Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
15 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
ธารลาวา ๒๗ (ธัญรัตน์)





ตอน ๒๗



ส่วนญาณินผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทางหัวใจ ที่แอบซ่อนความรู้สึกเอาไว้ไม่ให้ใครได้สังเกตุเห็นนั้น รู้สึกดีใจแทนพี่ชายไม่น้อย ที่ค้นพบใครสักคน รวมไปถึงหนูน้อยเจนนี่และหนุ่มน้อยเจเจ ถึงแม้จะรู้จักคุณครูลีมาแล้ว แต่ก็ดีใจที่จะได้กินข้าวกับครูที่รักเป็นครั้งแรก ความโล่งใจที่ประณาลีมีถึงจะแสดงออกมาให้ใครเห็นไม่ได้ แต่เธอก็นึกขอบคุณวิญญาณพ่อกับแม่ ที่เธอเชื่อว่าท่านทั้งสองคอยอยู่ข้าง ๆ เธอ คอยช่วยทำให้ภาระกิจเธอเป็นไปด้วยดี



แม้จะปรีดาที่ความกลัวว่านเรศหรือไม่ก็คามินจะลุกขึ้นมาโวยวายผ่านพ้นไป แต่ใจก็บอกกับตัวเองเสมอ ๆ ว่า บทบาทที่เธอจะต้องแสดงวันนี้ก็คือ ‘บทสาวสวย นัยตาโศก’ ผู้ไม่ยินดีกับข่าวมงคลที่คนข้าง ๆ กำลังจะประกาศก้องในคืนนี้ คณิศรกับสายตาที่มองเธออย่างเย้ยหยัน ดูถูก ถากถาง ระคนสงสัยในฐานะที่น้องชายจะยกให้คืออะไร ส่งให้เธอแสดงบทนี้ได้ดีทีเดียว



“ทำไมพี่ไม่เห็นรู้เลยว่าณินกับครูลีรู้จักกัน ไม่ยอมจะกระซิบพี่บ้างเลยนะ ไปรับยายเจนนี่ทุกวัน ๆ น่าจะส่งสัญญาณกันบ้าง นี่อะไรเอาแต่เงียบเท่านั้น พี่น้อยใจนะณิน ครูลีก็เหมือนกัน”



ในที่สุดคณิศรก็อดทนไม่ไหว จึงแสดงออกว่าไม่ค่อยจะปลื้ม คนที่น้องชายพามาแนะนำในวันนี้อย่างเห็นได้ชัด อันที่จริงประณาลีไม่ได้สะทกสะท้านกับน้ำคำของคนพูดนัก แต่มีหรือที่เธอจะปล่อยให้ศัตรูจิกด้วยวาจาเพียงฝ่ายเดียว ยิ้มเจื่อน ๆ กับสีหน้าที่สดใสเปลี่ยนเป็นสลดเล็กน้อย พอให้คนที่เอื้อมมือมากุมมือเธอไว้อยู่ใต้โต๊ะได้สังเกตุเห็นเท่านั้น



“ลีเป็นคนไม่ช่างพูดช่างคุยนักครับพี่ณิ อีกอย่างเธอคงจะเห็นว่าการที่จะรู้จักผมหรือไม่ ก็ไม่เห็นจะมีความจำเป็นต้องบอกพี่ณิเลย เพราะคงจะเป็นเรื่องธรรมดา ๆ ที่เธอจะรู้จักใคร ๆ ได้โดยไม่ต้องบอกให้คนอื่นรู้”

เป็นครั้งที่แรกที่คณินส่งคำพูด ที่ติติงพี่สาวต่อหน้าน้อง ๆ และหลาน ๆ ประมุขของบ้านรู้ดีว่าลูกสาวคนโต รู้สึกยังไงกับคนที่นั่งข้าง ๆ น้องชายจึงรีบตัดบท เพื่อไม่ให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเสีย



“บัวตักข้าวให้คุณณินกับคุณลีได้แล้ว แม่ว่ากินข้าวไปคุยกันไปจะดีกว่านะ แม่หิวแล้ว เจ้าสองตัวนั้นด้วย”

เป็นไปตามที่ประมุขของบ้านต้องการ ทุกคนต่างสนใจกับอาหารตรงหน้า คนบนโต๊ะเกือบครึ่งตักอาหารเข้าปากไปอย่างนั้น หาได้รับรู้รสชาติไม่ สายตานเรศที่นั่งอยู่อีกฝั่ง คอยชำเลืองดูประณาลีแทบจะตลอดเวลา แต่เขาก็ฉลาดพอที่จะไม่ทำให้ทุกคนสังเกตุเห็น แม้ดวงหน้าหญิงสาวจะดูสดสวยแค่ไหน แต่เขาก็จับแววตาได้ว่าเธอไร้สุข เมื่อคนที่นั่งข้าง ๆ ไม่ใช่เขา นั่นคือความคิดของคนที่ ‘หลงตัวเอง’ อย่างนเรศ



ซึ่งเป็นสิ่งดีสำหรับประณาลี ที่แม้จะไม่มองสบตาเขาเกินสองครั้ง แต่ก็สัมผัสได้ว่าเขาร้อนรนแค่ไหน และก็คงจะเหมือนกับอีกคน ที่นั่งอยู่อีกข้างของเธอว่าคงจะมีสภาพไม่แพ้กัน ด้วยแววตา และกิริยาท่าทางที่เธอพยายามสื่อให้เขารู้ว่า ถึงเขาจะไม่ใช่ทางออกของเธอ แต่ขอให้รู้ว่าเธอยังมีเขาอยู่ในใจตลอดไป คณินไม่ได้แปลกใจกับท่าทีที่เรียบเฉย พูดน้อย พร้อมยิ้มเจื่อน ๆ ของคนที่เขามอบหัวใจให้สักนิด เพราะเข้าใจว่าเธอคงจะทำตัวลำบาก เมื่ออยู่ต่อหน้าคนหลาย ๆ คนที่ไม่คุ้นเคย โดยเฉพาะอยู่กับพี่สาวที่คอยจะหาคำถามมาถามโน่นนี่เกี่ยวกับเธอ ประหนึ่งจะสอบประวัติก็ไม่ปาน



