Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
17 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

ธารลาวา ๒๙ (ของจริง)




ตอน ๒๙

รถสปอร์ตแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านทรงไทยที่เธอคุ้นตา นี่เป็นครั้งที่สามที่คณินพาเธอมา เพื่อเยี่ยมคุณป้าหญิง แต่จริง ๆ แล้วเขาจะมาคุยเรื่องโปรเจคใหญ่กับคุณลุงกัมปนาทด้วย เห็นคุณป้าหญิงบ่นคิดถึงเธอ เขาจึงชวนมา ชายอาวุโสของบ้านนั่งอ่านหนังสือรออยู่แล้วที่นอกชาน ประณาลีจึงปล่อยให้สองคนคุยได้สะดวก โดยแยกไปหาคุณป้าหญิงที่นั่งแกะสลักผักผลไม้อยู่ศาลาริมน้ำ

“หนูลีมาแล้วเหรอลูก ไหว้พระเถอะ หิ้วอะไรมาด้วยน่ะ ขอบใจมาก ๆ นะ ทีหลังไม่ต้องลำบากหรอก แค่มานั่งคุยกับป้าก็พอแล้ว เอาไปล้างแล้วใส่ตู้เย็นไว้ตั้งโต๊ะเย็นนี้เลยนะ”
คุณป้าหญิงยิ้มรับเธออย่างจริงใจ มือก็พนมระดับอกเพื่อรับไหว้ ก่อนจะรับกระเช้าผลไม้จากเธอ แล้วหันไปสั่งเด็กรับใช้ที่นั่งอยู่ด้วย

“ไม่ลำบากสักนิดเลยค่ะคุณป้าหญิง คุณณินบอกว่าเป็นของโปรดของคุณป้าหญิงกับคุณลุงทั้งนั้น ลีเลยซื้อมาเยอะหน่อยค่ะ จะได้เก็บไว้ทานหลาย ๆ วันไงคะ เผื่อลีไม่ค่อยได้มาเยี่ยมคุณป้าหญิง”
น้ำเสียงสดใสกับรอยยิ้มที่ไม่มีอะไรเคลือบแฝงเหมือนคุยกับอัมพรผู้น้อง เพราะประณาลีไม่ได้โกรธแค้นคุณป้าหญิงเลยสักนิด จึงให้ความเคารพได้อย่างสนิทใจ บวกกับคุณป้าหญิงเองก็มีแววตาที่เอ็นดูเธอไม่น้อย

“จ๊ะแม่คุณ ป้ารู้แล้วล่ะว่าเรากำลังจะได้สามีรวย ซื้อของมาฝากป้าแค่นี้ คงไม่ทำให้ขนหน้าแข้งตาณินร่วงหรอก อ้าว! เสียงรถใครมา ดูรถไม่ค่อยจะคุ้นเลย หนูลีไปถามให้ป้าทีสิลูก ถ้ามาหาคุณลุงก็ขึ้นไปเรียนท่านก่อนนะ”

ไม่ทันที่ประณาลีจะได้พูดอะไรต่อกับคุณป้าหญิง ก็ต้องรีบตรงไปหาเจ้าของรถที่ขับเข้ามาจอดใกล้ ๆ กับสปอร์ต ผู้มาเยือนถึงกับตะลึงกับหญิงสาวในชุดแปลกตาที่เดินตรงมาหา ความสวย ส่งแววมาตั้งแต่เธอย่างก้าวอยู่ไกล ๆ เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าให้เขาเห็นเต็มตาแล้ว ยิ่งส่งให้เจ้าของหุ่นอรชร กับใบหน้าที่ขาวเนียน แก้มอมชมพูระเรื่อ ทำให้น่ามองไม่น้อย ‘ปรเมศ นาคาพิทักษ์’ แทบไม่ได้ยินเสียงที่ฟังแล้วหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้าที่เอื้อนเอ่ยถามเขาไป

“คุณคะ ไม่ทราบจะมาพบใครคะ”
“เอ่อ! มาพบคุณกัมปนาทครับ ไม่ทราบว่าอยู่หรือเปล่า”
แขกให้ความกระจ่างเมื่อเธอถามย้ำครั้งที่สอง เพราะมัวแต่มองหน้าคนถามเพลิน จนเกือบจะลืมว่าตัวเองมาทำธุระสำคัญอยู่

“พอดีคุณลุงกำลังคุยธุระอยู่ค่ะ รบกวนนั่งรอตรงศาลาสักครู่ก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะให้คนหาน้ำมาให้”
บอกพร้อมเดินนำแขกไปยังศาลาเล็ก ๆ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากศาลาที่ป้าหญิงนั่งมองมาอยู่นัก ตั้งใจจะเดินกลับไปแล้ว แต่ก็คิดขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ถามชื่อแขกของคุณลุงเลย จึงหันกลับมาอีกครั้งพร้อมยิ้มบาง ๆ ให้

“ไม่ทราบว่าจะให้เรียนคุณลุงว่าใครมาพบคะ”
“อ๋อ! ฝากบอกว่าผม ปรเมศ นาคาพิทักษ์ เจ้าของบริษัท พีเอ็น คอนสตรัคชั่น มาขอคุยธุระด้วยสักครู่ครับ”
“อ๋อ! ค่ะ งั้นรบกวนรอสักครู่นะคะ”

