Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
16 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

ธารลาวา ๒๙ (ธัญรัตน์)




ตอน ๒๘

“อยู่ไหนกันแล้ว เร็ว ๆ หน่อยอาหารมาเต็มโต๊ะแล้วนะ เดี๋ยวผมเปลี่ยนใจไม่เลี้ยงซะหรอก”
โมโหที่ลูกน้องมัวชักช้าทั้ง ๆ ที่บริษัทก็อยู่ไม่ไกลจากร้านมากนัก คณิศรไม่อยากจะเชื่อน้ำคำสามี แต่เมื่อนั่งรอสักพักลูกน้องเขาก็เดินเข้ามาในร้านนับสิบ อยากจะไปกระชากคอเสื้อไอ้คนที่มันโทรมาบอกให้หายเจ็บใจนัก แต่ก็ทำได้แค่คิด เพราะไม่รู้ว่าไอ้คนนั้น มันเป็นใคร มาจากไหน และมีจุดประสงค์อะไร ถึงได้ทำแบบนี้

“ป่านนี้ไม่รู้นายนเรศจะโดนยำไปถึงไหนแล้วนะพี่ลี ดีสมน้ำหน้าอยากจะเจ้าชู้ดีนัก แล้วเรื่องนายคามินล่ะ พี่ลีจะเอายังไงต่อไปดี” ปวีร์ทำหน้าที่เป็นคนขับอดขำไม่ได้ เมื่อวาดภาพได้ว่านเรศจะเจอกับอะไรบ้าง
“ใช่ลี แล้วจะเอายังไงกับนายคามินดีล่ะ”

“ลีจะปล่อยนายคามินทรมานไปก่อนค่ะ ดูสิคะตั้งแต่เมื่อคืนข้อความที่ส่งมาให้ลีนับสิบ ๆ รอบแล้วค่ะ ไหนจะโทรเข้าอีกเป็นร้อยครั้ง ดีให้มันทรมานให้ตาย พ่อกับแม่มันอยากจะเลวดีนัก เอาไว้ให้พ้นงานหมั้นไปก่อน เดี๋ยวลีจะไปจัดการเอง นายคามินเป็นคนสุภาพ เข้าใจอะไรได้ง่ายกว่านายนเรศ แค่ลีไปบีบน้ำตาให้เห็นหน่อยเดียว ขี้คล้านจะรีบหอบเงินสามสิบล้านมาให้ลี”
เจ้าของแผนการบอกด้วยความมั่นใจ

“ก็ดีนะครับ พี่ลีเก่งอยู่แล้วผมเชื่อ เอ่อ! พี่ลี ผมใช้แผนถอยกับญาณินไปแล้วนะครับ จะให้ผมทำยังไงต่อดี จะเดินแผนตามที่พี่ลีบอกไว้เลยหรือเปล่า”
“ระหว่างนี้วีอยู่เฉย ๆ ไปก่อน ให้แน่ใจว่าญาณินเจ็บจริงก่อนแล้วค่อยวางมือ ถ้าไม่จริงก็เล่นแผนเดิมคือรุก แล้วตามด้วยแผนถอย พี่ให้วีเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะทำอะไร ยังไง เมื่อไหร่”

“ครับผมได้อยู่แล้ว เอ่อ! ว่าแต่จะให้ผมไปส่งที่ไหนดีครับ”
รถเคลื่อนมาถึงทางที่จะต้องเลือกแล้ว ปวีร์จึงไม่แน่ใจหันไปหาพี่สาวเพื่อรอคำตอบ
“ไปส่งที่คอนโดพี่แพทดีกว่า แล้วเราค่อยนั่งแท็กซี่ไปโรงเรียนนะคะพี่แพท”
คนถามหันกลับไปหาแพทที่นั่งอยู่ส่วนหลังของรถ
“ก็ดีเหมือนกัน พี่จะแวะอาบน้ำด้วยเลย เหงื่อเต็มไปหมดแล้ว เพราะตื่นเต้นกลัวยายคณิศรจะหันมาเจอ”

“ฮ่า ๆ ๆ คนอย่างพี่แพทนี่มีกลัวเป็นด้วยเหรอครับ ผมเห็นแต่พาทำอะไรก็เอาไม่เกรงกลัวอะไรกับใครเขา”
“แหม! วี ถ้าแผนจบอย่างที่เราคิดไว้แล้ว พี่ไม่กลัวหรอก พูดมากนักแม่จะตบให้สักฉาดสองฉาด เป็นการแก้แค้นที่เมื่อคืนมันว่าพี่เราไปหลายคำไง ลีนี่เก่งนะนั่งทนฟังมันว่าโดยไม่ตอบโต้ เป็นพี่หน่อยไม่ได้จะเอาคืนให้หนัก”
อดโมโหแทนน้องไม่ได้ เมื่อทุกคำพูดของคณิศรถูกถ่ายทอดมาให้แพทได้รับรู้ ประณาลีได้แต่ยิ้มเรียบนัยตาแฝงบางอย่างออกมาก่อนจะบอกแพท

“ใจเย็น ๆ สิคะพี่แพท เรามีเวลาเอาคืนอีกเยอะค่ะ ให้มันตายใจไปก่อนดีแล้ว ถึงลีจะตอบโต้ไม่ได้ แต่เมื่อคืนลีว่าลีได้คะแนนสงสารจากคนในบ้านเพียบค่ะ อย่าห่วงเลย อย่างคณิศรเล่นไม่อยากเท่าน้องชายหรอกค่ะ”
“ก็จริงนะ เอ่อ! วีไหน ๆ ก็มาเจอกันแล้ว พี่ว่าเราสั่งอะไรข้างล่างไปกินบนห้องด้วยกันดีไหม นานแล้วนะที่เราไม่ได้กินอะไรด้วยกันแบบครบทีม ลีว่าไง”

“ได้สิคะพี่แพท แต่ลีจะอยู่นานไม่ได้นะคะ เดี๋ยวบ่าย ๆ นายคณินจะมารับไปลองชุดค่ะ”
“ตกลง! รับรองไม่นานหรอกนี่ยังไม่บ่ายโมงเลย” ทั้งสามยิ้มให้กันอย่างเปี่ยมสุข เมื่อได้อยู่รวมทีมกันแบบนี้

