Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
9 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

ธารลาวา ๒๑ (ธัญรัตน์)




ตอน ๒๑

“คุณช่วยไปเลือกซื้อของฝากคุณป้าหญิงให้ผมหน่อยสิ ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องแบบนี้”
ใจอยากจะรอเขาในรถ แต่คิดว่าคงจะขัดไม่ได้อีกจึงรีบเดินไปกับเขาโดยเร็ว ภาวนาว่าขออย่าได้เจอใครในนี้เลย โดยเฉพาะคามิน ผลไม้ถูกเลือกใส่ตะกร้าภายในเวลารวดเร็ว จนคณินอดสงสัยไม่ได้ แต่ก็ยอมควักกระเป๋าจ่ายเงินแล้วกลับมาที่รถทันที

“คุณไม่อยากมากับผมเหรอลี” น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าน้อยใจ
“เปล่าค่ะ เราจะไปไหนคะ” ฝืนบอกไปอย่างนั้น แต่ใจเป็นกังวลอยากจะให้เขาออกรถไปจากที่นี่เร็ว ๆ
“เดี๋ยวก็รู้เองล่ะ”

สปอร์ตคันหรูแล่นออกจากที่จอด ขณะที่รถของคามินวิ่งเข้ามาจอดแทนที่รถพี่ชาย มองเห็นแต่หลังรถไหว ๆ รู้ล่ะว่าเป็นพี่และมากับใครบางคนที่เขามองไม่เห็นหน้า และรู้อีกล่ะว่าเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ ‘คุณโรสก็คุณวิหรือสาวไฮโซคนใดคนหนึ่ง’ ในความคิดคนเป็นน้อง แล้วก็ยิ้มอย่างขำ ๆ พี่ชายที่เป็นที่หมายตาของสตรี

คณินพารถเข้ามาจอดในบ้านทรงไทยหลังใหญ่ มีอาณาบริเวณที่กว้างขวางมาก ประณาลีไม่รู้จัก หรือจะเรียกให้ถูกก็คือ เธอไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับบ้านหรือคนในบ้านหลังนี้ ต้นไม้ใบหญ้าที่ปลูกไว้ทำให้บ้านดูร่มรื่นน่าอยู่เป็นที่สุด อดชื่นชมไม่ได้กับความงามของตัวบ้าน และรู้สึกสดชื่นกับสีเขียวขจีของต้นไม้ที่รายลอบไปทั่ว คนขับยิ้มอย่างพึงพอใจที่เห็นอีกคนแย้มยิ้ม

“บ้านคุณป้าหญิงผมเอง ไปเถอะผมจะพาคุณไปกราบท่าน”
อีกครั้งที่เขาเซอร์ไพร้ส์เธอ ประณาลีก้มดูการแต่งกายของตัวเอง แล้วอดหวาดหวั่นไม่ได้ นี่เขาพาเธอมาหาผู้ใหญ่โดยไม่บอกกล่าวสักคำ แล้วเสื้อกล้ามกับผ้าซิ่นนี่หรือ ที่จะให้ใส่เดินไปกราบ ‘คุณป้าหญิงของเขา’ ไวเท่าความคิดรีบว่าเขาไปในทันที

“คุณคณินคะ จะให้ฉันไปกราบคุณป้าหญิงของคุณชุดนี้เหรอคะ ท่านจะได้ว่าเอาว่าฉันไม่รู้จักกาละเทศะ ไม่รู้จักให้เกียรติผู้ใหญ่ ฉันไม่ไปกับคุณหรอกค่ะ ขอรอในรถแล้วกัน เชิญคุณไปคนเดียวเถอะ”
นี่คงจะทำให้แผนล้มไม่เป็นท่า หากนายนี่คิดจะพาเธอมาให้ผู้ใหญ่ดูตัวในสภาพแบบนี้ ใจครุ่นคิดที่จะหาวิธีดึงเขาให้พาออกไปหาซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ก่อน

“อ้าว! ตาณินมาแล้วเหรอลูก แล้วนี่พาใครมาด้วยล่ะไม่เห็นบอกป้าก่อนเลย”
ผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่า ‘ป้า’ เดินยิ้มตรงมาหาก่อนจะโอบกอดเขาไว้ ละวงแขนออกก็หันไปหาประณาลีแล้วทำหน้าสงสัย ยิ้มเจื่อน ๆ ส่งให้เจ้าของบ้าน ‘สายไปแล้วล่ะประณาลี’ บอกกับตัวเองในใจอย่างเสียไม่ได้