ยิ้มให้แขกก่อนจะกลับไปหาคุณป้าหญิง ปรเมศนั่งรอคุณกัมปนาทอยู่พักใหญ่กว่าจะได้ขึ้นไปพบ คณินเดินสวนกลับลงมายิ้มเหมือนไม่เต็มใจ ส่งให้แขกคุณลุงที่เขารู้จักเป็นอย่างดี แต่ไม่ใคร่อยากจะเห็นหน้าในตอนนี้เท่าไหร่ ไม่บอกก็รู้ว่าธุระของปรเมศคืออะไร ผู้มาเยือนสัมผัสได้ไม่ยากนัก แต่ปรเมศไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว

‘ใครดีใครได้ และงานนี้ฉันจะต้องได้’
นั่นคือประโยคที่ปรเมศท่องเอาไว้ในใจ ตั้งแต่คิดจะจับงานนี้แข่งกับคณินแล้ว หลังจากที่ผ่านมา บริษัทเขาพ่ายแพ้ต่อกลยุทธของคณินมาหลายงาน

“คิดไม่ถึงว่าจะเจอคุณที่นี่ มีธุระอะไรกับคุณลุงผมเหรอครับ ถึงได้ดั้นด้นมาซะไกลเชียว”
คณินเอ่ยลอย ๆ เหมือนไม่ตั้งใจจะคุยด้วย ในจังหวะที่เดินสวนกันตรงบันได ผู้มาเยือนยิ้มรับ แม้จะรู้ว่างานนี้ตัวเองเป็นรองเรื่องเส้นสาย แต่ก็ยังไม่คิดจะยอมแพ้เอาง่าย ๆ ต้องขอฮึดสู้สักยกก่อน

“ผมก็คงจะมาเรื่องเดียวกับคุณคณินมั้งครับ ต้องขอตัวก่อนนะครับ ไม่อยากจะให้ผู้ใหญ่รอนาน”
ปรเมศทำท่าจะก้าวขึ้นบันไดขั้นต่อไป แต่คิดบางเรื่องได้จึงหันมายิ้มให้คณินก่อนจะกล่าว
“อ้อ! เกือบลืม ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ แหม! จะหมั้นทั้งทีไม่คิดจะเชิญผมเลย หวังว่างานแต่งคงจะไม่ลืมผมนะครับ ได้ข่าวว่าอีกสองเดือนจะแต่ง แต่ถ้าถึงตอนนั้นต่อให้คุณคณิณเชิญ เห็นทีผมคงจะไปร่วมงานด้วยไม่ได้ เพราะคงจะยุ่งกับโปรเจคใหญ่จนไม่มีเวลาว่างล่ะมั้งครับ”

“รู้สึกว่าคุณจะมั่นใจมากจังเลยนะครับ ผมว่าเผื่อใจไว้ให้กับความผิดหวังหน่อยก็ดี จะได้เจ็บน้อย ๆ เหมือนครั้งก่อน ๆ ไง”
บอกแล้วก็รีบเดินหนีเอาดื้อ ๆ ทิ้งให้ผู้มาเยือนมองตามอย่างรู้สึกหมั่นไส้ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าเรื่องที่ตั้งใจมาคุยกับเจ้าของบ้าน คณินมองมาจากศาลาเห็นปรเมศกลับไปในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หลังจากที่ขึ้นไปหาคุณลุง ยิ้มสะใจออกมาคนเดียว แขกคงจะไม่มีโอกาสได้เห็น ไม่บอกก็รู้ว่าคงจะถูกคุณลุงไล่ตะเพิดแทบลงบันไดไม่ทันเป็นแน่

“ลุงไม่เอาด้วยหรอก จะมาเสนอเงินเท่านั้นเท่านี้ให้ ลำพังที่มีก็ใช้ไม่หมดแล้ว คนเราก็มีแค่นี้ ไม่รู้จะงกเงินไปถึงไหน อีกอย่างลุงอยากให้ณินได้งานนี้ จะได้เป็นของขวัญให้ในวันแต่งงานไง ดีมั้ยหนูลี”
คุณกัมปนาทไขข้อข้องใจให้หลานชายได้รู้ด้วยความอารมณ์ดี ขณะที่ทั้งหมดกำลังอร่อยอยู่กับอาหารเย็น

“ลุงรู้ว่านายปรเมศเป็นคู่แข่งคนสำคัญของหลาน เรื่องอะไรจะปล่อยให้เข้ามารู้จักเพื่อนลุงได้ง่าย ๆ แน่จริงก็เอาชนะด้วยฝีมือสิ หรือถ้าจะเอาเงินมาซื้อเพื่อหาพวก ก็หัดดูตาม้าตาเรือซะบ้าง ใครซื้อได้ซื้อไม่ได้ เป็นถึงเจ้าของบริษัท กลับไม่มีสายตาที่แหลมคม แบบนี้จะใหญ่เทียบกับคนอื่นได้ยังไงกัน”

คณินค่อนข้างเห็นด้วยในสิ่งที่คุณลุงพูดมาแทบทั้งหมด ปรเมศ เข้าไม่ถูกคนจริง ๆ แม้ฝีมือจะไม่เป็นรองเขาสักเท่าไหร่ แต่เรื่องวิสัยทัศน์นี่เขาเห็นว่าคู่แข่งยังอ่อนกว่าเขาอยู่

“ใช่ที่เขาว่า ‘มีตาหามีแววไม่’ หรือเปล่าครับคุณลุง”

