Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
13 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

ธารลาวา ๒๕ (ธัญรัตน์)




ตอน ๒๕

“ลีจะให้ยายมางานหมั้นหรือเปล่า แล้วถ้ามาแล้วเกิดยายรู้ว่าคุณอัมพรเป็นใคร แผนเราจะเสียมั้ย”
แพทออกจะห่วงอยู่ไม่น้อย เมื่อประณาลีบอกไปว่าฤกษ์หมั้นที่เธอกับคณินเพิ่งจะได้จากพระมาคืออาทิตย์หน้า และก่อนจะถึงวันหมั้นไม่กี่วัน คณินจะพาเธอไปพบกับคนในครอบครัว พร้อมแจ้งข่าวดีเรื่องงานหมั้นกับทุกคนพร้อม ๆ กัน ในใจก็กลัวว่าแผนที่วางไว้จะไม่เป็นไปดังที่คิด หากคามินและนเรศรู้ว่าเธอคือคนรักของคณิน แต่ไม่ว่าจะยังไงเธอก็จะต้องควบคุมแผนทั้งหมดให้อยู่

“ไม่ค่ะพี่แพท ยายกับวี จะไม่มาร่วมงานนี้ ผู้ใหญ่ฝ่ายลี ก็จะมีพี่แพท กับพ่อครูและอาจารย์ที่ลีเคารพแค่นั้นค่ะ ลีจะบอกนายคณินตอนใกล้ ๆ วันงานว่ายายเดินทางมาร่วมงานไม่ไหว”
เจ้าของแผนการแจงให้แพทฟัง อย่างคนที่วางหมากเอาไว้แล้วเป็นอย่างดี
“เหรอ ก็ไม่น่าเกลียดเท่าไหร่หรอกนะ อย่างน้อย ๆ เราก็มีผู้ใหญ่มาร่วมงานด้วย แล้วลีจะไปพบคนในครอบครัวเขาเมื่อไหร่ล่ะ”

“ลีจะไปก่อนวันหมั้นไม่กี่วันค่ะ ไปแล้วนายคณินก็จะบอกเรื่องหมั้นกับทุกคนเลย”
“แล้วแน่ใจเหรอว่านายคามินกับนายนเรศจะยอมดี ๆ พี่กลัวสองคนนั่นจะลุกขึ้นมาโวยวายเอาน่ะสิ ทีนี้ก็แผนแตกไม่เป็นท่าแน่ ๆ คิดแล้วยังกลัว ๆ อยู่เลย”

“ไม่หรอกค่ะ ลีมั่นใจว่าเอาสองอยู่ เอ่อ! ว่าแต่พี่แพทนัดนายนเรศให้ลีเลยนะคะ เอาช่วงเที่ยงเหมือนเดิม จะร้านที่สนามกอล์ฟก็ได้ค่ะ หรือถ้าจะเป็นร้านอื่น ก็ขอให้เป็นร้านอาหารที่ไกลจากนี่หน่อย เน้นร้านใหญ่ ๆ บรรยากาศดี ๆ หน่อย ลีจะเข้าบท ‘รักแต่ต้องห้ามใจ’ ให้นายนั่นดูเป็นขวัญตา แล้วต่อไปก็จะเป็นคิวของนายคามิน รับรองว่าเจอลีในฐานะว่าที่สะใภ้ของบ้าน ‘คณานุรักษ์’ แล้ว ไม่มีใครกล้าปริปากในตอนนั้นหรอกค่ะ”
มั่นใจในแผนการตัวเองอย่างมาก เพราะเธอได้วางเอาไว้แล้ว ว่าจะต้องให้ออกมาเป็นแบบนี้

“ได้ เดี๋ยวพี่นัดให้พรุ่งนี้เลย”

ร้านอาหารในสนามกอล์ฟเป็นที่ที่แพทเลือกนัดกับนเรศเช่นเคย มันไม่ใช่วันหยุด และไม่ใช่วันที่นเรศมาออกรอบกับเพื่อน ๆ แต่เขาก็ไม่คิดจะปฏิเสธนัดครั้งนี้สักนิด แพทไปอยู่ยงรอที่ร้านอาหารตามเคย ส่วนประณาลีไปนั่งรอนเรศที่สวนหย่อมแล้ว อาหารเที่ยงไม่ใช่จุดหมายของเธอ แต่สิ่งที่เป็นจุดหมายที่แท้จริงก็คือ ต้องทำให้นเรศยอมรับในสภาพตัวเองให้ได้ หากเธอจะไปมีคนใหม่ วันนี้บทบาทของเธอจึงจะต้องบีบน้ำตาออกมาให้เขาได้เห็น

“คุณลี รอผมนานหรือเปล่าครับ ขอโทษด้วยพอดีติดลูกค้าปลีกตัวมาลำบากนิดหนึ่งครับ”
คำขอโทษกับสีหน้าที่รู้สึกผิดแสดงให้เธอเห็น เพราะเขามาช้ากว่าเวลานัดเกือบครึ่งชั่วโมง แต่คนที่ปั้นหน้าเศร้าสร้อยรออยู่ก่อนแล้ว หาได้สนใจกับเรื่องนี้ไม่

