Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
5 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

ธารลาวา ๑๖ (ธัญรัตน์)




ตอน ๑๖

“ผมขอโทษเรื่องเมื่อคืนนี้ ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น แค่อยากจะแกล้งคุณเล่น ๆ นิดเดียวเอง ไม่รู้ว่าคุณจะกลัวจนเล่นงานผมขนาดนี้ คุณจะยกโทษให้ผมได้มั้ยประณาลี” รู้ว่าที่อีกฝ่ายไม่พูดจาเพราะยังขุ่นเคืองอยู่
“ฉันก็ต้องขอโทษคุณด้วยค่ะ ที่...เอ่อ...ป้องกันตัวมากไม่หน่อย”

ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเกี่ยงงอน เมื่อคนอย่างคณินลงทุนเอ่ยคำขอโทษขนาดนี้ แต่จะเป็นผลดีมากกว่า ถ้าเธอแสดงความรับผิดชอบด้วยวิธีนี้ ยิ้มที่สดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมเข้มอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอบอกออกไป การล่องเรือจบลงในเวลาเกือบห้าโมง ทั้งคู่จึงกลับเข้าบ้าน แม่ครัวมือเอกแสดงฝีมือเช่นเคย เจ้าของบ้านทำหน้าที่เก็บล้างเพื่อให้แม่ครัวกลับเข้าไปอาบน้ำ

ออกมาจากห้องอีกทีเขาก็ชวนไปนั่งรับลมอยู่หน้าบ้านแบบเงียบ ๆ ภายใต้เงาจันทร์ กลิ่นเนื้อนวลที่เพิ่งผ่านการชำระล้างดึงให้เขาค่อย ๆ เขยิบเข้าไปหาทีละนิด ๆ จากนั่งห่างเป็นศอกและชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็กลายมาเป็นแนบชิด วงแขนค่อย ๆ เอื้อมไปเกาะที่เอวคอดอย่างลืมตัว ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยของเจ้าของร่างบางเขาคงไม่มีโอกาสได้เห็น แกล้งขยับตัวหนีไปจนชิดเสา เพื่อเอาเชิง เจ้าของวงแขนก็แทบจะตามมาติด ๆ อย่างหน้าตาเฉย

‘ลูกเล่นแพรวไม่เบา’
เจ้าของแผนการบ่นในใจ

“ทำไมคุณถึงกลัวผมนักนะประณาลี”
แผนรุกของเจ้าของอันดับต้น ๆ ในทำเนียบเสือผู้หญิง ‘ที่เต็มใจเท่านั้น’ หากมีไม่เต็มใจก็เห็นจะเป็นรายแรกคือคนนั่งข้าง ๆ นี่กระมัง
“ฉันไม่ได้กลัวค่ะ”
“แต่คุณก็คอยจะถอยหนีผมอยู่เรื่อย หรือว่าคุณรังเกียจผม”
สำเนียงที่บ่งบอกว่าตัดพ้อเป็นที่สุด

“เปล่านี่คะ” ไม่ได้เชื่อสิ่งที่เขาพูดสักนิด แต่ก็จำต้องแสดงการปฏิเสธแทบจะทันควัน
“ผมไม่เชื่อ คุณต้องให้ผมพิสูจน์” เข้าทางตัวเองจนได้
“คุณคณินอย่าค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” ประโยคห้ามปรามที่คิดว่าอ่อนโยนที่สุด ถูกเรียกขึ้นมาใช้ พร้อมกับเอียงลำตัวหนีการรุกของเขาแค่พองาม ค่ำคืนนี้ไม่เหมาะที่จะใช้ไม้แข็ง ในเมื่อเขายอมประณีประนอมตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว จำต้องปล่อยให้เหยื่อได้ใจไปพลาง ๆ ก่อน

“ใครจะมาเห็นที่นี่มันบ้านส่วนตัว”
สิ้นคำริมฝีปากอิ่มเต็มก็ตกอยู่ในอาณัติของเขา มือเรียวสองข้างทำหน้าที่ห้ามปรามพอเป็นพิธี สุดท้ายก็แสร้งแพ้ต่อมือหนาที่รวบเอาไว้ จุมพิตที่นุ่มนวลกว่าหลายครั้งดำเนินไปตามแต่ศัตรูจะหมายใจ

‘ฉันเกลียดแกไอ้คนึง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ’
คือประโยคที่ท่องไว้ เมื่อธรรมชาติเรียกร้องให้เผลอไปตามสัมผัสจากทายาทศัตรู