ค่ำคืนที่อ้างว้างบนดาดฟ้าที่เดียวดาย จิตรกรหนุ่มผู้มีหน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม อวดสายตาและยั่วน้ำลายสาวแก่แม่หม้ายให้หกเป็นทาง เมื่อเวลาเขาย่างกายไปไหนไม่แพ้ผู้พี่ หากใครมาเห็นเขาในตอนนี้คงไม่มีใครจำได้เป็นแน่ เพียงแค่สามคืนที่ได้รับรู้ว่าคนที่หัวใจเฝ้าหลงรัก จะกลายไปเป็นสมบัติของพี่ ความเป็นจิตรกรก็ห่างหายไปนับตั้งแต่นั้นมา ผมเผ้าปล่อยกระเซอะกระเซิง หนวดเคราไม่ใส่ใจจะโกนออก เนื้อตัวเหม็นคลุ้ง เหล้าเป็นเครื่องช่วยให้เขาเจ็บปวดน้อยลงไปได้บ้าง

แต่ทุกครั้งที่จับจ้องไปที่มือถือเพื่อหวังให้เธอ โทรหรือส่งข้อความอะไรตอบกลับมาหาบ้าง มันกลับทำให้ชอกช้ำขึ้นมาอีกเป็นกอง พยายามหักห้ามใจไม่ให้เจ็บมากแค่ไหน แต่ ‘ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งเจ็บ’ เขาเพิ่งจะรู้ว่ารักเธอมากแค่ไหน ก็ตอนที่กำลังจะสูญเสียเธอไปแล้วนี่เอง คิด ๆ แล้วให้โกรธตัวเองเป็นที่สุด ที่มัวแต่ใจเย็นไม่ยอมสารภาพรัก และขอเธอแต่งงาน ตั้งแต่ที่ค้นพบหัวใจตัวเอง ว่ารักเธอแล้ว

จะด้วยความไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบใคร หรือความที่หวงชีวิตโสด หรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้เขาไม่เคยเอ่ยปากบอกรักเธอจนแล้วจนรอด เหล้าตรงหน้ากรอกเข้าปากอีกสองแก้วรวด เจ็บลึก ๆ ที่อก เมื่อรู้ว่าพรุ่งนี้เช้า จะเห็นเธอยื่นมือซ้ายให้พี่ชายสวมแหวนให้แล้ว ‘จะทำยังไงดี’ คำถามที่หาคำตอบแทบไม่ได้ ใจก็อยากจะบุกไปหาเธอถึงโรงเรียน ถามให้ได้คำตอบว่าทำไมเธอถึงเลือกคนอื่นแทนที่จะเป็นเขา แต่อีกใจก็เกรงพี่ชายจะล่วงรู้ เกรงว่าพี่ชายจะเสียใจ

เหล้าตรงหน้าเทรวดเดียวเข้าปากอีกครั้ง ๆ ๆ และอีกครั้ง จนจิตรกรหนุ่มหลับฟุบกับโต๊ะอยู่อย่างนั้น ก๋วยเดินขึ้นมาดูเงียบ ๆ เห็นสภาพเจ้านายแล้วก็ส่ายหน้าไปมา นี่จะเป็นคืนที่สี่แล้ว ที่เขาจะต้องแบกคนที่เมาจนหลับไม่ได้สติไปไว้ที่ห้องนอน ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น จากเจ้านายที่อารมณ์ดี เหล้ายาจะแตะก็ต่อเมื่อเพื่อน ๆ มาสังสรรค์ด้วยเท่านั้น กลับกลายเป็นไอ้ขี้เมาขึ้นมาได้ ถึงอยากรู้แต่ก๋วยก็ไม่เอ่ยปากถาม ได้แต่ทำตามหน้าที่ลูกจ้างที่ดี คือดูแลเจ้านายที่หลับสนิทให้ดีเท่านั้น

สนามหญ้าสีเขียวขจีเต็มไปด้วยเต้นท์ผ้าใบสีขาว กางเรียงกันไว้นับสิบ ๆ ทั่วบริเวณ สแตนที่ประดับประดาด้วยผ้าบางสีขาวผืนไม่กว้างมากคลุมตั้งแต่บนจนถึงพื้น ปล่อยชายผ้าให้ปลิวพริ้วไหวไปตามแรงลมที่พัดผ่านไปมา ส่วนยอดบนมีดอกกุหลาบช่อใหญ่ปักขดเหมือนเลขหนึ่งไทยไล่ดอกสีแดงสลับขาวคนละแถวมองแล้วแปลกตาและให้ความสดใสเป็นที่สุด

คณินอยู่ในชุดพระราชทานสีขาวสะอาดตา บ่าด้านซ้ายมีสไบสีทองพาดไว้ ทำให้ดูสง่าขึ้นอีกเป็นกอง เขาเดินเข้ามาในสนามแขนซ้ายยกให้แม่คล้องแล้วเดินตามไปเกือบจะทั่วงาน ทักทายแขกผู้ใหญ่บางคนที่มาถึงก่อนเวลาที่กำหนด บริกรโรงแรมจัดเสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหารเบา ๆ ให้กับแขก แหม่มกับบรรพตกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมโน่นเตรียมนี่ตามเรื่อง เห็นแล้วเรียกรอยยิ้มให้คณินกับอัมพรได้ไม่น้อย เก้าโมง ห้าสิบเก้านาที คือฤกษ์สวมแหวน

‘อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงนะจ๊ะณิน’
คุณป้าหญิงส่งเสียงใสแจ๋วมาตามสาย เพื่อรายงานให้รับรู้ ขณะที่อยู่ระหว่างการเดินทาง เพราะคว้าเอาตัวว่าที่หลานสะใภ้ไปนอนที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อจะได้สะดวกสำหรับช่างแต่งหน้าทำผม ด้วยคอนโดฯ ของประณาลีคับแคบเกินไป ส่วนคณิศรแม้จะไม่ปลื้มว่าที่น้องสะใภ้ แต่ก็หอบลูกกับสามีมาช่วยงานตั้งแต่ที่เขายังแต่งตัวไม่เสร็จด้วยซ้ำ นเรศช่วยต้อนรับแขกที่คุ้นหน้าเป็นอย่างดี หลาน ๆ ได้แต่วิ่งเล่นตามประสา น้องสาวคนเล็กที่ดึงเอาเพื่อนสาวสามสี่คนมาช่วยงาน คอยดูหลานแสนซน กับคอยช่วยแหม่มตามแต่จะสั่งการ

