Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
19 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

ธารลาวา ๓๐ (ธัญรัตน์)




ตอน ๓๑

“ใครว่าล่ะ ทั้งชีวิตและหัวใจผมมอบให้คุณเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะผมรักคุณ และจะมีคุณคนเดียวตลอดไป แล้วผมก็ไม่มีวันที่จะไปไหนกับใครหรอก นอกจากไปกับคุณ ”
หมุนร่างบางให้มาเผชิญหน้าตรง ๆ สบตาด้วยความมั่นใจ ก่อนจะเอ่ยคำรักเพื่อเป็นการยืนยันอีกครั้ง จนคนตรงหน้าค่อยหายคลางแคลงใจลงไปได้บ้าง

“หิวจังเลยไปกินอะไรกันเถอะ วันนี้ผมต้องทำงานดึกด้วย”
ประณาลีรู้ดีว่า ผู้ชายมักจะไม่ชอบให้คนรักงอนนาน ๆ เพราะอาจจะทำให้เบื่อได้
“ลีเตรียมไว้ให้แล้วค่ะ คุณไปดูก่อนว่าถูกใจหรือเปล่า” น้ำเสียงใสขึ้นจนทำให้จำเลยค่อยวางใจหน่อย
“อะไรที่ลีซื้อมาให้ ผมชอบหมดนั่นล่ะ ไปกันเถอะ”

เพียงแค่นั้น กิริยาปกติก็กลับมาสู่หญิงสาวดังเดิม ทำให้คณินรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ที่ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายให้มากความ คณินจัดการกับอาหารตรงหน้าด้วยความอร่อยกว่าหลาย ๆ วัน อาจจะเป็นเพราะหิว หรือเพราะเจ้าของหัวใจหอบหามาให้เขาเองก็ไม่รู้ หรือจะเป็นเพราะเธอคอยตักอาหารที่เขาชอบใส่จานให้ไม่ขาดอันนี้เขาก็บอกไม่ได้ แต่ที่บอกได้ในตอนนี้ก็คือรู้สึกสุขใจเป็นที่สุดที่มีเธออยู่ใกล้ ๆ คอยเอาใจใส่แบบนี้ เอกสารบนโต๊ะถูกเขาหันไปให้ความสนใจหลังอาหารเสร็จสิ้น หญิงสาวจัดการเก็บล้างอยู่เงียบ ๆ พยายามจะไม่ให้มีเสียงไปรบกวนเวลาทำงาน ในหัวก็ครุ่นคิดว่าจะทำยังไงกับข้อมูลที่ตัวเองต้องการ

“ให้ลีช่วยอะไรหรือเปล่าคะเห็นคุณทำหน้าเครียด ๆ”
มือมีแก้วน้ำผลไม้วางไว้ที่โต๊ะทำงาน เจ้าของหน้าคมยิ้มรับด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข ก่อนจะดึงร่างบางให้นั่งลงไปที่ตักอย่างง่ายดาย แม้จะเคยปล่อยให้เขาเชยชมเรือนร่างไปบ้างแล้ว กระนั้นประณาลีก็รู้สึกอายจนหน้าแดง เมื่อต้องนั่งอยู่กับตักเขาแบบนี้

“แค่นี้ลีก็ทำให้ผมสุขมากแล้วล่ะ อยากให้ลีมาอยู่กับผมแบบนี้ทุกวันจังเลย คืนนี้เรานอนที่นี่กันนะ”
คนถูกถามทำหน้าสงสัยแกมค้อนขมับ ๆ จนเจ้าของหน้าคมถึงกับหัวเราะออกมา ก่อนจะให้ความกระจ่าง
“ผมจะให้ลีนอนบนเตียง ส่วนผมจะไปนอนที่ชุดรับแขกโน่น เฮ้อ! เมื่อไหร่จะได้แต่งงานซักทีนะ”
“ทำงานเถอะค่ะ ถ้าจะให้ลีช่วยก็บอกนะคะ ลีจะนั่งอ่านหนังสือรออยู่ตรงนั้น”

“งั้นลีช่วยตรวจคำผิด กับเช็คตัวเลขให้ผมก็ได้ เสร็จแล้วจะส่งกลับไปให้บรรพตแก้ โปรเจคเพื่อนคุณลุงไง ใกล้จะได้ราคาครบทุกส่วนแล้วล่ะ ผมกะว่าจะให้เสร็จก่อนงานแต่งเราสักครึ่งเดือน จะได้มีเวลาพาลีไปแจกการ์ดไง”
เอกสารบนโต๊ะถูกส่งให้หญิงสาว ‘นี่ล่ะคือสิ่งที่ฉันต้องการ’ คนอยากช่วยยิ้มรับด้วยความเต็มใจ ก่อนจะถือเอกสารไปนั่งตรวจที่ชุดรับแขก

“คำไหนที่ลีไม่แน่ใจก็ผ่านไปก่อนนะ เพราะศัพท์พวกนี้เป็นศัพท์ช่างทั้งนั้น”
หน้าก้มอ่านเอกสาร แต่ปากก็ยังไม่วายบอกเธอออกไป ห้องทั้งห้องมีแต่ความเงียบเข้ามาปกคลุม เมื่อต่างคนต่างสนใจกับงานตรงหน้า คณินยิ้มรับด้วยความพอใจ เมื่อหญิงสาวช่วยงานได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้อีก ใกล้จะสี่ทุ่มเขาจึงออกจากห้องทำงานลงไปหาบรรพต และนั่นเป็นเวลาที่ผู้ช่วยจำเป็นเฝ้ารอ คอมพิวเตอร์ตรงหน้าถูกสำรวจโดยหญิงสาวในทันทีที่เขาจากไป

