Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
10 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 

ธารลาวา อวสาน (ธัญรัตน์)





ตอนอวสาน

“เขาไม่ได้รักผมเลยครับคุณแม่ เขาเกลียดผม เกลียดพวกเรา เขาเลือกที่จะเอาความแค้นไปอยู่ข้าง ๆ แทนความรักที่ผมมีให้เขาครับคุณแม่ ทำไม ๆ ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วยครับ ผมผิดใช่มั้ยที่เกิดมาเป็นลูกคุณพ่อคุณแม่”
ร่ำไห้ต่อหน้าแม่อย่างไม่คิดที่จะอายอีกต่อไปแล้ว เพราะไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครได้อีก ความเข้มแข็งที่เคยมีมา มันหมดสิ้นลงแล้วในตอนนี้ ขณะเดียวกันน้ำตาของหัวอกแม่ก็เอ่อเต็มเบ้า แล้วก็ไหลออกมาเพราะความสงสารลูก

“ณินอย่าเพิ่งด่วนสรุปนักสิลูก ใจเย็น ๆ คิดทบทวนดูหลาย ๆ เรื่องนะลูกนะ”
“แค่นี้ก็รู้แล้วครับคุณแม่ ว่าลีเกลียดผมขนาดไหน”

“ณินฟังแม่นะลูก ณินเป็นคนบอกแม่เองว่าตอนนั้นใกล้จะทำให้หนูลียอมคืนดีได้แล้ว แต่พอหนูลีเห็นซีดีแผ่นนั้น ลูกกับเขาก็ทะเลาะกันจนมาถึงวันนี้ แล้วอย่างนี้ณินจะบอกแม่ว่าหนูลีไม่รักลูกได้ยังไงกัน ผู้หญิงถ้าลองได้เห็นผัวตัวเอง นอนกับผู้หญิงอื่นแล้วโกรธมากขนาดนี้ ไม่เรียกว่ารักแล้วจะเรียกว่าอะไร” คำพูดของแม่ทำให้เขาได้คิดในเรื่องนี้

“คุณแม่หมายความว่ายังไงครับ”

“คือวันก่อนแม่โทรหาหนูโรส แล้วขอให้ไปอธิบายเรื่องทั้งหมด ให้หนูลีเข้าใจ ถ้าแม่เดาไม่ผิดหนูลีคงจะเชื่อเรื่องที่หนูโรสบอกบ้างแล้วล่ะ แล้วที่เมื่อกี้ปวีร์ก็มาบอก ว่าณินเป็นคนทำให้พี่เขาเจ็บ ก็แปลว่าเขาต้องรู้ดีว่าพี่เขารักณินมากถึงได้เจ็บ หนูลีเป็นคนทิฐิแรงไม่แพ้ลูก เมื่อลูกไม่ยอมไปหาเหมือนเดิม มีเหรอที่หนูลีจะยอมเสียศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงได้ ถึงจะเจ็บหนูลีก็คงจะยอมเจ็บมากกว่า เพราะคิดว่าที่ณินไม่ไปหาก็หมายความว่าไม่รักเขาแล้วไงลูก”

“จริงเหรอครับ ไม่เห็นโรสจะบอกผมเลย” “จริงสิลูก”
“แล้วคุณแม่คิดว่าที่เขาโกรธผมนี่ เพราะเรื่องซีดีมากกว่าเรื่อง เอ่อ”
“แม่เชื่ออย่างนั้นนะลูก แม่เชื่อว่าหนูลีคงเลือกที่จะลืมเรื่องในอดีต เพราะความรักที่มีต่อลูกมีมากกว่า ถ้าณินไม่เชื่อก็ลองไปหาหนูลีดูอีกสักครั้งสิลูก แม่รับรองว่าครั้งนี้ลูกจะต้องได้เมียกับลูกกลับคืนมาแน่ ๆ เลย”

“อย่าไปหวังมากเลยครับคุณแม่ เราอาจจะเข้าใจผิดไปเองก็ได้”
“บางครั้งการมีความหวังก็ดีกว่าไม่มีนะลูก”
แม้จะพยายามข่มใจไม่หวังอย่างที่บอกแม่ไว้ แต่คณินก็พาตัวเองมาอยู่ที่สนามบินเรียบร้อยแล้ว จิตใจที่ร้อนรนเพราะอยากพบหน้าคนรักของเขาในตอนนี้ ช่างตรงกันข้ามกับอีกคนเหลือเกิน

‘ผมคืนให้เขาแล้วนะครับพี่ลี เขาบอกว่าไม่เอาหรอก แต่ผมก็กองไว้ตรงนั้นแล้วหนีออกมาเลย’
น้องโทรมาบอกเมื่อวานนี้แล้ว ความที่แอบคาดหวังว่าจะได้ยินเขาพูดอะไรเกี่ยวกับตัวเองและลูก ผ่านน้องมาบ้างเป็นอันหมดสิ้นไป เมื่อเรื่องที่น้องยกมาคุยด้วยเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกเลย

“ลี! ตกลงจะบอกยายได้หรือยังว่าเรากับพ่อณินมีเรื่องอะไรกัน” คุณยายสำลีเดินไปหาหลานที่นั่งเหม่ออยู่ระเบียงบ้าน
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะยาย ต่อไปนี้ลีกับเขาจะไม่ข้องเกี่ยวกันอีกตลอดไปค่ะ ทุกอย่างมันจบแล้ว”
เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่สบายใจของยาย หลานผู้ที่ไม่ประสงค์จะเอ่ยปากกับใครก็จำต้องบอก เพราะกลัวยายจะเป็นกังวล จนพลอยล้มเจ็บลงไป

“ลีคิดดีแล้วเหรอลูก หรือลียังไม่เลิกโกรธพ่อแม่เขา เรื่องในอดีตถ้าเก็บมาคิด แล้วทำให้เราต้องทุกข์ก็ลืม ๆ มันไปซะเถอะนะลูก ยายเคยบอกแล้ว ว่าความแค้นไม่เคยให้คุณกับใคร รังแต่จะทำให้เราอยู่อย่างทุกข์มากกว่าสุข เชื่อยายเถอะลืมมันไปซะ”
“ค่ะยาย ลีจะลืมมัน ลืมให้หมด ต่อไปนี้ลีจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูก กับยายที่นี่”