ยิ้มกว้างส่งให้คุณลุงด้วยความอารมณ์ดี หันไปมองประณาลีที่นั่งข้าง ๆ คุณป้าหญิง ด้วยแววตาหวานซึ้ง หญิงสาวได้แต่ยิ้มตอบน้อย ๆ พองามให้เขาเท่านั้น ภายใต้ใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม ไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่า วันนี้หญิงสาวดีใจเป็นที่สุด ที่ได้มาบ้านคุณป้าหญิงอีกครั้ง เพราะมันทำให้เธอได้รู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับกิจการของศัตรู และคนที่ศัตรูไม่ปรารถนาที่จะผูกมิตรด้วย ‘ปรเมศ นาคาพิทักษ์ เจ้าของบริษัท พีเอ็น คอนสตรัคชั่น’ ชื่อนี้ถูกเธอตราตรึงไว้ในความทรงจำได้เป็นอย่างดีแล้ว

คิดไม่ผิดที่วางแผนเข้าหาศัตรูในฐานะว่าที่สะใภ้ของบ้าน เวลาเสวยสุขของ ‘คนเลว’ ใกล้จะจบสิ้นลงแล้ว พวกมันจะได้ลิ้มลองความเจ็บปวดในอีกไม่ช้า แม้มันจะไม่ได้ครึ่งที่เธอเคยได้รับ แต่เธอก็สัญญากับตัวเอง และกับดวงวิญญาณของพ่อกับแม่เอาไว้แล้วว่า จะเอาคืนให้สาสมที่สุดเท่าที่จะทำได้

“พี่แพทคะให้วีช่วยสืบประวัติมาด้วยนะคะ” พอมาถึงคำแรกที่ใช้ทักทายแพท
“ขอด่วนมาก ๆ และเอาแบบละเอียดยิบ ลีอยากรู้ว่านายคนนี้ เกี่ยวข้องอะไรกับนายคณิน หมายถึงเรื่องธุรกิจนะคะ”
แพททำหน้างวยงง เมื่อประณาลีมาก็ยื่นกระดาษที่เขียนชื่อใครบางคนให้
“ใครเหรอ ไม่เคยได้ยินชื่อ”

“ลีเข้าใจว่าคงจะเป็นคู่แข่งทางการค้ากับนายคณินค่ะ แต่ลีอยากรู้ละเอียดกว่านี้หน่อย บางทีเราอาจจะยืมมือนายปรเมศนี่เล่นงานศัตรูเราก็ได้นะคะ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยไงคะพี่แพท” ยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้แพท แต่พอคิดขึ้นได้ก็ถามเรื่องนเรศออกไป
“นายนเรศมีทีท่ายังไงบ้างคะพี่แพท”

“พี่ว่าเป็นตามที่ลีคาดไว้เลยนะ นี่ก็ขอให้พี่ช่วยนัดลีให้ บอกว่าอยากพบจะถามอะไรหน่อย ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป แล้วลีจะให้พี่นัดให้อีกเมื่อไหร่ดี แล้วนายคามินอีกลีจะไปพบอีกเมื่อไหร่”
“งั้นให้นายนเรศรอสักสองสามวันค่ะ ส่วนนายคามินลีจะจัดการเอง ตอนนี้ลีแทบไม่ว่างเลย นายคณินจะพาออกงาน คงอยากให้คนรู้จักลีมั้งคะ ก็ดีเหมือนกัน เผื่อจะได้รู้อะไรดี ๆ แบบวันที่ไปบ้านคุณป้าหญิงไงคะ”

“ลีต้องเข้าสอนแล้วนะคะ” น้ำเสียงนุ่มนวลถูกส่งไปให้คนที่อยู่ปลายสาย
“ถ้างานที่ระยองยังไม่เรียบร้อย คุณก็ค้างคืนที่นั่นก่อนดีกว่านะคะจะได้ไม่เหนื่อย ลีต้องไปแล้ว ถ้ายังไงก็โทรบอกลีด้วยนะคะว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ค่ะ ดูแลตัวเองดี ๆ นะคะ” ยิ้มอย่างสมใจเมื่อการสนทนาเสร็จสิ้นลง แท็กซี่ถูกสั่งให้จอดห่างจากจุดหมายไม่มากนัก เมื่อมั่นใจว่าเป้าหมายหลักอยู่ห่างจากตัวนับร้อยกิโลเมตร

ก๋วยรีบกุลีกุจอไปต้อนรับหญิงสาวกว่าหลาย ๆ ครั้ง เพราะเดาได้ว่าจะทำให้เจ้านายหนุ่มดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ เหมือนทุกครั้งที่มีคุณคนสวยแวะเวียนมาหา ประณาลียังคงรอบคอบด้วยการหอบเอารองเท้าขึ้นไปดาดฟ้าด้วยเช่นเคย แหวนเพชรที่นิ้วก็ถูกถอดเก็บไว้ในกระเป๋า กระจกให้ไฟเขียวว่าหน้าตาหมองได้ที่ แม้จะไม่มากจนหมดสวย แต่ก็พอให้เป็นที่สังเกตุได้ว่าเป็นใบหน้าของคนอมทุกข์ไว้ในอก