ไฟล์งานเสนอราคาเปิดรออยู่ก่อนแล้ว หากแต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ หญิงสาวรีบก๊อปปี้ลงในแฮนดี้ไดร้ฟ์ทันที ทุกอย่างถูกจัดไว้เหมือนเดิม เมื่อคณินเข้ามาในห้องอีกครั้ง พบว่าเจ้าของร่างบางยังคงนั่งสนใจกับงานตรงหน้าอยู่ที่ชุดรับแขกดังเดิม เขาจึงเดินไปนั่งใกล้ ๆ พร้อมโอบกอดเธอไว้ด้วยความแผ่วเบา

“ลีวันนี้พอแค่นี้ก่อน บรรพตกับเด็ก ๆ ข้างล่างจะเลิกงานแล้ว ไว้ค่อยมาทำต่อ ตอนแรกว่าจะนอนที่นี่ แต่ผมว่าเรากลับไปนอนบ้านกันดีกว่า ผมจะไปส่งลีก่อน กุญแจรถลีอยู่ไหน เดี๋ยวจะให้นทีขับไปรอที่คอนโดเลย”
“นี่ค่ะ แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จคะ ลีจะได้มาช่วยคุณทุกวันเอาให้เสร็จเลย”
ถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและใบหน้าเปื้อนยิ้ม พร้อมยื่นกุญแจรถให้ด้วยความโล่งอก ที่เขาจะไปส่งแทนที่จะนอนที่นี่ตามที่บอกไว้แต่แรก

“ถ้าลีไม่เหนื่อยค่อยมาใหม่วันหลัง แต่ไม่ต้องช่วยผมหรอก แค่มาหาอะไรให้ผมกินแบบวันนี้ก็พอแล้วล่ะ อีกไม่นานก็คงจะเสร็จ คุณลุงบอกว่าเพื่อนอยากจะเห็นราคาของผมเร็ว ๆ ลีเก็บข้าวของเถอะดึกแล้ว อย่านอนดึกมากนะเดี๋ยววันแต่งจะไม่สวย ”
หญิงสาวเชื่อฟังแต่โดยดี เมื่อเขาเอากุญแจไปให้นทีที่หน้าห้อง นทีขับรถประณาลีไปเก็บไว้ที่คอนโดฯ ก่อนแล้ว ส่วนคณินก็ยังอ้อยอิ่งไม่ยอมกลับเมื่อไปส่งเธอที่ห้องนานแล้ว

“อ้อ! เกือบลืมไปเลย พรุ่งนี้เป็นวันครอบครัวผมจะมารับลีเย็น ๆ นะ คุณแม่บ่นคิดถึงว่าที่สะใภ้แล้ว” เขาเพิ่งจะคิดได้
“ค่ะ แต่คืนนี้ดึกมากแล้วนะคะ ลีง่วงจะแย่คุณกลับบ้านเถอะค่ะ” จนหญิงสาวต้องรีบบังคับให้กลับเขาถึงได้ยอม กระนั้นเรียวปากได้รูปก็ยังไม่วายถูกเขาตราตรึงเช่นเคย

“นี่ล่ะพี่ลีที่ผมต้องการ”
ปวีร์ปรบมือเข้าหากันด้วยความดีใจ ที่พี่สาวทำผลงานได้ดีเยี่ยม
“เหรอ! ไหนให้พี่ดูหน่อยสิ” แพทรีบตรงมาดูที่แล็บทอปของน้องชายด้วยความตื่นเต้น
“แต่ว่ามันยังไม่ครบทุกรายการนะพี่แพท พี่ลีต้องไปหามาให้ผมอีกจนครบ”

“พี่รู้ ตอนนี้นายคณินกับลูกน้องกำลังเร่งแกะแบบอยู่ เห็นว่าจะให้เสร็จก่อนวันแต่งงานสักครึ่งเดือน วีรีบติดต่อนายปรเมศเลย รับรองว่าพี่เอาข้อมูลพวกนี้มาให้ได้แน่ ๆ เวลาที่เรารอคอยกำลังจะมาถึงแล้วนะ อยากให้เห็นพวกมันจังว่าจะทำหน้ายังไง โดยเฉพาะคนแม่ จะปั้นหน้ายังไงนะถ้ารู้ว่าลีเป็นใคร มาจากไหน และเข้าหามันทำไม”
น้ำเสียงหนักแน่นบ่งบอกให้รู้ว่า ความแค้นไม่เคยเหือดแห้งไปจากใจคนพูดเลยสักนิดเดียว

