Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
4 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

ธารลาวา ๑๕ (ธัญรัตน์)





 


ตอน ๑๕

มือถือในกระเป๋าสะพายถูกฉวยพร้อมร่างบางก้าวฉับ ๆ ออกไปห่างตัวบ้านพอสมควร เข้าใจว่าเหยื่อกำลังหลับแต่ก็ไม่อยากประมาท แพทรับข่าวสารจากเธอที่โทรบอกว่าอยู่ที่ไหนกับใคร คาดเดาได้ว่าคงจะเป็นบ้านหลังเดียวกับที่น้องชายตามญาณินมาพักผ่อนครั้งก่อนเป็นแน่ ในใจก็ห่วงความปลอดภัยของคนที่อยู่ห่างออกมาไม่น้อย แต่ก็ต้องยอมเชื่อเจ้าของแผนการที่บอกว่าเอาตัวรอดได้ ก่อนจะรีบวางสายแล้วกลับเข้าบ้านไป

ลูกบิดประตูห้องที่ปิดสนิทถูกหมุนค่อย ๆ อย่างระมัดระวัง เมื่อเข้าบ้านมาแล้วพบว่ายังไม่มีเขาออกมาจากห้อง เป็นจริงอย่างที่คิด เขายังคงหลับสนิทอยู่ที่เตียงมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหนา ผิวหน้าที่เคยขาวราวนารีตอนนี้ออกแดงกร่ำ หลังมือขาวค่อย ๆ ยกไปแตะที่หน้าผากกับลำคอ พบว่าผู้ที่หลับใหลตัวร้อนจี๋ มือถือกดไปหาป้ากับลุงที่อยู่ไม่ห่างบ้านพักนัก ตามเบอร์ที่ให้เธอไว้ตั้งแต่มาแล้วเพื่อให้ช่วยเช็ดตัวให้เขา

ลุงกับลูกชายช่วยกันทำหน้าที่ในส่วนที่ผู้หญิงทำไม่ได้ ข้าวผัดในกะทะถูกแทนที่ด้วยข้าวต้มกุ้งร้อน ๆ ยาสามัญในตู้ยามีไว้ครบครัน แผงสีเหลืองแดงถูกเลือกขึ้นมา แทนพาราเซตามอล สามพ่อแม่ลูกกลับไปแล้ว แต่อีกหน่อยจะกลับมาหนึ่งคือผู้แม่ เพราะห่วงเธอและเจ้านาย จึงอาสามานอนเป็นเพื่อน คนป่วยอยู่ในเสื้อผ้าชุดใหม่จากกระเป๋าเสื้อผ้าที่ซุกไว้หลังรถสปอร์ต ดวงตาที่ปิดค่อย ๆ ลืมขึ้น เมื่อได้ยินเสียงกระทบกันระหว่างจานรองชามข้าวต้มกับโต๊ะหัวเตียง

“คุณช่วยลุกมากินอะไรหน่อยนะคะจะได้กินยาแก้ไข้”
น้ำเสียงราบเรียบแฝงแววห่วงนิด ๆ ที่เธออาจจะรู้ตัวหรือไม่ มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่จะรู้ คนป่วยไม่อิดออดพยุงตัวด้วยความยากลำบากขึ้นนั่งเอาหลังพิงหัวเตียง แต่ไม่ยอมยกมือมาจับช้อน กลับยื่นข้อเสนอด้วยเสียงอ่อย ๆ ให้พยาบาลจำเป็นว่า

“ผมจะกินถ้าคุณยอมป้อน ไม่งั้นก็เอาออกไป”
ขัดใจอยู่เนือง ๆ แต่ก็คิดว่าอาจจะทำคะแนนให้คนป่วย หันมาแบ่งพื้นที่ในหัวใจให้ได้บ้าง พยาบาลจำเป็นก็ยอมแลก ข้าวต้มจึงถูกตักไปป้อนให้ ความที่ไข้กำลังขึ้นสูงทำให้ปากขมไปหมด ถึงจะชอบใจที่มีสาวสวยมานั่งป้อนให้สักแค่ไหน แต่ก็กินได้ไม่กี่คำ เขาก็ขอนอนเอาแรงก่อน แต่ต้องยอมกินยากับน้ำส้มตามคำสั่งคนป้อนเป็นอย่างดี ป้าเดินเข้าบ้านมาพอดี เมื่อพยาบาลจำเป็นออกมาจากห้อง ทั้งสองคุยกันไม่นานก็แยกกันเข้าห้องเพื่อพักผ่อน

ผ่านไปสี่ชั่วโมงมือถือส่งเสียงปลุกเจ้าของร่างบาง ให้ลุกไปดูคนป่วย ป้าเดินตามมาจากอีกห้อง เมื่อเธอเปิดไฟสว่างทั่วบ้าน เขายังคงนอนหนาวจนปากสั่นเพราะพิษไข้ ป้าช่วยหาน้ำอุ่นกับผ้าขนหนูมาให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างเตียง ได้เช็ดตัวให้คนป่วยอีกครั้ง ตามด้วยยาเขาก็ยอมกินโดยดี ร่างบางกำลังจะเดินผละจากเตียง เมื่อภาระกิจเสร็จสิ้นลง แต่มือหนากลับคว้าเอาไว้ พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนกับคำพูดที่ชวนให้สงสาร

