Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
8 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

ธารลาวา ๒๐ (ธัญรัตน์)

ตอน ๒๐

โต๊ะอาหารตัวยาวของบ้านที่มีมารดานั่งอยู่ตำแหน่งเดิมเพียงลำพัง ทำให้คนที่เดินลงมาคิดขึ้นได้ว่า พักนี้ตัวเองห่างบ้านไปนาน เดาได้ว่าความรู้สึกของแม่ที่นั่งรอลูกกลับมากินข้าวด้วย นั่งพูดคุยด้วยเป็นเช่นไร บางทีอาจจะถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะหาใครสักคนมาไว้เป็นเพื่อนแม่ คนที่จะมาเป็นแม่ของลูก คนที่จะมาเติมเต็มบ้านที่แต่ละวันจำนวนสมาชิกอยู่แทบจะไม่เคยพร้อมหน้ากันเลย

“อรุณสวัสดีครับคุณแม่ วันนี้มีอะไรให้กินบ้างครับหิวจังเลย”
เดินมาหอมแก้มแม่จากด้านหลัง จนแม่สะดุ้งเฮือก ก่อนจะวางหนังสือพิมพ์ลง ยิ้มให้ลูกชายด้วยความดีใจ
“วันนี้มีก๋วยจั๊บแหนะลูก ไม่ได้กินนานแล้วเลยสั่งให้แม่แป้นทำ”
“เหรอครับ ชักอยากจะชิมแล้ว วันนี้คุณแม่จะออกข้างนอกหรือเปล่าครับ เห็นอยู่แต่บ้าน ไปหาเพื่อน ๆ บ้างก็ดีนะครับ ผมกลัวคุณแม่จะเหงาวัน ๆ ต้องอยู่คนเดียว” บอกด้วยความรู้สึกห่วงแม่จริง ๆ

“กลัวแม่เหงาก็หาคนมาอยู่เป็นเพื่อนแม่สิลูก เมื่อไหร่จะพามาให้แม่รู้จักสักที แม่อยากเห็น ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่หนูโรส อย่าบอกแม่นะว่าจนป่านนี้ณินยังไม่มีใครที่หมายตาไว้”
เอาจนได้ เผลอปล่อยช่องหน่อยแม่รีบสวนกลับทันที ไม่ยอมตอบได้แต่ยิ้มแล้วก็ปรุงก๋วยจั๊บตรงหน้าไปอย่างนั้น

“ยิ้ม หมายความว่ายังไงจ๊ะ เอ่อ! จริงสิลูก เมื่อวานป้าหญิงมาหาแม่ บ่นคิดถึงณินจะแย่บอกไม่ยอมไปหาเลย เห็นว่าลุงนาทก็บ่นถึงณินเหมือนกันนะ เพราะมีเพื่อนอยากจะหาคนรับเหมาปลูกบ้านหรือทำอะไรนี่ล่ะ ว่าง ๆ ณินก็แวะไปเยี่ยมป้าบ้างสิลูก”
“เหรอครับ เอาไว้ผมจะแวะไปนะครับ”

รู้ดีว่าไปแล้วจะต้อง ถูกป้าซักเรื่องนี้มากกว่าเรื่องอื่นเป็นแน่ เสร็จจากอาหารที่ตั้งใจใช้เวลานานกว่าทุกวัน เพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนแม่ เขาก็ตรงไปตรวจงานตามโครงการต่าง ๆ ก่อนเข้าออฟฟิศ งานสุม ๆ เข้ามาหาจนแทบไม่มีเวลาว่าง เจียดเวลาได้หน่อยก็กดไปหาคนที่เหมือนจะอยู่ในใจเขาแทบตลอดเวลา ไม่ได้คุยทันทีเพราะครูสาวทิ้งข้อความว่าไม่ว่าง แต่เมื่อสอนเสร็จก็เป็นฝ่ายโทรกลับมา แหม่มกับบรรพตหันหน้ามองกันอย่างสงสัย เมื่อเห็นอาการที่เจ้านายคุยกับคนในสายหวานผิดปกติ ทั้งสองยิ้มให้กันเมื่อเข้าใจว่าใครคือคนที่เจ้านายคุยด้วย

เสร็จงานตั้งใจจะไปกินข้าวกับคนที่หัวใจเรียกหา แต่ความเป็นห่วงแม่มีมากกว่าจึงกลับเข้าบ้านกินข้าวเป็นเพื่อนแม่ เมื่อกะเวลาว่าบางคนจะกลับถึงห้องแล้วก็โทรเข้าไปอีก สุขใจที่ได้ยินเสียงใส ๆ ส่งมาตามสาย ได้ไตร่ถามว่าทำอะไรมาบ้าง ได้เล่าอะไร ๆ เกี่ยวกับเขาให้เธอฟังบ้าง ยิ้มอย่างมีความสุขแม้จะวางสายไปนานแล้ว อยากจะแน่ใจในความรู้สึกตัวเองและอีกคนว่ามีใจพ้องกันแล้ว แต่ก็ยังเกรงเรื่องอื่นอีก

