Group Blog
 
 
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
27 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
ธารลาวา ๗ (ธัญรัตน์)




ตอน ๗

โฟรคสีเหลืองถูกนำไปจอดไว้หน้าร้านไหมไทยด้วยความเคยชินของผู้เป็นเจ้าของ ยีนส์สีเข้มเอวต่ำ กับเสื้อยืดตัวจิ๋วสีขาว เผยให้เห็นเอวคอดที่ขาวเนียน ส่งให้เจ้าของร่างสมส่วนดูน่ามองไม่น้อย ข้าวของหลังรถถูกหอบขึ้นจนเต็มอก ก่อนจะใช้เข่าปิดประตูหลังแทนมือที่ไม่ว่าง เจ้าของบ้านเอาแต่ยืนกอดอกดูการมาเยือนของศัตรูอยู่ด้านบนเงียบ ๆ

เขียด เด็กขายของหน้าร้านรีบวิ่งออกไปช่วย เพราะเจ้านายหนุ่มสั่งเอาไว้แล้ว ส่งผลให้ริมฝีปากบางแย้มออกมานิด ๆ กับน้ำใจของเด็กหนุ่ม ที่ญาณินออกจะคุ้นเคย อาการถอนหายใจเฮือกใหญ่ ๆ ของผู้ที่อยู่ด้านบน บ่งบอกให้รู้ว่า เขาไม่ใคร่จะยินดียินร้ายกับการมาเยือนของอีกฝ่ายนัก แม้จะเป็นคนรับอาสาเป็นที่ปรึกษา การทำพรีเซ้นท์ให้เธอและเพื่อนก็ตาม แต่ชายหนุ่มไม่ชอบเลย เมื่อรับรู้ว่าเกสราจะมาช้ากว่าที่นัดไว้เป็นชั่วโมง เพราะติดธุระสำคัญ

นั่นหมายถึงว่าเขาจะต้องอยู่กับลูกศัตรูตามลำพังอีกแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ค่อยจะปลื้มกับหน้าสวย ๆ ผิวขาว ๆ ยิ้มหวาน ๆ ของญาณินนัก ทั้งที่มีชายอีกหลาย ๆ คน ที่เขาแอบเห็นว่าสนใจลูกศัตรูอยู่มาก แต่สำหรับเขาแล้ว ไม่มีความรู้สึกแบบนั้นปนเข้ามาอยู่ในใจเลยสักนิด อาจจะเป็นเพราะแรงเกลียดเลือดไอ้คนชั่ว ที่อยู่ในกายหญิงสาวมานานก็เป็นได้

คำสั่งจากพี่สาวให้รุดหน้าตามแผน ซึ่งเขาไม่มีทางจะปฏิเสธ แต่พี่คงไม่รู้หรอกว่า น้องอยากจะวิ่งหนีแค่ไหนกับคำสั่งนี้ อาการถอนหายใจเฮือกที่สองตามออกมา เมื่อสรุปให้กับตัวเองได้ว่า ‘เป็นผู้ชาย จะไปแคร์อะไรกับเรื่องเปลืองตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้’ ทีพี่สาวที่เป็นผู้หญิงยังเสียสละพาเรือนร่างไปเป็นเหยื่อล่อพวกศัตรูตั้งสามคนได้เลย ทำไมเขาจะเสียสละบ้างไม่ได้

“พี่วี! สวัสดีค่ะ ต้องขอโทษมาก ๆ นะคะที่มากวนวันพักผ่อน”
แฟ้มเอกสารบางส่วนถูกวางไว้ที่โต๊ะกลาง เมื่อญาณินตามเขียดขึ้นมาด้านบนแล้ว ซึ่งที่นี่มักจะเป็นที่สำหรับปวีร์และสองสาวใช้ทำงาน เหมือนหลาย ๆ ครั้งที่เคยมีมา

“ไม่รบกวนอะไรเลยครับ ก็พี่เป็นคนอาสาจะช่วยเอง จะดื่มกาแฟสักถ้วยก่อนมั้ยครับ เกดบอกว่าจะมาช้าหน่อยให้เราลงมือไปก่อนเลยก็ได้” มือที่กอดอกอยู่อย่างเซ็ง ๆ รีบจัดการชงกาแฟของตัวเองโดยเร็ว อีกมือก็มีแก้วน้ำส้ม

ความเขินอายที่จะต้องอยู่กับเขาตามลำพัง ถูกซ่อนเอาไว้ด้วยการก้มหน้าไปดูเอกสารที่หอบมา แต่กระนั้นญาณินก็ยังได้กลิ่นกายหนุ่ม โชยบางเบามากระทบจมูกเชิดนิด ๆ อยู่ดี เมื่อปวีร์เดินมาทรุดตัวลงนั่งกับเบาะสีขาวที่ปูไว้รอบ ๆ โต๊ะกลาง ชั้นลอยของตึก ปวีร์จัดไว้เป็นที่สำหรับนั่งเล่น และต้อนรับแขกคนสนิท ๆ เท่านั้น

“ไหนขอพี่ดูซิ ว่าทำไปถึงไหนแล้ว อุ๊ย! ตายล่ะหกหมดเลย”
“ว๊าย! พี่วี ดูสิคะเปื้อนหมดเลย นี่ดีนะคะที่ไม่เป็นกาแฟที่กำลังร้อน ๆ แก้วนั้น ให้ญาช่วยนะคะ”

ญาณินร้องด้วยความตกใจ เมื่อเห็นน้ำส้มที่เขาถือ หกรดเสื้อยืดสีขาวจนเปื้อนหมด ทิชชู่ที่วางอยู่ใกล้ ๆ ถูกมือเรียวดึงออกไปซับน้ำส้มให้ด้วยความรวดเร็ว โดยที่อีกฝ่ายปล่อยให้สาวน้อยช่วยเหลืออย่างไม่คิดที่จะห้ามปราม เธอคงไม่รู้หรอกว่า น้ำส้มมันไม่ได้บังเอิญหกรดเขาสักนิด หากแต่เป็นเพราะความตั้งใจต่างหาก