อาหารเย็นเสร็จสิ้นไปด้วยดี ญาณินและหลานน้อยสองคน ปลีกตัวขึ้นไปเล่นเกมด้านบน ส่วนคนที่เหลือพากันไปนั่งจิบช กาแฟอยู่สนามหญ้าหน้าบ้านอย่างพร้อมเพียง คณินมักจะจูงมือบาง ๆ ให้เดินไปพร้อม ๆ กับเขา แต่เจ้าของมือมักจะพยายามดึงออก เพื่อบอกให้รู้ว่าเขาไม่ควรทำแบบนี้ต่อหน้าคนในบ้าน ถึงเขาจะรู้ดีแต่ก็อยากจะจับจองเธอให้ทุกคนในบ้านเห็น คามินและนเรศต่างมีความคิดที่ตรงกันกับอาการดึงมือกลับของเธอ นั่นก็คือ ‘เธอไม่ได้สุข’ เท่าใดนัก



“คุณแม่ครับ เมื่อทุกคนรู้จักลีแล้ว ผมก็ขอบอกข่าวดีเลยนะครับ”

หยุดมองหน้ามารดาและคนบนโต๊ะ เพื่อค้นหาว่าจะเป็นยังไง คณิศรชักสีหน้าที่ไม่ค่อยจะยินดีนักกับข่าวที่น้องจะบอก เพราะเดาได้ว่าคืออะไร แต่เขาก็ไม่แคร์ เมื่อได้รอยยิ้มจากมารดาเพื่อให้สัญญาณกับเขา ว่ากำลังฟังข่าวดีอยู่ จึงบอกออกไป



“ลีคือคนที่ผมรัก และเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมด้วยในอนาคตอันใกล้นี้ครับ ถึงเราจะรู้จักกันได้ไม่นานเท่าไหร่ แต่ผมก็มั่นใจว่าเลือกรักไม่ผิด ส่วนเธอเองก็รักผม ไม่ทราบว่าคุณแม่กับทุกคนจะเห็นด้วยมั้ย ถ้าผมกับลีจะแต่งงานกัน และจะแต่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ”



กับคำบอกเล่า ทำให้สีหน้าของคนที่สนาม ต่างแสดงออกมาด้วยความสงสัย ว่าทำไมถึงได้รวดเร็วปานสายฟ้าแล๊ปขนาดนี้ จนคนนำข่าวดีมาบอก เกือบจะกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ เพราะเดาได้ว่าคงจะคิดเหมือนสิ่งที่คนที่เขารัก เคยกลัวตอนที่เขาบอกว่าจะแต่งงานให้เร็วที่สุดนั่นเอง เขาจึงไขข้อสงสัยให้ทุกคนได้รู้



“เอ่อ! ความจริงก็คือผมกับลีจะหมั้นกันก่อนครับ พระให้ฤกษ์มาแล้วนะครับคุณแม่ อีกไม่กี่วันหรอกครับ ทุกอย่างเตรียมการไว้หมดแล้ว ผมไม่ได้บอกคุณแม่กับทุกคน กะว่าจะเซอร์ไพร้ส์สักหน่อย พอหมั้นกันได้สักสองเดือน ค่อยจัดงานแต่งงาน ใจจริงผมอยากจะแต่งเร็ว ๆ แต่ลีกลัวคนจะคิดไปในทางอื่น ก็เลยให้แค่หมั้นก่อนครับ ”

ถึงคณิศรจะโล่งใจอยู่บ้าง ที่ทั้งคู่จะหมั้นแล้วค่อยแต่ง แต่อาการโล่งใจและชื้นใจเป็นที่สุดนี้ คงไม่มีใครเกินคามินกับนเรศ เพราะอย่างน้อย ๆ ต่างคนก็ต่างบอกตัวเองว่า ‘ยังพอมีเวลา’ ที่จะดึงคนที่ต้องใจมาแนบครอง



“จริงเหรอลูก แม่ดีใจที่สุดเลยที่ได้ยินคำ ๆ นี้ของลูก แม่ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น แม่ยินดีต้อนรับหนูลีมาเป็นคนในครอบครัวด้วยความเต็มใจนะลูก” อัมพรยิ้มรับด้วยความมีไมตรี



“ลีไปกราบคุณแม่สิครับ”

มือหนาเอื้อมไปกุมมือบางเอาไว้ ก่อนที่เจ้าของผ้าซิ่นจะคุกเข่าลงไปใกล้ ๆ แล้วก้มกราบไปที่ตักอัมพร แม้จะเป็นการฝืนใจสักแค่ไหน แต่ก็จำต้องยอมทำ หน้าอัมพรถูกแทนที่ด้วยใบหน้าพ่อแม่ที่เธอรัก เมื่อก้มลงไปกราบ แทนคนที่เอาแต่ยิ้มและไม่ได้ล่วงรู้ว่าจะมีเด็กหญิงตัวน้อย ๆ จากอดีตที่ตัวเองเผลอไปทำร้ายเข้า จะกลับมาเอาคืนในเร็ววัน



“ไหว้พระเถอะนะหนูลี ต่อไปนี้หนูลีก็คือลูกของแม่คนหนึ่งนะลูก”

มือสองข้างเอื้อมไปรับมือบางที่พนมแล้วก้มกราบที่ตักไว้อย่างปลาบปลื้ม แล้วสิ่งที่อัมพรเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อก็ถูกดึงออกมา เป็นกำไลข้อมือ ตัวกำไลทำจากทองคำขาวประดับด้วยเพชรน้ำงามเม็ดไม่ใหญ่มากแต่มีถึงเก้าเม็ด มือของผู้สูงวัยกว่าเอื้อมไปจับเอาเรียวแขนข้างที่ไม่ได้ใส่กำไลเงินไว้ พร้อมสวมให้เธออย่างอ่อนโยน