“ประณาลีครับคุณป้าหญิง หรือจะเรียกสั้น ๆ ว่า ‘ลี’ ก็ได้ครับ พอดีติดรถมาทำธุระด้วยกัน ก็เลยพามากราบคุณป้าหญิงด้วยเลย ลี นี่คุณป้าหญิงของผม”
“สวัสดีค่ะคุณป้าหญิง”
กิริยามารยาทเรียบร้อย อ่อนโยน นอบน้อมที่ได้มาจากการฝึกฝนของยาย ถูกเรียกขึ้นมาใช้กับคนตรงหน้าอย่างเต็มใจ แม้ไม่รู้จักแต่ดูจากสีหน้าและแววตาแล้ว ประณาลีรู้สึกว่าเป็นแววตาที่มีไมตรีจิตต่อเธอไม่น้อย เจ้าของบ้านเชิญหลานและแขกเข้าบ้าน เด็กหาน้ำมาต้อนรับอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ‘ป้าหญิง’ ชอบใจกับของฝากที่หลานชายนำมา แต่ก็คงจะชอบใจน้อยกว่าการที่ได้เห็นหลานมาเยี่ยมเยือนนัก

‘ป้าหญิง’ หรือคุณหญิงอัมพวัน เป็นพี่สาวแท้ ๆ ของอัมพร แต่งงานกับคุณกัปนาทตั้งแต่ทำยังอยู่กงศุล จนเป็นท่านทูต แล้วย้ายไปประจำอยู่ประเทศต่าง ๆ เมื่อเกษียนก็เลยมาอยู่บ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นบ้านของกัปนาทที่ได้รับเป็นมรดกตกทอดมา ตั้งแต่รุ่นปู่ ทั้งสองมีลูกสาวแค่คนเดียว ตอนนี้แต่งงานกับทูตและตามสามีไปอยู่ต่างประเทศได้ไม่นานนัก ประณาลีจึงไม่มีข้อมูล และคิดว่าไม่จำเป็นด้วย

“วันนี้จะมีแขกมากินข้าวที่บ้าน ลุงเราก็เลยให้ป้าต้อนรับอย่างดี กำลังแกะสลักผักผลไม้ช่วยกันอยู่ ดูสิกองพะเนิน กว่าจะเสร็จก็นานเหมือนกัน นี่ป้าก็รอมือแกะคล่อง ๆ อยู่กำลังจะมาถึง”
บอกแล้วก็บุ้ยปากไปทางเด็กรับใช้คนที่นั่งแกะสลักอยู่ที่ตั่ง สักพักก็มีหญิงอีกคนที่มีวัยไม่แพ้กับป้าหญิงเดินเข้ามานั่งคุกเข่าแล้วรายงานด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลว่า

“คุณท่านค่ะ ครูเนียมมาช่วยไม่ได้แล้วค่ะ ปวดท้องกระทันหันตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”
“อ้าว! แล้วใครจะมาช่วยแกะสลักพวกนี้ล่ะ กว่าจะเสร็จก็นานนะ จะทันใช้เหรอ”
หัวเสียไม่น้อยกับเรื่องที่ได้ยินมา หญิงวัยกลางคนได้แต่นั่งทำหน้าจ๋อยอยู่ตรงนั้น เพื่อรอคำสั่งจากเจ้านายว่าจะเอายังไงต่อ
“แล้วจะทำยังไงกันล่ะทีนี้ หาใครได้มั้ยที่เก่ง ๆ” หันไปหาคนที่นั่งคุกเข่าเพื่อขอคำแนะนำ

“ถ้าบอกล่วงหน้าหน่อยก็คงจะพอมีค่ะ แต่ตอนนี้สงสัยจะไม่ทันแล้วล่ะค่ะคุณท่าน เดี๋ยวอีฉันจะเกณฑ์พวกที่พอเป็นมาช่วยนะคะ แต่ก็ติดงานในครัวกันอยู่ อาหารยังไม่เรียบร้อยเลยค่ะ ไม่รู้จะได้ใครมาช่วยบ้าง”
บอกแล้วก็ค่อย ๆ คลานเข่าออกไป ประณาลีหันไปมองเครื่องแกะสลัก ก่อนจะหันมาถามคนที่ทำหน้ากลุ้มเหมือนเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่จนแก้ไม่ได้เลยทีเดียว

“คุณป้าหญิงจะแกะเป็นรูปอะไรบ้างคะ ถ้าคุณป้าหญิงไม่ว่าขอลีลองทำดูได้มั้ยคะ”
“หนูทำเป็นเหรอจ๊ะ” แววตาที่ปราณีส่งมาให้เด็กสาวหน้าตาสวยสด
“เอ่อ! พอทำได้ค่ะ แต่ไม่ได้ทำนานแล้ว ไม่รู้ว่าจะถูกใจคุณป้าหญิงหรือเปล่าค่ะ”
“งั้นมานี่เลย ตาณินมานั่งตรงนี้เถอะลูก ว่าจะคุยกับหลานให้หายคิดถึงหน่อย แต่สงสัยจะต้องลงมือเองซะแล้วล่ะ”