“แล้วกับพ่อของลูกล่ะยายลี แน่ใจแล้วเหรอว่าเราจะตัดเขาได้ ในเมื่อหลานยายรักเขามากขนาดนี้ แล้วเขาก็ดีกับหลานยายขนาดนี้ บอกตรง ๆ นะลูก ว่ายายเสียดาย ผู้ชายดี ๆ อย่างพ่อณินหาไม่ได้ง่าย ๆ นะลูก แล้วการที่ผู้หญิงตัวคนเดียวจะเลี้ยงลูก โดยไม่มีพ่อของลูก มันก็ไม่ใช่ง่าย ๆ นะลี ตอนนี้เรายังไม่คลอด จะพูดยังไงก็พูดได้ แต่ลองได้คลอดออกมาสิ ใจมันจะคิดถึงเขาตั้งแต่ตอนที่ปวดท้องจะคลอดด้วยซ้ำไป ยายเคยมาก่อนยายรู้ดี”

แค่เพียงคิดไปตามคำของยาย ก็เรียกน้ำตาที่เพิ่งจะเหือดแห้งให้ไหลออกมาได้ไม่ยากแล้ว สิ่งที่ยายพูดมา รู้ทั้งรู้ว่ามันคงจะเป็นความจริงแน่ แต่จะมีประโยชน์อะไรที่จะไปคิด ก็ในเมื่อเขาไม่เคยสนใจเลยสักนิด ว่าเธอกับลูกจะต้องเจอกับอะไรบ้างในอนาคตอันใกล้นี้ อกยายเป็นที่สำหรับให้หลานผู้ที่ต้องเผชิญกับความสูญเสีย พักพิงได้เสมอ ๆ นับตั้งแต่สิ้นพ่อแม่มา

“ลีต้องทำได้ค่ะยาย ลีจะต้องทำได้ ลีไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ลียังไม่ยาย มีพี่แพท มีวีอีกคน”
“เฮ้อ! เรานี่ดื้อจริง ๆ เลย ยายไม่พูดด้วยแล้วจะไปดูร้านก่อนนะ ยายจะเอาบัวไปด้วยลีอยู่บ้านคนเดียวได้ใช่มั้ยลูก”

คุณยายสำลีถอนหายใจออกมาดัง ๆ แล้วก็ถอดใจ ที่จะหว่านล้อมให้หลานคิดเปลี่ยนใจ จึงรีบออกจากบ้านไปจะดีกว่า ปล่อยให้หน้าที่กำหราบหลานดื้อ เป็นของคนที่เพิ่งโทรมาบอกว่ากำลังจะเดินทางมาถึงเองจะดีกว่า ยายออกบ้านไปแล้ว ส่วนหลานก็ยังคงนั่งปักหลักอยู่ที่เดิม อาการเครียดทำให้อยากจะอาเจียนขึ้นมาทั้ง ๆ ที่อาการนี้หายไปหลายวันแล้ว ประณาลีรีบไปห้องน้ำแล้วก็โก่งคออาเจียนอยู่อย่างนั้นจนเรี่ยวแรงหดหาย

“ว๊าย! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! โอ๊ย! ใครก็ได้ช่วยด้วย”

น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเจ็บปวดเป็นที่สุด เมื่อเท้าไปเหยียบเศษสบู่ก้อนเล็ก ๆ ที่ร่วงอยู่พื้นห้องน้ำ จนทำให้ลื่นล้มกองอยู่กับพื้นอย่างนั้น ความห่วงลูกมีมากกว่าความเจ็บปวดอีก เมื่อคิดไปถึงเรื่อง ‘แท้ง’

“ช่วยด้วย! ๆ ๆ ยายช่วยลีด้วย”

พยายามอย่างที่สุดที่จะพาร่างคลานไปหาประตู เพื่อเปิดไปเรียกคนมาช่วย แต่ความเจ็บบวกกับเรี่ยวแรงที่หดหาย ทำให้ไปได้ไม่ถึงประตูด้วยซ้ำ แล้วประณาลีก็ต้องตกใจเป็นทวีคูน เมื่อมีเลือดไหลอาบขาลงมา

“ลูก ๆ ๆ ช่วยด้วย ๆ ๆ ใครก็ได้ช่วยที ลูกแม่ ลูกแม่จะต้องไม่เป็นอะไรนะลูก อย่าจากแม่นะลูก แม่ไม่เหลือใครแล้ว พ่อเขาไม่รักแม่เขาหนีแม่ไปแล้ว ช่วยด้วย ๆ ๆ” เสียงที่ร้องตะโกนดูเหมือนจะอ่อนแรงลงแล้ว

“ลี ๆ ๆ คุณอยู่ไหน ได้ยินผมมั้ย” ไม่แน่ใจว่าความคิดถึงเขามีมากจนทำให้หูแว่วไป
“คุณณิน ลีอยู่นี่ ช่วยด้วย ๆ”
เสียงที่เรียกเขาออกไป ดูเหมือนจะไม่ได้ทำให้คนข้างนอกได้ยินแต่อย่างใด ขันพลาสติกที่อยู่ใกล้ ๆ มือจึงถูกคว้ามาเคาะกับพื้นให้เกิดเสียงดังเท่าที่แรงพอจะมี

“ลี ๆ คุณอยู่ในห้องน้ำใช่มั้ย คุณเป็นยังไงบ้าง ผมจะพังประตูเข้าไปนะ คุณถอยออกจากประตูไปก่อนนะ ลีได้ยินผมมั้ย คุณถอยออกจากประตูไปนะ ผมจะรอสักพักให้คุณถอยออกไปก่อนนะ”
“คุณณินช่วยลีด้วย ช่วยลูกเราด้วย” ปากก็พยายามร้องออกไป ตัวก็พยายามคลานออกห่างแนวประตูที่จะเปิดออกมา

“ลีคุณออกไปหรือยังผมจะพังเข้าไปแล้วนะ”
เมื่อคณินกะเวลาว่าหญิงสาวคงจะหลบพ้นทางประตูแล้ว ก็จัดการถีบแรง ๆ อยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ จนต้องเปลี่ยนเป็นใช้ลำตัวกระทุ้งแทน แต่ประตูก็แค่ขยับนิด ๆ

