Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
11 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

ธารลาวา ๒๓ (ธัญรัตน์)




ตอน ๒๓

“เป็นยังไงครับคุณแม่ถูกใจหรือเปล่า”
กลับมาไม่ทันได้นั่งก็ยิงคำถามให้มารดาแล้ว ไม่เคยคิดว่าถ้าเกิดคำตอบที่ได้คือไม่โอเคเขาจะทำยังไง แต่เขาเชื่อว่าไม่น่าจะมีอะไรผิดจากที่คาดเอาไว้

“ยังตอบไม่ได้หรอกลูก อะไรกัน แค่ไม่กี่นาทีจะให้แม่บอกแล้ว ขอรอชิมอาหารฝีมือหนูลีก่อนได้มั้ย แต่แม่ว่าเคยเห็นหน้าที่ไหนนะแม่หนูคนนี้ คิดยังไงก็คิดไม่ออก” อยากจะรู้จริง ๆ จึงบ่นเป็นเชิงถามลูกชาย
“ก็ครูลีของยายเจนนี่ไงครับคุณแม่ ลียังเคยรำอวยพรให้คุณแม่คู่กับหลานสาวเราไงครับ”
“เอ่อใช่! มิน่าล่ะแม่ว่าชื่อนี้ฟัง ๆ ดูติดหูอยู่เหมือนกัน แล้วณินล่ะลูก โอเคแล้วใช่มั้ย แล้วหนูโรสล่ะ”

“ผมกับโรสแค่เพื่อนกันครับ ส่วนคนนี้แรก ๆ ก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่พอดูลึก ๆ แล้ว ลีทำให้ผมเชื่อว่าคือคนที่ใช่ครับคุณแม่ ลีต่างจากผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ผมรู้จัก เขาไม่ได้วิ่งหาผมเหมือนผู้หญิงอื่น ตรงกันข้ามกลับวิ่งหนีด้วยซ้ำ ที่สำคัญนะครับ คุณป้าหญิงไฟเขียวแล้วนะ”

ชีวิตของคนที่ต้องใจถูกถ่ายทอดให้มารดาฟังอีกครั้ง หลังจากที่เคยเล่าให้คุณป้าหญิงฟังไปรอบหนึ่งแล้ว และเขาหวังว่านี่คงจะเป็นรอบสุดท้ายที่หนังของเขาจะได้ฉายซ้ำ

“เหรอลูก ถ้าณินมั่นใจขนาดนั้น สำหรับแม่ก็ไม่มีปัญหาหรอกลูก คนไหนที่ลูกแม่รักและเลือกแม่ก็รักได้ทั้งนั้นล่ะ”
มารดาบอกไปด้วยความจริงใจ เพราะเคยทำใจเอาไว้แล้วว่า ถึงแม้ลูกจะหาว่าที่สะใภ้ที่จะทำอะไรไม่เป็นสักแค่ไหน ถ้าลองลูกได้รักและเลือกแล้ว อัมพรก็เคยบอกกับตัวเองว่าจะไม่ขัดใจลูกสักนิด

“คุณแม่ครับ อย่าเพิ่งบอกใครนะครับ เอาไว้มีโอกาสเหมาะ ๆ ผมจะพาลีมาทำความรู้จักกับทุกคนเอง อีกอย่างพี่ณิยิ่งไม่ค่อยจะ...เอ่อ...คุณแม่รู้ดี นะครับ ให้ถึงเวลาก่อนแล้วผมจะจัดการเอง”
รู้ดีว่าพี่สาวจะต้องค่อนขอดแน่ ถ้ารู้ว่าคนที่จะมาเป็นน้องสะใภ้คือประณาลี อาจจะไปแสดงอาการไม่พอใจที่โรงเรียนของหญิงสาวก็ได้ เขาจึงต้องขอตัดปัญหาตรงนี้ไปก่อน

ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับประณาลีกับการทำอาหาร ถึงไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน หญิงสาวก็สามารถสรรสร้างอาหารได้อย่างมืออาชีพ อาหารง่าย ๆ สามสี่อย่างคือปลาราดพริก ต้มจืดกระดูกหมูเห็ดหอม ผัดผักรวม และยำปลากรอบ จัดอยู่ในจานตกแต่งสวยงาม ได้ในเวลาไม่นานนัก ป้าแป้นยิ้มด้วยความพอใจ ถึงรู้ว่าอีกไม่นาน ‘คุณลี’ จะมาเป็นคนพิเศษของบ้าน ไม่ว่าจะทำอะไรยังไงโดยหน้าที่ก็ต้องชมว่าดีไปหมด แต่ป้าแป้นก็ชมด้วยความจริงใจ เพราะคนทำครัวย่อมรู้ว่าใครเป็นหรือมั่ว

