Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
22 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
ธารลาวา ๓๔ (ธัญรัตน์)




ตอน ๓๔

ส่วนคณิศรเมื่อตั้งสติได้ ก็รีบตรงไปหาแม่ที่บ้านทันที กว่าคนเป็นแม่จะจับต้นชนปลาย ในเรื่องที่ลูกสาวร้องไห้ไป เล่าไปได้ ก็กินเวลาเป็นนาน คณินถูกโทรตามให้กลับบ้านเป็นการด่วน เมื่ออัมพรเห็นว่าเรื่องของลูกสาว เป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่โตกว่าหลาย ๆ ครั้ง แม้จะยุ่งสักแค่ไหน แต่เขาก็จะต้องปลีกตัวกลับบ้านจนได้

“คงต้องเรียกพี่เรศกับผู้ใหญ่ทางโน้นมาคุยจะดีกว่าครับคุณแม่ ถ้าทำถึงขนาดนี้มันก็ดูจะเกินไปหน่อย แต่พี่ณิก็ควรจะคิดดูให้ดี ๆ นะครับ ว่าตัวเรามีอะไรบกพร่องบ้างหรือเปล่า พี่เรศถึงได้ออกไปหาคนใหม่ ถ้าเป็นผม เข้าบ้านแล้วเจอเมียเอาแต่ด่า เอาแต่ว่า หรือพูดประชดประชัน ผมก็ไม่ทนอยู่นะ งานนอกบ้านก็หนักมากพอแล้ว ยังจะมาหนักกับการฟังเมียบ่นอีก” คนน้องพูดขึ้นอย่างเป็นกลางที่สุด ผู้เป็นแม่ดูเหมือนจะเห็นด้วย แต่คนพี่หาได้คิดแบบนั้นไม่

“นี่ณินว่าพี่ไม่ดีเหรอ ใช่สิ! ใครมันจะไปดีเท่าแม่ลีของเธอล่ะ วัน ๆ ไม่มีปากมีเสียงกับใคร เอาแต่คอยเอาอกเอาใจคู่หมั้นเศรษฐีอย่างณินน่ะ ถ้าไม่คิดที่จะเข้าข้างพี่สาวตัวเอง ณินก็อย่ามาเอาพี่ไปว่าในทางไม่ดีเลยนะ เรื่องในครอบครัวพี่ ณินจะมารู้ดีกว่าพี่ได้ยังไงกัน”
“พี่ณิ ผมแค่เตือนสติเฉย ๆ นะครับ แล้วก็อย่าดึงเอาลีมาร่วมด้วยสิ มันคนละส่วนกัน เรากำลังคุยเรื่องพี่ณิอยู่ไม่ใช่เรื่องของผมกับลี” รู้สึกขัดใจกับคำพูดของพี่เป็นที่สุด แต่ก็ให้อภัยเพราะเข้าใจว่าพี่อยู่ในอาการของคนขวัญเสีย แต่ก็มีเตือนพี่บ้าง

“อ๋อ! เดี๋ยวนี้พี่แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะ ออกรับแทนกันไปหมด ระวังไว้ให้ดีเถอะ ถ้าแม่ลีทิ้งไปมีคนอื่นขึ้นมาอย่าหาว่าพี่ไม่เตือนก็แล้วกัน มันจะชอบอะไรมากไปกว่าเงิน”
“พี่ณิ! ถ้าจะมาหาเรื่องกับผมแทนพี่เรศ งั้นผมขอกลับไปทำงานก่อนแล้วกัน” ทำท่าจะลุกเดินหนีไป เพราะเริ่มทนพี่สาวไม่ได้จริง ๆ แล้ว จนผู้เป็นแม่ต้องรีบออกโรง

“พอแล้ว ๆ ทั้งสองคน แม่ปวดหัวจะแย่แล้วนะ ณินช่วยโทรไปตามพี่เขยเราให้มาหาแม่เดี๋ยวนี้ ยังไม่ต้องบอกพ่อแม่เขาหรอก ให้แม่คุยก่อน ณินก็รอคุยเป็นเพื่อนแม่หน่อยนะ อย่าเพิ่งกลับไปออฟฟิศ”
“เอางั้นเหรอครับคุณแม่”
การพยักหน้ารับทำให้คณินเดินผละออกไปให้ห่างพี่สาว ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่าง แล้วเขาก็กักตัวเองอยู่บนห้องนอนเป็นชั่วโมง กว่านเรศจะมาถึงบ้าน การพูดคุยเป็นไปด้วยความลำบาก เมื่อคณิศรคอยแต่จะร้องไห้ และด่าทอนเรศอย่างเจ็บใจ

“คุณแม่ดูลูกคุณแม่เอาเองก็แล้วกันนะครับ ผมต้องขอโทษด้วยที่จะบอกว่า ผมทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าณิไม่พร้อมที่จะไปหย่ากับผมในตอนนี้ก็ไม่เป็นไร แต่ผมจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกแล้วครับ” แม้เรื่องที่คณิศรมีนิสัยชอบเอะอะโวยวายอยู่บ้าง แต่ก็คงไม่ถึงขั้นที่นเรศจะขอเลิก หากไม่เพราะจิตใจมีใครคนหนึ่งรออยู่ก่อนแล้ว