“ลีออกไปไกล ๆ นะ” เขาถอยไปสามสี่ก้าวแล้วออกแรงถีบใหม่ ครั้งแรกไม่เป็นผลแต่ครั้งที่สองประตูก็เปิดออก
“ลี คุณเป็นยังบ้าง ทำใจดี ๆ ไว้นะผมจะพาไปหาหมอ”
ตกใจกับสภาพของเมียที่นอนกองอยู่กับพื้นแล้วมีเลือดไหลออกมาเป็นที่สุด เมื่อตั้งสติได้ก็รีบอุ้มตรงไปที่รถทันที เคราะห์ดีที่วันนี้คนงานที่เขาให้ไปรับมาจากสนามบินยังไม่กลับเขาจึงมีคนขับรถให้

“ลีทำใจดี ๆ ไว้นะอีกหน่อยก็จะถึงโรงพยาบาลแล้ว” เขาร้องเรียกเธอขณะที่โอบร่างที่อ่อนระทวยอยู่เบาะหลัง
“คุณณิน คุณไปไหนมา คุณทิ้งลีกับลูกไปไหน คุณหลอกลี คุณบอกว่าจะไม่ทิ้งลีไปไหน”
แม้จะไม่มีเรี่ยวแรงเพราะความเจ็บ แต่ก็ยังไม่วายตัดพ้อเขาทั้งน้ำตา คณินเองก็น้ำตาไหลออกมาตั้งแต่เห็นเธอนอนกองอยู่กับพื้นแล้วด้วยซ้ำ

“ผมขอโทษนะลี ผมไม่ดีเองที่ทิ้งคุณไป ผมขอโทษ ผมสัญญาด้วยชีวิตของผม ว่าตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ผมจะไม่มีวันทิ้งคุณไปไหนอีกเด็ดขาด ผมรักคุณ ได้ยินมั้ยลีว่าผมรักคุณ” เขาพร่ำบอกเธอด้วยน้ำตา
“ลูกเรา ลูกเรา” “ลีอย่าเพิ่งพูดอะไรนะ ให้หมอช่วยก่อน”
เขารีบลงจากรถปล่อยให้บุรุษพยาบาล ช่วยพาเธอออกมาจากรถแล้วนอนที่เปล จากนั้นก็วิ่งตามไปห้องฉุกเฉินด้วยความเร็ว

“ญาติรอข้างนอกก่อนนะคะ”
มันช่างเป็นวินาทีที่เจ็บปวดสำหรับเขาเหลือเกิน ที่ได้แต่มองเมียกับลูกถูกเข็นเข้าห้องไป เวลาที่ต้องนั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน สำหรับคนอื่นคงจะยังไม่นาน แต่สำหรับเขามันเหมือนนานนับปี ทุกวินาทีเคลื่อนที่ไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน จนใจเขาแทบจะทนรอไม่ไหว มือสองข้างยกขึ้นมาปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมา เมื่อใจคิดไปต่าง ๆ นานา หนึ่งในนั้นคือเขาโทษตัวเอง

โทษที่ไม่เข้มแข็งพอจนต้องทะเลาะกัน แล้วทิ้งเธอมาตั้งแต่วันนั้น โทษที่มีทิฐิไม่ยอมกลับไปง้อเธอ เมื่อเวลาที่อารมณ์เย็นลง โทษที่ไม่ยอมขับรถมาหาเธอตั้งแต่เมื่อคืน แทนการรอที่จะขึ้นเครื่อง โทษที่เขาบังอาจโทรบอกคุณยายสำลี ให้พาบัวไปอยู่ที่ร้าน เพื่อหวังจะได้อยู่ใกล้ ๆ เธอ จะได้ง้อเธอได้เต็มที่ แล้วก็อีกสารพัดโทษที่เขาสรรหามาด่ามาว่าตัวเองอยู่อย่างนั้น

“เมียผมเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ ลูกผมปลอดภัยหรือเปล่าครับ”
เวลาที่เขานั่งพร่ำด่าทอตัวเองอยู่ในใจไม่รู้ว่านานเท่าไหนแล้ว จนแพทย์ที่เขาคุ้นหน้าเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน ไม่ทันที่แพทย์จะได้บอกอะไรออกไปด้วยซ้ำ เขาก็รีบยิงคำถามไปโดยเร็ว

“ปลอดภัยทั้งคุณแม่และลูกแล้วค่ะ โชคดีที่พามาถึงโรงพยาบาลเร็วหน่อย ไม่งั้นอาจจะต้องเสียลูกไปก็ได้ แต่คงจะต้องนอนพักที่โรงพยาบาลก่อนนะคะ ให้แน่ใจว่าจะไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อนก่อน หมอถึงจะให้กลับบ้านได้”
คำตอบของแพทย์เปรียบเหมือนแสงสว่าง มาส่องทางให้เขาอีกครั้ง ความดีใจมีมากล้นจนไม่ได้ยินเสียงพยาบาลเข้ามาถามเรื่องห้องพัก จนต้องถามอีกครั้งกว่าจะหันกลับมาสนใจ

“ผมอยากได้ห้องดีที่สุดให้เมียผมครับ” เป็นคำตอบที่เขามีให้พยาบาล
“ยายลีหลานยายเป็นยังไงบ้าง”
คุณยายสำลีรีบมาโรงพยาบาลทันที ที่คณินโทรไปหา เมื่อจัดการพาประณาลีมาพักที่ห้องพิเศษแล้ว

“ลีกับลูกปลอดภัยดีแล้วครับคุณยาย นี่ก็หลับตั้งแต่ออกจากห้องฉุกเฉินแล้วนะครับ หมอให้นอนพักมาก ๆ”
เขาให้ความกระจ่างกับคุณยายสำลี ที่มีอาการห่วงหลานเป็นที่สุด นิดกับบัวก็ดูจะมีสภาพไม่ต่างกันนัก เมื่อพบว่าหลานไม่เป็นอะไรมากแล้ว คุณยายสำลีกับทุกคนกลับบ้าน คณินนั่งเฝ้าคนไข้อยู่ข้างเตียงเกือบเที่ยงคืน แต่ก็ยังไม่ยอมตื่น ความง่วงเรียกร้องให้เขาพากายไปเอนกับที่นอนข้าง ๆ เตียง แล้วก็หลับไป