“แม่ครับพอดีงานที่ระยองมีปัญหาผมคงจะกินข้าวด้วยไม่ได้นะครับต้องไปดูก่อน”
ลงมาจากห้องแต่เช้าสั่งแม่แล้วก็รีบออกไป เพราะบรรพตโทรมาแจ้งเมื่อห้านาทีที่ผ่านมา นทีขับรถไปด้วยความเร็ว แวะรับบรรพตที่บ้านเพราะเป็นทางผ่าน ปัญหาที่พบคือเจ้าของงานอิดออดไม่พอใจที่ผู้จัดการไซด์งานไม่ยอมทำตามที่เจ้าของงานเรียกร้อง เมื่อไปถึงไซด์งานก็พบว่าลูกน้องทำงานตามแบบทุกอย่าง แต่เจ้าของงานกลับสั่งเพิ่มสั่งลดตรงนั้นตรงนี้

วิศวกรจึงไม่ยอมทำตามเพราะห่วงเรื่องโครงสร้างของตัวตึก เขาจึงต้องลงมาตรวจตราดูด้วยตัวเอง เมื่อหาข้อโต้แย้งกับเจ้าของงานได้ จึงไปขอเจรจาแต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ ต้องรอให้นายใหญ่มาถึงก่อนซึ่งคือพรุ่งนี้ ความเป็นคนละเอียดในเนื้องานทำให้เขา กับบรรพตและทีมงานตรวจสอบทุกอย่างให้ละเอียดอีกครั้งกว่าจะเสร็จก็เกือบจะเที่ยงคืน จึงหาที่ค้างที่ระยอง โทรหาใครบางคนแต่ไม่รับสาย เห็นว่าดึกมากแล้วคิดว่าคงจะหลับจึงเข้านอนบ้าง

วันรุ่งกว่าจะตกลงกับเจ้าของงานได้ก็เกือบบ่าย เขาเป็นเจ้ามือขอเลี้ยงข้าวทุกคนเมื่อหันมาพูดคุยกันได้ด้วยดี โทรไปหาคนเดิมแต่ไม่รับสายอีกแล้ว ระหว่างเดินทางกลับก็ยังพยายามติดต่อไป ก็ได้คำตอบเดิมอีก กดไปหาคนที่น่าจะรู้เรื่องดีทันที

“คุณแพทครับ ประณาลีไปไหน ผมโทรหาหลายครั้งแล้วไม่ยอมรับสาย” ถามเสียงขรึม ๆ อย่างเคย
“คุณณินเหรอคะ...เอ่อ...ลีไม่ค่อยสบายค่ะ นอนพักอยู่ห้อง แพทว่าจะไปดูแต่ก็ยังปลีกตัวจากงานไปไม่ได้เลยค่ะ คุณณินอยู่ที่ไหนคะ จะไปหาลีหรือเปล่า ถ้าไปแพทจะได้ไม่ต้องกังวลมาก แต่อย่าให้ลีรู้นะคะว่าแพทบอกคุณณิน”

แพทแอบฝืนกฏของน้องที่ห้ามบอกเรื่องนี้กับคณิน เพราะประณาลีไม่อยากให้เขามาเห็นเธอในสภาพที่ไม่สวยสดใสเท่าใดนัก แต่แพทเห็นว่าน่าจะเป็นการดีถ้าคณินได้มาอยู่ดูแลคนป่วยตอนนี้ อาจจะทำให้เห็นใจแล้วบอกรักไปเลยก็ได้ แผนจะได้ก้าวขั้นต่อไปสักที

“นทีผมช่วยเร่งความเร็วอีกหน่อย”
สั่งด้วยเสียงเข้ม แล้วก็เงียบไปนาน ไม่ค่อยจะสั่งงานบรรพตเหมือนทุกครั้งที่ออกข้างนอกด้วยกัน รถจอดหน้าคอนโดฯ ที่นทีจำได้ว่าเคยมา

“นทีเดี๋ยวกลับไปเอาสปอร์ตมาทิ้งไว้ให้ที่นี่นะ แล้วคืนนี้ไม่ต้องกลับไปนอนบ้าน ให้ไปอยู่ที่บ้านบรรพตก่อน ฝากด้วยนะบรรพต อ้อ! เอาเสื้อผ้ากับชุดทำงานมาให้ผมด้วยชุดหนึ่ง แต่อย่าให้คุณแม่รู้นะ”