“แม่ขอรับขวัญสะใภ้แม่นะลูก” “ขอบพระคุณค่ะคุณแม่”

ประณาลีก้มลงกราบอีกครั้ง ก่อนจะลุกกลับขึ้นไปนั่งใกล้ ๆ คณิน มันคงจะเป็นวันที่วิเศษที่สุดสำหรับเธอ หากว่าแม่สามีในชีวิตจริงจะเป็นคนที่อ่อนโยนมีเมตตาเช่นคนตรงหน้านี้ เธอคงจะเป็นสะใภ้ที่เปี่ยมสุขไม่น้อยทีเดียว แต่มันจะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ในเมื่ออดีตของผู้หญิงคนนี้เคยกระทำการที่เรียกได้ว่า ‘เลวแสนเลว’ แค่ไหน ในใจอยากจะรู้เหลือเกินว่า หากอัมพรได้ล่วงรู้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน และมาเพื่ออะไร กิริยาที่อ่อนโยนเช่นนี้จะยังคงมีให้เธอได้เห็นหรือไม่



“คุณแม่นี่ไม่ค่อยจะเห่อเลยนะคะ ณินพี่คงไม่มีอะไรจะรับขวัญว่าที่น้องสะใภ้หรอกนะ ก็ไม่มีใครมากระซิบบอกให้รู้ก่อนนี่ จะได้เตรียมของไว้ตามธรรมเนียม แต่พี่ว่าครูลีคงไม่อยากได้ของ ๆ พี่หรอกมั้ง เพราะสมบัติคุณแม่มีเยอะกว่าเป็นไหน ๆ จริงมั้ยคะครูลี ไหนจะตำแหน่งสะใภ้ใหญ่ของบ้านอีก ครูลีนี่เก่งจังนะคะ ทำยังไงให้น้องชายพณิยอมทิ้งความโสด เอ๊ะ! หรือมีอะไรที่พี่ไม่รู้หรือเปล่าณิน ถึงได้จะรีบจัดงานเร็วขนาดนี้”



ยิ้มให้กับคนที่พูดด้วย แต่ก็เป็นยิ้มที่กระเดียดไปในทางเย้ยหยันมากกว่า ซึ่งทุกคนรับรู้ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าว ประณาลีแทบจะปล่อยคำพูดพวกนี้ให้ผ่านหูซ้ายทะลุหูขวา ‘งานใหญ่ยังรอเราอยู่นะ’ นั่นคือสิ่งที่ท่องเอาไว้ในใจ คณินเองก็ไม่อยากจะให้บรรยากาศเสียไปมากกว่านี้ แม้จะไม่ชอบใจคำพูดพี่ แต่ก็ไม่ต่อปากอะไร ใจหนึ่งก็เข้าใจพี่สาวดีว่ารักน้อง ย่อมจะเคลือบแคลงคนที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตน้อง แต่เขาก็เชื่อว่าหากพี่สาวได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของประณาลี เหมือนที่เขาเห็นมาแล้ว สักวันพี่คงจะทำใจยอมรับเธอได้



คามินเหมือนจะทนไม่ได้ ที่เห็นคนที่ตัวเองรักถูกพี่สาวพูดกระทบ โดยที่พี่ชายไม่คิดที่จะปกป้องเลยสักนิด ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าพี่ชายจะรักเธอที่หัวใจ หรือว่ารักในความสวยและเรือนร่างกันแน่ หากเป็นอย่างหลังพี่ก็ไม่น่าจะลงทุนยกย่องเธอด้วยตำแหน่งว่าที่สะใภ้ของบ้านขนาดนี้ น่าจะแค่หาความสุขบนเรือนร่างเพื่อแลกกับ ‘เงินให้เธอเอาไปใช้หนี้’ ก็แค่นั้น พอชื่นชมเบื่อแล้วก็โล๊ะทิ้ง เหมือนกับสาว ๆ หลาย ๆ คนที่พี่เคยทำมา



“พี่ณิก็พูดยังกับว่าคุณลีจะมาเอาสมบัติคุณแม่ยังงั้นล่ะฮะ ผมต้องขอโทษแทนพี่ณิด้วยนะฮะคุณลี พี่ณิเป็นคนพูดอะไรตรงไปตรงมา คุณลีอย่าถือสาเลยนะฮะ”



ยิ้มเจื่อน ๆ กับแววตาเศร้า ๆ ยังคงเป็นบทบาทเดิม ที่เธอแสดงออกมาให้ทุกคนเห็น สร้างความขุ่นเคืองให้คณิศรเป็นที่สุด ใจยังอยากจะให้ค่ำคืนนี้เป็นแค่ฝัน ไม่อยากรับรู้เลยว่า ‘นังครูจองหอง’ คนนี้ จะเข้ามาเป็นคนสำคัญของบ้าน แถมทุกคนก็ดูเหมือนจะปลื้มจนออกนอกหน้า ปากพร้อมจะเอ่ยตอบโต้น้องชายอย่างไม่ลดละ แต่ต้องหยุดไว้ เพราะนเรศที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ยกแขนขึ้นไปโอบไหล่เอาไว้เป็นเชิงห้าม



“แล้วตกลงฤกษ์หมั้นมีเมื่อไหร่ลูก จะจัดงานที่ไหน แล้วเชิญใครบ้าง” อัมพรเป็นอีกคนที่รีบชิงถามลูกชาย เพื่อเป็นการหยุดลูกสาวไม่ให้แผลงฤทธิ์มากไปกว่านี้ คณินดูเหมือนจะรู้ความหมายของแม่ดี