“ณินไปยืนรอต้อนรับแขกอยู่หน้าบ้านดีมั้ยลูก ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนเริ่มมากันแล้วล่ะ อ้าว! นั่นรถตู้พาใครมากัน”
อัมพรที่ยิ้มไม่ยอมหุบจัดแจงแนะลูกชายด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุขนัก นานเท่าไหนแล้วที่บ้านไม่มีงานมงคลแบบนี้
“อ๋อ! คุณแพทครับคุณแม่ เป็นพี่ของลีครับ สงสัยจะพาผู้ใหญ่มาแล้ว งั้นเราไปต้อนรับกัน”

คณินต้อนรับแขกผู้ใหญ่ของประณาลีด้วยความเต็มใจ โดยมีแพทคอยแนะนำให้รู้จัก ใจจริงเขาอยากจะให้ยายมาร่วมงานวันนี้ด้วย ‘ยายไม่ค่อยสบายค่ะ เสียดายเหมือนกันซื้อตั๋วตั้งสองใบให้นิดด้วย แต่ยายไม่มาก็ดีเหมือนกันค่ะ พักนี้สุขภาพยายไม่แข็งแรง ต่อให้นั่งเครื่องมายายก็จะบ่นปวดเนื้อปวดตัว เผลอ ๆ กลับไปอีกทีจะไม่สบายเอา’ เขาค่อนข้างจะเห็นด้วยในข้อนี้ เมื่อประณาลีบอกเมื่อคืนตอนที่ไปส่งเธอที่บ้านคุณป้าหญิง

“ณินคะ โอ้โห! วันนี้หล่อจังเลยค่ะ”
โชติกาลงจากรถมาด้วยชุดเกาะอกสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย เป็นผ้าไหมสีครีม เครื่องประดับวันนี้เป็นเพชรล้วน แม้เม็ดเพชรจะไม่ใหญ่จนเตะตาผู้คน แต่รวม ๆ แล้วสามารถทำให้คนเข้าใจผิดได้ว่า เธอคือคนที่เขาจะหมั้นด้วย และยิ่งมือบางสอดมาคล้องแขนเขาไว้แล้ว คณินรู้ว่าเธอยังคงหวงเขาอยู่ จำสีหน้าและแววตาของเธอเมื่อคืนนี้ได้ดี จากความกระปรี้กระเปรา ความดีใจที่เขายอมให้เธอลากไปที่คอนโดฯ ได้สำเร็จ เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่สลดลงอย่างเห็นได้ชัด กับข่าวการหมั้นหมายของเขา และขอให้เป็นคืนครั้งสุดท้ายที่เขาและเธอจะได้พบกันในฐานะคนแสวงหาสุขร่วมกัน

“ณินใจร้ายกับโรสมากนะคะ จะหมั้นทั้งทีมาบอกโรสล่วงหน้าแค่คืนเดียวนี่นะคะ แล้วเรื่องของเราล่ะ ณินจะลืมได้เหรอคะ ณินแน่ใจนะคะว่าจะหาคนที่ให้ความสุขกับณินได้เหมือนโรสน่ะ ทำไมไม่ดูกันไปอีกสักหน่อยคะ ณินรู้จักเขาและคบเขาได้ไม่นาน เขาคือคนที่ใช่ของณินแล้วเหรอคะ”
น้ำเสียงตัดพ้อพร้อมร่างบอบบางที่มีเพียงเสื้อคลุมตัวเดียวหุ้มไว้ หลังจากที่เธอขอเข้าไปอาบน้ำตั้งแต่ที่มาถึงห้อง ‘ร้อนจังค่ะโรสไปอาบน้ำก่อนนะคะ’ ไม่บอกก็รู้ว่าอยากจะอ่อยเขา

“ผมไม่รู้หรอกว่าลีคือคนที่ใช่หรือไม่ใช่ แต่เท่าที่ผมรู้ก็คือ ทุกครั้งที่อยู่ห่างเขา ผมคิดถึงเขา อยากอยู่ใกล้ ๆ เขาตลอดเวลา อยากดูแลเขา อยากได้ยินน้ำเสียงของเขา ถ้าทั้งหมดนี้รวมกันแล้วเรียกว่า ‘รัก’ ผมว่าผมคงจะไม่ต้องการเวลาที่จะคบหากันให้มากความหรอก มีถมเถที่คนคบ ๆ กันห้าปีสิบปี แต่สุดท้ายก็ต้องแยกไปคนละทาง”
แม้เจ้าของห้องจะพากายที่หอมกรุ่นเข้ามาแนบชิดเขามากแค่ไหน คืนนี้เขาก็ตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งกับเธออีก

“แล้วณินไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้นกับโรสบ้างเลยเหรอคะ ถ้าทั้งหมดที่ณินบอกมามันคือความรัก งั้นก็แปลว่าโรสรักณินน่ะสิคะ เพราะโรสก็คิดถึงณินแทบจะตลอดเวลา อยากอยู่ใกล้ ๆ ตลอดเวลา อยากได้ยินเสียง อยากจะทำอะไรต่อมิอะไรให้หายคิดถึงแบบนี้” เท้าบางเขย่งขึ้นไปจุมพิตปากบางอย่างแผ่วเบา

“แล้วกับคนอื่น ๆ ล่ะ โรสรู้สึกแบบเดียวกันหรือเปล่า พอว่างเว้นจากผมโรสก็มีคนที่โรสคิดถึงและอยากจะอยู่ใกล้ ๆ ไม่ขาด แล้วอย่างนี้จะเรียกว่ารักได้ยังไงกัน หรือว่าโรสมีหลายรัก มีหลายใจกันแน่”
พยายามจะไม่ตอบโต้เรียวปากที่จูบเบา ๆ ไปตามแผ่นอกกว้างอย่างยากลำบาก

“แหม! ณินคะ ที่โรสอยู่กับคนอื่น ก็คงจะพอ ๆ กับณินไปอยู่กับแม่วิชุดา แม่จิติมา แม่ศศิธร และแม่อะไรต่อมิอะไรนั่นล่ะค่ะ แต่ขอบอกว่าณินคือคนที่ถูกใจและรู้ใจโรสที่สุดเลยนะคะ ขาดณินไปแล้วโรสต้องเฉาตายแน่ ๆ เลยค่ะ โรสรักคุณนะคะณิน ทั้งรัก ทั้งหวง และทั้งห่วงด้วย ไม่อยากให้ณินตกไปอยู่กับใครเป็นการถาวรแบบนี้”

