Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
18 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

ธารลาวา ๓๐ (ธัญรัตน์)




ตอน ๓๐

“อุ๊ย! คู่หมั้นณินมีคนโค้งออกมาแล้วนะคะ”

แม้ร่างจะแนบชิดอยู่กับร่างใหญ่ที่มีไออุ่นจนน่าหลงใหล แต่สายตาก็ยังอุตส่าห์เหลือบไปเห็นคนที่ได้ชื่อว่า ‘แย่งของรัก’ เคลื่อนกายไปอย่างช้า ๆ ตามเสียงเพลงหวาน ๆ เบา ๆ คณินแทบอยากจะเดินไปดึงเอาร่างบางในวงแขนคู่แข่งกลับมาในทันที เขาบอกไม่ได้ว่าขัดใจแค่ไหน ที่เห็นคนรักอยู่ใกล้ชิดกับปรเมศ แม้ใจอยากจะฝืนเต้นรำต่อไปกับคู่ตัวเองมากแค่ไหน แต่ก็ทำไม่ได้จึงเดินกลับไปนั่งโต๊ะอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย โดยไม่สนใจคู่เต้นอีกต่อไป

โชติกาไม่ชอบใจนักกับการกระทำของเขา แต่อีกใจก็เดาได้ว่าเขาคงจะไม่สบอารมณ์ ที่คู่หมั้นไปพลีกายให้ชายอื่นต่อหน้าต่อตา ถึงจะแค่เต้นรำก็เหอะ ยิ้มหยันกับสองร่างที่อยู่กลางฟลอร์ก่อนจะตาม เจ้าของหน้าคมที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นบึ้งกลับไปนั่งที่โต๊ะแล้ว ‘ฉันจะเอาของ ๆ ฉันคืน’ ใจบอกกับตัวเองในวินาทีนั้นเอง เพราะโชติกาเพิ่งจะค้นพบว่า เสียเขาไปให้ใครอีกไม่ได้แล้ว แม้เธอไม่คิดที่จะจริงจังจนถึงขั้นจะยอมแต่งงานกับคณินในอดีต แต่เธอก็อยากได้เขาไว้ในครอบครองแค่คนเดียวเท่านั้น เธอจะต้องเป็นคนไม่เอาเขาต่างหาก

“อ้าว! ทำไมหยุดเต้นแล้วล่ะตาณิน เพลงกำลังเพราะเลย หรือว่าเหนื่อยแล้ว อะไรกันยังหนุ่มยังแน่น ดูหนูลีกับคุณเมศสิ คู่นี้เต้นเข้าขากันดีจริง ป้าไม่ยักรู้นะว่าหนูลีจะเต้นรำเก่งขนาดนี้ ทีแรกคุณเมศเชิญบอกว่าไม่อยากเต้น เพราะไม่ค่อยเก่ง จนป้าต้องออกปากสั่งถึงได้ยอมออกไป หลานสะใภ้ป้าคนนี้ถูกใจจริง ๆ เลย”
คุณป้าหญิงรู้ดีว่าหลานชายคงไม่สบอารมณ์นัก ที่เห็นคู่หมั้นถูกคู่แข่งฉกไปแบบนั้น

“นี่คุณป้าหญิงให้ลีไปเต้นกับนายปรเมศเองเหรอครับ” ขัดใจเป็นที่สุดเมื่อได้ยินสิ่งที่คุณป้าหญิงบอก
“ก็ใช่น่ะสิจ๊ะ ถ้าขืนป้าไม่บอกนะ หนูลีก็คงจะปล่อยให้คุณเมศรอเก้อนั่นล่ะ คงจะไม่กล้าไปเต้นกับใครก่อนหรอกนอกจากกับคู่หมั้นตัวเอง ป้าเห็นว่าณินกับหนูโรสกำลังได้ที่ ก็เลยเดาเอาเองว่าคงอีกนานกว่าจะเลิก อีกอย่างไม่อยากให้หนูลีเสียมารยาทกับคุณเมศด้วย เลยบอกแกมบังคับหนูลีให้ออกไป”

“ดูคุณลีกับคุณเมศจะคุยถูกคอกันดีนะคะ เต้นไปคุยไปแล้วก็ยิ้มไปอีก ณินคะเห็นทีคะแนนจะตกแล้วนะคะโรสว่า”
ตั้งใจจะเติมเชื้อไฟใส่ให้กับคนที่นั่งหน้าเข้มหนักไปทางขรึม เพื่อที่จะได้ตัดคะแนนคู่ต่อสู้ เป็นจริงอย่างที่คิด เมื่อคณินนั่งจ้องปรเมศที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พูดคุยกับคนรักตัวเองอย่างสุขใจ สายตาที่ปรเมศมองไปยังเธอ มีเพียงผู้ชายเท่านั้นที่จะดูออก ไวเท่าความคิดช่วงขายาว ๆ รีบก้าวอาด ๆ ตรงไปยังคนทั้งสองอย่างรวดเร็ว โชติกาหัวใจเต้นแรงผิดปกติ เพราะเดาไม่ถูกว่าคณินจะทำยังไงต่อไปกับคู่หมั้นตัวเอง

“ขอโทษครับ ผมขอเต้นกับคู่หมั้นผมบ้างจะได้มั้ยคุณปรเมศ หวังว่าคงจะไม่รังเกียจนะครับ”
น้ำเสียงที่หนักแน่น สีหน้าที่จริงจัง แม้จะยิ้มให้คนที่พูดด้วย แต่ปรเมศก็เดาออกว่า ‘นายนี่หึงแน่’ ไม่ได้กลัวคณินสักนิด แต่เห็นว่าถึงเวลา ที่จะต้องคืนเธอให้กับเจ้าของที่แท้จริงไป ปรเมศจึงยอมแต่โดยดี

“ผมจะรังเกียจได้ยังไงครับ ก็คุณลีเป็นคู่หมั้นคุณคณินไม่ใช่เหรอ แล้วเจอกันที่โต๊ะนะครับคุณลี”
บอกทั้งยิ้มออกมา ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะ วงแขนแข็งแรงรีบตวัดเอวคอดเข้าไปจนแนบชิดกับลำตัวที่ใหญ่กว่าด้วยความเร็ว ประณาลีรู้ได้ในทันทีว่าเขากำลังอารมณ์ขุ่นมัว ‘จะอะไรนอกจากหวง’ นั่นคือสิ่งที่เธอคาดเดาได้ โชติกาแสดงสีหน้าที่เครียดขึ้นทันที เมื่อสิ่งที่คิดไว้ไม่เป็นอย่างที่หวัง แทนที่คณินจะหึงหวงคู่หมั้นจนโกรธ แต่เขากับไปเต้นรำด้วยอย่างนั้น

