Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
3 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
ธารลาวา ๔๓ (ธัญรัตน์)




ตอน ๔๓

“พี่ณิครับ ถึงผมอยากได้เขาแค่ไหน แต่คิดเหรอครับ ว่าเขาจะยอมรับผม ทุกวันนี้เขาก็เกลียดผม และพวกเราจะแย่อยู่แล้ว ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าจะทำยังไงให้เขายกโทษให้คุณพ่อกับคุณแม่ได้ และผมก็ยัไงไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าผมจะทำยังไงให้เขายกโทษกับความผิดที่ผมทำกับเขาไว้”

“แกไปทำความผิดอะไรให้มันนักหนา หรือว่าแกไม่ยอมให้เงินมันใช้ตามที่มันขอ”
“พี่ณิ! ถ้ารักที่จะเป็นพี่น้องกันต่อไป กรุณาอย่าดูถูกผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียผมเด็ดขาด”
“เมีย แกกล้าเรียกมันว่าเมียเหรอ แกกล้าเอาผู้หญิงที่เคยเป็นนางบำเรอพี่เขยตัวเองมาทำเมียเหรอ”
“ผมจะบอกให้พี่ณิรู้ไว้ตรงนี้ว่า ประณาลี ไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อน นอกจากผมคนเดียวเท่านั้น”
“ไหนแกว่ามันไม่ยอมเอาตัวเข้าแลกไง แล้วทำไมถึงได้นอนกับแกล่ะ”

“ก็เพราะผมเชื่อคำพูดของพี่ไง ผมถึงได้ไปใช้กำลังกับเขา จนเขาต้องหนีผมไปแบบนี้ พี่ณิพอใจหรือยังครับ เห็นหรือยังครับว่าเงินผมซื้อเขาไม่ได้เลย อย่าว่าแต่เงินเลยครับ ต่อให้ชีวิตผม ถ้ามันซื้อให้เขากลับมาหาผมได้ผมก็ยอม เพราะผมรักเธอ ต้องการจะอยู่กับเธอคนเดียวเท่านั้น คุณแม่ครับขอบคุณนะครับ ที่คุณแม่ยอมเล่าความจริงให้พวกเราฟัง ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ จะกลับไปทำงานต่อ”

สิ้นคำเขาก็เดินออกจากห้องแม่โดยเร็ว ทุกคนในห้องต่างมองตามหลังเขาเป็นตาเดียวกัน วินาทีนั้นคามินได้รับรู้แล้วว่า พี่ชายรักประณาลีมากแค่ไหน และเขาก็เดาได้เช่นกันว่า หญิงสาวคงจะมีใจรักพี่ชายเขาเช่นกัน เพราะถ้าไม่อย่างนั้นคงจะไม่ยอมมอบกายให้แบบนี้ คณินกลับถึงออฟฟิศก็ขึ้นไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนค่อยลงมาหาบรรพตที่ห้อง

“คุณณินครับ คนที่โน่นแจ้งมาว่าน้องชายคุณลีกลับมากรุงเทพฯ แล้ว ส่วนคุณลียังอยู่กับคุณยายครับ พวกนั้นยังบอกอีกว่าคุณลีไม่ค่อยจะไปไหน นอกจากอยู่บ้านกับไปดูร้านผ้าไหมเท่านั้นครับ”
บรรพตที่รับคำสั่งจากเขา ว่าให้ส่งคนไปเฝ้าดู ที่บ้านคุณยายสำลี ตั้งแต่ประณาลีออกจากโรงพยาบาล

“ขอบคุณมากบรรพต ให้พวกนั้นดูอยู่ห่าง ๆ ก็แล้วกัน ถ้าคุณลีมีใครไปสร้างปัญหาอะไรให้ ก็แจ้งผมได้ตลอดเวลา ผมจะนั่งตรวจงานอยู่ในออฟฟิศนะ”

บอกแล้วก็เดินออกไปด้วยท่าทีที่เหงากว่าที่เคยเป็น นั่งทำงานอยู่เงียบ ๆ คนเดียวเป็นนาน ทันทีที่ละสายตาจากงาน ภาพของคนที่กุมหัวใจเขาไว้ มันก็ลอยเด่นมาตรงหน้าในทันที จนป่านนี้แล้วเขายังมองไม่เห็นหนทาง ที่จะดึงหัวใจหญิงสาวมาเป็นของเขาได้ยังไงเลย เหลือบไปเห็นอัลบั้มรูปกองอยู่ในตู้ เดินไปเปิดดูก็พบว่าเป็นรูปถ่ายระหว่างว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวในสตูดิโอ หัวใจรู้สึกปวดลึก ๆ

ไม่อยากคิดเลยว่าความรักของเขาจะจบลงในรูปนี้ ไม่อยากคิดเลยว่า ผู้หญิงที่เขาคิดว่าจะเข้ากับคนในครอบครัวได้มากที่สุดจะกลายมาเป็นเหมือนศัตรูกันไปได้ ไม่อยากคิดเลยว่า คนที่เขาคิดว่าเธอรักและมอบหัวใจให้เขาเพียงคนเดียว จะกลายมาเป็นคนที่เกลียดชังเขาที่สุด จนต้องหนีไปอย่างไม่แยแสแบบนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่า คนที่เขาเข้าใจว่าจะมาเติมเต็มและทำให้ชีวิตเขาสุข จะกลายเป็นคนที่นำพาความทุกข์ใจแสนสาหัสมาให้แบบนี้