รสชาติอาหารผ่านเซ็นเซอร์จากอัมพร โดยมีป้าแป้นเป็นคนรับรองอีกคน หลังอาหารเสร็จประณาลีอยู่ให้อัมพรถามโน่นถามนี่สักพักใหญ่ ๆ คณินก็พากลับ แทนการพาไปส่งที่โรงเรียนหรือคอนโดฯ เขากลับพาเธอไปออฟฟิศ จูงมือเดินตั้งแต่ลงจากรถได้ พนักงานต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความฉงน แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากถามกันและกันเลยสักนิด แม้กระทั่งแหม่มเอง เมื่อเจ้านายสั่งว่าให้หอบงานขึ้นไปให้ทำที่ห้องพักข้างบน แล้วจูงมือครูสาวที่แหม่มคุ้นเคยขึ้นลิฟท์หายไป เอกสารต่าง ๆ ตามไปที่ห้องในเวลาไม่นานนัก แต่เจ้าของห้องไม่ได้สนใจเลยสักนิด กลับคว้าเอาเธอไปกอดไว้

“อย่าบอกนะคะว่าคิดถึง” รีบดักคอเขาก่อนด้วยรู้ทัน จนเจ้าของหน้าคมถึงกับยิ้มออกมา
“งั้นไม่บอกก็ได้ แต่จะเปลี่ยนเป็น...”

จุมพิตลงไปที่กลีบชมพูระเรื่อ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมแต่โดยดี ‘เพื่อแผนการ’ ใจบอกอย่างนั้น จึงปล่อยให้เขายึดครองเรียวปากได้อย่างดูดดื่ม เนิ่นนาน มือบางเผลอยกไปลูบไล้ไหล่หนาอย่างไม่รู้ตัว ร่างอ่อนระทวยลงจนแทบจะยืนไม่ไหว แปลกกว่าหลาย ๆ ครั้งที่มักจะยืนให้เขาเชยชมโดยไม่ได้ตอบสนองแบบนี้

‘ก็เพราะนายนี่มีท่าทีเอาจริง เราถึงต้องแสดงให้สมบทบาท’ หาข้อแก้ตัวให้ตัวเองได้อีกครั้ง

มือหนานุ่มที่สอดเข้าไปเคล้าคลึงปทุมคู่งามตั้งแต่แรกค่อย ๆ ละจากมา จมูกโด่งเป็นสันยังอ้อยอิ่งอยู่ที่พวงแก้มเปล่งปลั่ง สูดดมความหอมครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย แม้จะบอกตัวเองว่าให้หยุด แต่ใจก็ทำตามยากเหลือเกิน ความหอมหวานจากเรียวปาก ดึงเขาให้ตัดสินใจลำบากมากขึ้น อยากจะอุ้มเจ้าของร่างบางไปวางไว้ที่เตียง แล้วปล่อยให้อะไรมันเลยไปถึงไหน ๆ แต่ก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องแบบที่พัทยาอีก

‘ทีนี้ก็ต้องวิ่งง้อเป็นนานแน่ เผลอ ๆ อาจจะง้อไม่ได้ด้วย’
จึงต้องรีบหยุดตัวเองเอาไว้แค่นั้น โดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายห้ามปราม แก้มสาวเปลี่ยนจากขาวเป็นระเรื่ออีกครั้ง เมื่อเขาผละจากเรียวปาก เชยคางมนให้เงยขึ้นไปมองเขาตรง ๆ หลังมือไล้ไปตามแก้ม

“ประณาลี ผมรักคุณ”
ไม่ได้ตั้งใจที่จะบอกตอนนี้และที่นี่ แต่ใจมันเผลอไผลจนหลุดปากออกมา รู้ตัวอีกทีก็เห็นคนตรงหน้ายิ้มเอียงอาย ก่อนจะซ่อนใบหน้าด้วยการก้มลงต่ำ เจ้าของร่างใหญ่ยิ้มอย่างพอใจ แล้วใช้มือเชยคางมนขึ้นมาอีกครั้ง เพราะอยากจะรู้ว่าเธอจะทำหน้ายังไง เมื่อได้ยินคำสารภาพรักจากเขาไปแล้ว ยิ้มกว้างปรากฏขึ้นกับเจ้าของหน้าคมอีกครั้ง เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายอายจนแก้มระเรื่อเปลี่ยนเป็นแดงจัดในเวลาต่อมา

