Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
2 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

ธารลาวา ๑๓ (ธัญรัตน์)




ตอน ๑๓

ห้องสอนรำออกจะครึกครื้นไม่น้อย เมื่อการเรียนก้าวสู่กลางสัปดาห์ที่สาม นักเรียนกับครูสาวต่างสนิทสนมกันมากขึ้น จะเห็นได้จากนักเรียนกล้าถามโน่นถามนี่กับครู ทั้งเรื่องรำและเรื่องส่วนตัว ครูสาวให้คำแนะนำในทุกเรื่อง ที่เกี่ยวกับนาฏศิลป์ หากเป็นเรื่องส่วนตัว นักเรียนก็จะได้แต่รอยยิ้มแทนแทบจะทุกคำถาม ความกลุ้มใจที่ยังไม่สามารถสานต่อความสัมพันธ์กับศัตรู มีในใจไม่น้อยหากจำต้องเก็บซ่อนเอาไว้ให้มิดชิด

เจ้าของบริษัทพาใบหน้าคมเข้ม เข้ามายืนกอดอกดูในห้องเรียนแทบจะทุกเย็นรวมทั้งวันนี้ด้วย หากที่ผ่านมาครูสาวก็ต้องผิดหวังแทบทุกเย็นเช่นกัน เพราะเขาจะดูอยู่พัก ๆ แล้วก็ออกจากห้องไป ถึงเวลาสอนเสร็จ ความหวังที่จะเห็นเขายืนรออยู่ในห้องพักก็หมดไปเช่นกัน ทั้งห้องว่างเปล่า แหม่มทำหน้าที่ยืนยงอยู่เป็นเพื่อน พร้อมขับรถไปส่งให้ทุกคืน ในใจอดยิ้มไม่ได้ เมื่อประณาลียังรับรู้ว่า ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นนายจ้างยังคงยืนกอดอกจ้องมองมายังเธอ ‘เขาอาจจะไม่ได้ไปไหนก็ได้’ นั่นคือสิ่งที่คิดและหวัง

แต่ความคิดก็พังครืนลงไม่เป็นท่า เมื่อจู่ ๆ แหม่มก็เดินเข้ามาในห้องโดยมีสาวสวยอีกคนเดินตามมาด้วย ไม่ได้หันไปมองตรง ๆ แต่ก็พอสรุปได้ด้วยหางตาว่านี่คงจะเป็นคู่ขาคนใหม่ของศัตรูแน่ มือบางขาวสอดไปเกี่ยวแขนผู้ที่ยืนกอดอกอย่างตั้งใจ เมื่อเจ้าของมือเห็นว่า สายตาของว่าที่คู่ควงจะจับจ้องไปยังสาว ๆ ในห้องแทบไม่กระพริบ แม้เขาจะหันมาทักทายเธอแล้วก็ตาม

“คุณณินช่วยไปส่งวิหน่อยนะคะ คนรถรีบไปรับคุณแม่ วิเลยบอกว่าไม่ต้องวกกลับมารับ เดี๋ยวจะนั่งแท็กซี่กลับเอง”
วิชุดาไม่คิดว่าเขาจะเชื่อในเหตุผล แต่นี่ก็เป็นวิธีที่เคยใช้ได้ผลกับหนุ่ม ๆ หลาย ๆ คนที่เป็นที่ต้องใจของเธอ อย่างเช่นคณินที่ตอนนี้เธอกำลังเห่อ จนต้องเอาการตกแต่งคอนโดฯ เข้ามาเป็นเหตุให้ได้รู้จักและใกล้ชิดเขา แม้งานตอนนี้เขาจะโอนให้ฝ่ายตกแต่งภายในไปดำเนินการแล้วก็ตาม แต่สาวมั่นอย่างวิชุดาก็ยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ ไม่ยอมห่าง

“ได้ครับ”
คำตอบสั้น ๆ ทำให้สาวมั่นถึงกับยิ้มอย่างคนมีชัย คณินเปรียบเสมือนหนังสือเล่มใหม่ ที่ยังไม่ถูกเปิดอ่านสำหรับสาวคนนี้ เพียงแค่เห็นปกที่งดงาม รูปเล่มที่เย้ายวน ก็ดึงดูดให้ชวนอ่านเนื้อในไม่น้อยเลย และเจ้าของมือขาวก็สัญญากับตัวเองว่า อีกไม่นาน คงจะได้รู้สักที ว่าเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้จะจืดชืด หรือ สนุกสนานมากแค่ไหน มากพอที่จะเก็บไว้อ่านซ้ำ ๆ หรือจะต้องโยนลงถังขยะเพียงแค่อ่านจบในครั้งแรกกันแน่

“ไปกันหรือยังคะ และเพื่อเป็นการตอบแทน ขอวิเลี้ยงข้าวคุณณินสักมื้อนะคะ”
มือขาวรั้งเอาแขนแข็งแรงออกไปจากห้องโดยเร็ว เพราะไม่ชอบใจในสายตา ที่เขามองไปหาครูหน้าจืดที่สอนรำอยู่ในห้อง แหม่มได้แต่ส่ายหน้าน้อย ๆ ที่เห็นเจ้านายถูกหิ้วออกไปอีกแล้ว ‘เฮ้อ คนหล่อ รวย ก็มีแต่สาว ๆ มารุมตอม’ แหม่มได้แต่บ่นอยู่ในใจ ก่อนจะหันไปมองเจ้าของโจงกระเบน ที่เดินวนอยู่รอบ ๆ นักเรียนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ยิ้มเพียงมุมปากส่งไปให้แหม่มที่มายืนดู แต่ก็กลับไปให้ความสนใจกับนักเรียนต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ในใจจะผิดหวังอยู่บ้าง ที่เป้าหมายถูกสาวสวยลากไปแล้วก็ตาม เวลาอีกไม่ถึงสองอาทิตย์ที่เหลือ ชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าจะมีโอกาสได้อยู่ใกล้เป้าหมายสักกี่ครั้งกัน ‘เล่นกับนายคณินนี่ ไม่หมูเหมือนน้องกับพี่เขยเลยจริง ๆ’ ในใจบ่น แต่ก็ต้องรีบสลัดทิ้ง เมื่อนักเรียนอยู่ตรงหน้ายืนรออยู่