เจ้านายหนุ่มสั่งแล้วก็เดินขึ้นไปบนคอนโดฯ โดยเร็ว กริ่งหน้าห้องดังอยู่หลายครั้ง คนที่หลับอยู่จำต้องพาตัวที่หนักอึ้งมาเปิดประตูให้ เพราะเข้าใจว่าคงจะเป็นแพทมาเยี่ยม ความกลัวว่าจะเป็นศัตรูมายืนอยู่แทนแพทก็มีบ้าง แต่เมื่อมองนาฬิกาแล้วตอนนี้คงจะเป็นเวลาที่เขายังยุ่งกับงานมากกว่าจะมาหาเธอ

“คุณคณินมาได้ยังไงคะ” อยากจะถามมากกว่านั้นแต่ก็รู้สึกเหนื่อยเพราะพิษไข้ จึงยอมให้เขาเดินเข้ามาแต่โดยดี
“คุณเป็นยังไงบ้าง ให้ผมพาไปหาหมอมั้ย ตัวร้อนจี๋เลยกินยาหรือยัง”
มือหนาแตะไปที่หน้าผากด้วยความห่วงใย ยิ่งเห็นใบหน้าที่เคยผุดผ่องแทบจะตลอดเวลา กลายมาเป็นจืดซีด ก็ยิ่งห่วงเข้าไปอีก

“ขอบคุณค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรมากนอนพักหน่อยก็หาย ฉันไม่สะดวกที่จะต้อนรับแขกตอนนี้ค่ะ คุณ...”
“ผมจะมาดูแลคุณ ไม่ใช่มาเป็นแขก มานี่ผมจะพาไปนอนพัก”
แย่งอีกฝ่ายพูดแล้วก็อุ้มร่างบางไปวางไว้ที่เตียงโดยเร็ว ห่มผ้าให้จนเรียบร้อย แล้วก็กำชับว่า
“อย่าดื้อนะนอนให้หลับ ผมจะอาบน้ำก่อนแล้วจะหาอะไรมาให้กิน เหนื่อยมาจากข้างนอกเหมือนกัน รู้ว่าคุณป่วยก็รีบตรงมาหาเลย รู้มั้ยว่าผมห่วงคุณแค่ไหน”

บอกแล้วก็หอมแก้มเบา ๆ และยิ้มให้คนป่วยตรงหน้า แล้วก็ปักหลักนั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างห่วงใย ถึงจะขัดใจกับคำที่เขาบอกแต่ร่างกายก็ไม่อาจจะฝืนทนได้ จึงหลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย คณินลงไปข้างล่างเมื่อนทีโทรมาบอกว่าเอารถกับข้าวของมาให้แล้ว เขาถือโอกาสออกไปหาซื้ออะไรต่อมิอะไรด้วยตัวเองจากแถวนั้น

กลับเข้ามาพบว่าคนป่วยยังหลับอยู่ก็อาบน้ำเรียกความสดชื่นให้ร่างกาย อยากจะทำข้าวต้มให้คนป่วยสักชาม แต่กลัวว่าฝีมือที่ห่างครัวมานาน จะทำให้คนป่วยกลืนไม่ลง จึงโทรสั่งจากร้านข้างล่าง ทั้งอาหารของตัวเองด้วย

“ลี ๆ ลุกมากินข้าวต้มร้อน ๆ ก่อนนะแล้วค่อยนอนต่อ”
เรียกเบา ๆ คนป่วยที่คล้ายจะหลับ ๆ ตื่น ๆ ก็ลืมตาขึ้นมา

“กินข้าวก่อนนะจะได้กินยา”
เขาบอกด้วยความห่วงใย แม้จะไม่อยากอ้าปากรับอาหารที่เขาอาสาจะป้อนให้ แต่ความอยากจะหายมีมากกว่า หรืออาจจะเพราะความอยากให้เขากลับไปเร็ว ๆ มีมากกว่าอีกก็เป็นได้ จึงยอมทำตามที่เขาบอก เสร็จแล้วก็ล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนแรง

คณินจัดการกับอาหารค่ำตัวเองอยู่เงียบ ๆ เกือบสามทุ่มแล้ว เดินมานั่งข้าง ๆ คนป่วย หัวใจรู้สึกห่อเหี่ยว เมื่อเคยเห็นแต่ร่างอรชรเดินไปมาคอยดูแลคนรอบข้างในที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกับนักเรียนในห้องเรียน หรือกับยายที่บ้าน แต่เวลาเจ็บป่วยกลับต้องนอนซมอยู่ในห้องคนเดียว เมื่อก่อนเขาไม่รู้ว่าเธอจะมีใครคอยดูแลบ้าง แต่ต่อจากนี้ไปเขาอยากจะดูแลเธอ อยากจะให้ความคุ้มครองเธอ

