Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
27 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

ธารลาวา ๓๙ (ธัญรัตน์)




ตอน ๓๙

ที่โรงพยาบาลสี่พี่น้อง รวมทั้งคุณป้าหญิงยังคงต่างคนต่างไม่ปริปากพูดอะไรออกมา ได้แต่นั่งรออยู่อย่างนั้น โดยที่ไม่มีใครยอมลุกไปไหน เพราะอาการห่วงแม่ ห่วงน้อง แม้แต่ข้าวปลาก็ไม่ยอมแตะกัน

“อีนังหน้าด้านนั่น มันต้องพูดอะไรกับคุณแม่แน่ ๆ ไม่อย่างนั้นคุณแม่ไม่มีวันขังตัวเองอยู่ในห้องหรอก แถมยังไล่เราสองคนออกมาอีก มันไปหาคุณแม่ทำไม” คณิศรเป็นคนทำลายความเงียบขึ้นมา คณินและคามินหันมาหาพี่แทบจะพร้อม ๆ กัน เพราะคำว่า ‘อีนังนั่น’ ในความหมายของพี่ สองหนุ่มรู้ดีว่าคือใคร
“หมายความว่ายังไงครับพี่ณิ”

“นั่นสิแม่ณิพูดอะไร แล้วอีนังนั่นของเรานี่ มันหมายถึงใครกัน ชักจะเอาใหญ่แล้วนะเดี๋ยวนี้ พูดขึ้นอ้ายขึ้นอีไม่งามเลย ป้าไม่ชอบนะจะบอกให้ ลูกเราน่ะยังเล็ก จะพูดอะไรก็กลัวลูกจะเอาอย่างบ้าง”
“ก็มันจริง ๆ นี่คะคุณป้าหญิง”

“เรื่องเป็นยังไงครับ พี่ณิช่วยเล่าให้ผมฟังให้รู้เรื่องที”
คณินใจร้อนอยากจะรู้เรื่องเร็ว ๆ แล้วคณิศรก็เล่าให้น้องฟัง ในลักษณะใส่ไข่เข้าไปด้วยหลายใบ เพื่อให้น้องเห็นพ้องในสิ่งที่ตัวเองคิด และวาดภาพไว้อย่างไม่รู้อะไรจริงไม่จริง แต่สองหนุ่มก็ยังไม่คิดที่จะเชื่อน้ำคำพี่สาวอยู่ดี จนต้องหันไปหาน้องคนเล็ก

“จริงเหรอยายญา บอกพี่มาซิว่าเรื่องมันเป็นยังไง พี่ไม่อยากจะเชื่อเลย”
“ป้าก็ไม่เชื่อ ว่าหนูลีจะทำแบบนั้นเหมือนกัน”
“นี่ณิน กับคุณป้าหญิง ตกลงจะไม่เชื่อที่ณิพูดใช่มั้ย ถึงได้ถามยายญาอีก” คณิศรโมโหขึ้นมาทันที
“ก็ผมรู้น่ะสิว่าพี่ณิพูดเกินความจริง” “ฉันเป็นพี่แกนะ”
“ผมจะฟังทั้งสองคนครับพี่ณิ และจะฟังเฉพาะความเป็นจริงเท่านั้น” น้องชายตอบทันควัน

“พี่ลีกับพี่แพทไปที่บ้านค่ะพี่ณิน ญากับพี่ณิกลับมา ก็พอดีสองคนนั้นกำลังจะออกไป แต่ญาไม่รู้ว่าพี่ลีมาหาคุณแม่ทำไม และคุยอะไรกัน แต่หลังจากนั้น คุณแม่ก็เข่าอ่อนจนญาต้องพาไปพักบนห้อง แล้วคุณแม่ก็ให้ญากับพี่ณิออกมา ญาไปเคาะประตูเรียกคุณแม่มากินข้าวก็ไม่ยอมออกมา บอกว่าไม่หิว เห็นคุณแม่พูดออกมาได้ ญาก็คิดว่าคงไม่เป็นอะไร ก็เลยกลับไปทำงานที่ห้องค่ะ จนดึกก็ได้ยินเสียงคุณแม่ร้องเลยออกมาดู เห็นคุณแม่นอนอยู่ชานพักบันได ก็ตามหมอพาคุณแม่มานี่ล่ะค่ะ ญาก็รู้แค่นี้ ถ้าพี่ณินอยากจะรู้รายละเอียดก็ไปถามพี่ลีเอาเองเถอะค่ะ” คำพูดของน้องคนเล็กดูจะมีน้ำหนักไม่น้อย

“มันจะมีอะไร ถ้าไม่มาขู่เอาเงินกับคุณแม่ เป็นค่าตัวของมัน คนหน้าด้านอย่างมันจะมีอะไรสำคัญไปกว่าเงินอีก”
พี่สาวคนโตที่ตอนนี้ทำตัวเหมือนคนไม่มีวุฒิภาวะ ของความเป็นอาวุโสให้น้องนับถือ ยังคงตราหน้าคนที่ได้ชื่อว่าแย่งสามีตัวเองไปอยู่อย่างนั้น คุณป้าหญิงก็ถึงกับส่ายหน้าระอากับหลานสาวนัก ส่วนคณินไม่อาจจะทนฟังคำพูดที่ดูถูกหญิงคนรักอีกต่อไปได้ จึงลุกเดินออกจากห้องไปในที่สุด คามินวิ่งตามพี่ชายออกมา เพราะไม่แน่ใจว่าพี่ชายจะไปหาประณาลีหรือไม่ แต่ก็ทันเห็นแต่หลังรถพี่เท่านั้น เขาไม่รอช้ารีบวิ่งไปหารถและขับตามพี่ชายไปทันที แต่การจราจรก็คับคั่ง เพราะเป็นช่วงหัวค่ำ จึงคลาดกันกับรถของพี่ กระนั้นจิตรกรหนุ่ม ก็มุ่งหน้าไปทางคอนโดฯ ประณาลี เพราะมั่นใจว่าจะเห็นพี่ไปที่นั่น

