาตัดความสัมพันไปแล้ว

“ญา! มาตั้งแต่เมื่อไหร่ นั่งก่อนสิ จะดื่มอะไรมั้ย” เขายังคงทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดี
“พี่วีคะ พี่วีรักเกดใช่มั้ยคะ ตอบญามาเถอะค่ะ”
ยิงคำถามที่อยู่ในใจโดยที่เขาไม่ทันจะได้ตั้งตัว แต่ไม่มีคำใดหลุดมาจากปวีร์ นอกจากความเงียบเท่านั้น

“เงียบทำไมคะพี่วี บอกญามาสิคะ แต่ถึงพี่วีไม่บอกญาก็รู้ค่ะ ทำไมคะ ทำไมยายเกดมีอะไรดีกว่าญาคะ พี่วีถึงได้รักและเลือกคะ ฐานะทางบ้านก็แย่กว่าญา หน้าตาก็ไม่ได้สวยกว่าญาสักนิด แถมเรียนก็ไม่เก่งเท่าญาด้วย อะไรที่ทำให้พี่วีรักคะ บอกให้ญาได้รู้บ้าง ว่าญาสู้เกดไม่ได้ตรงไหน” น้ำตาไหลนองหน้าตั้งแต่เอ่ยชื่อเขาแล้วด้วยซ้ำ

“ญาเรื่องระหว่างเรามันจบแล้วนะ กลับไปเถอะ” ปวีร์บอกด้วยน้ำเสียงเรียบ
“ถ้าพี่วีไม่รักญา แล้วพี่วีทำกับญาแบบนั้นทำไมคะ พี่วีทำให้ญาคิดว่าพี่วีรักญา ต้องการญา แต่จู่ ๆ พี่วีก็ไม่ใยดีกับญา เพราะอะไรคะพี่วี บอกญาได้มั้ยคะว่าเพราะอะไร ญาผิดตรงไหน ญาไม่ดีตรงไหน ถึงทำให้พี่วีรักญาไม่ได้”
ร้องไห้ฟูมฟายออกมาให้คนตรงหน้าได้เห็น หากเป็นผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกศัตรู ปวีร์คงจะอดสงสารไม่ได้เป็นแน่ แต่ความแค้นและความเกลียดชัง ในตัวพ่อของคนที่สะอึกสะอื้นอยู่มีมากกว่า เขาจึงไม่ยอมใจอ่อนเด็ดขาด

“ผิดตรงไหนญาอยากรู้เหรอ ได้! พี่จะบอกให้รู้ไว้เลยก็แล้วกัน พี่ไม่ได้รักญา ไม่เคยรัก และก็ไม่มีวันจะรักด้วย ผู้หญิงที่จะมาเป็นเมียพี่ จะต้องมีคุณสมบัติแบบเกดเท่านั้น ไม่ใช่พวกลูกคนรวย ที่วัน ๆ เอาแต่ชี้นิ้วใช้งานคนอื่นจนแทบจะหยิบจะจับอะไรไม่เป็นอย่างญาหรอก ถ้าได้มาเป็นเมียพี่คงจะสรรหาคนรับใช้ มาคอยรองมือรองเท้าไม่ไหวแน่”

“แต่ญาเปลี่ยนได้ค่ะ ถ้าพี่วีต้องการ จะให้ญาทำอะไรก็ได้ เพื่อคนที่ญารัก ญายอมทั้งนั้น”

“คงไม่ได้หรอกนะญา เพราะนอกจากญาจะขาดคุณสมบัติพวกนี้แล้ว เหตุผลที่สำคัญที่สุดที่พี่รักญาไม่ได้ก็คือ พี่กับพี่ลี หรือคุณประณาลีคู่หมั้นคุณคณิน เป็นพี่น้องกัน เป็นพี่น้องที่คลานตามกันออกมาแท้ ๆ ด้วย ขนาดพี่สาวพี่เป็นผู้หญิง และไม่ได้ยากจนขนาดจะต้องหวังพึ่งว่าที่สามี ยังถูกพี่สาวญาด่าว่า ดูถูกสารพัด จนไม่มีชิ้นดี ถึงขั้นต้องประกาศถอนหมั้น แล้วพี่ล่ะ พี่เป็นผู้ชาย จะต้องเป็นคนรับผิดชอบชีวิตลูกเมีย ถ้าไปรักกับญา พี่คงจะเหมือนหมาตัวหนึ่งในบ้านล่ะมั้ง