“ผมจะรีบติดต่อนายปรเมศทันที และจะเอาเอกสารที่ได้นี่ล่ะ ไปยืนยันกับมัน ผมว่าจะเรียกสักยี่สิบล้าน พี่ลีกับพี่แพทคิดว่าไงครับ น้อยหรือมากไป”
“อืม! พี่ว่าอยู่ในจำนวนที่นายปรเมศจะจ่ายได้นะ ถึงมากกว่านี้นายนั่นก็สู้ พี่เชื่อ สำหรับเราจะให้ฟรี ๆ ก็ให้ได้ แต่เรื่องอะไรเราจะยอมเสียผลประโยชน์ วีไปจัดการได้เลย” พี่สาวให้คำสั่งคนน้องก็รับอย่างว่าง่าย
“ลีวันนี้จะไปพบนายนเรศหรือยัง โทรมาตามพี่ยิก ๆ ตั้งแต่วันนั้นแล้วนะ” แพทถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ก็ได้ค่ะพี่แพท ที่เก่าเวลาเดิมนะคะ เสร็จแล้วลีจะต้องรีบกลับมาแต่งตัว นายคณินจะมารับไปกินข้าวที่บ้าน บอกว่าวันนี้เป็นวันครอบครัว ไม่รู้นายคามินกับนายนเรศจะไปด้วยหรือเปล่า”
คนบอกแม้จะกังวลอยู่มาก แต่ก็ทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด แต่ทั้งแพทและปวีร์ก็เดาได้ว่าหญิงสาวมีความกังวลอยู่เนือง ๆ

“ระวังตัวด้วยนะลี ทนอีกนิดหนึ่ง พี่ว่าทางที่เราเดินมาใกล้จะสิ้นสุดแล้วล่ะ”
แพทเดินมาโอบไหล่น้องสาวคล้าย ๆ จะปลอบใจ เพราะความห่วง ปวีร์ก็มีความรู้สึกไม่แพ้กัน
“ผมจะรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยอีกแรงนะครับพี่ลี” ผู้เป็นน้องให้คำมั่นอีกคน แล้วเข้าไปโอบกอดพี่ทั้งสองไว้

สวนหย่อมที่สนามกอล์ฟในเวลาก่อนเที่ยง ดูเหมือนจะเป็นจุดนัดหมายระหว่างเจ้าของผ้าซิ่นกับศัตรูไปแล้ว ถึงจะแต่งหน้าให้สวยผุดผ่องมาแค่ไหน แต่หญิงสาวก็ไม่ลืมที่จะแสดงแววตาที่เจ็บปวดซุกซ่อนเอาไว้ เมื่อมองเห็นเหยื่อเดินตรงเข้ามาหา ถึงจะหันข้างให้ และมองด้วยหางตาหญิงสาวก็เดาได้ ว่าศัตรูกำลังเดินเข้ามาใกล้เต็มทีแล้ว

“คุณลีรอนานหรือเปล่าครับ ผมต้องขอโทษด้วย กว่าจะปลีกตัวออกมาจากลูกค้าได้ก็แทบแย่”
คำถามที่บ่งบอกว่ารู้สึกผิดเป็นที่สุดที่ปล่อยให้เธอรอ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ปกติลีก็มักจะเป็นฝ่ายรออยู่เสมอ ๆ ไม่ใช่เหรอคะ” น้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้าเหมือนมีทุกข์ส่งให้เขาเห็น เมื่อเธอหันไปหาตรง ๆ นเรศแทบเข่าอ่อน เมื่อได้ยินเธอที่ตัดพ้อเขาเป็นที่สุด

“คุณเรศรีบคุยธุระมาเถอะค่ะ เผื่อบางทีคุณคณิศรเกิดนึกสนุก อยากจะตามเพื่อนมาเล่นกอล์ฟแถวนี้บ้าง เวลาของเราจะเสียเปล่าไปนะคะ” ตอกย้ำให้รู้ว่าเขามีพันธะผูกพันอยู่อีกจนได้
“คุณลีครับ ผมจะบอกตรง ๆ และจะถามคุณลีตรง ๆ เกี่ยวกับเรื่องของเรา”
“คุณเรศจะถามอะไรลีคะ”

“ก่อนอื่นผมขอบอกคุณลีว่า ผมรักคุณลีจริง ๆ รักแบบอยากจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วย ที่ผ่านมาผมอาจจะไม่ได้บอกคุณลีในข้อนี้ ผมเองก็เพิ่งจะค้นพบว่าผมต้องการคุณลีมากแค่ไหน ก็ตอนที่ได้รู้ว่าคุณลีกำลังจะหมั้นกับนายณิน” บอกในสิ่งที่คิดไว้หลายวันแล้ว สีหน้าที่เหมือนไม่อยากเชื่อในคำพูดของเขาถูกสื่อออกมา ก่อนจะเปล่งคำพูดที่ประหยัดที่สุด

“คุณเรศ คุณรู้ตัวหรือเปล่าคะว่าพูดอะไรออกมา”
“คุณลีครับ ผมรู้ตัวดีและคิดเรื่องนี้มานานแล้ว ทีนี้ผมจะถามคุณลีบ้างว่า ถ้าหากผมเป็นอิสระจากภรรยาทั้งทางพฤตินัยและนิตินัยแล้ว คุณลีจะถอนหมั้นกับนายณินหรือเปล่าครับ ผมยินดีรับฟังคำตอบคุณลี ไม่ว่าจะออกมายังไงผมก็รับได้”
“คุณเรศกำลังจะทำให้ลีรู้สึกผิด ที่สร้างความแตกแยกให้ครอบครัวคุณนะคะ”
แม้จะยิ้มรับในใจ แต่มีหรือที่จะยอมรับอะไรง่าย ๆ