“ทำไมคุณปล่อยให้คุณโรสนั่งอยู่คนเดียวล่ะคะ ไม่กลัวเธอจะเหงาเหรอ” รู้ว่าเขาอารมณ์ไม่ดีแต่ก็อยากจะแหย่
“ถ้าขืนผมมัวแต่ห่วงคนอื่น มีหวังโดนฉกคู่หมั้นไปแน่ ๆ กลับไปนี่คุณจะต้องถูกผมลงโทษนะลี” บอกด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่น้ำเสียงนั้นฟังดูจริงจังจนอีกคนรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ ขึ้นมาในทันที

“ปล่อยลีนะคะ ลีไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย เรื่องอะไรคุณณินจะมาลงโทษลี ปล่อยค่ะ”
จริงอย่างที่เขาบอกไว้ ทันทีที่ประตูห้องเธอปิดลง ร่างบอบบางก็ถูกเขารวบเข้ามากอดและจูบด้วยความรวดเร็ว แม้ประณาลีจะเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องเจอแบบนี้ แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะรวดเร็วทันใจได้ขนาดนี้

“ทำไมจะไม่ได้ทำผิด ก็ลีไปเต้นรำกับไอ้นั่นน่ะ มันคือความผิดที่ร้ายแรงที่สุด จำไว้เลยนะว่าผมห้ามคุณไปใกล้ชิดกับมันอีก ไม่ใช่แค่มัน กับผู้ชายคนไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าลีไม่เชื่อจะต้องเจอแบบนี้”
จบคำพูดปากบางก็ถูกปิดอีกวาระหนึ่งอย่างหนักหน่วงและดูดดื่ม กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปที่อกเขาได้ไม่กี่ครั้ง ก็อ่อนแรงลงในที่สุด พร้อมเปลี่ยนเป็นลูบไล้ไปตามไหล่กว้างแทน เจ้าของจุมพิตยิ่งได้ใจ ละจากเรียวปากก็ไล้ลงมาตามลำคอ จบลงที่อกอวบอิ่มนุ่มนวล

“คุณณินปล่อยลีค่ะ ดึกแล้วกลับบ้านเถอะนะคะ” อ้อนวอนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แม้จะพยายามห้ามใจและกายไม่ให้โอนเอนไปกับสัมผัสเขามากแค่ไหน แต่หัวใจเจ้ากรรมมันช่างห้ามยากเสียนี่กระไร
“ลีผมรักคุณ เราแต่งงานกันเร็วกว่านี้ได้มั้ย” น้ำเสียงที่ออดอ้อนไม่แพ้กัน
“อีกแค่เดือนกว่า ๆ เองนี่คะ ปล่อยลีเถอะนะคะ คุณกลับบ้านได้แล้ว”

“ลีผมขอได้มั้ย คุณรู้หรือเปล่าว่าผมทรมานแค่ไหนที่ต้องหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำอะไรกับคุณ นะเป็นของผมเถอะ คุณจะทรมานผมไปถึงไหนกัน”
“ให้ถึงวันที่เราแต่งงานกันก่อนสิคะ” “งั้นก็แต่งคืนนี้เลย” เถียงอย่างข้าง ๆ คู ๆ ของคนที่อยากจะปลดปล่อย
“คุณคะพอได้แล้วค่ะ ลีช้ำไปทั้งตัวแล้ว นะคะลีขอร้อง ให้เราแต่งงานกันก่อน ลีไม่อยากให้ยายเสียใจค่ะ นะคะคนดีของลี กลับบ้านเถอะนะคะดึกมากแล้ว ลีง่วงจะแย่ พรุ่งนี้ต้องรีบไปสอนด้วย”

“เฮ้อ! เมื่อไหร่จะถึงวันแต่งซักทีก็ไม่รู้ เบื่อจะรอแล้วนะ คอยดูจะไปหาสาว ๆ คนอื่นมากอดแทนลีเลย”
ในที่สุดเขาก็ต้องยอมแพ้ กับน้ำเสียงที่ออดอ้อนจนต้องอ่อนใจ แต่ก็ไม่วายขู่แกมยิ้ม ก่อนจะผละออกจากร่างที่ทำให้เขาแทบคลั่ง
“เชิญตามสบายค่ะ คุณโรสของคุณยังรออยู่มั้งคะ เห็นออกจากงานทำหน้าละห้อยมองตามคุณตาแทบไม่กระพริบ จะให้ลีโทรนัดให้หรือเปล่าคะ” ไม่รู้ทำไมถึงพูดคำพวกนี้ออกมา แถมสีหน้ายังงอนเขาอีก คณินได้แต่ยิ้มร่าด้วยความสุขใจ

“หึงผมล่ะสิ ดีเลย กลับออกจากนี่จะไปหาโรสทันทีไม่เชื่อคอยดู ช่วยไม่ได้อยากจะทรมานผมทำไม ผู้ชายน่ะถ้าลองได้คิดแล้วไม่ได้ปลดปล่อยนะ มีหวังบ้าแน่ ๆ”
“งั้นก็อย่าเสียเวลาเลยค่ะ”
บอกแล้วก็เดินหนีเขาไปดื้อ ๆ จนคณินต้องรีบก้าวยาว ๆ ตามไปรั้งเอาร่างบางมากอดไว้ แล้วก็หอมแก้มเบา ๆ ไปหนึ่งฟอด

“ผมพูดเล่น คุณไปอาบน้ำนอนเถอะ ผมก็จะกลับเหมือนกัน พรุ่งนี้ต้องเข้าออฟฟิศแต่เช้า ช่วงนี้ยุ่งกับการเตรียมเสนองานให้เพื่อนคุณลุงน่าดูเลย ผมไปนะ” จูบเบา ๆ ที่หน้าผากเจ้าของห้องก่อนจะกลับไป กับประโยคสุดท้ายทำให้เธอต้องเก็บเอามาขบคิดเป็นนาน เมื่อคิดอะไรได้ก็รีบติดต่อไปหาแพททันที