ร่างที่หลับอยู่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา เมื่อพยาบาลเข้ามาวัดไข้และตรวจชีพจรตามปกติ พร้อมเปลี่ยนน้ำเกลือถุงใหม่ให้ แล้วก็ออกจากห้องไป ประณาลีหันไปมองคนที่หลับอยู่กับที่นอน ด้วยลำตัวที่ยาว ทำให้เขาต้องนอนขดอยู่อย่างนั้น ยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เมื่อพบว่านี่ไม่ใช่ฝัน เขาอยู่ข้าง ๆ เธอจริง ๆ ความอุ่นใจทำให้เผลอหลับไปอีกครั้ง

อรุณรุ่งวันใหม่เข้ามาเยือน พยาบาลเข้ามาเช็ดตัวให้คนไข้ตามหน้าที่ ‘คุณแม่กับน้องในท้องปลอดภัยดีแล้วค่ะ’ พยาบาลตอบเมื่อเธอเอ่ยถาม รู้สึกดีใจเป็นที่สุดที่ไม่ต้องเสียลูกไปเหมือนที่คิดไว้เมื่อวาน พยายามมองหาคนเป็นพ่อของลูก แต่ก็ไม่เห็นเขาอยู่ในห้อง ‘หรือเมื่อคืนเราจะฝัน’ ที่เห็นเขามานอนเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ แต่ก็มั่นใจว่านั่นไม่ใช่ความฝันเป็นแน่

“ลีกับลูกปลอดภัยดีครับคุณแม่ ผมก็อยากให้คุณแม่กับน้อง ๆ มาเยี่ยมลีนะครับ แต่เอาไว้ให้ผมแน่ใจก่อนดีกว่านะครับ ตอนนี้ผมกับลียังไม่ได้คุยกันเลย พอดีลียังไม่ตื่นเลยครับ เอ่อ! คุณแม่ครับ ขอบคุณมาก ๆ นะครับที่คุณแม่เตือนสติผม และก็ขอบคุณมาก ๆ นะครับที่คุณแม่ไม่โกรธลี ผมรักคุณแม่นะครับ”

คณินที่ยืนคุยกับแม่อยู่หน้าห้องยิ้มกว้างกับโทรศัพท์ เมื่อตัดสายไปแล้ว ใจจริงก็อยากจะให้แม่มาเยี่ยมคนเจ้าพยศอยู่มาก แต่ก็คิดว่าระหว่างนี้ ควรที่จะให้แม่และคนในบ้านอยู่ห่าง ๆ เธอเอาไว้ก่อนคงจะดี ‘คนท้องจะหงุดหงิดง่าย’ ถ้าเขาคิดถึงคำที่แพทย์บอกตั้งแต่วันนั้น ก็คงไม่ต้องเกิดเรื่องในวันนี้ แต่จะมีประโยชน์อะไรที่จะไปคิดถึงเรื่องในวันวาน เพราะคงจะหวนไปแก้ไขไม่ได้เสียแล้ว คิดได้แค่นั้นเขาจึงรีบเข้าไปในห้อง

“ลี ตื่นนานหรือยัง คุณหิวมั้ย ดูสิอาหารน่ากินทั้งนั้นเลย กินข้าวเถอะลูกเราคงจะหิวแล้ว”
เขาเลือกเอาเรื่องนี้ มาเป็นหัวข้อเปิดบทสนทนาสำหรับเช้าวันใหม่ เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ปฏิเสธจึงช่วยปรับเตียงให้เธออยู่ในท่านั่งสบาย ๆ

“ผมป้อนนะ”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันกินเองได้”
แม้ใจแทบจะคลายความขุ่นเคืองในตัวเขาแล้ว แต่ก็รู้สึกอายที่จะพูดดี ๆ กับเขา

“อย่าดื้อสิลี นั่งเฉย ๆ นะ นี่อาหารมีประโยชน์กับลูกเราทั้งนั้นเลย”
ขัดเขาไม่ได้ก็ยอมให้ป้อนแต่โดยดี แต่อาหารเข้าปากไปได้ไม่เท่าไหร่ น้ำตาแห่งความดีใจ เสียใจ ตื้นตันใจมันก็ไหลออกมา เมื่อเห็นท่าทีของเขาที่ดูจะห่วงใยเธอเหลือเกิน คณินก็ดูเหมือนจะพูดไม่ออก เมื่อเห็นน้ำตาของเธอไหลรินออกมา

“ลี” เขาเรียกชื่อเธอได้แค่นั้น แล้วสองร่างก็โผเข้าหากันในนาทีต่อมา
“ผมขอโทษนะ ที่ผมทิ้งคุณไป เราจะลืมเรื่องทั้งหมดแล้วมาเริ่มต้นใหม่กันนะลี ผมรักคุณ รักลูกของเรา”
“สัญญานะคะว่าคุณจะไม่ทิ้งลีกับลูกไปไหนอีก”

“จ๊ะ ผมสัญญา ต่อไปนี้ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน จะมีคุณกับลูกอยู่ด้วย เราจะช่วยกันสร้างครอบครัวของเรานะลี คุณพร้อมที่จะให้ผมเป็นคนดูแลคุณกับลูกมั้ย ผมสัญญาว่าผมจะเป็นสามีที่ดีของคุณ จะเป็นพ่อที่ดีของลูกเรานะ คุณรู้มั้ยว่าผมรักคุณมากแค่ไหน ตลอดเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่มีนาทีไหนเลยที่ผมจะไม่คิดถึงคุณ ประณาลี นับแต่นี้ต่อไปผมอยากให้คุณรู้ว่า คุณคือคนที่มีความหมายที่สุดในชีวิตผม คนดีของผม ผมรักคุณนะ”

“ลีก็รักคุณค่ะ รักทั้ง ๆ ที่ห้ามใจไม่ให้รักแล้ว แต่มันก็ทำไม่ได้ ลีจะทำยังไงดีคะ ลีทรยศต่อพ่อแม่ ลีจะสู้หน้าใครได้คะ ถ้าเขารู้ว่าลีรักกับลูกของคนที่ฆ่าพ่อแม่ตัวเอง เขาคงจะตราหน้าว่าลีเป็นลูกอกตัญญูใช่มั้ยคะ” น้ำตาไหลอาบแก้มออกมาเมื่อคิดถึงข้อนี้
“ลีอย่าคิดอย่างนี้เลยนะ บางทีคุณพ่อคุณแม่ของลีอาจจะอยากให้เราสองคนอยู่ด้วยกัน เพื่อลบรอยร้าวในอดีตก็ได้ และยิ่งท่านได้รู้ว่าชีวิตวันข้างหน้าของลีกับลูก ที่จะมีผมเป็นคนคอยดูแล ผมเชื่อว่าท่านจะต้องดีใจและยินดีกับเรานะ และทุก ๆ คนก็รอแสดงความยินดีกับเราด้วย ลีอย่าคิดมากเลย ทำใจให้สบายลูกเกิดมาจะได้มีสุขภาพจิตที่ดีด้วย”