จิตรกรหนุ่มผู้เพิ่งลืมตาขึ้นมาสู้กับแสงตะวันได้ยังไม่ถึงชั่วโมง นับแต่วินาทีที่ได้รับรู้ว่ากำลังจะสูญเสียคนที่เฝ้าหลงรักมาแรมปีไปให้พี่ชายแล้ว เหล้าดูเหมือนจะเป็นเพื่อนที่ดีแทบจะทุกคืน เฉกเช่นเมื่อคืนนี้ที่เขาพาตัวเองฟุบหลับอยู่กับขวดเหล้า โดยมีก๋วยคอยดูแลเช่นเคย พู่กันในมือปลิวไปอย่างไร้ทิศทาง เมื่อสมาธิในการสรรสร้างงานศิลป์หดหายไปพร้อม ๆ กับเธอ ผู้มาเยือนมาทันที่จะได้เห็นการกระทำของเขาพอดี ยิ้มอย่างสมเพชอยู่ด้านหลังเขา ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปเก็บพู่กัน

คามินหันมาหาผู้หญิงที่เขาเฝ้ากดโทรศัพท์ไปหานับพันครั้ง แต่ไม่เคยประสบผลสำเร็จ จู่ ๆ เธอก็มาหาโดยไม่ทันที่จะได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ รู้ว่าเธอกำลังจะเป็นสมบัติของพี่ชายในอีกไม่นานนัก แต่เขาก็ยังคงรักเธอ และรักมากเสียด้วย มากพอที่จะยอมทำอะไร หรือยังไงก็ได้ เพื่อให้ได้เธอกลับคืนมา ถ้าเป็นเช่นนั้นได้ เขาจะไม่รีรอที่จะเปิดเผยความในใจกับเธอเลย

“ถ้าคุณไม่สบายใจที่จะวาดรูปนี้ ทำไมไม่ทิ้งมันไว้ก่อน แล้วค่อยกลับมาวาดใหม่คะ”
น้ำเสียงราบเรียบ กับใบหน้าขาวเนียนจนออกซีดเอื้อนเอ่ยกับเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อนสิ่งแรกที่จิตรกรหนุ่มจะมีให้เธอก็คือรอยยิ้ม หากแต่เวลานี้กลับมีสีหน้าของความหมางเมินเข้ามาแทนที่ แต่คนอย่างประณาลีรู้ดีว่าจะทำยังไงให้เขาเปิดปากพูดกับเธอได้

“ถ้าการมาของลีจะรบกวนเวลาทำงานของคุณมิน ลีกลับก่อนก็ได้นะคะ เอาไว้ให้คุณมินสบายใจก่อนแล้วเราค่อยคุยกัน” จบประโยคก็หันหลังให้ทันทีพร้อมก้าวเดินตรงไปทางที่มา
“คุณลี! อย่าไปนะได้โปรดอย่าเดินหนีผมแบบนี้ คุณรู้มั้ยว่าผมเจ็บปวดแค่ไหน ที่รู้ว่าจะต้องเสียคุณไปให้พี่ณิน ทำไม ๆ ทำไมคุณไม่บอกผม ทำไมคุณไม่เลือกผมเป็นทางออกของคุณ”
มือแข็งแรงรีบคว้าร่างบางเอาไว้ แล้วรั้งไปกอดแนบอกด้วยความรักและคิดถึง ‘นายนี่มันเล่นง่ายจริง ๆ เลยนะ’ คำเย้ยหยันมีในใจบวกกับรอยยิ้มเยาะของหญิงสาว

“คุณมินพูดเรื่องอะไรคะลีไม่เห็นเข้าใจเลย” แสร้งถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่คนฟังรับรู้ว่าเธอกำลังเจ็บปวด
“คุณลี ผมรู้ว่าคุณลีกำลังเจอกับปัญหาอะไร และผมก็รู้ด้วยว่าที่คุณลีหมั้นกับพี่ณินเพราะอะไร คุณไม่ได้รักพี่ณินใช่มั้ยคุณลี ยอมรับกับผมมาสิ คุณจะหลอกตัวเองไปทำไม ไม่ใช่แค่พี่ณินเท่านั้นนะที่จะช่วยคุณได้ ผมก็ช่วยได้”

“คุณมินคะเราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่าค่ะ ลีไม่ใช่ขอทานนะคะ จะได้เที่ยวไปขอความช่วยเหลือจากคนนั้นทีคนนี้ที โดยเฉพาะกับคุณ ลำพังที่ลีมาคบกับคุณมิน เพื่อน ๆ ก็หาว่าลีคบเพื่อเงินแล้ว นับประสาอะไรจะให้ลีมาขอความช่วยเหลือจากคุณมินคะ ให้ลีได้เหลือความภาคภูมิใจในตัวเองบ้างเถอะค่ะ”
พยายามพาตัวเองให้หลุดจากการโอบรัดของเขา แล้วก็เดินหนีไปอีกทาง แต่คามินไม่ยอมรีบเดินตามไปคว้าข้อมือเธอเอาไว้

“แต่กับพี่ณินทำไมคุณกล้าบอกฮะ หรือว่าคุณลียังไม่ได้บอกอะไรพี่ณิน ใช่มั้ยครับคุณลี วันนั้นผมได้ยินคุณลีบอกให้คุณแม่เก็บสินสอดไว้ที่บ้าน คุณลียังไม่ได้เอาเงินพี่ณินมาใช่มั้ย บอกผมสิฮะคุณลี บอกผมได้มั้ยว่าถ้าปัญหาของคุณทุกอย่างจบลงด้วยดี คุณลีจะถอนหมั้นกับพี่ณิน จะไม่แต่งงานกับพี่ณิน บอกผมสิฮะ” คำพูดที่คาดเดา มือก็ออกแรงบีบแขนจนประณาลีรู้สึกเจ็บ