“ญาว่าพี่วีคงต้องเปลี่ยนเสื้อแล้วล่ะค่ะ เปื้อนหมดเลย” แก้มขาวกลายเป็นระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด เมื่อลมหายใจของชายหนุ่มรดบาง ๆ ไปที่หน้าผาก คงไม่มีใครได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรง จนผิดปกติของหญิงสาวได้หากไม่ใช่ตัวเธอเอง
“ขอบคุณครับ”

มือที่มีทิชชู่อยู่ถูกมือหนาดึงไปกุมเอาไว้ ประหนึ่งว่าซาบซึ้งกับการกระทำของผู้นั่งอยู่ใกล้ ๆ ด้วยใจจริง แววตาที่ญาณินแทบจะไม่เคยเห็น ถูกส่งไปให้อย่างตั้งใจ มือเรียวถูกปล่อยให้เป็นอิสระไปแล้ว หากแต่คางมนถูกเข้ามาแทนที เลือดในกายของหญิงสาวสูบฉีดเต็มที่ เมื่อจมูกโด่งเป็นสันค่อย ๆ ก้มลงไปแตะแก้มระเรื่อ

เพียงได้สัมผัสแค่นี้ ร่างในเสื้อยืดตัวจิ๋วก็แทบจะอ่อนระทวยลงไปให้ได้ ปวีร์ใช้หัวแม่มือนวดไปตามเรียวปากเบา ๆ ก่อนจะก้มลงไปประกบไว้ช้า ๆ อย่างนุ่มนวล ดวงตากลมคู่นั้น หลับปี๋ลงประหนึ่งรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แขนเรียวเผลอไปกอดร่างที่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ โดยที่หญิงสาวแทบจะไม่รู้ตัว

ตี๊ดดดดดดดดดด

ปวีร์อยากจะขอบคุณเสียงนี้เป็นที่สุด ที่ทำให้เขาต้องหยุดการกระทำไว้แค่ที่เรียวปาก แม้ใจไม่อยากจะปล่อยให้อะไร ๆ มันเลยเถิดไป แต่ความเป็นชายชาตรีของเขา ย่อมแปรเปลี่ยนไปได้ทุกเมื่อ เวลาที่ได้อยู่ใกล้ ๆ สตรีที่พร้อมจะพลีกายให้เชยชมอย่างไม่คิดจะขัดขืนเลยแม้แต่น้อย

“ญา...พี่เอ่อ...พี่ขอโทษครับ” คำกล่าวที่แสดงความเป็นสุภาพบุรุษ
“ว่าไง! เขียด...” ก่อนจะลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ที่มุมห้องรับแขก ปวีร์รู้ดีว่า เขียดคงจะโทรมาบอก ว่าเกสรามาถึงแล้วเป็นแน่ และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ

“เกดมาถึงแล้ว งั้นพี่ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะครับ”
สีหน้าที่บ่งบอกว่าไร้ซึ่งความหมายของการกระทำที่ผ่านมา ส่งให้ผู้ที่นั่งเหมือนหุ่นอยู่ตรงนั้น ก่อนที่จะหายขึ้นไปอีกชั้น ซึ่งเป็นห้องนอน ปากบางถูกเม้มเข้าหากันจนเหยียดตรง เมื่อรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ อยู่ลึก ๆ แต่ก็ไม่กล้าแม้แต่จะแสดงออกให้อีกฝ่ายได้เห็น นอกจากจะรีบก้มลงไปคว้าเอาตลับแป้งขึ้นมาเปิดกระจกส่อง เพื่อสำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง

“มาแล้ว ๆ โทษทีนะญา ที่มาช้า ก็คุณแม่น่ะสิไม่รู้เป็นอะไร จู่ ๆ ก็ให้เกดขับรถไปส่งให้ที่วัด ดีที่ไม่รอให้ถวายอาหารพระเสร็จก่อน ไม่งั้นนะมีหวังงานพรีเซ้นท์เราเสร็จเช้าแน่ ๆ เลย อ้าว! แล้วพี่วีไปไหนล่ะ อย่าบอกนะว่ายังไม่ตื่น”
เกสราพุ่งไปหากระติกน้ำร้อน เพื่อชงกาแฟเป็นอย่างแรก โดยไม่ได้สนใจว่าเจ้าของบ้านจะเชื้อเชิญหรือไม่ ปากก็บ่นไปเรื่อย โดยไม่ได้สนใจกับเจ้าของแก้มขาว ที่กลายเป็นระเรื่อขึ้นมาซะอย่างนั้น เมื่อได้ยินแค่ชื่อของปวีร์

“ใครจะกล้าตื่นสายกันครับ พี่รู้ว่าจะต้องมาช่วยงานสองสาวให้เสร็จทันพรุ่งนี้หรอกน่า”
เจ้าของอกแน่นกลับลงมาพร้อมเสื้อตัวใหม่รีบทักท้วงก่อนที่จะถูกผู้ที่เขาเฝ้ารอปรักปรำมากกว่านี้

“มาเริ่มเลย เดี๋ยวไม่เสร็จจริง ๆ กัน.......”
ความสนใจทั้งหมดของปวีร์ ถูกส่งไปที่งานของสองสาวอย่างตั้งใจ เขาไม่คิดจะแคร์และสนใจสักนิด ว่าสายตาเป็นประกายของญาณิน ที่จ้องมองเขาเป็นระยะ ๆ อดดีใจอยู่ลึก ๆ ไม่ได้ ว่าแผนคงจะง่ายกว่าที่คิดหากจะจัดการขั้นต่อไป ตามคำสั่งของพี่สาว เพราะอีกฝ่ายดูเหมือนจะพร้อมอย่างเห็นได้ชัด ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับเขาแล้ว ว่าจะจัดการยังไงดี จะให้ศัตรูเจ็บปวดในรูปแบบไหน ระหว่างเจ็บปวดเพราะเขาทำเป็นรักแล้วจากไป หรือว่าจะเจ็บปวดเพราะถูกเขาหมางเมินแทน