เป็นจริงอย่างที่เขาคิดไว้ คามินรีบจอดรถไว้ข้างทาง เมื่อเห็นท้ายรถพี่ชายเตรียมเลี้ยวเข้าไปในคอนโดฯ ปิดประตูได้ก็รีบวิ่งไปดูอยู่ห่าง ๆ ไม่ให้พี่รู้ตัว เพราะดูจากสีหน้าพี่ชายแล้ว ก็รู้ว่าอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ปกติเท่าใดนัก คณินจำต้องพารถไปจอดไว้อีกที่ซึ่งห่างจากที่จอดประจำอยู่มาก เพราะมีรถคันอื่นจอดอยู่ก่อนแล้ว ไม่ทันที่จะได้ลงรถเขาก็เห็นประณาลี เดินจูงมือมากับชายหนุ่มที่เขาไม่เคยเห็นหน้า พร้อมเดินตรงไปยังสระน้ำ

ความอยากรู้ทำให้เขาแอบเดินตามไปห่าง ๆ พยายามจะสอดสายตามองไปที่สระน้ำ เห็นผู้ชายอีกคนยืนรออยู่ แต่ตำแหน่งที่เขาแอบอยู่นั้นยังห่างเกินไป จึงมองหาที่กำบังที่ใกล้ให้กับตัวเอง คามินผู้มองพฤติกรรมของพี่ชายอยู่ด้านหลังเอง ก็หาที่กำบังให้กับตัวเองไม่แพ้กัน เพราะความอยากรู้ว่าประณาลีกำลังคุยอะไรและอยู่กับใคร

“มีอะไรคะคุณนเรศ”
ประณาลีรีบยิงคำถามทันที ที่ตัวเองเดินไปถึงที่นัดหมาย สายตาที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ของนเรศที่เห็นหญิงสาวยังคงจูงมือกับชายหนุ่มมาให้เห็น อารมณ์หึงหวงแล่นเข้ามาใจในทันที แต่ก็พยายามข่มเอาไว้ภายใน

“ผมมีธุระส่วนตัวจะคุยกับคุณหน่อย ธุระส่วนตัว”
ย้ำเสียงหนัก ๆ เพื่อให้อีกคนปลีกตัวไป แต่ปวีร์ยังยืนทำหน้าเฉย ส่วนประณาลีก็ไม่รู้สึกรู้สากับคำพูดของเขา
“วีไม่ใช่คนอื่นสำหรับฉันค่ะ ถ้าคุณอยากจะคุยอะไรก็ว่ามา ถ้าไม่คุยฉันจะได้กลับ”
จูงมือน้องทำท่าจะเดินออกไป แต่นเรศรีบเข้าไปขวางหน้าไว้ก่อน

“นี่มันอะไรกันคุณลี ไอ้หมอนี่เป็นใคร สำคัญกับคุณยังไง คุณถึงได้จับมือถือแขนกับมันแบบนี้ คุณจะทำให้ผมบ้าเพราะหึงหวงคุณหรือไง ให้มันออกไปก่อน ผมจะคุยเรื่องส่วนตัวกับคุณตามลำพัง”
น้ำเสียงที่ค่อนข้างดังและดุ ไม่ได้ทำให้ประณาลีกลัวแต่อย่างใด โดยเฉพาะเวลาที่มีน้องอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้
“ฉันบอกแล้วว่าที่นี่ไม่มีคนอื่น ถ้าคุณจะคุยก็รีบคุยมา”

“ได้! ถ้าคุณต้องการอย่างนั้น ที่ผมมานี่ก็เพื่อจะบอกคุณว่า ผมเข้าไปอยู่บ้านที่ผมซื้อไว้แล้ว ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว รอแต่คุณคนเดียวเท่านั้น คุณอยากจะให้ผมทำยังไง ต้องการแบบเป็นพิธีการ หรือว่าเราจะไปจดทะเบียนกันเฉย ๆ แล้วอยู่ด้วยกันเลย คุณอยากได้ยังไงบอกผมมาได้ ผมพร้อมแล้ว”เมื่อจำเป็นที่จะต้องพูดต่อหน้าคนอื่น เขาก็ไม่มีทางเลือก หน้ารูปไข่ส่งยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามคนตรงหน้าอย่างเห็นได้ชัด

“คุณพูดเรื่องอะไรคะคุณนเรศ ฉันไม่เข้าใจ บ้านอะไร ใครจะไปอยู่กับคุณ แล้วใครจะจดทะเบียนกับคุณ”
“คุณหมายความว่ายังไง” ไม่เข้าใจในสีหน้าและคำพูดของหญิงสาวนัก แต่ก็ยิ้มออกมา เมื่อคิดขึ้นได้ว่าเธอไม่รู้เรื่องบ้าน
“จริงสิ! ผมลืมไป ก็บ้านที่ผมซื้อไว้เป็นชื่อคุณไง คุณแพทคงยังไม่ได้บอกคุณ ผมตั้งใจจะซื้อเอาไว้เป็นเรือนหอของเราครับคุณลี ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว รอแต่คุณลีเท่านั้น”