“นี่ตกลงจะไม่ฟังแม่เลยใช่มั้ยพ่อเรศ ใจจริงจะหย่าและทิ้งลูกทิ้งเมียได้ลงคอเลยรึไง ไม่คิดถึงความรักที่เคยมีให้กันบ้างเหรอ ทำไมไม่หันหน้าเข้าหากัน แล้วค่อย ๆ ปรับปรุงตัวทั้งสองฝ่ายล่ะ” อัมพรอดใจหายไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดของลูกเขย

“มันขึ้นอยู่กับณิคนเดียวเท่านั้นครับคุณแม่ ถ้าเขาเปลี่ยนตัวเองได้ ผมก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่นี่ก็อยู่กันมานานแล้ว ณิยังไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองบกพร่องตรงไหน ผมคิดดีแล้วครับ ถ้าตกลงกันได้สมบัติทุกอย่างผมจะแบ่งครึ่งครับ ลูก ๆ ผมจะส่งเสียเลี้ยงดูตามปกติจนโต บ้านผมยกให้ณิกับลูกอยู่ไปเลย ผมอยู่ที่ไหนก็ได้” น้ำเสียงที่หนักแน่นของนเรศทำให้คณินรู้ว่า ครั้งนี้พี่เขยเอาจริง ส่วนคณิศรได้แต่ร้องไห้และโวยวายออกมาดัง ๆ

“นี่คุณจะมาโยนความผิดให้ฉันคนเดียวไม่ได้นะ ฉันไม่ยอม คุณพาอีนังนั่นมานอนกกถึงบ้าน แล้วยังจะมาโทษฉันอีกเหรอ มันมีดีอะไรนักหนา อีนังหน้าด้านนั่นน่ะ ดูหน้ามันฉันก็รู้แล้วว่ามันหิวเงินคุณแค่ไหน ถ้ามันสูบเงินคุณหมดเมื่อไหร่ มันจะถีบหัวคุณส่งแน่ ๆ คุณแม่ฟังสิคะ ฟังลูกเขยคุณแม่ใส่ร้ายณิ” และคณินก็พอจะรู้ว่าพี่เขยเอาจริงขึ้นมา เพราะใครเป็นต้นเหตุ

“พี่เรศจะหย่าจริง ๆ เหรอครับ ผมว่าแยกกันอยู่สักพักก่อนดีกว่ามั้ย เผื่อว่าอะไร ๆ มันจะดีขึ้น พี่ณิก็กลับไปคิดทบทวนดูตัวเองใหม่ ว่าเราบกพร่องอย่างพี่เรศว่ามั้ย ส่วนพี่เรศก็ลองกลับไปคิดดู ว่าพี่ทำอะไรให้พี่ณิต้องเป็นแบบนี้ อย่าต้องให้ถึงขั้นเลิกกันเลย ผมสงสารหลาน สองคนนั้นรักพี่เรศจะตายไป”

“ณิณไม่ต้องไปพูด หมามันยังรักลูกของมัน นี่คนแท้ ๆ ยังไม่มีสำนึก” คณิศรสอดแทรกอยู่ตลอดเวลา
“พี่ตัดสินใจแล้ว ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็โทรแจ้งผมก็แล้วกันนะณิ ผมกราบลาครับคุณแม่ ไปก่อนนะณิน ขอบใจมากที่ห่วง แต่พี่ว่าพี่จะไปหาสร้างครอบครัวใหม่ ให้อบอุ่นได้ดีกว่านี้ กับคนที่พี่รักและอยากอยู่ด้วยจริง ๆ ด้วยหัวใจ ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นแอบแฝง คิดว่าณินคงจะเข้าใจหัวอกลูกผู้ชายด้วยกันนะ”

นเรศไม่คิดจะฟังคำใครทั้งสิ้น จบประโยคก็ไหว้แม่ยายแล้วลุกเดินหนีไปดื้อ ๆ คณิศรเจ็บใจเป็นที่สุด วิ่งตามออกมาข้าวของใกล้มือถูกขว้างตามหลังสามี อย่างไม่เกรงใจแม่กับน้องที่ยืนมองอยู่อย่างกล้ำกลืน

“ไปเลย ถ้าแกรักอีตัวนั่นมากกว่าฉันกับลูก ก็ไปกกมันให้พอใจเลย วันไหนที่แกหมดประโยชน์กับมันเมื่อไหร่ แกอย่าได้ซมซานกลับมาหาฉันเป็นอันขาด ไอ้ผัวเฮงซวย มึงจะไปสร้างครอบครัวใหม่ที่ไหนก็ไป มึงคิดเหรอว่าหลุดจากกูไปแล้ว มึงจะหาใครที่ทนมึงได้อีก ไปเลย”

การกระทำและคำพูดพวกนี้ คณิศรใช้เป็นประจำกับนเรศ จนเขาชาชินไปแล้ว แต่แม่และน้องรู้สึกแปลกใจ แปลกหูและแปลกตาไม่น้อย เพราะแทบจะไม่คุ้นเลยสักนิด แม้จะรับรู้ว่าคนของตัวเองแรง แต่ไม่คาดคิดว่าคำพูดหยาบคาย กับการกระทำแบบนี้ จะมีอยู่ในตัวผู้หญิงที่นั่งทรุดลงกับพื้นตรงหน้า