“อีกสามวันครับคุณแม่ ผมตั้งใจว่าจะจัดงานที่บ้านเรานี่ล่ะครับ ตอนแรกว่าจะจัดไม่ใหญ่มาก และจะเชิญแค่ผู้ใหญ่ที่นับถือกันจริง ๆ แค่นั้น แต่ไป ๆ มา ๆ เลขาฯ บอกว่าแขกก็เกือบร้อยเหมือนกัน ผมให้ทางโรงแรมจัดการทุกอย่างให้เลย พิธีจะมีในช่วงเช้า เสร็จก็กินมื้อเที่ยงแล้วก็จบ คุณแม่มีอะไรจะเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าครับ แล้วเวลากระชั้นชิดแบบนี้ คุณแม่กับทุกคนจะเตรียมตัวทันหรือเปล่าครับ ผมมัวแต่อยากจะเซอร์ไพร้ส์ เลยลืมคิดถึงจุดนี้ไปเลย”



“ไม่เป็นไรหรอกลูก เวลาแค่นี้ทันถมเถ แต่แม่ว่าณินเลี้ยงพระด้วยจะดีมั้ยลูก เป็นมื้อเพลก็ได้ พระท่านจะได้รดน้ำมนต์ให้ด้วย เป็นศิริมงคลดีด้วยนะ หรือทุกคนจะว่าไง พ่อเรศเห็นด้วยกับแม่มั้ย”



“ผมก็แล้วแต่คุณแม่จะเห็นสมควรครับ”

วันนี้อัมพรสังเกตุว่าลูกเขยจะพูดน้อยกว่าทุก ๆ ครั้งที่มาบ้าน แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก

“ผมก็ตามใจคุณแม่ครับยังไงก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้แหม่มประสานงานกับทางโรงแรมอีกที”

คณินเองก็ไม่ขัดกับคำแนะนำของมารดา



“ณิก็คงจะต้องเห็นด้วยกับคุณแม่ล่ะค่ะ แต่ถึงณิจะไม่เห็นด้วย ก็คงจะไม่มีใครสนใจหรอกมั้งคะ อีกหน่อยณิกับยายญาก็คงจะตกกระป๋องแล้วมั้ง เพราะคุณแม่ได้ลูกสาวคนใหม่แล้วนี่คะ เผลอ ๆ ลูกณิคงพลอยจะตกกระป๋องไปด้วยมั้ง ถ้าเกิดครูลีมีทายาทให้คุณแม่เร็ว ๆ” แม้ไม่มีใครสนใจจะถาม แต่ก็ขอให้ได้เหน็บคนที่กำลังจะมาแย่งซีนบ้างก็ยังดี



“เอ่อ! ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอพาลีไปส่งก่อนนะครับ พรุ่งนี้ลีต้องไปสอนอีก เดือนหนึ่ง ๆ จะได้หยุดแค่สามวันเอง ถ้าทุกคนยังไม่กลับก็รอผมก่อนนะครับจะนั่งมาคุยด้วย”



รีบตัดบทเพื่อไม่ให้พี่สาวทำให้คนที่ตัวเองรักไม่สบายใจไปมากกว่านี้ ประณาลีอยากจะขอบคุณเขาเหลือเกิน ที่พาเธอกลับได้เสียที เพราะเบื่อที่จะนั่งให้คณิศรพูดกระทบกระทั่ง โดยที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ นเรศมองสบตาคู่เศร้าพร้อมยกมือรับไหว้ เมื่อเธอลากลับ คามินเองก็มองตามพี่ชายที่จูงมือเธอเดินไปจนถึงรถ



“คุณแม่ชอบแม่ครูคนนี้มากเหรอคะ คุณแม่ไม่คิดว่าสองคนนี้จะรักกันเร็วไปหน่อยเหรอคะ ณินดูดีหรือยังก็ไม่รู้ ประวัติเป็นยังไง ฐานะทางบ้านเป็นยังไง เป็นลูกเต้าเหล่าใครก็ยังไม่รู้ จู่ ๆ ก็จะเข้ามาเป็นสะใภ้ของบ้าน สงสัยคงจะดีใจจนเนื้อเต้นล่ะมั้งคะ จะได้ผัวรวย ๆ ไม่รู้จะรักณินหรือจะรักเงินกันแน่”



รถสปอร์ตแทบจะยังไม่พ้นประตูรั้ว คณิศรก็รีบพูดในสิ่งที่เก็บไว้ในใจทันที คามินกำลังจะขอตัวขึ้นข้างบนถึงกลับเปลี่ยนใจ นั่งฟังพี่สาวถากถางผู้หญิงที่เขาคิดว่ารู้จักดี อาจจะดีมากกว่าพี่ชายตัวเองด้วยซ้ำในความคิดเขา อยากจะเถียงแทนเธอเหลือเกิน แต่ก็ดูจะช้ากว่าพี่เขยที่ทำเสียงตำหนิออกมาตรง ๆ และดังนิด ๆ



“คุณณิ! ผมว่าคุณควรจะหยุดได้แล้วนะ ถึงคุณจะไม่ให้เกียรติคุณลี อย่างน้อย ๆ คุณก็ควรจะให้เกียรติน้องคุณบ้าง ผมเชื่อว่าสายตาของณินคงจะมีแววดี คงจะดูคนไม่ผิดหรอก ถ้าผู้หญิงไม่ดีจริงเขาคงไม่คว้าเอามาหรอก”

“นี่คุณเรศอย่ามาว่าฉันนะ แม่ครูนั่นเป็นอะไรกับคุณ ถึงได้มาออกรับแทนจนออกนอกหน้าแบบนี้ คุณแม่ดูสิคะณิแค่ออกความเห็นตรง ๆ เพราะห่วงน้อง ไม่อยากให้ได้เมียที่คอยแต่จะจับผู้ชายรวย ๆ มาทำผัวแค่นั้น”



“ถ้าคุณพูดดี ๆ ผมจะไม่ว่าสักคำ แต่คุณไปดูถูกคุณลีซึ่งเป็นผู้หญิงเหมือนกับคุณ แล้วผมขอถามคุณทีเถอะว่า มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่อยากได้ผู้ชายที่จะเลี้ยงดูตัวเองและลูก ๆ ได้โดยไม่ลำบากบ้าง หรือว่าคุณเป็น อย่าบอกนะ เพราะผมไม่เชื่อเด็ดขาด”