“คุณลีอย่าคิดอย่างนั้นเลยนะครับ ผมกับณิมีปัญหากันมานานมากแล้ว มีมาก่อนที่ผมจะพบคุณลีซะอีก ถึงไม่มีคุณลีผมกับเขาก็คงจะต้องเดินกันคนละทางอยู่แล้วล่ะครับ คุณลีอย่ากังวลในเรื่องนี้เลย ตอบผมมาตามตรงเถอะครับ เพราะมันจะช่วยให้ผมตัดสินใจอะไร ๆ ได้ง่ายขึ้น” คนถามเฝ้ารอคำตอบของอีกฝ่ายด้วยหัวใจระทึก

“ถ้าคุณเรศคิดว่าจะทำตามในสิ่งที่คุณพูดมาได้ ลีก็จะทำในสิ่งที่คุณอยากให้เป็นค่ะ ทันทีที่คุณเรศเป็นอิสระ ลีก็จะถอนหมั้นกับคุณคณิน ถ้าคุณเรศต้องการแบบนั้น” ยิ้มอย่างสาสมใจถูกเก็บซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดี
“แต่คุณเรศอย่าดึงลีไปเกี่ยวข้องกับคุณณินะคะ ถ้าคุณจะทำอะไรก็ขอให้ทำด้วยตัวเอง ลีคงจะรับมือคุณณิไม่ไหวถ้าหากว่าเธอรู้ว่าเรา เอ่อ! ลีกลัวค่ะ คนอย่างลีคงไม่มีปัญญาจะไปต่อสู้กับคุณณิได้ ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม” สร้างเกราะให้ตัวเองเอาไว้ก่อน

“รับรองครับ ผมกับณิไปกันไม่ได้แน่ ณิรู้ดี ที่เราสองคนทนอยู่ด้วยกันก็เพราะลูกเท่านั้น”
มันช่างเป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัวของเพศชายที่สุด เท่าที่ประณาลีเคยได้ยินมา

“งั้นลีขอตัวก่อนนะคะ”
“เอ่อ! เดี๋ยวสิครับคุณลี แล้วต่อไปเราจะได้พบกันอีกหรือเปล่า ผมหมายถึงว่าถ้าผมอยากจะคุยอะไรกับคุณลี แล้วอีกอย่างเรื่องระหว่างคุณลีกับนายณินจะให้มันเป็นไปยังไง บอกตรง ๆ นะครับ ผมทนไม่ได้ที่จะเห็นคุณไปไหนมาไหนกับนายณิน มันเจ็บตรงนี้ คุณลีรู้มั้ยครับ ว่าผมเจ็บ”

“มันคงไม่ต่างจากลี ที่ต้องมองคุณไปไหนมาไหนกับคุณณิและลูก ๆ หรอกมั้งคะ”
มันช่างเป็นคำพูดที่หามาแก้ลำเขาได้ดีทีเดียว นเรศถึงกับกลืนก้อนน้ำลายลงคอได้ยากลำบากเหลือเกิน
“ลีว่าคุณเรศติดต่อผ่านพี่แพทเหมือนเดิมจะดีกว่านะคะ ลีจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น ถ้าหากว่าคุณเรศยังไม่ได้ทำตามที่บอกลีไว้ ยังไง ๆ ลีก็ยังเป็นคู่หมั้นคุณณินอยู่ เมื่อคุณณินพาลีไปไหนมาไหนด้วย ลีก็ต้องไป เพราะลีคงจะหาข้ออ้างที่เหมาะสมไปปฏิเสธไม่ได้หรอกค่ะ ลีคิดว่าคุณเรศคงจะเข้าใจลีบ้างในข้อนี้”

“ผมเข้าใจครับ คุณลีไม่ต้องห่วง ผมจะรีบหาทางคุยกับณิให้เข้าใจ แต่ก็คงจะต้องใช้เวลาเหมือนกัน อย่างน้อย ๆ ก็ห่วงความรู้สึกของลูกอยู่แกยังเด็กมาก”
“งั้นลีขอตัวนะคะ พอดีลีมีสอนช่วงบ่ายค่ะ” บอกแล้วก็รีบเดินจากไปโดยไม่คิดจะหันกลับมามองคนข้างหลังแม้แต่นิดเดียว

‘สันดานผู้ชายที่เห็นแก่ตัว’
ในใจก็ด่าสาดคนที่ยืนมองแผ่นหลังเธออยู่อย่างนั้น แพทขับรถมารับทันทีที่เห็นประณาลีแยกจากนเรศมา เพราะรออยู่ในรถแล้ว

“เรียบร้อยทุกอย่างค่ะ อีกไม่นานนายนเรศจะหย่ากับคณิศรแน่ ๆ พี่แพท”
นั่นคือการรายงานผลให้คนที่เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ
“ลีจะไปช่วยนกสอนเด็กก่อนนะคะพี่แพทบ่าย ๆ นายคณินจะมารับไปบ้าน”
ไม่ทันที่แพทจะได้ทักท้วงอะไร ครูสาวที่ห่างหายการเข้าสอนไปหลายวัน ก็เดินเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที แพทได้แต่ส่ายหน้าตามน้อย ๆ ก่อนจะหอบเอาข้าวของออกไปหาลูกค้าตามที่นัดไว้