“ครับคุณป้า”
รับคำแล้วนั่งลงใกล้ ๆ เจ้าของหน้ารูปไข่ ที่ในมือมีมีดแกะสลักกับฟักทองลูกขนาดย่อมวางอยู่ตรงหน้า ไม่เสียแรงที่ไปเข้าครอสเรียนการแกะสลักผักผลไม้มา เพราะคาดเดาว่าอาจจะเก็บไว้ใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือ ที่ช่วยจับศัตรูให้อยู่หมัด ไม่มั่นใจหรอกว่าจะมีโอกาสได้ใช้บ้างมั้ย และแล้ววันนั้นก็มาถึง ประณาลีโชว์ฝีมือที่ไม่น้อยหน้ามืออาชีพคนไหน ๆ ให้คุณป้าหญิงและคณินได้ประจักษุ์ ผ่านผักและผลไม้ต่าง ๆ แรก ๆ ก็ไม่ค่อยคล่องเพราะห่างไปนาน แต่พอทำ ๆ เข้าก็รื่นมือ

คุณกัมปนาทกลับเข้าบ้านในเวลาบ่ายแก่ ๆ ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็กลับมาคุยด้วย งานแกะสลักเสร็จสิ้นก่อนเวลาเล็กน้อย คุณป้าหญิงจึงให้ป้าคนเก่าพาประณาลีไปอาบน้ำ เพราะจะให้ทั้งเธอและคณินอยู่กินข้าวร่วมกับแขกด้วย คุณป้าหญิงบอกให้ป้าหาเสื้อลูกสาวให้ประณาลีใส่แทนเสื้อกล้ามแต่ผ้าซิ่นไม่ต้องเปลี่ยนบอกว่าชอบ และคิดว่าแขกก็คงจะชอบเหมือนกัน

“ลูกเต้าเหล่าใครกันเหรอตาณิน หน้าตาน่าเอ็นดู๊ น่าเอ็นดู แกะสลักฝีมือก็ใช้ได้ทีเดียว แต่งตัวก็แปลกตาดี ไม่ค่อยเคยเห็นสาว ๆ ใส่ผ้าซิ่นแบบนี้เลย”

คุณป้าหญิงหันมาหาหลานชายด้วยความอยากรู้ ยิ้มกว้างก่อนจะบอกทุกอย่างเกี่ยวกับประณาลี ที่เขารู้ให้คุณป้าหญิงฟัง ความที่เห็นโลกมามากกว่า ทำให้รู้ว่าหลานชายคงจะปลื้มแม่หนูลีคนนั้นไม่น้อย เพราะเล่าไปก็จะเห็นหลานยิ้มไปอย่างมีความสุข แต่เพื่อความแน่ใจ คนเป็นป้าก็เลยเอ่ยถามเป็นการหยั่งเชิงไปด้วยในตัว

“ตกลงจะเป็นแม่หนูคนนี้แล้วใช่มั้ยตาณิน ที่เราพามาให้ป้าดูตัว แล้วแม่เรารู้หรือยังล่ะรายนั้นยิ่งห่วง ๆ อยู่”
“เอ่อ...ผมยังไม่แน่ใจครับ แล้วเท่าที่เห็นนี่คุณป้าหญิงคิดว่ายังไงครับ” ถูกป้าดักคอเข้าให้แล้วตามที่คิดเอาไว้

“คิดยังไงเหรอ ถ้าดูจากบุคคลิคหน้าตา ป้าว่าหลานคงจะพาออกงานโดยไม่น้อยหน้าใครหรอก การศึกษาก็ไม่ถือว่าแย่ การงานก็ดีเป็นที่นับหน้าถือตาผู้คน ถึงจะเป็นแค่กลุ่มเล็ก ๆ ก็ไม่มีสลักสำคัญอะไรมาก ความเป็นแม่บ้านแม่เรือนก็น่าจะใช้ได้ ถ้าทำอาหารอร่อยกับจัดโต๊ะใช้ได้ตามที่หลานบอก แถมยังแกะสลักได้ด้วย อันนี้โดยส่วนตัวป้าชอบ ว่าแต่ชวนเขามานี่หลานได้บอกล่วงหน้าก่อนหรือเปล่าตาณิน” หันไปถามหลานด้วยความสงสัย