อดคิดถึงตอนที่ตัวเองต้องแต่งงานกับเธอไม่ได้ ถ้าไม่เพราะพ่อเขาเป็นนักการเมือง ถ้าไม่เพราะฐานะทางบ้านเขาล่ำซำ มีหรือที่เธอจะเลือกมาเป็นคู่ และกับประโยคท้าย ๆ ทำให้คนที่เป็นแม่ยาย รู้สึกฝืดคอจนแทบจะกลืนน้ำลายลงไม่ได้



‘ผมจะให้ยายณิแต่งงานกับนายนเรศนะ พ่อเขาเล่นการเมืองคงจะช่วยเป็นใบเบิกทางให้ผมได้ประมูลงานง่ายขึ้นหน่อย’ อดคิดถึงคำพูดของสามีขึ้นมาไม่ได้ หลีกอะไรก็หลีกได้ แต่จะให้หลีกอดีต อัมพรรู้ดีว่าไม่มีทาง โดยเฉพาะ ‘อดีตที่ไม่ขาวสะอาด’ กี่ปีแล้วนะ ที่เรื่องนั้นถูกปิดเงียบเอาไว้เพียงลำพังผู้เดียว ป่านนี้คนพวกนั้นจะมีชีวิตความเป็นอยู่แบบยังไงบ้าง จะโกรธ เกลียด หรือชิงชังเธอและสามีมากแค่ไหน



ประตูห้องเปิดออกไม่ทันไร ร่างบางของเจ้าของห้องก็ถูกเขารวบมากอดไว้ ประหนึ่งต้องการจะขอโทษกับน้ำคำของพี่สาวก็ไม่ปาน ไม่มีคำพูดใด ๆ จากทั้งสองนอกจากความเงียบ แก้มขาวแนบไปกับอกกว้าง ได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ อ้อมกอดของเขาในเวลานี้ สร้างความอบอุ่นให้เธอกว่าหลาย ๆ ครั้ง แม้จะพยายาม ‘ห้ามใจ’ มากแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงรู้สึกหวั่นไหวแทบทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ ๆ



ไม่อยากจะคิดเลยว่าพ้นไปจากเขาแล้ว เธอจะหาผู้ชายดี ๆ อย่างนี้ได้จากที่ไหน ผู้ชายที่รักและให้เกียรติเธอขนาดนี้ มันคงจะไม่มี หรือถ้ามีหัวใจเธอก็อาจจะไม่สามารถเปิดใจรับเขาคนนั้นแล้วก็ได้ น้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมาโดยที่ตัวเองก็หาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้ ‘ลีอย่าไปโกรธแค้นเขาเลยนะลูก ใจเราเองนั่นล่ะที่จะทุกข์’ คำของยายที่ย้ำเตือนเสมอ ๆ เมื่อเวลาที่เธอเผลอพูดแรง ๆ เกี่ยวกับศัตรูให้ยายได้ยิน



“ลี! คุณร้องไห้ทำไม” รู้ว่าสาเหตุมาจากคำพูดของพี่ แต่เขาก็ไม่อยากจะให้มีปัญหาภายในครอบครัวถึงวันข้างหน้า วันที่เธอจะย่างก้าวเข้าไปอยู่เคียงข้างกับเขาในฐานะ ‘ภรรยา’ ในฐานะสะใภ้ใหญ่ของบ้าน



“ผมขอโทษแทนพี่ณิด้วยนะ ผมรู้ว่ามันยากที่จะบอกให้ลีอย่าถือสา แต่ผมอยากจะบอกว่าทันทีที่ลีเข้าไปเกี่ยวข้องกับผมในฐานะ ภรรยา พี่ณิ กับเราก็อยู่กันคนละส่วน คนละบ้าน ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกันมากเท่าไหร่ ที่พี่ณิพูดไปก็เพราะห่วงน้องอย่างผมแค่นั้น พี่ณิยังไม่รู้จักลีอย่างที่ผมรู้จักถึงได้พูดออกมา แต่ผมเชื่อว่าอีกไม่นานพี่ณิจะรักลีเหมือนอย่างที่ผมกับคุณแม่รัก”



“ลีไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ คุณณินกลับไปได้แล้วนะคะ คุณแม่กับทุกคนคงจะรออยู่”

“ผมจะกลับได้ยังไงก็ในเมื่อลียังไม่สบายจแบบนี้อยู่ อย่าไปใส่ใจกับคำพูดพี่ณิเลยนะ อย่างที่มินบอก พี่ณิจะเป็นคนพูดอะไรออกมาตรง ๆ คิดยังไงก็พูดออกมาอย่างนั้น บางครั้งผมเองก็ต้องทำใจเพราะเปลี่ยนเขาไม่ได้”



“ลีไม่เคยแคร์ใครมากไปกว่าคุณณินค่ะ ถ้าคุณณินไม่ได้คิดว่าลีเป็นแบบ เอ่อ! คำพูดพี่สาวคุณ แค่นี้ลีก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ ลีขอบอกนะคะ ว่าลีไม่เคยเห็นเงินคุณสำคัญมากกว่าศักดิ์ศรีตัวเอง ถ้าวันหนึ่งที่คุณคิดหรือพูดแบบพี่สาวคุณ วันนั้นคุณกับลีจะยืนอยู่คนละฟากทันทีค่ะ อย่างที่คุณเห็นและรู้จักลีแล้ว การดำรงค์ชีวิตของลี ไม่ได้ยึดเอาเงินเป็นหัวใจสำคัญมากไปกว่าความสุขทางใจ”



มันเป็นคำพูดที่เป็นจริงทุกคำ เพราะหากจะรักเขาหรือใคร เธอจะไม่สนใจว่าเขามีเงินมากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่เพราะต้องการแก้แค้น เธอไม่มีวันที่จะเดินมาเฉียดใกล้เขาเด็ดขาด ต่อให้เขามีเงินมากแค่ไหนก็ตามที