ปากพูดมือก็ลูบไล้ไปตามแผ่นอกที่เต็มไปด้วยไรขน กระดุมเสื้อเชิ้ตค่อย ๆ หลุดไปทีละเม็ด ๆ มือหนาคว้ามือที่ไม่อยู่นิ่งเอาไว้ได้ เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองจะหยุดอยู่แค่ยืนให้เธอลูบไล้ไปได้นานแค่ไหน
“พูดยังกับว่าผมเป็นสิ่งของอย่างนั้นล่ะ ไม่เอานะโรส เราคุยกันรู้เรื่องตั้งแต่วันแรกที่เราจะยอมปล่อยให้ความสัมพันเกินเลยกว่าคำว่าเพื่อนแล้วนะ และผมก็ทำตามคำพูดทุกอย่าง คือให้โรสได้ยินจากปากผมเองว่า ผมเจอคนที่ใช่แล้ว ขอให้เราเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมจะดีกว่า อย่าทำให้ผมลำบากใจเลย นะโรส บางครั้งความสัมพันฉันท์เพื่อนนี่ มันยืนยาวกว่าแบบอื่นอีกนะ”

“ยังไง ๆ โรสก็ดึงณินไว้ไม่ได้ใช่มั้ยคะ งั้นโรสจะยอมก็ได้ แต่ณินจะต้องสัญญากับโรสสามข้อนะคะ”
สายตาเจ้าเล่ห์ส่งไปหาอีกคน
“ว่ามาครับคุณผู้หญิง” ยิ้มอย่างพอใจเมื่อเธอยอมเชื่อและปล่อยเขาแต่โดยดี

“หนึ่ง คืนนี้ณินต้องให้โรสตักตวงความสุขจนโรสพอใจ สอง สัญญาว่าจะเก็บโรสไว้ในฐานะเพื่อนสนิทต่อไป โรสสามารถเข้านอกออกใน ทั้งบ้านและที่ทำงานของณินได้เหมือนเดิม สาม ถ้าณินพบว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่ ‘ไม่ใช่’ ของณินแล้ว จะต้องกลับมาหาโรส และทำแบบนี้กับโรสอีกนะคะ แต่ยกเว้นไว้เฉพาะถ้าโรสยังไม่มีใครก่อนนะ”

“โรส คุณนี่เจ้าเล่ห์จริง ๆ เลยนะ แต่ผมก็จะให้สัญญาตามที่โรสต้องการ”
“ไปอาบน้ำก่อนสิคะ เหม็นเหงื่อจะแย่ แล้วโรสจะผสมเครื่องดื่มอย่างที่ณินชอบไว้นะคะ”

เขาจำได้ว่ากว่าจะปลีกตัวมากจากเธอได้ก็เกือบจะตีสอง ใจก็อยากจะนอนเสียที่นั่น แต่ก็กลัวว่าจะเสียงานทางนี้ จึงต้องพาตัวเองมานอนที่บ้านเพื่อความปลอดภัย คิด ๆ แล้วก็รู้สึกผิดอยู่กับคนที่หอบเสื้อผ้าไปนอนบ้านคุณป้าหญิงอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่า ต่อไปเธอจะได้ครอบครองเขาแต่เพียงผู้เดียวแล้ว จึงอยากจะปลอบใจคนคุ้นเคยสักหน่อย เพื่อไม่ดูเป็นการตัดบัวไม่เหลือเยื่อใยจนเกินไป

“อ้าว! หนูโรสมานานแล้วเหรอจ๊ะ แม่ว่าไปนั่งข้างในจะดีกว่ามั้ย อีกหน่อยคุณป้าหญิงก็จะพาหนูลีมาแล้วนะ”
อัมพรเห็นการแสดงออกของโชติกา เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควรอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับวันและเวลานี้ จึงเดินเข้ามาหา เพื่อดึงตัวออกห่างลูกชายที่คนเป็นแม่รู้ดีว่ากำลังอึดอัดกับคนยืนเคียงข้าง

“สวัสดีค่ะคุณแม่ โรสขอยืนเป็นเพื่อนณินจนกว่าว่าที่คู่หมั้นจะมาดีกว่าค่ะ”
อัมพรแทบจะลมจับ เมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่รู้สึกกระดากอายของสาวเปรี้ยวคนนี้ ไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรต่อ รถยุโรปคันหรูสองคันก็เคลื่อนตัวเข้าประตูรั้วมาแล้ว คุณกัมปนาทกับเพื่อนสนิทอีกสองคน ที่คณินรู้จักและเคารพนับถือลงมาจากรถคันแรก ซึ่งทั้งหมดนี้คือผู้ใหญ่ฝ่ายชาย ส่วนอีกคันคุณป้าหญิงที่มาในชุดผ้าไหมตัดเย็บอย่างปราณีต บ่งบอกความเป็นไทย ตามที่เจ้าตัวชอบก้าวลงมา เมื่อคนรถเปิดประตูให้ ตามด้วยผู้ติดตามอีกหนึ่ง แล้วเจ้าของร่างอรชรก็ก้าวลงมา

คณินแทบไม่รู้สึกว่าแขนตัวเองมีโชติกาคอยยึดเอาไว้อยู่ เพราะใจเขาได้แล่นไปอยู่ตรงหน้า คนที่มาในชุดไทยจักรีซึ่งเป็นชุดไทยแท้ ๆ เข้ากับคนสวมใส่ที่สวยแบบสาวไทยแท้ ๆ ด้วยการห่มสไบผ้าไหมที่ห่มซ้อนด้วยผ้าลูกไม้เนื้อละเอียด เอวที่คอดกิ่วมีเข็มขัดทองคำแท้คาดเอาไว้ ซึ่งเข้ากันได้ดีกับผ้าซิ่นสีเหลืองอมทองตัดกับเชิงผ้าซิ่นสีม่วงจับจีบด้านหน้า คอระหงก็มีสร้อยทองคำแท้พร้อมจี้ทองลายโบราณยาวลงมาทับขอบสไบเอาไว้ถึงหว่างอก ตุ้มหูก็ถูกจัดมาให้เข้ากับเข็มขัดและสร้อยได้เป็นอย่างดี