“คุณได้ยินที่ผมบอกคุณมั้ยลีว่า ผมรักคุณ”
ในเมื่อเผลอไปแล้ว ก็ตอกย้ำอีกครั้งซะเลย และก็เป็นการตอกย้ำด้วยความตั้งใจกว่าครั้งก่อน กอดร่างกลมกลึงไว้แนบอก เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าจะ ‘รัก’ แม่เสือยิ้มยากคนนี้ได้ขนาดนี้ และเร็วขนาดนี้ เพียงแค่ไม่นานจากวันที่เขาแจกจูบเพื่อชดเชยกับรอยนิ้วมือที่ตรึงไว้กับแก้ม ความอยากเอาชนะทำให้ต้องดึงเธอเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ ตั้งใจว่าจะเอาเงินซื้อเพื่อให้ได้เชยชมเรือนร่างจนสาสมกับตบที่เธอให้ อย่างที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้ามาก่อน

แต่เขาก็พ่ายแพ้เพราะน้ำตากับเสียงอ้อนวอนที่เธอมีให้ จนต้องหาทางเอาชนะด้วยวิธีอื่น ถึงขนาดต้องยอมเข้าใกล้อีกครั้งเมื่ออยู่เชียงราย แต่หารู้ตัวเองไม่ว่านั่นคือบ่อเกิดแห่งความรัก รักในความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ รักในน้ำใจที่มีให้กับยายผู้เลี้ยงดูมา รักในความสามารถจนล้นตัว ความที่เคยหวงแหนชีวิตโสดขาดสบั้นลง เมื่อหัวใจล่วงรู้ว่า ‘รักเธอเข้าให้แล้ว’ รักอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับหญิงคนไหนมาก่อน

ถึงจะเคย แต่ก็ไม่เหมือนครั้งนี้ รักครั้งแรกที่เขามี คือรักเพื่อนนักเรียนด้วยกัน เมื่อตอนอยู่กับยาย ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขาเป็นวัยรุ่น แต่ก็ถูกพรากรักเพราะพ่อมารับไปอยู่ด้วยและส่งไปเรียนเมืองนอก เขาเสียใจจะเป็นจะตายอยู่เป็นนานสองนาน ที่ต้องห่างคนที่หัวใจบอกว่ารัก ได้มีโอกาสกลับมาบ้านเก่าอีกครั้งตอนยายเสีย พบว่าผู้หญิงคนนั้นลืมเขาไปหมดสิ้นแล้ว และก็มีคู่ควงคนใหม่ในเวลาอันรวดเร็ว ต่างกับเขาราวฟ้าดิน

เมื่อตอนจากกันใหม่ ๆ เคยบอกตัวเองว่า ‘หากไม่ได้ครองคู่กับรักแรก ก็ขออยู่เป็นโสดตลอดไป’ แต่ความคิดนั้น ถูกลบทิ้งเมื่อคนรักไม่ได้เหลือเยื่อใยให้เลย แรก ๆ ก็คิดตำหนิคนรักที่ไม่เห็นค่าหัวใจของเขาที่มอบไว้ให้ แม้จะอยู่แสนไกล แต่พอนาน ๆ เข้าก็เข้าใจชีวิตได้ดี ว่าสรรพสิ่งในโลกย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ตั้งแต่ครั้งนั้นเขาจึงไม่ยอมมอบหัวใจให้ผู้หญิงคนไหนอีกเลย ไม่เคยปล่อยใจให้รักใครง่าย ๆ ได้แต่ควงคู่กับใครต่อใคร มีอะไรกับใครต่อใครได้โดยไม่ต้องมีคำว่ารักเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจจะเป็นเพราะเห็นภาพแฟนสาวควงไปกับชายอื่นเมื่อครั้งอดีตก็เป็นได้

“ลี”
เรียกซ้ำอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่เงียบอยู่ในอ้อมกอดอย่างนั้น ที่เงียบเพราะไม่รู้จะทำยังไงต่อ แผนที่วางไว้ไม่ได้มีวินาทีที่เขาบอกรักรวมอยู่ด้วย นั่นคือข้ออ้างที่มีให้ตัวเองอีกแล้ว ดวงตากลมโตหลับพริ้มลง ใจพลันคิดอยากให้เขาเป็นคนอื่น ที่ไม่ใช่ลูกศัตรูเหลือเกิน อยากให้คนที่เพิ่งจะบอกรักเธอเป็นใครก็ได้ อกอบอุ่นที่อิงแอบอยู่ตอนนี้หากไม่มีเลือด ‘ไอ้คนชั่ว’ อยู่ในตัวเขา เธอคงจะมีความสุขไม่น้อย