“ณินแม่จะทำยังไงดีลูก ช่วยพี่สาวเราด้วยนะ”
อัมพรร้องไห้ออกมาเพราะสงสารลูกสาวสุดชีวิต แต่ก็ไม่รู้จะแก้ไขปัญหายังไง เพราะดูเหมือนลูกเขยจะไม่เห็นหัวเลยสักนิด พลันให้คิดถึงสามีขึ้นมาเป็นที่สุด ป่านนี้เขาคงจะหาทางแก้ไขปัญหาพวกนี้ ให้เป็นไปในทางที่ดีกว่านี้แล้ว
“คุณแม่อย่าคิดมากเลยครับ เราคงจะต้องปล่อยสองคนนี้ไปก่อน ต่างคนก็แรงทั้งคู่ คุณแม่นั่งพักก่อนนะครับ ผมจะไปดูพี่ณิ” ประคองมารดาที่ทำท่าจะล้มไปอีกคนให้กลับมานั่งที่ชุดรับแขก ก่อนจะตามไปช่วยพยุงพี่สาวให้ลุกขึ้นมา

“ณินช่วยพี่ด้วย ไปตามคุณเรศกลับมาให้พี่ด้วย อย่าให้เขาไป พี่ไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ณินช่วยพี่ด้วย พี่รักเขาได้ยินมั้ยณิน ว่าพี่รักเขามาก พี่เสียเขาไปให้ใครไม่ได้” ร้องไห้ซบลงกับอกน้อง อย่างคนหมดสิ้นหนทางแล้ว
“ใจเย็น ๆ นะครับพี่ณิ เดี๋ยวผมจะไปพูดกับพี่เรศให้ แต่ตอนนี้พี่ณิต้องตั้งสติดี ๆ อย่าให้คุณแม่ต้องกลุ้มใจเลยนะครับ อีกหน่อยหลาน ๆ ก็จะกลับจากโรงเรียนแล้ว ผมยังไม่อยากให้หลานกลับมาเห็นพี่ณิกับคุณแม่ในสภาพนี้”

ความขุ่นข้องใจกับคำพูดของพี่หมดสิ้นไปแล้ว คงเหลือไว้แต่ความสงสารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น กว่าคณินจะวางใจจากแม่กับพี่สาวมาได้ก็บ่ายแก่ ๆ ประณาลีคือคนที่เขาโทรบอก ว่าให้ช่วยดูแลหลานทั้งสองไว้ให้ก่อน แล้วเขาจะเป็นคนไปรับกลับบ้านพร้อมกัน ‘ผมฝากหลานด้วยนะลี ไม่อยากทิ้งให้อยู่กับเด็กรับใช้ที่บ้าน’ น้ำเสียงที่ออดอ้อนทำให้คนฟังอดสงสารไม่ได้

ขนมนมเนยมีไว้ให้เด็กน้อยทั้งสอง อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อประณาลีพามานั่งในห้องทำงานด้วย แพททำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงได้เป็นอย่างดี เพราะหญิงสาวกำลังเตรียมตัวจะเข้าสอนลูกค้าวีไอพี ส่วนเจนนี่ก็กำลังจะเตรียมตัวเข้าเรียนกับนก แม้จะเกลียดคนเป็นปู่กับย่า และคนรอบข้างของเด็กน้อยแค่ไหน แต่ในใจหญิงสาวก็ให้สงสารสภาพเด็กเป็นที่สุด พลอยคิดถึงตัวเองกับน้องที่หอบเสื้อผ้าไปอยู่ตามลำพังกับยายไม่ได้

“ยายลีมาหายายเถอะลูก แม่เราหลับฝันดีไปแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก อย่าร้องไห้นะลูก เดี๋ยวน้องจะพลอยร้องไปด้วย มาช่วยยายตรงนี้ดีกว่านะ เดี๋ยวพี่เพชรก็จะซื้อขนมมาฝากแล้ว”

ภาพของยายที่เดินไปโอบหลานสาวที่รักเอาไว้ กับน้ำเสียงที่สั่นเครือ เพราะเพิ่งจะเสียลูกสาวคนเดียวไป ประณาลียังจำได้เป็นอย่างดี และยิ่งจำความรู้สึกที่สูญเสียคนที่รักไปได้ดี ว่ามันเจ็บปวดสักแค่ไหน

“ลีคิดถึงคุณพ่อคิดถึงคุณแม่ ลีจะอยู่บ้านของลี ไม่อยู่บ้านยาย คุณพ่อขา คุณแม่ขา มารับลีกับน้องไปอยู่ด้วยค่ะ ลีไม่อยากอยู่ที่นี่ ลีอยากกลับบ้านเรา”