การสอนเสร็จสิ้นตามเวลา เมื่อไม่มีคำสั่งจากเจ้าของเงินว่าให้เลิกเร็วกว่าหลาย ๆ วัน ครูสาวทิ้งแหม่มให้นั่งรอได้สักพักแล้ว ตั้งใจว่าจะอาบน้ำที่นี่ให้เสร็จสรรพ กลับไปที่คอนโดฯ จะได้เข้านอนเลย ในใจก็นับชั่วโมงทำงานของตัวเองไปด้วย ช่วงปิดเทอมเป็นช่วงทำเงินเช่นกัน จำนวนชั่วโมงทำงานจึงยาวกว่าปกติ ร่างในชุดผ้าซิ่นกับเสื้อกล้าม ออกมาจากห้องน้ำแล้ว แต่ผมยาวสลวยถูกโพกไว้ด้วยผ้าขนหนู ก่อนจะเดินมาเอาไดร์เป่าที่หน้ากระจกอย่างสบายใจ ไม่เห็นแหม่มนั่งอ่านหนังสือรอเหมือนหลาย ๆ วัน แต่ก็ไม่ได้สะกิดใจสักเท่าไหร่ เพราะบ่อยครั้งที่แหม่มจะเดินออกไปข้างนอก แล้วจะกลับเข้ามาเวลาที่เธอพร้อมกลับบ้าน

ผมที่แห้งถูกหวีซ้ำอีกครั้ง แล้วก็ปล่อยเอาไว้ไม่ได้รวบเหมือนทุกวัน ใบหน้าขาวผาดผ่องก็ถูกปล่อยเอาไว้ให้ห่างเครื่องสำอางค์ทุกชนิด เมื่อถึงคอนโดฯ ก็จะล้างซ้ำ ก่อนจะลงครีมบำรุงผิวแค่นั้น ประตูห้องเปิดออกหากผู้อยู่ด้านในไม่ได้หันไปมอง เพราะเข้าใจว่าคงจะเป็นแหม่มมากว่าใคร แต่เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ทำให้ต้องละมือจากขวดโลชั่นแล้วหันไปมอง ก็เห็นเจ้าของห้องเดินเข้ามาในมือก็มีถุงอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด

ตกใจอยู่บ้างแต่ก็สามารถควบคุมตัวเองได้ ก่อนจะลุกเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อสำรวจตัวเอง เครื่องสำอางค์จำต้องล้วงจากกระเป๋าขึ้นมาใช้ ในใจก็ให้โกรธนักเพราะ ทำใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่ได้เจอเขาอีก เมื่อสำรวจว่าตัวเองดูดี แล้วจึงออกมาเผชิญหน้ากับเขาโดยไม่หวาดหวั่น

“ผมซื้อข้าวมาเผื่อคุณด้วย เราจะกินที่นี่ก่อน แล้วผมจะไปส่งคุณ”
ฟังดูเหมือนเป็นคำสั่งมากกว่าการบอกเล่าธรรมดา ๆ ความไม่พอใจในตัวเขาเพิ่มระดับขึ้นมาอีกขั้น

“แล้วนี่เขาไม่ไปกินกับแม่สาวหน้าสวย ที่มาลากไปตั้งแต่เย็นหรือยังไง ถึงได้กลับเข้ามาอ่านป่านนี้ หรือว่าจะไปออกคำสั่งกับสาวเจ้ามากเกินไปจนถูกทิ้ง ต้องหอบข้าวมาหาเพื่อนกินเอาแถวนี้”

ความคิดที่ว่าตัวเองเป็นของตาย เป็นทางเลือกสุดท้าย ที่เขาจะกลับมาหาแล่นเข้าหัวในบัดนั้น ถึงอยากจะสานต่อความสัมพันธ์มากแค่ไหน แต่ถ้าลองได้จัดระดับประณาลีเอาไว้เป็นแค่ ‘ไก่รองบ่อน’ แล้วละก็ ไม่มีทาง

“วันนี้ฉันมีธุระค่ะ คงจะต้องขอตัว ถ้าคุณไม่สะดวกไปส่ง ดิฉันก็กลับเองได้ค่ะ”
ไวเท่าความคิด คำปฏิเสธแบบนุ่มนวลก็เปล่งออกไป พร้อมข้าวของหน้าตู้กระจก ก็ถูกเก็บลงกระเป๋าสะพาย
“รบกวนช่วยเปิดประตูให้ฉันทีค่ะ” รู้ว่าเจ้าของห้องไม่พอใจ กับคำปฏิเสธ แต่ก็จำต้องใจเย็น และใช้คำพูดที่เรียบและสุภาพเพื่อเป็นการขอให้เขาช่วยทำในสิ่งที่ต้องการ