“คุณมินปล่อยลีนะคะ ลีเจ็บ”
“ไม่ปล่อยจนกว่าคุณลีจะบอกความจริงกับผม” นอกจากจะไม่ปล่อยแล้วเขายังรั้งร่างเธอมากอดไว้
“ปล่อยนะคุณมิน ลีบอกให้ปล่อยไง”

“ผมจะไม่ปล่อยคุณไปให้ใครอีกแล้ว คุณลีจะต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น ได้ยินมั้ยฮะ” สิ้นสุดคำพูดเรียวปากบางก็ถูกเขาประกบอย่างรวดเร็ว ประณาลีไม่คิดที่จะขัดขืนด้วยวิธีที่รุนแรง หากรีบบีบน้ำตาให้ไหลรินออกมาแทน เพราะรู้ดีว่าคนที่มีจิตใจอ่อนโยนอย่างเขาจะต้องใช้ไม้นี้เท่านั้น

“คุณลี! ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมแค่รักคุณมาก และไม่อยากจะเสียคุณไปให้ใครเท่านั้น”
“คุณมิน” สีหน้าที่แสดงให้เขาเห็นนั้น ประหนึ่งได้ฟังคำจากสวรรค์ น้ำตาถูกสั่งให้ไหลออกมาอีก จนแทบจะทำให้เขาขาดใจตาม เพราะไม่สามารถทนเห็นน้ำตาของหญิงคนรักได้
“บอกผมมาสิฮะ ว่าคุณลีมีปัญหาอะไร รับรองว่าผมช่วยคุณลีได้แน่ ขอแค่คุณลีบอกผมเท่านั้นทุกอย่างจะจบ”

“ลีไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้นค่ะ”
“งั้นคุณลีบอกผมได้มั้ย ว่าถ้าทุกอย่างที่คุณลีกำลังเจออยู่จบลงด้วยดีแล้ว คุณลีจะถอนหมั้นกับพี่ณิน บอกผมได้มั้ยฮะ”
“ใช่ค่ะ ถ้าสิ่งที่ลีกำลังพยายามทำอยู่จบลง ลีจะถอนหมั้นกับคุณณินทันที”
นี่ไม่ใช่คำโกหก แต่เป็นสิ่งที่หญิงสาวตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะทำจริง ๆ แต่หากคำ ๆ นี้มันจะทำให้ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเข้าใจผิด

‘ช่วยไม่ได้ถ้านายอยากเข้าข้างตัวเองแบบนี้’

“คุณลีพูดจริง ๆ นะฮะ งั้นผมสัญญาว่าทุกอย่างจะต้องจบลงด้วยดี ขอให้คุณลีเชื่อใจผมนะฮะ” เป็นอย่างที่ตัวเองคาดเดาเอาไว้จริง ๆ ชายหนุ่มที่หอบเอาความทุกข์ใจมาหลายค่ำคืนถึงกับยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความหวัง
“ผมคิดแล้วว่าคุณลีจะต้องไม่ได้รักพี่ณิน”
โอบกอดเธอด้วยความดีใจอีกครั้ง ยิ้มที่สะใจในความเขลาของศัตรู ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวเนียนอย่างเห็นได้ชัด

ในงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าบริษัทแห่งหนึ่ง ณ ห้องบอลรูมของโรงแรมระดับห้าดาว ผู้คนในงานต่างพูดคุยถามไถ่กันอย่างออกรส ประหนึ่งว่าไม่เคยพานพบกันและกันมานานแรมเดือน ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนก่อน ต่างคนก็ต่างไปร่วมงานเลี้ยงอีกงาน และพูดคุยกันแบบนี้ สายตาหลาย ๆ คู่จับจ้องไปที่หนุ่มหล่อ ผิวขาวดุจสตรี ที่พวกเขาต่างรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี คณินมาในชุดทักซิโดสีดำ มือขวากุมเกี่ยวเจ้าของมือบางที่มาในชุดราตรียาว ซึ่งเป็นผ้าไหมสีกรมท่า ช่วยขับผิวขาวให้เด่นยิ่งขึ้น เมื่อยืนคู่กับเขาแล้วช่างดูเหมาะสมกันเหลือเกิน

หญิงสาวสวยแต่งหน้าจัด เดาอายุไม่น่าจะต่ำกว่าเลยสี่ ซึ่งเป็นเจ้าของงานที่รู้จักมักคุ้นกับคณินดี รีบเดินตรงเข้ามาต้อนรับคนทั้งคู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และยิ่งฉีกยิ้มกว้างขึ้นอีก เมื่อรับรู้จากคณินว่าสาวสวยที่เขาควงมาด้วย คือคู่หมั้นของเขาเอง ไม่รู้จักมักจี่กับประณาลีสักนิด แต่เจ้าของงานก็ตีหน้าพูดคุยถามโน่นถามนี่ด้วยความสนิทสนม ก่อนจะขอตัวไปต้อนรับแขกคนอื่น ๆ ต่อไป

คณินพาเธอเดินเข้าไปแนะนำให้รู้จักคนในงาน ที่เขาคุ้นเคย ทุกคนให้การต้อนรับหญิงสาวด้วยคำทักทายอย่างมีไมตรีจิตที่ประณาลีเดาได้ว่า มีความเดียดฉันท์เคลือบแฝงอยู่บ้างจากบางคน หากแต่บางคนก็เป็นไปแบบธรรมชาติ หลาย ๆ คนถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเธอพอประมาณ ‘คุณณินนี่ช่างเลือกนะครับ’ เสียงชายหลาย ๆ คนในงานกระซิบเบา ๆ บอก