“ประณาลีอย่าเพิ่งไป ช่วยอยู่เป็นเพื่อนผมก่อนได้มั้ย ผมไม่อยากอยู่ในห้องคนเดียว เวลาอยากได้อะไรเรียกหาใครไม่ได้”
ป้ามองมาหายิ้ม ๆ ก่อนจะปลีกตัวออกไปก่อน แม้ใจอยากจะตามป้าไปแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจทานแรงคนป่วยที่ยึดมือไว้แน่นเหนียวได้ ดูจากสภาพเขาทำให้คนที่อยากหนีไปเปลี่ยนใจเป็นนั่งลงข้าง ๆ เตียง ปล่อยมือให้ยึดครองอยู่อย่างนั้น
“หนาวจังเลยช่วยเบาแอร์หน่อยได้มั้ย” ปากรำพึงตาก็หลับมือเรียวก็กอดไว้กับอกที่อุ่นจนจะเป็นร้อน

“คุณปล่อยมือฉันก่อนสิคะ จะไปหาผ้าห่มมาเพิ่มให้”
เขายอมปล่อยแต่โดยดี เครื่องปรับอากาศเพิ่มระดับองศาขึ้นแล้ว ผ้าห่มที่ห้องนอนตัวเองถูกหอบมาคลุมคนป่วยให้อุ่นขึ้น ทั้ง ๆ ที่ตายังหลับแต่มือเรียวก็ถูกเขาคว้าไปกอดไว้โดยเร็ว ไม่รู้ความโกรธแค้น เกลียดชังในตัวศัตรูถูกริดรอนด้วยอาการออดอ้อน หรือเพราะความมีมนุษยธรรมต่อผู้อ่อนแอกว่าในตอนนี้อันไหนมีน้ำหนักมากกว่ากันแน่ ที่ดึงให้ประณาลียอมนั่งเอาหลังพิงหัวเตียงอยู่อย่างนั้น จนเผลอหลับไปเพราะความอ่อนเพลีย

อรุณรุ่งของวันใหม่เข้ามาเยี่ยมเยียน แสงสุรีย์สาดส่องหน้าต่างที่เป็นกระจกเข้ามายังห้องนอน ที่สามารถมองไปเห็นแนวชายหาดทอดยาวออกไปได้เป็นอย่างดี มีเพียงผ้าม่านชั้นในบาง ๆ กางกันเอาไว้แค่นั้น คนป่วยค่อย ๆ ลืมตาขึ้นก่อนจะหรี่ตาลงไปอีกเพราะไม่ชินกับแสงสว่าง แต่ก็ลืมขึ้นอีกครั้ง เมื่อสามารถปรับกับแสงได้แล้ว เนื้อตัวเบาโล่งกว่าเมื่อวานมาก มือสัมผัสกับผิวนวลเนียนที่กุมเอาไว้ สายตาแหงนมองเจ้าของมือที่หลับในท่านั่งอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้ว

‘ใช่ คงตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ที่จำได้ว่าคว้ามือแม่เสือมากอดไว้แล้วก็หลับไป’

ดวงตาที่เปิดขึ้นกลับปิดสนิทลงไปอีก เมื่อรับรู้ว่าคนที่เอาหลังพิงหัวเตียงขยับตัวเหมือนจะตื่น ดวงหน้ารูปไข่ก้มลงไปมองคนป่วย ที่ยังคงหลับอยู่ มือที่ถูกยึดไว้ค่อย ๆ ดึงออกอย่างละมุนละม่อม ยกขึ้นไปแตะที่หน้าผาก พบว่าดีกว่าเมื่อคืนมากแล้ว ผ้าห่มที่หลุดล่นลงไป ถูกดึงขึ้นมาห่มให้เขา หน้าต่างเปิดออกเล็กน้อยเพื่อรับลมจากภายนอก แทนเครื่องปรับอากาศที่ต้องหยุดการทำงาน เสียงคลื่นสาดซัดเข้ามาฟังแล้วให้ความรู้สึกสบายขึ้น

พยาบาลจำเป็นเดินหายออกไปจากห้องโดยเร็ว ป้าคงจะออกจากบ้านไปนานแล้ว เพราะบอกว่าปกติจะไปขายผักที่ตลาดแต่เช้ามืด ออกมาจากห้องอีกครั้งพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ ก่อนจะตรงไปยังครัวที่ทำไว้เป็นมุมเล็ก ๆ ข้าวต้มขาว ผัดผักน้ำมันหอย กุ้งต้มเค็ม กับปลาหมึกทอดกระเทียม คือเมนูที่แม่ครัวตั้งใจว่าจะทำ เสียงกระทบกันของเครื่องครัว ได้ยินไปถึงห้องคนป่วยที่ลืมตาขึ้นตั้งแต่แม่เสือออกไปจากห้องแล้ว แต่ก็ปิดลงอีกเมื่อประตูห้องเปิดออก