“ครูลี อุ๊ย! ไม่ใช่ คุณแม่บอกว่าเจนนี่ต้องเรียกน้าลีค่ะ”
หนูน้อยเจนนี่รีบวิ่งเข้ามาหาครูสาวด้วยความคิดถึง ทั้ง ๆ ที่กำลังตั้งท่าจะเรียนกับนกอยู่ก่อนแล้ว ประณาลียิ้มรับเด็กสาวด้วยความเอ็นดู แม้จะเกลียดเครือญาติหนูน้อยคนนี้สักแค่ไหน แต่หัวใจก็ไม่อาจจะหมางเมินใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเด็กได้เลย
“วันนี้น้าลีจะสอนเจนนี่หรือเปล่าคะ” เด็กน้อยยังคงเอื้อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

“คุณเจนนี่เรียกครูลีเหมือนเดิมดีกว่านะคะ เดี๋ยวนักเรียนคนอื่น ๆ เขาจะงง วันนี้ครูลีจะสอนคุณเจนนี่เองค่ะ ครูนกไปพักก่อนเถอะนะคะ เดี๋ยวคลาสรวมค่อยเข้าสอนช่วยลี” บอกเด็กน้อยแล้วก็หันไปหานก ผู้ที่รับหน้าที่สอนแทนเธอมาเกือบจะทั้งหมด

“ลีแต่งตัวหรือยังผมจะไปรับแล้วนะ” เสียงกรอกมาตามสายเมื่อหมดคลาสของเจนนี่
“ใกล้แล้วค่ะ คุณณินมารับลีที่โรงเรียนเลยนะคะ”

ประณาลีเริ่มสนุกกับการสอนจนไม่อยากจะไปไหน หากแต่ก็จำเป็นที่จะต้องทิ้งไป เมื่อช่วยนกสอนได้แค่ชั่วโมงเดียว นักเรียนตัวน้อย ๆ ต่างดีอกดีใจที่ครูคนโปรดเข้าสอนได้ แต่ก็มีโวยวายนิดหน่อยที่ครูสาวจะต้องปลีกตัวออกมาก่อน คณินยิ้มรับด้วยความพอใจที่วันนี้หญิงสาวเปลี่ยนเสื้อกล้ามมาใส่เป็นเสื้อผ้าลูกไม้สีขาวคล้าย ๆ เสื้อเกาะอก หากมีคอเสื้อไปปกปิดช่วงอกเอาไว้ ทำให้ดูแล้วเรียบร้อยไม่น่าเกลียด แต่ก็ไม่เชยเมื่อถูกจัดให้เข้าชุดกับผ้าซิ่นผืนใหม่ที่ยายฝากปวีร์มาให้

“ขอลีแวะซื้อขนมไปฝากคุณแม่กับเจนนี่หน่อยนะคะ” หญิงสาวบอกเมื่อใกล้จะถึงร้านขนมที่ขึ้นชื่อ คณินไม่ได้ตามลงไปด้วยเพราะไม่สะดวกในการจอดรถ ไม่นานข้าวของก็ถูกหอบออกมาจนเต็มมือ
“จะเอาไปฝากเด็ก ๆ พรุ่งนี้ด้วยค่ะ ร้านนี้มีแต่คนบอกว่าอร่อย”
ประณาลีให้ความกระจ่าง เมื่อเห็นเขามองด้วยความสงสัย ก่อนจะบอกพร้อมทั้งรอยยิ้มว่า

“ผมมีแฟนเป็นนางงามจักรวาลตั้งแต่เมื่อไหร่น๊า รักเด็กจริง ๆ เลย”
มองเขาค้อน ๆ แทนคำพูด คณินนำรถมาจอดที่บ้านในเวลาไม่นานนัก แต่ก็รู้สึกจะได้เวลาอาหารพอดี สมาชิกในบ้านต่างมาพร้อมหน้าแล้ว ยกเว้นนเรศที่จงใจจะไม่มา เพราะเขารู้ดีว่าจะต้องเจอกับภาพบาดตาบาดใจ เมื่อคณินคอยดูแลคู่หมั้น คามินพยายามปรับสีหน้าให้ปกติที่สุด หากไม่เพราะวันนี้อยากจะคุยอะไรกับพี่ชายแล้ว เขาเองก็คงจะหายหน้าไปอีกคน ด้วยเหตุผลเดียวกับพี่เขย และดูเหมือนจะมีแขกอาวุโสมาร่วมอีกสองคน

นั่นคือคุณป้าหญิงกับคุณลุงกัมปนาท และก็ดูเหมือนว่าจะมีแขกที่ไม่มีใครอยากจะรับเชิญเพิ่มมาอีกคน เมื่อจู่ ๆ มือถือของคณินก็ดังขึ้น เขาค่อนข้างโกรธตัวเองอยู่มาก ที่ดันไปรับสายก่อนดูว่าเป็นใคร โชติกาก็มาจอดรถรอที่หน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว คณิศรแม้จะไม่ชอบใจว่าที่น้องสะใภ้สักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใคร่จะชอบใจโชติกามากกว่า ที่มาแบบไม่รู้จักกาละเทศะ

“ตายจริงยายพร นี่ตกลงเธอจะมีหลานสะใภ้ให้ฉันทีละกี่คนนี่”
คุณป้าหญิงอดบ่นไม่ได้ เมื่อหลานชายคนโตต้องออกไปเชิญแขกเข้ามาบ้าน ประณาลีไม่ได้รู้สึกกลัวการมาเยือนของโชติกาแม้แต่นิดเดียว ‘น่าสมเพช’ นั่นคือสิ่งที่เธอคิด เพราะผู้ชายเขาไม่เอาแต่คุณเธอก็ยังวนเวียนไปมาอยู่ไม่ขาด