“ค่ะ ลีจะเชื่อคุณ” เมื่อได้ยินคำมั่นจากปากเธอแล้ว แขนแข็งแรงก็ละออกจากร่างบาง ล้วงไปในกระเป๋าได้กล่องกำมะหยี่ติดมือมาด้วย แหวนที่เขาเคยสวมให้หญิงสาวเมื่อครั้งที่ได้หมั้นหมายกันไว้

“แต่งงานกับผมนะลี”
เมื่อได้รอยยิ้มเป็นคำตอบเขาก็บรรจงสวมแหวนให้เธออีกรอบ คณินโทรสั่งแหม่มกับบรรพตให้ช่วยจัดงานแต่งงานให้โดยด่วน และให้เชิญแขกทางหนังสือพิมพ์แทนการ์ด กับข่าวด่วนนี้สร้างความสงสัยให้คนในวงสังคมไม่น้อย คณินเป็นคนประกาศอย่างเสียงดังฟังชัดบนเวทีว่าเจ้าสาวท้องได้จะสี่เดือนแล้ว คอนโดฯ ของคณินคือที่ที่เขาเลือกใช้เป็นห้องส่งตัวบ่าวสาว ด้วยเหตุผลที่ว่า ยังไม่อยากให้ประณาลีต้องเผชิญหน้ากับแม่และพี่สาวเท่าใดนัก

“แม่ขอให้ณินกับหนูลีรักกันมาก ๆ นะลูก”
คำพูดที่ประหยัดที่สุดของอัมพรเมื่อถึงเวลาส่งตัว พอ ๆ กับเวลาที่จะใช้อยู่ใกล้ ๆ สะใภ้ก็เป็นไปอย่างประหยัดไม่แพ้กัน ส่วนคนเป็นสะใภ้เอง ก็ดูเหมือนจะใช้วิธีเดียวกัน คือเลี่ยงการเผชิญหน้ากับแม่สามีเอาไว้ก่อน

“ป้าก็ขอให้สองคนครองคู่กันไป จนตราบชั่วฟ้าดินสลายนะหลานรัก”
“ลุงก็ขอให้หลานรักกันให้มาก ๆ อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไปนะ”
คุณกัมปนาทกับคุณป้าหญิงอวยพรแล้วก็หันไปยิ้มกับคุณยายสำลีที่นั่งอยู่ไม่ห่างนัก

“ยายขอให้สองคนมีความสุขกายสบายใจนะลูกนะ พ่อณินยายฝากหลานกับเหลนด้วยนะลูก”
คุณยายสำลีคือคนสุดท้ายที่อวยพรให้ทั้งคู่ ก่อนจะมีปวีร์คอยจูงมือออกมาจากห้อง ซึ่งแพทกับเกสรานั่งรออยู่แล้ว คามินที่เดินตามหลังทุกคนไป ไม่วายเหลียวกลับไปมองประตูห้องหอ ที่ค่อย ๆ ปิดเข้าจนสนิทในที่สุด แม้ใจจะเจ็บปวดเพราะยังตัดใจไม่ขาดจากหญิงสาว แต่เขาก็พร้อมที่จะทน เพื่อให้เวลาเป็นเครื่องช่วย กำหนดการไปเรียนต่อเมืองนอกของเขาถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด

เมื่อพี่ชายขอร้องให้อยู่เป็นเพื่อนแม่ก่อน เขาจึงปล่อยให้น้องสาวล่วงหน้าไปก่อน ซึ่งญาณินจะบินพรุ่งนี้ ส่วนตัวเองรับปากพี่ตามคำขอ เพราะคณินตั้งใจจะอยู่ที่คอนโดฯ กับประณาลีก่อน เมื่อใกล้จะคลอดแล้วเขาจึงจะพาย้ายไปอยู่ในบ้าน อัมพรรู้ดีว่าลูกมีจุดประสงค์อะไร จึงไม่เอ่ยปากห้าม ส่วนประณาลีเองก็เข้าใจดี และดีใจที่ยังไม่ต้องฝืนความรู้สึกตัวเอง เมื่อต้องเข้าไปอยู่ร่วมบ้านกับแม่ของเขา

“เกดเราคงจะต้องลากันตั้งแต่คืนนี้แล้วล่ะ พรุ่งนี้ต้องบินแต่เช้ามืด”
ญาณินเดินไปหาเกสรากับปวีร์ ที่ส่งให้คุณยายสำลีเข้าไปในรอในรถแล้ว รอยยิ้มที่ทั้งสองคนส่งให้ผู้ที่กำลังจะจากไป เป็นรอยยิ้มที่มาจากส่วนลึกในใจจริง ๆ
“เราจะเอ็มคุยกันนะญา ตั้งใจเรียนนะ”
เกสราโผเข้าไปกอดเพื่อนรักด้วยอาการเศร้า ถึงจะรู้ว่าเพื่อนคิดยังไงกับคนที่ตัวเองรัก แต่เกสราก็ไม่ได้ล่วงรู้ว่าต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนรัก ไม่ได้ใจปวีร์ไปครองมีสาเหตุมาจากเรื่องใด เพราะปวีร์ไม่ประสงค์จะให้ใครได้รับรู้เรื่องในอดีตอีกเป็นอันขาด แม้แต่คนที่เขารักก็ตาม

“ญาไปก่อนนะคะพี่วี ขอให้พี่วีกับเกดมีความสุขมาก ๆ นะคะ”
ถึงบอกตัวเองว่าจะทำใจให้ลืมเขาได้ในอีกไม่ช้า แต่แค่เพียงได้เห็นหน้าเขาในตอนนี้ น้ำตามันก็พร้อมที่จะไหลออกมา แต่ญาณินก็รีบห้ามมันเอาไว้