ถ้าถามตอนนี้ เขาอยากจะได้อย่างหลังมากกว่า มันคงง่ายที่จะได้ไม่ต้องฝืนทำเป็นรักศัตรู และฝืนแสดงบทรัก แบบเมื่อสักครู่ที่ต่อไปคงจะต้องพัฒนาไปอีกขั้น ๆ และอีกขั้น จนถึงที่สุด ก่อนที่จะโบยบินหนีไป เพราะขึ้นชื่อว่าได้เกลียดแล้ว เขาแทบจะไม่อยากเดินเฉียดเลยด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เพราะฟังคำพี่แค่นั้น

“ระบำทวารวดีที่ทุกคนจะเรียน ลีขอเกริ่นประวัติโดยย่อ ๆ ให้ฟังก่อนที่เราจะมาฝึกท่ารำนะคะ ระบำชุดนี้ เป็นระบำโบราณคดี ที่ประดิษฐ์ขึ้น จากการสอบสวนค้นคว้าหลักฐานทางโบราณคดี สมัยทวารวดีค่ะ ไม่ว่าจะเป็นท่ารำ เครื่องดนตรี ตลอดไปถึงเครื่องแต่งกาย ต่างได้แนวคิดมาจากภาพปั้นจำหลักที่ขุดค้นพบ ท่ารำบางท่าได้ความคิดมาจากภาพสลัก และภาพปูนปั้นที่ค้นพบ ระบำชุดนี้จะไม่มีเนื้อร้องนะคะ เราจะรำตามจังหวะดนตรีแค่นั้น”

ร่างกลมกลึงในชุดโจงกระเบนของครูสาวยืนอยู่หน้า นักเรียนที่เป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ต้องการเรียนคลอสเร่งด่วนเพื่อแสดงในงานเลี้ยงของบริษัท การอธิบายพร้อมรอยยิ้ม ทำให้ผู้เข้าเรียนรู้สึกผ่อนคลายได้มาก ประณาลีมักจะเรียกชื่อเล่นตัวเอง แทนคำว่าครู กับผู้เรียนที่มาเรียนคลอสเร่งด่วนเสมอ ๆ เพราะจะเรียนด้วยกันไม่นาน เธอจึงไม่คิดว่าการเรียกตัวเองว่าครูจะเหมาะสม

“เอาล่ะค่ะ เรามาเรียนรู้นาฎยศัพท์ ที่ใช้ประกอบการรำกันนะคะ นาฏยศัพท์ก็คือภาษากายที่ใช้ในการรำค่ะ”
คำอธิบายมีให้ทันที เมื่อครูสาวเดาได้ว่า นักเรียนตรงหน้าดูจะไม่เข้าใจในศัพท์ทางนาฏศิลป์นัก จนทุกคนในห้องต่างหัวเราะออกมาพร้อม ๆ กัน

“เอ้า! มาเริ่มที่ ตั้งวงนะคะ ทุกคนยกลำแขนเป็นวงโค้ง กันข้อศอก มือแบเหยียดนิ้วตึงหักข้อมือ และปัดปลายมือมาด้านหน้า วงสูงระดับหางตา วงกลางเป็นวงหน้าสูงระดับอก กันศอกตั้งเป็นมุมฉาก ระดับเดียวกับไหล่ แบบนี้นะคะ อีกรอบนะคะ....อ้า! ค้างไว้ก่อนนะคะ ขอลีดูก่อนค่ะ ดีค่ะ ต่อไป จีบค่ะ การจีบจะแตกต่างจากรำไทยมาตรฐานทั่วไปที่ทุกคนเคยเห็นนะคะ ทำตามลีนะคะ เอานิ้วชี้มาจรดกับข้อสุดท้ายของนิ้วหัวแม่มือเป็นวงกลมแบบนี้ค่ะ ส่วนนิ้วที่เหลือทั้งสามกรีดออกไปทางด้านหลังนะคะ ค่ะแบบนั้นล่ะค่ะ....”

เสียงหัวเราะของผู้เข้าเรียนดังออกมาเป็นระยะ ๆ เมื่อผู้ที่ไม่เคยมีพื้นฐานทางด้านนี้เลย เข้ามาฝึก แต่ครูสาวก็มีความใจเย็นพอที่จะค่อย ๆ สอน และทำให้คนในห้องสนุกไปกับการเรียน

“โอเค ทีนี้ก็มาที่ ท่าออกนะคะ แบ่งออกเป็นสองแถวซ้าย ขวาเลยค่ะ มองลีนะคะ ทั้งสองแถว มือขวาตั้งวงสูงด้านหน้าแบบนี้ค่ะ หันปลายมือไปด้านหลังนะคะ แล้วก็แบหงายฝ่ามือขึ้นไปแบบนี้ค่ะ ส่วนแขนก็ตั้งเป็นมุมฉาก มือซ้ายจีบแบบที่เรียนเมื่อกี้นะคะ แล้วเอาไปไว้ที่ข้อมือขวาค่ะ ลำตัวเอียงขวา ยืดยุบซอยเท้าถี่ๆ ตามลีนะคะ มือรูดมือจีบลงมาถึงศอกขวาเลยค่ะ แล้วม้วนมือจีบซ้ายออกไปตั้งวงสูงด้านหน้า มือขวาจีบแบบนี้ค่ะ เราจะทำสลับกันทั้งหมด ๕ ครั้งนะคะ อ้าว ทำตามลีอีกรอบนะคะ ช้า ๆ ค่ะ ใครไม่ทันเรียกลีได้นะคะ”

คณิศรได้แต่ยืนกอดอกมองทะลุกระจกใส ดูการเคลื่อยย้ายร่างกลมกลึงไปมาของครูสาวอยู่นอกห้อง ยิ้มที่แสดงออกถึงความเย้ยหยัน เมื่อคิดไปว่าการเปิดโรงเรียนสอนรำไทยแบบนี้ จะทำเงินให้แม่สาวหน้าสวยได้สักเท่าไหร่กัน ‘เดือนละแสนไม่รู้จะได้เห็นหรือเปล่า’ แลกกับการที่จะต้องมาคอยปากเปียกปากแฉะ ตะเบงเสียงสอนคนที่ไม่เป็นด้านนี้เอาเสียเลย