“พี่แพทคะ พรุ่งนี้อย่าเพิ่งเข้าออฟฟิศนะคะ รอลีที่คอนโด ก่อน อ้อ! พี่แพทโทรบอกวีให้มาด้วยนะคะ ลีมีเรื่องจะปรึกษาเกี่ยวกับแผนการของเราค่ะ” ยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะเตรียมตัวเข้านอน

สปอร์ตหรูจำต้องจอดทิ้งไว้ตรงหน้าบ้าน เมื่อมีรถที่คณินคุ้นเป็นอย่างดีจอดขวางประตูเอาไว้ เขาหันซ้ายแลขวาด้วยความรอบคอบ ก่อนจะเปิดประตูเดินตรงไปหาเจ้าของรถ ที่นั่งซุกอยู่หน้าพวงมาลัย เคาะกระจกอยู่สองสามครั้ง เพื่อปลุกคนที่อยู่ด้านในแต่ไม่เป็นผล ลองเปิดประตูดูพบว่าไม่ได้ล็อค ร่างในชุดแดงเกือบร่วงลงพื้น เมื่อประตูที่ใช้พิงอยู่เปิดออก

“โรส! ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ นี่ดื่มหนักขนาดนี้เลยเหรอ โรสตื่น ๆ ได้ยินผมมั้ย”
มือทั้งสองข้างที่ใช้รับร่างบางไว้รีบเขย่าเบา ๆ กว่าอีกฝ่ายจะลืมตาขึ้นมาคุยด้วยได้ก็เป็นนาน
“ณิน คุณจริง ๆ ด้วย คิดถึงณินจังเลยค่ะ ทำไมกลับถึงบ้านช้าจังเลยค่ะ โรสรอตั้งนาน คิดว่าณินจะนอนกกคู่หมั้นทั้งคืนซะแล้ว นี่ทำยังไงเขาถึงปล่อยณินกลับมาได้ล่ะ” ร่างอ่อนระทวยคว้าเอาต้นคอเขาไว้ ปากก็พร่ำคำไปจนคนอยู่ใกล้ ๆ ได้กลิ่นเหล้าคละคลุ้ง

“กลับบ้านเถอะโรสเมามากแล้ว หรือว่าจะเข้าไปนอนที่บ้านก่อนมั้ยพรุ่งนี้เช้าค่อยกลับ”
“ไม่เอา ๆ ๆ โรสจะอยู่กับณิน ไปส่งโรสที่คอนโดหน่อยนะคะณิน โรสคิดถึงณินจะแย่แล้วค่ะ โรสรักณินได้ยินมั้ยคะว่าโรสรักณิน โรสไม่อยากเสียณินไปให้ผู้หญิงคนไหน ณินต้องเป็นของโรสคนเดียวได้ยินมั้ยคะณิน” วงแขนเรียวไม่ยอมปล่อยให้เจ้าของร่างใหญ่เป็นอิสระได้เลย แม้เขาพยายามจะดึงมือออกแต่ก็ไม่เป็นผล

“ได้ ๆ งั้นผมจะไปส่งให้ก็แล้วกัน โรสเลื่อนไปนั่งฝั่งโน้นนะ ผมจะเอารถเข้าบ้านก่อน”
คนที่เมามายเคลื่อนตัวอย่างยากลำบาก จนเขาต้องอุ้มออกมาแล้วเดินอ้อมไปอีกฝั่งเสียเอง เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงกับถนนที่ว่าง ๆ ยามดึกสงัดแบบนี้ ทำให้คณินมาถึงคอนโดฯ คนเมาได้เร็วกว่าที่เคยเป็น เขาหันไปมองช่วงขาขาวที่ชุดสีแดงแหวกไปถึงต้นขาแล้วก็ส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะอุ้มโชติกาขึ้นไปบนห้องด้วยความเคยชิน

“โรสการ์ดอยู่ไหนช่วยเปิดประตูให้ผมที”
คนเมายังพอมีสติล้วงมือลงไปในกระเป๋าถือ แล้วก็ใช้การ์ดรูดเปิดประตูให้เขาอย่างว่าง่าย ขาแข็งแรงดันประตูปิด เมื่อเข้ามาในห้อง ก่อนจะตรงไปยังเตียงนอนและวางร่างอวบไว้บนเตียง ฉับพลับแขนเรียวทั้งสองข้างของคนที่บอกว่าเมา กลับรั้งร่างเขาให้ล้มเข้าหาตัวด้วยความแรง

“โรสคุณเมามากแล้วนะนอนได้แล้วล่ะ ผมจะกลับบ้านมันดึกแล้ว” แม้กลิ่นเหล้าจะคละคลุ้งออกมามาก แต่เขาชักจะไม่แน่ใจแล้ว ว่าอาการเมาหนักของเจ้าของห้องนี่จะเป็นจริงทั้งหมด
“ณินจะไปไหนคะ อยู่กับโรสก่อนนะ โรสคิดถึงณิน โรสรักณิน ได้ยินมั้ยคะว่าโรสรักณิน” ปากบางจูบไปที่เรียวปากนุ่มอย่างตั้งใจ ส่วนมือก็ปลดเปลื้องกระดุมเสื้อด้วยความคล่องแคล่ว

“โรสผมอยู่ไม่ได้หรอก ผมหมั้นแล้วนะ จำไม่ได้เหรอว่าเราจะไม่มีอะไรกันอีกแล้ว” พยายามจะห้ามปรามมือบางออกจากกระดุมเสื้อ แต่กระนั้นก็ยากที่จะสำเร็จ เมื่อร่างใหญ่ถูกรั้งให้ไปนอนทาบทับร่างอวบเอาไว้
“ณินคะอย่าไปคิดถึงเรื่องอื่นเลย ตอนนี้เรามามีความสุขกันดีกว่านะคะ โรสรักณินค่ะ”

ก่อนที่จะทันได้พูดอะไรออกมา ร่างในชุดแดงก็โอบรัดเขาไว้ พร้อมมอบจุมพิตที่หนักหน่วงให้อย่างคนเจนงาน อาหารจานโปรดวางอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ ชายชาตรีอย่างคณินมีหรือจะปฏิเสธได้ แม้จะรู้สึกผิดกับอีกคน แต่ความเป็นชายของเขาช่างร่ำร้องให้ตอบสนองเจ้าของร่างขาว ที่อ่อนระทวยอยู่ตรงหน้าเหลือเกิน