“ไม่เป็นไรค่ะ ปกติลีก็รอคุณเรศอยู่แล้ว และก็รอมานานมากแล้วด้วยค่ะ”
ยิ้มฝืน ๆ ส่งให้ จนคนฟังรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่ออกไปทางตัดพ้อนิด ๆ เขารู้และเข้าใจเธอดี เพราะเขาเองก็เฝ้าคิดถึงครูสาวที่ยืนมองรถเขาขับออกจากหน้าโรงเรียนวันนั้นไม่ห่างหาย ทั้งคิดถึงและรู้สึกสงสารปะปนกันไป

“คุณลี” แค่นี้ก็พูดแทบไม่ออกอีกต่อไปแล้ว ส่วนคนที่ต้องทำหน้าเศร้าก็ไม่ปริปากได้แต่ปล่อยให้เขามองหน้าเธออย่างค้นหาอยู่อย่างนั้น จนนเรศอดรนทนไม่ได้จึงต้องเอ่ยปากออกไป
“ทำไมวันนี้คุณลีดูไม่สดชื่นเลยครับ ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าครับ”
รู้ทั้งรู้ว่าเหตุมาจากเรื่องไหน แต่ก็ไม่รู้จะหาคำพูดใด ๆ มาปลอบใจเธอได้มากกว่านี้ เพราะเขาไม่ถนัดนักเรื่องสรรหาคำมาปลอบใจผู้หญิงสักเท่าไหร่นัก แต่จะหนักไปทางผู้หญิงจะเข้ามาปลอบขวัญมากกว่า

“เปล่านี่คะ ลีสบายดี”
“ถึงคุณลีไม่บอกผมก็เดาออกครับ เพราะตั้งแต่วันนั้น เอ่อ! วันที่ผมไปรับยายเจนนี่ที่โรงเรียน ผมก็ไม่ค่อยสบายใจเลยครับ ห่วงความรู้สึกคุณลี แต่ผมสาบานนะครับ ว่าผมไม่ได้ตั้งใจที่จะให้คุณลีพบกับเราสามพ่อแม่ลูก อยู่พร้อมหน้ากันแบบนั้น ผมรู้ดีว่ามันจะทำร้ายจิตใจคุณลี” ช่างเข้ากับแผนที่อยากจะให้เป็นเสียเหลือเกิน

“คุณเรศไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ลีรู้ว่าลีควรจะทำตัวและทำใจยังไง เมื่อเราเผลอไปแล้ว”
แม้ใจอยากจะหัวเราะออกมา แต่หน้าก็จำต้องแสร้งเศร้าสร้อย จนเหยื่อที่หลงเข้ามาติดบ่วงถึงกับทำหน้าสลด เมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้
“โธ่! คุณลีอย่าพูดแบบนี้สิครับ ผมไม่สบายใจเลย”

“คุณเรศยังจำเรื่องรถสปอร์ตที่เราคุยกันวันนั้นได้มั้ยคะ รถที่เจ้าของเขายังรักอยู่ รถที่ลีอยากได้มาครอบครอง ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ หรือนานแค่ไหนถึงจะมีวันนั้น วันที่เจ้าของเขาเบื่อแล้วก็ขายทิ้งให้คนอื่นไป แต่มันก็คงจะยากนะคะ เพราะดูจากสภาพแล้วมันยังใหม่เอี่ยมอยู่เลย ถ้าลีอยากได้ ลีก็จะต้องรอ จนกว่ามันจะเก่า หรือเจ้าของเขาอยากหารถคันใหม่มั้งคะ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่”

สีหน้าที่ดูจะสลดลงกว่าเก่าจนนเรศสังเกตุเห็นได้ชัด น้ำตาถูกบีบให้มันเอ่อเต็มเบ้าตา แล้วค่อย ๆ ไล่ให้ไหลออกมาช้า ๆ ตามพวงแก้ม พร้อมหันหน้าหนีเพื่อไม่ให้เขาได้เห็น

“คุณลีครับ คุณลีร้องไห้ทำไม ตั้งแต่เรารู้จักกันมา ผมไม่เคยเห็นคุณลีร้องไห้เลย ผมขอโทษครับ ขอโทษที่พบคุณลีช้าไป ขอโทษที่ทำให้คุณลีเสียใจ ขอโทษที่ทำอะไรต่อมิอะไรให้คุณลีได้น้อยไป บอกผมได้มั้ยครับ ว่าจะให้ผมทำยังไง คุณลีถึงจะหยุดร้องไห้ หยุดเสียใจ ถ้าผมทำได้ผมยินดีครับ หรือถ้าคุณลีต้องการ ผมก็สามารถทำให้รถคันนั้นไม่มีเจ้าของได้นะครับ”

‘น้ำตากับมารยาหญิง’ มักจะชนะผู้ชายได้เสมอ ๆ ในทุกกรณี ประณาลีอดยิ้มหยันเหยื่อไม่ได้จริง ๆ แต่ก็เป็นเพียงยิ้มที่ซ่อนเอาไว้ภายในเท่านั้น เมื่อเหยื่อเชื่อและคล้อยตามแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะตัดฉับ

“ขอบคุณ คุณเรศมาก ๆ นะคะที่ห่วงความรู้สึกลี และจะยอมทำทุกอย่างเพื่อลี แต่อย่าเลยค่ะ ลีไม่อยากมีบาปติดตัวไปจนตาย บางทีลีก็ควรจะเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับรถคันนั้นใหม่ เปลี่ยนจากความอยากได้มาครอบครอง เป็นแค่ยืนชื่นชมความสวยงามของมัน แล้วลีก็ควรจะไปหารถคันใหม่ที่ยังไม่มีเจ้าของจะดีกว่า ถึงจะไม่มีรถคันไหนที่ลีจะรัก และอยากได้มาครองเท่ารถคันนั้นก็ตาม แต่ลีก็ควรจะอยู่ห่าง ๆ มันเอาไว้ เพื่อไม่ให้ใจมันคิดไม่ในทางที่ไม่ดี”
น้ำตาถูกบีบให้ไหลรินอาบแก้มลงมาเป็นทางได้เรื่อย ๆ เมื่อหันหน้าไปมองเหยื่อเต็ม ๆ ตา

“คุณลี! คุณลีพูดเหมือนกับว่าเรากำลังจะ...”
“คุณเรศอย่ามาใส่ใจคำพูดลีเลยนะคะ ลีก็แค่อยากจะระบายความในใจเท่านั้น เอ่อ! ฝากคุณเรศไปส่งพี่แพทให้ลีด้วยนะคะ ลีขอตัวไม่ทานข้าวด้วยแล้วกันค่ะ จะรีบไปสอนเด็ก ๆ ต่อ โชคดีนะคะ ลาก่อนค่ะ”

น้ำตาถูกบีบออกมาอย่างไม่รู้จักเหือดแห้ง สิ้นคำพูด ก็พาตัวเองเดินเร็ว ๆ ออกจากตรงนั้นทันที ปล่อยให้เหยื่อยืนงงอยู่กับคำพูดของเธอเป็นนาน กว่าจะรู้ตัว ประณาลีก็ขับรถออกไปแล้ว นเรศจึงเดินกลับไปหาแพทที่ร้านอาหาร พร้อมสั่งรายการที่เขาชอบรออยู่ก่อนแล้ว

“แล้วยายลีล่ะคะคุณเรศ”
รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังต้องตีหน้าตายได้ไม่แพ้คนที่จากไปเลยสักนิด นเรศนั่งลงที่เก้าอี้ไม่ยอมปริปากพูดอะไร ไม่สนใจกับอาหารตรงหน้าแม้จะเป็นของชอบ สักพักจึงมองหน้าแพท เขาอ่านได้ว่ากำลังรอคำตอบจากเขาอยู่

“คุณลีกลับไปแล้วครับ เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณแพทเอง เอ่อ! คุณแพทครับ พักนี้คุณลีมีอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับ ผมหมายถึงว่าคุณลีมีความสุขดีมั้ย” พอเดาออกอยู่บ้างแต่เขาก็อยากจะรู้เรื่องราวของเธอให้มากกว่านี้

“ยายลีเหรอคะ พักนี้ไม่ค่อยสดใสหรอกค่ะ ออกจะเก็บตัวด้วยซ้ำนะคะ ทำงานเสร็จก็กลับเลย แพทชวนไปไหนก็ไม่ค่อยไปค่ะ ตอนเช้า ๆ มาทำงานตางี้บวมเปล่งเลยนะคะ ยังกับคนร้องไห้มาทั้งคืน ถามว่าเป็นอะไร มีปัญหาอะไรก็ไม่ยอมตอบ แต่แปลกค่ะ พอแพทชวนมากินข้าวกับคุณเรศดันมานะคะ แต่ทำไมถึงรีบกลับไปก่อนก็ไม่รู้ มีอะไรที่แพทตกข่าวหรือเปล่าคะคุณเรศ”

เมื่อเข้าทางก็ต้องรีบย้ำตามแผนที่วางเอาไว้ แพทมั่นใจว่าเหยื่อรู้สึกผิดไม่น้อย ที่หลงว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้คนที่เขาหมายตาต้องเจ็บ ‘อยากจะหัวเราะ’ ใจนั้นให้สังเวชคนตรงหน้าเป็นที่สุด

“เอ่อ! ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมว่าเราลงมือกันเลยดีกว่า”
เขารู้ดีว่า ไม่ควรจะบอกแพทในทุก ๆ กรณี ถึงแพทจะพอรู้อยู่บ้าง แต่ก็คงไม่กระจ่างเท่าไหร่นัก เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างเขากับเธอ จึงไม่อยากให้ใครเข้ามาก้าวก่ายมากเกินไป

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ พี่ล่ะค้ำขำเวลาเห็นหน้านายนเรศ ที่เหมือนกับรู้สึกผิดซะเต็มประดา ตอนที่นั่งรถมาด้วยกัน ทำไมนายนี่มันถึงได้โง่ขนาดนี้นะลี มันคิดว่าตัวมันคงจะเลิศเลอ เพอร์เฟคมากสินะ ที่คนสวย ๆ อย่างลีจะไปหลงรักมัน”
แพทเล่าไปแล้วก็หัวเราะไปเมื่อมาถึงออฟฟิศได้สักพักแล้ว