คิด ๆ แล้วคณิศรก็อยากจะกลับไปก้มกราบอัฐิพ่อเหลือเกิน ที่อุตส่าห์พาแม่ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน จนฐานะครอบครัวเป็นปึกแผ่นเอาไว้ให้ลูก ๆ ได้สานต่อ โดยไม่ต้องมาลำบากลำบนแบบคนอื่น ๆ ที่มีให้เห็นอยู่เกลื่อนเมือง คณิศรให้แปลกใจเป็นที่สุด เมื่อเห็นหน้าครูสาวเป็นครั้งแรก หลังจากสอนลูกตัวเองมานับเดือนแล้ว หน้าก็จัดได้ว่าสวย หุ่นก็จัดได้ว่าสมบูรณ์แบบแทบจะทุกสัดส่วน ทำไมแม่ครูคนนี้ ไม่ไปหาจับเอาอาเสี่ยเงินหนามาเป็นสามี จะได้สบายไปทั้งชาติ

“อีกประมาณครึ่งชั่วโมง ครูลีถึงจะสอนคลาสนี้เสร็จค่ะคุณณิ ต้องขอโทษมาก ๆ เลยนะคะที่ต้องให้รอ ขัดจังหวะไม่ได้จริง ๆ ค่ะ แพทว่าคุณณิไปนั่งดื่มอะไรเย็น ๆ ที่ห้องรับแขกดีกว่ามั้ยคะ ยืนนาน ๆ แพทกลัวคุณณิเมื่อยค่ะ นี่แพทก็ให้ครูนกไปซื้อน้ำส้มคั้นมาไว้ให้แล้วนะคะ พิเศษสุดสำหรับคุณณิโดยเฉพาะเลยค่ะ”

แพทไม่ค่อยจะชอบสายตา ที่คณิศรมองไปยังน้องต่างสายเลือดเลยสักนิด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าเดินมาเอาอกเอาใจไปอย่างนั้น ไม่รู้ว่าจะรอคุยกับประณาลีทำไมกัน กับอีแค่จะให้ลูกไปรำให้ยายดูในงานวันเกิด น้ำส้มเย็น ๆ ถูกรินมาให้ลูกค้าพิเศษด้วยมือของแพทเอง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งใกล้ ๆ เพื่อคุยรายละเอียดเกี่ยวกับการแสดงชุดอื่น ๆ ที่คณิศรอยากจะให้จัดไปแสดงในงานวันเกิด

“เอาล่ะค่ะ ลุกขึ้นยืน ก้าวเท้าขวาไขว้มาด้านหน้า เอียงขวา เท้ายืดยุบค่ะ วิ่งเลี้ยวซ้ายค่ะ อ้าว! กลับมาค่ะกลับมา ตั้งแถวหน้ากระดานในท่าเดิมนะคะ เปลี่ยนจากมือขวามาเป็นมือซ้ายค่ะ จีบคว่ำแขนตึง มือขวาตั้งข้อมือระดับรักแร้ซ้าย ย่อเข่าลงนั่งพับเพียบ ปลายเท้าหันไปทางซ้ายนะคะ มือวางแขนตึงด้านขวา แล้วก็ลุกขึ้นค่ะ ตั้งเข่าขวาไว้ มือสองข้างตั้งวง มือขวาเหยียดแขนตึงนะคะ มือซ้ายวงต่อศอกขวา ลุกขึ้นยืน ก้าวเท้าขวามาด้านหน้า เท้ายืดยุบ คนหน้าแถวทางซ้ายวิ่งนำเข้าทางซ้ายของเวทีเลยนะคะ ทางโน้นค่ะ สมติว่าเป็นเวทีนะคะ อ้า คนอื่น ๆ วิ่งตามเข้าไปเลยค่ะ นั่นล่ะค่ะ เก่งมาก ๆ ค่ะทุก ๆ คน วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ พรุ่งนี้เราจะมาฝึกท่าทั้งหมดให้คล่องจนครบทุกท่าค่ะ ขอบคุณนะคะ แล้วพบกันพรุ่งนี้ค่ะ”

ทั้งครูและผู้เข้าเรียน ต่างก็แย่งกันไหว้ไปมาอยู่อย่างนั้นก่อนจะลากลับกันจริง ๆ สีหน้าครุ่นคิดเกิดขึ้นทันที ที่ร่างในโจงกระเบนเดินเข้าไปในห้องทำงาน ความอยากรู้ทำให้ต้องกดโทรไปเข้ามือถือแพท เพราะประณาลีไม่ต้องการจะเผชิญหน้ากับศัตรู โดยที่ไม่ได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้า ยิ้มเย้ยหยันมีให้เห็น เมื่อรู้จากแพทว่าจุดประสงค์ของอีกฝ่ายคืออะไร

ผ้าขนหนูที่โต๊ะทำหน้าที่ซับเหงื่อให้กับหน้าเนียน แม้ในห้องเรียนจะเปิดเครื่องปรับอากาศ แต่การเคลื่อนไหวไปมาก็เรียกเหงื่อให้ไม่น้อย ดึงกระดาษซับมันขึ้นมาซับที่หน้า เพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียดจนเกินไปนักแค่นั้น เพราะสำหรับศัตรูผู้หญิง เธอไม่จำเป็นต้องพึ่งแป้งพับแต่ประการใด ด้วยใบหน้าที่ขาวเนียนเป็นทุนอยู่แล้ว บวกกับได้ใช้แป้งรองพื้นบาง ๆ ประจำอยู่แล้ว

“ณิฝากดูยายเจนนี่ด้วยนะคะ กว่าจะถึงวันงานคงจะพอรำให้คุณยายดูเป็นของขวัญได้ค่ะ”
คณิศรยังไม่วายฝากครูสาวอีกครั้ง หลังจากที่ความต้องการทุกอย่าง ถูกประณาลีรับปากจนเป็นไปตามพอใจแล้ว
“ค่ะแล้วจะดูให้นะคะ งั้นลีขอตัวก่อนนะคะ เด็ก ๆ มารอแล้ว”
ประณาลีไม่ได้ไหว้คณิศร ได้แต่ยิ้มให้ ก่อนจะหายขึ้นชั้นบน ทิ้งหน้าที่ส่งแขกให้เป็นของแพทเช่นเคย