คณินล่ำลาเจ้าของคอนโดฯ ในเวลาเกือบตีห้า แม้เธอจะร่ำร้องให้อยู่ต่อ แต่เขาก็ไม่ยอมเพราะมีงานที่ออฟฟิศรออยู่ อีกอย่างเขาเองก็นึกโกรธตัวเองนัก ที่ปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบทำให้ผิดความตั้งใจเอาไว้แต่แรก ทันทีที่เจ้าของห้องปิดประตูเข้า อีกห้องก็เปิดออกด้วยชายหนุ่มรูปงาม หน้าตาอ่อนเยาว์กว่าสาวเปรี้ยวหลายปี ในมือถือบางอย่างออกมาพร้อมยิ้มให้เธอ

“เรียบร้อยมั้ย” โชติกาถามทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่างานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แทนคำตอบกล้องวีดีโอเล็ก ๆ ในมือถูกยื่นมาให้ โชติกาไม่รอช้ารีบเอาไปเปิดดูทันที ยิ้มออกมาด้วยความสะใจ
“อยากรู้นักนะแม่ประณาลี ว่าถ้าเธอเห็นคู่หมั้นตัวเองอยู่บนเตียงกับฉันแล้ว เธอยังจะอยากได้เขาอีกหรือเปล่า”
พูดพร้อมหันไปหาหนุ่มหน้ามนตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเดินตรงไปยังกระเป๋าแล้วคว้าเงินมาปึกหนึ่งยื่นให้

“นี่เป็นรางวัลของเธอ ทำงานได้ดีมาก”
“ผมขอรางวัลอย่างอื่นด้วยได้มั้ยครับ คุณโรสรู้มั้ยว่าเมื่อคืนผมทรมานแค่ไหน ที่เห็นคุณมีความสุขกับคนอื่น”
น้ำเสียงที่ฟังดูน้อยเนื้อต่ำใจเป็นที่สุด แต่โชติกาก็ชอบ เมื่อหนุ่มน้อยอุ้มร่างไปวางไว้ที่เตียง ก่อนจะเริ่มบทรักที่ทั้งสองคุ้นเคยเป็นอย่างดี

เอกสารปึกหนึ่งถูกทิ้งลงไปที่โต๊ะอาหารเล็ก ๆ หน้าระเบียงห้องของแพท ปวีร์ยิ้มร่า เมื่อเห็นพี่ทั้งสองมองมาหาด้วยความสงสัย แต่เขาก็ยังคงนั่งเฉยไม่อธิบายอะไร จนประณาลีคว้าเอกสารมาอ่านดูเขาถึงได้เอ่ยปาก

“นายปรเมศ เป็นลูกพ่อค้าอัญมณีชื่อดังครับพี่ลี เรียนจบวิศวะฯ สถาบันเดียวกับนายคณินแต่เป็นรุ่นน้อง ไม่ค่อยจะญาติดีกันสักเท่าไหร่ นายคณินก็เป็นพวกเก่ง โดดเด่น ชอบคนมีสัมมาคาระวะ ซึ่งนายปรเมศไม่มีตรงนี้ให้รุ่นพี่อย่างนายคณิน ถึงได้ไม่ค่อยลงรอยกันส นายปรเมศจบจากเมืองนอกมาก็ตระเวนทำงานหาประสบการณ์ ไม่เท่าไหร่ก็มาเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้าง แล้วตั้งตัวเป็นคู่แข่งกับนายคณินมาตลอด แพ้บ้างชนะบ้างแต่ส่วนใหญ่จะแพ้ ด้วยประสบการแล้ววัยวุฒิด้วยมั้ง

และที่สำคัญนายคณินมีแบคดี มีคนวางรากบริษัทไว้ให้ก่อนแล้ว ซึ่งก็คือนายคณึงนั่นล่ะ ทุกอย่างจึงง่ายสำหรับเขา ส่วนนายปรเมศต้องมาเริ่มเองใหม่หมด จึงดูจะด้อยกว่าหลายด้าน ชีวิตส่วนตัวยังโสด แต่มีผู้หญิงหลายคน คบไปเรื่อย ๆ ไม่คิดจะจริงจังกับใคร เหมือนนายคณินอีกนั่นล่ะ นี่เป็นข้อมูลทั้งหมดถ้าพี่ลีสนใจก็เอากลับไปอ่านได้ แต่ที่สำคัญ ๆ ก็อย่างที่วีบอกแล้ว”

“ดีมากเลยวี”
พี่สาวตบบ่าน้องชายเบา ๆ เพื่อเป็นการขอบคุณ ก่อนจะกลับไปยกจานอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ทั้งเจ้าของห้องด้วย
“แล้วเราจะทำยังไงต่อล่ะลี จะใช้ประโยชน์จากนายปรเมศนี่ยังไงดี” แพทยังมองไม่ออก
“ลีคิดว่าเราจะทำแบบนี้ค่ะ....” แผนการทุกอย่างถูกวางไว้อย่างลงตัว เมื่อข้อมูลต่าง ๆ ที่ปวีร์มีถูกถ่ายทอดให้พี่สาวรู้

“ดีเลยงั้นวันนี้พี่จะเข้าไปออฟฟิศนายคณิน วีช่วยหาอุปกรณ์ไว้ให้พี่เลย เอามาฝากไว้ที่คอนโดพี่แพทก็ได้ เย็น ๆ พี่จะแวะมาเอาก่อนไปหานายคณิน แล้ววีก็รีบติดต่อนายปรเมศเลยเรียกหนัก ๆ สักสิบล้านหรือยี่สิบล้านก็ได้ หรือแล้วแต่วีจะเห็นสมควร แต่ต้องหนัก ๆ หน่อย พี่ได้ยินมาว่าโปรเจคนี้ราคาเป็นพันล้านเลย เงินแค่นี้นายปรเมศต้องยอมจ่าย แต่ที่สำคัญอย่าให้สาวมาถึงเรานะวี”

“ครับเดี๋ยวผมจะรีบไปหาอุปกรณ์มาไว้ให้พี่ลีเลยแล้วกัน แต่พี่ลีก็ต้องระวังตัวด้วยนะครับ ถ้านายคณินจับได้มันไม่ปล่อยพี่ลีแน่ ๆ เลย พี่แพทวีไปนะครับ” อาหารเช้าในจานหมดพอดี คนพูดก็คว้าเอากระเป๋าสะพายแล้วรีบออกจากห้องไปโดยเร็ว แต่ก่อนไปก็ไม่วายหันกลับมาไหว้พี่ทั้งสองอย่างลวก ๆ จนสองสาวหันมายิ้มให้กันอย่างขัน ๆ