“ดีค่ะ ให้มันคิดแบบนั้นล่ะ วันที่ลีไปเปิดตัวในฐานะใหม่ มันจะได้ไม่กล้าลุกขึ้นมาโวยวายไง ทีนี้ก็เหลือนายคามินที่ลีจะต้องจัดการ เดี๋ยวพี่แพทโทรบอกวีด้วยนะคะว่าพรุ่งนี้ลีจะไปหานายคามิน ให้ทำตามแผนได้เลยค่ะ”
ดวงหน้าที่บ่งบอกว่าสุขนัก เมื่อศัตรูกำลังจะถูกเธอเล่นงานไปทีละคน ๆ ใจอยากจะเห็นวันที่คาดหวังเอาไว้เร็ว ๆ อยากจะเห็นคนที่ทำให้พ่อกับแม่ต้องลาโลกไปต้องเจ็บปวดเป็นที่สุด

“ได้สิ เอ่อ! แล้ววันนี้จะให้นกสอนแทนเหมือนเดิมมั้ยลี นายคณินจะพาไปไหนหรือเปล่า”
ยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไร มือถือก็ดังขึ้น ‘ตายยากจริงนะ พูดถึงก็มาเชียว’ มองดูว่าเป็นใคร ยิ้มให้แพทก่อนจะกดรับสาย
“ค่ะ เหรอคะ แล้วต้องไปเดี๋ยวนี้เลยเหรอคะ ลีต้องสอนก่อน ก็ได้ค่ะอีกห้านาทีลีจะลงไป”
“นายคณินว่าไงลี” ไม่บอก็รู้ว่าใครโทรมา

“เขาให้คนรถมารอรับลีอยู่ข้างล่างค่ะ บอกว่าให้ช่างตัดเสื้อมาวัดตัวและเอาแบบชุดมาให้เลือก ให้ลีไปที่ออฟฟิศด้วย งั้นพี่แพทให้นกสอนเลยนะคะ คิดว่าคงจะไม่ได้กลับเข้ามาอีกแล้วล่ะค่ะ”
สิ่งแรกที่ทำก็คือต้องเข้าห้องน้ำสำรวจตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะรีบคว้ากระเป๋าสะพาย แต่ก็ไม่วายหันมากำชับแพท
“พี่แพทอย่าลืมนะคะโทรไปบอกวีด้วยเรื่องพรุ่งนี้”
“จ๊ะ รีบไปเถอะ” แพทยิ้มให้ก่อนจะรับคำ

เจ้าของหน้าคมยืนมองรถเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าบริษัทอย่างใจจดใจจ่อ บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงคิดถึงเธอนัก แม้เพิ่งจะเจอหน้าเมื่อวันวาน แม้เพิ่งจะโทรคุยกันเมื่อสักครู่นี้ก็ตาม ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ จากคนที่แทบไม่ต้องวิ่งหาสตรีนางไหน กลับต้องมาคอยโทรตามเจ้าของร่างบางที่ลงรถมาในชุดผ้าซิ่นที่เขาคุ้นตา

“อีกหน่อยช่างก็จะมาถึง ไปนั่งรอในออฟฟิศผมก่อนนะ”
ปากบอกส่วนมือก็คว้าหมับเอามืออีกคนไปครองไว้ แต่ก็เหมือนจะคิดขึ้นได้จึงหันไปหานที พร้อมสั่งงาน
“ให้คนที่โน่นเอาสปอร์ตมาให้ผม แล้วก็กลับไปพร้อมกันเลยนะนที ฝากบอกคุณแม่ว่าวันนี้จะไม่กลับไปกินข้าวเย็นด้วย ให้บอกว่าติดงานอยู่นะ”

สิ้นคำสั่งก็จูงมือเรียวที่นิ้วนางถูกจับจองด้วยแหวนเพชรน้ำงามตั้งแต่คืนนั้น เจ้าของนิ้วจะพยายามดึงมือออกจากการยึดของเขา เพราะพนักงานตั้งแต่หน้าบริษัท ต่างมองมาที่เธอและเขาเป็นจุดเดียวกัน แต่อีกคนไม่ยอมปล่อยมือง่าย ๆ กลับยิ้มน้อย ๆ ให้พนักงานแล้วพาเธอเดินไปเรื่อย ๆ

“แหม่ม ช่วยหาของว่างให้ผมกับคุณลีด้วยนะ ถ้าช่างมาก็ให้พาเข้าไปในห้องได้เลย”
บอกก่อนจะดึงแขนเรียวเข้าไปในห้องทำงานโดยเร็ว จนประณาลีไม่ทันที่จะได้เอ่ยคำทักทายแหม่มเลยสักนิด ได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ให้ก่อนจะตามแขนแข็งแรงเข้าไป สองสาวหน้าห้องต่างหันมาหากันแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความขำ

“ปัทแอบเห็นแหวนที่นิ้วครูลีแว๊ปหนึ่งแล้วค่ะพี่แหม่ม เฮ้อ! อิจฉาครูลีจังเลย ทำไมช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีขนาดนี้ก็ไม่รู้นะคะ คุณลีจะรู้มั้ยนะ ว่าทำให้สาว ๆ ทั้งเมืองอกหักกันไปตาม ๆ กันแล้ว ไหนจะสาว ๆ ในบริษัทเราอีก”
ปัทมาอดเสียดายไม่ได้จริง ๆ ที่เจ้านายหนุ่มหล่อกำลังจะสละโสดในเร็ววัน ถึงจะยังไม่เป็นที่รู้กันอย่างเป็นทางการ แต่ทั้งแหม่มและปัทมารวมทั้งบรรพตก็รู้ล่วงหน้าแล้ว