ผับหรูคือที่ที่เขาพาตัวเองมานั่งดื่ม เพื่อขับความกลุ้ม เหล้าถูกสั่งมาไม่ยั้ง พอ ๆ กับที่เขากรอกเข้าปากไม่ยั้งเช่นกัน เพราะมัวแต่นั่งมองแก้วเรียงรายอยู่ตรงหน้า จนไม่ได้สนใจว่ามีสายตาของสาวเปรี้ยว ที่มีหนุ่มน้อยนั่งเอาอกเอาใจอยู่ในมุมมืด ก่อนที่เขาจะเข้ามาในผับด้วยซ้ำ โชติกาไม่คิดที่จะแสดงตัวแต่อย่างใด ได้แต่เฝ้ามองแผ่นหลังของเขาอยู่อย่างนั้น จนคณินเมาคอพับ สาวเปรี้ยวถึงได้เดินเข้าไปหา

“ใครหักอกมาเหรอคะณิน หรือเพราะแม่อดีตคู่หมั้นคุณ ป่านนี้แล้วคุณยังไม่ลืมเธออีกเหรอคะ”
“โรส! อย่ามายุ่งกับผม” แก้วเหล้ากระดกขึ้นเทรวดเดียวจนหมด
“พอแล้วค่ะณิน คุณเมามากแล้วนะ กลับบ้านเถอะค่ะ โรสจะไปส่ง น้องเช็คบิลได้” สั่งบ๋อยแล้วก็พยักหน้าให้หนุ่มน้อยที่หิ้วมาด้วย ช่วยพยุงคนที่เมามายไม่ได้สติออกจากผับ คอนโดฯ ของสาวเปรี้ยวคือที่ที่พาเขามา

“โรส นี่มันไม่ใช่บ้านผมนี่ คุณพาผมมาที่นี่ทำไม ผมจะกลับบ้านพาผมกลับเดี๋ยวนี้” คณินโวยวายทันที ที่ถูกโยนลงไปนอนกองอยู่ที่เตียง แม้พยายามจะยันกายขึ้นนั่งแค่ไหน ก็ไม่สำเร็จ เพราะร่างนุ่ม ๆ ทาบทับลงไป
“ใจเย็น ๆ สิคะณิน คุณได้กลับบ้านแน่ค่ะ หลังจากที่เราหาความสุขด้วยกันแล้ว”
“ผมจะกลับบ้าน พาผมไปที ผมจะกลับบ้าน”

ปากร้องโวยวายอยู่อย่างนั้น แต่ตัวนอนแผ่จนเต็มเตียง มือไม้อ่อนแรงลงไปเพราะฤทธิ์เหล้า ยิ้มที่สะใจของสาวเปรี้ยวก่อนจะพยักหน้าให้หนุ่มน้อยที่ยืนอยู่ห่าง ๆ ในมือมีกล้องวีดีโอ พร้อมปฏิบัติการตามคำสั่ง ของคนที่เอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตด้วยความอารมณ์ดี

คณินลืมตาตื่นขึ้นมาในเวลาเกือบจะสิบโมง วงแขนยังกอดอยู่กับร่างขาว ตั้งสติได้ก็รีบลุกขึ้นทันที ไม่แน่ใจนักว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับหญิงสาว แต่ก็ไม่คิดจะใส่ใจ ได้แต่รีบใส่เสื้อผ้าแล้วออกจากคอนโดฯ ไปโดยไม่คิดที่จะล่ำลา คนที่หลับใหลอยู่เลย โกรธตัวเองไม่น้อย ที่ไม่รอบคอบพานทีหรือบรรพตมาเป็นเพื่อน แต่ก็คิดว่าคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ เพราะความสัมพันระหว่างเขากับโชติกาอย่างมากก็คงจะเป็นได้แค่ ‘คนเคย ๆ’ เท่านั้น

นับตั้งแต่วันที่ทุกคนได้รู้ความจริง เกี่ยวกับเรื่องในอดีต ก็ไม่มีใครเอ่ยถึงมันอีกเลย คณินยังคงทำงานหนัก และดูจะหนักกว่าเดิมด้วย เขาโชคดีที่ได้โปรเจคใหม่มาชดเชยงานที่หลุดมือไป และดูเหมือนว่าเขาจะโชคดีสองต่อ ที่โปรเจคใหม่ทำให้เขาต้องวิ่งวุ่นขึ้นล่องระหว่างกรุงเทพฯ กับภูเก็ตเป็นว่าเล่น สลับกับไปตรวจโปรเจคที่ระยอง โปรเจคที่เชียงราย เขามอบหมายให้บรรพตเป็นคนควบคุม ส่วนตัวเองจะดูอยู่ห่าง ๆ ความที่วุ่นอยู่กับงาน ทำให้เวลาที่จะคิดถึงใครคนหนึ่งลดน้อยลงไปได้ดีทีเดียว