จำได้ดีว่าวันนั้นร้องไห้ จนน้ำตาแทบจะไหลออกมาเป็นสายเลือด ถึงยายและพี่เพชรจะมาช่วยปลอบขวัญสักแค่ไหน หนูน้อยประณาลีก็ไม่หายเศร้าโศกแต่อย่างใด และความรู้สึกเหล่านั้น มันไม่เคยห่างหายจากใจหญิงสาวเลย นับจากวันนั้นมาถึงวันนี้ ในใจลึก ๆ เธอก็ยังโหยหาความอบอุ่นจากอกพ่อแม่ไม่เสื่อมคลาย

“ลี! อย่าคิดมากเลยนะ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว และพวกมันก็กำลังจะชดใช้ให้เรา” แพทดูเหมือนจะเดาความรู้สึกน้องได้เป็นอย่างดี จึงตามออกมาโอบไหล่เธอเอาไว้ เมื่อประณาลีออกมายืนอยู่ที่ระเบียง
“เด็กสองคนนี้ยังโชคดีว่าลีมากใช่มั้ยคะพี่แพท” อยากจะหาคำปลอบใจในการกระทำของตัวเองลงบ้าง

“ใช่ อย่างน้อย ๆ พ่อแม่ก็แค่แยกทางกัน อย่างน้อย ๆ สองคนนี้ก็ร่ำรวยกว่าเรา และอย่างน้อย ๆ ก็ยังมีน้า ๆ และญาติฝ่ายนายนเรศอีกมาก ที่พร้อมจะอ้าแขนรับให้ความอบอุ่นกับสองคนนี้ แต่พี่ ลี และวีไม่มีใครเลย นอกจากยายที่มีฐานะการเงินคนละเรื่องกับพวกนี้ ความสูญเสียมันเทียบกันไม่ได้หรอกลี อย่าคิดมากเลย ทำใจให้สบายเถอะนะ ใกล้จะได้เวลาสอนแล้ว” คำพูดของแพทช่วยเธอได้มากจริง ๆ

“พี่ยังไม่ว่างเลยมิน ให้ฝากไว้กับแหม่มก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะดูให้แต่เช้า แต่ตอนนี้จะไปรับหลาน ๆ ที่โรงเรียนของลีก่อน พี่ณิกับพี่เรศมีปัญหากันมาก ไม่รู้จะต้องหย่ากันหรือเปล่า ถ้ามินว่างก็แวะไปกินข้าวที่บ้านด้วยนะ จะได้เป็นเพื่อนพี่ณิหน่อย คงจะนอนที่บ้านอีกหลายวัน เพราะพี่เรศไม่กลับไปนอนบ้านแล้ว” กรอกไปตามสายระหว่างนั่งรถมารับหลาน โดยนทีทำหน้าที่เป็นคนขับให้

“พี่ณิจะหย่าเหรอฮะ งั้นมินจะแวะไปที่บ้านด้วยเลยก็ได้ จะเอาโปรเจคไปให้พี่ณินดูด้วยเลย จะได้รีบอนุมัติเงินให้มิน” คามินที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของแหม่ม บอกด้วยน้ำเสียงไม่ใคร่จะแจ่มใสนัก เพราะมาแล้วไม่เจอพี่ชาย
“อย่าเอามาเลย วันนี้พี่ไม่สะดวกที่จะดูอะไรทั้งนั้น งานก็ยุ่งทั้งวัน ไหนจะมาช่วยดูพี่ณิกับคุณแม่อีก ฝากไว้ที่แหม่มนั่นล่ะ รออีกสักวันสองวันจะเป็นไรไปเชียว แค่นี้ก่อนนะพี่จะขึ้นไปดูหลานก่อน”

พี่ชายตัดสายไปแล้ว คนน้องรู้สึกขึ้นมาในทันทีว่า กำลังถูกดึงเวลาให้ยืดออกไป ขุ่นเคืองอยู่ในใจนิด ๆ แต่ก็ไม่รู้จะแสดงออกให้ใครได้เห็น จึงจำใจจะต้องทิ้งเอกสารไว้ให้แหม่ม แรกทีเดียวเขากะว่าจะแวะไปที่บ้าน แต่เดาได้ว่าจะต้องไปเจอประณาลีเป็นแน่จึงเปลี่ยนใจ กลับไปนั่งร่วมวงเหล้ากับเพื่อนแทน

“อย่าให้ลีไปตอนนี้เลยค่ะคุณณิน พี่ณิคงไม่อยากให้คนนอกอย่างลีไปรับรู้ปัญหาหรอกค่ะ และยิ่งเป็นปัญหาของพี่ณิด้วยแล้ว เอาเป็นว่าช่วงนี้ลีจะช่วยดูเด็ก ๆ ให้แบบนี้ก็แล้วกันนะคะ คุณณินรีบไปเถอะค่ะคุณแม่จะรอ” ประณาลีปฏิเสธการไปร่วมโต๊ะอาหารที่บ้านคณินทันที ที่เขาเอ่ยปากชวน และดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจเธอได้เป็นอย่างดี จึงไม่เซ้าซี้เหมือนทุกครั้ง