ผมที่เคยยาวสลวยถูกเกล้าขึ้นไปไว้อย่างสวยงามปักด้วยปิ่นปักผมทองคำแท้ ๆ ทั้งหมดนี้คณินสั่งแหม่มให้จัดหามาไว้ให้เธอด้วยงบประมาณไม่อั้น เพื่อคนที่เขารัก แขกเหรื่อที่มาในงานต่างเดินมาชื่นชมความงาม ของว่าที่คู่หมั้นนักธุรกิจหนุ่มเกือบจะทั้งหมด ‘พ่อณินไปเจอแม่หนูคนนี้ที่ไหนกันคะคุณอัมพร ช่างงดงามยังกับนางหงส์แหนะ’ เสียงผู้ใหญ่บางคนกระซิบถามคนที่ยิ้มรับว่าที่สะใภ้ด้วยความภาคภูมิใจ

นเรศแทบจะกระอักเลือดออกมาตรงนั้น เมื่อคนที่ถูกสายตาทุกคู่จับจ้อง ช่างสวย สง่า เหลือเกิน วินาทีนี้เองเขาได้คำตอบจากหัวใจตัวเองแล้วว่า ‘รักและอยากครอบครอง’ ผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน ‘จะเลือกอะไรดี ระหว่างครอบครัวและเธอ’ เป็นครั้งที่ร้อยที่คำถามนี้ผุดขึ้นมาในหัว จิตรกรหนุ่มขับรถไล่หลังรถที่ประณาลีนั่งมา แต่ไม่มีใครใคร่จะใส่ใจกับเขานัก กล้องคุณภาพดี ราคาแพงลิบในมือของเขา กดชัตเตอร์เก็บภาพนางหงส์ตรงหน้าอย่างไม่ยั้งมือ คงจะมีเพียงรูปเธอนี่กระมังที่เขาจะได้ไว้ในครอบครอง

“ตาณินมารับน้องสิลูก มัวยืนอยู่ทำไมกัน หรือเปลี่ยนใจจะไม่หมั้นแล้ว ป้าจะได้พาหนูลีกลับ”

คุณป้าหญิงส่งเสียงเรียก เชิงตำหนิเมื่อแขนหลานชายมีสาวสวย แต่หาได้รู้กาละเทศะไม่ยืนคล้องอยู่ คณินถึงได้หายตะลึงในความงามของคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รถ มือหนารีบแกะมือที่ยึดแขนเขาไว้ออกในทันที เพื่อเดินไปจูงมือเธอเข้าไปในบ้าน แสงจากแฟลชต่างกดตามคนทั้งสองพรึบพรับ ๆ ทั้งจากทางประชาสัมพันธ์ของโรงแรม นักข่าวจากแมกกาซีนหลายเล่ม ต่างพากันมาเก็บภาพ เมื่อคณินสั่งให้แหม่มแจ้งไป เพราะเขาต้องการจะเปิดตัวว่าที่เจ้าสาว ให้คนสังคมได้รับรู้บ้าง ถึงไม่มากมายแต่ก็จะทำให้ประณาลีเป็นที่รู้จักของคนขึ้นมาในระดับหนึ่ง

สองหนุ่มสาวนั่งพับเพียบต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายอย่างพร้อมเพียง พานเงินสด ทองคำแท่ง เครื่องเพชร โฉนดที่ดิน และแหวนหมั้น ซึ่งเป็นเพชรถึงเก้ากระรัต รวมค่าสินสอดแล้วมีมูลค่าถึง ๙๙,๙๙๙,๙๙๙ บาท ที่คณินจัดให้ว่าที่เจ้าสาว

‘ลีขอแค่ ๙,๙๙๙,๙๙๙ บาท ก็พอค่ะ เอามาเยอะ ๆ กลัวจะโดนปล้น’
เขาจำคำของเธอได้ดี เมื่อเอ่ยถึงค่าสินสอด ซึ่งเขารู้สักปลาบปลื้มที่เธอไม่โลภ และไม่อยากได้หน้า เหมือนกับผู้หญิงหลาย ๆ คน แต่เพื่อเป็นการให้เกียรติเธอ เขาจึงจัดสินสอดจำนวนนี้ให้ เพื่อจะได้ไม่น้อยหน้าใคร ๆ ที่จ้องจะซุบซิบผู้หญิงที่เขารักและเลือก

‘จะอะไรซะอีกล่ะ ก็กลายเป็นหนูตกถังข้าวสารไง ไม่ใช่ถังสิ อย่างคุณคณินนี่เขาเรียกว่าโรงสีข้าวต่างหากล่ะ’
‘ท้องก่อนแต่งหรือเปล่ายะ ถึงได้รีบหมั้น เห็นว่าจะแต่งภายในสองเดือนนะ ท้องสาวทุกวันนี้ ห้าเดือนยังดูไม่ออกเลย’
‘ผู้หญิงสวยก็อย่างนี้ล่ะหล่อน ต้องหาทางจับผู้ชายรวย ๆ ด้วยวิธีนี้ ดีแต่สวยไม่รู้ทำอะไรเป็นหรือเปล่า ’
เสียงเหล่านี้แว่วเข้าหูเขา เมื่อไปร่วมงานสังคมสองวันก่อน

เมื่อผู้ใหญ่นับค่าสินสอดจนครบเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ฤกษ์สวมแหวนหมั้นให้ฝ่ายหญิง มือขาวเรียวถูกคณินประคองไว้ด้วยความแผ่วเบา แหวนเพชรน้ำงามสวมไปที่นิ้วนางพอดิบพอดี มือบางถูกยกขึ้นไปจุมพิตเบา ๆ รอยยิ้มที่เธอเดาได้ว่า เขากำลังสุขใจ แววตาที่มองเธอนั้น แม้ผู้ที่ไร้ซึ่งการมองเห็นก็แทบจะสัมผัสได้ ว่าเธอมีความหมายกับเขามากแค่ไหน พร้อมคำพูดที่มีน้ำเสียงหวานซึ้งที่สุดเท่าที่เธอเคยได้ยินมา

“ผมรักคุณนะ”