“คุณคงจะเข้าใจอะไรผิดแล้วมั้งคะคุณนเรศ ฉันไม่เคยคิดที่จะไปอยู่กับคุณเลยนะคะ แล้วเรือนหออะไรนี่ฉันก็ไม่รู้เรื่องด้วยหรอกค่ะ สงสัยคุณจะจำอะไรสับสนไปแล้วมั้งคะ ธุระที่คุณจะพูดมีแค่นี้ใช่มั้ยคะ ฉันขอตัว”
จูงมือน้องที่ยิ้มเยาะศัตรูอยู่ข้าง ๆ พี่อย่างสะใจ
“คุณลีนี่มันอะไร ตกลงคุณต้องการอะไรกันแน่ คุณอยากให้ผมหย่าผมก็หย่า อยากได้เรือนหอผมก็ทำรอ แล้วคุณยังต้องการอะไรอีก หรือว่าอยากได้รถที่คุณเคยบอกไว้ ผมจะซื้อให้คุณเมื่อไหร่ก็ได้นะ”

“คุณจะหย่าหรือจะซื้ออะไรให้ใครฉันไม่สนค่ะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย”
“หมายควาว่ายังไง คุณเป็นคนบอกผมเอง ว่าถ้าผมหย่าแล้วคุณจะถอนหมั้น แล้วเราจะอยู่ด้วยกันไง”

“หึ! ใช่ค่ะฉันบอกว่าฉันจะถอนหมั้น และฉันก็ทำแล้วไงคะ แต่ฉันไม่เคยบอกว่าจะแต่งงาน จะจดทะเบียน หรือว่าจะอยู่กับคุณสักนิดเดียวค่ะ คุณเข้าใจไปเองทั้งนั้น ฉันจะไปอยู่กับคุณได้ยังไงคะ ในเมื่อฉันไม่เคยรู้สึกอะไรที่พิเศษกับคุณเลย ลองคิดดูให้ดี ๆ นะคะ ว่ามีคำไหนที่ฉันพูดว่าถ้าคุณหย่าแล้วฉันจะไปอยู่กับคุณ ทุกอย่างคุณเข้าใจไปเอง ผูกเรื่องไปเองทั้งนั้น ผู้ชายที่ยอมทิ้งลูกทิ้งเมียที่อยู่ด้วยกันมาเป็นสิบปีอย่างคุณ ฉันไม่เอามาทำพันธุ์หรอกค่ะ ทีนี้ก็หายสงสัยซักทีนะคะขอตัวค่ะ” ยิ้มเยาะเย้ยผู้ชายโง่ ๆ อยู่ตรงหน้าด้วยความสะใจ

“นี่คุณหลอกผมเหรอลี ผมขอบอกนะว่าความอดทนผมมีขีดจำกัด อย่ามาเล่นลิ้นกับผมแบบนี้ คนอย่างผมถ้าลองอยากได้แล้ว ยังไงก็จะต้องได้อยู่วันยังค่ำ อย่าคิดมาลองดีกับผม คุณไม่รู้เหรอว่าผมเป็นใคร มาจากไหน”
นเรศคว้าข้อมือหญิงสาวไปบีบไว้แรง ๆ ปวีร์รีบผลักอกนเรศทันที
“ปล่อยพี่ลีเดี๋ยวนี้นะ ไม่ได้ยินที่พี่ลีบอกหรือไง คุณกลับไปได้แล้วที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ”

“แกอย่ามายุ่ง แกเป็นใครไอ้แมงดา วัน ๆ ไม่คิดจะทำมาหากินเที่ยวได้เกาะผู้หญิงไปทั่ว ออกไปให้พ้นจากแฟนฉัน คุณลีบอกมันออกไปเดี๋ยวนี้นะ ก่อนที่ผมจะหมดความอดทน”
นเรศส่งเสียงที่ดังกว่าปกติ แล้วก็ผลักอกปวีร์กลับในทันที จนปวีร์เซไป นเรศรีบตรงไปหาประณาลี แต่ปวีร์ก็เข้ามาขวางไว้ได้ทัน พร้อมยกกำปั้นทำท่าจะต่อยรออยู่แล้ว

“ไอ้นี่วอนซะแล้ว กลับไปซะ แกจะใหญ่มาจากไหนฉันไม่กลัว แต่ที่นี่แกจะรังแกใครไม่ได้ ออกไปให้พ้นผู้หญิงคนนี้ซะ แล้วอย่ามายุ่งกับเธออีก ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
นเรศเห็นท่าทางชายหนุ่มเอาจริง บวกกับร่างสูงใหญ่ของปวีร์ทำให้เขาเกิดใจฝ่อขึ้นมา

“ฝากไว้ก่อนเถอะแก คุณด้วยประณาลี จำไว้ว่าผมไม่เคยยอมให้ใครทำฝ่ายเดียว ระวังตัวไว้ให้ดี ผมจะเอาคืนให้มากกว่าที่คุณทำหลายเท่า” ชี้หน้าด่าสองพี่น้องด้วยอาการของคนที่โกรธจัด แต่เมื่อปวีร์ทำท่าเงื้อมกำปั้นจะต่อย นเรศกลับรีบล่าถอยไปโดยเร็ว มือเรียวรีบดึงแขนน้องชายเอาไว้อย่างห่วงใย

“วีพอได้แล้ว เราไปกันเถอะแค่นี้มันก็ไม่กล้ามายุ่งแล้วล่ะ”
สองพี่น้องจึงเดินกลับด้วยอาการสงบ อีกสองพี่น้องที่ต่างหลบอยู่ในมุมมืด มีอาการเข่าอ่อนไม่แพ้กัน ความรู้สึกเสียใจ ผิดหวัง เพราะไม่คาดคิดว่าหญิงคนรัก จะเป็นอย่างที่พี่สาวบอกเลย นอกจากจะมีพี่เขยมาเกี่ยวข้องแล้ว หญิงสาวยังมีผู้ชายหน้าอ่อนอีกคน คอยคุ้มครองดูแลอยู่ไม่ห่าง ต่างคนต่างโกรธตัวเองเป็นที่สุด ที่โง่งมงายเหลือเกิน โง่ที่ไปหลงรักผู้หญิงแบบนี้ โง่ที่ไม่เชื่อคำพี่ โง่ที่ยอมทำอะไรสารพัดเพื่อคนที่ตัวเองรัก