“คุณคณินคะ ๆ ค่อยยังชั่วหรือยัง ตื่นมากินอะไรก่อนแล้วค่อยนอนดีกว่านะคะ”
มือบางเขย่าเบา ๆ นอกผ้าห่ม เขาแกล้งทำตาปรือ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมขึ้น ประหนึ่งเพิ่งจะตื่นนอน ก่อนจะถามออกไปด้วยคำถามที่คิดว่าโง่ที่สุด
“ผมเป็นอะไรคุณ จำได้ว่าหลับตั้งแต่มาถึง แล้วนี่กี่โมงแล้ว”

“คุณเป็นไข้ค่ะ ใกล้จะเจ็ดโมงแล้ว คุณดีขึ้นบ้างหรือยังคะ พอจะลุกไหวหรือเปล่า จะได้เช็ดตัวแล้วออกไปนั่งกินข้าวข้างนอก” คนป่วยก้มมองตัวเอง ที่ไม่ได้อยู่ในชุดทำงานเมื่อวานแล้ว ‘แม่เสือสาวคงจะเป็นคนเปลี่ยนให้กระมัง’ ยิ้มน้อย ๆ ในใจก่อนจะตอบ
“ไม่ค่อยไหวมันมึน ๆ ถ้ามีคนช่วยเช็ดตัวให้ก็คงจะดี”

ตามคำเรียกร้อง ไม่ถึงห้านาทีเด็กหนุ่มลูกป้าที่เขาคุ้นหน้า ก็มาอยู่ในห้องพร้อมกะละมังกับผ้าขนหนู ส่วนแม่เสือสาวก็เดินสวนจากห้องไป ทั้งคนและกะละมังต้องมาเก้อ เมื่อคนป่วยลุกเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเองได้ แม้อาการจะไม่หายขาด แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ต้องให้คนมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ หากคน ๆ นั้นไม่ใช่แม่เสือตามที่เขาเข้าใจ เด็กหนุ่มเดินออกมาจากห้องเมื่อคณินอาบน้ำเสร็จแล้ว แม่ครัวที่กำลังจะผัดผักซึ่งเป็นรายการสุดท้ายเรียกเอาไว้ก่อนที่เด็กหนุ่มจะออกไปจากบ้าน

“ขอบคุณครับ”
ข้าวผัดเมื่อคืน กับอาหารเช้าแบ่งให้ครอบครัวป้าที่มีน้ำใจมาอยู่เป็นเพื่อน น้ำเสียงที่เอื้ออารีย์กับสายตาที่มีแววแห่งความเป็นมิตรทำให้คนถูกเรียกรีบยกมือไหว้อย่างเต็มใจ ไม่เหมือนคุณ ๆ ที่มาครั้งก่อน วัน ๆ เอาแต่เรียกจิกหัวใช้จะมีแค่พี่ผมซอยกับพี่ผู้ชายคนหน้าตาดีเท่านั้นที่ไม่เคยเรียกใช้เขาเลย คนป่วยออกมาทันได้เห็นการเอื้ออาทรของแม่เสือ พลอยเรียกรอยยิ้มให้เขาได้ดีทีเดียว แต่ก็กลับเป็นปกติเมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหาร

“โอ้โห! นี่คุณทำเองหมดเลยเหรอ”
แปลกใจไม่น้อยที่อาหารบนโต๊ะ มีหน้าตาสวยงามไม่แพ้ร้านอาหารหรู ๆ ที่เขาเคยไปกิน กุ้งต้มปลอกเปลือกออก เพื่อให้กินง่ายขึ้น ปลาหมึกตัวโตนอนอยู่ที่จานเปล มีกระเทียมทอดประดับด้านบนเอาไว้ ผัดผักรวมที่ยังมีควันโชยมาถูกวางลง ตรงที่เขานั่งมีทั้งน้ำเปล่า น้ำส้ม แล้วก็ยาอีกสองเม็ดจัดไว้พร้อมสรรพ

‘นายคิดไม่ถึงหรอกว่าฉันทำอะไรได้มากกว่านี้อีก’
เจ้าของแผนการลอบยิ้มอยู่ด้านหลัง เมื่อเหยื่อกำลังชื่นชมในหน้าตาอาหาร ก่อนจะเดินมานั่งที่เก้าอี้อีกตัว

“คุณลองชิมดูก่อนก็แล้วกันค่ะ ไม่รู้จะถูกปากหรือเปล่า ฉันไม่ได้เข้าครัวนานแล้ว”
แม้จะถ่อมตัวแต่ก็รู้ดีว่าฝีมือตัวเองเด็ดแค่ไหน อย่างน้อยก็มีเหยื่อตรงหน้าอีกคนที่พยักหน้าหงึก ๆ เมื่ออาหารคำแรกเข้าปากก่อนจะยืนยันว่า
“รสชาติดีด้วยนี่ ผมว่าคุณปิดโรงเรียนสอนรำไปเปิดร้านอาหารยังได้เลย”
เป็นคำพูดที่ไม่ได้แอบแฝงอะไรเลยแม้แต่น้อยสำหรับนักธุรกิจหนุ่ม
‘แม่สาวคนนี้มีดีในตัวหลายอย่างจริง ๆ แต่อีกหน่อยก็รู้ว่าจะดีแตกหรือเปล่า’