“ปล่อยค่ะคุณคณิน เดี๋ยวคนมาเห็นเข้า”
ปากเป็นอิสระแก้มขาวมารองรับจมูกโด่ง ๆ แทน จึงต้องเอ่ยห้ามบ้าง เพื่อไม่ให้เขาหมิ่นเกียรติลูกผู้หญิงมากนักว่า ‘ปล่อยตัว’ จนเกินไป ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาจากผู้ดำเนินแผนรุก หากกลับก้มต่ำลงไปที่ข้างหู เรื่อยลงไปหาลำคอ ไหล่ที่มีเพียงสายเสื้อกล้ามปกปิดเอาไว้ สุดท้ายที่เนินอกที่โผล่พ้นนอกคอเสื้อออกมา

“คุณคณินคะปล่อยค่ะ ขอร้องนะคะอย่าทำอย่างนี้กับฉันเลยค่ะ คุณกำลังดูถูกและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงอย่างฉันอยู่นะคะ ได้โปรดเถอะค่ะ ฉันขอร้อง ปล่อยฉันนะคะ”
น้ำคำที่ออดอ้อนระคนจะร้องไห้ออกมาให้เขาได้รู้ หากแต่มือไม่ได้ปัดป้องการรุกรานแต่อย่างใด กลับวางเฉยไว้ที่บ่าทั้งสองข้างของเขา

“คุณไม่ได้มีความสุขเหมือนผมเหรอประณาลี” ประโยคที่คิดว่าจะเฉือดเฉือนอีกฝ่ายได้
“ความสุขของผู้หญิงไม่ได้มีแค่เรื่องนี้นะคะ ปล่อยฉันเถอะค่ะฉันขอร้อง ถ้าการพิสูจน์ว่าฉันไม่ได้รังเกียจคุณต้องแลกด้วยสิ่งที่ลูกผู้หญิงหวงแหน ฉันก็จะปล่อยให้คุณเข้าใจว่าฉันรังเกียจคุณดีกว่าค่ะ ได้โปรดเถอะนะคะ”
น้ำตาถูกสั่งให้เอ่อเบ้าตานิด ๆ จมูกที่หาน้ำมีน้ำมูกไม่ ก็แกล้งสูบเข้าเบา ๆ เป็นดังคาด เมื่อการรุกรานสิ้นสุดลง

“ได้! ถ้าคุณไม่พร้อม คนอย่างผมไม่รังแกผู้หญิงอยู่แล้ว”
แม้จะช่ำชองเรื่องหญิงมานักต่อนัก สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อลูกอ้อนของสตรีเพศ อย่างไม่คลางแคลงใจใด ๆ แม้แต่น้อย

‘ไม่รังแกผู้หญิง แล้วไอ้เมื่อคืนนี้เขาเรียกว่าอะไร’
เสียงที่ค้านอยู่ในใจ ของอีกคน

“เข้าบ้านเถอะลมเริ่มแรงแล้ว เดี๋ยวคุณจะไม่สบายเอา”
เมื่อแผนไม่เป็นไปตามหมายก็ต้องล่าถอยเป็นธรรมดา

“คุณช่วยเอายามาทารอยนี่ให้ผมหน่อยได้มั้ย มันเขียวไปหมดแล้ว”
ยังอุตส่าห์ต่อรอง เมื่อจูงมือเรียวเข้าไปในบ้านเรียบร้อยแล้ว แทนการตอบรับ ประณาลีเดินไปที่ตู้ยา กลับมาพร้อมหลอดเล็ก ๆ แก้พกช้ำ กล้ามเป็นมัด ๆ ถูกเผยออก เมื่อเสื้อแขนยาวที่จงใจใส่เพื่อปกปิดรอยเขียวเอาไว้หลุดออกจากตัว ผิวขาวละเอียดทำให้เห็นรอยฟันเด่นชัดแทบจะนับซี่ได้ ตามแขนก็มีแต่รอยจิกรอยข่วนของเล็บ

‘ดีสมน้ำหน้าอยากหื่นกามนัก’
ในใจก็ว่า ปนขำจนแทบจะกลั้นไม่อยู่

“ขำมากใช่มั้ย เดี๋ยวจะเอาคืนซะเลยนี่” อดไม่ได้ที่จะบ่น เมื่อเห็นหน้าสวย ๆ ชะรอยจะเผยยิ้ม
“เปล่านี่คะ ปล่อยนะ อย่าค่ะ”

ขำจนลืมตัวเมื่อเขารวบตัวเข้าไปไว้ในอก แถมด้วยหอมแก้มซ้ายทีขวาทีจนสะใจ จึงได้ปล่อยตามคำเรียกร้อง ตามด้วยตากลมที่กลายเป็นขวางส่งมาให้เป็นรางวัล ‘เฮ้อ ทำไมคืนนี้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าไม่ใช่โรสนะ จะได้ไม่ต้องอดแบบนี้’ ความเป็นชายชาตรีอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะนำพาให้คิดไปหาเรื่องนั้น แต่ก็ต้องจำยอมเมื่อเห็นว่าเธอไม่สมยอม