“เปล่าครับ จู่ ๆ ก็ไปดึงมาจากห้องเรียนเลย คุณป้าหญิงถามทำไมครับ” สงสัยว่าเกี่ยวอะไรกัน
“มิน่าหล่ะ ถึงได้ใส่เสื้อกล้ามมา” “อ๋อ เมื่อกี้ก็บ่นผมใหญ่ครับ จะไม่ยอมเข้ามากราบคุณป้าหญิงบอกแต่งตัวไม่เรียบร้อย กลัวโดนว่าครับ แต่พอดีคุณป้าหญิงออกไปหาก่อน” เขาหายสงสัยในทันที
“อืม!” ผงกศีรษะรับคำอธิบายจากหลานก่อนจะวิจารณ์ต่อ

“ดูกิริยามารยาทก็เรียบร้อยนะ อ่อนน้อม ถ่อมตนดี จะลุกจะเดินก็มีความเป็นกุลสตรีดีทีเดียว ผู้หญิงที่มีคุณสมบัติแบบนี้ ถ้าแม่หนูลีได้เจอท่านทูตหนุ่ม ๆ สักคน ป้าว่าหลานคงจะโดนฉกไปแล้วล่ะ” ยิ้มแหย่หันมาหาหลานด้วยความมีอารมณ์ขัน แต่คนเป็นหลานกลับทำตาละห้อยใส่

“ป้าล้อเล่น ส่วนเรื่องนิสัยหลานก็คงจะต้องไปศึกษาเอาเองนะ ป้าคงให้ความคิดเห็นไม่ได้ ของอย่างนี้เราต้องรู้เอง แต่ดู ๆ แม่หนูลีนี่คงจะได้รับการฝึกมาดีนะ เอาเป็นว่าป้าชอบก็แล้วกันนะตาณิน” ไฟเขียวจากคุณป้าหญิงเรียกรอยยิ้มให้เขาได้มากทีเดียว
“เอ่อ! คุณป้าหญิงครับ ผมรบกวนอย่าเพิ่งบอกคุณแม่เรื่องนี้นะครับ คือผมจะพาลีไปหาคุณแม่ทีหลัง วันนี้พามากราบคุณป้าหญิงก่อนครับ”

“โอ้โห! เป็นปลื้มจังเลยหลานป้า อุตส่าห์พามาให้ป้าดูก่อนแม่เราอีก ป้าว่าแม่เราคงจะดีใจนะที่เราตัดสินใจเลือกใครสักที นี่ถ้ารู้ว่าป้าได้เห็นก่อนมีหวังบ่นเป็นหมีกินผึ้งแน่ ๆ เลย” ดีใจแทนน้องสาวอยู่เนือง ๆ ที่จะได้ลูกสะใภ้แล้ว

การรับรองแขกเริ่มขึ้นตั้งแต่หนึ่งทุ่ม หลายคนตื่นตาตื่นใจกับการจัดโต๊ะอาหารที่เป็นแบบไทย ๆ ไม่แพ้โรงแรมหรูที่พวกเขาเคยเห็นมา ประณาลีได้รับคำชมเมื่อแขกรู้ว่าเป็นคนแกะสลัก ระหว่างทานอาหารคุณกัปนาทกับคณินพูดคุยกับเรื่องโปรเจคใหม่ที่แขกรายนี้ ต้องการจะทำบ้านในแหล่งทำเลทอง ไว้ขายให้ลูกค้าเศรษฐีต่างชาติ บ้านแต่ละหลังลูกค้าจะเป็นคนเลือกแบบและเลือกซื้อในเนื้อที่ตามที่ลูกค้าต้องการ ราคามีตั้งแต่หลักสิบล้านถึงหลักร้อยล้าน

เท่าที่ฟังประณาลีก็รู้ว่าเป็นโครงการใหญ่ยักษ์อีกชิ้นหนึ่ง ที่มีมูลค่าเป็นพันล้าน อยากจะขอบใจศัตรูจริง ๆ ที่พามาวันนี้ ‘นี่ล่ะคือสิ่งที่ฉันต้องการ’ ยิ้มที่คนบนโต๊ะอาหารไม่มีวันเดาออก ว่าความหมายลึก ๆ คืออะไร เห็นช่องทางที่จะเล่นงานศัตรูอยู่รำไรแล้ว ถ้างานนี้เขาคิดจะจับจริง ๆ เจ้าของแผนกับรับประกันไว้ทันที ว่าศัตรูจะต้องเจ็บหนักด้วยฝีมือของเธอเป็นแน่

กว่าแขกจะกลับไปหมดก็เกือบห้าทุ่ม คณินอยู่คุยกับคุณกัมปนาทและคุณป้าหญิงต่อ ประณาลีนั่งฟังเงียบ ๆ จะพูดก็ต่อเมื่อมีคนถาม คุณป้าหญิงกับคุณกัมปนาทต้องใจทีเดียว ก่อนกลับจึงถือโอกาสมอบรางวัลให้ประณาลีเป็นการขอบคุณที่มาช่วยกู้หน้าเรื่องงานฝีมือเอาไว้ให้