แม้จะบอกว่านี่คือการแสดง การเสแสร้ง แต่ส่วนลึก ๆ ในใจก็สุขใจเหลือเกิน สุขจนปล่อยให้เขาทำอะไรต่อมิอะไรได้เกินกว่าที่ตั้งใจไว้แต่แรก เมื่อคิดแผนการขึ้นมา โดยมีคำว่า ‘เพื่อความสมจริง’ เป็นข้อแก้ตัวให้กับตัวเองอยู่แทบจะตลอดเวลา น้ำตาจู่ ๆ มันก็ไหลรินออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ เมื่อคิดไปว่าคนที่เธอยืนกอดอยู่นี้ สุดท้ายเขาและเธอก็จะกลายเป็นเหมือนทางเส้นขนาน ไม่มีวันที่จะมาบรรจบกันได้ เพราะมีคำว่า ‘แค้น’ เป็นเครื่องกางกั้น

“ลี! คุณร้องไห้ทำไม อย่าบอกนะว่าเสียใจที่ผมบอกรักคุณ”
ตกใจไม่น้อยที่เห็นน้ำตาอาบสองแก้มลงมาเป็นทาง แต่ก็ยิ้มออกมา เมื่อคำถามท้ายที่ส่งไปเย้าแหย่ จนคนที่น้ำตาอาบแก้มถึงกับยิ้มออกมาได้

“จะมีผู้หญิงคนไหนกันคะ ที่เสียใจเมื่อเศรษฐีหนุ่ม หล่อ และเก่งอย่างคุณมาบอกรัก ว่าแต่คำ ๆ นี้คุณแจกให้ผู้หญิงคนไหนมาแล้วบ้างคะ หรือว่ามากมายจนจำไม่หวาดไม่ไหว แล้วลีเป็นคนที่เท่าไหร่ แล้วจะเป็นคนสุดท้ายหรือเปล่าคะ”
คำเหล่านี้ไม่ได้คิดไว้ ก่อนแต่มันแล่นออกมาจากส่วนลึกในหัวใจเอง

“คุณไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่ผมเคยสารภาพรัก” ตอบหน้าตาเฉยจนคนฟังถึงกับหุบยิ้มทำตาค้อนขมับ ๆ ส่งมาให้
“ลี! ผมอายุตั้งเท่านี้แล้วนะ ก็ย่อมเคยผ่านความรู้สึก ‘รัก’ กับคนใดคนหนึ่งมาก่อนเป็นเรื่องธรรดา แต่คุณจะเป็นคนสุดท้าย ที่ผมจะบอกคำ ๆ นี้ หัวใจทั้งสี่ห้องของนายคณิน คณานุรักษ์ คนนี้ไม่มีที่ว่างให้ใครแล้วนอกจากคุณ ประณาลี นามองอาจ แล้วคุณล่ะ รักผมตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ”

ดวงหน้าระเรื่อกับดวงตาหวานซึ้งเ มื่อเขาประกาศออกมาให้เธอได้หายคลางแคลงใจ สุดท้ายดวงตาคู่นั้นก็มองเขาค้อน ๆ กับคำถามห้อยไว้ท้ายประโยค คิดไม่ออกว่าจะตอบออกไปยังไงดี

“ว่าไงลี คุณจะบอกได้มั้ยว่าคุณรักผมหรือเปล่า ถ้าคุณไม่บอกผมจะปล้ำคุณวันนี้นะ ดูสิเตียงนอนมันเชิญชวนผมแทบจะตลอดเวลาเลย ถ้าไม่บอกเราได้เห็นดีกันแน่”
เขามีท่าทีที่จริงจังจนคนตรงหน้าเกรง ๆ ความเป็นคนใจเร็วของเขาอยู่ไม่น้อย ทำท่าคิดนิดหนึ่งก่อนจะตอบไป

“ลี เอ่อ ลี...”
เหมือนระฆังช่วยชีวิตเมื่อโทรศัพท์ที่โต๊ะดังขึ้น เจ้าของห้องทำท่าทางยกนิ้วชี้แตะไปที่ริมฝีปากบางให้รู้ว่าเดี๋ยวจะกลับมาเอาคำตอบ ก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์ ซึ่งเป็นแหม่มโทรมา บอกบางอย่างกับเขาก่อนบทสนทนาจะจบลง