“เสร็จแล้วค่ะ วันนี้ฉันเหนื่อยมากขอตัวก่อนนะคะ”
รีบออกห่าง ๆ เสียตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่า เกิดนายนี่เปลี่ยนใจขึ้นมาเกรงว่าจะยุ่งเปล่า ๆ
“ผมไปส่ง”
บอกไปหน้าตาเฉยทั้ง ๆ ที่ห้องก็อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว ก็จะให้ปล่อยไปเฉย ๆ ได้ยังไงเสียเชิงชายหมด

“อย่าคะคุณคณิน ปล่อยนะฉันง่วงแล้วค่ะ”
ร่างบางถูกรวบไปกอดไว้ เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู แก้มถูกหอมลงไปอย่างแรง เหมือนไม่เกรงว่าจะบอบช้ำ ก่อนจะปล่อยให้เจ้าของแก้มหายเข้าห้องในที่สุด ‘เฮ้อ คณินนะคณิน ไม่น่าใจอ่อนเลย’ ด่าตัวเองในใจไปหลายรอบ จนเดินไปปิดบ้านให้เรียบร้อยแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนกับที่นอนอย่างเหนื่อยอ่อน

บ้านหรือจะเรียกว่าคฤหาสน์ก็ไม่ผิดนัก เต็มไปด้วยลูกหลาน ที่พร้อมใจกันมาร่วมโต๊ะอาหารเที่ยงกันเกือบหมด ขาดแต่ลูกชายคนโต ที่บอกว่าติดงานจนปลีกตัวเข้าบ้านไม่ได้มาสามคืนแล้ว แต่อัมพรก็ไม่คิดตำหนิใด ๆ เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่ลูกชายจะว่างเว้นจากวันพบปะของครอบครัว

“เสียดายจังเลยนะคะวันนี้ไม่น่าขาดณินเลยค่ะคุณแม่ กว่าจะรวมตัวกันได้พร้อมหน้าขนาดนี้ก็หายากเต็มที”
ปากพูดกับแม่แต่หน้าหันมามองสามีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างจงใจ นเรศไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะยังเกรงใจแม่ยายอยู่มาก
“น้องคงยุ่งจริง ๆ ล่ะแม่ณิ แล้วนั่นอิ่มแล้วเหรอยายญา ไม่อยู่รอกินของหวานก่อนล่ะลูก”
หน้าหันไปหาลูกสาวคนโตก่อนจะชำเลืองตาและหันหน้าตามลูกสาวคนเล็ก ที่พร้อมจะไปข้างนอกแล้ว

“ไม่ค่ะคุณแม่ญารีบเดี๋ยวไม่ทันนัด ไปก่อนนะคะพี่ณิพี่มิน พี่เรศ หวัดดีค่ะ”
กล่าวลาพี่ ๆ พร้อมไหว้ผงก ๆ แล้วก็หายหากห้องอาหารไปโดยเร็ว ทิ้งให้ทุกคนมองตามอย่างระอากับกิริยาของผู้จากไป

“แล้ววันนี้มินจะไปไหนเหมือนยายญาหรือเปล่า”
พี่สาวหันไปถามน้อง ถ้าเป็นปกติก็คงจะตอบว่าใช่ เพราะอยู่ในระยะที่หญิงในดวงใจจะคอยแวะเวียนมาหา แต่เมื่อได้คุยกันวันก่อนก็รู้แน่ว่าไม่ใช่วันนี้ จึงเอาเวลามาอยู่เป็นเพื่อนแม่จะดีกว่า ไหน ๆ พี่ชายก็หายไปอีกคนแล้ว

“ไม่ฮะพี่ณิ วันนี้มินจะอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ ตั้งใจว่าจะสอนหลาน ๆ วาดรูปตามที่เคยสัญญาไว้ด้วยฮะ”
“ดีจังเลยลูกชายแม่ เสียดายตาณินไม่อยู่จริง ๆ ด้วย ไม่งั้นวันนี้คงจะเป็นวันที่แม่มีความสุขอีกวันหนึ่ง”
แม้จะบอกว่าไม่คิดอะไรแต่ก็อดเสียดายให้ลูก ๆ อยู่พร้อมหน้ากันไม่ได้