“ผมจะเปิดก็ต่อเมื่อคุณกินข้าวกับผมอิ่มเท่านั้น คงไม่ต้องให้บอกนะ ว่าการละเมิดสัญญาจะมีผลตามมายังไง”
น้ำเสียงออกจะจริงจังกว่าหลาย ๆ ครั้ง ที่อีกฝ่ายเคยได้ยินมา จะไม่ให้จริงจังได้ยังไงกัน ก็กว่าที่เขาจะเอาตัวรอดมาจากสาวมั่น ที่จ้องจะขย่ำแทบทุกย่างก้าวได้ก็แทบแย่ อุตส่าห์กินข้าวแค่นิดเดียว เพื่อเหลือพื้นที่ว่างในท้องเอาไว้ให้มากินกับอีกคนได้ ไหนจะต้องไปนั่งรออาหารที่สั่งจากร้านหรู ๆ อีกเกือบชั่วโมงหอบมาเต็มมือ แต่กลับเข้ามาก็ดันเจอใบหน้าที่เฉยเมยแบบนี้เข้า คนอย่างคณินมีหรือจะชอบใจ

“ฉันบอกแล้วค่ะว่ามีธุระ ถ้าคุณอยากจะให้ฉันกินด้วย คุณก็ควรจะบอกล่วงหน้าบ้างนะคะอย่างน้อย ๆ สักชั่วโมงก็ยังดี ไม่ใช่คิดจะทำอะไร เมื่อไหร่ ยังไงก็จะทำได้ ฉันไม่ใช่ ‘เซเว่นอีเลฟเว่น’ นะคะ จะได้เปิดรอคุณยี่สิบสี่ชั่วโมง คิดจะไปจะมาตอนไหนก็ได้ ฉันเองไม่ได้รู้จักคุณแค่คนเดียว ก็ต้องมีนัดกับคนอื่นบ้าง”

คำพูดเรียบ ๆ กับใบหน้าเฉยเมย ยั่วอารมณ์ขุ่น ๆ ของอีกฝ่ายได้ดีทีเดียว จึงต้องละจากถุงอาหาร ที่ตั้งใจจะเปิดใส่ชามแล้วอุ่นเดินตรงมาหาผู้ที่ยืนใกล้กับประตู

“ไอ้คนอื่นที่คุณว่านี่ คงไม่ใช่ผู้ชายหรอกนะประณาลี คุณอาจจะไม่รู้ว่ามีผู้หญิงไม่กี่คนนักหรอก ที่จะได้เข้ามายืนอยู่ในห้องนี้ และได้รับเกียรติจากผม โดยการหอบหิ้วอาหารมาวางตรงหน้าแบบนี้ ฉะนั้นผมขอแนะนำ ว่าคุณไม่ควรจะทิ้งโอกาสทองแบบนี้ไปง่าย ๆ เพราะอาจจะหามันไม่ได้อีกแล้วก็ได้”

สีหน้าที่ดุขึ้นกับคำพูดที่เน้นเสียงหนักกว่าหลาย ๆ ครั้ง ทำให้รู้ว่าเขาไม่พอใจมาก แต่กับความหมายโดยนัยของเขา ทำให้อดไม่ได้ที่จะคิดว่าเขาสั่งให้เธอรีบ ๆ เอาตัวไปประเคนให้ เพราะโอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่มีบ่อยนัก

“หึ! พวกคนมีเงิน คงจะคิดว่าตัวเองเลิศเลอซะเต็มประดา จนต้องมีแต่คนคอยหอบตัวเอามาประเคนให้ถึงเตียงล่ะสิ แต่ต้องไม่ใช่ฉัน ถ้าจะเอานายให้อยู่หมัด โดยการยอมประเคนตัวให้ล่ะก็ ฉันมีวิธีอืนไว้สำหรับเชือดพวกนายอยู่แล้ว”

“ฉันให้เหตุผลกับคุณแล้วค่ะ ต้องขอโทษมาก ๆ นะคะ แต่วันนี้มีนัดจริง ๆ อีกอย่างนะคะ ฉันไม่ชอบให้ใครมาออกคำสั่ง รบกวนช่วยเปิดประตูให้ด้วยค่ะ” สิ้นคำร่างในผ้าซิ่นก็หันหลังให้ก้าวไปใกล้ประตูอีก แต่ก็ต้องหันกลับมาแทบจะทันที เมื่อแขนเล็ก ๆ ถูกฉุดให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา

“ผมก็ขอบอกไว้อีกอย่าง ว่าผมไม่ชอบให้ใครหันหลังและเดินจากไปแบบนี้ ทำไมเหรอ การจะกินข้าวกับผมแค่นี้คุณมีปัญหาอะไรนัก หรือคุณไม่อยากจะกินข้าว แต่อยากทำอย่างอื่น อ้อ! ใช่สิผมลืมไป” ยิ้มเหยียดมองไปยังเจ้าหน้านวล

“คุณคณิน! กรุณาให้เกียรติกันด้วยนะคะ อย่าคิดว่ามีเงินแล้วคุณจะซื้ออะไรก็ได้นะ ปล่อยฉันจะกลับ เปิดประตูให้ฉันด้วย ถ้าคุณอยากจะปรับ ที่ฉันขัดขืนคำสั่งของคุณก็เชิญ วันนี้ฉันจะถือว่าเป็นวันสุดท้ายของการทำงาน”
แม้จะสบัดแค่ไหน ก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้ แขนแข็งแรงตวัดเพียงนิด ร่างกลมกลึงก็ถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างง่ายดาย

“ปล่อยฉันนะ ปล่อย....”
ประโยคที่ต้องการพูดไม่ทันได้เปล่งออกมา ปากอิ่มก็ถูกปิดลงอย่างดุดัน กำปั้นขวาที่ว่างกระหน่ำทุบไปที่ไหล่อย่างไม่ยั้ง นี่คือสิ่งที่ทำให้เจ้าของปากอิ่มโกรธเป็นที่สุด เพราะไม่สามารถควบคุมเกมได้ มิหนำซ้ำยังต้องมาคอยรับเกมจากการรุก ที่ไม่มีสัญญาณให้เธอได้ตั้งตัวอีก