“ไปหาอะไรกินก่อนนะ แล้วผมจะไปส่ง”
เดินมาจูงมือออกไปจากห้องเหมือนไม่ต้องการคำตอบที่ถามค้างไว้ เพราะมั่นใจในตัวเองเหลือเกิน ว่าไม่ต้องให้เธอบอกเขาก็รู้ว่าได้หัวใจแม่เสือสาวมาครองแล้ว เมื่อลงมาถึงหน้าห้องทำงาน เจ้าของช่วงขาขาว ยาวและเรียวก็นั่งไขว้ห้างรออยู่ก่อนแล้ว ดวงตาที่มีแววสดใส เมื่อเจอเขากลับขวางอย่างเห็นได้ชัด ที่เห็นเดินจูงมือมากับผู้หญิงอีกคน แม้จะเป็นคนที่มั่นใจในความสวยสดของตัวเอง บวกกับฐานะทางการเงินและสังคมเป็นเครื่องช่วย แต่โชติกาก็ให้รู้สึกหวาดหวั่นกับท่วงท่าของผู้หญิง ที่จัดว่าสวยคนนี้ไม่น้อยทีเดียว

“ณินคะมัวทำอะไรอยู่ โรสรอตั้งนานแล้ว”
ลุกไปคล้องแขนอีกข้างของเขา เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ โดยไม่สนใจว่ามืออีกข้างเขาจะกุมมือใครไว้ก็ตาม ประณาลีทำท่าจะดึงมือออกจากการกุมเกี่ยว เพราะไม่ค่อยชอบใจนัก ที่จะต้องควงผู้ชายร่วมกับใคร แต่ไม่สำเร็จเพราะมือแข็งแรงกำมือเธอไว้แน่น เป็นการให้สัญญาณว่าเธอคือ ‘ตัวจริง’ ยิ้มในใจเมื่อได้ชัยชนะมาครองแล้ว

“โรสไม่ยอมโทรมาก่อนอีกตามเคย ต้องขอโทษจริง ๆ นะครับ วันนี้ผมไม่ว่างแล้ว เอ่อ ผมลืมแนะนำไปนี่ ประณาลี เป็น ‘เพื่อน’ ผม ลีครับนี่คุณโชติกา หรือคุณโรสครับ”

แม้จะแนะนำในฐานะเพื่อน แต่การจูงมือก็เป็นคำตอบอย่างโจ่งแจ้งอยู่แล้วสำหรับโชติกา แต่สำหรับเจ้าของมือบางกลับน้อยใจอยู่ลึก ๆ ที่เขาไม่ยอมแนะนำในฐานะอื่นให้คนนอกได้รู้จัก ใจบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร แต่จนแล้วจนรอดก็แอบขุ่นเคืองนิด ๆ โกรธหน่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นทางสีหน้า นอกจากรอยยิ้มและเอื้อนเอ่ยทักทายคนที่เขาแนะนำ

“สวัสดีค่ะคุณโรส ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“สวัสดีค่ะ คุณลี ไม่ทราบว่าคุณลีเพิ่งจะกลับจากเมืองนอกหรือเปล่าคะ โรสไม่เคยเห็นคุณลีในวงสังคมเท่าไหร่ หรือถ้าเป็นคนในวงการธุรกิจยิ่งแล้วใหญ่เลยค่ะ ส่วนมากโรสรู้จักแทบทุกคน แต่ไม่เคยเห็นคุณลีสักครั้ง”

โชติกาไม่ได้หมายความอย่างประโยคที่ถามสักนิด ตั้งใจจะฉีกหน้าแม่สาวคนนี้มากกว่า ว่าเป็นใคร มาจากไหน ถึงได้มาคว้าเอาปลาย่าง ที่ตัวเองกำลังจะเป็นเจ้าของอยู่แล้ว ประณาลีรู้ดีว่าคำพูดของแม่สาวเปรี้ยวฟังรื่นหู หน้าสวยยิ้มแย้ม แต่มันแฝงความต้องการจะอวดอ้างฐานะทางสัมคมที่เหนือกว่า แต่เธอก็ไม่ได้หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะฝึกและเตรียมพร้อมที่จะรับกับสถานะการณ์แบบนี้เอาไว้อย่างดีแล้ว จึงยิ้มรับและตอบคำถามออกไปอย่างชัดเจน

“ลีไม่ได้เป็นนักเรียนนอก และไม่ใช่นักธุรกิจใหญ่มาจากไหนหรอกค่ะคุณโรส ลีเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีหน้าตาทางสังคมเดียวกับคุณโรสหรอกค่ะ จึงไม่แปลกที่คุณโรสจะไม่เคยเห็นลี”
คนฟังรู้สึกร้อน ๆ หน้า เมื่ออีกฝ่ายยิ้มสู้อย่างไม่เกรงกลัว