แต่ประณาลีก็ได้ยินชัดถ้อยชัดคำ หญิงสาวก้าวเดินเคียงคู่ไปกับเขารอบ ๆ งานด้วยความมั่นใจ แม้จะมีสายตาคอยจับจ้องแทบจะตลอดก็ตาม ‘ระดับประณาลี’ มีหรือจะหวั่นเกรง การออกงานสัมคมแบบนี้ เธอไม่ใคร่จะชอบนัก แต่ก็ได้รับการฝึกมาอย่างดี เพื่อที่จะได้ใช้ในวันแบบนี้ และกับนายคณินคนนี้โดยแท้

“ณิน! มาถึงนานหรือยังคะ ไม่เห็นเดินไปทักทายโรสเหมือนเมื่อก่อนเลย อย่างนี้จะต้องถูกลงโทษยังไงดีน๊า”
โชติกาที่มาในชุดราตรีสีแดงสด ที่เจ้าของจงใจจะอวดแผ่นหลังขาวจัดตัดกับสีชุดได้อย่างดี เพราะชุดคว้านด้านหลังลึกจนเลยเอวไป ส่วนด้านหน้า สาวเปรี้ยวก็ตั้งใจจะอวดช่วงขาขาวและเรียว ให้คนในงานได้ชมเป็นขวัญตา ด้วยการแหวกกระโปรงข้างซ้ายที่ยาวเกือบจะถึงพื้นขึ้นมาถึงต้นขา เวลาย่างก้าวแทบจะเห็นสิ่งที่ซุกซ่อนเอาไว้

มือสองข้างรีบส่งไปคล้องแขนอีกข้างที่ว่างของเขาด้วยความเคยชิน โดยไม่คิดจะเกรงใจอีกคนที่ยืนอยู่เลย คณินแม้จะรู้ว่าโชติกาต้องการจะประกาศให้อีกคนได้รู้ ว่าความสัมพันระหว่างเขาและเธอมีเกินคำว่าเพื่อนสนิทแค่ไหน แต่เขาก็ฉลาดมากพอที่จะไม่คิดทำอะไรเป็นการหักหน้าเธอ ได้แค่ยิ้มให้กับคนที่มองมาที่เขาแทบจะเป็นตาเดียว และออกไปในทางตำหนิฝ่ายหญิงมากกว่า เพราะใคร ๆ ก็รู้ดีว่าเขาหมั้นหมายแล้ว แถมยังมีคู่หมั้นเดินเคียงข้างอยู่นั่นเอง

“ลีจะไปดูว่ามีอะไรให้ทานนะคะ”
บอกแล้วก็ดึงมือออกจากการกุมเกี่ยวของเขาทันที คณินทำท่าจะตามไป หากแต่มีวงแขนของโชติการั้งเอาไว้ ยิ้มอย่างสมใจลอบส่งให้กับคนที่จากไป ไม่อยากคิดว่าตัวเอง ‘อิจฉาหล่อน’ มากแค่ไหน จากสาวหน้าจืดที่เคยเห็นในออฟฟิศคณินครั้งก่อน ไม่ได้ทำให้โชติกาคิดหวาดหวั่นมากนัก แต่เมื่อเห็นจะจะตาอีกครั้งวันที่เขาจับจองเธอด้วยเพชรเม็ดโต โชติกาก็บอกได้ว่า คู่แข่งคนนี้ไม่ธรรมดา

ยิ่งมาเจอในงานคืนนี้แล้ว ยิ่งทำให้โชติกาประมาทแม่สาวหน้าจืดคนนี้ไม่ได้เลย เพราะด้วยการวางตัว ท่าทีที่ย่างก้าวด้วยความมั่นใจหาได้เก้อเขินอย่างที่เธอคาดไว้แต่แรกไม่ บวกกับชุดที่แม่สาวหน้าจืดสวมใส่ พร้อมเครื่องเพชรที่ประดับคอระหง ส่งให้แม่สาวคนนี้ดูดีมีสกุลอย่างไม่น่าเชื่อ

“ณินคะ คุณพ่อกับคุณแม่โรสก็มางานนี้ด้วยนะคะ นั่งอยู่ด้านโน้นค่ะ ไปไหว้ท่านกันเถอะนะคะ”
ไม่มีเวลาแม้แต่จะได้ปฏิเสธตัวก็ถูกลากไปโดยเร็ว หันกลับไปมองหาคนที่บอกจะไปดูอาหาร แต่ผู้คนในงานก็หนาตาเกินกว่าจะมองเห็น แต่ทุกย่างก้าวของเขาอยู่ในสายตาของประณาลีแทบจะตลอดเวลา ถึงแม่นั่นจะหิ้วไปแล้ว ประณาลีก็รู้ว่าเขาอยู่ตรงจุดไหน แต่เธอไม่คิดจะตามไปให้เสียฟอร์ม

‘ฉันคือตัวจริง’
ประกาศก้องอยู่ในใจ ก่อนจะเดินดูอาหารว่ามีอะไรที่พอจะให้กินได้บ้าง สลัดดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกสำหรับเธอ

“คุณกินของพวกนี้นี่เอง ถึงได้หุ่นเพรียวขนาดนี้”
ปรเมศผู้เฝ้ามองเธอตั้งแต่ควงคู่มากับ ‘คู่แข่ง’ ทางการค้าแล้ว แม้จะเคยพบเธอแค่ครั้งเดียวในชุดที่แปลกตา แต่เขาก็จำได้อย่างแม่นยำ วันที่หุนหันขับรถออกมาจากบ้านคุณกัมปนาท ทำให้เขาลืมที่จะหันมองหาเธออีกครั้ง กระนั้นภาพของสาวในชุดผ้าซิ่นก็ติดตาเขามาด้วยอย่างช่วยไม่ได้

‘ทำไมนะ ทำไม ฉันจะต้องช้ากว่านายทุกครั้งไป คณิน!’
อดไม่ได้ที่จะตัดพ้อ เมื่อมีเสียงกระซิบจากคนในงาน บอกว่าเธอคือคู่หมั้นของศัตรูทางการค้า

“คุณ...”
“ผม ปรเมศ นาคาพิทักษ์ ไงครับ เราพบกันครั้งก่อนที่บ้านคุณกัมปนาท จำได้หรือเปล่าครับ”
รื้อฟื้นความจำให้เธอ ก่อนจะยิ้มส่งให้ และได้รับการยิ้มตอบด้วยใบหน้าสดใสจากเจ้าของไหล่ระหง

‘ฉันจำนายได้แม่นยำ’
คนอย่างประณาลี ไม่เคยลืมใบหน้าผู้ที่จะหลงเข้ามาเป็นเครื่องมือ ให้เธอใช้ประหัดประหารศัตรูแน่ แต่มีหรือที่จะยอมสานความสัมพันด้วยง่าย ๆ เพราะรู้ดีว่าคนอย่างคณิน ไม่มีวันปล่อยให้คู่หมั้นถูกผู้ชายที่เป็นศัตรูคู่ค้ามาตอมโดยเด็ดขาด

“ค่ะ” รับคำพร้อมยิ้มบาง ๆ ให้แค่นั้น ก็หมุนตัวจะเดินกลับในทันที หากปรเมศกลับก้าวยาว ๆ มาขวางเธอเอาไว้ก่อน
“จะรีบไปไหนครับคุณลี คู่หมั้นคุณถูกคุณโรสหิ้วไปอวดคนในงานอยู่โน่นแหนะ ถ้าไม่รังเกียจให้ผมนั่งคุยเป็นเพื่อนก่อนจะได้ไหมครับ กว่าคุณโรสจะปล่อยคุณคณินมาก็คงอีกนาน เผลอ ๆ ผมว่าคงจะงานเลิกด้วยซ้ำมั้ง เราไปนั่งโต๊ะนั้นก็ได้ครับ ว่างอยู่พอดี”

เมื่อเห็นเธอเงียบเขาจึงผายมือ เป็นการเชิญให้ไปนั่งโต๊ะที่ยังไม่มีคนจับจอง ประณาลีทำท่าทางละล้าละลังคล้าย ๆ จะไม่แน่ใจว่าจะตัดสินใจยังไงดี แต่ก็ยอมเดินตามไป เพราะดีกว่าต้องไปนั่งโต๊ะอยู่คนเดียวเป็นไหน ๆ ปรเมศทำหน้าที่เลื่อนเก้าอี้ให้อย่างคนเจนสังคม แต่ไม่ทันที่ร่างระหงจะได้นั่งลง

“ให้ป้านั่งด้วยได้มั้ยจ๊ะหนูลี” เสียงของคุณป้าหญิงดังอยู่ใกล้ ๆ ประณาลียิ้มรับด้วยความดีใจ เมื่อมีตัวช่วยเข้ามาทันเวลา
“คุณป้าหญิง! เชิญค่ะ ลีดีใจจังเลยค่ะ ที่เจอคุณป้าหญิงมางานนี้ด้วย แล้วคุณลุงไม่มาด้วยเหรอคะ”
“เปล่าจ๊ะ คุณลุงเราบอกว่าเบื่อเจอคนเยอะ ๆ” คุณป้าหญิงรับไหว้ประณาลีและปรเมศ ก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ที่ปรเมศเลื่อนให้

“อ้าว! แล้วตาณินไปไหนกันถึงได้ปล่อยให้คู่หมั้นไว้คนเดียวแบบนี้”
คุณป้าหญิงถามเมื่อปรเมศขอปลีกตัวไปหาอาหารมาบริการให้ แทนคำตอบประณาลีหันไปทางที่คณินยืนคุยอยู่กับผู้ใหญ่ในงาน โดยมีโชติกายืนจับจองวงแขนอยู่

“อะไรกันตาณินนี่ไม่ไหวเลยนะ ตัวเองมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ยังจะยอมให้แม่สาวเปรี้ยวนั่นควงไปไหนต่อไปอีก เดี๋ยวป้าจะต่อว่าให้เข็ดเลยคอยดู แม่นั่นก็เหลือเกินนะ รู้ทั้งรู้ว่าเขามากับคู่หมั้นยังจะมาเที่ยวควงไปทั่ว ป้าขัดตาตั้งวันหมั้นแล้วนะ”
คุณป้าหญิงอดบ่นหลานรักไม่ได้ แต่ก็รีบหยุดเมื่อปรเมศกลับมาพร้อมอาหาร คณินที่มองมาเห็นตั้งแต่ปรเมศเดินดักหน้าดักหลังคู่หมั้นของตัวเองแล้ว จึงรีบปรี่เข้ามาที่โต๊ะทันทีไม่สนใจว่าโชติกาจะรั้งไว้แค่ไหน