เพี๊ยะ

ฝ่ามือเล็กฟาดลงไปที่หน้าคมอย่างแรง เมื่อเขาละจากเรียวปาก นี่เป็นฉาดที่สามที่ถูกตบ ตั้งแต่รู้จักกับแม่เสือยิ้มยากคนนี้ ความคิดที่แค่จะสั่งสอนคนปากกล้า ที่บังอาจมาต่อปากต่อคำเขา กับจูบนิด ๆ หน่อย ๆ กลับผันเปลี่ยนไป เมื่อร่างบางสลัดตัวออกจากวงแขนได้แล้ว

“ผมเคยบอกคุณแล้วใช่มั้ย ว่าไม่มีใครกล้าทำกับผมแบบนี้ และก็ไม่มีใครที่ทำแล้วจะไม่ได้ของฝากกลับไปแบบนี้”
วงแขนแข็งแรงคว้าเข้าที่เอวคอด ตวัดกลับเข้ามาปะทะอกแข็งแรงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

“ปล่อยฉันนะ ปล่อย...”

อีกเช่นเคย ที่ประโยคถูกตัดทอนด้วยริมฝีปางบางอบอุ่น ประกบลงอีกครั้ง ทว่าดุดัน หนักหน่วง และดูดดื่มกว่าครั้งแรก กำปั้นทุบไปที่ไหล่ ถูกแขนซ้ายแข็งแรงยึดไว้อย่างแน่นหนา ร่างกลมกลึงที่ดิ้นหนีการกอดรัด ทำให้วงแขนต้องเพิ่มแรงรั้งให้แนบกับอกกว้างมากขึ้นกว่าเดิม วินาทีนั้นเองที่ครูสาวได้คิดว่า ไม้แข็งคงจะใช้ไม่ได้กับเขา ในบางกรณีอย่างเช่นตอนนี้ การดิ้นรนต่อสู้ปฏิเสธสัมผัสจากเขา จึงสิ้นสุดลง ปล่อยให้เขาครอบครองเรียวปากอวบอิ่มอยู่อย่างนั้น จนสาแกใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ต่อสู้ขัดขืนความโกรธก็ถดถ่อยลงมาได้บ้าง บวกกับความพึงพอใจ ที่ได้ลิ้มลองรสหวานจากเรียวปาก อย่างที่ตั้งใจเอาไว้แล้ว

รู้สึกเสียดาย แต่ก็ยอมถอนริมฝีปากออก เหลือเพียงแค่จ้องมองหน้า ที่เดาไม่ถูกว่ามีความรู้สึกต่อการกระทำในครั้งนี้ของเขายังไง หนึ่งในนั้น คงจะต้องมีความโกรธเคืองอยู่เป็นแน่ หากแต่ถูกเก็บซ่อนไว้ในใบหน้าขาว ที่ตอนนี้เป็นระเรื่อขึ้น เมื่อเจ้าของวงแขนเดาได้ว่าคงจะด้วยความอายกระมัง ‘ผู้หญิงนะผู้หญิง’ ไม่ว่าจะเก่งกาจสามารถแค่ไหน ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อสัมผัสจากบุรุษเพศแทบทั้งนั้น แม้ชัยชนะในครั้งนี้ จะได้มาโดยใช้กำลังข่มขู่ แต่เจ้าของห้องมั่นใจว่า จะทำให้แม่เสือยิ้มยากคนนี้เต็มใจให้ได้ในที่สุด

“ปล่อยค่ะ”
เมื่อเรียวปากได้รับอิสระ แต่ร่างยังถูกรั้งไปแนบอกอยู่ มือสองข้างจึงถือโอกาสผลักร่างที่ใหญ่กว่าตัวเองมาก เพื่อหมายจะหลุดพ้นจากสายตาที่จับจ้องมายังตัวเอง

“ผมจะปล่อยก็ต่อเมื่อ คุณตอบตกลงว่าจะนั่งกินข้าวกับผมที่นี่ก่อนเท่านั้น”
น้ำเสียงที่ดุดันเมื่อครู่ กลับกลายมาเป็นเย้าแหย่ในที่สุด
“ก็ในเมื่อคุณไม่เปิดประตู แล้วฉันจะไปไหนได้ล่ะคะ”
ประชดประชัน แบ่งรับแบ่งสู้ หาใครเกินแม่เสือยิ้มยากเห็นจะไม่มีในความรู้สึกเขา แต่เอาเหอะ วันนี้เขาจะรุกแค่นี้ก่อน ปล่อยให้เม่เสือตายใจอีกสักหน่อยคงจะดี

“ผมจะไปอาบน้ำ ฝากคุณอุ่นอาหารด้วยนะ ถ้วยชามอยู่ในตู้ เสร็จแล้วผมจะออกมาช่วยจัดโต๊ะ”
จู่ ๆ วงแขนแข็งแรงก็ละออกห่าง แต่ไม่วายหันมาสั่ง ก่อนที่หายเข้าไปในห้องน้ำ ประณาลีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ๆ ในสวัสดิภาพของตัวเอง นี่คือข้อเสียเปรียบของการเป็นเพศหญิง ไม่ว่าคิดจะไปทำร้ายฝ่ายชายยังไง สุดท้ายก็ต้องยอมต่อแรงกายของเพศตรงข้ามอยู่ดี

กระเป๋าสะพายที่เต็มไปด้วยเครื่องป้องกันตัว ในยามคับขันถูกวางไว้ที่ชุดรับแขก อาหารในกล่องถูกลำเลียงไปใส่ไมโครเวฟอย่างคล่องแคล่ว ประตูห้องน้ำเปิดออก พร้อมกับร่างที่มีเพียงผ้าขนหนูหุ้มท่อนล่างเอาไว้เช่นเคย ผู้ที่วนอยู่ในครัวจำต้องหันหลังให้ทันที ‘ทำไมไม่แก้ผ้าออกมาซะเลยนะ พวกชอบอวด’ ในใจอดว่าสาดไม่ได้ ยิ้มกว้าง ๆ ของเจ้าของห้องที่มีตอนนี้ อีกฝ่ายคงไม่มีวันได้เห็น ถ้ามัวแต่หันหลังให้แบบนี้ ได้แกล้งเธอนิด ๆ หน่อย ๆ แค่นี้ก็ดีใจแทบแย่