“ขอบพระคุณค่ะคุณป้าหญิง”
ก้มกราบลงที่ตักเมื่อรับรู้ว่ารางวัลที่ได้มาคือเข็มขัดเงินมันวาว แรกทีเดียวเธอไม่อยากจะรับ เพราะมันออกจะมีราคาแพงสำหรับเป็นรางวัลที่ช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นั้น ‘รับไปเถอะหนูลี ของเก่าเก็บ ป้าไม่ค่อยได้ใช้แล้ว’ คนให้บอกและยิ้มละไมให้ คณินพยักหน้าให้เป็นการอนุญาตอีกคนเธอจึงยอมรับไว้

“ว่าง ๆ ก็มาเยี่ยมป้าอีกนะทั้งสองคน ตาณินมีอะไรก็โทรมาบอกลุงกับป้านะลูก ตอนนี้ดึกมากแล้วพาหนูลีกลับบ้านเถอะ”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องงานใหม่นะณิน ลุงรับรองว่าบริษัทเราได้แน่ ๆ เพราะลุงสนิทกับเขา” ก่อนกลับ คุณกัมปนาทให้ความมั่นใจกับหลานชายอีกครั้ง เกี่ยวกับเรื่องงานที่คุยในคืนนี้

มือที่ว่างรีบดึงมือบอบบางมากุมไว้ตั้งแต่รถพ้นเขตบ้านคุณป้าหญิง เจ้าของมือไม่ได้ว่าอะไรปล่อยให้เขายึดครองมาตลอดทางจนมาถึงหน้าห้อง ก็ไม่ยอมปล่อย อยากจะบอกให้เขากลับบ้านไป แต่รู้อีกเหมือนกันว่าไม่มีทาง เป็นจริงอย่างที่คิด ทันทีที่เข้าไปในห้องได้ เขาก็คว้าตัวเธอเข้าไปกอดและหอมแก้มอย่างรักใคร่ทั้งสองข้าง

“คิดถึงจังเลย” คำหวานป้อนมาให้ได้ยินอยู่ข้าง ๆ หู ยิ้มอย่างสดใสเมื่อคิดถึงคำคุณป้าหญิง
“ยิ้มอะไรคะ” สายตาหวานส่งให้เขาพร้อมยิ้มน้อย ๆ มั่นใจในชัยชนะที่ใกล้เข้ามาเต็มที
“เปล่า! ลีอาทิตย์หน้าผมจะพาไปกินข้าวที่บ้านนะ พอดีเป็นวันครอบครัวทุกคนจะมารวมตัวกัน ไปกราบคุณแม่ด้วย ท่านใจดี ท่านบ่นว่าเมื่อไหร่ผมจะ...เอ่อ...พาเพื่อนไปกินข้าวที่บ้านบ้าง”

ยังไม่อยากบอกอะไรตอนนี้ ขอให้ผ่านด่านแม่ไปก่อนจะเป็นการดี แต่อีกคนกลับเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาแล้วกับคำบอกเล่าของเขา ‘ยังให้ใครรู้ตอนนี้ไม่ได้แน่’ ในใจเฝ้าครุ่นคิดว่าจะทำยังไง คิด ๆ ๆ และคิด

“เอ่อ! ทุกคนเลยเหรอคะ ฉันขอไปกราบคุณแม่ของคุณเงียบ ๆ ก่อนได้มั้ยคะ คือฉันยังไม่พร้อมที่จะพบคนแปลกหน้ามาก ๆ ในเวลาเดียวกันค่ะ นะคะขอเวลาให้ฉันเตรียมตัวหน่อยค่ะ ดูอย่างวันนี้สิคะดีที่คุณป้าหญิงท่านไม่ว่าอะไร”
เหตุผลพอฟังขึ้นทำให้เขายิ้มร่าออกมา

“ได้ถ้าลีอยากให้เป็นแบบนั้นก่อน ลี ขอผมนอนที่นี่ได้มั้ย อยากอยู่ใกล้ ๆ คุณ”
เสียงออดอ้อนฟังดูคงจะน่าสงสารและน่าใจอ่อน สำหรับผู้หญิงคนอื่นที่อยู่ในห้วงแห่งรักแบบนี้ แต่สำหรับตอนนี้ และกับประณาลีคนนี้ แม้ส่วนลึก ๆ ของหัวใจจะแอบพลั้งเผลอไปกับเขาบ้าง แต่ความแค้นที่มันอัดแน่นอยู่เต็มอกมีมากกว่าหลายเท่านัก เธอจึงไม่มีวันที่ยอมให้เขาเข้าใกล้ชิดได้ง่าย ๆ ยิ่งเป็นคืนนี้แล้วยิ่งไม่มีทาง

“กลับบ้านเถอะค่ะ คุณสัญญากับฉันแล้วนะคะว่าคุณจะไม่...เอ่อ...”
“ทำอะไรคุณ” เขาต่อให้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายอึกอัก
“ก็ได้ ๆ ถ้าคุณอยากไล่ให้ผมกลับ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะไม่งั้นผมไม่ยอมกลับ”
“อะไรคะ คนอย่างฉันจะมีอะไรมาแลกกับคุณได้ หรือว่าคุณจะ...”