“โรสครับ ลีเป็นครูสอนรำไทยครับ เอ่อ! ผมต้องขอโทษอีกครั้งนะที่วันนี้ไม่ว่างจริง ๆ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
เห็นว่าสาวเปรี้ยวไม่มีทีท่าว่าจะลงให้ง่าย ๆ แล้วก็เห็นว่าแม่เสือของเขามีท่าทางที่ไม่เกรงกลัวเช่นกัน จึงต้องรีบเข้ามาขัดจังหวะเอาไว้ก่อน พร้อมดึงแขนตัวเองออกจากการกุมเกี่ยวของโชติกา

“แหม่มช่วยต้อนรับคุณโรสแทนผมด้วยนะ”
หันมาสั่งก่อนจะจูงมือบางเดินออกจากออฟฟิศไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าที่บึ้งเมื่อสักครู่ของสาวเปรี้ยวกลับมายิ้มร่าเริงได้ดังเดิม เมื่อหันมาหาแหม่มกับปัทมาที่นั่งเกร็งอยู่โต๊ะทำงาน ก่อนสองสาวจะรีบลุกขึ้นถามแขกของเจ้านายโดยเร็ว

“คุณโรสจะรับกาแฟหรือน้ำส้มคั้นมั้ยคะ”
“ไม่ค่ะ โรสจะกลับแล้ว” ตอบพร้อมยิ้มให้แหม่มก่อนจะเดินออกไป
“เฮ้อ! โล่งอก คิดว่าคุณโรสจะแผลงฤทธิ์ซะแล้ว” แหม่มยกมือขึ้นไปตบเบา ๆ ที่อกสองสามที

“พี่แหม่มคะ ลองเจ้านายเราได้จูงมือมาประกาศถึงออฟฟิศขนาดนี้ แถมยังได้ขึ้นไปใช้ห้องพักส่วนตัวด้วยแล้ว วิว่าครูลีนี่ล่ะค่ะตัวจริงเสียงจริงแน่ ๆ แหม! เจ้านายเรานี่สุดยอดจริง ๆ เลยนะ วิคิดอยู่แล้วว่าทำไมยอมจ้างครูลีแพง ๆ มาสอนรำ ที่แท้ก็ดึงเข้ามาไว้จีบนี่เอง” ปัทมารีบสมทบ

“เพิ่งจะรู้เหรอว่าเป็นคุณลี ว้า! เบื่อพวกไม่อัพเดทจริง ๆ เลย”
บรรพตที่เดินมาสมทบ เมื่อเห็นเจ้านายเดินกลับไปพร้อมกับคนที่เขาคุ้นตาแล้ว
“อ๋อ! คนบางคนรู้แล้วแต่ไม่ยอมบอกเรา นี่แหนะ ๆ ตีให้น่วมไปเลย” แหม่มว่าแล้วก็ตีไปที่แขนบรรพตแรง ๆ
“โอ๊ย! แหม่มผมเจ็บนะ ก็ใครจะไปกล้าบอกล่ะ เจ้านายเราเดาใจเคยได้ซะที่ไหน ต้องให้มาประกาศเองแบบนี้ล่ะ”
ลูบแขนตรงที่โดนตีไปมาเบา ๆ ก่อนจะทำตาขึงใส่สองสาวตรงหน้า

โชติกาออกมาทันได้เห็นสปอร์ตหรูขับพ้นประตูออกไปแล้ว แม้หน้าจะยิ้มแต่ใจกลับโกรธจนถึงขีดสุด ที่จู่ ๆ โดนหักหน้าจากชายหนุ่มโดยการควงผู้หญิงอื่นเดินหนีไปเฉย ๆ จริงอยู่ ที่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ ใครใคร่จะมีใคร เมื่อไหร่ก็ได้ แต่พอถึงเวลาจริง ๆ แล้ว และถูกหักหน้าแบบนี้แล้ว สาวเจนสังคมกลับไม่ชอบใจเอามาก ๆ รถสปอร์ตหรูอีกคันขับออกไปโดยเร็วไม่แพ้กัน ตั้งใจจะตามรถที่ออกมาก่อนแต่ก็มือไม่ถึง เพราะตามยังไงก็ตามไม่ทันแล้ว

เจ็บใจไม่น้อยแต่ก็บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร มีเวลาอีกถมเถที่จะดึงตัวเขามาสอบถามให้แน่ชัด ว่าจะเอายังไงกันแน่ ยิ้มออกมาเมื่อหาทางออกให้กับตัวเองได้แล้ว ก่อนจะควบสปอร์ตไปหาใครอีกคน เพื่อชดเชยอีกคนที่ไม่แยแส ‘คนอย่างโรสมีหรือจะไร้ซึ่งผู้ชายเหลียวมอง’ ในใจบอกแล้วก็ยิ้มปลื้มในความเป็นคนเจ้าเสน่ห์ของตัวเอง