“จัดโต๊ะสวยนี่คุณ”

ผ้าขนหนูในมือเช็ดผมไป สายตาก็สำรวจโต๊ะอาหารไป แสดงว่าแม่เสือคนนี้ ก็พอรู้งานครัวบ้าง สังเกตุได้จากการจัดวางช้อนจานชาม แก้วน้ำแล้วอยู่ถูกที่ถูกทางอย่างสมบูรณ์ ผ้าขนหนูถูกพาดไว้ที่พนักเก้าอี้ ตัวที่เขานั่งอย่างนั้น ผมที่ยังมาด ๆ ถูกเสยไปด้านหลังโดยไม่ต้องหวี มือหนาผายเชิญแม่เสือให้นั่งลงอย่างสุภาพบุรุษ กระเดียดไปทางล้อเลียนมากกว่า แต่อีกฝ่ายก็ยอมทำตามแต่โดยดี เพราะอยากจะออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

เมื่ออิ่มจากอาหารกันแล้ว เจ้าของห้องก็ทำตามคำพูดคือไปส่งเธอที่คอนโดฯ แล้วก็เช่นเคย ที่เขาต้องตามขึ้นมาส่งถึงหน้าประตู ถึงเจ้าของเสื้อกล้ามจะบอกเป็นเชิงปฏิเสธยังไง แต่เมื่อ ‘นายคณิน’ ต้องการแล้ว ไม่มีใครขัดได้ ความอยากจะแกล้งก็มีอยู่บ้าง แต่ห่วงว่าระหว่างทางจากที่จอดรถขึ้นไปห้อง อาจจะมีพวกโรคจิตคอยดักไต่ตอมก็มีไม่น้อยเช่นกัน ทำให้เขาต้องตามขึ้นมาด้วย

“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
การ์ดในมือถูกชูขึ้นให้รับรู้ว่า ‘ฉันจะเข้าห้องแล้วนายควรจะกลับซะ’ หากหน้าคมเข้มยังคงยืนกอดอก คิ้วอีกข้างกระดกขึ้น สายตาก็เหล่ไปตรงประตู้เป็นสัญญาณให้รู้ว่า เธอจะต้องเปิดประตูเข้าไปให้เรียบร้อยก่อน เขาถึงจะยอมจากไป เจ้าของการ์ดลอบถอนหายใจน้อย ๆ ก่อนจะเปิดประตู

“ผมอยากดื่มกาแฟ”
จู่ ๆ เขาก็ใช้มือผลักประตู พร้อมจะพาตัวเองเดินเข้าห้องไปหน้าตาเฉย แต่เจ้าของผ้าซิ่นไม่ยอมเด็ดขาด วันนี้ห้องไม่พร้อมที่จะต้อนรับแขก โดยเฉพาะศัตรูอย่างเขา มือขาวสองข้างจึงดึงรั้งแขนเขาให้ออกห่างจากประตูเต็มที่ จนร่างใหญ่ถึงกับถลาออกมาทีเดียว ก่อนจะบอกปฏิเสธออกไปในทันที

“ไม่ได้นะคะวันนี้ฉันไม่พร้อมที่จะต้อนรับแขก”
“งั้นคุณก็พร้อมที่จะขอบคุณแขก ที่มาส่งคุณถึงหน้าประตูสินะ”
เห็นท่าทีของเจ้าของห้องปฏิเสธแข็งขันขนาดนี้ เขาก็ไม่อยากจะขัดใจ หากยังอยากแกล้งให้เจ็บใจเล่น ๆ อีกหน่อย
“ฉันขอบคุณ คุณแล้วไงคะ” น้ำเสียงที่ออกอาการเหลืออด ถูกเปล่งออกมา

“ไม่ใช่แบบนั้น ต้องแบบนี้ต่างหาก” สิ้นเสียง เจ้าของเสื้อกล้ามก็ปลิวตามแรงรั้งไปอยู่ในอ้อมอกอีกครั้ง ก่อนแก้มบุ๋มจะถูกจมูกโด่งก้มลงไปสูดดมอย่างแรงทั้งสองข้าง

“กู๊ดไนท์ครับคุณครู”

อีกเช่นเคย ‘แขก’ ที่เจ้าของห้องไม่อยากจะเชิญ ต้องรีบพาตัวเองเดินหนีไปโดยเร็ว ปล่อยให้เจ้าของหน้าขาวมองตามหลังด้วยสายตาเจ็บแค้น ประตูห้องเปิดและปิดดัง ‘ปัง’ ในเวลาไล่เลี่ยกัน น้ำดูเหมือนจะเป็นสิ่งแรก ที่ผู้กักเก็บความแค้นเรียกหา แต่ก็อีกเช่นเคย ที่ได้คิดว่าไม่มีประโยชน์ ที่จะไปซะล้างสัมผัสของศัตรูออกได้ ประตูห้องน้ำเปิดออก พร้อมกับเสื้อคลุมตัวหนาผูกเอวหลวม ๆ เอาไว้ ระเบียงที่สามารถมองเห็นดวงไฟนับร้อยดวง ที่ส่องสว่างอยู่ทั่วเมือง มักทำให้อารมณ์ขุ่นมัวคลายลงไปเล็กน้อย คิดทบทวนถึงเหตุการณ์วันนี้แล้ว ก็ให้เจ็บใจที่ทำอะไรให้กับตัวเองได้ไม่มากนัก