‘ผู้ชายรวยแต่ไม่รู้จักหาเพิ่มในที่สุดก็จะจนนะณา สู้พ่อก็ไม่ได้ พ่อแม่ไม่ร่ำรวยแต่พ่อก็หาเงินเก่ง เห็นมั้ยณากับลูก ๆ อยู่กันอย่างสบาย ๆ’

เธอจำใบหน้าเปื้อนยิ้มของพ่อที่พูดกับแม่วันนั้นได้ดี ดวงตาพ่อมีแววแห่งความภาคภูมิใจเป็นที่สุด กับผลงานการสร้างฐานะให้ครอบครัว



“ผมรู้ว่าลีเป็นคนยังไง ผมก็อยากจะบอกลีให้รู้เหมือนกันว่า ผมเป็นคนเลือกเป็น มีผู้หญิงหลายคนที่อยากจะเข้ามาในชีวิตผม อาจจะเพราะผมหรือเพราะเงินผมก็ได้ แต่ไม่เคยมีใครอยู่ในสายตาผม มากไปกว่าคุณนะลี อย่าห่วงเลย ผมรักคุณ เราจะช่วยกันสร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกันนะ วันนี้ลีเหนื่อยมามากแล้ว พักผ่อนเถอะ”

กอดและหอมแก้มเบา ๆ ก่อนจะออกจากห้องไป แต่ก็ไม่วายหันมายิ้มให้เจ้าของห้องที่ยืนมองเขาอยู่หน้าประตู



“เรียบร้อยดีนะคะพี่แพท...” ข่าวสารถูกส่งไปให้คนที่เฝ้ารอด้วยความกระวนกระวายใจอยู่ที่ห้อง แผนขั้นต่อไปถูกวางเอาไว้ล่วงหน้าคร่าว ๆ ให้แพทได้รู้และนำไปถ่ายทอดกับปวีร์อีกที



ทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่ประณาลีคาดการเอาไว้ไม่มีผิด นเรศและคามินโทรเข้ามาหาเธอในวันต่อมา เธอไม่ยอมรับสายของใคร แต่ให้แพทรับสายนเรศและรับนัดตามคำขอของเขา แพทเลือกร้านอาหารเดิม โต๊ะเดิม และในเวลาก่อนเที่ยงนิด ๆ เช่นเดิม แต่วันนี้ทั้งสองลงจากแท็กซี่แทนการขับรถมาเองเหมือนทุก ๆ ครั้ง ใบหน้าขาวเนียนพยักน้อย ๆ ให้แพท เพื่อเป็นการอนุญาต มือถือของแพทกดไปหาคนที่กำลังรออยู่ในทันที



“วีโทรไปแล้วใช่มั้ย ดี ๆ แล้วอย่าจอดรถไกลจากร้านมากนะ รอสัญญาณจากพี่ ถ้าโทรไปหาเมื่อไหร่ให้รีบมาทันที”

แพทสั่งการด้วยความรวดเร็ว มองเห็นรถเหยื่อจอดอยู่ที่ลานจอดเรียบร้อยแล้ว แสดงว่าร้อนรนจนต้องรีบมารอล่วงหน้าหลายนาที ทั้งสองเดินตรงไปยังโต๊ะนั่งที่คุ้นเคย สีหน้าที่หมางเมินระคนขุ่นเคืองของคนที่รออยู่ก่อนแล้ว แสดงให้ผู้ที่เพิ่งจะทรุดตัวลงนั่งได้เห็น



“ผมยังไม่ได้สั่งอาหารครับ สั่งแค่เครื่องดื่มมารอก่อน กลัวว่าสั่งมาแล้วจะไม่ถูกใจคุณลี เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าผมยังเดาใจถูกอยู่หรือเปล่า” ประโยคตัดพ้อส่งมาให้แทบจะทันที ถึงจะบอกตัวเองว่าไม่ให้คิดมากเรื่องนี้ เพราะเข้าใจเธอในระดับหนึ่ง แต่ก็อดไม่ได้จริง ๆ ที่จะน้อยใจ มืออบอุ่นของแพทเอื้อมไปกุมมือน้องที่ท้าวกับเก้าอี้นั่งอยู่เพื่อเป็นการให้กำลังใจ



“เอ่อ! งั้นแพทจะเดินไปสั่งให้เองดีกว่านะคะ จะเลยเข้าห้องน้ำด้วยค่ะ ลีอยู่คุยกับคุณเรศไปก่อนนะเดี๋ยวพี่มา”

นเรศรู้ดีว่าแพทต้องการจะเปิดโอกาสให้เขาได้อยู่กับเธอตามลำพัง จึงพยักหน้ารับ

“คุณลีใจร้ายกับผมมากนะครับ คุณลีทำเหมือนผมไม่มีหัวใจ คิดจะควงใครมาเย้ยหยัน กับข่าวที่ทำเอาผมแทบช๊อคก็ทำ อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะส่งสัญญาณให้ผมรู้สักนิดก็ยังดี ผมจะได้ทำใจแล้วจะได้ไม่ต้องลงทุน...เอ่อ...ลงทุนกับคุณลีด้วยหัวใจขนาดนี้”

เกือบจะหลุดเรื่องบ้านออกไปแล้ว แต่ยับยั้งไว้ได้ทัน



“ลีเคยคุยเรื่องนี้กับคุณเรศแล้วค่ะ ถ้าคุณเรศยังพอจะจำได้ว่าลีต้องการจะยืนอยู่ห่าง ๆ และชื่นชมรถที่มีเจ้าของแล้วแค่นั้น”

น้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้าเศร้าสร้อย น้ำตาปริ่ม ๆ จะไหลออกมาให้คนตรงหน้าเห็น เพื่อเรียกคะแนนสงสารหรือคะแนนเห็นใจ แต่เขาก็เห็นว่าเจ้าของใบหน้ารูปไข่พยายามอย่างยิ่งที่จะหักห้ามเอาไว้