เจ้าของผ้าซิ่นอยากจะปิดประตูกันไม่ให้คนที่เดินตามหลังเข้ามาในห้องได้นัก แต่มีหรือที่คนอย่างคณินจะยอม รู้แล้วว่าโดนสาวเจ้างอน จนไม่ยอมแวะกินข้าวที่ไหนตามคำบอกของเขา แต่กลับขอเข้ามาพักในห้องอ้างว่าปวดหัวจนต้องยอม ยิ้มในใจเพราะรู้ว่าเจ้าของหน้าสวยคงจะหึงเข้าให้แล้ว เพราะจู่ ๆ ก็มีคู่ควงที่กะว่าจะบอกเลิกในเร็ววันมาหาถึงออฟฟิศ

“ลี! คุณโกรธผมเหรอ”
ใจอยากจะถามว่า ‘หึง’ มากกว่า แต่รู้แล้วว่าทำไม่ได้แน่ อีกคนพยายามปัดมือเขาออกไม่ยอมให้เข้ามากอดได้ง่าย ๆ แต่มีหรือจะสำเร็จ แก้มขาวถูกเขาหอมไปหนึ่งฟอดใหญ่ ๆ

“ปล่อยลีค่ะ คุณกลับบ้านไปได้แล้ว ลีจะพักผ่อน”
แม้ในใจจะเคืองจริง ๆ แต่บอกตัวเองว่าให้ ‘งอนแต่พองาม’ แค่นั้น เพราะถ้ามากไปผู้ชายมักจะเบื่อ หรือถ้าน้อยไปก็จะอาจจะจืดชืดไร้รสชาติ เผลอ ๆ อาจจะเข้าใจว่าไม่สนใจในตัวเขาก็เป็นได้

“ไม่ปล่อยจนกว่าลีจะบอกว่าไม่ได้โกรธผม อ้อ! อีกอย่าง เมื่อกี้คุณติดคำถามผมอีกหนึ่ง ถ้าวันนี้ไม่ยอมบอกเราได้เห็นดีกันแน่ ๆ เตียงคุณก็เปิดรอรับผมอยู่เหมือนกันนะ” รู้อย่างแน่ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายหึง
“ปล่อยค่ะ ลีไม่บอกอะไรทั้งนั้นล่ะ คุณกลับไปได้แล้ว กลับไปหาคนที่คุณจำใจจากมาก็ได้นี่คะ ป่านนี้คงจะรอคุณอยู่แล้วมั้ง ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้วันนี้ ‘อด’ ไปเที่ยวกับคุณโรส”

เน้นคำว่า ‘อด’ หนัก ๆ จนทำให้เจ้าของหน้าคมยิ้มร่าออกมา แม้ภาพของเธอจะเป็นกุลสตรีในความคิดเขา แต่แม่เสือก็แอบมีความ ‘คม’ เอาไว้ไม่เบา โดยเฉพาะคำพูดที่คม ๆ คอยฟาดฟันเขาอยู่เนือง ๆ ตั้งแต่ได้รู้จักกันมา ยิ่งมั่นใจแล้วว่านี่คือคนที่เกิดมาคู่กับคณินโดยแท้

“ใครว่าอดล่ะ มีคนไม่ยอมให้ผมอดยืนให้กอดอยู่นี่ทั้งคน”
“ใครไปยอมคุณตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ปล่อยลีนะ”
“ก็คุณไม่ยอมบอกรักผม แปลว่าคุณยอมจะให้ผมทำอะไรก็ได้ถูกต้องมั้ย ว่าไงจะบอกหรือจะให้จูบ”

“ลีบอกให้คุณกลับไปก่อน....”
เมื่อไม่ใช่คำตอบที่เขาต้องการ เรียวปากก็ถูกปิดลงอีกวาระหนึ่ง กำปั้นน้อยทุบไปที่ไหล่ได้ไม่กี่ครั้ง ก็เปลี่ยนเป็นลูบไล้แทน กับจุมพิตที่นุ่มนวล เนิ่นนาน หวานล้ำของผู้ที่มีประสบการณ์กับเพศตรงข้ามมานับไม่ถ้วน ยิ้มหวานมีให้เจ้าของหน้ารูปไข่เห็นเมื่อเขาถอนริมฝีปากออก