“สวัสดีค่ะทุก ๆ คน ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่วันนี้มาเป็นส่วนเกินของครอบครัว โรสไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ ว่าเป็นวันรวมญาติ พอดีคุณแม่วานให้เอาผลไม้ที่ซื้อมาจากเมืองนอกมาฝากคุณแม่ณินค่ะ”
ออกตัวหน้าตาเฉย ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอก พร้อมมองไปยังกระเช้าผลไม้ที่คณินถือเดินมาข้าง ๆ ด้วย

“โรสขอนั่งตรงนี้นะคะคุณลี” ที่นั่งซึ่งควรจะเป็นของเธอถูกโชติกาหย่อนก้นลงไปนั่งแทนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“หนูลีมานั่งข้างป้านี่ลูก ให้ตาณินนั่งตรงนั้นล่ะ”

คุณป้าหญิงรีบเรียกว่าที่หลานสะใภ้ด้วยความเมตตา บรรยากาศในห้องอาหารดูจะอึมครึมชอบกล เมื่อต่างคนก็ต่างเงียบ คามินกับญาณินที่เคยมีเรื่องนั้นเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังในวงข้าว ต่างก็พากันเก็บปากเก็บคำเอาไว้ จะมีก็แค่ผู้ใหญ่เท่านั้นที่คุยกัน ประณาลีที่มักจะพูดน้อยอยู่แล้ว ก็พลอยไม่ปริปากพูดอะไรเลย นอกจากผู้ใหญ่จะถามจึงตอบออกไป ทำให้คามินเข้าใจว่าหญิงสาวไม่มีความสุขสักนิดที่ได้มาอยู่ในฐานะคู่หมั้นของพี่ชาย

และยิ่งพี่ชายพาแฟนเก่ามาร่วมโต๊ะด้วยแล้ว บวกกับที่เห็นเธอไม่เอะอะอะไรมากไปกว่าการเงียบ ยิ่งมั่นใจว่าเธอไม่ได้รักพี่ชายเขาเลยสักนิดเดียว ประณาลีดูเหมือนจะเดาความคิดของคามินได้ อีกใจก็อยากจะขอบคุณโชติกาไม่น้อย ที่เข้ามาได้จังหวะพอดี ดังนั้นการที่เธอปิดปากเงียบจึงดูไม่เป็นที่ผิดสังเกตุกับคณินสักนิด เพราะต้องคิดว่าเธอเคืองที่เขาพาโชติกามาด้วย

“ขนมร้านนี้อร่อยดีนะหนูลี วันหลังถ้าตาณินพาไปหาป้าก็ซื้อไปฝากป้าด้วยนะลูก”
คุณป้าหญิงคอยชวนเธอคุยอยู่แทบจะตลอดเวลา ผิดกับอัมพรที่มักจะเงียบ ถ้าให้ประณาลีเดาคามินก็คงจะได้นิสัยแม่มาเป็นแน่ ส่วนคณิศรไม่ต้องบอกก็รู้ว่าได้พ่อมาเต็ม ๆ แต่คณินกับน้องสาวน่าจะได้จากทั้งพ่อและแม่มา ประณาลีสังเกตุว่าญาณินจะเงียบกว่าปกติ ในใจอยากจะหัวเราะออกมา เมื่อคิดได้ว่าคงจะหลงรักพ่อน้องชายเธอเข้าให้แล้ว และตอนนี้ก็คงกำลังจะตรอมใจเพราะถูกหมางเมินเป็นแน่

‘ช่วยไม่ได้ อยากจะเกิดมาเป็นลูกไอ้คณึงเอง แค่นี้เธอยังเจ็บน้อยกว่าที่ฉันเจ็บมาก’
สงสารหัวอกลูกผู้หญิงด้วยกัน แต่ด้วยความแค้นที่มีมากกว่าจึงเอามาลบล้างกันได้

“คุณป้าหญิงชอบขนมพวกนี้เหรอคะ ที่ซอยบ้านโรสมีอยู่ร้านหนึ่งเหมือนกันค่ะ คุณแม่บอกว่าอร่อยมาก เดี๋ยวคราวหน้าโรสจะซื้อมาฝากนะคะ ไม่แน่อาจจะอร่อยกว่าที่คุณลีซื้อมาก็ได้ คุณแม่บอกว่าร้านนี้ขายมาตั้งแต่โรสยังไม่เกิดเลย”
ไม่ทันที่ประณาลีจะได้ตอบ โชติกาก็รีบขัดขึ้นก่อน ประณาลีไม่อยากจะแสดงอะไรออกมาให้ผู้ใหญ่เห็นได้ นอกจากยิ้มรับคำของโชติกาแค่นั้น ‘ฝากไว้ก่อนนะแม่คุณ’ ถ้าอยู่ที่อื่น มีหรือที่คนอย่างประณาลีจะยอมให้ใครมาข่มได้ง่าย ๆ