กว่าประณาลีกับปวีร์จะช่วยกันเก็บข้าวของที่เหลือจนเสร็จ ก็กินเวลาอีกเป็นชั่วโมง ข้าวของในห้องแทบทั้งหมดถูกบรรจุลงกล่องหลายใบ เสื้อผ้าที่ประณาลีจะใช้งาน เมื่อกลับไปอยู่เชียงแสนกับยาย ถูกบรรจุลงกระเป๋าใบโต

“วีกลับไปได้แล้วล่ะ ต้องรีบทำงานส่งลูกค้าพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ” พี่สาวยังไม่วายจะห่วงน้อง
“วีจะกลับไปเอางานที่บ้านมานั่งทำที่นี่ดีกว่าพี่ลี เดี๋ยวไอ้นเรศมันย้อนกลับมาเล่นงานพี่ลีอีกจะยุ่งไปกันใหญ่นะ” คนน้องก็ไม่วายจะห่วงพี่สาว ใบหน้ารูปไข่ของพี่ยิ้มรับในความหวังดีกับน้อง แต่ก็ส่ายหน้าน้อย ๆ ไปมาเป็นการปฏิเสธ

“พี่ขอบใจวีมาก แต่ไม่ต้องหรอก กว่าจะกลับไปกลับมาเสียเวลา พี่อยู่ได้ จะสั่ง รปภ. ข้างล่างไว้อีกที นายนเรศมันไม่กล้าหรอก ไอ้นี่มันพวกเห่าแต่ไม่กัด อีกอย่างถ้ามันเล็ดลอดขึ้นมาบนนี้ได้ พี่ก็ไม่มีวันจะเปิดประตูรับมันหรอก หรือถ้ามันเข้ามาในนี้ได้อีก พี่ก็มีไอ้นั่นไง อย่าห่วงพี่เลย ห่วงงานตัวเองเถอะ เสียเวลากับพี่ทั้งวันแล้ว”

“แต่ผมห่วงพี่ลีนี่ครับ” ยังไม่วายจะทำเสียงอ่อย
“ไม่ต้องห่วงพี่หรอก ไปเถอะพี่จะได้อาบน้ำแล้วเข้านอน วันนี้เหนื่อยมาก ๆ เลย นี่กุญแจรถพี่อีกดอกหนึ่ง พรุ่งนี้นกจะแวะมาขับไปใช้งานที่โรงเรียน ส่วนพี่ก็จะไปสนามบินเลย คิดถึงยายจะแย่”
ยิ้มกว้างให้น้องชายสบายใจ พร้อมดึงมือน้องไปส่งที่หน้าประตู
“แต่พี่ลีครับ ผมห่วงพี่นี่ เรามีกันแค่สองคนเท่านั้นนะ ถ้าพี่เป็นอะไรไปผมจะอยู่กับใครครับ” คนน้องยังคงอิดออด

“พี่ดูแลตัวเองได้ กลับไปได้แล้วล่ะอย่าดื้อกับพี่นะ พี่ไม่ชอบ บอกให้ไปก็ไปสิ”
เมื่อพูดดี ๆ น้องไม่ฟังก็ทำเสียงดุนิด ๆ จนคนน้องที่ไม่เคยขัดขืนคำสั่งพี่ จำต้องออกจากห้องไปในที่สุด ส่ายหน้าน้อย ๆ ตามหลังน้องก่อนจะหันมองรอบ ๆ ห้องที่โล่งไปถนัดตา ท้องรู้สึกหิวจึงควานหาอาหารกล่องในตู้เย็นเข้าไปเวฟ แล้วเตรียมตัวจะเข้าไปอาบน้ำ หญิงสาวถึงกับสะดุ้ง เมื่อเสียงกริ่งในห้องดังขึ้น มือที่ทำท่าจะถอดเสื้อผ้าหยุดชะงักในทันที ปืนที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงถูกคว้าขึ้นมา ก่อนที่จะเดินตรงไปยังประตู กริ่งดังขึ้นซ้ำ ๆ หลายครั้ง ชะโงกดูตรงตาไก่ก็ไม่เห็นจะมีใครยืนรออยู่หน้าห้อง

ความกังวลมีขึ้นในใจหญิงสาว จึงวิ่งกลับไปคว้ามือถือกดไปหาน้องชายที่เพิ่งกลับไปได้สักพักทันที รอยยิ้มของคนโล่งใจเกิดขึ้นบนใบหน้าหญิงสาวทันที เมื่อวางสายแล้วเดินมาที่ประตูเปิดรับน้องที่ยืนอยู่หน้าห้องแล้ว
“วีลองดูว่าพี่ลีจะเปิดรับหรือเปล่าไงครับ” คนน้องยิ้มร่า เมื่อทดสอบความรอบคอบของพี่สาวที่รู้ว่าผ่านแล้ว
“วีนี่ เล่นอะไรไม่รู้ กลับไปได้แล้วพี่จะอาบน้ำ” สายตาค้อนส่งให้น้อง

“เดี๋ยวครับ ผมลืมกุญแจรถขอเข้าไปเอาก่อน”
คณินรอให้แน่ใจว่าผู้ชายที่หายไปอยู่บนห้องกับคนรักตัวเอง เป็นชั่วโมงจะไม่กลับขึ้นมาอีก สีหน้าที่โกรธแค้นในตัวหญิงสาวมีมาก จนคามินที่ยังคงแอบยืนมองพี่ชายอยู่ไม่ไกลนักสังเกตุเห็น เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป เมื่อร่างพี่ชายหายเข้าไปในลิฟท์แล้ว เขาไม่รู้และไม่อยากเดาว่าพี่ชายจะทำยังไง กับคนที่ทำให้เขาทุกข์ทรมานเพราะรัก ใจอยากจะตามไปดู แต่ขามันกลับก้าวไม่ออก