“นายอาจจะคิดว่าชนะฉันในตอนนี้ ได้! ฉันจะยอมเป็นฝ่ายแพ้ให้นายได้ใจไปก่อน เอาไว้ให้ถึงตอนที่ฉันชนะพวกนายก่อนก็แล้วกัน พวกนายจะได้ลิ้มลองความพ่ายแพ้กันถ้วนหน้า ทีนี้จะได้รู้ซักทีว่ามันมีรสชาติยังไง”

คำพูดที่หนักแน่น สายตาที่มั่นคง เด็ดเดี่ยวทว่าแฝงความชิงชังเอาไว้ล้นเปี่ยมในตอนนี้ หากผู้ที่เพิ่งจากไปได้มาเห็น คงจะไม่อยู่ในอารมณ์ ที่จะเย้าแหย่แม่เสือได้เป็นแน่ มิหนำซ้ำเขายังจะต้องรีบค้นหาต้นเหตุแห่งความชิงชัง ให้แจ่มแจ้งว่ามาจากไหน และเพราะอะไร

โต๊ะอาหารใหญ่หรูหรา ถูกจัดไว้รอท่าสมาชิกในบ้านในเวลา ๗.๓๐ น. ร่างผึ่งผายกับสูทสีกรมท่า ที่ตัวเสื้อพาดไว้ที่แขนเดินแกมวิ่งลงมาตามบันได เสียงเพลงที่เกิดจากการผิวปาก ทำให้ผู้เป็นแม่ถึงกับละสายตาจากหนังสือพิพม์ หันไปทางต้นเสียง ยิ้มเชิงล้อเชิงเอ็นดูในตัวลูกชายคนโต ทำให้เสียงเพลงเงียบไป เมื่อเขาเดินมาถึงโต๊ะอาหาร

“อารมณ์ดีแต่เช้าเชียวนะลูกแม่ แบบนี้แปลว่าจะมีข่าวดี ๆ ให้แม่ได้แล้วใช่มั้ย”
รู้ว่าความหมายของแม่ว่าคืออะไร หากยิ้มกว้างก็ส่งออกไป เป็นเพียงคำตอบ ก่อนที่ตัวจะนั่งลงข้าง ๆ หน้าคมเกลี้ยงเกลาพยักเล็กน้อย เป็นการให้สัญญาณบัว ที่รอเสิร์ฟอาหารให้อยู่ก่อนแล้ว

“ทำไมไม่ตอบแม่ล่ะณิน ใจจริงจะให้แม่ตาย ก่อนจะได้เป็นย่าหรือยังไงลูก”
คำถามที่ออกไปในทางประชด หากไม่ได้มีความจริงจังมานัก จนลูกเดาได้ว่าไม่ตอบอีกสักครั้ง แม่ก็ไม่ว่าอะไร

“โธ่! คุณแม่จะไปถามพี่ณินทำไมกันคะ รายนี้ถ้าไม่มีนางฟ้าตกจากสวรรค์ลงมาจุติเป็นมนุษย์ คงไม่ยอมสละโสดหรอกค่ะ ใครจะไปอยากหาห่วงมาผูกคอกันคะ สู้โปรยเสน่ห์ให้สาวแก่ แม่หม้ายได้ลุ่มหลงไปวัน ๆ เท่ห์กว่ากันเยอะเลย”
ฝ่ายสมทบส่งเสียงมาตั้งแต่ที่ตัวยังเดินไม่พ้นบันไดด้วยซ้ำ พี่เมื่อถูกน้องคนเล็กเหน็บ รีบเงยหน้าไปมองตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะส่งสายตาเขียวปัดให้ พร้อมคำบริภาษ

“ยายญา! นี่จะแต่งตัวไปเรียนหนังสือ หรือว่าจะแต่งไปล่อเสื้อล่อตะเข้ที่ไหน ดูสิกระโปรงทั้งสั้นทั้งฟิดเปี๊ยะ เสื้อก็รัดจนเกินเหตุ ถ้าวันไหนเราเป็นหวัด แล้วไปเผลอจามต่อหน้าคนเข้า กระดุมไม่หลุดออกเป็นแถบ ๆ เลยเหรอ กลับไปเปลี่ยนใหม่เดี๋ยวนี้ พี่ไม่ชอบ เป็นสาวเป็นแส้แล้วนะไม่ใช่เด็ก ๆ”

น้ำเสียงที่ดุกับสายตาแบบนี้ ทำเอาญาณินหัวใจหล่นวูบ แต่ก็ยังไม่ยอมทำตามพี่ชาย อุตส่าห์ดันทุรังนั่งลงอย่างนั้น เพราะคิดว่าพี่ก็แค่บ่น ๆ อีกหน่อยก็ลืม แถมมองไปหาแม่ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเห็นผิดในตัวเองเลยสักนิด จึงกล้าต่อปากต่อคำกับพี่ได้

“พี่ณินคะ สมัยนี้เขาก็ใส่กันอย่างนี้ทั้งนั้นล่ะค่ะ ขืนใส่ยาว ๆ หลวม ๆ ก็เชยแย่สิคะ”
“ถ้ายังอยากให้บัตรเครดิตรูดผ่าน ก็ทำตามที่พี่บอกเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นจะอดไปทั้งเดือน ใครก็ช่วยไม่ได้”
ความที่เห็นโลกมามาก กับการที่เห็นผู้หญิงแต่งตัวล่อแหลม มันดึงดูดใจเพศตรงข้ามได้แค่ไหน ก็ทำให้เขาห่วงในตัวน้องมากแค่นั้น