“โห! พี่ลีซื้อของมาเยอะแยะเชียว” นิดร้องทักก่อนจะวิ่งไปเปิดประตูให้
“วันนี้แปลว่านิดจะได้กินของอร่อย ๆ อีกแล้วใช่มั้ย”
นิดรีบกุลีกุจอไปรับข้าวของในมือเจ้านาย ที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาในร้านได้ไม่นาน
“เดี๋ยวนิดเอาไปวางไว้ที่โต๊ะข้างหลังร้านนะ พี่จะไปเลือกขนมใส่ตู้เย็นไว้ให้กินก่อนถึงจะกลับบ้าน”

บอกแล้วก็เดินตามหลังนิดไปติด ๆ แล้วลงมือรื้อข้าวของเองกับมือ ขนมหลายอย่างที่ซื้อมา ไม่มีอะไรเตะตาเตะใจมากไปกว่า ข้าวหลามสองกระบอกที่วางอยู่ ภาพวันที่พ่อหอบหิ้วตัวเองกับแม่และน้อง ไปด่าไอ้คนชั่วถึงที่บ้าน มันก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำ เพราะวันนั้นเป็นวันที่ตัวเอง เคยอยากกินเจ้าข้าวหลาม ที่แม่ค้าวางขายอยู่ในสถานีรถไฟมากที่สุด และรู้ดีว่ารสชาติของความหิวโหยมันเป็นยังไง

“คุณลุงครับขึ้นรถเถอะครับ เร็ว ๆ สิครับ เดี๋ยวยามจะมาก่อน”
หนุ่มวัยรุ่นรีบลงจากแท็กซี่ที่นั่งมาด้วยความรีบ เมื่อทนรอฟังข่าวอยู่หน้าหมู่บ้านของคนึงไม่ไหว เพราะความเป็นห่วงจึงโบกแท็กซี่ตามเข้ามา ด้วยกลัวว่าลุงจะระงับความโกรธ ที่มีในตัวเพื่อนทรยศไว้ไม่ไหว จนต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นก่อน
“เพชร! มาทำไมลุงบอกให้รออยู่หน้าหมู่บ้าน”

ประนพทั้งรีบพยุงเมีย แล้วส่งลูกให้ขึ้นไปบนแท็กซี่ แม้ปากจะว่าหนุ่มหน้าสวย แต่ก็รู้สึกดีไม่น้อยที่เขารู้งาน และมาได้ทันเวลา หัวลำโพงคือที่ที่ประนพให้แท็กซี่ไปส่ง สี่คนพ่อแม่ลูก ไม่หลงเหลือคราบคนมีเงินเลยในเวลานี้ มองหน้าลูกที่เขารักปานดวงใจทั้งสองคน ที่มุมมอมและอิดโรยจากการเดินทางมาจากภูเก็ตเมื่อคืนนี้ แล้วก็จะต้องเดินทางอีกไม่น้อยกว่าสิบสองชั่วโมง กว่าจะถึงจุดหมายที่เขาตั้งใจจะพาทุกคนไปพึ่งพา นั่นคือบ้านของแม่ยายที่เขาจากมานานหลายปีนั่นเอง

“คุณลุงครับนี่ตั๋วรถครับ เพชรว่าเรารีบพาคุณป้ากับน้องไปขึ้นรถก่อนดีกว่าครับ อีกหน่อยคงจะมาแล้ว”
เพชรวิ่งกลับมาพร้อมตั๋วรถไฟในมือ ก่อนจะช่วยจูงน้องชายตามลุงไปติด ๆ
“เพชรขอบใจมาก ๆ นะลูก ถ้าไม่ได้เพชรพวกเราจะต้องแย่แน่ ๆ เลย ขอบใจมากจริง ๆ นะลูก”

ประนพโอบกอดลูกบุญธรรมเอาไว้ ด้วยความรักและซาบซึ้งในน้ำใจไม่น้อย เขาโชคดีเหลือเกินที่ส่งเพชรมาเรียนที่กรุงเทพฯ จึงให้สืบว่าเพื่อนทรยศหนีมาอยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเป็นแน่ แม้แต่คนที่เขาเคยคาดหวังว่าเวลาเดือดเนื้อร้อนใจจะไปพึ่งพาได้ แต่พอเอาเข้าจริง ๆ กลับไม่เหลือใครเลยในชีวิต

“คุณลุงอย่าพูดอย่างนี้สิครับ ที่เพชรมีวันนี้ได้ก็เพราะคุณลุงนะครับ เอาไว้ให้เพชรปิดเทอมแล้วเพชรจะไปหาที่เชียงรายนะครับ” เพชรยิ้มด้วยความภาคภูมิใจที่ตัวเองมีโอกาสได้ตอบแทนผู้มีพระคุณบ้าง
“แล้วเพชรจะเรียนต่อยังไงล่ะลูก เงินป้ากับลุงก็ไม่มีส่งให้แล้ว” ปวีณาอดห่วงไม่ได้
“คุณลุง คุณป้าไม่ต้องห่วงนะครับ เพชรจะเรียนไปทำงานไป อีกไม่นานเพชรก็จะเรียนจบแล้ว ตอนนี้เพชรก็ทำอยู่นะครับพอได้ค่าขนม แต่ต่อไปเพชรก็จะทำงานหนักกว่าเก่าหน่อย ถ้าเพชรช่วยเหลือตัวเองได้ เพชรจะส่งเงินไปให้คุณลุงกับคุณป้าใช้นะครับ”
“โธ่! เพชรลูกแม่ ดูสิได้สบายอยู่กับพ่อแม่ไม่เท่าไหร่ก็ต้องมาลำบากอีกแล้ว”
ปวีณาผู้มีจิตใจอ่อนโยน ให้สงสารเด็กหนุ่มเป็นยิ่งนัก และที่เหนือไปกว่านั้นก็สงสารลูกน้อย ๆ ที่นั่งอยู่ข้างกายเป็นที่สุด
“รถจะออกแล้ว คุณลุงครับ เอาเงินนี่ติดตัวไปด้วยนะครับ เผื่อน้องอยากจะกินอะไร ผมไปนะครับ สวัสดีครับคุณลุง คุณป้า ลี วี พี่ไปก่อนนะ แล้วพี่จะไปหาที่บ้านยาย จะซื้อขนมไปฝากด้วย”