เมื่อกลับถึงบ้านพบว่าสมาชิกทุกคน อยู่ในบ้านกันครบ ยกเว้นน้องชาย แต่แปลกเหลือเกินที่บ้านนั้นกลับเงียบเชียบ ราวป่าช้า น้องสาวกลับจากมหาวิทยาลัย ได้สักพักแล้ว แต่เก็บตัวเงียบอยู่บนห้อง ‘คุณญาเป็นแบบนี้มาได้พักใหญ่ ๆ แล้วค่ะคุณณิน’ ป้าแป้นรายงาน พี่สาวกำลังหลับด้วยฤทธิ์ยานอนหลับที่หมอให้ไว้ เพราะหลังจากที่เขาออกจากบ้าน คณิศรก็แทบจะบ้าคลั่งจนต้องตามหมอประจำบ้านให้มาช่วย

“แม่สงสารพี่เราเหลือเกินณิน ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ”
น้ำตาของมารดาไหลอาบแก้มลงมา เมื่อเขาเข้าไปหาที่ห้อง เพราะมารดาเองก็มีอาการอ่อนเพลียไม่น้อย โรคชรา โรคหัวใจกับการบั่นทอนจิตใจ กำลังเล่นงานแม่ในตอนนี้ คณินทำหน้าที่ดูแลหลาน ๆ ตามลำพังอยู่ข้างล่าง เมื่อเขาอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาหารเย็นของสามน้าหลานถูกยกออกไปที่สระน้ำ แทนในห้องอาหาร

“เจนนี่จะกินพิซซ่า”
“เจเจจะกินเคเอฟซี”

เขาให้ตามคำเรียกร้องของหลาน ๆ โดยไม่คิดจะห้ามปราม เพราะรู้ดีว่าเด็กทั้งสอง กำลังจะสูญเสียอะไรไปในไม่ช้า ในใจก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่า ถ้าต้องแต่งงานแล้วมีลูกโตป่านนี้ เขาจะไม่มีวันปล่อยให้ลูกต้องอยู่ในสภาพแบบนี้เด็ดขาด เขาไม่มีวันที่จะมองผู้หญิงคนไหน นอกจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเมีย และแม่ของลูกเด็ดขาด และเขาเองก็มั่นใจว่า ประณาลีคงจะไม่มีพฤติกรรมแบบพี่สาวของเขาเป็นแน่

‘โรส’
จู่ ๆ ชื่อนี้ก็โลดแล่นเข้ามาในหัว เคยตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนนี้อีก แต่ยังอุตส่าห์พลั้งเผลอไปจนได้ โชคยังดีที่แค่เป็นช่วงหมั้นหมายเท่านั้น และเขาก็จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกเด็กขาด นับจากนี้และตลอดไป

มือถือบนโต๊ะทำงานดังขึ้นนับสิบ ๆ รอบ แต่เมื่อรู้ว่าเป็นโชติกา คณินก็ปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้น เมื่อรำคาญมาก ๆ ก็เปลี่ยนเป็นระบบสั่น แต่เขาไม่คิดที่จะปิดมือถือ เพราะจะต้องใช้สื่อสารในเรื่องอื่น ๆ อยู่ แต่ระบบสั่นก็ยังไม่วายสร้างความรำคาญให้อยู่ดี เพราะสั่นนับรอบไม่ได้อีก ตั้งใจว่าจะปิดทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด แต่โทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้นมาก่อน

“คุณณินคะ คุณคามินโทรเข้ามือถือหลายรอบแล้ว แต่คุณมินไม่รับค่ะ ตอนนี้อยู่ในสายนะคะ คุณณินจะรับหรือเปล่าคะ”
“อืม! โอนมาได้เลย”
“โทษทีมิน พี่คิดว่าเป็นสายคนอื่นเลยไม่ได้รับ” คนน้องแทบไม่อยากจะเชื่อในเหตุผล แต่ก็อยากรู้เรื่องอื่นมากกว่า
“พี่ณินดูโปรเจคมินหรือยังฮะ ทิ้งไว้ตั้งหลายวันแล้ว มินต้องใช้เงินแล้วนะฮะ” รับรู้ได้เลยว่าน้องไม่ค่อยจะพอใจนัก

“พี่ยังไม่ว่างเลยมิน อีกสามวันแล้วพี่จะโทรบอกแล้วกันนะ”
“พี่ณินไม่ว่างก็ไม่ต้องดูก็ได้นี่ฮะ ให้เงินมินมาเลย มินไม่ทำมันสูญหรอก ถึงจะสูญแต่มินก็จะรับผิดชอบเองอยู่แล้ว รับรองว่าไม่ไปขอเงินพี่ณินมาใช้อีกหรอกฮะ อีกอย่างเงินมินก็ไม่ได้มีแค่นี้นี่ฮะ ใช้ไปหน่อยคงจะไม่เป็นไรมั้งฮะ”

“มินพี่บอกว่าให้พี่ดูก่อนก็รอหน่อยสิ มินก็รู้ว่าที่บ้านมีปัญหาอยู่ตอนนี้ เอาไว้พี่จะดูให้แล้วจะโทรบอกแล้วกัน พี่ขอตัวก่อนนะจะเตรียมตัวไปงานเลี้ยงแล้ว เดี๋ยวต้องไปรับคุณลีอีก แค่นี้นะมิน”