คนในครอบครัวญาคงจะดูถูกพี่กับพี่ลี จนไม่เหลือศักดิ์ศรีไว้ให้ภาคภูมิใจเลยมั้ง อย่างนี้ญายังอยากจะให้พี่รักญาอีกเหรอ พี่ไม่เอาหรอก ถึงพี่จะจนก็ขออยู่แบบจน ๆ ไม่อาจเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้ามาแนบครองหรอก กลับไปซะ และขอให้ความสัมพันของเราจบสิ้นเพียงแค่นี้ พี่ได้รักและเลือกคนที่คู่ควรกับพี่แล้ว ส่วนญาอีกหน่อยก็คงจะมีคนที่ฐานะเหมือนกัน มาขอไปแต่งงานด้วยแน่ พวกคนรวยก็มักจะอยากได้พวกเดียวกัน พี่มันอยู่คนละสังคมกับญาแล้ว ขอตัวนะ”

จบคำเขาก็หายเข้าห้องปิดประตูใส่หน้าญาณินอย่างไม่ใยดี เข่าสองข้างถึงกับทรุดลงกับพื้น เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาบอกมา ร้องไห้ออกมาดัง ๆ อย่างไม่คิดจะกลัวใครได้ยินอยู่เป็นนาน แต่ปวีร์ก็ไม่ยอมออกมาจากห้อง ความอับอายในศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง ที่บากหน้ามาอ้อนวอนขอความรักจากผู้ชายถึงบ้าน แล่นเข้ามาในความคิดคนที่หัวใจกำลังจะสลาย จนต้องค่อย ๆ พาตัวเองออกจากที่นั่นทั้งน้ำตา

เอกสารหลายใบถูกม้วนเข้าหากัน แล้วใส่ลงไปในกระเป๋าสะพาย พร้อมรูปที่เคยเก็บไว้ในกล่องดำ เมื่อประณาลีจอดรถไว้ในบ้านศัตรูแล้ว หันมายิ้มให้แพทที่นั่งมาเป็นเพื่อนด้วย เพราะความห่วงน้อง คนพี่ยิ้มและตบบ่าน้องเบ่า ๆ เพื่อให้กำลังใจ แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในบ้าน ตามเวลาที่อัมพรนัดเอาไว้ บัวออกมาต้อนรับ พร้อมบอกว่าอัมพรรออยู่ห้องหนังสือ เพราะต้องการความเป็นส่วนตัวคุยกับหญิงสาว ห้ามใครมารบกวน แพทจึงนั่งรออยู่ห้องรับแขก ปล่อยให้ประณาลีเข้าไปคนเดียว

“หนูลี คิดให้ดี ๆ นะลูก คนสองคนกว่าจะรักกันได้ใช้เวลาไม่น้อย ณินเองก็รักหนูมาก แม่ไม่เคยเห็นลูกรักใครเท่าหนูมาก่อนเลย แม่ขอร้องได้มั้ย ลืมทุกอย่างเถอะ แล้วกลับมาคืนดีกันนะ จะได้จัดการเรื่องงานแต่งต่อ”
เป็นคำขอร้องและยกเหตุผลร้อยแปด มาบอกกับประณาลีรอบที่สิบเห็นจะได้ แต่ก็มีแต่ใบหน้าที่เรียบเฉย ของอดีตว่าที่สะใภ้แทนคำตอบเท่านั้น

“หนูลี บอกแม่ได้มั้ย ว่าจะให้แม่ทำยังไง หนูถึงจะยอมคืนดีกับณิน แม่สงสารลูกเหลือเกิน วัน ๆ เอาแต่ทำงานหนัก กลับบ้านก็กินเหล้า แล้วก็ร้องเรียกแต่ชื่อหนู บอกแม่มาว่าจะให้ทำยังไง จะให้แม่คุกเข่าอ้อนวอนหนูแม่ก็ยอม ขอเพียงให้หนูยอมคืนดีกับณินเท่านั้น แม่ขอได้มั้ยหนูลี”

ประณาลียิ้มเยาะออกมาด้วยความชิงชัง คนตรงหน้าเป็นที่สุด หากเอาไปเขียนเป็นนิยาย คนแต่งคงจะไม่มีวันประพันธ์บทแบบนี้ขึ้นมาได้แน่ มีด้วยหรือที่ว่าที่แม่สามีจะยอมทำขนาดนี้กับว่าที่สะใภ้ ‘น้ำเน่าสิ้นดี’ คำเดียวเท่านั้นที่คิดได้ในตอนนี้

“คงจะไม่ได้หรอกค่ะคุณอัมพร ต่อให้คุณทำอย่างที่คุณว่า ฉันก็ไม่มีวันกลับมาคืนดีกับลูกคุณหรอก จะบอกให้นะคะว่าฉันไม่เคยรักลูกชายคุณเลยแม้แต่นิดเดียว นอกจากไม่ได้รักแล้ว ฉันยังเกลียดเป็นที่สุดอีกด้วยค่ะ”
น้ำเสียงที่หนักแน่น สรรพนามที่เรียกตัวเองและศัตรู กับสายตาแห่งความชิงชังที่มองมาหาในตอนนี้ ทำให้อัมพรอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ จึงถามออกไป