มือถือบนโต๊ะทำงานสั่นเป็นรอบที่ร้อย หากจะนับตั้งแต่เช้าจรดเย็น คณินยกขึ้นมาดูเพื่อให้แน่ใจว่าเดาไม่ผิด เมื่อรู้ว่าเป็นคนที่เขาเพิ่งจากมาเมื่อเช้านี้ จึงทิ้งให้มันสั่นอยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้สนใจมากไปกว่างานตรงหน้า บรรพตกับแหม่มหันไปมองสบตากันและกัน แต่ไม่มีใครพูดอะไรนอกจากรอเอกสารจากเจ้านาย ที่จรดปลายปากกาเซ็นอนุมัติอยู่อย่างนั้น

“โปรเจคนี้คุณลุงบอกว่าเราไม่มีคู่แข่งสำคัญที่ไหน บรรพตก็รีบเดินหน้าเตรียมเสนอราคาด่วนเลย เอาให้ละเอียด ๆ นะ อย่าหลุดตรงไหน แหม่มให้ฝ่ายบุคคลช่วยเตรียมกำลังคนไว้รอได้เลย ทันทีที่เขาเห็นตัวเลขจากเราเป็นได้เซ็นสัญญาแน่ ๆ เดี๋ยวรายละเอียดอื่น ๆ เอาไว้คุยสรุปอีกทีในที่ประชุมนี้นะ” แม้จะอ่านเอกสารอยู่แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะกำชับลูกน้องได้เช่นเคย

“ฝ่ายจัดซื้อแจ้งมาว่า ซัพพลายเออร์แทบจะทุกเจ้าส่งจดหมายมาขอขึ้นราคาค่าของ เพราะอุ้มภาระเรื่องค่าขนส่งไม่ไหว คุณณินคิดว่าเราควรจะสั่งซื้อไว้ล่วงหน้าเลยดีมั้ยครับ จะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายบางส่วนไปด้วย” บรรพตฉลาดได้ใจเขาอีกแล้ว
“ให้ซื้อบางส่วนไปได้เลย หรือจะให้ฝ่ายจัดซื้อ ส่งเรื่องมาให้ผมดูก่อนก็ได้” เอกสารที่อนุมัติถูกยื่นให้บรรพตพร้อมยิ้มบาง ๆ ให้ลูกน้องคนรู้ใจ

“ครับคุณณิน”
“หิวจังแหม่มมีอะไรให้กินหรือเปล่า อ้อ! ขอกาแฟแก่ ๆ สักแก้วด้วยนะ”
“คุณณินไปอดนอนมาจากไหนคะ วันนี้ดื่มกาแฟไปตั้งสามแก้วแล้ว ถ้าคุณลีรู้บ่นแหม่มตายเลยค่ะ เพราะเคยบอกว่าอย่าชงกาแฟให้คุณณินเกินวันละสองแก้ว” แหม่มบอกแบบกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะไม่เคยขัดคำสั่งเจ้านายเลยสักครั้ง

“แล้วคุณลีของแหม่ม มาแอบสั่งไว้ตอนไหนกันผมไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” คนถามยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ที่เธอยังอุตส่าห์ห่วง พลอยทำให้คิดถึงขึ้นมาตะหงิด ๆ จนต้องคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาหมายจะโทรไปหา แต่ปัทมาก็โทรเข้ามาหาก่อน
“เหรอ อืม! ผมใกล้จะเสร็จธุระแล้ว อีกหน่อยให้เชิญเข้ามาได้” วางสายลงแล้วครุ่นคิดนิดหนึ่ง

“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ เดี๋ยวก่อนกลับจะแวะไปหาที่ห้องนะบรรพต แหม่ม ออกไปแล้วเชิญคุณวิเข้ามาหาผมได้”
ลูกน้องทั้งสองจึงไม่รอช้ารีบออกไปทันที วิชุดารีบดีดตัวจากเก้าอี้แทบจะทันที เมื่อเห็นแหม่มกับบรรพตออกมา
“คุณณินเชิญค่ะคุณวิ เอ่อ! ไม่ทราบว่าจะรับกาแฟพร้อมคุณณินด้วยเลยหรือเปล่าคะ แหม่มจะจัดไปให้ด้วยเลย”
แหม่มรีบเสนอทันที

“อืม! ขอเป็นน้ำผลไม้ดีกว่าค่ะ”
สาวเปรี้ยวทำท่าคิดก่อนจะบอก แล้วก็หายเข้าไปในห้อง ด้านหน้าบริษัทประณาลีจอดรถได้ ก็หอบหิ้วเอาข้าวของที่ซื้อมาด้วยเดินเข้ามาในออฟฟิศ แต่ก็ช้ากว่าวิชุดาที่หายเข้าไปในห้องทำงานคณินแล้ว แหม่ม ปัทมาพร้อมทั้งบรรพตหันหน้ามองกันด้วยความสงสัย ที่จู่ ๆ คู่หมั้นเจ้านายก็เดินเข้ามาโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วง แหม่มดูเหมือนจะตั้งสติได้ จึงรีบเดินไปรับข้าวของในมือหญิงสาว ส่วนบรรพตเมื่อเห็นท่าไม่ดี รีบเผ่นเข้าออฟฟิศตัวเองทันที

“คุณลีสวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่านัดคุณณินไว้หรือเปล่าคะ ไม่เห็นคุณณินบอกแหม่มไว้ว่าคุณลีจะมา”
“อ๋อ! ลีไม่ได้นัดไว้หรอกค่ะ พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้ว่ากำลังเตรียมเสนองานลูกค้ากว่าจะเลิกก็ดึก ลีเลยซื้ออาหารเย็นกับของว่างมาไว้ให้ค่ะ แล้วคุณณินไม่อยู่เหรอคะ ลีก็ลืมโทรมาบอกก่อน”