“คุณป้าหญิงสวัสดีครับ”
ไหว้ด้วยอาการนอบน้อม ส่วนผู้เป็นป้ารับไหว้แบบไม่ใคร่จะเต็มใจเท่าใดนัก ยิ่งคนในชุดแดงที่ยังอุตส่าห์ตามหลานชายมาด้วยยกมือไหว้ ผู้อาวุโสจึงรับไหว้แบบเสียไม่ได้ กระนั้นโชติกาก็ยังอุตส่าห์นั่งลงเก้าอี้ข้าง ๆ คณินโดยไม่คิดที่จะสนใจสายตาที่คุณป้าหญิงมองอย่างตำหนิเลยสักนิด

“คุณป้าหญิงจะรับอะไรเพิ่มมั้ยครับ ผมจะไปหามาให้ แล้วลีล่ะจะเอาอะไรอีกมั้ย” แม้จะขัดใจที่ปรเมศนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย แต่เขาก็ปรับสีหน้าให้ปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประณาลีส่ายหน้าน้อย ๆ เมื่อพอใจกับสลัดตรงหน้าแล้ว
“ไม่ต้องหรอกจ๊ะ คุณปรเมศหามาให้ป้าหมดแล้ว” แค่ฟังน้ำเสียงเขาก็เดาได้ว่าคนพูดไม่พอใจนัก

“ณินคะ เต้นรำกับโรสหน่อยสิคะ คุณพ่อคุณแม่ กับผู้ใหญ่หลาย ๆ คู่ไปเปิดฟลอร์กันแล้ว นะคะ วันนี้โรสไม่ได้ควงใครมาด้วยสักคน ขอยืมคู่หมั้นหน่อยนะคะคุณลี ไปกันค่ะณิน” ทั้งรั้ง ทั้งฉุด ทั้งดึง จนในที่สุดคณินก็ยอมลุกไปด้วย เห็นสีหน้าของคุณป้าหญิงที่ไม่ใคร่จะชอบใจอยู่ตำตา แต่เขาก็ไม่อยากจะขัดใจโชติกาให้เสียหน้า

“น่าอายจริง เป็นผู้หญิงทำตัวแบบนี้ป้าไม่ชอบเลย”
อดไม่ได้จริง ๆ ที่จะบ่น เมื่อเห็นแม่สาวเปรี้ยวแนบแก้มไว้กับอกหลานชาย ถึงจะเป็นเพลงช้า แต่ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนก็เห็นว่าแม่คุณ เบียดกายเข้าใกล้ชิดกับคนที่มีเจ้าของจนน่าเกลียด ประณาลีให้คำตอบกับใจตัวเองไม่ได้เลย ว่ารู้สึกยังไงกับภาพที่เห็น แต่มันไม่ได้เป็นไปในทางที่สุขแน่ ๆ เมื่อมองไปพบกับวงแขนแข็งแรงของเขา โอบร่างขาวบอบบางเอาไว้อย่างนั้น

‘ฉันนี่นะจะหึงนาย หึ! ไม่มีทาง นายไม่ได้มีความหมายกับฉันมากขนาดนั้นหรอก’
เสียงที่ทะเลาะกันอยู่ภายใน

“คุณลีจะให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงได้มั้ยครับ” ปรเมศเหมือนจะสังเกตุได้ว่าเธอไม่สบายใจนัก กับภาพตรงหน้า ประณาลีหันไปมองเขาแล้วก็ยิ้มบาง ๆ ให้ก่อนจะบอกปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
“เอ่อ! ลีเต้นรำไม่ค่อยเก่งค่ะ”

“ผมก็คงไม่ต่างจากคุณลีหรอกครับ หรือว่าคนอย่างผมไม่มีเกียรติมากพอ ที่คุณลีจะเต้นรำด้วย”
ถึงรู้ว่าถูกบอกปัด แต่ปรเมศก็ไม่คิดจะยอมแพ้ พร้อมกับบอกตัวเองว่า ถ้าเขาเป็นคณินในตอนนี้ คนที่จะได้เต้นคู่กับเขาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเธอ ‘ไอ้โง่! คู่หมั้นออกจะสวยปานนี้ ยังดันไปเต้นกับคนอื่นอีก’

“ลี! เอ่อ...” “ไปสิหนูลี อย่าเสียมารยาทนะลูก คุณปรเมศอุตส่าห์ให้เกียรติ”
คุณป้าหญิงรู้ว่า ว่าที่หลานสะใภ้ไม่ใคร่จะสะดวกใจนัก เลยนึกสนุกอยากจะแกล้งพ่อหลานชายขึ้นมาตะหงิด ๆ จึงรีบเอ่ยปากอนุญาต จนประณาลีต้องลุกขึ้น เมื่อปรเมศยื่นมือให้







 

Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2552
2 comments
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2552 8:08:40 น.
Counter : 343 Pageviews.

 

เข้ามาบ้านนี้มีแต่ รำไทยทั้งนั้นเลยนะคะ ชอบจังเลย


 

โดย: praewa cute 17 กุมภาพันธ์ 2552 8:35:26 น.  

 

เพราะนิยายเรื่องใหม่มีรำไทยเข้ามาเกี่ยวข้องค่ะ คุณ praewa cute

 

โดย: ธัญญะ 17 กุมภาพันธ์ 2552 11:00:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.