“ตาณินพาหนูลีไปเข้าคลอสเจ้าสาวบ้างหรือเปล่าลูก เดี๋ยวพอวันงานผิวไม่ผ่องป้าไม่รู้ด้วยนะ แล้วเรื่องชุดล่ะเรียบร้อยหรือยัง ถ้ามีอะไรให้ป้าช่วยก็บอกนะ ป้าอยู่บ้านไม่มีอะไรทำหรอก” คุณป้าหญิงไม่สนใจจะตอบคำถามของโชติกาเลยสักนิด
“ยังเลยครับคุณป้าหญิง กะว่าให้เสร็จงานเสนอราคาของเพื่อนคุณลุงก่อน แล้วค่อยพาลีไป เรื่องชุดกับเรื่องอื่น ๆ ผมก็ให้เลขาฯ ช่วยเป็นธุระให้แล้วครับ เห็นบอกว่าอาทิตย์หน้าจะให้ไปลองชุดอีกที แล้วก็จะถ่ายรูปที่สตูฯ ด้วยเลย”
คณินบอกตามความเป็นจริง เพราะช่วงนี้เขามัวแต่ยุ่งเรื่องงานจนไม่ค่อยได้มีเวลาว่าง

“ณินคะรบกวนช่วยตักผลไม้ให้โรสหน่อยสิคะ” โชติกาพยายามเต็มที่ ที่จะไม่ให้เรื่องแต่งงานมาเป็นหัวข้อสนทนา
“หนูลีถ้าพ่อณินไม่ว่างก็มาหาป้าได้นะลูก เดี๋ยวป้าช่วย จะเป็นเจ้าสาวเศรษฐีหนุ่มหน้าหล่ออย่างหลานชายป้าทั้งที จะต้องให้สวยที่สุดนะจ๊ะ เวลาเขาเอารูปไปลงในข่าวจะได้ไม่อายใคร มัวแต่ไปรอตาณินไม่ได้นะ เราจะต้องเตรียมตัวเราเองด้วย ต้องทำให้เราสวย ให้สมกับที่เขาเลือกมาเป็นคู่ หนูลีน่ะโชคดีกว่าสาว ๆ อีกตั้งหลายคนนะ รู้มั้ยว่าหลายชายป้าน่ะ วัน ๆ หัวกระไดไม่เคยแห้งหรอก จริงมั้ยยายพร”

ผู้อาวุโสออกจะห่วงในเรื่องนี้ อีกอย่างก็หมั่นไส้โชติกาไม่น้อย ที่ทำท่าทางออดอ้อนหลานชายจนน่าเกลียด ประณาลีได้แต่ยิ้มรับที่คุณป้าหญิงบอกเท่านั้น อัมพรให้รู้สักคลับคล้ายคลับคลา ในท่วงท่าที่สง่างามของหญิงสาวอย่างบอกไม่ถูก แต่พยายามคิดยังไงก็คิดไม่ออก ว่าเคยเห็นที่ไหน มันคุ้นตาจนว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเหลือเกิน

“คุณแม่คิดอะไรอยู่ครับ” คณินอดสงสัยไม่ได้ ที่เห็นมารดามองคู่หมั้นแบบครุ่นคิด
“เปล่าหรอกลูก แม่แค่รู้สึกคุ้น ๆ หน้าหนูลีขึ้นมาเท่านั้นเอง ไม่รู้ว่าเหมือนใครที่แม่เคยรู้จักหรือเปล่า แต่คิดไม่ออก” ประณาลีอดหวั่นเกรงไม่ได้ แต่ก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด นี่ยังไม่ใช่เวลาที่อัมพรจะรู้ว่าเธอคือใคร หญิงสาวต้องการรอให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนก่อน

‘อีกไม่นานหรอก ฉันจะเป็นคนบอกคุณเองว่าฉันเป็นใคร’ ยิ้มบาง ๆ ให้ศัตรูเพื่อกลบเกลื่อน

“หนูลีเกิดที่ไหนนะลูก แล้วหนูเคยไปอยู่แถวภูเก็ตหรือว่าทางใต้บ้างหรือเปล่า” อัมพรยังอยากรู้ เพราะเริ่มจะคิดได้ว่าเด็กสาวคนนี้มีท่าทางที่คล้ายใครขึ้นมา ในใจก็กลัวกับคำตอบที่จะได้ยินจากปากคนตอบเต็มที แต่อีกใจก็อยากถามเพื่อความแน่ใจ
“ลีเกิดที่เชียงแสนค่ะ พอโตก็เรียนจบมัธยมที่นั่น แล้วค่อยมาเรียนนาฏศิลป์ที่กรุงเทพฯ ค่ะ จบแล้วก็ทำงานและไป ๆ มา ๆ ระหว่างเหนือกับกรุงเทพฯ ภูเก็ตหรือว่าแถวใต้เท่าที่จำได้ ลียังไม่เคยไปเลยค่ะ”
ประณาลีพอจะเดาได้ว่าอัมพรกำลังคิดอะไรอยู่ จึงรีบหาคำตอบมาให้โดยเร็ว

“เธอถามทำไมกันจ๊ะยายพร หรือว่าเคยเห็นหนูลีที่ไหนมาก่อน”
พี่สาวหันไปหาเพราะสงสัยในสีหน้าน้อง คณิศรพลอยสงสัยในอาการของมารดาไปด้วย
“นั่นสิคะคุณแม่ ณิเห็นคุณแม่บอกหลายครั้งแล้วนะคะว่าเหมือนเคยเห็นลีที่ไหนมาก่อน”