ประณาลีก้มกราบที่ตักด้วยกิริยาที่สวย สง่างาม ก่อนจะสวมแหวนอีกวงให้เขา เสียงชัตเตอร์กดรัวถี่ ๆ กัน แสงจากแฟลชยังคงพรึบพรับไม่ขาด เสี้ยววินาทีนั้นเอง น้ำตาของหญิงสาวก็ร่วงลงมาชนิดที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัวสักนิด เสี้ยววินาทีที่ภาพพ่อนอนจมกองเลือดก่อนจะจบชีวิตอยู่ในห้อง โดยมีแม่กับยายร้องไห้คร่ำครวญปานใจจะขาดรอน ๆ ประหนึ่งอยากจะตายตามคนรักไป และต่อด้วยภาพของแม่ เมื่อใกล้จะขาดใจสั่งเสียเธอเป็นครั้งสุดท้าย

“ลีลูกแม่ ต่อไปหนูจะต้องเป็นคนดูแลคุณยาย ดูแลน้องช่วยพี่เพชรแล้วนะลูก แม่ขอมอบภาระนี้ให้ลูกนะ ลีทำได้มั้ย”
“ทำได้ค่ะคุณแม่ ลีจะทำทุกอย่างตามที่คุณแม่บอกค่ะ คุณแม่อย่าพูดเลยนะคะเดี๋ยวจะเหนื่อยนอกพักเถอะค่ะ”

“ลี! จำคำแม่ไว้นะลูก หนูกับทุกคนจะต้องอยู่ให้ห่าง ‘นายคณึง คณานุรักษุ์’ ไว้นะ ผู้ชายคนนี้เป็นคนอันตราย เป็นคนใจร้าย ใจดำ ลูกอย่าเข้าใกล้ อย่าไปข้องเกี่ยวด้วยเด็ดขาดไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไร เพราะไม่อย่างนั้นลูกก็อาจจะเป็นเหมือนพ่อกับแม่แบบนี้อีก”

คำที่แม่สั่งเสียก่อนจะสิ้นใจ เธอจำได้แม่นยำนัก กับอีกเสี้ยวของหัวใจ อยากจะให้วันนี้เป็นวันของเธอจริง ๆ อยากจะให้เขาคนนี้ เป็นคนที่เธอควรจะรักและฝากชีวิตไว้ด้วยจริง ๆ อยากจะให้เขาเป็นใครก็ได้ ที่ไม่ใช่ผู้ที่มีสายเลือด ของคนในตระกูล ‘คณานุรักษ์’ ปะปนอยู่ด้วยเหลือเกิน ถ้าเป็นเช่นนั้นได้ วันนี้เธอคงจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีคนหนึ่ง แต่นั่นก็เป็นแค่สิ่งที่เธอคิด

“อ้าว! ไม่ทันไรว่าที่เจ้าสาวร้องไห้ซะแล้ว ณินไปทำอะไรให้น้องเสียใจหรือเปล่า”

คุณป้าหญิงแซวขึ้น จนคนในงานพากันหัวเราะชอบใจ คณินไม่คิดสงสัย ว่าน้ำตาของเธอจะสื่อถึงอะไรได้นอกจาก
‘ดีใจและสุขใจ’ แค่นั้น ส่วนคามินและนเรศกลับคิดเข้าข้างตัวเองทั้งคู่ว่าเธอ

‘ทุกข์ใจที่ต้องเลือกคนที่ไม่ได้รัก’
ญาณินพลอยน้ำตาไหลไปกับประณาลีด้วย เพราะมีใบหน้าของใครบางคน ที่ไม่ยอมเปิดเผยความในใจที่แท้จริงให้เธอได้รับรู้ ใจก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเอง จะมีวันนี้กับคนที่เธอมอบหัวใจให้หรือไม่ ไม่อยากให้ใครเห็นจึงปลีกตัวจากตรงนั้น ไปปล่อยให้น้ำตาไหลรินอยู่ในห้องนอนแทน ตั้งใจจะลงมาอีกครั้งเมื่อใกล้งานเสร็จ

“ขอบคุณค่ะ” ประณาลีไหว้คุณป้าหญิง ที่ยื่นผ้าเช็ดหน้าที่พับไว้ในย่านลิเพามาให้เธอ
“หอมแก้มหน่อยครับนักข่าวอยากได้ภาพประทับใจ”

เสียงนักข่าวคนหนึ่งเรียกร้องบอก เพราะอยากได้ภาพสวย ๆ ไปลงข่าว คณินอยากจะจัดให้มากกว่าการหอมแก้มด้วยซ้ำ แต่ติดตรงที่เจ้าของแก้มเกิดอาการเอียงอาย จนหน้าแดงเพียงแค่สิ้นคำของนักข่าว เขาเลยจำยอมยื่นจมูงโด่งเป็นสันไปแตะแก้มเบา ๆ ช้า ๆ และจ่ออยู่เนิ่นนาน ให้คนขอได้ภาพสวย ๆ ตามต้องการ เสียงปรบมือดังเกรียวกราวไปทั่วห้องโถง บรรพตเข้าไปกระซิบบอกผู้ใหญ่ว่าพระมาถึงแล้ว ทุกคนถึงออกไปที่สนาม ร่วมกันรับศีลรับพรและถวายภัตราหารแด่พระสงฆ์ จบท้ายพิธีด้วยการที่แขกทุกคนร่วมรับประทานอาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ที่จัดวางรายล้อมไปเป็นแนว

“อีกสองเดือนแต่งก็คงจะพอดีที่ณินจะได้เซ็นสัญญางานของเพื่อนลุงนะ เผลอ ๆ ไม่ถึงสองเดือนหรอกอาจจะเดือนหรือเดือนกว่า ๆ ด้วยซ้ำ ณินเตรียมตัว เตรียมเงินหมุนเวียนไว้เยอะ ๆ เลย ลุงหนุนเต็มที่ ว่าง ๆ ลุงจะนัดให้ไปกินข้าวที่บ้านอีกรอบ”
คุณกัมปนาทให้ความหวังกับเขา ประหนึ่งเป็นข่าวดีสำหรับวันดี ๆ แบบนี้ก็ไม่ปาน คณินยิ้มรับด้วยความเต็มใจ เพราะงานนี้เป็นงานยักษ์ ถ้ามีเส้นสายดี ๆ ได้งานมาง่าย ๆ แบบนี้เขาก็ไม่ต้องออกแรงตามมาก