เพชรเอาเงินใส่มือให้ผู้มีพระคุณ แล้วก็รีบวิ่งลงจากรถ เมื่อรถเริ่มเคลื่อนขบวนออกจากจากชานชาลา ประนพคลี่ธนบัตรใบละห้าร้อยออกมาด้วยหัวใจที่เจ็บปวดเป็นที่สุด เงินจำนวนนี้เขาเคยมองข้ามประโยชน์ของมัน เคยใช้มันไปกับสิ่งที่ไม่มีสลักสำคัญอะไรมานักต่อนัก แต่เวลานี้กับเงินแค่นี้มันช่างมีค่ามหาศาลเหลือเกิน

“ข้าวหลาม ๆ ไก่ย่าง ๆ ข้าวเหนียว ๆ ถั่วต้ม ๆ น้ำ ๆ”
เสียงพ่อค้าแม่ค้าเดินขึ้นมาขายของบนโบกี้รถเต็มไปหมด หนูน้อยประณาลีผู้หิวโหย มองตามข้าวหลามที่เป็นของโปรดไปอย่างไม่วางตา ก่อนจะค่อย ๆ กลืนน้ำลายลงคอตาม เมื่อคนขายเดินผ่านหน้าไป

“ลีเอาข้าวหลามมั้ยลูก หรือจะกินไก่ย่างกับข้าวเหนียวดี”
ประนพรู้ว่าลูกมองของโปรด จึงรีบถามออกไป แต่หนูน้อยรู้ดีว่าพ่อมีเงินติดตัวไม่มาก จึงได้แต่ส่ายหน้า
“งั้นกินข้าวเหนียวกับไก่ย่างก็แล้วกันนะลูกแม่ วีหิวหรือเปล่าลูก”
ปวีณารู้ดีว่าลูกหิวแต่ไม่กล้าบอก เพราะรู้ว่าพ่อกับแม่มีเงินไม่มาก แล้วสี่คนพ่อแม่ลูกก็ได้ลิ้มลองข้าวเหนียวไก่ย่าง ที่อร่อยที่สุดในรอบหลาย ๆ ปีอย่างอิ่มหนำ ส่วนขนมหรือผลไม้ที่มีขายแทบจะทุกชานชาลา เหมือนทุกคนจะพร้อมใจกันระงับความหิวเอาไว้

“เหลือเงินพอได้ติดตัวหน่อยตอนที่เรากลับถึงบ้านแม่คุณนะณา จะได้ซื้ออะไรติดมือไปฝากท่านหน่อย”
ด้วยคำพูดของพ่อผุดขึ้นมาในเวลาต่อมา การหลับจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด สำหรับทุกคนในเวลานั้น

ร่างในชุดผ้าซิ่นกับเสื้อกล้ามเดินลงจากรถสองแถวที่มาจอดหน้าบ้าน มือหนึ่งหิ้วตะกร้าหวายที่เต็มไปด้วยอาหารสด ส่วนอีกมือก็หิ้วถุงขนมและผลไม้มาจนเต็ม ไม่ทันที่จะได้เข้ามาในรั้วบ้าน ปวีร์ที่เพิ่งจะมาถึงได้ไม่นาน ก็วิ่งไปรับข้าวของจากมือพี่สาวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ส่วนยายได้แต่นั่งมองหลานรักทั้งสองคน เดินเข้าบ้านด้วยความอิ่มเอมหัวใจ

“ไหนว่าจะมาอาทิตย์หน้าไงวี” จำได้ว่าน้องโทรมาบอกไว้
“อ๋อ! พอดีงานที่ส่งลูกค้าผ่านฉลุยครับพี่ลี ก็เลยรีบมา เพราะมีงานใหม่เข้ามาอีกแล้ว กลับไปนี่ก็ต้องไปคุยกับลูกค้าอีกครับ นี่วีก็เพิ่งมาถึงได้ไม่นาน ตั้งใจว่าจะไปหาพี่ลีที่ร้าน แล้วค่อยไปตลาดกัน ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วจังครับ”
“วันนี้ที่ร้านเงียบ ๆ เลยให้นิดอยู่คนเดียวจ๊ะ ” ปากตอบน้องแต่ตาเริ่มลาย เดินยังไม่ทันจะถึงครัวหญิงสาวก็เกิดอาการเซ