“มัวเพ้ออยู่นั่นล่ะ พูดได้แค่ตรงนี้นะ ห้ามเผลอไปเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด คุณณินสั่งห้ามพี่ไว้ว่าให้ปิดเป็นความลับก่อน ถ้าไม่อยากจะเปลี่ยนงานล่ะก็ เก็บเงียบไว้เลย แล้วนี่ก็รีบ ๆ ไปหาของว่างให้คุณณินเร็ว ๆ เข้า เอาเงินนี่ไป เลือกร้านที่อร่อย ๆ นะ” แหม่มเห็นด้วยกับคำพูดของผู้ช่วย แต่ก็ต้องแสดงท่าทางห้ามปรามเอาไว้ก่อน เพราะเจ้านายสั่งห้ามอีกที

“รู้แล้วค่ะพี่แหม่ม แต่ทำไมต้องไปหาซื้อด้วยล่ะคะ ขนมที่ซื้อมาไว้ก็มีนี่” ผู้ช่วยต่อรอง
“ก็วันนี้แขกพิเศษมา ก็ต้องหาของพิเศษ ๆ มาต้อนรับหน่อยสิ อย่าเอาอะไรที่เป็นมัน ๆ แป้ง ๆ มานะ ถ้าคุณลีไม่ปลื้มระวังเงินเดือนจะไม่ขึ้นเอาล่ะ” แกล้งแหย่ให้ผู้ช่วยได้กลัว แต่ก็มีสีหน้าที่จริงจังอยู่ในที
“โห! จะเกี่ยวกันเหรอคะพี่แหม่ม คุณณินเป็นคนยุติธรรมไม่มาคิดเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้หรอกค่ะ”

“อ้าว! ว่าได้เหรอ ไม่เห็นรึไงว่าคุณณินแคร์คุณลีขนาดไหน มีใครบ้างได้อภิสิทธิ์เท่าเธอ ที่เห็น ๆ มีแต่วิ่งแร่มาหาคุณณินทั้งนั้น แถมยังไม่ได้ใจสักนิด สู้คุณลีก็ไม่ได้ เรียบ ๆ เงียบ ๆ แต่ดันมาแรงจนแซงทางโค้งไปเลย อย่ามัวพูดมากไปได้แล้ว”
“นิสัยไม่ดีชอบหลอกเด็กนะคุณนี่”
บรรพตอดแหย่ไม่ได้ เมื่อมาทันได้ยินประโยคสุดท้ายของแหม่ม แล้วปัทมาก็รีบผละไปด้วยกลัวในคำขู่
“หรือคุณบรรพตว่าไม่จริงล่ะ จะมีใครได้เข้าใกล้เจ้านายเราอย่างคุณลีบ้าง ไหนจะแหวนที่นิ้วอีก อย่างนี้ไม่เรียกว่ารัก ไม่เรียกว่าแคร์แล้วจะเรียกว่าอะไรกันคะ”

“ก็จริงของคุณนะ ไม่เคยเห็นคุณณินเป็นแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนเลย ยิ่งตอนที่อยู่เชียงรายนะ”
บรรพตทิ้งไว้แค่นั้นให้แหม่มอยากรู้จนอดไม่ได้ที่จะถาม
“ทำไมล่ะ มีอะไรที่แหม่มไม่รู้อีก”
“เรื่องอะไรจะบอก มันเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย ไปดีกว่า” แหย่ให้แหม่มอยากรู้แล้วก็หนีไป

เจ้าของวงแขนแข็งแรงที่ดึงร่างบอบบางไปกอดไว้ตั้งแต่หายเข้ามาในห้อง ยิ้มกว้างออกมาเมื่อคนที่อยู่ในอ้อมกอด พยายามดิ้นหนีเขาเป็นพัลวัน แต่มีหรือที่จะหนีพ้นคนอย่างคณินได้ ไม่แค่กอดเท่านั้นที่เขาทำ จมูกโด่งยังยื่นไปสูดดมแก้มขาวแรง ๆ ให้สมกับความคิดถึง จูบเป็นรายการต่อไป มือก็ไม่อยู่เฉยจับโน่นคลึงนี่ตามแต่ใจปรารถนาของเขา

“คุณณินคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า ปล่อยลีได้แล้วค่ะ”
รู้ว่าคำพูดไม่มีทางห้ามเขาได้ แต่ก็ยังอยากจะห้าม เพื่อไม่ให้เป็นการปล่อยตัวให้เขามากเกินไป ให้ได้รู้ว่าห้าม เพราะเธอถือคติที่ว่า ‘ของที่ได้มาง่าย ๆ มักจะไร้ค่า’