“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอก ลี เลิกเรียกตัวเองว่า ‘ฉัน’ กับผมได้มั้ย ผมอยากให้คุณแทนตัวเองว่า ‘ลี’ ฟังแล้วน่ารักกว่าตั้งเยอะ” เห็นคนในอ้อมกอดไม่กล้าพูดเขาก็เดาได้ว่าคิดไปถึงไหน ๆ จึงรีบบอกตามที่เขาคิด
“ได้ค่ะ กลับได้หรือยังคะ ฉันจะ เอ่อ ลีจะเข้านอนแล้วง่วงมาก”
ริมฝีปากบางแย้มยิ้มเงยขึ้นไปสบตากับคนที่จ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว

“งั้นกู๊ดไนท์นะครับ”
หอมแก้มขาวเบา ๆ แล้วต้องรีบพาตัวเองออกจากห้องไป ก่อนจะห้ามใจเอาไว้ไม่อยู่ โล่งใจสำหรับอีกคน ยิ้มเย้ยหยันอย่างได้ใจ มือถือกดไปหาแพท ถึงรู้ว่าดึกแต่เพราะความดีใจทำให้จากคนที่เคยเย็นเหมือนน้ำ กลับรีบร้อนอยากแจ้งข่าวคราวโดยเร็ว

“พี่แพทคะ ปลาติดเบ็ดเราแล้วล่ะค่ะ วันนี้นายคณินพาลีไปหาป้าหญิงกับลุง อาทิตย์หน้าก็จะพาลีไปหาแม่เขา วันที่เรารอคอยใกล้เข้ามาแล้วค่ะพี่แพท บอกวีเดินหน้าต่อเลยนะคะ”

อีกหลาย ๆ เรื่องที่สองพี่น้องพูดคุยกันจนเวลาล่วงเลยไปเป็นชั่วโมงจึงจบบทสนทนา
‘เสียดายที่แกมาด่วนจากไปก่อนนะไอ้คณึง ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้แกตายทั้งเป็นเอง แต่ไม่เป็นไรคนเลวอีกคนยังอยู่ มันจะต้องได้รับผลกรรมที่ทำไว้กับฉันแทนแกแน่ ฉันสาบาน’
แววตาที่เกลียดชังคนที่พรากทุกอย่างจากอกไป มีล้นเหลือไม่เคยเสื่อมไปตามกาลเวลา แม้เขาจะกลายเป็นเพียงดวงวิญญาณล่องลอยอยู่ไกลแสนไกลแล้วก็ตาม

เจ้าของผ้าซิ่นสีน้ำตาลแก่ กับเสื้อกล้ามสีขาวสะอาดตา ยืนเฝ้าเครื่องพิมพ์เอกสารอย่างใจจดใจจ่อ อยู่ในออฟฟิศ อ่านทวนข้อความในกระดาษที่เพิ่งพิมพ์ออกมาใหม่ ๆ แล้ว ก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย แพทเดินเข้ามาในห้องรู้สึกแปลกใจ ที่ยังไม่เห็นคนเป็นครูเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเข้าสอน

“ยังไม่เปลี่ยนชุดอีกเหรอลี จะถึงเวลาคลาสแล้วนะ แล้วนั่นอะไร”
วางกระเป๋าพร้อมจัดการชงกาแฟให้ทั้งตัวและน้องสาว ก่อนจะเดินไปนั่งที่ชุดรับแขก
“ขอบคุณค่ะ” รับแก้วกาแฟจากมือแพทแล้วก็ยื่นกระดาษให้
“ถึงเวลาแล้วเหรอลี แน่ใจนะว่านายคณินจะเดินมาเข้าแผนเรา พี่ว่ารอให้อะไรมันชัดเจนกว่านี้ดีมั้ย”
อ่านแค่ข้อความก็เป็นที่เข้าใจ ระหว่างสองคนว่าแผนการจะเดินไปทางไหน