“พี่ลี! เป็นอะไรไปครับ นั่งพักก่อนดีกว่าครับมาเหนื่อย ๆ” วางของได้ก็รีบเข้าไปประคองพี่ให้เดินไปนั่งใกล้ ๆ ยาย
“วันนี้แดดแรงด้วยสิยายลี แล้วนึกยังไงถึงได้ไปเดินตลาดแต่หัววันแบบนี้ล่ะ แถมนั่งสองแถวกลับมาด้วย จะเอารถที่ร้านมา ก็ไม่เอานะเรา เจ้านิดมันนั่งรถเครื่องเข้าบ้านก็ได้” ยายอีกคนที่อดเอ็ดหลานสาวไม่ได้

“ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะยาย ลีคงจะตากแดดนานไปหน่อย วันนี้ต้องเตรียมของทำกับข้าวให้ยายไปวัดตั้งหลายอย่าง ลีเลยรีบไปค่ะ พรุ่งนี้วันพระไม่ใช่เหรอคะ”
“พี่ลีพักก่อนครับ จะทำอะไรบ้างบอกวีมา เดี๋ยวจะเตรียมของสดไว้ให้ พี่ลีค่อยไปปรุงตอนเย็น ๆ แล้วกันครับ”
แม้อยากจะฝืนกลับไปเข้าครัว แต่ประณาลีก็รู้ดีว่าไม่ไหว จึงได้แต่บอกเมนูให้น้อง แล้วนั่งมองท่าทีที่คล่องแคล่วของเขาเวลาอยู่ในครัวแทน

เมื่อมีน้องมาหญิงสาวก็มีผู้ช่วยทำครัวโดยการเตรียมอาหารสดเอาไว้ให้ เช่นเมื่อตอนยังเรียนหนังสืออยู่ด้วยกัน แต่สองสามวันมานี้ อาหารสดที่น้องเตรียมให้ตรงหน้า หญิงสาวรู้สึกว่าจะมีกลิ่นคาวแรงกว่าทุกครั้ง ทำให้อยากจะอาเจียนอยู่บ่อย ๆ ถึงจะปรุงเสร็จสรรพ แกงร้อน ๆ ในหม้อ ซึ่งเป็นเมนูที่เคยชอบก็ยังรู้สึกเหม็น จนต้องเบือนหน้าหนี เมื่อรู้ตัวว่าไม่ไหวจึงวิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำเป็นนาน

“พี่ลี ไปหาหมอดีกว่าครับ เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว ไม่รู้โรคกระเพาะจะกำเริบหรือเปล่า วีจะพาไปนะครับ”
ปวีร์ผู้ที่เฝ้ามองพี่สาวที่มีอาการพะอืดพะอม กับอาหารตรงหน้า ก่อนจะวิ่งไปอาเจียนทิ้ง อยู่สองสามวันแล้ว หลังจากนั้นพี่สาวก็เข้าห้องนอนอย่างคนอ่อนแรง มือก็ลูบหลังให้พี่ด้วยความห่วงใย

“พี่ไม่เป็นอะไรหรอกวี สงสัยเมื่อคืนจะนอนน้อย”
แม้จะสงสัยในอาการของตัวเอง แต่ก็ยังไม่อยากจะไปตรวจ ได้แต่ปฏิเสธคำบอกของน้องอย่างไม่สนใจ แต่ขาที่พาร่างก้าวเดินออกจากห้องน้ำ เกิดอาการอ่อนจนเกือบจะล้มลงไป หากไม่มีน้องคอยช่วยพยุงไว้ก่อน

“พี่ลีไปหาหมอเถอะครับ วีห่วง ถ้าพี่ลีไม่ไป วีจะกลับกรุงเทพฯ ไปทำงานได้ยังไงครับ นั่งตรงนี้ผมจะหยิบกระเป๋าให้”
ไม่สนใจมองหน้าพี่สาวที่ทำท่าจะห้ามด้วยซ้ำ เมื่อขัดไม่ได้ก็จำต้องตามน้อง ไปนั่งรออยู่หน้าห้องตรวจในเวลาไม่นาน ใจรู้สึกว้าวุ่นอย่างบอกไม่ถูก พร้อม ๆ กับภาวนาขออย่าให้สิ่งที่กลัวเป็นจริงขึ้นมาเลย

“ยินดีด้วยนะคะคุณประณาลี คุณตั้งท้องได้เดือนกว่า ๆ แล้วค่ะ จะฝากครรภ์เลยมั้ยคะ หมอจะได้ส่งไปหาแผนกสูติฯ”
แพทย์แจ้งข่าวดีพร้อมกับยิ้มให้คนไข้ตรงหน้า แต่ดูเหมือนว่าอีกคน จะไม่ยอมตอบรับหรือปฏิเสธคำถามของแพทย์แต่อย่างใด จนต้องย้ำถามอีกครั้ง

“ตกลงจะฝากครรภ์เลยมั้ยคะ”
“เอ่อ! เดี๋ยวจะมาฝากวันหลังก็ได้ค่ะ” จำได้ว่าแจ้งแพทย์ไปแบบนั้น เพราะรู้ดีว่าถ้าตัวเองถูกส่งไปที่แผนกสูติฯ เมื่อไหร่ น้องย่อมจะรู้ความจริงในข้อนี้เป็นแน่