“คิดถึงจังเลย เมื่อไหร่จะได้แต่งงานกันซักทีนะ ผมจะพาลีไปฮันนี่มูนสักสามเดือนติด ๆ กันเลย เอาให้ท้องกลับมาเลยดีมั้ย คุณแม่จะได้เป็นย่าสมใจซักที วัน ๆ เอาแต่ถามผมแทบจะวันละสามเวลาหลังอาหารเลยรู้มั้ยลี”
กระซิบไปใกล้ ๆ หู พร้อมดวงตาฉายแววบางอย่าง ทำเอาคนฟังแก้มแดงปลั่งจนเห็นได้ชัด แม้จะเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าไม่ให้หลงไปกับคำหวานและสัมผัสอันซาบซึ้งของเขาให้มากนัก แต่ธรรมชาติย่อมเอาชนะได้ทุกอย่างเสมอ แม้แต่กับใจที่บอกให้เข้มแข็งสักแค่ไหน สุดท้ายก็โอนอ่อนไปกับเขาโดยที่ประณาลีก็ยากที่จะห้ามใจได้

“วันเสาร์จะใส่ชุดอะไรไปเปิดตัวสะใภ้ของบ้านดี คุณแม่บอกว่าชุดที่ลีใส่อยู่นี่ก็ดีนะ ท่านชอบ”
สัมผัสของเขาเหมือนฝันที่พาร่างบางลอยลองไปในอากาศ แต่แล้วคำว่า ‘คุณแม่’ ก็กระชากให้ตกลงมานอนจุกอยู่กับพื้นแข็ง ๆ จนปวดร้าวไปแทบทั้งตัว ทำให้ประณาลีตื่นขึ้นมาพบกับความจริงได้เป็นอย่างดี

“ลีขอใส่ชุดที่ลีชอบนะคะ คนที่บ้านคุณณินจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของลี ไม่อยากเสแสร้งหรือแสดงความไม่เป็นตัวของตัวเองออกไปให้ใครเห็นค่ะ เพราะอีกไม่นานภาพลีก็คงจะต้องกลับมาเป็นคนเดิม คุณณินเข้าใจลีใช่มั้ยคะ”

“ลี ผมรักคุณ ที่คุณเป็นแบบนี้ สำหรับผมแล้วถือว่ามันแตกต่างไม่เหมือนใครดี งั้นวันเสาร์ผมจะไปรับนะ”
บทสนทนาทั้งเป็นอันจบลง เมื่อแหม่มโทรเข้ามาบอกว่าช่างแล้ว คณินจึงปล่อยให้เธอเลือกแบบได้ตามใจชอบ โดยมีแหม่มเข้ามาช่วยออกความคิดด้วย

โฟลคจอดเทียบบาทวิถีหน้าร้านผ้าไหมได้สักพักแล้ว แต่เจ้าของรถกลับมีอาการลังเล ใจมันกล้า ๆ กลัว ๆ อย่างบอกไม่ถูก ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตัวเองขับรถมาถึงนี่ได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่ควรจะไปช่วยเพื่อนรักทำรายงานตามที่ตกลงกันไว้ แต่หัวใจมันไม่ยอมทำตามเลย มันกลับเรียกร้องอยากจะเจอหน้าเขาคนนั้น คนที่หายหน้าไปหลายวัน ไม่มีแม้แต่จะโทรไปหาเธอหรือหาเกสรา หรือไม่แม้แต่จะหอบหิ้วขนมไปให้กินที่มหาวิทยาลัยเหมือนเคย นับตั้งแต่วันที่กลับจากดูหนัง หญิงสาวก็ไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียงเขาอีกเลย

วันนึ้จึงตัดสินใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะต้องมาพบให้ได้ จะต้องถามให้รู้เรื่องว่าจะเอายังไง เขารู้สึกกับเธอยังไง มันจะเหมือนกับความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาหรือไม่ ร่างบางก้าวลงจากรถด้วยความมั่นใจ เด็กที่ร้านบอกว่าเจ้านายนั่งทำงานอยู่ชั้นบน ก้าวแต่ละก้าวที่เหยียบย่างไปบนบันได เป็นไปด้วยความไม่แน่ใจแทบทั้งสิ้น

“อ้าว! ญา จะมาทำไมไม่โทรบอกพี่ก่อน เชิญครับ มาหาพี่ถึงนี่มีธุระสำคัญหรือเปล่า” น้ำเสียงและสีหน้าคนพูดเป็นไปตามปกติเช่นเคย เขาไม่แปลกใจสักนิดกับการมาเยือนของเด็กสาว เพราะเห็นรถจอดอยู่หน้าร้านนานแล้ว
“ขอโทษด้วยนะคะ ที่ญามาหาพี่วีโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า ญา เอ่อ! ญามีเรื่องอยากจะถามค่ะ” แม้จะกล้า ๆ กลัว ๆ แต่ความเป็นคนใจเร็วไม่แพ้ผู้พี่ก็ทำให้กล้าที่จะเปิดบทสนทนา

“มีอะไรครับ หรือจะให้พี่ช่วยเรื่องทำพรีเซ้นท์อีก” คนถามยังคงก้มหน้าอยู่กับงานที่ทำอยู่อย่างนั้น
“พี่วีคะ ญาจะพูดตรง ๆ กับพี่วีนะคะ” น้ำเสียงหนักแน่นกว่าที่เคยเป็น
“ครับ” รับคำและยิ้มให้ด้วยความสุขภาพ