อกที่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อตอนนี้มันเจ็บแปลบ ๆ จนเขาต้องยกมือขึ้นไปลูบ เพื่อประทังความเจ็บ น้ำตาของลูกผู้ชายมันได้ไหลรินออกมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว หากไม่ได้เห็นกับตา ไม่ได้ยินกับหูตัวเองขนาดนี้ เขาไม่มีวันจะเชื่อ ว่าผู้หญิงที่เขาหลงรักมาแรมปีจะเป็นแบบนี้ไปได้ ภาพผู้หญิงที่สง่างามในทุกท่วงท่า ลอยเข้ามาตอกย้ำให้รู้ว่าตัวเองโง่เขลาแค่ไหน

‘ความรักทำให้คนตาบอด’
ไม่มีคำไหนที่เขาจะคิดได้ นอกจากคำ ๆ นี้

ร่างบอบบางรีบตรงไปห้องน้ำทันที ที่น้องกลับออกไป อาการเหนื่อยอ่อนกับการเก็บข้าวของทั้งวัน ค่อยทุเลาลงไปได้บ้างเมื่อได้อาบน้ำ เสื้อคลุมตัวเดียวที่หุ้มร่างออกมา ครีมบำรุงผิวที่เคยใช้ถูกลูบไล้ไปตามผิวขาวเนียน อาหารในไมโครเวฟได้ที่พอดี แต่ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้เปิดไมโครเวฟ ก็ต้องสะดุ้ง เพราะเสียงกริ่งในห้องอีกครั้ง แต่ก็ยิ้มออกมาเมื่อคิดขึ้นได้ ว่าน้องคงจะทดสอบพี่อีกแล้ว หรือไม่ก็คงจะลืมของอะไรอีก

แต่ก็ยังไม่ความรอบคอบชะโงกดูตาไก่ที่ประตูอยู่ดี หน้าประตูว่างเปล่า เสียงกริ่งดังขึ้นอีกซ้ำ ๆ กัน ไม่มีใครที่ไหนนอกจากน้องชาย มั่นใจเป็นที่สุด ก่อนจะเปิดประตูออก ดวงตาคู่โตถึงกับเบิกกว้าง เมื่อเห็นว่าใครยืนรออยู่ตรงหน้า ไวเท่าความคิดมือน้อยรีบผลักบานประตูเพื่อปิดทันที แต่มือหนาของอีกคนดันเอาไว้ และรีบพาตัวเองเข้ามาในห้องปิดประตูล็อค พร้อมคล้องโซ่ให้เจ้าของห้องเรียบร้อย ประณาลีไม่แน่ใจนัก ว่าการมาของเขาในครั้งนี้จะดีหรือร้าย แต่ถ้าให้เดาจากสีหน้าแล้ว คงไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่

เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงรีบหันไปหาปืน ที่เพิ่งจะวางไว้ก่อนหน้านี้ แต่จำไม่ได้ว่าวางไว้ตรงไหน คณินรีบวิ่งไปคว้าแขนเล็ก ๆ เอาไว้ได้ทัน แววตาเขาในตอนนี้ประณาลีแน่ใจว่า ไม่เคยเห็นมาก่อน

“ผิดหวังมากเหรอที่เป็นผม แทนที่จะเป็นไอ้เด็กหนุ่มคนนั้น”
“ปล่อยนะ ฉันเจ็บบอกให้ปล่อย”
พยายามจะสลัดแขนให้หลุดจากมือใหญ่ แต่ก็เปล่าประโยชน์ เมื่อเขาออกแรงบีบให้แน่นกว่าเดิม

“ผมไม่คิดเลยนะว่าคุณจะเป็นผู้หญิงแบบนี้ ทำไมประณาลี พี่เขยผมกับไอ้เด็กนั่นมันดีกว่าผมตรงไหน คุณถึงได้เปิดประตูรับมันด้วยความเต็มใจ แต่กับผมคุณกลับผลักไสไล่ส่ง นี่คงจะอิ่มหนำเสียเต็มรักละมั้งถึงได้ปล่อยมันไป”
มองร่างที่เดาได้ว่าหญิงสาวเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ยิ่งทำให้ใจจิตนาการว่าเธอเพิ่งจะทำอะไรมา
“ปล่อยฉันนะ แล้วออกไปจากห้องฉันได้แล้ว ฉันกับคุณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน” พยายามจะสลัดแขนให้หลุดแต่ก็ยังไม่

“ผมไม่อยากจะเอามือมาแปดเปื้อน กับผู้หญิงมากชายอย่างคุณหรอก เพราะผู้หญิงอย่างคุณไม่มีค่าสำหรับผมแม้แต่นิดเดียว เสียดายที่ผมมันโง่ มันตาบอด ผมน่าจะเชื่อพี่ณิ พี่ผมพูดจริงทุกอย่าง ผู้หญิงอย่างคุณมันก็พวกหิวเงิน มักมาก มีผู้ชายทีเดียวถึงสองคน ผมขยะแขยงคนอย่างคุณเต็มที”

เพี๊ย!