“แน่ใจค่ะพี่แพท นายนั่นเป็นพวกอยากได้อะไรแล้วก็ต้องให้ได้เดี๋ยวนั้น ถ้าลองได้พาลีไปให้ป้าดูตัวและคิวต่อไปก็คือแม่แบบนี้ ลีมองว่าไม่พลาดค่ะ ตอนนี้เราต้องรีบแล้วนะคะ พี่แพทเช็คนายนเรศบ่อย ๆ นะว่าบ้านไปถึงไหนแล้ว ถ้าโอนได้ก็ให้โอนไปเลย ส่วนลีจะไปจัดการนายคามินเองค่ะ” มั่นใจในสายตาตัวเองว่ามองไม่พลาดเป็นแน่

“ได้ ๆ พี่จะรีบจัดการ พี่ว่าวันนี้คงจะกลับจากภูเก็ตแล้วมั้ง ถ้าเขาโทรมานัดไปกินข้าวพี่รับนัดเป็นพรุ่งนี้เลยดีมั้ยลี ที่เหลือก็ค่อยว่ากันตอนนั้นเลย” เมื่อเห็นน้องมั่นใจขนาดนั้น ก็ไม่คิดจะติติงใด ๆ มากไปกว่าจะต้องรีบเดินตามแผนต่อไป
“ดีค่ะ เอ่อ! พี่แพทคะช่วยหาคนมาทำงานแทนนกหน่อยนะคะ ลีจะให้ขึ้นมาคอยสอนเวลาที่ลีไม่อยู่ วันนี้ลีก็ให้ขึ้นมาสอนแทนแล้วช่วงเช้า ส่วนบ่ายกับเย็นถ้าเสร็จจากนายคามินลีจะมาสอนต่อเอง ลีต้องไปก่อนนะคะ”
กาแฟหมดแก้วก็เดินไปคว้าเอากระเป๋าสะพายเตรียมออก

“ได้ ระวังตัวด้วยนะลีพี่เป็นห่วง”
“ค่ะพี่แพท ลีจะนั่งแท็กซี่ไปนะคะ มือถือเครื่องนี้ลีจะทิ้งไว้ออฟฟิศ ถ้านายคณินโทรมา ก็บอกว่าลีติดสอนแล้วจะโทรกลับ”

ในกระเป๋าสะพาย นอกจากจะมีเครื่องป้องกันตัวแล้ว มือถือก็มีไว้ถึงสองเครื่อง สามเบอร์ หนึ่งสำหรับงานทั่วไปคนทั่วไปรวมทั้งเหยื่อหมายเลขหนึ่งด้วย อีกสองเบอร์ที่เหลืออยู่ในเครื่องเดียวกันสำหรับเหยื่อหมายเลขสองและสาม นี่ก็คืออีกเหตุผลที่ไม่อยากให้คณินเข้าไปวุ่นวายในห้องพักมาก ขวดเบตาดีนถูกเปิดออกและหยดสีแดงเข้มคล้ายเลือดลงไปในกระดาษ ที่ติดมาจากออฟฟิศ พอแห้งก็พับเข้าไปเก็บในกระเป๋า ในตำแหน่งที่หมิ่นเหม่พอดึงดูดใจ ให้คนที่มองเห็นอยากรู้ว่าคืออะไร

ขวดยาหย่อนไปในกระเป๋าหลังเบาะหน้าคนขับแท็กซี่ ส่องกระจกสำรวจดูใบหน้าที่แต่งให้สวยแต่ไม่มากเท่าทุกครั้ง ก้าวลงจากแท็กซี่เมื่อจอดเทียบหน้าร้าน ปั้นหน้าเหมือนคนอมทุกข์หนัก พอ ๆ หรือหนักกว่าคราวที่แล้ว เห็นเหยื่อยืนอยู่กับลูกค้าชาวต่างชาติ กำลังดูภาพวาดที่ผนัง รู้ว่าไม่ควรกวน แค่เดินเข้าไปจ้องมองภาพอยู่อีกมุม ให้เจ้าของแกลอรี่รู้ว่ามาแค่นั้น คามินยิ้มให้เป็นการทักทายก่อน ความดีใจที่จะได้ขายภาพมีน้อยกว่าคนที่มารอในร้านเป็นร้อยเท่า

รู้ว่าคงจะติดลูกค้าไปอีกนาน คามินจึงเข้ามาบอกว่าให้เธอไปรอบนดาดฟ้า แขกทำตามอย่างว่าง่ายเดินขึ้นบันไดไปช้า ๆ เหมือนคนที่มีอะไรให้ครุ่นคิด จิตรกรหนุ่มได้แต่มองตามอย่างห่วงใย กว่าจะเสร็จจากลูกค้าก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมง รีบวิ่งขึ้นมาหาแขกพบว่านอนนิ่ง ๆ อยู่กับเตียงไม้ ที่เขาจองเป็นเจ้าประจำเวลาเหนื่อย รู้ว่าเธอไม่ได้หลับแต่ก็ชะลอฝีเท้าให้เดินช้าลง เข้าไปนั่งใกล้ ๆ อีกคนก็ลืมตาขึ้นมา ยิ้มฝืน ๆ ส่งให้เขา ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“วันนี้จิตรกรขายภาพไปได้กี่แสนคะ”
“ก็ไม่เท่าไหร่ฮะ คุณลีสบายดีหรือเปล่า เห็นหน้าไม่ค่อยดีเลย มีอะไรให้ผมช่วยบ้างไหมฮะ”
ดวงหน้าที่บอกว่าห่วงเธอเหลือเกิน อยากจะแบ่งปันในทุก ๆ เรื่องที่เธอแบกรับเอาไว้เหลือเกิน