“กลับไปได้แล้วค่ะ ลีเหนื่อยอยากจะพักแล้ว” เสียงอ่อนส่งไปออดอ้อนให้เขาอย่างเห็นได้ชัด
“คุณบอกมาก่อนว่าหายโกรธผมหรือยัง ส่วนอีกคำถามวันนี้โดนทำโทษแล้ว ไม่ต้องตอบก็ได้ แต่วันต่อไปคุณต้องตอบนะ ไม่อย่างนั้น” สายตาส่งให้คนฟังรู้ว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่

“ลีไม่ได้โกรธคุณนี่คะ ลีไม่ได้เป็นเจ้าของคุณซักหน่อย ใครจะไปจะมาหาคุณเมื่อไหร่ยังไงก็ได้”
“งั้นแปลว่าถ้าได้เป็นเจ้าของแล้วจะไม่ยอมให้ใครมาหาผมใช่มั้ย ว้า! แย่จังมีแฟนขี้หึงนี่ไม่ดีเลย”
น้ำเสียงเย้าแหย่จนอีกคนเผลอยิ้มออกมา เป็นเผลอจริง ๆ ซะด้วย แก้มขาวกลับระเรื่อขึ้นมาอีกจนคนมองรู้ว่าอาย

“ลีผมรักคุณนะ ขอให้คุณมั่นใจในตัวผมแค่นั้น ที่เหลือผมจัดการเอง พักผ่อนเถอะผมจะไปอยู่กับคุณแม่หน่อย วันนี้ท่านไม่มีใครอยู่ทานข้าวเป็นเพื่อน ส่วนคุณก็รีบเข้านอนพรุ่งนี้ต้องไปสอนรำอีก”

ยอมจากไปโดยดี แต่ก่อนจะออกจากห้องก็ยังไม่วายที่เจ้าของห้องจะต้องยื่นแก้มให้เป็นของแถมอีก หน้าที่ยิ้มเมื่อสักครู่กลับหมองลงทันทีที่เขาจากไป อยากจะดีใจกับชัยชนะที่ใกล้เข้ามาทุกที ๆ แล้ว แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ยิ้มไม่ออกเหมือนทุก ๆ ครั้ง เดินไปไขกุญแจเปิดลิ้นชักดึงกล่องสีดำขนาดใหญ่ออกมา ในนั้นคือศูนย์รวมเรื่องราวต่าง ๆ ของพ่อกับแม่ น้ำตาไหลรินออกมาได้ไม่ยากเลย เมื่อคิดถึงท่านทั้งสอง คิดถึงวินาทีที่ท่านจากไป ซึ่งเป็นการจากไปก่อนเวลาอันควร จากไปอย่างไม่มีวันกลับ และจากไปเพราะ ‘พวกศัตรู’ คิดได้แค่นั้น สายสัมพันธ์กับลูกศัตรูที่เริ่มจะถักทอก่อตัวขึ้นอยู่ลึก ๆ สุดใจก็ขาดสบั้นลงในทันที

‘ลีเธอจะใจอ่อนไม่ได้นะ เธอจะต้องเอาคืนให้สาสม ลืมไปแล้วเหรอว่าเธอต้องเจอกับชีวิตที่ย่ำแย่แค่ไหน เพราะน้ำมือไอ้คนชั่วคนนั้น พ่อกับแม่จะต้องไม่ตายเปล่า วิญญาณไอ้คนชั่วจะต้องไม่เป็นสุข มันจะต้องเจ็บปวดเมื่อเห็นเมียกับลูก ๆ ของมันต้องมาชดใช้ให้เธอ ได้ยินมั้ยลี เธออย่าใจอ่อนเด็ดขาด’

น้ำตาที่ไหลรินออกมาพลันเหือดแห้งลงภายในพริบตา สีหน้าที่ดูจะมีเยื่อใยกับลูกศัตรูกลับเปลี่ยนเป็นเคียดแค้น ชิงชัง อย่างที่เคยเป็นมา ข้าวของถูกเก็บลงไว้ในกล่องดังเดิม ล็อคกุญแจไว้ประหนึ่งไม่อยากจะให้ใครได้มาเห็น โดยเฉพาะคนที่มักจะเข้ามาวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เพราะมันยังไม่ถึงเวลาที่เขาควรจะรู้ ยังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดเผยตัวเอง







 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2552
1 comments
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2552 8:46:39 น.
Counter : 415 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะ พี่สาวสุดสวย

มิมิเห็นหนังสือของพี่ด้วยแหละ
ยินดีด้วยนะคะ

ตอนนี้อยู่เมืองไทยแล้ว คิดถึงนะคะ

 

โดย: มิมิเอง (samita ) 11 กุมภาพันธ์ 2552 17:19:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.