โฟคสวาเก้นจอดเทียบแนวบาทวิถีในเวลาเกือบบ่ายโมง วันนี้ญาณินกับเกสรา อาสามาช่วยเขียดแพ็คผ้าไหมส่งลูกค้าต่างประเทศที่สั่งมานานแล้ว แต่รอผ้าไหมล็อตใหม่ ๆ เข้ามาก่อน ที่ร้านจึงมีแววว่าจะยุ่ง ส่วนหนุ่มเจ้าของร้านก็ดันติดงานเขียนแบบส่งลูกค้าด่วนด้วย เมื่อสองสาวอาสาเขาจึงรีบอ้าแขนรับทันที เสียงหัวเราะของเพื่อนสนิทดังมาจากในห้องทำงานของปวีร์ เมื่อญาณินเดินเข้ามาถึง

“แหม! ไหนบอกว่าจะรีบมาไงคะคุณหนูญา สายเกือบจะชั่วโมง เดี๋ยวก็ไม่ทันส่งกันพอดี”
เกสราร้องทักมาจากในห้อง ทำเอาคนมาสายถึงกับเบะปากนิด ๆ ให้เพื่อนรัก
“มาช้าดีกว่าไม่มาใช่มั้ยคะพี่วี” ไม่รู้เป็นอะไร เมื่อสบตากับเขาภาพวันนั้น ก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าอย่างช่วยไม่ได้

“พูดแค่นี้ทำเป็นโกรธจนหน้าแดงเชียว เอ้า! นี่ออเดอร์ลูกค้าจัดการเลยรอแต่แม่คุณคนเดียวแท้ ๆ”
หน้าระเรื่อเพราะความอาย ถูกเกสราผู้ไม่รู้เรื่องแปลไปทางอื่น ปวีร์ได้แต่เงยหน้าขึ้นไปมองตามคำทักของสาวผมซอย ก็พบว่าเป็นจริงอย่างที่ว่าไว้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร แต่เขาเลือกที่จะตัดสายใยที่จะก่อตัวขึ้นทิ้งซะตรงนี้

“ถ้าไม่มีอะไรสงสัยแล้ว พี่ขอขึ้นไปทำงานก่อนนะครับ ถ้าติดอะไรโทรก็ขึ้นไปถามพี่ได้ เขียดจะมาช่วยเวลาที่ไม่มีแขกหน้าร้าน พี่ฝากด้วยนะครับ ขอบคุณมาก ๆ เลยที่อาสามาช่วยพี่” เขาบอกรายละเอียดเกี่ยวกับงานให้เกสราไว้ก่อนแล้ว จึงรีบหนีขึ้นไปหางานตัวเอง โดยไม่หันมามองอีกคนที่คอยจะหันมองตามหลังเขาไป

“เสร็จแล้วพี่วีจะพาไปเลี้ยงข้าวด้วยล่ะญา” เกสราทำท่ากระซิบกระซาบ แล้วก็ยิ้มให้เพื่อนรักอย่างสุขใจ

แม่ครัวที่บ้านพักตากอากาศถูกงดแสดงฝีมือในมื้อเย็น แล้วก็ถูกจูงแขนขึ้นรถ ที่เจ้าของตั้งใจจะพาขับชมรอบเมืองพัทยายามอาทิตย์อับแสง ชีวิตคนกลางคืนที่พัทยาครึกครื้น ไม่ต่างจากเมืองที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวอื่น ๆ เลย ตามทางเดินถนนเลียบชายหาดในยามนี้ มักจะมีสาวแท้สาวเทียมที่นุ่งน้อยห่มน้อย มาจับกลุ่มกันนั่งคอยจ้องหิ้วแขกต่างชาติ ที่เดินผ่านไปมาอย่างโจ่งแจ้ง ‘วอร์คกิ้งสตรีท’ ต่างเนื่องแน่นไปด้วยผู้คน ที่เดินชมร้านอาหารที่เรียงรายกันไปตลอดแนวทั้งสองข้างทาง จนไปสิ้นสุดที่แหลมบาลีฮาย

ร้านที่ตกแต่งเป็นกึ่งผับกึ่งร้านอาหาร ในโรงแรมระดับห้าดาวเป็นจุดหมาย ที่คณินพาประณาลีไปฝากท้องสำหรับอาหารมื้อเย็น ที่ออกจะดึกสักหน่อย เพราะมัวแต่ขับรถชมวิวกับเดินดูอะไรตามถนน ประณาลีไม่ได้สั่งอะไรมากมายนอก จากสลัดทูน่ากับน้ำเย็นเท่านั้น เพราะยังรู้สึกอิ่มจากอาหารเที่ยงอยู่ ส่วนเจ้ามือก็ได้สเต็กจานใหญ่หนึ่งที่ เสียงเพลงคลอเบา ๆ แขกหลาย ๆ โต๊ะเป็นชาวต่างชาติมานั่งหลบมุมจิบเครื่องดื่มตามใจชอบ