“ไม่ต้องห่วงนะคะคุณณิ เดี๋ยวทางเราจะจัดการให้ค่ะ พรุ่งนี้ก็ให้น้องเจนนี่มาตามเวลาใหม่ได้เลยนะคะ แต่ความจริงแพทว่าน้องเจนนี่แค่ไม่มีความมั่นใจเวลาอยู่ต่อหน้าคนเยอะ ๆ เท่านั้นล่ะค่ะ อีกหน่อยก็กล้าแสดงออกเอง”
แพทพยายามแสร้งยิ้มให้ผู้ที่เดินไปยังรถหรู โดยมีคนขับรถเปิดประตูไว้ให้ก่อนแล้ว

“ค่ะ ฝากคุณแพทด้วยแล้วกัน ณิไปนะคะ เดี๋ยวจะให้คนรถกลับมารับยายเจนนี่อีกทีตอนเรียนเสร็จค่ะ แล้วพรุ่งนี้จะให้คนรถมาส่งตามเวลาที่คุยกันไว้ ขอตัวนะคะ”
ท่าทางรับไหว้ที่วางอำนาจอยู่ในที เมื่อแพทยกมือไหว้ ก่อนที่คนรถจะปิดประตูให้และขับออกไปช้า ๆ
“เฮ้อ! แม่เศษรฐีใหญ่ กว่าจะกลับได้เล่นฉันเหนื่อยนะยะหล่อน”
สีหน้ากับคำพูดที่เย้ยหยัน ถูกส่งตามหลังรถหรูด้วยความเหลืออด กับความเป็นคนเรื่องมาก จู้จี้ จุกจิกของคณิศร ทำให้แพทอยากจะรู้เหลือเกินว่า ถ้าแผนที่ประณาลีวางไว้สำเร็จ แม่นั่นจะทำหน้ายังไง

“อ้าว! พี่แพทยังไม่กลับอีกเหรอคะ”
ประณาลีให้สงสัยนัก ที่เห็นแพทอยู่จนเธอสอนเสร็จ ปกติมักจะเห็นห้องที่ว่างเปล่าแทบทุกคืน ความอยากรู้กับคำตอบมีไม่น้อย แต่การอยากจะอาบน้ำชำระร่างกาย ที่เต็มไปด้วยเหงื่อก็มีมากกว่า จึงต้องรีบหายเข้าห้องน้ำด้วยความเคยชิน แพทเหมือนจะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องอาบน้ำก่อน จึงได้แต่ตรวจบัญชีต่อไปเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอ

“ลีมีแผนขั้นต่อไป ที่จะจัดการกับนายคณินหรือยัง” แพทไม่รอช้าเมื่อประตูห้องน้ำเปิด
“ยังคิดไม่ออกค่ะ ไม่อยู่ไม่ใช่เหรอคะพี่แพทช่วงนี้ เห็นแม่พี่สาวบอกลีเมื่อเย็น”
ปากถามมือก็สางผมสลวยด้วยความอารมณ์เย็น

“อืม! แต่จะกลับมาทันงานวันเกิดแม่เขานะ”
“เหรอคะ”
“ใช่ ๆ นี่ลี ถ้าตอนนี้ยังคิดแผนไม่ออก งั้นใช้แผนพี่นะ ดีจังเลย ไม่ต้องดิ้นรนศัตรูก็วิ่งมาให้เล่นงานถึงที่ พี่รับรองว่าคราวนี้นายคณินจะต้องสนใจลีแน่ ๆ ไม่เชื่อคอยดูสิ” ยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่แพ้น้องต่างสายเลือด ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแพท
“ยังไงคะพี่แพท อธิบายให้ลีเข้าใจทีค่ะ......อืม! จะดีเหรอคะ ลีว่ามันเสี่ยงไปนะคะ นายคามินก็อยู่ในงาน นายนเรศอีก ไหนจะนายคณินอีก ลีไม่อยากจะไปปรากฏตัวในงานวันนั้นเลยค่ะ” ความกังวลมีให้เห็นจากแววตา เมื่อล่วงรู้ถึงสิ่งที่แพทคิดเอาไว้

“หือ! ลี ก็ช่างสิ แม่นั่นมาจ้างเรานะ ลีเองก็เป็นครูสอนลูกสาวเค้า พอเสร็จลีก็รีบกลับเลย ไม่ต้องไปพูดคุยกับใคร นายคามินอาจจะกล้าตามมาทักทายลี แต่ลีก็ต้องรีบหนีไปก่อน ส่วนนายนเรศน่ะ จ้างให้ก็ไม่กล้าแม้แต่จะเดินเฉียดหลังเวทีหรอก ถึงอยากจะคุยกับลีแค่ไหน แต่ความเกรงใจเมียกับแม่ยายคงจะมีมากกว่า พอเสร็จงานแล้วเราก็ทำเฉย ๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
แพทให้ความกระจ่าง

“อืม! ถ้าพี่แพทเห็นว่าดีลีก็ว่าตามค่ะ ไหน ๆ ก็ไม่มีแผนอื่นแล้วนี่คะ พี่แพทจะไปที่ร้านตำหนักไทยหรือเปล่าคะ ถ้าไปลีจะได้ไปด้วยรู้สึกหิว ๆ แล้ว คิดถึงสลัดทูน่าของคุณศรเต็มทีค่ะ”
ไม่ต้องรอคำตอบใด ๆ เพราะแค่สบตาสองพี่น้องก็เหมือนจะรู้ใจกันได้เป็นอย่างดี

สีหน้าที่งวยงงหันมองกันไปมา เมื่อเจ้านายหนุ่มเพิ่งส่งเมล์มาบอก ว่าจะอยู่ต่อที่อังกฤษอีกอาทิตย์หนึ่ง แต่ไหนเลยพอเช้ามากลับเห็นร่างสูงในชุดสูทเดินดุ่ม ๆ เข้ามาในออฟฟิศอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย บรรพตดูเหมือนจะเป็นคนเดียว ที่ไม่ได้แปลกใจอะไรกับการเซอร์ไพร้ส์ของผู้ที่เขาทำงานอยู่ด้วยมานาน กำหนดการที่แน่นอนแต่ไม่แน่นอนของเจ้านายหนุ่ม มักจะทำให้ได้เห็นพฤติกรรมของลูกน้องบางคน ที่ชอบอู้งานเวลาเจ้านายไม่อยู่ หรือมักจะช่วยป้องกันภัยต่าง ๆ จากผู้ที่ไม่คิดหวังดีกับเจ้านายเขาเป็นประจำ