“เอ่อ! ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ แม่คงคิดไปเอง ทานขนมต่อเถอะจ๊ะ”
ไม่มีใครรับรู้ว่าคนที่โล่งใจที่สุดคือประณาลี รู้สึกโกรธตัวเองขึ้นมาไม่น้อย ที่พักนี้ไม่ค่อยได้ระมัดระวังกิริยาตัวเองเท่าที่ควร เพราะเห็นว่าอัมพรไม่มีทีท่าว่าจะติดใจอะไร เมื่อได้พบกันสองสามครั้งที่ผ่านมา

ปกติอาหารวันครอบครัวจะเป็นไปอย่างสนุกสนาน และกว่าจะเสร็จก็ดึกดื่น แต่วันนี้เมื่อทุกคนอิ่มต่างก็ขอตัวกันทีละคนสองคน เริ่มจากญาณิน คณิศรและลูก ๆ ต่อไปก็เป็นคุณป้าหญิงกับคุณลุง คามินรอคุยเป็นเพื่อนแม่ เพราะพี่ชายจะต้องไปส่งประณาลี ส่วนโชติกาจำต้องกลับ เมื่อรถของคณินขับออกจากบ้านโดยมีประณาลีนั่งไปด้วย โชติกาได้แต่มองตามด้วยความเจ็บปวด พยายามจะขับรถตาม แต่ก็ไม่มีฝีมือการขับเท่าคณินที่จงใจจะหนี

‘ฉันจะเอาเขาคืนมาเป็นของฉันให้ได้ ไม่มีวันที่เธอจะได้เขาไปจากฉันหรอก เขาจะต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น’
ประโยคนี้โชติกาท่องเอาไว้นานแล้ว

“ลีโกรธผมหรือเปล่า ทำไมเงียบไปตั้งแต่ออกจากบ้านแล้วนะ ผมไม่รู้ว่าโรสจะมารอที่หน้าบ้านในวันครอบครัวแบบนี้ แต่มันก็ไม่ค่อยแปลกหรอกนะ เพราะเมื่อก่อนผมก็เคยชวนให้เขามากินข้าวด้วยบ่อย ๆ”
วงแขนแข็งแรงโอบเธอไว้จากด้านหลัง เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องตามลำพังแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าหญิงสาวคงไม่พอใจนักที่โชติกาเข้ามายุ่งในชีวิตเขาบ่อยครั้ง

“เปล่านี่คะ คุณก็ไม่รู้ว่าคุณโรสจะมา แล้วลีจะไปโกรธคุณได้ยังไงกันคะ”
น้ำเสียงเป็นปกติของเธอ ทำให้คณินรู้สึกสบายใจขึ้น
“ขอบคุณมาก ๆ นะที่ลีเข้าใจผม ความจริงผมบอกกับโรสตั้งแต่ก่อนจะหมั้นแล้ว ว่าเราจะเป็นแค่เพื่อนกัน ที่โรสไปที่บ้านวันนี้ก็คงจะไปในฐานะเพื่อนมากกว่า เพราะโรสก็สนิทกับคุณแม่และคนที่บ้าน”
แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าจุดหมายของโชติกาคืออะไร แต่เขาก็ไม่คิดที่จะทำให้หญิงสาวไม่สบายใจในเรื่องนี้

“อย่าห่วงเลยค่ะ ลีเชื่อว่าคุณกับคุณโรสไม่มีอะไรกันมากกว่าคำว่าเพื่อนตามที่บอกลีค่ะ”
แม้จะไม่ชอบใจอยู่บ้าง แต่ประณาลีก็ไม่คิดจะทำให้เขาเป็นกังวล จนพลอยทำให้ตัวเองหมดค่าเพราะความหึงหวงไปด้วย คณินไม่อิดออดที่จะกลับบ้าน เพราะรู้ดีว่าจะทำให้เธอลำบากใจ เขายอมกลับแต่โดยดี เมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องต้องการจะพักผ่อน มาถึงพบว่าทุกคนต่างขึ้นนอนจนหมดแล้ว เขาจึงเดินไปนั่งรับลมคิดเรื่องงานไปเรื่อยอยู่ริมสระน้ำ จิบเหล้าบาง ๆ ตามลำพัง คามินที่เฝ้ารอการกลับมาของพี่ชายรีบลงมาหาในทันที

“พี่ณินยังจำเรื่องเงินที่มินเคยถามครั้งก่อนได้หรือเปล่าฮะ”
รีบยิงคำถามขณะที่พี่ชายกำลังชงเหล้าส่งให้ด้วยความอารมณ์ดี คนเป็นพี่ทำท่าคิดนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มให้น้อง

“จำได้สิ และพี่ก็จำได้ด้วยว่า พี่ให้มินทำเรื่องมาให้พี่ดูแล้วจะอนุมัติให้ ตกลงว่ามินจะทำอะไร น่าสนใจมากแค่ไหน ให้พี่หุ้นด้วยมั้ย แล้วมินทำคนเดียวหรือว่าทำกับเพื่อน” ความเป็นนักธุรกิจทำให้ต้องรอบคอบ แต่คนเป็นน้องที่มีแผลในใจอยู่ก่อนแล้ว กลับไม่ค่อยจะสบอารมณ์กับคำของพี่นัก







 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2552
0 comments
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2552 8:07:34 น.
Counter : 385 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.