เมื่อสบัดมือออกได้ก็ตบเต็มแรงไปที่ใบหน้าคม ด้วยความโกรธกับคำพูดที่ดูถูก และเหยียดหยามเป็นที่สุด ความโกรธที่มีในใจชายหนุ่มยิ่งทวีขึ้นเป็นสิบเท่า

“ออกไปให้พ้นจากห้องฉัน แล้วอย่ามาเหยียบที่นี่อีก ฉันเกลียดคุณ” น้ำเสียงที่หนักแน่น แต่หากร้าวรานในส่วนลึก
“ผมไปแน่ แต่ก่อนไปผมอยากจะฝากรสรักให้คุณเก็บไว้เป็นที่ระลึกหน่อย เผื่อจะลืมไอ้สองคนนั่นแล้วกลับมาหาผมไง คุณไม่รู้เหรอว่าผมลีลาเด็ดแค่ไหน ขนาดโรสยังปล่อยผมไม่ลงเล้ย มานี่”
สิ้นสุดคำพูด มือสองข้างก็ลากเอาร่างบางไปเหวี่ยงลงไปที่เตียง และตามลงไปประกบในทันที

“ออกไปนะ ไปให้พ้นฉันเกลียดคุณ ออกไป วีช่วยพี่ด้วย วี ๆ วีช่วยพี่ด้วย”
ทั้งผลักอกใหญ่ออกให้พ้นตัว ทั้งรัวกำปั้นทุบลงไปที่ไหล่เขาหนัก ๆ
“ร้องหามันทำไม ไม่ยักรู้นะว่าคุณชอบเปิดเนิสเซอร์รี่ ลองนอนกับผมสักครั้งก่อนซี้ คุณจะได้รู้ว่าผมกับไอ้เด็กนั่นต่างกันราวฟ้าดินเลยล่ะ จะบอกให้นะว่าไม่เคยมีใครนอนกับผมแล้วผิดหวังซักคน” ยิ้มเยาะอย่างเกลียดชังเจ้าของกำปั้นที่ระดมทุบไม่ยั้ง

“ออกไป ปล่อยฉันนะ ปล่อย...”
เรียวปากบางหมดโอกาสที่จะเปล่งเสียงใด ๆ ออกมาอีกต่อไปแล้ว เมื่อถูกปิดด้วยริมฝีปากหนานุ่ม มือที่เคยทุบอกเขาอย่างไม่ยั้ง ก็ถูกจับตรึงอยู่กับที่นอนทั้งสองข้าง ขาที่พอจะช่วยเตะช่วยกระทุ้งได้บ้าง ก็หมดโอกาสต่อสู้ เมื่อขาใหญ่ ๆ เพียงข้างเดียวของเขายกไปทับไว้

“อย่า ๆ คุณณินปล่อยฉันนะ ถ้าคุณทำกับฉันแบบนี้ ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้คุณไปจนวันตาย ฉันเกลียดคุณ ได้ยินมั้ยว่าฉันเกลียดคุณ”
ทันทีที่เรียวปากบางได้รับอิสระ เมื่อเขาเลื่อนไปสูดดมตามซอกคอและเนินอก จึงร่ำร้องขออิสระภาพคืนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าในตอนแรก แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่สนใจฟังสักนิด กำปั้นซ้ายทุบซ้ำ ๆ ไปที่ไหล่ เมื่อเขาปล่อยมือมาลูบไล้อกอวบอิ่ม แต่หาได้ทำให้เขารู้สึกอะไรไม่ สายเสื้อคลุมที่ไว้ที่เอวถูกดึงออกอย่างง่ายดาย

“ปล่อยฉันนะ ปล่อย ฉันเกลียดคุณได้ยินมั้ยว่าฉันเกลียดคุณ”
น้ำเสียงที่สั่นเครือ น้ำตาที่ไหลรินอาบใบหูลงไป ไม่ได้ทำให้มือที่กำลังดึงเสื้อคลุมออกจากร่างบางหยุดแต่อย่างใด

“อย่าคิดว่าน้ำตาคุณ จะทำให้ผมใจอ่อนได้เหมือนทุกครั้งประณาลี ไม่มีวัน ผมไม่ปล่อยผู้หญิงอย่างคุณให้ลอยนวลแน่”
เป็นคำยืนยันสุดท้าย ก่อนที่จะก้มลงจูบเรียวปากนุ่มอย่างดุดัน มือก็ลูบไล้ไปแทบจะทุกสัดส่วนของร่างกาย ประณาลีรู้โดยสัญชาติญาณของตัวเองแล้วว่า ไม่มีหนทางไหนที่จะหยุดเขาไว้ได้อีกต่อไป น้ำตาแห่งความเจ็บปวดมันไหลรินออกมาอย่างยากที่จะห้ามใจ แต่อีกคนไม่คิดจะสนแม้แต่น้อย

“คุณร้องไห้คร่ำครวญแบบนี้ ทุกครั้งที่นอนกับไอ้สองคนนั่นเลยเหรอประณาลี หรือว่าทำแบบนี้แล้วมันช่วยเพิ่มรสชาติ หรือว่าทำให้ค่าตัวสูงขึ้น อย่างพี่เรศนี่ผมพอจะเดาได้อยู่หรอกนะว่าเขาทุ่มให้คุณได้ไม่อั้น แต่กับไอ้เด็กหนุ่มนั่น ผมว่าท่าทางมันไม่น่าจะมีเงินมากพอ อย่างน้อย ๆ ก็สู้ผมไม่ได้หรอก แล้วคุณหลงมันตรงไหน มันดีกว่าผมตรงไหน คุณถึงไม่เคยยอมผมสักที”

ยังคงถากถางเจ้าของร่างเปล่าเปลือยอย่างที่สุด แม้ใจจะชิงชังหญิงสาวแค่ไหน แต่เรือนร่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ก็ทำให้เขาแทบจะลืมสิ่งที่ได้ยินเมื่อสักครู่จนหมดสิ้น ไม่น่าเชื่อว่าธรรมชาติจะสรรค์สร้างสิ่งที่สวยงามขนาดนี้มาให้เธอได้ เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่เขยกับไอ้หน้าอ่อนนั่น ถึงได้หลงใหลเธอจนแทบจะฆ่ากันตาย คนที่ปล่อยให้น้ำตาร่วงรินต้องหลับตาลงด้วยความรู้สึกกระดายอายเป็นที่สุด ที่เขากำลังชื่นชมเรือนร่างที่ไร้สิ่งปกปิดอยู่ ไม่นานร่างใหญ่เปล่าเปลือยก็ทาบทับไปหาร่างบาง