“พี่ณินอ่ะ! ชอบเอาเรื่องนี้มาขู่เรื่อย คอยดูนะถ้าญาทำงานหาเงินเองได้เมื่อไหร่ จะไม่ง้อเลย”
ถึงไม่ชอบใจในคำสั่งพี่แค่ไหน แต่ก็จำยอมทำตามด้วยโทษทัณฑ์ที่พี่คาดเอาไว้ มันรุนแรงเกินกว่าจะฝ่าฝืนได้ สีหน้าบึ้งตึงเมื่อสักครู่ กลับเป็นยิ้มออกมาแทน เมื่อร่างในชุดนักศึกษาเดินลงส้นเท้าหนัก ๆ ขึ้นไปตามบันได อัมพรหันมายิ้มร่าให้ลูกชายอย่างถูกใจ เพราะบ่อยครั้งที่เตือนลูกสาว แต่มักไม่ได้ผล ดั่งเช่นคำขู่ของผู้ที่มีอำนาจทางการเงินสูงสุดของบ้าน

“แม่เตือนจนเบื่อแล้วล่ะลูก ดีจริงที่ณินพูดแล้วน้องยอมทำตาม”
“ยอมเพราะกลัวจะโดนยึดบัตรไม่ว่าครับคุณแม่ งั้นผมไปก่อนนะครับ แล้วเจอกันเย็น ๆ”

ดึงสูทไปพาดไว้ที่แขนแล้วเดินอาด ๆ ไป ก่อนที่จะถูกแม่ซักถามมากกว่านี้ คิด ๆ แล้วก็นึกขอบใจแม่น้องสาวตัวดีอยู่ไม่น้อย ที่ลงมาได้จังหวะพอดิบพอดี จนทำให้แม่ลืมเรื่องความอยากเป็นย่าไปซะสนิทใจเชียว นทียืนเปิดประตูรอท่าอย่างเช่นทุกวัน หนังสือพิมพ์หลายฉบับในรถ ถูกเขาหยิบขึ้นมาอ่าน เป็นการฆ่าเวลาจากบ้านไปที่ทำงาน แถมบางครั้งก็จะอ่านเวลาไปหาลูกค้าข้างนอกเช่นกัน เมื่อถึงออฟฟิศเขาจึงสามารถเริ่มทำงานได้ทันที กระนั้นโทรทัศน์ในห้อง ก็ยังเปิดช่องที่รายงานข่าวตลอดวันไว้ให้ได้ใช้งานหู ที่ธรรมชาติสร้างมาไว้เพื่อให้ฟังจริง ๆ

“วันนี้คุณณินมีนัดกับบริษัทเอเอพร็อพเพอร์ตี้ตอนสิบโมง สิบเอ็ดโมงนัดกับคุณปีเตอร์ที่โครงการค่ะ ช่วงบ่ายว่างคุณบรรพตเลยถามว่า จะไปตรวจงานที่ระยองด้วยหรือเปล่าคะ”
แหม่มรายงานโปรแกรมคร่าว ๆ กับเจ้านายหนุ่มที่นั่งก้มหน้าตรวจงานที่แฟ้มไปเซ็นอนุมัติไป

“ได้บอกบรรพตกับฝ่ายขาย ให้เตรียมตัวออกไปพร้อมผมตั้งแต่เก้าโมงเลย งั้นมีอะไรก็รีบ ๆ เอามา เดี๋ยวผมจะออกไปแล้ว”
“ค่ะคุณณิน...เอ่อ...คุณโรสโทรมาตั้งแต่เช้า บอกว่าคุณณินไม่รับสาย แกจะนัดไปกินข้าวเย็นค่ะ จะให้แหม่มแจ้งไปเลยหรือเปล่าคะ”
แหม่มไม่แน่ใจว่าตอนนี้เจ้านายกำลังสนใครอยู่ ระหว่างผู้ที่โทรมานัด หรือ วิชุดา และกับสาว ๆ อีกสองสามคนที่เฝ้าโทรมาไม่ว่างเว้น ไหนจะครูสาวที่ได้อภิสิทธิ์ไปใช้ห้องส่วนตัว มาจะครบสามสัปดาห์อีกคน ไม่อยากเดาว่าเสร็จเจ้านายไปแล้วหรือยัง เพราะเดาไม่ออกทั้งเจ้านายและเจ้าของหน้าสวย กับท่าทีที่ดูเงียบ ๆ กันทั้งคู่

“บอกว่าโปรแกรมผมเป็นยังไง ถ้าจะสนใจจะไปกินข้าวที่ระยอง จะขับรถตามไปก็ได้ อ้อ...แหม่มโทรไปตอนบ่าย ๆ นะ อย่าเพิ่งโทรตอนนี้”
สั่งโดยไม่มองหน้าเลขาฯ สักนิด แหม่มเดินออกไปจากห้อง แล้วก็กลับเข้ามาพร้อมกับงานด่วนอีกสองแฟ้ม บรรพตรอที่รถในเวลาเก้าโมงกว่านิด ๆ ส่วนฝ่ายขายนัดเจอกันที่นัดหมายแล้ว ประวัติอย่างละเอียดของว่าที่ลูกค้าใหม่ ที่กำลังจะไปพบถูกบรรพตบอกอีกครั้ง ลักษณะงาน งบประมาณแบบคร่าว ๆ ถ่ายทอดไปเรื่อย ๆ แม้เจ้านายหนุ่มจะอ่านหนังสือพิมพ์ไปฟังไป บรรพตก็จำต้องสาธยายไปตามหน้าที่