“อุ๊ย! อยู่ค่ะ วันนี้คุณณินอยู่ออฟฟิศตั้งแต่เช้าเลยค่ะ งานยุ่งนี่ข้าวเที่ยงยังให้แหม่มจัดไปให้ในห้องเลยนะคะ แต่พอดีตอนนี้คุณณินติดแขกอยู่ เพิ่งจะเข้าไปเมื่อกี้นี่เองค่ะ เดี๋ยวแหม่มจะโทรไปบอกก่อนดีกว่านะคะว่าคุณลีมา”
แหม่มทำท่าจะเดินไปหาโทรศัพท์ แต่ประณาลีไม่ปรารถนาที่จะให้การมาของตัวเองต้องรบกวนเขา ถึงไม่รู้ว่าแขกคือใครแต่เธอก็รู้ดีว่าเป็นการไม่สมควรจึงรีบห้ามแหม่มเอาไว้ก่อน

“พี่แหม่มไม่ต้องโทรหรอกค่ะ ลีผิดเองที่มาโดยไม่ได้โทรมานัดก่อน ลีรอตรงนี้ก็ได้ค่ะ ให้คุณณินคุยธุระให้เสร็จก่อนดีกว่า ลีไม่อยากจะกวนเวลาทำงาน”
บอกแล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะแหม่มอยู่อย่างนั้น ปัทมารีบหาหนังสือมาให้นั่งอ่านไปพลาง ๆ ก่อน
“ไม่กวนหรอกค่ะ ดีอีกสิคะคุณลี เมื่อกี้คุณณินยังบ่นหิวกับแหม่มอยู่เลย ได้ของว่างที่คุณลีซื้อมาคุณณินคงจะดีใจ ปัทเอาไปจัดให้คุณณินกับแขกเลยนะ ชงกาแฟแก่ ๆ ให้คุณณินด้วย” แหม่มจัดแจงสั่งผู้ช่วย ก่อนจะหันมาหาคู่หมั้นเจ้านายพร้อมยิ้มให้

“เมื่อกี้แหม่มยังแซวอยู่เลยค่ะว่าไปอดนอนที่ไหนมา ดื่มกาแฟเป็นแก้วที่สี่แล้ว สงสัยเมื่อคืนกลับจากงานเลี้ยงแล้วคงจะทำงานต่อแน่ ๆ เลยค่ะคุณลี เจ้านายแหม่มก็อย่างนี้ล่ะ ขยันจริง ๆ เลย”
“เหรอคะ” ผู้มาเยือนรับคำแค่นั้น ก่อนสนใจกับนิตยสารตรงหน้า เพื่อเป็นการตัดบทสนทนา เพราะรู้ดีว่าแหม่มงานยุ่ง

“เชิญครับคุณวิ ลมอะไรหอบมาถึงนี่” เจ้าของห้องรีบลุกขึ้นต้อนรับแขกตามมารยาท ก่อนจะเชื้อเชิญให้ไปนั่งที่ชุดรับแขก
“ลมรักและคิดถึงมั้งคะ อ้อ! อีกลมหนึ่งคือลมน้อยใจค่ะ คุณณินหมั้นทั้งทีไม่ยอมเชิญวิเลย หรือเห็นวิเป็นคนอื่นไปแล้ว”
วันนี้วิชุดามาด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง ใบหน้าดูอิ่มเอิบกว่าหลาย ๆ ครั้งที่เขาเคยเห็น และที่สำคัญเธอไม่ได้แสดงออกว่าอยากจะจับเขาเหมือนเมื่อก่อน แปลกใจไม่น้อยที่การมาเยือนแบบไม่ได้บอกล่วงหน้าของเธอ แต่เขาก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติได้ไม่ยากนัก

“ต้องขอโทษจริง ๆ ครับคุณวิ พอดีผมกับแฟนไม่ได้จัดพิธีใหญ่โตอะไร ก็เลยเชิญแค่แขกผู้ใหญ่เท่านั้น กะเอาไว้ตอนงานแต่งก่อนค่อยเชิญให้ครบ” คนฟังดูเหมือนจะเชื่อในสิ่งที่เขาบอกอย่างไม่ติดใจ ก้มลงไปเปิดกระเป๋าสะพาย พร้อมยื่นซองสีชมพูให้เขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“งั้นไปงานวิก่อนก็แล้วกันนะคะ”
“นี่คุณวิกำลังจะแต่งงานเหรอครับ หือ! ปิดเงียบเชียว แต่ก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ แต่งเมื่อไหร่กัน”
รับซองมาด้วยความปรีดาเป็นที่สุด เพราะสิ่งที่เขากลัวการมาเยือนของแขกคนนี้ก็คือ ตามตอแยเขาไม่เลิกเหมือนโชติกา แต่เมื่อเรื่องออกมาแบบนี้ได้เขาก็รู้สึกโล่งขึ้นมาไม่น้อย

“แต่งก่อนผมหน่อยหนึ่ง เร็วดีจังเลย แล้วไม่เห็นพาเจ้าบ่าวมาแนะนำให้รู้จักบ้างเลยครับ”
ก้มดูรายละเอียดในการ์ดแล้วก็ยิ้มให้แขกที่ ยิ้มรอเขาอยู่ก่อนแล้ว
“เอาไว้ไปดูวันแต่งก็แล้วกันนะคะ และที่แต่งเร็ว ๆ แบบนี้ ก็เพราะว่าวิท้องได้เดือนกว่า ๆ แล้วค่ะ นี่บอกคุณณินคนเดียวนะคะ แต่ถึงไม่บอกคนเขาก็คงจะเดาเองได้ค่ะ เพราะเราแต่งแบบสายฟ้าแลบ”
ประโยคสุดท้ายวิชุดาทำท่าทางกระซิบกระซาบ ทำให้คณินหัวเราะออกมาด้วยความขำ เพราะคิดไปถึงเรื่องของตัวเองที่คู่หมั้นกลัวนักกลัวหนา

“โธ่! คุณวิครับ นี่มันสมัยไหนแล้ว คนเรารักกันอยู่ด้วยกัน เรื่องท้องเป็นเรื่องธรรมดาจะตายไปสำหรับผม แต่แฟนผมก็กลัวนะครับ ผมขอแต่งงานแบบด่วน ๆ เพราะรักและอยากอยู่กับเขาเร็ว ๆ ก็ขอผลัดผ่อนไปก่อน กลัวคนจะนินทาว่าท้องก่อนแต่ง ไอ้ผมก็ไม่ค่อยจะรู้ว่าผู้หญิงเขาถือเรื่องพวกนี้ แรก ๆ ก็ไม่เข้าใจ แต่พอคนนั้นคนนี้พูดถึงได้คิดไปกับเขาด้วย”