“ขอบคุณค่ะ แล้วเราจะกลับเมื่อไหร่คะ วันนี้ต้องสอนสาว ๆ ด้วย อีกแค่สามวันก็จะจบคลอสแล้ว”
ยังคงห่วงลูกศิษย์อยู่ เมื่อวานก็ไม่ได้ไปสอนแล้ว ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไง เจ้าของเงินนั่งตักอาหารใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อยทำท่าไม่สนใจคำพูดคนตรงหน้า แต่ก็เอ่ยขึ้น เมื่อเห็นแววกังวลในดวงตากลมโตคู่นั้นแฝงอยู่

“ไม่ต้องห่วงหรอกสาว ๆ พวกนั้นฝึกกันเองได้ เราจะอยู่ที่นี่สักสองสามวัน ผมสัญญาว่าหมดวันหยุดคุณเมื่อไหร่จะพากลับไปส่งบ้านอย่างปลอดภัย เหนื่อยมาทั้งเดือนแล้วก็พักบ้างสิ”
คำพูดของเขาบอกให้รู้ว่า ได้ตรวจเช็คตารางทำงานของเธอมาหมดแล้ว จึงได้รู้ว่าเธอจะหยุดเมื่อไหร่

‘ยายนกทำเรื่องอีกแล้ว’
เผลอบ่นในใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็ดีเหมือนกัน จะได้มีเวลาทำให้ศัตรูเดินเข้ามาติดกับดักได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องดิ้นรนอะไร จู่ ๆ ก็พาออกมาแบบนี้ดีนักล่ะ

คนป่วยที่เข้าใจว่าตัวเองหายดีแล้ว เมื่ออิ่มจากอาหารก็ออกไปเดินรับลม ในระหว่างที่แม่เสือเก็บล้างถ้วยชาม แต่รู้สึกมึน ๆ วิงเวียนศีรษะขึ้นมาอีก จนต้องรีบพาตัวเองเข้าไปนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มหนาแล้วก็เผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีก็เกือบบ่ายสามแล้ว เสียงกุกกัก ๆ ด้านนอก ทำให้เขาต้องออกมาดูพบว่าป้ามาทำความสะอาดบ้านนั่นเอง มองหาอีกคนจนแทบจะพลิกบ้านแต่ก็ไม่พบ

“คุณผู้หญิงไปตลาดค่ะ เห็นบอกว่าของในตู้เย็นขาดไปหลายอย่าง”
ป้าเดินมาบอกแล้วก็ก้มหน้าสนใจกับงานตรงหน้า แล้วก็เงยขึ้นหันไปหาเจ้านายหนุ่มโดยฉับพลันก่อนจะถามว่า

“คุณณินหิวหรือเปล่าคะ อาหารคุณผู้หญิงทำไว้แล้วค่ะ บอกว่าถ้าคุณณินตื่นให้ป้าอุ่นให้ก่อน”
คำเรียกแม่เสือสาวทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ ‘คุณผู้หญิง’ แม้จะเข้าใจว่าป้าไม่รู้จักชื่อแม่เสือสาวจึงเรียกออกมาแบบนี้ แต่มันก็สะกิดใจพิกล ‘ใครกันนะที่จะมาเป็นคุณผู้หญิงของเรา’ ภาพในใจยังไม่ชัดเจนแม้แต่น้อย ไม่รู้ด้วยว่าสเปคตัวเองจริง ๆ แล้วชอบแบบไหน ต้องเป็นคนยังไง ต้องมียศฐาบรรดาศักดิ์ยังไง จึงจะเหมาะสมกับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอย่างตัวเอง

อาหารและยาป้าจัดเตรียมไว้ให้ที่โต๊ะ เดินไปมองดูพบว่าเป็นราดหน้าทะเลเส้นหมี่ หน้าตาน่ากินอีกแล้ว กุ้งตัวโต ๆ ปลาหมึกชิ้นใหญ่ ๆ ผักสีเขียวสด เพราะแม่ครัวสั่งป้าไว้ ‘ป้าอุ่นน้ำราดให้ร้อนก่อนนะคะแล้วค่อยทิ้งผักลงไปทีหลังจะได้เขียวน่ากิน’

“อร่อยค่ะ ป้ากินไปตั้งสองชาม แถมคุณผู้หญิงยังทำเผื่อลุงกับไอ้หนูด้วย ตอนแรกป้าไม่กล้ากินหรอกค่ะ กลัวจะไม่เหมาะแต่คุณผู้หญิงเอ็ดเอาจนต้องกิน ก่อนไปกำชับป้าว่าให้เอานี่ให้คุณณินดื่มด้วย”