รู้ว่าน้องคงไม่ค่อยพอใจ แต่ความห่วงน้องก็ยังมีมากกว่า จึงจำต้องปล่อยให้รู้สึกแบบนั้นไปก่อน ดีกว่าจะปล่อยให้เงินสูญหายไป ส่วนคามินเองแทบจะไม่ต้องเดา ก็รู้ว่าพี่ชายจงใจจะยืดเวลาออกไปอีกอย่างเห็นได้ชัด ‘พี่ณินอาจจะรู้ว่าเราจะเอาเงินไปทำอะไร’ เขาค่อนข้างมั่นใจในข้อนี้ เพราะรู้ดีว่าพี่หูตากว้างไกล ฉะนั้นโอกาสที่จะสืบดูประวัติคู่หมั้นแค่นี้ มีหรือจะพลาด แต่เขาก็ยังอยากให้โอกาสพี่ชายอีกสักครั้ง โดยจะรออีกสามวันตามคำขอ

งานแต่งงานของวิชุดาจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แขกมากหน้าหลายตาต่างเดินเข้ามาในงานอย่างไม่ขาดสาย คณินกับประณาลี จูงมือกันเข้ามาแสดงความดีใจกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวด้วยความจริงใจ พร้อมของขวัญกล่องโตที่บรรพตอุ้มมาให้ด้วย โดยมีภรรยาเดินเคียงข้างมา แต่ก็ปลีกตัวไปนั่งที่โต๊ะอื่น ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ถ่ายรูปคู่เจ้าภาพที่หน้างาน โชติกาก็ควงหนุ่มต่างชาติ เดินตามเข้ามาเหมือนจงใจจะรอเขาและคู่หมั้นเสียอย่างนั้น

“รอโรสด้วยสิคะณิน”
เพียงแค่นั้น คู่ควงของโชติกาก็ถูกทิ้งในทันที เพราะหญิงสาวเดินไปยืนเคียงข้างคณินหน้าตาเฉย ส่วนประณาลีจำต้องเดินไปอยู่อีกฟากของบ่าวสาวแทน และนับตั้งแต่นั้น โชติกาก็จับจองวงแขนของคณินเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว ปล่อยให้เพื่อนชายที่ควงมาด้วย และประณาลีเดินคู่กันเข้างาน แม้จะนั่งที่โต๊ะโชติกาก็เลือกนั่งติดคณินอยู่ดี

“คุณณินคะ วิฝากเพื่อนนั่งด้วยอีกสองคนนะคะ นี่ลงทุนทิ้งไร่ไวน์จากบล็อกโด มางานแต่งวิโดยเฉพาะเลยนะคะ จะให้นั่งกับคนอื่น ก็กลัวจะไม่มีใครคุยด้วย นี่โมณิคค่ะ และนี่ก็ปีแออ์ รู้จักกันตั้งแต่เรียนที่เมืองนอก”
เจ้าสาวแนะนำทุกคนในโต๊ะเป็นภาษาฝรั่งเศส โชติกาที่คล่องภาษานี้อยู่แล้ว บวกกับเพื่อนชายที่มาด้วยก็เป็นฝรั่งเศสพอดี จึงได้เพื่อน และได้ช่องทางที่จะทำให้ ‘ศัตรูหัวใจ’ ดูด้อยค่าต่อหน้าคณินลงไปบ้าง ด้วยการพูดคุยเป็นภาษาฝรั่งเศสอย่างออกหน้าออกตา

“ขอผมนั่งด้วยคนได้มั้ยครับคุณโรส พอดีมาแค่คนเดียว”
ปรเมศเดินตรงมา แม้ปากจะถามโชติกา แต่สายตากลับชำเลืองไปหาประณาลี ทำให้คณินรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาทันควัน แต่ก็เก็บอารมณ์เอาไว้จนแนบสนิท โชติกาดูเหมือนจะมองออกว่าปรเมศต้องการอะไร รีบเชื้อเชิญให้เขาร่วมโต๊ะและนั่งข้าง ๆ ประณาลีในทันที

“ไม่รู้ว่าโปรเจคของเพื่อนคุณกัมปนาทนี่ ใครจะเจอแจ็คพ็อตกันนะครับคุณคณิน พรุ่งนี้จะรู้ผลแล้วนี่ คืนนี้ผมคงแทบจะหลับตาไม่ลงเลยล่ะครับ” ปรเมศพูดด้วยน้ำเสียงมีความนัย คนที่อยู่ร่วมโต๊ะนั้นไม่เห็นว่าจะมีอะไรแปลก แต่คณินและประณาลีต่างรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร และยิ่งไปกว่านั้นหญิงสาวรู้ด้วยว่าผลจะออกมาเป็นยังไง

“ไม่ทราบเหมือนกันครับ ผมไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ งานใหญ่ ๆ แบบนี้ผมจับบ่อยก็เลยรู้สึกธรรมดา ๆ อีกอย่างคุณลุงก็บอกว่าเพื่อนคงจะให้ใครทำไปไม่ได้นอกจากหลานของเพื่อนท่านเอง ถ้าไม่มีใครเล่นอะไรสกปรก ๆ นะ ผมได้งานนี้แน่”