“เหรอคะ อ้อ! จริงสิคะ วันนี้นอกจากวิเอาการ์ดมาให้แล้ว วิยังจะมาให้บริษัทคุณณินช่วยสร้างเรือนหอให้ด้วยนะคะ คือแต่งแรก ๆ จะอยู่กับพ่อแม่ไปก่อนค่ะ พอบ้านเสร็จแล้วค่อยย้ายไป ทำไงได้ล่ะคะก็มันจำเป็น”
“ด้วยความยินดีเลยครับ อยากได้แบบไหนผมจะจัดมือดี ๆ ไว้คอยบริการคุณวิเลย จะให้เริ่มเมื่อไหร่ก็บอก แต่ผมคิดว่าคงจะหลังงานใช่ไหมครับ”

“ค่ะ กลับจากฮันนี่มูนก่อน เดี๋ยววิกับแฟนจะติดต่อมาหาคุณณินอีกที แต่ตอนนี้เอารายละเอียดคร่าว ๆ ไปก่อนก็แล้วกันนะคะ” คณินจึงใช้เวลาให้คำปรึกษากับวิชุดาอย่างเป็นการเป็นงาน ประณาลีเหลือบมองนาฬิกาข้อมือพบว่าตัวเองมานั่งรอเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว ซึ่งถ้าเป็นปกติ เธอไม่มีวันที่จะมานั่งแกร่วรอเขาแบบนี้แน่ แต่สำหรับวันนี้ เพราะต้องการข้อมูลสำคัญเท่านั้น ถึงได้ลงทุนขนาดนี้ แต่ก็เริ่มรู้สึกเบื่อนิด ๆ ที่ต้องนั่งรอ พลันก็คิดอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยปากถามแหม่มออกไป

“เอ่อ! พี่แหม่มคะ ลีอยากเอาของว่างพวกนี้ ไปให้คุณบรรพตกับลูกน้องหน่อยค่ะ ไม่รู้ว่าห้องทำงานอยู่ทางไหนคะ”
“งั้นแหม่มให้ยายปัทพาไปก็แล้วกันนะคะ”
บอกพร้อมพยักหน้าให้ผู้ช่วย ประณาลีรีบเดินตามไปโดยเร็ว ห้องทำงานบรรพตมีขนาดกว้างขวางไม่แพ้ห้องเจ้านายนัก แต่วันนี้ดูจะคับแคบไปถนัดตา เพราะลูกน้องสี่ห้าคนหอบแล็บทอปเข้ามาทำงานด้วยกัน ซึ่งผู้มาเยือนพอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นแบบนี้เสมอ ๆ เวลาที่ต้องเตรียมเสนองานให้ลูกค้า เพราะคงจะสะดวกในการประสานงาน

“รกนิดหนึ่งนะครับคุณลี ห้องทำงานที่มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น”
บรรพตรีบจัดแจงหาที่นั่งให้หญิงสาว ส่วนปัทมาแยกตัวกลับไปทำงานต่อแล้ว
“ขอบคุณค่ะ”

ประณาลีไม่ได้นั่งในที่ที่บรรพตจัดหาให้แต่อย่างใด หากแต่ทำเป็นเดินดูรอบ ๆ ห้องทำงานบรรพต ทำท่าอ่านโน่นอ่านนี่ไปตามเรื่อง แต่สายตาคอยชำเลืองดูเอกสารที่กองสุมอยู่ตามโต๊ะแทบจะตลอดเวลา ส่วนเจ้าของห้องก็มัวแต่วุ่นกับงานตรงหน้า จนไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าอยากให้งานเสร็จ

“เอ่อ! ลีไม่กวนคุณบรรพตแล้วนะคะ แค่แวะเอาของว่างมาให้เฉย ๆ ขอไปหาคุณณินก่อน”
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถหาอะไรที่เป็นประโยชน์ได้ หญิงสาวจึงคิดว่ารีบออกไปจะเป็นการดีกว่า บรรพตยิ้มรับแล้วก็ให้ความสนใจกับงานตรงหน้าต่อไป ประณาลีกลับมาที่โต๊ะแหม่ม ก็พบว่าแขกคณินยังไม่กลับจึงนั่งรอเช่นเคย

“ขอบคุณมาก ๆ นะคะคุณณิน สำหรับคำแนะนำเรื่องบ้าน เอาไว้วิจะพาแฟนมาคุยรายละเอียดเพิ่มเติมอีกทีนะคะ งั้นก็ถึงเวลาที่เราจะต้องลากันแล้วล่ะค่ะ หวังว่ะเราคงจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะคะ” วิชุดามีน้ำเสียงที่เป็นการเป็นงานกว่าทุกครั้ง
“แน่นอนครับคุณวิ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ติดต่อผมได้ตลอดเวลาครับ”
คณินเองแทบไม่อยากจะเชื่อ ว่าวิชุดาจะเป็นผู้ใหญ่ได้มากขนาดนี้ ออกจะมากกว่าโชติกาด้วยซ้ำ แม้อายุจะน้อยกว่าอยู่หลายปีก็ตาม เพราะยังไงก็ยังทำตามคำพูด คือไม่รื้อฟื้นความสัมพันขึ้นมา ให้เป็นปัญหาระหว่างเขาและเธอ

“ค่ะ” รับคำแล้วก็โผเข้าไปกอดเขาเพื่อเป็นการล่ำลา
“ดูแลตัวเองดี ๆ นะคะ” จูบไปที่แก้มชายหนุ่มก่อนจะผละออกไป เจ้าของห้องทำหน้าที่เดินมาส่งอย่างคนเป็นสุภาพบุรุษ เมื่อเห็นว่าใครนั่งรออยู่กับแหม่มถึงกับยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ
“ลี! มาตั้งแต่เมื่อไหร่ เอ่อ! นี่คุณวิชุดาเพื่อนผม คุณวิครับนี่คุณประณาลีคู่หมั้นผม”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณประณาลี ในที่สุดวิก็เห็นตัวจริงคุณจนได้ สมคำล่ำลือจริง ๆ ค่ะ คุณประณาลีสวย สง่าเหมาะสมกับคุณณินมาก ๆ นะคะ วิขออวยพรให้คุณสองคนมีความสุขกับชีวิตคู่ที่จะมีขึ้นในเวลาอันใกล้นี้นะคะ”
วิชุดายิ้มให้ด้วยความมีไมตรีจิตที่ดี ประณาลีแม้จะขัดใจนิด ๆ กับรอยลิปสติกที่ประทับไว้บนแก้มชายหนุ่ม แต่ก็ยังฝืนยิ้มรับด้วยความมีมารยาทที่ดี