“พี่ขอนอนพักก่อนนะวี”
บอกแล้วก็หายเข้าไปในห้องเสียอย่างนั้น ปวีร์ได้แต่มองตามพี่ไปอย่างนั้นเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าพี่สาวป่วยด้วยโรคอะไรกันแน่ แต่ที่รู้แน่ ๆ ก็คือ พี่สาวเงียบตั้งแต่ออกจากห้องตรวจมาแล้ว ถามคำก็ตอบคำจนมาถึงบ้าน

ทันทีที่เข้ามาอยู่คนเดียวในห้อง น้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลออกมาด้วยความคับแค้นใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ลำพังจะหักห้ามใจ ไม่ให้คิดถึงเขา มันก็ทำได้ด้วยความยากลำบากอยู่แล้ว แล้วยังจะมีทายาทเขามาคอยตอกย้ำให้เจ็บปวดแบบนี้อีก ความน้อยเนื้อต่ำใจที่มีในตัวเขายิ่งทวีคูนขึ้นมาหลายเท่า เพราะตัวเองหายออกจากชีวิตเขา มาได้แรมเดือน แต่เขาก็ไม่เคยแม้แต่คิดจะติดตามสักนิด ไม่แม้แต่จะโทรมาหาที่บ้าน ไม่แม้แต่จะโทรไปถามที่โรงเรียน

“ประณาลี เธอจะทำยังไงดี จะทำยังไงดี”
คำถามเดิม ๆ ผุดขึ้นนับร้อยนับพันครั้ง เกลียดชังตัวเองเป็นที่สุด ที่ขาดความระแวดระวัง จนเขาเข้าถึงตัวได้ เกลียดตัวเองเป็นที่สุด ที่ยอมเขาครั้งแล้วครั้งเล่า จนต้องมีชีวิตน้อย ๆ ที่กำลังจะเกิดมา เกลียดตัวเองที่สุดที่ลำพองใจ คิดไปว่าตัวเองได้สร้างความทุกข์ให้ลูกศัตรูได้สำเร็จ แต่ที่แท้ตัวเองกลับเป็นคนรับทุกข์มาแทน เกลียดตัวเองเป็นที่สุด ที่ไม่ระวังหัวใจ ปล่อยให้มันเผลอไปมีเขาเข้าให้แล้ว ‘ฉันไม่ใช่คนแพ้ ฉันคือผู้ชนะต่างหาก’ พร่ำบอกตัวเองอยู่ในใจ

“พี่ลีออกมากินข้าวหน่อยครับ เมื่อคืนก็ไม่กินอะไรไปหนหนึ่งแล้ว”
เสียงน้องร้องเรียกนับสิบ ๆ รอบ จนต้องพาตัวเองออกมาจากห้อง ข้าวต้มคือเมนูที่เขาถนัด ตักเตรียมให้พี่กับยายเรียบร้อยแล้ว อาการเหม็นยังคงมีอยู่ แต่ก็พยายามฝืนตักข้าวเข้าปาก เพราะไม่อยากให้น้องกับยายสงสัย แต่ก็ทนไม่ไหวจนต้องวิ่งเข้าห้องไปอาเจียนอีกจนได้

“พี่ลี ยังไม่ดีขึ้นอีกเหรอครับ จะไปหาหมออีกรอบดีมั้ย” น้องลูบหลังให้ด้วยความห่วง
“ไม่ต้องหรอกวี พี่ไม่เป็นไรมาก ออกไปก่อนเถอะเดี๋ยวพี่จะตามไป”
คิดขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กินยาแก้แพ้ที่แพทย์ให้ เมื่อกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง ก็พอจะตักข้าวเข้าปากได้บ้าง ทำให้ปวีร์กับยายค่อยโล่งอก เสร็จจากอาหารเช้า แม้ใจอยากจะอยู่กับพี่และยายต่อ แต่ปวีร์ก็จำต้องกลับ เพราะนัดลูกค้าไว้แล้ว

“นิดแวะที่โรงพยาบาลให้พี่ก่อน”
เขาบอกเมื่อนิดทำหน้าที่ขับไปส่งที่สนามบิน ใช้เวลาอยู่เกือบจะชั่วโมงก็กลับออกมา พร้อมสีหน้าของคนคิดหนัก ไม่รู้จะทำยังไงดีกับข่าวที่ได้รู้มาจากแพทย์ ที่ตรวจพี่สาวเมื่อวาน ทันทีที่ถึงกรุงเทพฯ คนแรกที่เขาโทรหาก็คือแพท และโรงเรียนคือที่ที่เขาตรงไป และก็ไปได้อย่างเปิดเผยกว่าเมื่อก่อนแล้ว

“อะไรนะวี! ไหนบอกพี่อีกทีซิ”
แพทถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ แล้วเมื่อได้ยินประโยคเดิมออกจากปากน้องชาย ก็ยิ่งตกใจเป็นที่สุดกับข่าวที่กรองมาเป็นอย่างดี
“นายคณินเหรอ” คนเดียวเท่านั้นที่แพทคิดออก ปวีร์ดูเหมือนจะไม่ตกใจกับชื่อนี้เลย
“จะเป็นใครไปได้ครับพี่แพท ถ้าไม่ใช่ไอ้คนที่มันจับพี่ลีไปอยู่ด้วย เกือบสองอาทิตย์ ผมจะไปฆ่ามัน นี่มันอะไรกันนักหนา พ่อแม่มันทำกับพ่อแม่เราไม่พอ ลูกมันยังจะมาทำพี่ของวีอีก วีไม่ยอมนะครับ”