ป้าเดินมาพร้อมแก้วน้ำส้ม แล้วก็จากไปทำความสะอาดอีกห้อง เพื่อให้เจ้านายได้อยู่ตามลำพัง ยิ้มที่หาความหมายได้ยากของผู้ที่จัดการกับอาหารตรงหน้า หนังสือถูกหยิบขึ้นมาอ่านเมื่อเดินออกมารับลม ตะวันเกือบจะคล้อยต่ำ แต่คนที่ไปตลาดยังไม่กลับเข้ามาเลย อดชะเง้อมองทางอย่างห่วง ๆ ไม่ได้ หรือจะบึ่งสปอร์ตหนีกลับกรุงเทพฯ เสียก็ไม่รู้

‘ถ้าทำแบบนี้ก็โง่เต็มทีล่ะ จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ได้มาอยู่กับฉันตามลำพังอย่างนี้’

ยิ้มกว้าง ๆ เมื่อเห็นไฟหน้ารถที่จำได้แม่นยำ ‘ฉลาดดีเหมือนกันนี่ที่ไม่หนีกลับก่อน แม่เสือยิ้มยาก’ ถึงจะพร่ำบอกกับตัวเองเสมอ ว่าเจ้าของผ้าซิ่น ไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไร มากไปกว่าการที่เขาอยากจะเอาชนะแค่นั้น แต่ในใจก็กระหยิ่มเป็นที่สุดที่เห็นแม่เสือสาวควบรถกลับมา ข้าวของในรถถูกเขาช่วยหิ้วเข้าบ้าน พร้อมอาสาลำเลียงเข้าตู้เย็นให้ เมื่อได้รับคำตอบว่ายังไม่หิวจากคนป่วย คนที่ไปทัวร์ตลาดจนเหงื่อโชก ก็หายไปในห้องเป็นนาน กลับออกมาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่

“ไปเดินเล่นกันเถอะ”
ไม่ทันที่จะได้ตอบอะไรออกไป มือก็ถูกคว้ากึ่งจูงกึ่งลากออกไปนอกบ้านแล้ว ‘นายนี่ไม่ปล่อยให้ฉันได้ตั้งตัวเลยจริง ๆ นะ จะไปจะมานี่ไม่มีปี่มีขลุ่ย’ เป็นสิ่งที่ไม่ชอบใจเอามาก ๆ แต่ก็จำต้องยอม เพื่อเรียกคะแนนจากคนข้าง ๆ ที่ชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ กลับเข้าบ้านอีกทีก็เกือบจะสองทุ่ม เนื้อตัวเหนียวจนต้องแยกไปอาบน้ำกันทั้งสองคน ประณาลีกลับออกมาอีกครั้งก็ตรงไปตู้เย็นเพื่อเตรียมอาหาร เพราะเดาได้ว่าเขาคงจะหิว

“โอ๊ย”
ได้ยินเสียงดังมาจากในห้องเขา จนต้องรีบเปิดประตูเข้าไปดู เห็นว่าร่างสูงใหญ่นั่งขดตัวอยู่ที่เตียง สีหน้าบ่งบอกว่าเจ็บปวด

“คุณเป็นอะไรคะ”
ตกใจจนรีบเดินเร็ว ๆ ไปถามใกล้ ๆ แต่ไม่เห็นว่าจะมีส่วนไหนของร่างกาย ของคนที่นั่งอยู่จะได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย กลับเห็นแต่ยิ้มกว้าง ๆ ทำให้คนตกใจอารมณ์ขุ่นขึ้นมาได้มากทีเดียว เมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอก ไม่ทันที่ร่างหอมกรุ่นจะได้เดินหนีไป วงแขนแข็งแรงก็รวบเอวคอดเอาไว้รั้งให้ทิ้งตัวลงไปนั่งใกล้ ๆ เขา

“คุณคณินปล่อยนะ”
มือสองข้างดันหน้าอกกว้างให้ออกห่าง แว๊บแรกคิดถึงอุปกรณ์ป้องกันตัวที่ทิ้งไว้ในกระเป๋า จำได้ว่าวางกองอยู่ที่ห้องนอน ตกใจเป็นที่สุด แต่ก็ทำใจดีสู้เสือ สลัดตัวออกให้ห่างการกอดรัดของเขา แต่ไม่เป็นผล
“คุณคณิน! บอกให้ปล่อย”

“ไม่ปล่อย คิดถึงจะแย่หายไปตลาดตั้งนานสองนาน ผมคิดว่าคุณจะหนีกลับกรุงเทพฯ แล้วรู้มั้ย”
ไม่บอกเปล่าจมูกโด่งแสดงดความคิดถึงด้วยการสูดดมที่นวลปรางค์ เมื่อเจ้าของเผลอหันไปทางอื่น
“ปล่อยนะ บอกให้ปล่อย...”