มือหนานุ่มลูบไล้ เคล้าคลึงไปแทบทุกสัดส่วน จุมพิตอยู่กับกลีบกุหลาบหวานล้ำ ที่เคยเป็นมาอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่ว่าจะยังไง เรือนร่างขาวโพลนของหญิงสาว ก็ยังคงทำให้เขาสุขใจอยู่นั่นเอง มือเล็ก ๆ ที่คอยจะขัดขืนเขาแต่แรก มันได้หมดแรงลงไปนานแล้ว แม้ปากจะบอกว่าเกลียดเขาแค่ไหน แต่ส่วนลึกในหัวใจก็ให้รู้สึกสุขไม่น้อยที่มีร่างเขาแนบชิดแบบนี้

“โอ๊ย! ปล่อยนะ”
เสียงร้องที่บอกให้รู้ว่าเจ็บปวดเป็นที่สุด กับสิ่งที่ไม่เคยพานพบมาในชีวิตสาว ถูกหยิบยื่นให้โดยเขา เมื่อปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นตามแต่ใจเขาปรารถนา จากสีหน้าที่โกรธในตัวหญิงสาวแต่แรก แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มด้วยความสุข เมื่อได้เชยชมเรือนร่างที่โหยหามานาน และมันก็กลายมาเป็นสีหน้าที่ครุ่นคิดระคนสงสัยเป็นที่สุด ในเวลาต่อมา เมื่อชายที่ผ่านผู้หญิงมานับครั้งไม่ถ้วนอย่างเขาได้ล่วงรู้ว่าตัวเองเข้าใจในตัวหญิงสาวผิดไปถนัด

“ลี! นี่คุณไม่ได้”
เขาหยุดพูดไว้แค่นั้น ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ ความรุนแรงแปรเปลี่ยนเป็นความนุ่มนวลอ่อนหวาน ทะนุถนอมหญิงคนรักในทันที ที่ได้รับรู้ว่าเธอนั้นไม่เคยมอบกายให้ชายใดเชยชมมาก่อน หัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรัก มันพองโตขึ้นมาแทบจะออกมาเต้นอยู่ด้านนอกด้วยความดีใจ

“ฉันเกลียดคุณ ได้ยินมั้ยว่าฉันเกลียดคุณ” บอกทั้งน้ำตา เมื่อคิดถึงคำพูดที่ดูถูกถากถางของเขาผุดขึ้นมา
“ลี! ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่รู้ ผมรักคุณได้ยินมั้ยว่าผมรักคุณ”
“อือ! อย่า” ยังคงไม่คลายความเจ็บปวดจากสัมผัสรักที่เขามอบให้

“ลี ทำตัวตามสบายนะ แล้วทุกอย่างจะดีเอง ผมรักคุณที่สุดเลยรู้มั้ย”
น้ำเสียงที่นุ่มนวลส่งให้หญิงคนรัก ด้วยความจริงใจ ก่อนที่เขาจะมองสัมผัสอันอ่อนละมุนและนุ่มนวลให้ ในเวลาต่อมา แม้จะเสียใจกับสิ่งที่เขากำลังจะตักตวงมากแค่ไหน แต่หญิงสาวก็ไม่อาจทนต่อแรงปรารถนาของธรรมชาติได้อีกต่อไป

“ผมรักคุณนะลี รักคุณคนเดียว” เป็นคำพร่ำรักที่หลุดออกมาจากปากเขาแทบไม่ขาด และมันช่างเป็นเครื่องช่วยให้หญิงสาวต้องตอบสนองความต้องการของเขาอย่างลืมตัว

ไฟปรารถนาสิ้นสุดลง แต่น้ำตาของหญิงสาวเริ่มจะไหลรินอาบแก้มเป็นทาง ใจเฝ้าวิงวอนขอให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแค่เพียงฝัน แต่ประณาลีก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ โกรธตัวเองเป็นที่สุด ที่ดึงดันไล่น้องชายกลับไป โกรธตัวเองเป็นที่สุด ที่ไปเผลอเปิดประตูรับเขา โกรธตัวเองเป็นที่สุด ที่ไม่อาจจะรักษาความภาคภูมิใจเอาไว้ได้ วิญณาณพ่อกับแม่คงจะผิดหวัง กับสิ่งที่ลูกสูญเสียไป และยิ่งคงจะทวีคูนจนยากจะคณานับได้ เมื่อเขาคือเลือดเนื้อเชื้อไขของศัตรู

คณินรู้ดีว่าหญิงสาวเสียใจมากแค่ไหน แม้เขาจะรู้สึกตรงกันข้ามกับเธอ แต่ก็ให้โกรธตัวเองไม่น้อยที่ตัดสินอะไรเพียงแค่ตาได้เห็นหูได้ยิน ไม่ยอมถามไถ่ให้รู้ตื้นลึกหนาบางก่อนจะทำอะไรลงไป ร่างใหญ่ลุกจากเตียง คว้าผ้าขนหนูมาพันกายเอาไว้ ปล่อยให้อีกคนร้องไห้ให้พอ มือถือในมือกดไปหาบรรพตทันที เมื่อเขาไปยืนอยู่ระเบียงห้องแล้ว