“พี่วีคงจะจำได้ว่าญาเคยบอกว่าญารู้สึกยังไงกับพี่วีตั้งแต่วันนั้น และญาก็อยากจะคิดว่าพี่วีเองก็รู้สึกเหมือนกันกับญาในตอนนี้ แต่ที่ญาไม่เข้าใจก็คือ ทำไมพี่วีต้องหลบหน้าญาด้วยคะ ทำไมพี่วีจะต้องคอยทำเหมือนพี่วีกลัวอะไรบางอย่าง กลัวใครบางคน หรือพี่วีไม่แน่ใจในการกระทำของตัวเองที่ผ่านมาคะ พี่วีช่วยบอกญาหน่อยสิคะว่าทำไม บอกญาให้รู้ ญาจะได้ทำใจและทำตัวถูก”

น้ำเสียงที่สั่นเครือ น้ำตาที่เอ่อล้นพร้อมที่จะไหลออกมา ขณะหญิงสาวกำลังระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้เขาได้รับรู้ ปวีร์ละสายตาจากงานตรงหน้าทันที พร้อมลุกไปยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าต่าง ปล่อยให้ผู้มาเยือนมองแผ่นหลังกว้างอยู่เป็นนาน ญาณินไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไร และกำลังจะบอกอะไรกับเธอ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมา จนหญิงสาวเป็นฝ่ายลุกเดินไปหาเขา และถามเขาอีกครั้งตรง ๆ

“พี่วีรักญา เหมือนที่ญารักพี่วีบ้างหรือเปล่าคะ”
ปวีร์หันมาหาเธอตรง ๆ แววตาเศร้าถูกส่งให้หญิงสาวได้เห็น

“ญาฟังพี่นะ ความรักของพี่ ไม่ได้มองแค่เรื่อง คนสองคนจะมีหัวใจตรงกันหรอกนะ พี่มองไปหลายด้าน และพี่ก็ให้ความสำคัญในเรื่องความเหมาะสมมากพอ ๆ กับความรัก หรือจะพูดง่าย ๆ ก็คือ พี่ไม่อยากไปเอื้อมดาวที่อยู่บนฟ้ามาเป็นของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่มีวันเป็นไปได้ พี่ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว พี่ไม่มีเวลามาศึกษา หรือลองคบใครไว้เผื่อเลือก ถ้าพี่รักและมั่นใจว่าพี่กับเขาคนนั้นจะไม่พบอุปสรรคใด ๆ พี่ก็เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับเขาเลย ญาเข้าใจที่พี่พูดมั้ย”

“ไม่ค่ะ พี่วีหมายถึงอะไรคะ” น้ำตาไหลรินออกมาเป็นสายเพราะยากนักที่จะห้ามได้ ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามจะบอกนัก แต่ก็เดาความหมายได้ดีว่ามันจะออกมาในรูปไหน

“พี่หมายถึงว่า ญากับพี่ อยู่กันคนละสังคม คนละฐานะ ถ้าจะพูดให้ตรงก็คือ ญาเป็นทายาทเศรษฐี เป็นผู้มีอันจะกิน ส่วนพี่ถ้าจะเปรียบก็เป็นเพียงคนหาเช้ากินค่ำ พี่ไม่ควรจะรักคนที่แตกต่างจากพี่ ไม่ควรจะดึงเขามาลำบากกับพี่ และพี่ก็แน่ใจว่า ทางผู้ใหญ่ของญาเอง ก็คงไม่เห็นด้วยที่ญาจะเลือกคนอย่างพี่ เพราะฉนั้น พี่ควรอยู่ห่าง ๆ ญาจะดีกว่า ให้เราเหลือความสัมพันไว้แบบเดิมจะดีกว่า”

“พี่วีคะญาไม่รู้และไม่เข้าใจหรอกค่ะว่าผู้ใหญ่จะคิดยังไง และญาก็ไม่แคร์ด้วย แต่ที่ญาอยากจะรู้ก็คือ พี่วีรักญาหรือเปล่าคะ แล้วระหว่างญากับเกดพี่วีรักใครมากกว่ากัน” ถามในสิ่งที่อยู่ในใจมาแสนนาน

“ญาอาจจะไม่แคร์ แต่สำหรับพี่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ พี่เป็นผู้ชายคงจะไม่ทนให้ใครมาตราหน้าว่าเป็น ‘พวกหนูตกถังข้าวสาร’ ไม่ได้หรอก ญาอย่าดึงเอาคนอื่นมาเกี่ยวข้องเลย พี่จะรักหรือว่าเลือกใครมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคนอื่น พี่ตัดสินใจของพี่เอง และสำหรับเราสองคน พี่ก็ตัดสินใจแล้วว่า ควรจะเก็บความสัมพันฉันพี่น้องเอาไว้ดีกว่า มิตรภาพเป็นเรื่องที่สร้างกันลำบาก เราอย่ามาทำลายมันทิ้งเลยนะ ญากลับไปเถอะ ช่วงนี้พี่งานยุ่งก็เลยไม่ค่อยได้ไปหา” น้ำเสียงราบเรียบสร้างความเจ็บปวดให้คนฟังเป็นที่สุด