เรียวปากถูกครอบครอง ก่อนที่จะได้เปล่งจนจบประโยคเช่นหลายครั้งที่ผ่านมา อาการดิ้นรนหาอิสระให้กับตัวเองด้วยกำปั้นอย่างไม่ยั้งมือ แต่ก็ถูกแขนแข็งแรงรวบเอาไว้จนหมดฤทธิ์เดช แรกทีเดียวคิดแค่อยากจะแกล้งแม่เสือยิ้มยากเล่น ๆ แต่รสหวานจากกลีบกุหลาบนำพาให้รุดหน้าต่อไป แม้แขนเรียวทั้งสองข้างจะหยันที่นอนไว้แค่ไหน แต่ก็ทานแรงกดของร่างที่ใหญ่กว่าตัวเองมากไม่ได้ ที่สุดก็ต้องยอมทิ้งตัวนอนไปกับที่นอน ปล่อยให้อีกฝ่ายทาบทับลงมาดูดดื่มเรียวปากอย่างสาสม

ความเคียดแค้น เกลียดชังในตัวทายาทศัตรู เป็นเกราะคุ้มกันไม่ให้อ่อนไหวไปกับสัมผัสที่ถูกรุกรานอย่างย่ามใจ ว่านี่คงจะเป็นความสมยอมที่เพศหญิงมอบให้ ‘แต่ผิดถนัด’ ที่ไม่ขัดขืน เพราะยังหาลู่ทางไม่ได้มากกว่า ประณาลีบอกกับตัวเองนับตั้งแต่ตั้งตัวเป็นศัตรูลับ ๆ กับพวกที่ทำให้ครอบครัวเธอต้องล้มละลายว่า จะไม่มีวันยอมให้ใครมารังแกในความเป็นเพศที่อ่อนแอกว่าเป็นอันขาด เพราะมันหาประโยชน์ไม่ได้ กับผลที่ตามมาเลย เมื่อเขาสาสมแล้วก็คงจะหมดความสนใจ โอกาสที่จะได้แก้แค้นก็ลดลงไปแทบจะเป็นศูนย์ ต่อให้แลกด้วยชีวิตเธอก็ไม่มีวันยอมเด็ดขาด

“โอ๊ย!”
เสียงร้องที่บอกว่าเจ็บปวดของคนที่กำลังหาความสุขจากคอระหง ถ้าป้ามานอนด้วยคืนนี้ คงจะต้องสะดุ้งตื่นวิ่งเข้ามาดูเป็นแน่ โชคดีที่มีกันแค่สองคน

“ประณาลีปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ผมบอกให้ปล่อย โอ๊ย ๆ”
แทบจะขยับไปไหนไม่ได้ เมื่อฟันขาวที่เรียงกันสวยงามกับเรียวปากที่เขาเพิ่งจะละจากไปสูดดมลำคอระหง งับเข้าเต็ม ๆ ที่ไหล่หนาจนต้องร้องเสียงหลงอย่างคาดโทษ มือสองข้างผลักร่างใหญ่จนพ้นตัว เมื่อปล่อยฟันออกจากไหล่แล้ว ความเจ็บปวดทำให้คนที่ร้องโอดโอยต้องเอื้อมมือมาสัมผัสกับรอยที่ประทับไว้ เห็นแต่ร่างกลมกลึงวิ่งจนจะถึงประตูอยู่แล้ว จึงรีบกระโดดไปคว้าไว้ได้ทัน

“ปล่อยฉันนะ บอกให้ปล่อย”
วงแขนแข็งแรงรัดเข้าหากันจนอึดอัดไปหมด เมื่อรู้ว่าทำให้เขาโกรธและหนีไม่รอดแล้ว ทีนี้ก็เดือดร้อนแน่ถ้าไม่รีบหาทางเอาตัวรอด เล็บคม ๆ จิกไปลงที่แขนจนแทบจะเห็นเลือดซิบ ๆ หมดจากการจิกก็เป็นการข่วน

“โอ๊ย! เก่งนักนะแม่สาวน้อย มานี่เลย”
ร่างใหญ่พาร่างเล็กถลาจนหลังชนผนัง หน้าคมก้มลงไปหมายจะจูบให้หายเจ็บใจ แต่ไม่ทันเจ้าของฟันที่กัดลงไปที่ต้นแขนอีก
“โอ๊ย! เจ็บ บอกให้ปล่อยไงประณาลี อย่าให้ผมต้องโกรธนะ”
น้ำเสียงที่บ่งบอกให้รู้ว่าเอาจริง ทำให้เจ้าของฟันเพิ่มแรงกัดที่แขนเข้าไปอีก

“โอ๊ย! นี่คุณจะกัดจนผมตายหรือไงประณาลี ล้อเล่นแค่นี้เอง”
เสียงร้องที่ดังกว่าครั้งไหน ๆ ก่อนที่มือสองข้างจะผลักร่างใหญ่ตรงหน้าให้ถอยล่นออกไป ประตูห้องเปิดและปิดในเวลาเดียวกัน ส่วนอีกห้องก็ถูกเรียกใช้ในเสี้ยวนาที ล็อคและลงกลอนอย่างแน่นหนา ต่อให้คนข้างนอกจะหมุนกึก ๆ สักแค่ไหนก็ไม่สามารถทะลุเข้ามาได้ ต่อให้มีกุญแจห้องแต่ก็ยังมีกลอนป้องกันเอาไว้ให้อีกชั้น ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก ที่หลุดรอดมาได้ เสียงคนข้างนอกเงียบไปแล้ว คืนนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้กินข้าวเย็นเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่มีทางที่จะทำให้หญิงสาวเปิดประตูรับเขาเด็ดขาด ไฟในห้องถูกปิดลงมือจัดการกับตัวเองเรียบร้อยแล้ว คืนนี้จะได้หลับเต็มตาเสียทีไม่ต้องไปนั่งเฝ้าไข้ใคร