ถึงจะปฏิเสธกับใจตัวเองว่านี่ไม่ใช่ ‘ความรัก’ แต่ก็ให้คำตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงเฝ้าคิดถึง เฝ้าห่วงหาอยู่ร่ำไปเวลาอยู่ห่างเธอ ยิ่งหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้เลย ว่าความสุขที่ได้รับมีมากแค่ไหน กับสัมผัสลึกซึ้งที่เคยมี สุดท้ายก็ลงเอยที่เจ้าตัวคอยห้ามปรามเอาไว้ ไม่ให้เลยเถิดไปไกล จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่คิดถึงจุดนี้ เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ไม่คิดจะจับเขา เมื่อเวลาที่เขาเกือบจะเผลอใจไปกับสัมผัสนั้น จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ครองตัวอยู่มาได้ถึงขนาดนี้ โดยที่ไม่ผู้ชายคนใดมาแผ้วพาน

แม้ไม่อยากจะเชื่อแต่จากคำบอกเล่าของยาย ทำให้เขาเชื่อว่าจริง ถ้าไม่นับฐานะทางการเงิน และทางสังคมเขามั่นใจว่าเจอคนที่ใช่แล้ว แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด กรณีที่เขาอาจจะหลงรูปจนขาดความรอบคอบ เขาจะต้องหาอะไร หรือหาใครมาช่วยยืนยันให้มั่นใจกว่านี้ก่อน ‘ใช่ต้องหาตัวช่วย’ สรุปให้ตัวเองได้แล้ว ก็พาตัวเองไปนอนที่ชุดรับแขกแล้วก็หลับไป

คนป่วยลืมตาขึ้นมาช้า ๆ คิดทบทวนว่าเมื่อคืนนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง สิ่งแรกที่ทำก็คือสำรวจตัวเอง ว่ายังปลอดภัยดีหรือไม่ ถอนใจด้วยอาการของคนโล่งอก มองหา ‘ศัตรู’ ที่ป้อนข้าวป้อนน้ำให้เมื่อคืน ก็พบแต่ความว่างเปล่า เกือบสิบโมงแล้ว เขาคงจะไปทำงานแล้ว ค่อย ๆ พยุงตัวลุกจากเตียงรู้สึกว่ายังเวียนหัวอยู่ แต่ก็อยากจะอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น เหลือบไปเห็นโน๊ตที่แปะไว้กระจกตู้เครื่องแป้ง ‘ผมต้องรีบไปทำงานก่อน เสร็จแล้วจะรีบกลับมา กินยาแล้วก็นอนพักมาก ๆ นะ’

ไม่รู้เพราะอะไรทำให้เห็นแววตาที่เขาห่วงใยเมื่อคืนลอยมาอยู่ตรงหน้าอีก แต่ก็รีบตัดมันทิ้งไป ‘แค่นี้เธอจะใจอ่อนเหรอประณาลี อย่าลืมว่าพวกเขาทำกับเธอไว้มากแค่ไหน’ เฝ้าบอกตัวเองจนเรียกความเข้มแข็งกลับคืนมาได้ ออกจากห้องน้ำก็เปิดตู้เย็นเพื่อหาอะไรใส่ท้องจะได้กินยา ข้าวของแทบจะล้นตู้ออกมา ไม่รู้มีอะไรบ้างสารพัด ‘นี่เขาเห็นเราเป็นคนอดอยากไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อ๋อ! หรือว่ารวยมากก็เลยซื้อมาแจก’

ได้แซนวิชกับน้ำส้มลงไปแล้วก็กินยาตาม ก่อนจะไปล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนแรงอีก ตื่นมาอีกทีก็พบกับเจ้าของหน้าคมนั่งอยู่ข้าง ๆ ยิ้มกว้างส่งให้เมื่อเห็นคนป่วยลืมตาขึ้นมาแววตาดูใสวาวกว่าเมื่อวานมาก

“ลี! คุณค่อยยังชั่วหรือยัง จะให้ผมพาไปหาหมอหรือเปล่า”
ถึงจะพอเดาได้ว่าแม่เสือสาวมีอาการดีขึ้น แต่ก็อยากจะถาม
“ฉันหายแล้วค่ะ คุณกลับไปเถอะฉันเกรงใจที่คุณต้องมาคอยเฝ้า”
ใจอยากจะไล่ตรง ๆ แต่ไม่อยากจะทำให้อารมณ์เขาขุ่นตอนที่ตัวเองยังไม่มีแรงอยู่แบบนี้
“ผมไม่กลับจะนอนกับคุณอีกคืน...เอ่อ...ผมหมายถึงว่าจะนอนเป็นเพื่อนคุณ”
รีบแก้คำเมื่อดวงตากลมโตมองขวาง ๆ ขณะที่พยุงตัวเองให้ลุกนั่ง

“ฉันหายดีแล้วค่ะขอตัวไปอาบน้ำก่อน”
ปล่อยให้คนที่เพิ่งหายป่วยเดินไปเข้าห้องน้ำ ส่วนเขาก็จัดแจงสั่งอาหารเย็นมารอ ปอกผลไม้ในตู้เย็นเตรียมไว้ด้วยอีกจานใหญ่ ๆ ประณาลีกลับออกมาในสภาพเรียบร้อย เดินมาดูเขาวุ่นในครัวอดสังสัยไม่ได้ว่า ‘เศรษฐีอย่างนายนี่จะปอกผลไม้กินเองได้ด้วยเหรอ ไม่น่าเชื่อ’ มองแล้วก็อดบ่นในใจไม่ได้