“แล้วไม่มีเจ้าอื่นแข่งกับผมบ้างเหรอครับคุณลุง” ความเป็นคณินที่ไม่นอนใจอะไรง่าย ๆ
“มีสิ แต่ก็พวกไม้ประดับทั้งนั้นล่ะ เราสิของแท้ เพื่อนลุงเขาถูกใจณินตั้งแต่พบกันครั้งก่อนแล้ว งานนี้ได้ชัวร์ ๆ”
เมื่อได้รับการยืนยันแบบนี้เขาก็ค่อยเบาใจหน่อย


แขกเหรื่อทยอยกลับกันทีละคนสองคน จนในที่สุดเหลือแต่คนสนิทเท่านั้น แพทให้รถตู้กลับไปส่งแขกผู้ใหญ่ก่อน ส่วนตัวเองก็ยังคงอยู่ในงานไม่กล้าเดินออกจากรั้วบ้านด้วยซ้ำ เพราะในกระเป๋าที่สะพายอยู่มีสินสอดของหมั้นเต็มไปหมด ไม่รู้จะทำยังไงจึงตัดสินใจเดินเข้ามากระซิบถามประณาลี ที่นั่งคุยอยู่กับหลายคน

“ลีจะให้พี่เอาสินสอดพวกนี้ไปไว้ไหนดี ไม่อยากเอากลับบ้านด้วยกลัวโดนปล้น”
ประณาลีแทบจะกลั้นขำไม่อยู่ เพราะไม่บ่อยครั้งนัก ที่จะเห็นสีหน้าของแพทมีแววกังวลแบบนี้
“หนูลีเอาไปฝากธนาคารไว้สิลูก ของพวกนี้ฝ่ายหญิงจะต้องเป็นคนถือครองเอาไว้นะ”
คุณป้าหญิงได้ยินจนได้ แพทจึงลากเก้าอี้มานั่งด้านหลังของประณาลี

“ลีขอไม่เก็บไว้จะได้มั้ยคะ ฝากคุณณิน หรือคุณแม่ หรือคุณป้าหญิงไว้ก็ได้ค่ะ มันเยอะเกินกว่าที่ลีจะรับผิดชอบไหวค่ะ”
แรกทีเดียวคามินคาดไว้ ว่าเธอคงจะเอาสินสอดพวกนี้ไปใช้หนี้ให้หมด แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอบอกออกมา ทำให้เขายังพอจะมีหวัง ที่จะเสนอตัวเป็นคนช่วยเธอได้ทัน

‘ก็แค่หมั้นกันยังไม่ได้แต่ง’
เขาคิดได้แค่นี้ นเรศเองเมื่อได้ยินคำบอกเล่าของเธอได้ประจักษ์แล้วว่าเธอ ไม่ได้เลือกคณินเพราะเงิน นับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ควรค่าแก่การที่เขาจะลงทุนไม่น้อย

“ผมว่าลีทำอย่างที่คุณป้าหญิงบอกจะดีกว่านะ จะให้ผมเอามาเก็บไว้ยังไงกัน ไม่มีใครเขาทำกันหรอก”
“ลีกลัวค่ะ ของมีราคาแพง ๆ ทั้งนั้นเลย เห็นมั้ยคะคุณป้าหญิง ลีบอกคุณณินแล้วนะคะ ว่าขอสินสอดนิดเดียว จะได้ไม่ต้องวุ่นวายหาที่เก็บ คุณณินก็ไม่เชื่อลีค่ะ ถ้าเกิดวันหนึ่งลีทำหาย หรือมีคนมาจับตัวไปเรียกค่าไถ่ขึ้นมา ลีไม่ต้องหาใช้จนหัวโตเหรอคะ”
น้ำเสียงที่ฟังแล้วรื่นหูจนทุกคนยิ้มออกมา

“แล้วไอ้ที่ว่านิดเดียวของหนูนี่มันเท่าไหร่จ๊ะ” “ขาดสิบล้านอยู่บาทหนึ่งครับคุณป้าหญิง” คณินชิงตอบ
“ตายจริง! แม่คุณมักน้อย ค่าสินสอดแค่นี้ ซื้อบ้านหลังหนึ่งยังไม่ได้เลยนะจ๊ะ จะแต่งงานกับเศรษฐีทั้งที ต้องเรียกให้หนัก ๆ รู้มั้ย เสียดายจริง ๆ ไม่ยอมเรียกป้ามาเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงให้ จะเรียกให้หมดตัวเลย”

ทั้งหมดหัวเราะออกมาด้วยความขำ แต่จนแล้วจนรอดประณาลีก็ไม่ยอมหอบสินสอดกลับบ้านแม้แต่บาทเดียว อัมพรจึงจำต้องหอบทุกอย่างที่เตรียมมากลับไปเก็บเข้าที่เดิม

สายตาจับจ้องไปยังแพทที่เดินตรงมาหาเขาเพียงลำพัง ทั้ง ๆ ที่ใจก็คิดเอาไว้แล้วว่าเธอคงไม่ได้มาด้วย แต่ก็ไม่วายที่จะหวัง รู้ทั้งรู้ว่าหมดหวัง ภาพนางหงส์ในชุดไทยเมื่อไม่กี่วันมานี้ ยังตามหลอกหลอนแทบจะทุกชั่วโมง พอ ๆ กับน้ำเสียงของภรรยาที่เอาแต่หาเรื่องมาทะเลาะอยู่ได้แทบจะทุก ๆ ชั่วโมงเช่นกัน ไม่รู้ว่าทำไมเขาจะต้องทน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ชีวิตคู่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ อยู่ใกล้ภรรยาเป็นร้อนเหมือนไฟ หากอยู่ใกล้กับอีกคนก็ให้รู้สึกเย็นเหมือนสายน้ำ ไม่แปลกใจเลยสักนิดถ้าน้องเมียเขา จะรักและหวงเธอได้ขนาดนี้

“คุณเรศสวัสดีค่ะ มานานหรือยังคะ ขอโทษทีค่ะที่มาช้า พอดีที่โรงเรียนยุ่ง ๆ นิดหน่อยค่ะ”
แพทยังคงไหว้เหยื่อเฉกเช่นเมื่อก่อน ‘ล่อมันเอาไว้ก่อนค่ะพี่แพท’ คำสั่งน้องส่งมาให้ก่อนจะมาที่นี่