“แหม่มมีอะไรบ้างระหว่างที่ผมไม่อยู่”
คณินไม่ได้เงยหน้ามามองเลขาฯ แม้แต่น้อย เพราะกองเอกสารอยู่ตรงหน้า ดึงความสนใจของเขาไปเกือบหมด แต่เขาก็ยังสามารถเหลือสมองบางส่วน เอาไว้ฟังรายงานที่เลขาฯ คนเก่งบอกไปเรื่อย ๆ หน้าคมเข้มพยักเล็กน้อย เมื่อผู้ช่วยเลขาฯ ยกกาแฟกับน้ำมาวางไว้ที่โต๊ะ ก่อนจะรีบออกไปอย่างรู้งาน

“วันนี้ผมมีนัดที่ไหนบ้างหรือเปล่า”
ปากถามแต่ปลายปากกายังคงจรดอยู่ที่สมุดเซ็นงานตรงหน้าอย่างคล่องแคล่ว ทำเอาแหม่มงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ตรงนั้น เพราะไม่มีคำตอบให้เจ้านาย ‘ก็ใครจะไปรับนัดล่ะ ในเมื่อตัวคนนัดไม่ได้บอกว่าจะกลับวันไหน’ สายตาคมกริบเงยขึ้นไปมองเลขาฯ ก่อนจะส่งสายตาเชิงเอ็นดูให้ แม้เขาจะเคร่งขรึมในเรื่องงาน แต่เขาก็แอบมีอารมณ์ขันกับเลขาฯ คนนี้เสมอ ๆ

“คุณณินล่ะก้อ แหม่มตกใจหมดเลย” อาการโล่งอกแสดงออกมาให้เขาเห็น ทั้งทางคำพูดและสีหน้า
“อีกชั่วโมงให้บรรพตเข้ามาหาผมด้วย แต่ตอนนี้ขอเคลียร์งานก่อน”
สีหน้าแหม่มกลับมาจริงจังอีกครั้ง เมื่อเขาสั่งการด้วยน้ำเสียงเข้ม นั่นหมายถึงว่าอารมณ์ขันหมดไปแล้ว คำว่าขอเคลียร์งาน แหม่มรู้ดี ว่าเจ้านายหนุ่มต้องการเวลาเป็นส่วนตัว ห้ามใครรบกวนแม้แต่เสียงโทรศัพท์

“งานเป็นยังไงบ้าง แต่ละโปรเจคมีปัญหาอะไรหรือเปล่า เอาแบบละเอียด ๆ นะ”
แม้เอกสารตรงหน้า ยังไม่ได้รับการสะสางให้หมดไป แต่เมื่อถึงเวลาที่บรรพตต้องเข้ามา เขาก็รับฟังได้เช่นกัน และเหมือนลูกน้องคู่ใจจะรู้ดี จึงเตรียมทุกอย่างมาพร้อม โดยไม่ต้องรอให้เจ้านายถาม นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ลูกน้องคนนี้ถูกใจเขาเป็นที่สุด บรรพตมักจะเสพงานทุกอย่างเข้าไปไว้ในสายเลือด แล้วจะรายงานได้เป็นฉาก ๆ ตัวเลขเป๊ะ ๆ โดยไม่ต้องก้มดูเอกสาร หรือถ้ามีก็น้อยมาก คุณสมบัติแบบนี้เขาแอบจำมาจากเจ้านายหนุ่มนั่นเอง

“แล้วเรื่องทางโน้นเป็นยังไงครับคุณณิน”
เมื่อจบการรายงานแล้ว บรรพตก็ขอรับรู้ความเป็นไปของเจ้านายบ้าง เพื่อเก็บเป็นข้อมูลต่อไป

“๖๐% กำลังมองหาบริษัท อื่นเอาไว้เปรียบเทียบกับเรา ๗๐% ความสัมพันธ์ส่วนตัว จากระยะเวลาสองอาทิตย์ที่ได้ทำความรู้จักกับเขา ๙๐% กับความเชื่อมั่นในฝีมือที่ผ่านมาของเรา ผมจะทำให้ข้อสุดท้ายเต็มร้อย ตอนที่เขามาเมืองไทย คุณเตรียมโปรแกรมไว้เทคแคร์เขาให้ดี ๆ นะ นี่ผมก็ชวนเขาไปงานวันเกิดคุณแม่เหมือนกัน พอดีตรงกับที่เขาจะมาเมืองไทยได้สองวัน ผมจะส่งข้อมูลของเขาทั้งหมดอย่างละเอียดไปให้เมื่อผมเคลียร์เอกสารเสร็จ”
สีหน้าที่ดูจะอารมณ์ดีกว่าเมื่อเช้าทำให้บรรพตค่อยเบาใจหน่อย แปลว่าความเป็นไปได้กับงานนี้มีมากเหมือนกัน

“อ้อ! ผมจะไปตรวจงานที่ระยองบ่ายนี้พร้อมกับคุณนะ กินข้าวเที่ยงระหว่างทางก็แล้วกัน หาร้านดี ๆ เอาไว้ด้วย” คราวนี้บรรพตงง เพราะไม่ได้บอกใครว่าจะไปตรวจงาน นอกจากพูดเปรย ๆ กับแหม่มเมื่อวาน
“อย่าดูถูกผู้หญิงนะบรรพต คุณไม่รู้เหรอ ว่าผู้หญิงสามารถเปลี่ยนเป็นร้อย ๆ อย่างภายในวันเดียว เจอกันอีกครึ่งชั่วโมงที่รถนะ ผมฝากบอกให้นทีช่วยเตรียมรถให้พร้อมด้วย”