ความสวยจนออกจะโดดเด่น ของสาวที่คณินหอบหิ้วมาด้วย เป็นเหตุให้แขกในร้านคอยหันมามองโต๊ะเขาแทบจะตลอด ไม่เว้นแม้แต่นักร้องชายที่ครวญเพลงอยู่บนเวที ไม่น้อยกว่าสามเพลง ที่พ่อนักร้องเลือกขึ้นมาขับขาน สลับกับหยอดคำหวาน ๆ ว่า ‘มอบให้กับสาวสวยในห้องทุก ๆ คน’ แต่ดันหันมามองคนที่เอาแต่เขี่ยสลัดไปมาอยู่อย่างนั้น เห็นแล้วชวนให้ขัดลูกกะตายิ่งนัก และยิ่งขุ่นเคืองเพิ่มมากขึ้น เมื่อแม่เสือสาวยิ้มรับให้กับหนุ่ม ๆ ที่ส่งซิกมาทักทายเธอ แม้จะเข้าใจว่าทำไปตามมารยาท แต่เขาก็ไม่ประทับใจสักนิด และไม่อยากบอกว่าตัวเองกำลังหึงเธออยู่

“คุณจะเข้าห้องน้ำหรือเปล่า เราจะกลับแล้ว” อารมณ์ที่ตั้งใจจะมาฟังเพลงจบสิ้นลงตรงนั้น
“ไม่ค่ะ” ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเขาเคืองแค่ไหน แต่ก็ทำเป็นไม่สน
“น้อง ๆ เช็คบิลด้วย ด่วน!”

สั่งก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำ กลับออกมาอีกที ก็มีฝรั่งร่างใหญ่มานั่งจ้อกับคู่ควงตัวเองซะแล้ว อยากจะเข้าไปตะบันหน้าสักตั้ง แต่ต้องยั้งใจไว้ เมื่อเด็กเสิร์ฟยื่นบิลมาให้ ไม่ได้สนใจจะรอเงินทอนเลยสักนิด แม้จะเฉียดหลักพันก็ตาม มือหนาเอื้อมไปคว้าแขนคู่ควงแล้วบีบแรง ๆ แต่หน้ายังยิ้มให้ฝรั่งที่ไม่ได้รับเชิญตามมารยาท ก่อนจะหนีออกจากห้องอาหารโดยเร็ว ความเร็วของรถถูกเร่งขึ้นโดยไม่จำเป็น ไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุยจากคนในรถ ประตูรถถูกปิดอย่างแรงเมื่อถึงบ้านพัก

‘ทำเป็นหวงก้างไปอย่างนั้น ตัวเองก็ไม่ได้คิดจะจริงจังอะไรสักนิด’
คำติฉินมีในใจของคนที่เดินตามหลังเข้าไปในบ้าน ก่อนจะเดินแซงหน้าเขาเพื่อหลบเข้าห้อง เพราะดูจากอารมณ์ของ ‘นายนี่’ แล้วรู้ว่าตัวเองอยู่ในภาวะเสี่ยงไม่น้อยเลย

“คุณจะไปไหน รังเกียจมากเหรอที่จะต้องอยู่ใกล้ ๆ กับผมตามลำพังแบบนี้ หรือว่าเสียดายไอ้ฝรั่งนั่น จนอยากจะกลับไปนั่งให้มันจีบหรือชวนไปต่อไหนต่อไหนอีก”

คำพูดที่เก็บงำมาตั้งแต่ในร้าน สาดไปเป็นชุด ๆ แต่การเตรียมรับของอีกฝ่ายพร้อมอยู่แล้ว จึงได้แต่นิ่งไม่ตอบโต้ เพราะไม่อยากจะเอาเชื้อโยนไปในไฟให้ลุกลามเพิ่มขึ้น แต่ในครั้งนี้ความเงียบกลับกลายเป็นเชื้อไฟได้ดีกว่าคำพูดใด ๆ อีกสำหรับคณิน ดวงตาคู่คมมองไปที่หน้าสวยอย่างขวาง ๆ

“ทำไมไม่ตอบ หรือว่าผมพูดแทงใจดำคุณเข้าให้ เสียดายมากเหรอไอ้นักร้องกับไอ้ฝรั่งนั่น รู้เหรอว่าเบื้องหลังมันเป็นยังไง มันอาจจะไม่สวยงามเหมือนที่คุณเห็นก็ได้ หรือคุณชอบแบบนั้น สมบูรณ์แบบอย่างผมจึงถูกปฏิเสธแทบจะทุกครั้ง หรือว่าคุณอยากจะได้ค่าตัวแพง ๆ เท่าไหร่ก็บอกมาได้นี่ ผมสู้ไม่ถอย”