“แล้วรถคันใหม่ของคุณลี เป็นคันที่ต้องใจแล้วเหรอครับ คุณลีถึงได้เลือก ถ้าไม่นับว่ารถคันเก่ามีเจ้าของจับจองเอาไว้ ผมไม่เห็นว่าคันที่คุณลีเลือกจะดีกว่าคันเก่าตรงไหน อ้อ! ใช่สิผมลืมไป ลืมว่าคันใหม่นี่สดกว่า อายุการใช้งานน้อยกว่า ถ้าใครได้ไปครองก็คงจะเชิดหน้าชูตาได้มากกว่า แต่คุณลีแน่ใจแล้วเหรอครับว่าเลือกถูกคัน แน่ใจแล้วเหรอครับว่ารถคันนี้จะไม่วิ่งไปหาสาว ๆ สวย ๆ ให้มาจับจองเป็นเจ้าของแข่งกับคุณลี” ความเป็นเสือผู้หญิงของน้องเมียเขารู้จักดี



“ลีเป็นคนที่รักแล้วรักเลยค่ะ มันจึงไม่สำคัญสักนิดว่าลีจะเลือกคันไหน ในเมื่อใจลียังอยู่กับคันเก่า ต่อให้ลีได้คันใหม่มาก็ไม่มีผลกับจิตใจของลีเลย แต่ความจริงลีน่าจะทำใจให้รักรถคันใหม่ดีกว่านะคะ เพราะรักคันเก่าก็รังแต่จะเจ็บช้ำ และไม่รู้ว่าวันดีคืนดีเจ้าของเขาจะมาทวงคืนเมื่อไหร่ หรือคุณเรศว่าไงคะ”

น้ำตาถูกบีบให้เอ่อพร้อมที่ล้นและไหลออกมาเมื่อมีคำสั่งต่อไป ไม่ทันที่นเรศจะได้พูดอะไร มือถือก็ดังขึ้น ‘แพท’ คือคนที่โทรเข้ามา เขาไม่เข้าใจว่าทำไม ก็ในเมื่อแพทอยู่ใกล้แค่นี้



“ทำไมคุณเรศไม่รับคะ หรือว่าเป็นเจ้าของรถโทรเข้ามา” เมื่อเห็นว่าเหยื่อมีท่าทีที่ลังเลจึงจำต้องตอกย้ำลงไปอีก

“คุณแพทโทรมาครับ” บอกก่อนจะกดรับ สีหน้าที่ขุ่นเคืองและหมางเมินคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า กลับถอดสีจนเป็นซีด แล้วก็เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกเป็นลำดับต่อมา กับข่าวที่แพทแจ้งมาตามสาย

“อะไรนะครับ มาได้ยังไง คุณแพทช่วยดูให้ผมทีนะครับว่าจะมาทางนี้หรือเปล่า” บอกแล้วก็รีบวางสายทันที



“มีอะไรร้ายแรงหรือเปล่าคะคุณเรศ”

รู้ทั้งรู้แต่ก็ตีหน้าซื่อถามออกไป ในใจอดขำกับสีหน้าผู้ชายที่ร้อยทั้งร้อยก็ ‘กลัวเมีย’ อยู่ดีไม่ได้ ไม่ทันที่นเรศจะได้ตอบมือถือเธอก็ดังขึ้น รีบกดรับในทันที แม้จะไม่ปริปากตอบโต้คู่สนทนา แต่น้ำตาก็ถูกสั่งให้ไหลลงมาอาบแก้ม พร้อมมองหน้านเรศเป็นเชิงตัดพ้อระคนเสียใจเป็นที่สุดก่อนจะวางสายไป



“ทีนี้คุณเรศยังอยากจะให้ลีรัก และอยากได้รถคันเก่าอีกหรือเปล่าคะ คุณเรศเคยคิดมั้ยคะ ว่าตลอดเวลาที่ลีอยากจะครอบครองรถคันนี้ ลีต้องเฝ้ารอด้วยความเจ็บปวดแค่ไหน ทุกคืนลีจะต้องเสียน้ำตาไปกับมันมากเท่าไหร่ เพียงแค่นี้มันมีเหตุผลมากพอมั้ยคะ ที่ลีจะมองหารถคันใหม่ที่ไม่ต้องมาคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ กลัวเจ้าของเขาจะเห็นแบบนี้ หรือคุณเรศจะเดินออกไปบอกคุณคณิศรดีคะ ว่าคุณเรศอยากจะเปลี่ยนเจ้าของ ถ้าคุณเรศจะทำลีจะนั่งรออยู่ตรงนี้ค่ะ”



น้ำตาไหลอาบแก้มลงมาเป็นสาย ประหนึ่งเสียใจจนสุดจะหาที่เปรียบไม่ได้ แพทเกรงว่าคณิศรจะเดินมาเห็นก่อน จึงรีบเดินเข้ามาคว้าแขนคนที่ร้องไห้อยู่ให้ลุกจากไปโดยเร็ว แต่ก่อนไปแพทก็ทิ้งท้ายเอาไว้กับคนที่นั่งงงอยู่อย่างนั้น



“แพทจะติดต่อมาหาใหม่นะคะคุณเรศ เราสองคนคงจะมีเรื่องคุยกันอีกยาว”

ทางหนีทีไล่ที่แพทมองไว้ก็คือด้านหลังร้าน แล้วเดินลัดเลาะอ้อมไปตามแนวรั้วของสวนอาหาร สุดท้ายก็รีบขึ้นรถที่ปวีร์จอดรออยู่ก่อนแล้ว คณิศรไม่ได้สนใจกับคนภายนอกร้าน มากไปกว่ามองหาสามีกับผู้หญิงหน้าด้าน ที่มาพอดรักกันอยู่ในร้านอาหารกลางวันแสก ๆ ตามที่ผู้หวังดีโทรเข้าไปบอก