น้ำดื่มที่ปรเมศยกขึ้นแทบจะหกออกจากแก้ว ถึงเขาจะรู้ว่าคณินไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง แต่ขึ้นชื่อว่าคนเมื่อทำอะไรที่ไม่ตรงไปตรงมา มักจะคอยระแวงเสมอ ‘ทีนายทำกับฉันล่ะ ไม่เห็นนายจะแคร์เลย กี่ครั้งแล้วที่ตัดหน้างานที่ฉันหมายตาไป’ เมื่อคิดได้อย่างนี้ ปรเมศจึงคลายความระแวงลงไปได้บ้าง

“สองคนนี้คุยอะไรกันคะ โรสไม่เห็นรู้เรื่องเลย เปลี่ยนเรื่องเถอะค่ะ เพื่อนร่วมโต๊ะเราจะเหงาเอานะคะ คุณลีก็ไม่ยอมคุยเป็นเพื่อนสามคนนี้เลย ปล่อยให้สองหนุ่มนั่งจ้อภาษาไทยอยู่ได้ค่ะ เสียมารยาทใหญ่แล้วนะคะ อุ๊ย! ตายจริงโรสก็ลืมไปว่าแขกเป็นฝรั่งเศส พูดอังกฤษไม่ได้ ดันไปตำหนิคุณลี ต้องขอโทษด้วยนะคะ โรสไม่ได้ตั้งใจค่ะ ถ้ามีอะไรจะให้โรสช่วยแปลก็บอกได้นะคะคุณลี ไม่ต้องอายหรอกค่ะ ฝรั่งเศสเป็นภาษาที่คนไทยหลายคนพูดไม่ได้ ไม่เหมือนอังกฤษที่เด็ก ๆ ยังจ้อได้เลยค่ะ”
พยายามที่จะทำให้คนที่นั่งฟังอย่างเดียวเสียหน้าเป็นที่สุด

“ขอบคุณค่ะคุณโรส”
ประณาลียิ้มบาง ๆ ให้คนที่ ‘ดัจริต’ ในความคิดของหญิงสาว แต่โชติกาไม่สนใจหันไปคุยส่งภาษากับเพื่อนต่างชาติอย่างออกรส พลันโมนิคก็ถามประณาลีเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวที่เชียงราย เพราะรู้ว่าหญิงสาวเกิดที่นั่น โชติกาทำท่าจะแปลให้ แต่ก็เกือบจะงับริมฝีปากแดงแจ๋ไว้ไม่ทัน เหนือไปกว่านั้นมันเกือบจะเป็นอ้าหว๋อขึ้นทันที เมื่อคำตอบของคนที่ถูกสบประมาทนั้น เป็นภาษาฝรั่งเศสแทนภาษาไทย ถึงจะไม่คล่องเหมือนเวลาพูดภาษาอังกฤษ แต่ประณาลีก็ทำให้คนในโต๊ะฟังเข้าใจแทบทุกคน

คณินกับปรเมศจากที่ไม่เคยลงรอยกันแทบตลอด แต่ครั้งนี้สองหนุ่มเกือบจะยิ้มออกมาพร้อม ๆ กันด้วยซ้ำ เพราะขำสีหน้าที่เหมือนถูกตบแรง ๆ ของโชติกา นี่ยิ่งทำให้ความไม่ชอบหน้าประณาลีที่โชติกามีเป็นทุนอยู่แล้ว กลายเป็นความเกลียดชังขึ้นมาได้อีกระดับหนึ่ง และยิ่งเพิ่มขึ้นอีกเป็นทวี เมื่อพยายามจะดึงคณินให้เดินไปอวดคนในงานไม่ได้ เหมือนครั้งก่อนแล้ว เพราะคณินไม่คิดจะปล่อยคู่หมั้นไว้กับ ‘เสือผู้หญิงอีกตัว’ อย่างปรเมศเด็ดขาด

“คุณณินรีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ พรุ่งนี้จะได้สดชื่นกับข่าวดีที่กำลังจะได้รับ”
บอกทั้งรอยยิ้ม เมื่อเขาเดินขึ้นมาส่งที่ห้องเช่นเคย แต่กว่าเขาจะกลับออกไปได้ หญิงสาวก็ต้องออกปากบอกอยู่หลายครั้ง สปอร์ตของคณินไม่สามารถเข้าไปจอดในบ้านได้เช่นเคย เมื่อรถโชติกาจอดขวางอยู่ก่อนแล้ว อาการเมามายคืนนี้ดูเหมือนจะรุนแรงกว่าครั้งก่อน เพราะชายหนุ่มได้กลิ่นเหล้าคลุ้งเต็มรถ แม้จะบอกตัวเองว่าจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนนี้อีก แต่เพราะความเป็นสุภาพบุรุษ กับความสัมพันที่เคยมีให้แก่กัน ทำให้คณินจำต้องไปส่งให้กลับคอนโดฯ เช่นเคย