“จะเที่ยงแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะค่ะลีหิว”
เหมือนให้เข้าใจว่าไม่อยากจะพูดถึงปัญหาให้เขาต้องมารับฟัง ร่างบางค่อย ๆ ลุกขึ้น ไม่สนใจว่าเขาจะมองตามด้วยความสงสัยแค่ไหน เดินไปได้ไม่กี่ก้าว มือก็ยกไปปิดที่หน้าผากแล้วเซนิด ๆ พอให้คนข้างหลังวิ่งมาพยุงได้ทัน

“คุณลี! โอเคนะฮะ ไปหาหมอมั้ย” คามินยังไม่ละความพยายาม แต่อีกคนยิ้มฝืน ๆ ส่งมาให้เขาอีกครั้ง พร้อมค่อย ๆ ดึงตัวเองออกจากมือที่เขายังคงพยุงเอาไว้

“ไม่เป็นไรค่ะ ไปกันเถอะนะคะ”
บอกปัดแล้วก็เดินห่างออกไป แต่ก็เดินไปเพียงแค่สามสี่ก้าวเท่านั้น เจ้าของแผนการก็ทิ้งตัวให้ล้มลงกับพื้น รู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีคนวิ่งเข้ามารับไว้ได้ทันเป็นแน่ ดวงตาปิดสนิทพร้อมร่างที่อ่อนระทวย คามินผู้ไม่เคยคาดคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง รีบอุ้มร่างบอบบางค่อย ๆ เดินลงบันไดตรงไปยังห้องนอนตัวเองทันที จากนั้นก็ไปเปิดเครื่องปรับอากาศให้เย็นสบาย

“คุณลี ๆ ได้ยินผมมั้ยฮะ”
กุมมือขาวเนียนเอาไว้ ปากก็เรียกไป คิดขึ้นได้จึงโทรลงไปบอกก๋วยให้ช่วยหาซื้อยาดม ยาลม ยาหม่อง และอีกสารพัดยาขึ้นมาให้ด่วน ส่วนตัวเองก็หาผ้าชุบน้ำ มาเช็ดหน้าให้คนที่นอนทอดร่างอยู่บนที่นอน

“ถ้ามีใครมา ก็บอกว่าพี่หลับอยู่นะ ห้ามใครขึ้นมารบกวน”
สั่งเมื่อยาสารพัดถูกก๋วยนำขึ้นมาให้ที่หน้าห้อง หลอดยาดมแกว่งไปมาช้า ๆ อยู่ปลายจมูก คนที่นอนอยู่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
“ลีเป็นอะไรไปคะ” น้ำเสียงบ่งบอกว่าอ่อนเพลียถามออกไป ให้คนที่นั่งจ้องดวงหน้าตัวเอง

“คุณลีเป็นลมไปฮะ อย่าเพิ่งลุกเลยฮะ คุณลีนอนพักก่อนดีกว่า เอาให้หายดีแล้วค่อยลุก เดี๋ยวผมจะออกไปหาซื้อมื้อเที่ยงมาไว้ให้ คุณลีอยากจะกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าฮะ ไม่นานหรอกเดี๋ยวผมกลับ”

โคลงศีรษะไปมาเป็นคำตอบ เจ้าของห้องจึงรีบลงไปข้างล่าง ยิ้มอย่างมีชัยส่งตามหลังเหยื่อไปติด ๆ เหลือบเห็นกระเป๋าสะพายวางอยู่โต๊ะหัวเตียง ‘นายคามินคงหอบมาให้ด้วย’ รีบเปิดปากกระเป๋าออกให้กว้างอีกนิด ดึงกระดาษที่พับอยู่ขึ้นมาหน่อยให้เด่นเตะตาคน แต่ก็ไม่มากแค่พอมองเห็นรอยแดง ๆ ที่หยดลงกระดาษเล็กน้อย แล้วก็กลับลงไปนอน เมื่อคาดว่าอีกไม่นานเหยื่อจะกลับมา







 

Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2552
0 comments
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2552 10:04:53 น.
Counter : 337 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.