“ใจเย็น ๆ ก่อนสิวี เราอาจจะคิดผิดก็ได้ พี่ว่าทางที่ดีควรจะถามลีก่อนดีกว่า”
“พี่แพทคิดว่าพี่ลีจะยอมบอกเหรอครับ คราวก่อนเราถามว่านายคณินทำอะไรหรือเปล่า พี่ลียังไม่บอกเลย มันต้องขืนใจพี่ลีแน่ ๆ ผมไม่เชื่อหรอกว่าพี่ลีจะยอมมันง่าย ๆ พี่ลีไม่มีวันทำแบบนั้นเด็ดขาด” เชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิดเป็นที่สุด
“เอาไว้พี่จะไปถามลีเอง เดี๋ยวพี่เคลียร์งานให้ลงตัวแล้วพี่จะบินไปทันที”
“พี่แพทคิดว่าพี่ลีจะบอกเหรอครับ” “พี่มีวิธีก็แล้วกัน”

คุณยายสำลีสังเกตุอาการหลานสาวมาหลายวัน คนผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน ย่อมไม่ได้คิดไปในแง่มุมอื่น แต่ก็ไม่คิดว่าหลานจะใจเร็วกับผู้ชายคนไหน จนต้องเกิดเรื่องไม่ดีให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะรู้ดีว่าหลานเป็นคนรักนวลสงวนตัวมากแค่ไหน ความคิดที่อยู่ในใจจึงตัดออกไป ได้แต่ห่วงว่าหลานอาจจะเป็นอย่างอื่นที่ร้ายแรงกว่า

“ลีไปหาหมออีกมั้ยลูก ยายจะโทรให้เจ้านิดมารับ เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วนะยายห่วง”
มือเหี่ยวคอยลูบหลังให้หลานด้วยความห่วงใย
“ลีไม่เป็นอะไรค่ะยาย ไม่ต้อง...” ไม่ทันได้พูดอะไรต่อก็ต้องอาเจียนออกมาอีก หูคนเป็นยายเหมือนได้ยินเสียงรถเข้ามาจอดในบริเวณบ้าน

“ใครมาล่ะนั่น ยายไปดูก่อนนะลูก”
“อ้าว! เจ้าเพชรนั่นเอง” คุณยายสำลีเป็นเพียงคนเดียว ที่ยังคงเรียกชื่อเก่าของแพท เพราะไม่คุ้นกับชื่อใหม่
“คุณยาย สวัสดีค่ะ”
แพทก้มลงกราบแทบเท้าคุณยายสำลี ด้วยความเคารพรักเป็นที่สุด เพราะนับจากประนพและปวีณาแล้ว คุณยายสำลีก็คือผู้ที่มีบุญคุณล้นหัว ที่คอยส่งเสียเกื้อกูลคอยช่วยในบางครั้งให้ร่ำเรียนจนจบ ทั้งสองถามไถ่กันหลายคำ จนแพทคิดขึ้นได้ในจุดประสงค์ของการมา

“อาเจียนอยู่ในห้องโน่น นี่ถ้ายายลีแต่งการแต่งงานไปแล้วนะ ยายจะต้องคิดว่ากำลังจะมีเหลนให้ยายแน่ ๆ เลย ไปดูน้องให้ยายหน่อยไปเพชร ยายจะสอยผ้า จะรีบทำให้คุณนายชวนชม แกมาสั่งตัดชุดไว้หลายวันแล้ว”

แพทไม่รอช้ารีบตรงไปหาน้องทันที ประณาลีไม่มีกระจิตกระใจจะถาม การมาที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าของพี่นัก เพราะอาการแพ้รุนแรงเหลือเกิน เรียกว่ากินอะไรเข้าไปได้ ก็กลับออกมาทางเดิมหมด ขาแข้งก็อ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด ออกจากห้องน้ำได้แพทก็ช่วยพยุงให้น้องไปนั่งที่เตียง มองหน้าพี่สาวเหมือนอยากจะร้องไห้ แต่ก็หักห้ามเอาไว้ แล้วถามการมาของพี่แทน

“พี่แพทจะมาทำไมไม่บอกก่อนคะ”
“ลี! คุณคณินคือพ่อของลูกในท้องลีใช่มั้ย” สำหรับน้องที่ดื้อเงียบคนนี้ วิธีหาคำตอบจึงจะต้องใช้แบบนี้
“พี่แพท!”