ก้าวเข้าสู่วันใหม่ เอวคอดที่มีผ้าบาติกมัดเอาไว้ ส่วนเสื้อกล้ามสีขาวส่งให้เห็นทรวดทรงได้รูปเป็นที่สุด อยากออกไปข้างนอกตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว แต่ก็ยังคิดว่าวิธีออกไปแบบแยบยลไม่ได้ จะไปแบบโกรธก็ไม่ค่อยเข้ากับบุคลิคเรียบเฉยของตัวเองนัก จะยิ้มแย้มออกไปก็ใช่เรื่อง ในเมื่ออีกฝ่ายสร้างวีระกรรมไว้ขนาดนั้น ใจหนึ่งก็อยากจะหนีกลับให้รู้แล้วรู้รอด แต่คงจะทำไม่ได้แน่ นี่ถือเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้อยู่ใกล้ ๆ กับเหยื่อเพื่อทำคะแนนก็ว่าได้

ลมหายใจสูดเข้าจนเต็มปอด ก่อนจะถือกระเป๋าคู่กายที่ซุกซ่อนอาวุธเอาไว้ไปด้วย ประตูห้องคู่กรณียังปิดสณิท ‘แปลว่ายังไม่ตื่น เวลาเกือบจะเก้าโมงแล้วนายนี่ไม่น่าตื่นสาย’ ถึงจะสงสัย แต่ให้ตายก็ไม่มีวันเดินเฉียดไปใกล้หน้าห้องเป็นแน่

“กำลังคิดถึงผมอยู่เหรอ”
เจ้าของร่างบางถึงกับสะดุ้งสุดตัว เมื่อมัวแต่มองไปที่ประตูห้องของเขา แต่ไม่ยอมมองไปทางหน้าบ้านที่เขาเดินเข้ามาจนแทบจะชิดหลังตัวเองด้วยซ้ำ หน้าที่ตื่นตระหนกถูกปรับให้เป็นเรียบเฉยแทบจะทันที ก่อนจะหันมาหาเจ้าของเสียง

“ไม่ยอมพูด คุณโกรธผมเหรอ”
ไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกไปได้แต่นิ่งอยู่ตรงนั้น แต่เหมือนมีระฆังมาช่วยชีวิต เพราะมือถือในกระเป๋าดังขึ้น คำว่าระฆังช่วยชีวิตแทบจะกลายเป็นเพชรฆาตในทันที เมื่อสายที่เรียกเข้าคือ ‘คามิน’ ดีแค่ไหนแล้ว ที่เมมชื่อเจ้าของสายเรียกเข้าว่า ‘Mark2’ ซึ่งมีความหมายที่รู้แค่ตัวเองว่า ‘เป้าหมายที่สอง’ จำต้องตัดสายทิ้ง แต่ก็ยังไม่วายเรียกเข้ามาอีก คราวนี้ถ้าไม่รับมีหวังคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าสงสัยแน่

“แฟนคุณโทรมาเหรอถึงไม่ยอมรับสายต่อหน้าผม มาช่วยรับให้”
มือถือในมือถูกฉวยไปในทันทีจนเจ้าของหน้าถอดสีลงอย่างเห็นได้ชัด ตัดสินใจรีบตรงเข้าไปคว้ากลับคืน แต่เขาก็ชูขึ้นสูง ๆ จนไม่สามารถเอื้อมถึงได้ ก่อนจะต่อรอง

“ถ้าคุณไม่บอกว่าหายโกรธผมแล้ว แฟนคุณได้รู้แน่ ๆ ว่าคุณถูกหนุ่มหล่อ รวย อย่างผมหิ้วมา บอกไม่บอก หนึ่ง สอง....” ไม่รู้เป็นอะไรสิน่า จึงชอบแกล้งให้เธอได้โมโหเล่น ๆ
“ก็ได้ค่ะ ก็ได้ ฉันไม่ได้โกรธ พอใจหรือยัง ทีนี้ก็คืนของฉันมาได้แล้ว”
ในใจไม่ได้เป็นดังสีหน้าที่แสดงออกว่าขุ่นเคืองแม้แต่น้อย ดีซะอีกกำลังจะหาวิธีญาติกับเป้าหมายว่าจะทำยังไงอยู่เลย จู่ ๆ ก็นำร่องเอง

“ยัง! คุณต้องสัญญาว่าจะไปเที่ยวกับผมก่อน ไม่งั้น หนึ่ง สอง...”
“ก็ได้ ๆ ส่งมาเร็วเข้าค่ะ”