“ขอบคุณนะครับญา พี่ขอให้ญาโชคดีในทุก ๆ เรื่อง ที่จะเกิดขึ้นในชีวิตวันข้างหน้าของญา พี่กับเกดจะเป็นกำลังใจให้นะครับ ถ้ามีอะไรที่พี่พอจะช่วยได้ก็ขอให้บอกนะ เราก็เหมือนคนในครอบครัวเดียวกันแล้ว” ปวีร์มองไม่เห็นประโยชน์ ที่จะไปผูกใจเจ็บกับลูกศัตรูอีกต่อไป เพราะรังแต่จะทำให้จิตใจว้าวุ่น และหาความสุขไม่ได้

แล้วรถหรูทั้งสี่คันต่างแล่นออกจากคอนโดฯ ไป เมื่อถึงทางแยก สองคันแรกซึ่งมีรถของนเรศ และรถอัมพรมุ่งหน้าไปทางซ้าย อีกสองคันที่เหลือซึ่งเป็นรถคุณป้าหญิง และรถปวีร์มุ่งไปทางขวา ด้วยคุณป้าหญิงได้ทำหน้าที่ต้อนรับคุณยายสำลีและทุกคนที่บ้าน นับตั้งแต่วันที่บินมาร่วมงานแต่งของหลานรักแล้ว อีกอย่างคุณป้าหญิงก็เห็นว่า สองครอบครัว ควรที่จะไปมาหาสู่กันเอาไว้ จะได้ไม่เกิดความเหินห่างอีกต่อไป

“ทำไมนั่งเงียบคะคุณเรศ หรือว่ายังเสียดายอยู่ เห็นเงียบตั้งแต่ตอนที่คุณแม่ขึ้นไปส่งตัวแล้ว”
คณิศรที่นั่งร่วมมากับอดีตสามี ไม่วายจะค่อนขอด เมื่อเขาเอาแต่เงียบ
“ทำไมผมจะต้องเสียดายด้วยล่ะ ผมกับเขาไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย”
นเรศหันมาหา และบอกด้วยความอารมณ์เย็นกว่าเมื่อก่อน

“แน่ใจเหรอคะ ว่าไม่มีอะไร ฉันคิดว่าคุณกับแม่...เอ่อ...มีอะไรที่ปกปิดฉันอยู่ซะอีก”
ตั้งใจว่าจะเอ่ยคำที่เคย ๆ ออกมา แต่พอคิดขึ้นได้ว่าลูกสองคนนั่งฟังอยู่ข้างหลังจึงได้เปลี่ยนใจ หากเป็นคณิศรเมื่อไม่กี่วันมานี้ คงจะไม่มียั้งไว้แล้ว
“คุณแม่ขา ทำไมพูดไม่เพราะกับคุณพ่อเลยคะ ไม่เห็นเหมือนน้าลีพูดกับน้าณินเลยค่ะ” หนูน้อยเจนนี่รีบเอ่ย
“เห็นมั้ย ลูกยังรู้เลย ทีนี้คุณจะพอหรือยังณิ มีอะไรเราก็ค่อย ๆ พูดกันดีกว่า ถ้าจะให้ดีก็ไปคุยที่บ้านเราก็ได้”

“บ้านฉันกับลูกต่างหาก” “ใครว่าครับ บ้านคุณพ่อด้วย จริงมั้ยครับคุณพ่อ” เจเจรีบสมทบ
“ใช่ลูก บ้านของพ่อด้วย แต่แม่คงไม่อยากให้พ่อเป็นเจ้าของด้วยมั้ง ไม่เป็นไรหรอก พ่อไปหาบ้านใหม่อยู่ก็ได้”
“คุณเรศ”

คณิศรอดมองอดีตสามีตาขวางไม่ได้ แต่เมื่อเห็นเขาส่งยิ้มมาให้ อารมณ์ก็ค่อยเย็นลงไปได้บ้าง นเรศลอบถอนหายใจน้อย ๆ อยู่คนเดียว เพราะออกจะเหนื่อยใจนักกับอดีตภรรยา ที่อีกไม่นานเขาคงจะทนคำขอร้องของแม่ยายกับลูก ๆ ไม่ได้ จนต้องดึงเธอกลับมาเป็นภรรยาอีกเป็นแน่ ถึงจะมีเมียขี้บ่นหน่อย แต่ถ้าเทียบกับการที่จะต้องไปนอนบ้านอยู่คนเดียว เขาก็ขอเลือกที่จะทนกับน้ำพริกถ้วยเก่าจะดีกว่า เบื่อนักก็ออกไปปลดปล่อยบ้างตามประสาผู้ชายเหมือนเคย ก็คงจะไม่เป็นอะไรมาก นั่นคือสิ่งที่เขาคิด

รีสอร์ทเงียบสงบในเขตอำเภอปากช่อง คือที่ที่คณินเลือกพาประณาลีมาฮันนี่มูน ซึ่งนับได้เป็นคืนที่สองแล้ว แรกทีเดียวตั้งใจจะไปอยู่บ้านพักตากอากาศที่พัทยา แต่คิดอีกทีเขาเห็นว่า ที่นั่นมีความหลังทั้งดีและแย่สำหรับเขาและเธอ จึงเลือกที่จะเปลี่ยนสถานที่ เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เพื่อไม่ให้แม่ของลูกต้องพบกับภาพสะเทือนใจเก่า ๆ ที่ทั้งเขากับเธอ และทุก ๆ คนพยายามจะทำใจให้ลืม วงแขนแข็งแรงประคองกอดร่างที่เริ่มจะมีเนื้อหนังขึ้นมาอย่างรักใคร่

แผ่นหลังขาวนวลเนียนถูกจมูกโด่งสูดดมอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย จนเจ้าของดวงหน้าสวยต้องตื่นจากนิทราอันแสนหวานที่เพิ่งผ่านไปเมื่อคืนนี้ กายที่นอนหันหลังให้ พลิกกลับมาหาเขาในทันที และก็พบกับรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขของเขารออยู่ก่อนแล้ว แขนอีกข้างอ้ารับให้ร่างบางขยับเข้าไปใช้หนุนนอนอย่างสุขใจ