เหมือนจะรู้ว่าบรรพตสงสัย แม้จะก้มอ่านเอกสาร แต่เขาก็ยังคงสั่งการได้ด้วยความรอบคอบ จนบรรพตต้องยอมจำนนให้แต่โดยดี แต่ก็ส่ายหน้าไปมาในความสามารถของเจ้านาย เมื่อร่างพ้นประตูห้องออกมาแล้ว
“เลขาฯ คนสวยของณินไม่ยอมให้โรสเข้าไปค่ะ บอกว่าเจ้านายหนุ่มหล่อกำลังยุ่ง ใครก็เข้าไปรบกวนไม่ได้ แม้กระทั่งโรสเอง”
โชติกาไขข้อข้องใจให้กับเขา เมื่อร่างสูงพ้นประตูห้องทำงานออกมา แหม่มกับปัทมาได้แต่ทำหน้าเจื่อน ๆ ให้ เมื่อเจ้านายหันไปสบตา แต่แขกสาวกลับไม่สนใจ ยังคงนั่งเอาขาไขว้กันอยู่กับเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานเลขาฯ หน้าห้องอยู่อย่างนั้น ดวงตาคมกริบจ้องไปยังเรียวขาขาวโพลน ที่เจ้าตัวเหมือนจงใจจะอวดให้เห็น

“โรสมีธุระด่วนหรือเปล่าครับ ผมกำลังจะไปไซด์งาน”
ไม่ค่อยชอบใจนัก ที่การมาโดยไม่ได้บอกกล่าวของอีกฝ่าย ทำให้เขาต้องเสียเวลาไปบ้าง แต่เขาก็ยังคงรักษาความเป็นสุภาพบุรุษไว้ได้เสมอ ๆ
“โรสไปชุดนี้ได้หรือเปล่าคะ ถ้าใช้ได้โรสก็พร้อมที่จะไปกับณินได้แทบทุกที่ค่ะ”

ช่วงขาเรียวเดินสองก้าวไปหาเขา พร้อมมือรีบสอดไปเกี่ยวแขนที่แน่นไปด้วยกล้ามเป็นมัด ๆ และที่ไม่ทันได้ให้เจ้าของแขนเอ่ยคำอนุญาต มือเรียวก็รั้งแขนเขาเดินออกจากออฟฟิศทันที พนักงานต่างมองเจ้านายหนุ่ม ที่ถูกสาวไฮโซหิ้วปีกไปเป็นตาเดียวกัน

“โรสแน่ใจเหรอครับ ว่าจะไปกับผม มันไกลนะ แดดก็แรง จะมาบ่นว่าเหนื่อยทีหลังไม่ได้นะ ผมไม่กลับมาส่งด้วย โรสต้องรอให้งานผมเสร็จก่อน” ร่างสูงมีอาการลังเล ที่จะพาตัวเองเข้าไปนั่งในรถ นทีเปิดประตูรออยู่ก่อนแล้ว บรรพตที่เข้าไปนั่งในส่วนหลังรู้ชะตาตัวเองดี จึงย้ายไปนั่งคู่กับนทีแทน

“ต่อให้เหนื่อยแค่ไหน ถ้ามีณินอยู่ใกล้ ๆ โรสก็สู้ไหวค่ะ เร็วสิคะ ต้องแวะหาอะไรทานก่อนไม่ใช่เหรอคะ”
ร่างบางไม่รอเขาอีกต่อไป เมื่อพูดจบก็พาตัวเองไปนั่งรอหน้าตาเฉย จนคณินต้องถอนหายใจน้อย ๆ ก่อนจะตามเข้าไปนั่งในรถ

โชติกาให้รู้สึกอึดอัดน้อย ๆ เมื่อต้องเสียเวลารอวิศวกรหนุ่มหล่อทายาทธุรกิจพันล้าน ที่ขอแยกตัวเดินไปตรวจตราดูไซด์งานอยู่กลางแจ้งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แม้แดดจะแรงแค่ไหน แต่ร่างสูง สง่า ก็ยังเดินสำรวจดูแทบทุกจุด โดยมีบรรพตและวิศวกรคุมงาน กับหัวหน้าฝ่ายอีกสามสี่คนคอยเดินตาม เพื่อรับคำสั่งจากเจ้านาย แม้จะเบื่อนิด ๆ แต่เมื่อได้มองตามหนุ่มหล่ออย่างคณิน ก็ทำให้สาวเจ้ารู้สึกเพลินตาไปได้ไม่น้อย

“ณินคะ คืนนี้พักที่คอนโดโรสนะคะ จะค่ำแล้วเราอย่ากลับเลย ค้างที่นี่ก่อนพรุ่งนี้เช้าค่อยกลับ นะคะคนดีของโรส”
สายตาที่เว้าวอน มือขวาโอบเอวเขาไว้ ส่วนแก้มก็แนบไปกับไหล่หนา อย่างไม่คิดจะอายสองหนุ่ม ที่นั่งอยู่ส่วนหน้ารถแต่อย่างใด หลังจากที่อาหารมื้อเย็นจบสิ้นลงแล้ว ทุกคนก็เตรียมตัวจะกลับ

“พรุ่งนี้ผมมีงานจะค้างได้ยังไงครับ”
ปากบางเผยอยิ้มให้เจ้าของแก้มที่แนบอยู่กับไหล่ ก่อนที่นทีจะนำรถเคลื่อนออกจากร้านอาหารช้า ๆ ส่วนวิศวกรที่คุมไซด์งานก็แยกย้ายกับกลับ เมื่อเสร็จจากอาหารเย็นที่เจ้านายหนุ่มมักจะเป็นเจ้ามือเสมอ ๆ เวลาที่ออกมาตรวจงานนอกสถานที่ และหากไม่มีสาวขี้อ้อนอยู่ข้าง ๆ ป่านนี้เขากับลูกน้อง ก็คงจะพากันไปต่อที่ไหนสักแห่ง ที่ทำให้พวกเขาสามารถปลดปล่อยอะไร ๆ ออกไปจากตัวแล้ว