“คุณคณินกรุณาให้เกียรติฉันด้วยนะคะ อย่าคิดว่าเงินของคุณจะซื้อได้ทุกอย่าง มันอาจจะซื้อผู้หญิงทั้งเมืองได้ แต่ไม่ใช่ฉัน” สิ้นสุดความอดทน เมื่อถูกด่าสาดด้วยคำพูดที่รุนแรง

“ทำไมเงินจะซื้อไม่ได้ก็เคยมาแล้วเห็น ๆ หรือมันไม่พอ แล้วคุณต้องการอะไรล่ะ ความรักเหรอ อย่าพูดให้ผมอยากหัวเราะหน่อยเลย ผู้หญิงที่บูชาความรักมันมีแต่ในนิยายเท่านั้นล่ะ สมัยนี้น่ะเหรอ ต่อให้แก่คราวพ่อแค่ไหน มีเงินให้หน่อยขี้คร้านจะเอาตัวมาประเคนให้ถึงเตียง จะไปไหน! ผมบอกแล้วไงว่าไม่ชอบให้ใครหันหลังให้แบบนี้ ผมอุตส่าห์ละเว้นคุณไว้คนหนึ่งแล้วนะ แต่คุณกลับตอบแทนผม ด้วยการนั่งยั่วไอ้ฝรั่งนั่นคืนนี้ก็อย่าหวังว่าจะรอดเลย มานี่” แขนเล็กแทบจะถูกลากตรงไปห้องโดยเร็ว

“ปล่อยฉันนะ บอกให้ปล่อย” เหมือนรู้ความหมายจากประโยคสุดท้ายที่เขาบอก
“ปล่อยเหรอ! ได้ผมจะปล่อยแต่ไม่ใช่คืนนี้นะ ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธนายคณินได้จำเอาไว้ด้วย”
เหวี่ยงร่างบางไปกองไว้ที่เตรียงก่อนจะตามไปติด ๆ
“ปล่อยนะ คุณมันบ้าฉันเกลียดคุณ บอกให้ปล่อย...”

เสียงห้ามไม่ได้เข้าไปในโสตประสาทการรับฟังของเขาด้วยซ้ำ ร่างใหญ่ทาบทับไปบนร่างบาง ก่อนจะมอบจูบที่รุนแรงให้ ประณาลีเหมือนรู้ชะตาตัวเอง จึงพยายามดิ้นรนให้รอดพ้นกว่าทุก ๆ ครั้ง แรงมีเท่าไหร่ระดมฟาดไปบนหลังที่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างไม่ยั้ง เข่าที่ว่างก็กระดกขึ้นไปฟาดท่อนขาแข็งแรง เท่าที่ตัวเองพอจะมีช่องทาง กระเป๋าอาวุธหลุดจากบ่าตั้งแต่ถูกเขากระชากเข้ามาในห้องแล้ว

คณินรับรู้ว่าอีกฝ่ายฮึดสู้อย่างไม่คิดชีวิตกับการรุกรานในครั้งนี้ แต่มนต์ขลังจากเรือนร่างที่ดิ้นรนกลับกลายเป็นการปลุกเร้าอารมณ์ให้เขาได้เป็นอย่างดี จนยากที่จะยับยั้งได้ จากเรียวปากที่ถูกบดขยี้ตั้งแต่แรก ลงไปหาซอกคอที่หอมกรุ่นด้วยน้ำหอมยี่ห้อแพง มือหนาสอดไปเคล้าคลึงสิ่งที่แอบซ่อนไว้ใต้บรา เนินอกขาวลออถูกจมูกซอกซอนหาความหอม

“ปล่อยฉันนะคุณคณิน ถ้าคุณทำร้ายฉันคืนนี้ ฉันขอสาบานไว้ตรงเลย ว่าพรุ่งนี้คุณจะได้พบแต่ศพของฉันบนเตียงนี้ พร้อมกับตราบาปติดตัวคุณไปตลอดชีวิตแน่ ๆ คุณเคยบอกฉัน ว่าคุณจะไม่ทำอะไรถ้าฉันไม่เต็มใจ ฉันก็ขอบอกคุณตรงนี้เหมือนกันว่า ถ้าคุณข่มเหงจนฉันไม่เหลือศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้หญิง ฉันก็จะทำอย่างที่บอกคุณไปเหมือนกัน ปล่อย บอกให้ปล่อย”