“ถึงจะยุ่งพี่วีก็มีเวลาโทรคุยกับเกด แต่กับญาพี่วีไม่เคยแม้แต่จะกดไปหา หรือว่าพี่วีรักเกดคะ ถ้าเป็นอย่างนั้น สิ่งที่พี่วีทำกับญามันมาจากอะไรคะ ความรัก หรือแค่ความต้องการของผู้ชายเท่านั้น” น้ำตาไหลรินออกมาให้เขาได้เห็น

“ญา! พี่ขอโทษ ถ้าที่ผ่านมาจะทำให้ญาโกรธจนไม่อาจให้อภัยพี่ได้ พี่ก็ยอมรับในความผิดนั้น แต่เรื่องระหว่างเรา พี่ขอจบลงแค่ตรงนี้ ถ้าญายังเห็นว่าพี่เหมาะสมที่จะเป็นพี่ชายของญาอยู่ พี่ก็ยินดี พี่จะคอยเป็นกำลังใจให้ญาก้าวต่อไปนะครับ แต่ถ้าญาไม่คิดแบบนั้น ก็แล้วแต่ญาเถอะ พี่รับได้ทั้งนั้น”

จบประโยคเจ้าของบ้านก็เดินหายขึ้นไปบนห้อง และไม่ยอมออกมาอีกเลย ญาณินถึงกับเข่าอ่อนทรุดตัวลงข้าง ๆ หน้าต่างและร้องไห้อยู่อย่างนั้นเป็นนาน เมื่อมั่นใจว่าเขาจะไม่ออกมาหาอีกแล้ว จึงค่อย ๆ พยุงตัวเองให้เดินออกไปจากบ้านเขาด้วยความยากลำบาก กว่าจะควบรถกลับถึงบ้านได้ ก็หวุดหวิดเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง แม่กับพี่สาวนั่งคุยกันอยู่ห้องรับแขก แต่เวลานี้หญิงสาวไม่มีกระจิตกระใจจะคุยกับใคร นอกจากอยากอยู่คนเดียว และมีน้ำตาคอยเป็นเพื่อนเท่านั้น

แท็กซี่เทียบจอดตามแนวบาทวิถี คนที่วันนี้จะมาในบทเศร้าอีกครั้ง ก้าวเดินลงมาจากรถ ภาพวาดหลาย ๆ ภาพที่เธอไม่เคยเห็น ถูกนำมาตั้งโชว์เอาไว้อย่างสวยงาม เดินดูภาพที่ตัวเองเตะตาไปได้สักพัก ยกข้อมือดูเวลา ‘สิบโมง’ เป็นเวลาที่ปลอดจากลูกค้าในร้าน ‘ก๋วย’ บอกแล้วว่าเจ้านายอยู่ดาดฟ้าที่เดิม รองเท้าเปลี่ยนจากใส่เป็นถือเดินตามบันไดขึ้นมา เธอไม่ต้องการทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้ให้เป็นที่ผิดสังเกตุ หากเหยื่อหมายเลขหนึ่งอย่างคณิน เกิดมาหาน้อง แล้วเห็นรองเท้าที่เขาต้องจำได้แน่ว่าเป็นของเธอ ถ้าเป็นอย่างนั้น ทุกอย่างที่วางไว้ต้องจบ

ถึงดาดฟ้าแล้ว แต่ก็เดินอย่างเงียบที่สุด ไปหยุดยืนมองจิตรกรหนุ่มจากด้านหลัง ที่กำลังตวัดพู่กันไปมาบนผืนผ้าใบด้วยความคล่องแคล่ว แม้ภาพจะยังไม่ออกมาเป็นรูปเป็นร่างแบบสมบูรณ์ แต่ก็พอมองออกว่าภาพที่เขาวาดคือภาพลำคลอง สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า กระท่อมเล็ก ๆ ติดลำคลอง มีชายหญิงกำลังช่วยกันหาปลา ประณาลีชอบภาพแบบนี้ มากกว่าภาพวาดที่เป็นลายเส้นตวัดไปมา ดูยังไงก็ดูไม่ออก เพราะไม่มีหัวทางด้านศิลป์อย่างลึกซึ้ง







 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2552
2 comments
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2552 8:59:02 น.
Counter : 321 Pageviews.

 

เอาพลังชีวิตมาฝากคับ

ท้อใจสะกดยังไง


สะกด..มันเอาไว้
ด้วยความอดทน
สะกด..มันเอาไว้ ด้วยหัวใจไม่ยอมแพ้
ให้เหมือนเด็กในภาพ


เธอเกิดมาด้วยร่างกายที่มีเพียงครึ่งเดียวของเรา แต่หัวใจเธอฮึดสู้มากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า
เก็บภาพนี้ไว้ในใจ
ยามหัวใจคุณอ่อนแอ




อ่านเรื่องอื่นๆเพิ่มเติมที่บล๊อกเน้อ

 

โดย: พลังชีวิต 13 กุมภาพันธ์ 2552 9:09:43 น.  

 

ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ ค่ะ

ดูแล้วมีแรงใจขึ้นมาโขเลย

 

โดย: ธัญญะ 13 กุมภาพันธ์ 2552 19:55:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.