เสียงที่เรียกเข้าไม่ยอมหยุด ทำให้กลัวว่าเขาจะกดรับเป็นที่สุด ถ้าเป็นเช่นนั้นทุกอย่างที่วางเอาไว้นับสิบปีคงจะพังครืนลงตรงนี้ แต่เขาก็ยอมส่งมือถือกลับมาให้เธอโดยดี ยิ้มของคนมีชัย เมื่อประณาลีรับรู้ว่าคนที่โทรหาไม่ใช่ใครที่ไหน

“ค่ะพี่แพท ลีสบายดีค่ะ....”
คุยไปก็เดินออกจากบ้านตรงไปยังชายหาดทันที ทิ้งให้คนที่ต่อรองยืนมองตามด้วยอาการขำ
“ลีค่ะ เมื่อกี้โทรหาเหรอคะ”
ครบกำหนดที่จะต้องไปหาเหยื่ออีกคนแล้ว แต่ก็ยังปลีกตัวไปไม่ได้ จำต้องล่อเอาไว้ก่อน ด้วยการยอมโทรกลับซึ่งถือว่านับครั้งได้ตั้งแต่ที่ติดต่อกับคามินมา

“ค่ะ เอาไว้อีกวันสองวันจะแวะไปเที่ยวที่ร้านนะคะ”
คามินไม่เคยเซ้าซี้กับเธอ จะเมื่อไหร่ จะยังไง หรือจะนานแค่ไหน เขาก็รอเธอได้ แต่คนที่อยู่ในบ้านพักนี่สิ ลูกเล่นแพรวพราว จนแทบจะเอาตัวไม่รอดแล้วเมื่อคืนนี้ ความไม่อยากให้เขาสงสัย จำต้องรีบเดินกลับเข้าบ้านในเวลาไม่นานนัก พบว่าเขายืนกอดอกรออยู่หน้าบ้านแล้ว

“เราไปเที่ยวกันเถอะ”
ไม่ทันได้อ้าปากด้วยซ้ำ มือก็ถูกคว้าไปนั่งที่รถแล้ว แต่ก็ไม่อยากจะไตร่ถามอะไรมาก ไม่นานเขาก็พามาที่ท่าเรือยอร์ช เจ้าหน้าที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วเหมือนได้สั่งการไว้ล่วงหน้า สักพักเขาและเธอก็ลงเรือล่องออกสู่ท้องทะเลตามลำพัง ‘กระเป๋าอาวุธ’ ไม่ได้ติดตัวมาอีกแล้ว ถ้าหากนายนี่คิดจะทำมิดีมิร้ายขึ้นมาเหมือนเมื่อคืน หนทางรอดคือการหนีลงน้ำกระมัง

เรือทอดสมออยู่กลางทะเล อากาศวันนี้ค่อนข้างเย็นสบายแดดไม่แรงมาก คณินรับเป็นคนจัดหาอาหารที่พนักงานเตรียมไว้ให้ในเรือเรียบร้อยแล้ว เขาเดินมาเสิร์ฟให้แม่เสือสาวเพื่อเป็นการไถ่โทษ

“รับไปเถอะผมไม่วางยาคุณหรอก”
เหมือนจะรู้เท่าทัน เขาจึงรีบดักคอก่อน เมื่อคืนต่างคนก็ไม่ได้กินมื้อเย็นทั้งคู่ จึงสงบศึกชั่วคราว จัดการกับอาหารด้วยความหิว เพราะเกือบจะสิบเอ็ดโมงแล้ว

“ผมให้คนเตรียมกางเกงขาสั้นเอาไว้ให้คุณด้วย อยู่ข้างล่างไปเปลี่ยนสิจะได้ไม่ต้องคอยระวัง”
เห็นเจ้าของผ้าซิ่นคอยแต่จะหุบกระโปรง ที่ปลิวจนแทบจะเปิดด้วยแรงลมก็อดขำไม่ได้ จึงต้องรีบบอก อีกฝ่ายทำตามแต่โดยดี ไม่นานเจ้าของเอวคอด ก็กลับออกมาพร้อมกางเกงขาสั้น แถมด้วยเสื้อแขนยาวสีขาวที่เป็นผ้าเนื้อบาง กับผมที่รวบไว้ด้านหลังแทนการปล่อยแบบเมื่อกี้

“ไปนั่งดูปลาตรงหัวเรือกันเถอะ”
บอกพร้อมยื่นมือมาให้คนที่จะปลิวตามแรงลมเกาะก่อนจะค่อย ๆ เดินตามเขาไปแล้วก็นั่งลงข้าง ๆ กายเขาตามแรงมืออีกเช่นเคย


Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2552
1 comments
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2552 11:58:40 น.
Counter : 528 Pageviews.

 

สวัสดียามเย็น ๆ ค่ะ

เอ...ทำไม ไม่มีใครทักทายมาบ้างเลยหนอ

สำหรับใครที่เข้ามาอ่าน ส่งเสียงให้รู้บ้างนะคะ

เพราะอยากรู้ว่านิยายเรื่องนี้จะเป็นยังไง
ในความคิดของคนอ่านค่ะ

 

โดย: ธัญรัตน์ IP: 115.67.106.170 4 กุมภาพันธ์ 2552 17:15:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.