หนทางที่จะต่อต้านด้วยแรงกายริบรี่ลงจนมองไม่เห็น จะมีก็เพียงน้ำตากับชีวิตเท่านั้น ที่พอจะยกมาข่มขู่เขาได้ ไม่แน่ใจสักนิดว่าจะได้ผล แต่ก็ขอลอง
“คุณอย่ามาขู่ผมให้ยากเลยประณาลี ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะฆ่าตัวตายเพราะได้นอนกับผมหรอก ขี้คร้านพรุ่งนี้จะขอร้องอีกไม่ว่า” การรุกรานดำเนินต่อไป

“ก็เอาสิถ้าคุณไม่เชื่อคุณก็ลองดู ผู้ชายอย่างคุณจะไปเห็นค่าอะไร นอกจากจะคอยตักตวงหาความสุข ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าจะยืนอยู่บนความทุกข์ของใครบ้าง ถ้าฉันมีปืนในมือฉันขอลั่นไกจบชีวิตตัวเองเดี๋ยวนี้และตรงนี้ ก่อนที่จะรับรู้ว่าต้องกลายเป็นเครื่องบำเรอความใคร่เพียงชั่วข้ามคืนให้คุณ ถ้าอยากจะเหยียบย่ำทำลายฉันก็เชิญฉันจะไม่ต่อสู้อีกต่อไป เชิญตามสบาย”

น้ำตาที่หลั่งใหลออกมาในตอนนี้ ไม่ได้เสแสร้งแต่อย่างใด เมื่อจินตนาการได้ว่าจะอยู่ในสภาพยังไง หากต้องพลาดพลั้งให้ศัตรูลงไปในตอนนี้ ทั้งตัวเองกับคนร่วมขบวนการ ก็คงจะเจ็บปวดไม่น้อย มันมากพอที่จะทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต ภาพของพ่อกับแม่ที่ต้องทนทุกข์จากการกระทำของศัตรู สร้างความเจ็บปวดให้เป็นที่สุดในตอนนี้

อารมณ์ที่โกรธเมื่อสักครู่แทบมลายหายไป เมื่อน้ำตาที่หลั่งรินอาบลงไปถึงใบหูของคนที่คร่ำครวญร้องขอความเห็นใจ ไม่เคยมีใครปฏิเสธเขาสักครั้ง ตรงข้ามกลับอ้าแขนรับอย่างเต็มใจ บางรายถึงกับยอมทุ่มเงินจ้างให้เขาไปทำงานให้ เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับเขาแม้เพียงเสี้ยวนาที แต่กับผู้หญิงตรงหน้าคนนี้กลับจะยอมปลิดชีวิตตัวเองทิ้ง เพียงแค่ต้องตกมาเป็นของเขา มันอะไรกัน กับคำขู่เข็นที่ประณามเหมือนเขาเป็นคนเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ซะเต็มประดา ‘นี่ในความคิดแม่สาวคนนี้มองฉันเป็นตัวอะไรกันแน่’

“ทำไมประณาลี มันยุ่งยากหรือลำบากมากนักเหรอ กับการที่คุณจะมอบตัวให้กับผม แค่นี้คุณถึงจะเอาชีวิตมาแลกเลยเหรอ ผมมันน่ารังเกียจมากนักรึไงในความคิดคุณ”
ผละจากร่างบางโดยสิ้นเชิง แล้วไปนั่งอยู่ขอบเตียงห่างจากเธอแทบจะเป็นวา ปล่อยให้จัดการกับเสื้อผ้าอย่างอิสระ ทั้ง ๆ ที่น้ำตายังไหลนองหน้าอยู่อย่างนั้น

“ไม่มีใครจะรังเกียจคนอย่างคุณหรอกค่ะ คุณมีทุกอย่างที่ผู้หญิงหลาย ๆ คนใฝ่ฝันหา โดยเฉพาะเงิน คนอื่น ๆ อาจจะรีบอ้าแขนรับคุณเพราะสิ่งนี้ แต่สำหรับฉันไม่ได้บูชาเงินขนาดนั้น ถึงฉันจะจน แต่ฉันก็อยากจะมอบร่างกายและหัวใจให้กับผู้ชายที่ฉันรัก และเขารักฉัน ต้องการฉันจากจิตใจจริง ๆ ไม่ใช่แค่รูปกายเท่านั้น คุณถามตัวเองหรือยังคะ ว่าใจคุณมองและจัดฉันไว้แบบไหน ใช่ประเภทพวกดอกไม้ริมทางอที่คุณเพียงแค่เอาเงินมาฟาดหัวเพื่อจะเด็ดมาเชยชม แล้วก็โยนทิ้งเมื่อยามเบื่อหรือเปล่า