“ลีหิวหรือยังจ๊ะ แล้วเช้านี้อยากกินอะไรที่มันหายาก ๆ อีกมั้ย ผมจะได้เตรียมตัวถูกว่าจะต้องขับรถไปหาแถวไหนดี” เพราะเมื่อวานนี้ ว่าที่คุณแม่ร้องขออยากจะกินเป็ดปักกิ่งตั้งแต่เช้าตรู่ ยังผลให้ต้อขับรถซะทั่วเมือง แต่กว่าจะได้กินก็ปาเข้าไปเกือบจะเที่ยง ‘คนท้องอยากกินอะไรก็ต้องได้กิน’ แม่ปลอบใจ เมื่อรับรู้ว่าเขาต้องวิ่งวุ่นหา

“ตอนนี้ยังค่ะ แต่สาย ๆ ก็ไม่รู้เหมือนกัน นี่แหน่ะทีหลังห้ามถามแบบประชดลีนะคะ”
รู้ว่าเขาประชดให้ จึงทุบไปที่อกเบา ๆ สองสามที
“โอ๊ย! ทำไมลีชอบตีผมจัง หรือว่าลูกจะเป็นผู้ชาย ฮึ”
“ก็อยากมาแกล้งลีก่อนทำไมคะ”
“จ้า ๆ ที่รัก ผมไม่แกล้งก็ได้ ลีดูสิ อากาศข้างนอกดี๊ดี เราไปนั่งชมหมอกกันดีกว่านะ นาน ๆ จะเจอหมอก เจอลมหนาวสักที แล้วสาย ๆ ค่อยมาอาบน้ำ”

มือหนาค่อย ๆ จูงมือบางเดินออกไปที่ระเบียง บรรยากาศรอบข้างดูเงียบ สงบ ลมหนาวพัดโชยมากระทบสองร่างให้เบียดกายเข้าหากันเพื่อคลายหนาว

“ลีจ๋า รู้มั้ยว่าตอนนี้ผมมีความสุขที่สุดเลย แปลกจังนะ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมยังคิดว่าจะต้องอยู่โดยไม่มีคุณซะแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าความรักของเราจะกลับมาจบลงแบบนี้ได้ ถ้าไม่เพราะคุณแม่ช่วยชี้ทางให้ป่านนี้ผมอาจจะไม่มีโอกาสได้รู้ว่าลีก็รักผมเหมือนกัน”
ประณาลีหันไปหาด้วยความสงสัย แล้วคณินก็เล่าถึงบทบาทที่สำคัญของผู้เป็นแม่ให้เธอได้รับรู้อย่างไม่ปิดบัง และมันก็ทำให้ประณาลีมีความรู้สึกเป็นบวกเกี่ยวกับแม่สามีขึ้นมาในอีกระดับหนึ่ง

“ขอบคุณนะที่ลีทำให้ผมมีความสุข ทำให้ชีวิตผมกลับมามีความหมายอีกครั้งหนึ่ง” หอมแก้มขาวเบา ๆ ก่อนจะยิ้มให้
“ลีก็มีความสุขเหมือนกันค่ะ ลีไม่คิดเหมือนกัน ว่าเราสองคนจะมีวันนี้ได้ คุณรู้มั้ยคะ ตอนที่ลีล้มอยู่ในห้องน้ำ ลีคิดถึงคุณที่สุดเลยค่ะ กลัวลูกจะเป็นอะไรไปสารพัด พอได้ยินเสียงคุณนะคะ ลีมีกำลังใจที่จะลุกขึ้นมาเป็นกองเลยค่ะ”

“เราจะลืมเรื่องพวกนี้กันให้หมดนะ ต่อไปนี้เราจะมีแต่วันใหม่ มีอะไรใหม่ ๆ ผ่านเข้ามาในชีวิต ลีพร้อมที่จะเดินไปกับผมมั้ย ส่วนผมขอบอกลีไว้ตรงนี้เลยว่า ที่ไหนมีผมที่นั่นจะต้องมีลีกับลูกอยู่ด้วยเสมอ ๆ ลีคือคนที่จะมาเติมเต็มชีวิตที่ขาดหายไปของผม เพราะลีคือคนที่มีความหมายที่สุดในชีวิตผม จำไว้นะประณาลี วรกาญจน์ ว่าผมรักคน และจะรักคนเดียว ตลอดไป”
ประณาลียิ้มรับกับถ้อยคำที่เขาเอื้อนเอ่ยออกมา ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล หนักแน่น จริงจัง และจริงใจเป็นที่สุด

“ลีก็รักคุณค่ะ ต่อไปนี้ลีพร้อมแล้วที่จะเดินไปกับคุณตลอดไปค่ะ”

สองร่างต่างโอบกอดซึ่งกันและกัน อยู่ท่ามกลางลมหนาวที่พัดผ่านมา แล้วก็ผ่านไปเป็นระลอก ๆ ประณาลีดีใจเป็นที่สุด เมื่อธารลาวาที่ครุกรุ่นด้วยความแค้นอยู่ในใจ กำลังจะแปรเปลี่ยนธารน้ำที่ชุ่มเย็นแทน ถึงความแค้น ความหลังที่ฝังอยู่ในความทรงจำของหญิงสาวจะยังไม่หมดสิ้นไป แต่เธอก็ตั้งใจเอาไว้แน่วแน่ ว่าจะลืมมันให้หมดสิ้นในอีกไม่ช้า เพราะเธอได้ตระหนักในคำพูดของยายแล้วว่า

‘ความแค้น ไม่เคยให้คุณใคร’

และเหนือสิ่งอื่นใดเธอตระหนักดีแล้วว่า ผู้ชายที่โอบกอดเธออยู่ในตอนนี้ คือคนที่จะทำให้เธอ และลูก รวมทั้งคนรอบข้างมีความสุขมากแค่ไหน ถึงเลือดในกายของเขา จะมีเลือดของผู้ที่เคยสร้างรอยแผลให้ก็ตาม แต่เพราะความดีของเขา เพราะความเป็นคนมีความรับผิดชอบของเขา จึงทำให้เธอไม่อาจทำใจให้ลืมเขาไปได้เลย ตรงกันข้ามเธอได้บอกกับตัวเองเอาไว้แล้วว่า เขาคือสมบัติล้ำค่า ที่เธอควรจะเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีและตลอดไป


 จบบริบูรณ์ 







 

Create Date : 10 มีนาคม 2552
4 comments
Last Update : 10 มีนาคม 2552 9:31:23 น.
Counter : 1403 Pageviews.