“หนูลี ทำไมหนูพูดแบบนี้ นี่หนูเป็นอะไรไป หรือว่าโกรธพี่ณิจนพลอยโกรธแม่ไปด้วย”

“คุณจำได้มั้ยคะ ว่าคุณเคยบอกว่ารู้สึกคุ้นหน้าฉันเหมือนเคยเห็นที่ไหน อันที่จริงความจำคุณก็ไม่ถือว่าแย่เท่าไหร่หรอกนะคะ ยังอุตส่าห์จำเค้าหน้าฉันได้ วันนี้ฉันจะให้ความกระจ่างกับคุณเองค่ะ ลองจ้องมองฉันดี ๆ สิคะ มองตาฉัน มองแววตาฉัน ดูสิว่ามันเหมือนใคร มันเหมือนคนที่คุณเคยรู้จัก และเคยหักหลังเขามาบ้างมั้ย”
แม้จะไม่เข้าใจในสิ่งที่ประณาลีสื่อออกมา แต่อัมพรก็พยายามจ้องมองหน้าเด็กสาวอย่างพินิจ แต่ก็ยังคิดไม่ออก

“แม่จำไม่ได้หรอกหนูลี”
“ฉันจะบอกให้ก็ได้ค่ะ ว่าฉันหน้าเหมือนใคร คุณยังจำคนชื่อ ‘ประณพ กับปวีณา วรกาญจน์’ ได้บ้างมั้ยคะ เจ้านายเก่าคุณกับผัวไงคะ หรือจะเรียกให้ถูกก็คือ คนที่คุณสองคนเคยไปพึ่งใบบุญ ไปก้มหัวยอมรับใช้อย่างทาสผู้ซื่อสัตย์อยู่หลายปี สุดท้ายก็ทรยศหักหลัง แล้วก็ตีจากอย่างไม่มีเยื่อใยไง”

“หนูลี หนูพูดถึงเรื่องอะไร แม่ไม่เข้าใจ” จำสองชื่อได้แม่นยำ แต่ก็ไม่คิดว่าประณาลีจะมาเกี่ยวข้องอะไรด้วย

“ฉันก็กำลังพูดถึงพ่อกับแม่ฉันไง พ่อแม่ที่แสนดีของฉัน เจ้านายที่แสนดีของคุณ เพื่อนที่แสนดีของผัวคุณ แต่สุดท้าย พ่อกับแม่ก็ต้องตายไป ตายเพราะความดี ตายเพราะความไว้เนื้อเชื่อใจคนเลว ๆ อย่างพวกคุณไง ทีนี้พอจะจำได้ขึ้นมา หรือพอจะรู้หรือยังว่าหน้าฉันเหมือนใคร คุณรู้มั้ยว่าการกระทำเลว ๆ ของพวกคุณ ถึงกับทำให้คุณพ่อต้องยิงตัวเองทิ้ง คุณแม่ก็ต้องพลอยตรอมใจจนตายตามคุณพ่อไป ฉันกับน้องก็ต้องพลอยกลายเป็นเด็กกำพร้า ชีวิตที่เคยสุขสบายก็พลอยต้องพลิกผันเป็นคนจน

ต้องช่วยยายทำงานสารพัดเพื่อให้มีกิน เพื่อให้มีเงินไปเรียนหนังสือ โอกาสดี ๆ ในชีวิตของฉันกับพี่และน้องก็พลอยหมดไปด้วย บ้านที่คุณพ่อคุณแม่รัก ก็พลอยต้องถูกยึด คนที่เคยร่ำรวยอย่างคุณพ่อก็ต้องกลายเป็นคนล้มละลาย วัน ๆ เจ้าหนี้ตามทวงตามทำร้าย จนต้องหอบลูกหอบเมียหนีหัวซุกหัวซุน คุณจำได้บ้างมั้ย ว่าการกระทำเลว ๆ ของคุณ มันส่งผลอะไรให้ฉันบ้าง ถ้ายังจำไม่ได้ก็ดูนี่สิ นี่ไงหน้าพ่อกับแม่ฉัน นี่ก็ภาพที่คุณพ่อนอนตายจมกองเลือดเพราะทนความอับอายไม่ได้ไง ดูซะ ดูให้เต็มตา ดูว่าผู้ดีอย่างคุณอดีตเคยทำเลวแค่ไหน”