“โธ่! ณินคะ โรสไม่ได้ให้ณินหยุดงานซักหน่อยนี่คะ แค่เราค้างที่นี่ พรุ่งนี้ก็กลับแต่เช้ามืด ถึงออฟฟิศณินก็ทำงานได้นี่ นะคะคนดีของโรส ณินหายไปอังกฤษตั้งนานไม่ยอมชวนโรสไปด้วย แบบนี้ต้องโดนทำโทษให้เข็ดค่ะ นะคะ ๆ คิดถึงณินจะแย่แล้วค่ะ”
ลมหายใจถูกผ่อนออกมาเบา ๆ จากเจ้าของหน้าคมเข้ม แม้กระนั้นบรรพตและนทีก็ยังแอบได้ยินเต็มสองรูหู ก่อนที่ทั้งสองจะหันไปยิ้มให้กันด้วยความขำในตัวเจ้านาย ที่ไม่ว่าจะแกร่งยังไง ก็ยังแพ้ลูกอ้อนของสาวไฮโซอยู่วันยังค่ำ

“ผมอยู่ชั้น ๙ นะ ห้อง ๙๐๐๙ เดี๋ยวจะโทรบอกว่าให้มารับกี่โมง”
เจ้านายหนุ่มสั่งการบรรพต ก่อนจะพาร่างสูงที่มีมือเรียว คอยรั้งให้ตรงไปยังลิฟท์ด้วยความรีบร้อน ยังผลให้ลูกน้องทั้งสองหันมายิ้มให้กันอีกครั้ง บรรพตกดมือถือไปหาวิศวกรไซด์งานที่เพิ่งจะแยกจากกันมาไม่นาน นทีนำรถออกไปยังจุดหมายที่หนุ่ม ๆ คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีโดยไม่รอช้า ก็ในเมื่อเจ้านายยังมีสาวสวยแนบข้าง แล้วทำไมลูกน้องจะไปหาบ้างไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่หนุ่ม ๆ เหล่านี้ย้ำคิดย้ำทำเสมอมา

“อาบน้ำสิคะณิน ตากแดดมาทั้งวันแล้วนะคะ”
ร่างที่ออกมาจากห้องน้ำ กับเสื้อคลุมผูกเอวไว้หลวม ๆ เอ่ย เครื่องประทินผิวที่มีประจำไว้ในตู้เย็น ถูกหยิบขึ้นมาใช้งาน เมื่อหนุ่มผู้ว่าง่ายหายเข้าไปในห้องน้ำได้สักพักแล้ว ยิ้มเจ้าเล่ห์ของเจ้าของสถานที่ปรากฏขึ้นทันที เมื่อลูกอ้อนเอาชนะได้แทบจะทุกอย่าง

“เดี๋ยวก่อนสิครับโรส คุณก็รู้นะว่าผมไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้น หรือถ้าเกิดผมก็ยังไม่พร้อมที่จะรับ...”
นิ้วเรียวยกขึ้นไปปิดปากบางเอาไว้ เพื่อไม่ให้เขาพูดต่อ ประหนึ่งว่าเจ้าของบ้านจะรู้ความหมายของมันได้ดี

“อย่าสำคัญตัวเองมากไปนักสิคะณิน คุณน่ะ ยังไม่ใช่ตัวจริงของโรสซักหน่อย มีหนุ่ม ๆ หล่อ ๆ รวย ๆ อีกตั้งเยอะแยะมาเข้าแถวรอให้โรสเลือกค่ะ อย่างณินนี่เป็นแค่หนึ่งในหลาย ๆ ช้อยของโรสนะคะ”
ความเป็นสาวไฮโซ ที่เติบโตมาจากเมืองนอกของโชติกา มักจะทำให้เขาสบายใจได้เสมอ หากว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาจะเกินเลยไปมากกว่านี้

“นี่ผมกลายเป็นดอกไม้ริมทางของโรสไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันฮึ”
แขนแข็งแรงรั้งเอวคอดเข้าไปชิดแนบอก อย่างคนอยากจะเอาชนะ เมื่อจู่ ๆ ถูกหยามด้วยคำพูดแบบนี้
“แล้วอยากจะเป็นดอกไม้ในแจกันทองของโรสหรือเปล่าล่ะคะ ถ้าอยากเป็นณินต้องพิสูจน์ให้โรสเห็นก่อนนะคะ ว่าจะคู่ควรหรือเปล่า แล้วพรุ่งนี้โรสจะบอกเองค่ะ” ปากบาง ๆ ขยับขึ้นลงอยู่ใกล้ ๆ หน้าคมอย่างท้าทาย

“แล้วโรสจะได้เห็น”
สิ้นสุดคำพูด เรียวปากที่เหมือนจะเผยอคอยรับกับสัมผัสของเขา ก็ถูกครอบครองเอาไว้ จูบที่เร่าร้อน สัมผัสรักที่รุนแรง ถูกถ่ายทอดออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็น ความเป็นชายที่ถูกตีราคาว่าเป็นเพียงตัวเลือก ส่งให้แสดงออกทางภาษากาย เสื้อคลุมถูกโยนทิ้งอย่างไร้ทิศทาง ร่างขาวอวบอิ่ม หอมกรุ่นไปแทบทั้งตัว ถูกช้อนขึ้นไปวางไว้กับเตียงนุ่มอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ร่างกำยำจะขึ้นไปทาบทับ

“ณินขา....ณิน...ขา”
เสียงสาวขี้อ้อนเปล่งออกมาเป็นระยะ ๆ เมื่อดอกไม้ริมทางทำการพิสูจน์ตัวเองอย่างแข็งแกร่ง ดุดัน โดยที่เจ้าของแจกัน มิได้ย่นย่อ หรือล่าถอยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับฮึดสู้แบบยิบตา ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างพึงพอใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงออกให้รู้ว่ากำลังสุขแค่ไหน กับสัมผัสที่เขามอบให้ แม้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้ รสสัมผัสจากสาวยุโรป จะยังไม่จางไปจากร่างเขาสักเท่าไหร่เลย กลับมาไม่ทันไร ก็มีสาวไทยมาท้าทาย จนต้องพิสูจน์กันให้เห็นกันหน่อย







Create Date : 27 มกราคม 2552
Last Update : 27 มกราคม 2552 8:10:02 น. 0 comments
Counter : 421 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.