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะคุณวิชุดา และก็ขอบคุณมาก ๆ ค่ะสำหรับคำอวยพร”
“งั้นวิขอตัวก่อนนะคะ คุณณินอย่าลืมพาคู่หมั้นไปงานวิด้วยนะคะ”
วิชุดาหันไปหาพร้อมยิ้มให้คนทั้งสอง ก่อนจะเดินจากไป แหม่มกับปัทมายิ้มแหย ๆ ให้เจ้านายหนุ่ม ซึ่งเขามักจะอ่านได้ว่าจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ แต่ไม่รู้ว่าคือเรื่องอะไร มองไปหาเจ้าของผ้าซิ่น ก็มีสีหน้าไม่ใคร่จะยิ้มแย้มให้เขาสักเท่าไหร่นัก

“ลีเราขึ้นไปข้างบนดีกว่านะ ผมจะหอบงานขึ้นไปทำอยู่พอดี”
บอกอย่างเป็นการเป็นงาน แต่คนฟังให้ขัดใจเป็นที่สุดทั้ง ๆ ที่พยายามจะไม่คิดแล้ว แต่ก็อดไม่ได้
‘เธอหึงเขาเหรอประณาลี’ เฝ้าถามตัวเองอยู่อย่างนั้น

“ลีมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าคะ” น้ำเสียงที่คนฟังรับรู้ได้ว่าไม่พอใจอะไรบางอย่าง
“เปล่านี่ ขึ้นข้างบนเถอะ แหม่มช่วยเอางานขึ้นไปให้ผมทีนะ”
มือบางถูกเขาคว้าไปกุมไว้ แล้วก็ดึงให้เดินตรงไปยังลิฟท์โดยเร็ว ไม่กี่อึดใจหญิงสาวก็มาอยู่ในห้องกับเขาตามลำพังแล้ว

“อย่าค่ะ”
ไหล่ระหงกับเสื้อกล้ามสีขาว รีบถอยห่างออกจากวงแขนที่กำลังจะตวัดร่างตัวเอง ไปไว้ในอ้อมกอดด้วยความเร็ว ประตูตู้เสื้อผ้าถูกเปิดออก ผ้าเช็ดตัวและชุดลำลองถูกเธอเลือกออกมาแล้วยื่นให้เขา งงนิด ๆ แต่ก็รับข้าวของมาจากมือเธอมา
“ลีจะให้ผมอาบน้ำเหรอ”

“ค่ะ ช่วยล้างออกให้หมดด้วยนะคะ ลีจะหาอะไรไว้ให้กิน เห็นพี่แหม่มบอกว่าคุณบ่นหิว เอ๊ะ! หรือว่าอิ่มแล้ว”
แม้จะพยายามควบคุมใจตัวเองไว้มากแค่ไหน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหน็บเขาด้วยน้ำเสียงหนัก ๆ ด้วยใบหน้าราบเรียบ คณินเดาว่าเธอคงจะไม่พอใจอะไรบางอย่างเป็นแน่ แต่ก็ยังไม่คิดจะถาม จึงเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างนั้น แล้วเขาก็ประจักษุ์ในเวลาต่อมา เมื่อมองไปที่กระจก

‘เอ้ย! ตายแน่เรา’
นั่นคือคำอุทานที่มีในใจ ก่อนจะรีบอาบน้ำชำระล้างเจ้ารอยนั้นด้วยความเร็ว กลับออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่เรียบร้อยกว่าทุกครั้ง พบว่ามีของกินจัดไว้ให้ที่โต๊ะแล้ว

เอกสารทั้งหมดที่ต้องการก็กองอยู่ที่โต๊ะแล้ว มองหาเจ้าของร่างบางก็ไม่พบ เดินไปที่ระเบียงเห็นเธอยืนกอดอกมองวิวทิวทัศน์ด้วยอาการเงียบสงบ แขนแข็งแรงค่อย ๆ โอบจากด้านหลัง แก้มนุ่ม ๆ ถูกเขาสูดดมแรง ๆ ด้วยความคิดถึง

“คิดถึงคุณจัง จะมาทำไมไม่บอกผมจะได้ให้คนไปรับ”
“คุณจะได้สับรางถูกด้วยใช่มั้ยคะ” เหน็บหนัก ๆ ขณะที่ยืนให้เขากอดอยู่อย่างนั้น
“โธ่! ลี คุณกำลังเข้าใจผมผิดนะ คุณวิก็แค่เอาการ์ดแต่งงานมาให้ผมกับคุณแค่นั้นล่ะ”
“เหรอคะ แล้วไอ้รอยที่แก้มนี่มันมีได้ยังไงกัน”

“คุณวิก็แค่ลาผมเท่านั้นเองลี เมื่อก่อนผมกับคุณวิอาจจะเคยมีความสัมพันกันเกินเพื่อน แต่เมื่อต่างคนค้นพบหนทางตัวเองแล้ว เราก็จากกันด้วยดี คงความเป็นเพื่อนไว้แค่นั้นล่ะ ไม่ยักรู้นะว่าผมมีแฟนขี้หึงกับเขาด้วย แต่อย่าห่วงเลยนะลี ผมน่ะมอบใจให้ลีคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้เผื่อที่ว่างไว้ให้ใครอีกเลยแม้แต่ตารางนิ้วเดียว”

“นอกจากจะเป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาแล้วนี่ ลีว่าคุณน่าจะไปเป็นทนายความด้วยน่าจะดีนะคะ หาคำมาแก้ให้ตัวเองพ้นผิดได้มีติดขัดสักนิดเดียว อ้อ! ขอบอกว่าลีไม่ได้หึงคุณสักนิด คุณอยากจะไปไหนกับใคร เมื่อไหร่ ยังไงก็ได้ ลีไม่มีสิทธิ์จะห้ามอยู่แล้ว เพราะลีไม่ได้เป็นเจ้าชีวิตคุณ”
ประชดประชันไม่มีที่สิ้นสุด แม้จะบอกว่าการหมั้นหมายเป็นแค่แผนการเท่านั้น แต่ใจช่างอดหวงเขาไม่ได้เลย







 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2552
0 comments
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2552 7:32:19 น.
Counter : 351 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.