รูปต่าง ๆ โยนกระจายเต็มพื้นห้อง อัมพรที่ร้องไห้ออกมาตั้งแต่มั่นใจแล้ว ว่าเด็กสาวคนนี้พูดความจริง และเป็นลูกของคนที่ตัวเองทำไม่ผิดไว้จริง ๆ แล้ว

“หนูลี แม่ขอโทษ แม่ไม่ได้ตั้งใจ แม่ขอโทษ แม่รู้สึกผิดมาโดยตลอด ยกโทษให้แม่ด้วยนะลูก ยกโทษให้แม่ด้วย จะให้แม่ชดใช้อะไรก็ได้ แม่ยอมทั้งนั้น หนูคงไม่รู้ว่าทุกวันนี้ แม่มีชีวิตอยู่พร้อมกับความรู้สึกผิดมาโดยตลอด แม่ขอโทษ ๆ” คุกเข่าลงเก็บรูปขึ้นมาดูด้วยความรู้สึกผิดเป็นที่สุด ปากก็อ้อนวอนขอคนตรงหน้า ที่ส่งแววตาเกลียดชังมาให้อยู่อย่างนั้น

“ขอโทษเหรอ รู้สึกผิดเหรอ จะให้ฉันยกโทษให้ หรือคุณจะชดใช้ให้ฉันเหรอ มันฟังดูง่ายเหลือเกินนะกับคำพูดพวกนี้ แล้วชีวิตพ่อกับแม่ฉันจะฟื้นขึ้นมาได้มั้ย ทำสิ ทำให้ท่านฟื้นขึ้นมาสิ ถ้าคุณทำได้ ฉันจะลืมทุกอย่าง ทำสิ เอาพ่อเอาแม่ฉันคืนมา เอาครอบครัวที่มีความสุขของฉันคืนมา ทำไม่ได้ใช่มั้ย คุณทำไม่ได้ใช่มั้ย”

น้ำตาของคนพูดเองก็ไหลออกมา เพราะความเจ็บปวดเป็นที่สุด เมื่อคิดถึงพ่อกับแม่ที่ต้องทนทุกข์ เพราะการกระทำของคนที่เธอเฝ้าติดตาม เพื่อหาทางเอาคืนให้ได้ อัมพรแทบจะหัวใจสลาย เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่แข็งกร้าว ใบหน้าที่ดูจะเกลียดชังตัวเองของหนูน้อย ที่ไม่คาดคิดว่าจะเติบโตมาเป็นสาว และกลับมาเอาคืน รู้ว่าไม่มีทางที่จะเรียกความรู้สึกดี ๆ ให้กลับคืนมาได้แล้ว แต่ก็ยังอยากพยายาม ยังอยากมีความหวัง

“หนูลี ให้แม่ชดใช้อะไรก็ได้ แม้แต่ชีวิตแม่ก็ยอม ขออย่างเดียว แม่ขอให้หนูยกโทษให้แม่ด้วย”

“ชีวิตเหรอ เมื่อก่อนฉันก็เคยคิดเหมือนกัน ว่าชีวิตมันต้องแลกด้วยชีวิต แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากได้แล้วล่ะ มันมีอย่างอื่นที่ดีกว่าชีวิตคุณด้วยซ้ำ อยากรู้มั้ยว่าอะไร ดูนี่สิ ไอ้ลูกเขยโง่ ๆ ของคุณ มันรักฉันหลงฉัน จนยอมทิ้งลูกทิ้งเมียจะไปอยู่กับฉัน มันอุตส่าห์ซื้อบ้านราคาเกือบยี่สิบล้านรอฉัน ชีวิตครอบครัวลูกสาวคุณพังยับเยิน จนไม่เหลือชิ้นดีแล้วเห็นมั้ย

นี่ก็ลูกชายคนเล็กของคุณ ที่มันโง่พอ ๆ กับพี่เขยมัน ดูสิแค่ฉันไปออดอ้อนมันหน่อย เล่นละครตบตาเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็ไปหอบเงินสามสิบล้านมาประเคนให้ฉันแล้ว นี่ใบฝากเงินฉันถ่ายมาให้ดูเป็นขวัญตาไง อีกหน่อยมันก็จะพบกับความเจ็บปวด เพราะฉันจะสลัดมันทิ้งเหมือนรองเท้าเก่า ๆ คู่หนึ่ง”

สำเนาโฉนดบ้านที่นเรศซื้อให้ และใบโอนเงินสามสิบล้านที่อยู่ในกระเป๋าถูกดึงออกมา และโยนใส่หน้าอัมพร พร้อมรอยยิ้มที่สะใจเป็นที่สุด อัมพรไล่เก็บขึ้นมาดู เมื่อรู้ว่าคืออะไรแล้วก็แทบจะหัวใจสลาย







Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2552 7:56:26 น. 0 comments
Counter : 371 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.