“คุณทำของพวกนี้เป็นด้วยเหรอคะ” ถามแกมประชดจนคนฟังรับรู้ได้ ‘แสดงว่าหายดีแล้ว’ ยิ้มก่อนจะตอบ
“ผมทำให้ยายออกบ่อย ตอนอยู่ต่างจังหวัด อาหารคงจะมาส่งแล้วล่ะ”
เสียงออดดังขึ้นจึงละมือจากผลไม้ แต่ประณาลีชิงเดินไปเปิดประตูก่อน อาหารหลายอย่างที่เขาสั่งมาเรียกน้ำย่อยของคนเพิ่งหายป่วยได้ดีทีเดียว มือถือของเขาดังขึ้น จึงเดินไปคุยที่ระเบียง

“ครับคุณแม่ แล้วเจอกันครับ”
เมื่อวางสายแล้วก็ต้องทำหน้าละห้อยนิด ๆ ใจก็อยากจะอยู่เป็นเพื่อนคนในห้อง อีกใจก็ห่วงความรู้สึกแม่ที่ถูกลูก ๆ ทอดทิ้ง
“กินกันเถอะผมหิวแล้ว”
จูงมือนุ่ม ๆ ไปที่โต๊ะอาหารเล็ก ๆ ที่นั่งได้สี่คน มืออีกข้างก็ได้จานผลไม้ที่ปอกเอาไว้ไปด้วย แม้จะอร่อยกับอาหารตรงหน้า แต่ประณาลีก็ให้กังวลอยู่เนื่อง ๆ เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้เขากลับไปได้ จนคนตรงหน้าอดถามไม่ได้

“คุณกำลังคิดอะไรเหรอลี” “เอ่อ...ฉันว่าฉันหายดีแล้วค่ะ ความจริงคุณจะกลับบ้านก็ได้นะคะ” ตัดสินใจบอกอีกครั้ง
“ก็ได้ ถ้าคุณกลัวว่าผมจะเผลอทำอะไรกับคุณอีก ผมกลับก็ได้”
ยิ้มก่อนจะรับคำง่าย ๆ ทำให้คนที่กังวลอยู่ออกอาการงง ‘บทจะง่ายก็ง่ายซะจนตั้งตัวไม่ทัน นี่ตกลงว่าฉันจะอ่านนายไม่ขาดสักครั้งเลยใช่มั้ย’อดด่าในใจไม่ได้

อาหารเย็นเสร็จลงคณินยอมกลับแต่โดยดี ไม่อิดออดเหมือนหลาย ๆ ครั้ง เป็นเหตุให้คนหายป่วยโล่งใจ แต่ก็ต้องยื่นแก้มให้หอมก่อนเขาออกจากห้องอยู่ดี ใจอยากจะกอดรัดเจ้าของเนื้อนวลให้เต็มรัก แต่กลัวจะปล่อยไม่ได้ อีกใจก็อยากรีบกลับไปหาแม่ เพราะรับปากแล้วว่าจะกลับไปกินข้าวเป็นเพื่อน กว่าจะฝ่าการจราจรมาถึงบ้าน แม่ก็ชะเง้อคอคอยอยู่เป็นนาน

“ขอโทษครับคุณแม่ รถติดไปหน่อย กินข้าวกันเถอะครับผมหิวแล้ว”
แม้จะอิ่มเพราะสุขใจที่ได้นั่งใกล้แม่เสือสาว จนเผลอกินข้าวไปจนเต็มท้อง แต่ก็จำต้องกินอีกเพื่อรักษาน้ำใจแม่ วันนี้เขาเอาใจแม่เป็นพิเศษ ด้วยการตักอาหารที่แม่ชอบไปให้บ่อยครั้ง น้องสาวคนเดียวขอไปงานเลี้ยงกับเพื่อน จึงอยู่กินข้าวกับแม่ไม่ได้จนเขาต้องรีบมาแทน

“ณินป้าหญิงโทรมาอีกแล้วนะ บอกว่าถ้าณินว่างพรุ่งนี้ให้ไปหาหน่อย เห็นว่าอยากคุยธุระด้วยจริง ๆ ณินจะไปได้มั้ยลูก ถ้าไปก็แวะซื้อผลไม้ไปกราบท่านด้วยนะ ท่านบอกให้ไปบ่าย ๆ ก็ได้จะให้เลยกินข้าวและคุยกับลุงนาทเลย”
ท่าทางแม่เหมือนอยากจะให้เขาไป สงสัยลุงกับป้าคงจะมีงานให้ทำจริง ๆ ทำให้พอจะมองเห็นใครที่เขาอยากหามาเป็น ‘ตัวช่วย’ ในการตัดสินใจได้ในทันที จึงรีบรับปากแม่ออกไปด้วยรอยยิ้ม