เรียกชื่อพี่ได้แค่นั้น น้ำตาก็ไหลพรากออกมา ก่อนจะซบหน้าลงกับอกพี่อย่างคนไร้ที่พึ่งพิง เพียงแค่นี้ แพทก็กระจ่างกับคำตอบแล้ว ความรักและความสงสารที่มีให้น้องต่างสายเลือด แสดงออกมาให้เห็นทางตาของคนพี่ มือลูบหลังน้องไปมาเบา ๆ เป็นการปลอบใจ

“ลีจะทำยังไงต่อไป จะบอกเขาหรือเปล่า หรือจะให้พี่ช่วยยังไง”
“เราจะให้ศัตรูรู้เรื่องนี้ไม่ได้หรอกค่ะพี่แพท พวกนั้นคงจะมีแต่มาหัวเราะเรา ลีจะเลี้ยงลูกของลีเอง”
“แล้วยายล่ะจะปิดไปได้ถึงไหนกัน”

“ทันทีที่ลีแข็งแรง ลีจะกลับกรุงเทพฯ ค่ะพี่แพท จะมาเยี่ยมยายในช่วงแรก ๆ พอถึงเวลาที่ลีมาไม่ได้ ลีก็จะให้วีมาแทนค่ะ พอคลอดแล้ว ลีค่อยพาลูกมาหายาย ถึงเวลานั้นยายคงจะเสียใจน้อยกว่านี้ เพราะมีเหลนมาทำให้หายโกรธ”
สิ่งที่คิดได้นับตั้งแต่ที่รู้ว่าตั้งท้อง ถูกถ่ายทอดให้พี่รู้ ทั้งสองหารือกันจนลงตัวตามความต้องการของประณาลี
“แน่ใจนะลีว่าจะไม่กลับไปพร้อมพี่” “ค่ะ ลีอยากอยู่กับยายนาน ๆ หน่อยค่ะ”

“งั้นพรุ่งนี้พี่จะพาไปฝากท้องนะ เดือนกว่า ๆ แล้ว ให้อยู่ใกล้ ๆ หมอจะดีกว่า”
แทนคำตอบรับประณาลีก็เลื่อนตัวจากนั่งเป็นนอนลงทันที เพราะความอ่อนเพลีย แพทได้แต่มองหน้าน้องด้วยความสงสาร ‘ความแค้นไม่เคยให้คุณกับใคร’ ดูเหมือนจะเป็นประโยคเดียวที่แพทคิดออกในเวลานี้ เพราะตัวเองและน้องต่างสั่งสมความแค้น จนต้องพากันมานั่งทุกข์แบบนี้

รุ่งขึ้นของวันถัดมา อัมพรนั่งรอสมาชิกในครอบครัวมาร่วมโต๊ะ ด้วยอาการของคนที่ยังคงไม่คลายทุกข์ แต่ก็รู้สึกโล่งกว่าเมื่อก่อน หลังจากที่ได้เปิดเผยทุกอย่างให้ลูกรับรู้แล้ว แม้จะมีแต่เรื่องร้าย ๆ เข้ามาในช่วงนี้ แต่ก็มีข้อดีอยู่หนึ่งที่อัมพรได้รับจากลูก นั่นก็คือลูก ๆ มักจะพากันกลับบ้าน ร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกันแทบจะทุกวัน ยกเว้นก็แต่ลูกชายคนโต ที่จะไปหมกตัวอยู่ภูเก็ต หรือที่ออฟฟิศเป็นส่วนใหญ่

สายตาแม่นั่งจ้องมองลูกสาวคนเล็ก ที่เดินเข้ามาในห้องอาหาร ด้วยสีหน้าที่ดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด พยายามจ้องมองความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในตัวลูก แต่ก็ไม่เห็น ตั้งใจจะคุยกับลูกหลายวันแล้ว แต่ก็ยังไม่อยากจะกวนใจ เพราะอยู่ในช่วงที่จะต้องอ่านหนังสือสอบ ซึ่งเป็นเทอมสุดท้ายแล้ว ญาณินส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้แม่ ก่อนจะลงมือกับอาหารเช้า แต่พอกินไปได้ไม่กี่คำ ก็เกิดอาการคลื่นไส้อยากจะอาเจียนออกมา จนต้องวิ่งเข้าห้องน้ำ

หัวใจของคนเป็นแม่แทบจะแตกสลายลงไปตรงนั้น เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าสิ่งที่ประณาลีบอก เป็นความจริงขึ้นมา หากเป็นโดยปกติอัมพรคงจะไปลากตัวคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของหลาน มารับผิดชอบแล้ว แต่ตอนนี้ แม้แต่ใจจะคิดโกรธเคืองฝ่ายโน้น อัมพรยังต้องหักห้ามเอาไว้ด้วยซ้ำ ‘การให้ชีวิตก็ยังดีกว่าการคร่าชีวิต’ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในหัว

“คุณแม่อิ่มแล้วเหรอคะ” คณิศรที่ยังไม่ยอมกลับไปอยู่บ้าน ถามมารดาด้วยความห่วง
“แม่ไม่ค่อยหิว คุณพยาบาลพาฉันไปพักที่ห้องที” พยาบาลทำตามอย่างว่าง่าย ห้องชั้นล่างที่ลูกจัดให้ใหม่ คือที่ที่อัมพรขังตัวเองอยู่ตามลำพัง คิดอะไรไปสารพัดควบคู่ไปกับมีน้ำตาเป็นเพื่อนช่วยระบาย







Create Date : 03 มีนาคม 2552
Last Update : 3 มีนาคม 2552 10:20:18 น. 0 comments
Counter : 451 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.