“บรรพตนอนหรือยัง ขอโทษทีนะที่ต้องรบกวน เพิ่งกลับจากออฟฟิศเหรอ ผมมีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย....”
หลายคำสั่งจากเจ้านาย จนบรรพตแทบจะจดจำไม่หมด จบคำคณินก็เอาแต่ยืนกอดอกอยู่ตรงนั้นนิ่ง ๆ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่เป็นนาน หากเขาจะมองลงไปด้านหน้าคอนโดฯ ก็คงจะเห็นรถน้องชายจอดอยู่ตรงนั้น และกำลังแหงนหน้ามองพี่ ที่มีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวปิดกายไว้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า มีอะไรเกิดขึ้นกับคนที่เขารักแล้ว แต่จะมีประโยชน์อะไรที่จะไปคิด ก็ในเมื่อหญิงสาวผู้สูงส่งไม่ได้มีพี่เขาเพียงคนเดียว คามินขับรถออกจากตรงนั้นอย่างคนไร้จุดหมาย

ร่างใหญ่กลับขึ้นไปนั่งบนเตียง ก็ยังพบว่าหญิงสาวยังร้องไห้ไม่หยุด เขาไม่เข้าใจนักว่าทำไมเธอถึงได้เสียใจ ที่ต้องตกเป็นของเขาขนาดนี้ หากจะบอกว่าเธอไม่ได้รักเขาเลย ก็ไม่อาจจะทำใจให้เชื่อได้ แต่หากจะเชื่อว่ารัก ก็ยังกังขาอยู่ไม่น้อย ยิ่งเสียงสะอึกสะอื้นจนตัวโยนแบบนี้แล้ว ยิ่งทำให้ไม่เข้าเลย

“ลี ผมขอโทษ อย่าร้องไห้เลยนะ เราจะแต่งงานกัน ผมยินดีที่รับผิดชอบทุกอย่าง ผมรักคุณ”
น้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แต่อีกคนไม่คิดที่จะตอบ หรือจะพูดให้ถูกก็ไม่มีแรงที่จะด่าทอ หรือต่อปากต่อคำกับเขานั่นเอง เพราะมันไร้ซึ่งประโยชน์ไปแล้ว

“หลับเถอะนะดึกมากแล้ว”
ร่างใหญ่มุดไปในผ้าห่มผืนเดียวกัน เบียดกายไปหาแผ่นหลังที่เปล่าเปลือย ของคนที่เอาแต่หันหลังให้ วงแขนแข็งแรงโอบกอดร่างบางอย่างรักใคร่ จูบเบา ๆ ที่แผ่นหลังขาวเนียน จนไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน ส่วนคนที่ปล่อยให้น้ำตาเป็นเครื่องช่วยระบายก็พลอยอ่อนแรงและหลับไปกับคาบน้ำตาอย่างนั้น

อรุณรุ่งเข้ามาเยือน ประณาลีลืมตาขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา โดยที่หญิงสาวก็จำไม่ได้ว่าเผลอกอดเขากลับเมื่อไหร่ ค่อย ๆ ยันกายขึ้นด้วยความยากลำบาก แน่ใจเป็นที่สุดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่ความฝัน น้ำตาก็ไหลรินออกมาอีกครั้ง ตั้งสติอยู่เป็นนานกว่าจะพยุงตัวเองให้เดินไปเข้าห้องน้ำได้ คณินลืมตาขึ้นทันทีเพราะตื่นอยู่นานแล้ว แต่เขายังไม่อยากให้เธอรู้

มือถือบนโต๊ะหัวเตียงสั่นขึ้น ‘บรรพต’ ตรงไปยังประตูทันที เพราะกำลังรออยู่ ลูกน้องคู่ใจยื่นถุงกระดาษให้ ส่วนเขาก็ยื่นกุญแจรถประจำตำแหน่ง เพื่อแลกกับสปอร์ต ที่บรรพตขับมาเปลี่ยนให้ สั่งงานอยู่พักก่อนจะกลับเข้ามาในห้อง เดินไปเปิดดูของกินในตู้เย็น พบความโล่งผิดปกติ มีแต่อาหารกล่องเหลือแค่สองกล่อง เขาหันหลังกลับมามองดูรอบ ๆ ห้อง พบว่าข้าวของที่เคยเห็นหายไปเกือบหมด เห็นกล่องวางเรียงไว้ตรงผนัง เห็นกระเป๋าเสื้อผ้าใบโตวางอยู่ใกล้ ๆ ในสภาพที่เปิดอ้าไว้ กล่องดำวางอยู่ใกล้ ๆ

‘คุณจะไปไหนลี’
ถามตัวเองอยู่อย่างนั้น แต่ก็หันกลับมาหาอาหารกล่องในตู้เย็นอีก อ่านดูก็รู้ว่าเป็นข้าวต้ม จึงเปิดเวฟเพื่ออุ่น เห็นอาหารที่ยังไม่มีใครแตะอยู่ด้านใน ก็รู้โดยทันที ว่าเมื่อคืนหญิงสาวไม่ได้กินอะไรสักนิด

“คุณกลับไปได้แล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว”
บอกทันทีที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ในชุดกางเกงขาสั้น ทำให้คณินรู้ว่าวันนี้หญิงสาวไม่มีโปรแกรมจะไปไหน หรืออาจจะไปแต่ไม่ใช่ตอนนี้







 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2552
2 comments
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2552 8:05:42 น.
Counter : 461 Pageviews.

 

นี่ขนาดยังไม่รู้ความจริงทั้งหมดนะเนี่ยถ้ารู้แล้วลีจะโดนหนักกว่านี้มั้ยเนี่ย

 

โดย: mimny 28 กุมภาพันธ์ 2552 2:54:19 น.  

 

ห๊า! ดิฉันเหมือนเพิ่งจะได้เห็นกระทู้คุณmimny เป็นกระทู้แรกในหลาย ๆ ตอนที่โพสมาเลยค่ะ

เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย คิดว่าจะไม่มีใครอยากจะคุยด้วยซะแล้ว

ขอบคุณทุก ๆ แรงใจนะคะ

 

โดย: ธัญญะ 28 กุมภาพันธ์ 2552 7:35:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.