“ได้ครับคุณแม่ พรุ่งนี้วันหยุดด้วย งั้นคุณแม่ก็มีหลาน ๆ กับพี่ณิมาทำให้หายเหงาแล้วสิครับ”

แพทนั่งทำหน้าจ๋อย ๆ อยู่ที่โต๊ะ เมื่อถูกประณาลีเตือนเรื่องที่ให้ข่าวกับคณิน ถึงจะไม่มีอะไรเป็นที่ผิดสังเกตุให้ระแคะระคาย แต่แพทก็ยอมรับว่าละเมิดกฏที่ตกลงไว้ร่วมกัน คือแผนการทุกอย่าง จะต้องได้รับการยอมรับจากน้องเท่านั้น

“พี่ขอโทษนะลี พอเช็คได้ว่านายนเรศอยู่ภูเก็ตคงจะไม่ไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้นพี่ก็เลยบอกนายคณิน คิดว่าถ้าได้อยู่ใกล้ ๆ ตอนลีป่วยอาจจะทำให้นายนั่นรักลีขึ้นมาเร็วหน่อยหนึ่งเท่านั้นเอง”

สีหน้าที่บอกว่ารู้สึกผิด ทำให้น้องต่างสายเลือดต้องถอนหายใจแรง ๆ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานแพท มือเอื้อมไปกุมมือพี่เอาไว้อย่างรักยิ่ง

“พี่แพทคะอย่าขอโทษลีเลยค่ะ ลีรู้ว่าพี่แพทหวังดี ลีแค่ห่วงว่าถ้าเราเผลอทำอะไรที่เราไม่ได้คิดล่วงหน้าไว้ก่อน มันจะพลอยทำให้อย่างอื่นพังด้วยแค่นั้นค่ะ ถ้าลีไม่ป่วยลีก็ไม่ห่วง แต่นี่ลีนอนป่วยอยู่ถ้าเกิดนายนั่นดันไปเปิดดูโน่นนี่ในห้องอาจจะทำให้เขาเอะใจขึ้นมาได้” ห่วงกล่องที่เก็บซ่อนไว้ในตู้ เพราะด้านในมีข้อมูลทุกอย่างของศัตรู ถึงจะล็อคไว้อีกชั้นแต่ก็กลัวอยู่ดี

“แต่ยังไงลีก็ขอบคุณพี่แพทมาก ๆ นะคะ ที่อยากจะช่วยลี ขอบคุณทุก ๆ เรื่องที่พี่แพททำให้ลีกับทุกคนค่ะ พี่แพทคือพี่สาวของลีนะคะ ลีรักพี่แพทค่ะ อย่าลืมนะว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน จะไม่ทิ้งกันไปไหน อย่าทำหน้าน้อยใจเลยนะคะ”
“พี่ก็รักลีและทุก ๆ คนจ๊ะ ขอบใจมาก ๆ นะที่เห็นพี่เป็นเหมือนคนในครอบครัวเดียวกับลี แต่ถึงลีไม่บอกในใจพี่ก็มีน้อง ๆ กับยายอยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน พี่ไม่มีใครที่ไหนอีกแล้ว สิ้นบุญคุณลุงคุณป้าไป พี่ก็มีลี มีตาวี แล้วก็ยายแค่นั้น”

สวมกอดน้องเอาไว้ด้วยความรัก และซาบซึ้งในน้ำคำที่น้องบอกออกมาด้วยความอ่อนโยน พลอยทำให้แพทหวนคิดไปถึงเรื่องในอดีตไม่ได้

คืนที่ฝนตกรวยริน ท้องฟ้าคำรามกึกก้อง ร่างหนุ่มน้อยหน้าขาวนวลเนียนราวสตรี นั่งกอดอกด้วยอาการหนาวสั่นอยู่ใต้ต้นไม้ใกล้ ๆ เสาไฟฟ้า แสงไฟจากรถที่แล่นไปมาสาดส่องไปยังร่างที่เปียกปอนนานนับชั่วโมง แต่ก็ไม่มีคันไหนคิดที่จะจอดรับผู้ที่ต้องการจะหลบฝนเลยแม้แต่คันเดียว พลัน! รถหรูก็จอดกึกตรงหน้าเด็กหนุ่ม ไม่นานหนุ่มใหญ่ก็ลงจากรถพร้อมร่ม แล้ว เดินตรงไปหาคนที่ซุกกายอยู่ ไม่บอกประนพก็พอจะเดาได้ว่าคนที่นั่งอยู่ จะหนาวเหน็บแค่ไหน ประนพนั่งลงใกล้ ๆ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา

“เจ้าหนุ่มมานั่งอยู่ตรงนี้ทำไม บ้านช่องไม่ยอมกลับ ฝนก็ตกหนักขนาดนี้ ไปลุงจะไปส่ง”
เหมือนสวรรค์ส่งเทวดามาทรงโปรดให้เด็กหนุ่มที่ไร้ซึ่งหนทางจะก้าวเดินในเวลานี้

“เพชรเหรอ! อืม ชื่อดีเหมือนกันนะ หรือณาว่าไงจ๊ะ”
ประนพทวนชื่อ เมื่อได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตความเป็นมาตามคำบอกเล่า เขาหันไปหาภรรยาที่วุ่นอยู่กับการจัดหาอาหารให้ผู้หิวโหย ที่ตั้งแต่กมถึงา อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ ก็คดข้าวให้เป็นจานที่สามแล้ว กระนั้นเด็กหนุ่มก็ยังไม่มีวี่แววจะอิ่ม จนปวีณาต้องต้มมาม่าชามใหญ่ ๆ ให้อีก ก่อนจะหันไปตอบสามีที่เอาแต่ยืนกอดอก มองคนที่ตักข้าวเข้าปากไม่ยอมหยุด

“ณาก็ว่างั้นล่ะค่ะ”
“อร่อยมากมั้ยเพชร” คนถูกถามพยักหน้าหงึก ๆ แต่ไม่ยอมเสียเวลาตอบ เพราะปากไม่ว่างจนประนพกับปวีณาหันไปยิ้มให้กัน แล้วประมุขของบ้านก็เหมือนจะคิดอะไรได้จึงหันกลับไปหาเพชรอีกรอบ

“ถ้าเพชรไม่อยากจะกลับไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอีก ก็อยู่กับลุงที่นี่สิ บ้านลุงกว้างขวาง มีที่ให้เพชรอยู่สบาย ๆ เลยล่ะ ไหนจะมีคุณป้าณา ไหนจะมีน้องสาวกับน้องชายอีกตั้งสองคน แล้วลุงจะส่งให้เพชรเรียนหนังสือจนจบเลย ตกลงมั้ย เพชรจะอยู่กับพวกเราที่นี่ หรือจะเอายังไงก็บอกมา”

น้ำเสียงเอื้ออาทรของเจ้าของบ้าน สร้างความปลาบปลื้มใจให้เพชร ผู้ที่มีชีวิตไร้แล้วซึ่งที่พึ่งพิง เด็กหนุ่มไม่อยากเชื่อเลยว่ากับการที่ตัวเองและเพื่อนอีกสองสามคน แอบหนีออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามา เพราะทนกับเพื่อน ๆ ผู้ชายกระทำการย่ำยีร่างกายและหัวใจอย่างไร้ความปราณีไม่ได้ เพราะเกิดแอบรู้ว่าเพชรและเพื่อนมีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกัน แม้จะชอบผู้ชายด้วยกัน แต่ก็ไม่ปรารถนาที่จะได้รับความรุนแรง แล้วยังไม่อาจจะร้องเรียกหาความยุติธรรมจากใครได้

แต่เมื่อหนีออกมาแล้ว ทั้งหมดก็ต้องพบกับชีวิตที่ลำบากลำบนยิ่งกว่าอยู่ในที่ที่จากมาอีก เพื่อน ๆ ที่มาด้วยกันก็ต่างมีอันต้องแยกจากกันไปอย่างไม่รู้ข่าวคราว ส่วนเพชรเองก็ต้องหาทางเอาตัวรอดไปวัน ๆ อดมื้อกินมื้อมาหลายวัน หิวหนัก ๆ เข้าก็ไปขโมยของแม่ค้าในตลาดกิน จนถูกไล่ทุบตีเลยต้องหนีเอาตัวรอดจนไปนั่งขดอยู่ใต้ต้นไม้ ใกล้ ๆ เสาไฟฟ้านั่นเอง

“ถ้าลุงให้ผมอยู่ด้วย ผมก็จะอยู่ครับ” เพชรตอบพร้อมยิ้มรับด้วยความดีใจเป็นที่สุด
“ดีแล้วล่ะเพชร อยู่กับพวกเราที่นี่ จะได้ไม่ต้องเร่ร่อนไปไหนอีก งั้นลุงกับป้ากับน้อง ๆ ก็ขอต้อนรับสู่บ้านของเรานะ อ้าว! ยายลีตื่นพอดี มานี่มาลูก มารู้จักพี่เพชรเร็ว พี่เพชรจะมาอยู่บ้านเราด้วยนะ ลีดีใจมั้ยลูก”
โอบกอดเพชรแล้วก็หันไปเห็นลูกสาว เดินเอามือเกาะชายเสื้อคนแม่ ที่อุ้มลูกชายวัยสี่ขวบออกมาจากห้อง หลังจากที่ร้องงอแงจนปวีณาต้องเดินเข้าไปอุ้มออกมา