แรก ๆ เขาเคยคิดตำหนิ ว่าจะให้บอกไปทำไมใน เมื่อไม่ได้สนใจฟังเอาแต่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่แบบนั้น แต่เมื่อไปพบลูกค้าด้วยกันแล้ว เจ้านายหนุ่มสามารถจำรายละเอียดต่าง ๆ ที่เคยบอกได้ครบถ้วน แล้วใช้กับว่าที่ลูกค้าได้ถูกที่ถูกทาง จนได้งานมานัดต่อนัด เขาจึงยอมจำนนแต่โดยดี ‘คุณณินนี่ แกเกิดมาเพื่อเป็นเจ้านายคนโดยแท้’ นั่นคือคำที่เขามักจะพูดกับแหม่มเสมอ ๆ

นัดทั้งสองที่ผ่านไปด้วยดี เหลือแต่ต้องเอาแบบมาถอดเสนอราคาต่อไป อาหารเที่ยงตกถึงท้องสามหนุ่มเกือบบ่ายสอง ระหว่างทางไประยอง เพราะนัดสุดท้ายกับปีเตอร์ ดึงเวลายืดไปเกือบบ่ายโมง กว่าที่จะถึงไซด์งานที่ระยอง ก็ปาเข้าไปบ่ายสามกว่า ๆ งานทุกส่วนถูกตรวจตราอย่างละเอียด ทั้งเรื่องเอกสารและการก่อสร้าง เพื่อให้เสร็จทันตามที่ทำสัญญาเอาไว้

“บรรพตโทรบอกแหม่มให้ทีว่าช่วยไปรับครูแทนนทีด้วย ให้สอนถึงทุ่มหนึ่งก็พอ ให้รอส่งด้วยเลย”
หน้าคมคายหันไปสั่งคนข้าง ๆ ขณะที่วิศกรประจำไซด์งาน อธิบายงานไปด้วย แม้เวลาปาเข้าไปเกือบจะห้าโมงเย็นแล้วก็ตาม แต่การตรวจงานก็ยังไม่ครบถ้วน เพราะคณินจะเข้าไปดูแทบทุกจุด ไม่ให้ผ่านสายตาไปได้แม้แต่น้อย บรรพตกลับเข้ามาพยักหน้า เพื่อส่งสัญญาณว่าคำสั่งได้ถูกถ่ายทอดแล้ว การตรวจงานเสร็จสิ้นในเวลาเกือบทุ่มครึ่ง โชติกานั่งไขว้ห้างรอในออฟฟิศอย่างสบายใจ

อาหารเย็นที่ร้านหรูประจำเมือง ที่เจ้านายหนุ่มเลี้ยงลูกน้องตามเคย ตบท้ายด้วยทางใครทางมันอีกครั้ง คณินเลือกที่จะพักโรงแรมหรู แทนการไปพักคอนโดฯโชติกา ส่วนบรรพตกับนทีก็ได้อภิสิทธิ์ นอนห้องตรงข้ามกับเขา หากยังไม่มีใครกลับเข้าห้องเลยสักคน เพราะพากันไปปล่อยหนุ่มตามประสา ส่วนคนเป็นนายมีสาวสวยมาให้ปล่อยถึงที่ ไม่ต้องไปดิ้นรนหาให้เมื่อย

“ณินคะคิดถึงจังเลย เดี๋ยวนี้มีคู่ควงใหม่แล้วลืมโรสเลยนะคะ”
ทรวดทรงที่อรชร ในชุดนอนบางเบาเดินไปโอบร่างกำยำจากด้านหลัง ที่ยืนรับลมอยู่ระเบียง ริมฝีปากอุ่น ๆ จูบเบา ๆ ที่แผ่นหลังกว้าง มือนุ่มนิ่มลูบไล้ไปตามแผ่นอกเปล่าเปลือย เป็นเหตุให้อีกฝ่ายต้องหันกลับมาเผชิญหน้า ก่อนจะมองชุดที่แทบจะเรียกได้ว่า ‘ไม่ใส่จะดีกว่า’ ยิ้มกริ่มส่งไปให้ เมื่อมือหนาเชยคางมนให้มองมาที่เขาอย่างเต็มตา ก่อนจะเอ่ยกึ่งจริงกึ่งล้อออกไป

“โรส! ใจจริงจะใช้ผมให้ถึงตายหรือยังไงกัน ผมไม่ได้อดอยากมากจากไหนนะ ที่ผ่านมาโรสยังไม่พรู๊บว่าผมแกร่งแค่ไหนเลยเหรอ” สายตาซึ้งส่งไปให้เขาระคนตัดพ้อ หากก็แย้มยิ้มออกมาอย่างชอบอกชอบใจ
“ก็โรสรู้ว่าณินมีใครต่อใครมาคอยอยู่หน้ากระไดบ้านทุกวันนี่ไงคะ ถึงต้องรีบใช้งานให้หนัก ๆ จะได้ไม่มีเรี่ยวแรงไปทำอะไรกับใครได้อีก”

“แล้วโรสไม่คิดจะเก็บแรงไว้ใช้กับหนุ่ม ๆ คนอื่นบ้างเหรอ ผมน่ะไม่เป็นไรหรอกนะ ต่อให้โรสใช้งานทั้งวันทั้งคืน กำลังผมก็มีเหลือพอให้คนที่มาคอยอยู่หน้ากระไดได้อยู่แล้ว”
“หมดไม่กลัว กลัวไม่หมด” สายตาท้าทายถูกส่งไปให้ ก่อนจะเขย่งเท้าเล็ก ๆ ขึ้นไปจุมพิตเบา ๆ ที่ปากบาง

“กลับไปอย่าบ่นว่าเหนื่อยก็แล้วกันนะ” สิ้นเสียง ร่างเกือบจะเปลือยก็ถูกช้อนขึ้นเป็นรอบที่สามของค่ำคืนนี้ ตรงไปยังเตียงนุ่ม ๆ แทบจะทันที คนอย่างคณินถ้าลองได้ถูกท้าแล้ว มีหรือจะยั้งมือ







 

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2552
0 comments
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 12:45:53 น.
Counter : 446 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.