“ผมสั่งอาหารที่คุณแพทชอบไว้ให้แล้ว ว่าแต่มีเรื่องอะไรครับถึงได้นัดผมมา อดใจหายไม่ได้คิดว่าเราจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว เพราะผมกับคุณลี...เอ่อ...”
“นี่คือเรื่องที่แพทนัดคุณเรศมาวันนี้ค่ะ แพทเตรียมนี่มาด้วย ถ้าคุณเรศจะเอาไปเก็บไว้ก่อนก็ได้ ทันทีที่แพทหาโอกาสให้ยายลีเซ็นหนังสือมอบอำนาจได้ แพทจะเอามาให้คุณเรศเลยค่ะ จะได้โอนกรรมสิทธิ์กลับไปเป็นของคุณเรศได้”

ซองสีน้ำตาลที่นเรศเปิดดูพบว่าเป็นโฉนดที่ดินที่เขาเคยให้ไว้ เคยอยากได้คืนอยู่บ้าง แต่ใจก็คิดว่าคงจะหมดหวังที่แพทจะเอามาคืนให้ เมื่อเป็นแบบนี้ ทำให้เขาอดประทับใจในตัวสองพี่น้องต่างสายเลือดคู่นี้ไม่ได้

“คุณแพทอย่าเอามาคืนผมเลยครับ ตั้งใจจะซื้อให้คุณลีแล้ว ผมก็ไม่คิดจะเอาคืนหรอก ถือซะว่าเป็นของขวัญวันแต่งงานก็แล้วกันนะครับ ถึงเราจะไม่ได้...เอ่อ...แต่เรายังเป็นเพื่อนกันได้นะครับ เว้นแต่ว่าคุณลีไม่ต้องการมันแล้วเท่านั้น ก็คงจะใช่นะครับ คู่หมั้นคุณลีร่ำรวยออกอย่างนั้น จะมาสนใจทำไมกับบ้านราคาไม่กี่ล้านของผม”
เงินแค่นี้ก็ไม่มากมายนักสำหรับนเรศ แต่ก็อดตัดพ้อไม่ได้

“คุณเรศคะ แพทไม่รู้ว่าระหว่างคุณกับยายลีมีอะไรบาดหมางใจกันหรือเปล่า แต่ตั้งแต่กลับจากพบคุณเรศที่สนามกอล์ฟครั้งก่อน น้องแพทเอาแต่ร้องไห้ บอกแต่ว่าตัวเองเผลอทำอะไรบางอย่างผิด ซึ่งไม่ได้บอกแพทหรอกค่ะ ถ้าให้เดาก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องคุณเรศ กับความถูกต้อง ลีคงจะหลงรักคุณเรศเข้าให้จนหมดหัวใจ พอรู้ตัวอีกทีก็ตัดใจไม่ขาด จะรักต่อก็เกรงจะเป็นบาป เพราะคุณเรศยังมีภรรยาและลูกต้องคอยดูแลอยู่ อีกอย่างคุณเรศเองก็ไม่ได้แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่ารู้สึกยังไงกับลี จึงทำให้ต้องตัดใจจากคุณเรศให้ได้

พอคุณคณินเข้ามาไม่นาน แต่แสดงออกว่าแคร์ลีมากกว่าคุณเรศ ลีก็คงจะหาใครสักคนอยู่ใกล้ ๆ เพื่อที่จะได้ลืมคุณเรศได้เร็ว ๆ มั้งคะ และยิ่งวันที่คุณคณิศรมาร้านนี้อีก แพทไม่เห็นว่าคุณเรศจะกล้าบอกคุณคณิศรเลยนี่คะ ว่ามีใจให้กับยายลี แล้วจะมีประโยชน์อะไร ที่ลีจะต้องมาทนนั่งรอคนที่มีภาระผูกพัน สู้หาคนใหม่ดีกว่า ถึงจะยังไม่รัก แต่ลีก็คงจะทำใจให้รักได้ในอีกไม่ช้า หรือถ้าทำใจให้รักไม่ได้ ก็อยู่กับเขาแบบไม่รักนั่นล่ะค่ะ แพทบอกเท่าที่แพทอ่านใจยายลีได้นะคะ ในเมื่อคุณเรศไม่มีอิสระพอที่จะรักน้องของแพทแล้ว แพทก็ขอคืนบ้านให้ดีกว่าค่ะ จะได้ไม่ต้องติดค้างกัน”
คำพูดที่เตรียมมาได้ถูกถ่ายทอดออกไปจนหมดแล้ว ไม่บอกก็รู้ว่าคนฟังหวั่นไหวแค่ไหนกับสิ่งที่ได้ยิน

“คุณแพทครับ เก็บโฉนดไว้เถอะนะ และถ้าเป็นไปได้ ผมขอพบคุณลีอีกสักครั้ง ผมอยากจะปรับความเข้าใจ และถามอะไรบางอย่าง เพื่อความแน่ใจ ก่อนที่ผมจะตัดสินใจทำอะไรลงไป ช่วยนัดให้ผมหน่อยนะครับ จะเมื่อไหร่ก็ได้ แต่อย่านานนักก็แล้วกันครับ”
กับคำบอกเล่าของแพท บวกกับน้ำตาที่ไหลรินออกมาในวินาทีที่นิ้วนางของหญิงคนที่เขาปักใจรักถูกจับจอง ทำให้มั่นใจว่าคิดไม่ผิดว่าเธอเองก็ ‘รัก’ เขาไม่น้อยเช่นกัน

“จะมีประโยชน์อะไรที่จะพบยายลีอีกคะ แพทว่าเราต่างคนต่างอยู่จะดีกว่ามั้ย” ยอมง่าย ๆ ก็ไม่ใช่แพทสิ
“เถอะนะครับ ถือว่าผมขอก็แล้วกัน ทางเดียวที่จะได้พบคุณลีอีกก็มีแต่คุณแพทช่วยแค่นั้นล่ะครับ ถือว่าทำเพื่อผมกับคุณลีอีกสักครั้ง ผมแค่ต้องการจะถามอะไรบางอย่างจากเธอให้แน่ใจเท่านั้นเอง นะครับผมจะรอฟังข่าวดีจากคุณแพท”

“เอ่อ! เดี๋ยวแพทจะลองดูก็แล้วกันนะคะ แต่แพทขอไม่รับปากนะว่ายายลีจะยอมมาพบคุณเรศหรือเปล่า”
เมื่อเหยื่อหลงเข้าบ่วงก็เป็นอันว่าภาระกิจที่ได้รับมอบหมายวันนี้เสร็จสิ้นแล้ว







 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2552
0 comments
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2552 6:08:35 น.
Counter : 475 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.