“เหรอคะคุณพ่อ แล้วพี่เพชรจะไปโรงเรียนกับลีหรือเปล่าคะ” เด็กน้อยประณาลีซึ่งอยู่ในวัยห้าขวบ ถามด้วยความกระตือรือร้นกับสมาชิกใหม่
“ได้ไปสิลูก พ่อจะให้พี่เพชรได้เรียนหนังสือเหมือนกับลีนั่นล่ะ แต่พี่เพชรจะเรียนโรงเรียนเดียวกับลีไม่ได้นะลูก เพราะพี่เพชรโตแล้ว แต่พี่เพชรจะคอยดูแลลีกับน้องช่วยคุณพ่อกับคุณแม่ไงจ๊ะ ต่อไปนี้ลีก็จะได้มีพี่ชายแล้วนะลูก”
ประนพกอดลูกสาวเอาไว้ด้วยความรัก

“พี่เพชรชอบเล่นตุ๊กตาหรือเปล่าคะ”
มือน้อย ๆ ยื่นไปจับมือพี่ชายคนใหม่ คนถูกถามยิ้มรับอย่างถูกใจ เพราะตุ๊กตาคือสิ่งที่ชอบ แต่เมื่อเห็นประนพกับปวีณาหันไปมองกันด้วยความขำกับคำถามลูกสาว จึงไม่กล้าแสดงอะไรที่ซุกซ่อนเอาไว้ออกมา เพชรกลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว ‘วรกาญจน์’ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ประนพรับเพชรเป็นลูกบุญธรรม หลังจากที่ยื่นความจำนงค์ต่อสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่เด็กหนุ่มหนีออกมา แล้วเขาก็เลี้ยงเพชรเหมือนกับเลี้ยงลูกตัวเอง คนในครอบครัวก็รักเพชรไม่แพ้กัน

ประนพกับประวีณาไม่เคยห้ามในสิ่งที่เพชรเป็น เมื่อรู้ในภายหลังว่าเพชรมีความผิดปกติ แต่เพชรก็ไม่ได้แสดงออกมากมายนัก เพราะเห็นว่าไม่เป็นการสมควรอย่างยิ่ง ที่จะทำให้พ่อแม่เสียใจ กระทั่งเพชรเรียนจบ ประนพกับปวีณาเสียชีวิตลง เพชรจึงเปลี่ยนจากหนุ่มมาเป็นสาวสวย พี่เพชรของน้อง ๆ จึงกลายมาเป็นแพทตั้งแต่นั้นมา

สองร่างที่โอบกอดกันจำต้องแยกออกเมื่อโทรศัพท์ภายในที่โต๊ะแพทดังขึ้นมาขัดจังหวะ แพทจึงรับ

“ลีนายคณินกำลังขึ้นมาหาลีที่นี่”
แพทบอกด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรเขาก็มาถึงห้องทำงานของเธอแล้ว และนี่คือสิ่งที่เธอไม่ชอบเอามาก ๆ อีกแล้วที่เขาบุกโดยไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัว ดีเท่าไหนแล้วที่คณิศรยังไม่พาเจนนี่มาเรียนรำ แต่อีกไม่นานก็จะได้เวลามา ประณาลีจึงรีบถาม เพราะอยากให้เขากลับเร็ว ๆ

“มีอะไรคะคุณคณินถึงได้มาถึงที่นี่”
ทำหน้าราบเรียบแกมดุนิด ๆ ให้รู้ว่าเธอไม่ชอบที่เขามาแบบนี้ แต่คณินไม่สนใจเดินมาคว้ามือเธอเอาไว้
“วันนี้ไปธุระกับผมหน่อยนะ” บอกแค่นั้นก็ดึงร่างบางให้เดินตามไปแต่อีกฝ่ายขัดขืน
“ปล่อยสิคะฉันไปไม่ได้หรอกค่ะ อีกหน่อยต้องสอนแล้ว”

“ถ้าคุณเดินไปเองไม่ได้ผมจะอุ้มคุณลงไปตอนนี้เลย เลือกเอา ฝากคุณแพทหาครูมาสอนแทนลีด้วยนะครับ ขอยืมตัวไปทำธุระก่อน เดี๋ยวจะเอามาส่งให้”

บอกแล้วก็ฉุดดึงมือเดินออกไป ประณาลีอยากจะขัดขืน แต่ก็กลัวคณิศรจะมาพบเข้า จึงจำยอมเดินตามเขาไป แพทมองตามด้วยความห่วง เห็นกระเป๋าสะพายน้องกองไว้ที่โต๊ะ ก็รีบวิ่งตามเอาไปให้ ประณาลียิ้มขอบคุณในความรอบคอบของแพท ก่อนจะขึ้นรถไปกับเขาดี ๆ รถมาจอดอยู่หน้าซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดตลอด ๒๔ ชั่วโมง




 

Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2552
0 comments
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2552 7:16:52 น.
Counter : 390 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.