“ณินคะ อยู่กับโรสก่อนสิคะ คิดถึงณินที่สุดเลยค่ะ โรสรักณินนะคะ ได้ยินมั้ยว่าโรสรักและต้องการณินคนเดียวเท่านั้นค่ะ” พยายามที่จะรั้งร่างใหญ่ให้ล้มลงไปหาอย่างสุดความสามารถ
“โรสเมามากแล้ว นอนเถอะผมต้องรีบกลับบ้าน พรุ่งนี้มีงานอีกเยอะรอผมอยู่”

“ไม่เอาค่ะ ไม่เอา โรสต้องการณินค่ะ อยากอยู่ใกล้ ๆ ณิน โรสรู้สึกอบอุ่นทุก ๆ ครั้งที่อยู่ใกล้ ๆ ณินนะคะ อย่าทิ้งโรสไปไหนเลยค่ะ โรสเหงา อ้างว้างเวลาไม่มีณินอยู่ด้วย โรสรักณินค่ะ” ไม่รู้เป็นเพราะโชติกาไม่มีเรี่ยวแรง ที่จะฉุดรั้งคณินให้อยู่ใกล้ตัวเองได้ หรือว่าชายหนุ่มมีจิตใจแน่วแน่ ที่จะไม่พลั้งเผลออีกกันแน่

“โรศเมามากแล้วนอนเถอะ ผมจะกลับบ้านแล้ว”
“ณินคะคุณเป็นอะไรไป เดี๋ยวนี้รังเกียจโรสมากขนาดนี้เลยเหรอคะ ทีเมื่อก่อนทำไมณินไม่เคยปฏิเสธโรสสักครั้ง”
เมื่อลูกไม้เดิมทำท่าจะไม่ได้ผล จำต้องงัดไม้อื่นเอามาใช้แทน

“ไม่ใช่อย่างนั้นโรส ผมแค่คิดว่าเราสองคน ควรจะหยุดความสัมพันเอาไว้แค่คำว่าเพื่อนมากกว่า ผมมีคนรักและกำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่วันแล้ว ผมไม่อยากได้ชื่อว่านอกใจคนรัก ถ้าลีรู้คงจะเสียใจมาก” คณินพยายามที่จะอธิบายให้อีกคนฟัง
“นี่ณินรักแม่นั่นมากมายขนาดนี้เลยเหรอ มันมีอะไรดีนักหนา ณินถึงได้หลงมันจนหัวปรักหัวปรำ หรือว่าลีลาบนเตียงของมันร้อนแรงกว่าโรสกัน ณินอยากได้แบบไหน บอกโรสสิคะ โรสยินดีจะจัดให้”
เมื่อเห็นท่าว่าจะไม่ได้ในสิ่งที่คาดคิดเอาไว้ โชติกาก็เริ่มหัวเสียขึ้นมา เพราะทนฟังเขาพร่ำถึงคนที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูหัวใจไม่ได้

“โรสหยุดพูดถึงคู่หมั้นผมแบบนี้นะ จะบอกให้ว่าที่ผมรักเขา ก็เพราะว่าความเป็นตัวเองของเขา ไม่ได้รักเพราะเรื่องเซ็กส์อย่างที่โรสเข้าใจ คนอย่างผมตามีแววมากพอนะ ไม่ได้เที่ยวตัดสินว่าจะรักใครเพราะเรื่องพวกนี้”

กรี๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ

“รักมันมากถึงขนาดออกรับแทนเลยใช่มั้ย โรสจะบอกให้นะว่าโรสไม่มีวันที่จะปล่อยให้คุณมีความสุขกับมันเด็ดขาด โรสมาก่อน ก็ต้องมีสิทธิ์ในตัวณินก่อนใคร ถ้าณินไม่ยอมทำตามที่โรสต้องการ เราจะได้เห็นดีกัน”
“บังเอิญผมไม่ชอบให้ใครมาขู่ด้วยนะโรส ถ้าคุณยังอยากจะเป็นเพื่อนกับผมต่อไป ก็คิดทบทวนให้ดี ๆ ก่อน ว่ามันคุ้มมั้ยที่จะลงทุนมาเป็นศัตรูกับผม อีกอย่างผมไม่ชอบอยู่ใต้คำสั่งของผู้หญิงด้วย คุณเมามากแล้วควรจะพักผ่อนซะ วันนี้ผมจะถือว่าคุณไม่ได้พูดอะไรกับผม”

เพียงเท่านั้นประตูห้องก็เปิดและปิดลงในเวลาไล่ ๆ กัน โชติกาแทบจะลุกขึ้นกรีดร้องออกมาดัง ๆ เมื่อลูกไม้สารพัดที่งัดมาใช้แต่กลับไม่เป็นผลอย่างเคย พลอยให้โกรธและเกลียดอีกคนที่เขาคอยปกป้องอย่างช่วยไม่ได้

“ไม่มีวันที่ฉันจะปล่อยให้คุณเสวยสุขกับมันหรอกณิน คุณยังรู้จักผู้หญิงอย่างฉันน้อยไป” อะไรบางที่คิดไว้ในใจ เมื่อนานมาแล้ว เริ่มผุดขึ้นมาอีกครั้ง แต่เมื่อรู้สึกว่าตัวเองเมามากจริง ๆ จึนต้องล้มตัวลงนอนและหลับไปในที่สุด







Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2552 11:22:47 น. 0 comments
Counter : 320 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.