‘ไม่ต้องถามว่าผมเป็นใคร ถ้าไม่อยากจะเป็นผู้หญิงโง่ก็ตามไปดูสามีคุณที่ร้าน....ได้ ไปตอนนี้นะครับ ผมเตือนด้วยความหวังดี’ เสียงชายลึกลับส่งข่าวมา แล้วก็ตัดสายพร้อมปิดมือถือทันที



พยายามกดเข้าไปหาเป็นสิบ ๆ รอบ ก็ได้คำตอบเดิมคือฝากข้อความ เมื่อบึ่งรถมาถึงก็จริงอย่างที่คนโทรไปบอก รถของสามีจอดอยู่ที่ลานจอด เหลือแต่หลักฐานสุดท้าย คือนังผู้หญิงหน้าด้านคนนั้น เมื่อเห็นว่าสามีนั่งอยู่ตรงไหน ก็เดินแทบจะเป็นวิ่งเข้าไปหาทันที ไม่ได้สนใจว่าสามีจะอร่อยกับอาหารตรงหน้าแค่ไหน พอไปถึงก็ถามจนจะเป็นตะคอกใส่หน้าเขาทันที



“ไหนคุณเรศ นังผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นมันอยู่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน อย่าให้แม่เจอนะไม่งั้นแม่จะตบล้างน้ำให้เข็ด ผู้ชายที่ไม่มีเจ้าของทำไมไม่ไปเอา จะมายุ่งทำไมกับคนที่เขามีลูกเมียแล้ว ว่าไงคุณเรศ มันอยู่ไหน”

“คุณพูดอะไรของคุณ แล้วมาได้ยังไงถึงที่นี่ นั่งลงก่อนสิมีอะไรก็ค่อย ๆ พูด เดี๋ยวลูกน้องผมมาถึงจะมาขึ้นเสียงกับผมไม่ได้นะ เดี๋ยวเสียการปกครองหมด” ทำใจดีสู้เสือไปอย่างนั้น จะยังไง ๆ เขาก็ยังเกรงใจภรรยาอยู่ดี แถมยังไม่อยากจะให้คนในร้านมองว่ามีเมียมาคุมอีกด้วย



“คุณมากินข้าวกับใครคะ” เมื่อไม่เห็นใครตามที่มีคนบอกก็สงสัยเป็นที่สุด

“พอดีผมมาหาลูกค้าแถวนี้ ก็เลยจะเลี้ยงข้าวลูกน้อง ให้ตามมาที่นี่แต่พวกนั้นยังมาไม่ถึง ว่าแต่คุณเถอะมาทำอะไรแถวนี้ อย่าบอกนะว่าจะตามมาคุมผม”

“ฉันไม่เชื่อ คุณบอกมาดีกว่า อย่าให้ฉันจับได้เองนะ ไม่งั้นแม่จะไม่เลี้ยงไว้เลยทั้งสองคน”

ความโกรธทำให้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น



“ผมบอกไปแล้วจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ” บอกแล้วก็กดมือถือไปตามลูกน้อง ที่เขาเพิ่งจะโทรสั่งให้หอบกันมากินข้าวกับเขาที่ร้าน หลังจากที่ประณาลีลุกไปจากโต๊ะไม่นาน ‘ใครมาถึงที่ร้านก่อนผมมีรางวัลให้อย่างงาม’ คำสั่งประกาศิต




*******************************************************

อรุณสวัสดิ์ วันหยุดค่ะ

วันนี้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสดชื่นของวันใหม่ และได้กฤษ์ที่นิยายใหม่จะเปิดฉากขึ้นเสียที
หลังจากที่บางพล็อตทิ้งไว้เป็นแรมเดือนค่ะ

วกมาที่เรื่องของหนูลีกันต่อนะคะ

อันที่จริงตอนนี้ดิฉันแต่งขึ้นด้วยความกังวลอย่างล้นเหลือค่ะ
กังวลว่า จะทำให้คุณผู้อ่านเชื่อได้บ้างไหมว่า ในความเป็นจริงแล้ว

นเรศกับคามิน จะยอมนั่งดูผู้หญิงที่ตัวเองหมายปอง ถูกคณินจูงมือเข้าบ้าน
เพื่อประกาศก้องว่าเป็นว่าที่คู่หมั้นได้ไหม

ดิฉันก็ได้แต่หวังว่า เหตุจูงใจในการหมั้นกับคณิน ที่เคยเกริ่น ๆ ให้สองหนุมฟังมาบ้างแล้วนั้น
จะทำให้ คุณ ๆ ผู้อ่าน เชื่อและคล้อยตามไปมา

เรามารอดูกันค่ะ ว่าผลตอบรับจะเป็นยังไงน้อ

ปล. ใครได้อะไรเป็นของขวัญจากคนใกล้ตัว ในเทศกาลวัน Valentine บ้าง ก็เอามาบอกกล่าวกันบ้างนะคะ สำหรับธัญรัตน์เอง ได้นาฬิกา แทนกุหลาบค่ะ












Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2552 6:29:04 น. 2 comments
Counter : 375 Pageviews.

 
แวะมาทักทายทำความรู้จักครับ ผมเพื่อนบ้านคนใหม่นะครับ ยังงัยก็ขอเข้าไปร่วมอยู่ในชุมนี้อยากปกติสุขด้วยนะครับ //zerxiustor.bloggang.com


โดย: zerxiustor วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:41:26 น.  

 
ขอบคุณค่ะคุณ zerxiustor ที่แวะมาทักทาย

ดิฉันแวะไปบ้านคุณมาเหมือนกันค่ะ แต่หาที่เม้นไม่เจอ เลยต้องกลับมาเม้นทิ้งไว้ที่นี่

ยินดีต้อนรับเพื่อนบ้านคนใหม่นะคะ

ด้วยมิตรและไมตรีจิตค่ะ


โดย: ธัญญะ วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:18:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.