 

และแล้วระยะเวลาเกือบสองเดือนที่เราร่วมกันอ่านนิยายเรื่องนี้มาก็เดินทางมาถึงวันสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้ดิฉันก็คงจะไม่ได้มาเพ่นพ่านแถวนี้แล้วนะคะ และก็คงจะห่างจากเวปนี้ไปอีกสักพัก เพื่อปั่นนิยายเรื่องใหม่

"หัวใจ...มิใยจะไร้รัก...(เธอ)"

อันที่จริงตั้งใจจะแต่งเรื่อง หัวใจห้องที่ห้า กับสิ้นแสงสุรีย์ แต่เนื่องด้วยตอนจบอาจจะไปทำร้ายจิตใจคนอ่าน บก. เลยแนะนำว่าอย่าเพิ่งลงมือเขียนเลย ดิฉันจึงลงมือศึกษาข้อมูลสำหรับนิยายเรื่องใหม่อีกรอบค่ะ

มาถึงวันนี้ดิฉันรู้สึกโล่ง โปร่ง สบาย มาก ๆ ค่ะ ที่ ธารลาวา เดินทางมาถึงตอนจบ เพราะในระหว่างที่แต่งไปนั้น ดิฉันก็เป็นกังวลอยู่ตลอดเวลาเลยว่า คนอ่านจะเกลียด ประณาลี หรือไม่ เพราะเธอร้ายลึก อีกทั้งยังกังวลเป็นที่สุด ว่าจะทำให้คนอ่านเชื่อในสิ่งที่เราเขียนมากน้อยแค่ไหน

เพราะลีเล่นจีบหนุ่มพร้อมกันทีเดียวสามคน แถมจะต้องไปเผชิญหน้ากันอีก ในฉากที่ไปทานข้าวที่บ้านของคณิน ในใจดิฉันลุ้นมาก ๆ ค่ะ ว่าจะโดนคนอ่านว่าไหม แต่แล้วก็ผ่านไปได้ด้วยดี โล่งค่ะ

และตอนที่ยากที่สุดสำหรับดิฉันก็คือ ตอนจบค่ะ ความที่ลีร้ายลึกมานาน ดิฉันกลัวว่าจะทำให้คนอ่านเชื่อไม่ได้ว่า สุดท้ายแล้ว คณินกับลี จะมาอยู่กินกันฉันสามีภรรยาได้อย่างไร และลีจะยกโทษให้แม่คณินได้มากน้อยแค่ไหน คิดยังไงก็คิดไม่ออกค่ะ

ความดีนี้ต้องยกให้เพื่อนนักเขียนที่น่ารัก คือคุณอัยริศ ค่ะ เธอแนะนำว่าแม่ของคณินจะต้องทำแบบนี้นะ ถึงจะทำให้ลีพอให้อภัย หรือทำใจให้ลืมได้ ขอบคุณจ๊ะ เพื่อนรัก

ขอบคุณพันทิพย์ ที่แบ่งพื้นที่ให้มีบล็อคแห่งนี้เอาไว้ให้พวกเรานำผลงานมาเผยแพร่ค่ะ ขอบคุณ คุณแพรวา ที่ตกแต่งบล็อก ธัญรัตน์ ให้ออกมาตามคำขอ พร้อมทั้งการให้ข้อมูลเรื่องการรับเหมาก่อสร้าง ขอบคุณหลานชายที่เป็นวิศวะ ในการให้ข้อมูลเพิ่มเติม

และท้ายที่สุด ขอขอบคุณ คนอ่านที่น่ารักทุก ๆ ท่าน ค่ะ ที่อยู่ให้กำลังใจมาตั้งแต่ต้นจนจบ พร้อมทั้งแนะนำหลาย ๆ อย่างให้เป็นอย่างดี หากคำพูดหรือการกระทำใด ๆ ที่ ธัญรัตน์ สื่อออกไป ไม่เข้าหู หรือแสลงใจ ธัญรัตน์ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

สุดท้ายจริง ๆ ค่ะ เช่นเคย เมื่ออ่านนิยายจบ ดิฉันก็ขอฟังคำติชมค่ะ เพื่อที่จะได้นำเอาไปปรับปรุงก่อนจะส่งไปให้ บก. อ่าน คำแนะนำของท่านมีประโยชน์มาก ๆ ค่ะ หากใครไม่อยากจะเม้นท์ตรงนี้ก็เมล์มาหาได้นะคะ

nujanc@hotmail.com จะเป็นพระคุณมาก ๆ ค่ะ

ขอให้ทุก ๆ ท่านจงมีสุขภาพกาย ใจ แข็งแรงตลอดไปนะคะ สุข สมหวัง จงเป็นของทุก ๆ คนค่ะ

ขอบคุณทุก ๆ แรงใจที่มีให้ธัญรัตน์ เรื่อยมา ด้วยรักและห่วงใย

ธัญรัตน์ อาภาประเสริฐ

 

โดย: ธัญญะ 10 มีนาคม 2552 9:40:10 น.  

 

สารภาพว่าอ่านได้สิบกว่าบทแล้วเลิกอ่าน อ่านตอนจบแล้วรู้สึกดี จะกลับไปเริ่มอ่านใหม่ค่ะ

 

โดย: อะไรก็ไม่ได้ IP: 123.216.19.4 10 มีนาคม 2552 11:39:25 น.  

 

ติดตามทุกวันค่ะ
ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับเรื่องราวดีๆที่มีมาให้อ่าน คนเขียนขยันมากค่ะ ชื่นชมๆ ทำให้คนอ่านได้อานิสงค์ไปด้วย คือ ได้อ่านอย่างต่อเนื่อง
ขอเป็นกำลังใจนะคะ

 

โดย: Nu IP: 128.40.80.70 10 มีนาคม 2552 17:37:36 น.  

 

เนื้อเรื่องลื่นไหลดีมากค่ะ แต่อยากจะบอกตามตรงว่าพล็อตมันดำเนินไปตามแบบที่คิดว่าจะเป็นมาก
นั่นคือว่ามันดำเนินไปตามแบบที่เคยๆได้ผ่านมา
มันเหมือนเป็นแนวเดียวกับเรื่องอื่นๆ เดาเนื้อหาได้
ไม่ยากเลยซักนิดเดียวค่ะ

 

โดย: Ki IP: 119.31.5.34 23 มิถุนายน 2552 20:23:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.