หรือเป็นข้าวของเครื่องใช้ ที่คุณพอใจจะซื้อมาไว้ครอบครองยามอยากได้ แล้วถูกลดระดับลงไปไว้ที่ห้องเก็บของหรือว่าถังขยะ เวลาที่คุณคิดว่าหมดประโยชน์ หรือคุณจะเห็นว่าคนอย่างฉัน เพียงแค่ทุ่มเงินค่าจ้างแพง ๆ ให้ไปสอนรำให้คนงานแค่นั้น ก็แล่นตามคุณไปทุก ๆ ที่รึไงคะ ฉันจะบอกคุณก็ได้ว่าที่ฉันยอมรับค่าจ้างจากคุณ ก็เพราะฉันชื่นชมกับการที่คุณให้ความสนใจด้านนาฏศิลป์ ที่ฉันยอมให้คุณหาเศษหาเลย ก็เพราะคิดว่าคุณก็มีความเป็นสุภาพบุรุษไม่รังแกเพศที่อ่อนแอกว่ามากจนเกินไป

และที่ฉันยอมมากับคุณและอยู่กับคุณจนถึงวันนี้ ก็เพราะว่าฉันสงสารที่เห็นคุณเจ็บไข้ ต่อมาก็สงสารและสำนึกผิดที่ทำกับคุณจนได้รอยเขียวเต็มตัว แต่วันนี้คุณทำลายทุกอย่างในใจฉันจนหมดสิ้นแล้ว ด้วยคำพูดที่ดูถูกฉันเป็นที่สุด พร้อมกับการกระทำที่ไร้ซึ่งความเป็นลูกผู้ชาย คุณอยากครอบครองฉัน แต่คุณไม่เคยสักนิดที่จะศึกษาฉันอย่างถ่องแท้ ไม่เคยมองที่ใจฉันมากไปกว่าเรือนร่าง คุณกลับไปคิดดูเอาเถอะ ว่าที่ฉันพูดมาทั้งหมดนี่มันมีส่วนจริงอยู่บ้างมั้ย ถ้าคุณเห็นว่ามันไม่จริง ฉันจะถือว่าเรื่องคืนนี้มันไม่เคยเกิดขึ้น จะถือว่าเราไม่เคยรู้จักกัน ไม่เคยพบเห็นกันด้วยซ้ำ”

น้ำตาที่บีบออกมาเป็นสาย ส่งให้คนที่ได้แต่นั่งฟังรับรู้ถึงความเจ็บปวด ที่มีให้จากการกระทำของตัว ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องไปอย่างช้า ๆ เพราะมั่นใจเหลือเกิน ว่าเอาศัตรูได้อยู่หมัดแล้ว ‘ขอบคุณพระคุณเจ้าที่ประทานคำพูดต่าง ๆ มาให้ลูกได้เอาตัวรอดกลับมาได้ในคืนนี้’ กระเป๋าที่กองอยู่ถูกหิ้วเข้าห้องไปด้วย ประตูปิดลงอย่างช้า ๆ อยากจะโทรหาพี่แพทเป็นที่สุด แต่ก็ขออาบน้ำให้สบายตัวก่อนจะเป็นการดี

เสร็จสรรพแล้วก็ต่อไปหาคนที่อยากจะคุยด้วย ติดที่อยู่ในอณาเขตของศัตรูจึงไม่อยากจะพูดอะไรมาก ได้แต่บอกบางอย่างกับแพทก่อนจะจบการสนทนาลง ไฟในห้องปิดลงทันทีแต่ประณาลีหาได้ล้มตัวลงนอนไม่ กลับชะเง้อมองตามเจ้าของบ้านที่เดินออกไปนั่งรับลมอยู่เก้าอี้ใกล้ ๆ ชายหาดเพียงลำพัง ในมือก็มีแก้วและขวดติดไปด้วย

“จำไว้นะนายคณิน ต่อให้นายแน่มาจากไหนก็ตาม สุดท้ายนายจะต้องพ่ายแพ้กับมารยาของเพศแม่ ที่มีมากกว่าร้อยเล่มเกวียน ถ้าคนอย่างฉันเอาชนะใจนายไม่ได้ ชาตินี้ทั้งชาตินายก็อย่าหวัง ว่าจะได้ผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบไปเป็นแม่ของลูกเลย”

สีหน้าที่จับจ้องไปยังศัตรูเหมือนเกลียดชังมาแต่ปางไหน หากคนข้างนอกเห็นคงจะไม่กล้าเข้าใกล้ หญิงสาวเฝ้าดูคนที่กรอกเหล้าเข้าปากอย่างช้า ๆ จนรู้สึกง่วงจึงหนีไปนอนเอาแรง เพื่อต่อสู้กับวันใหม่จะดีกว่า







 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2552
0 comments
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2552 7:43:18 น.
Counter : 413 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.