Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
26 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

ธารลาวา ๓๘ (ธัญรัตน์)




ตอน ๓๘

“โธ่! หนูลี ทำไมหนูทำแบบนี้”

“ยังไม่หมดนะคะคุณอัมพร แล้วคุณรู้มั้ยว่าลูกสาวคนเล็กของคุณ จากคนที่เคยร่าเริงแจ่มใส แต่ตอนนี้ซึมเศร้าเพราะเรื่องอะไร ไม่ต้องเดาหรอกฉันจะบอกให้ ลูกคุณกำลังเศร้าเพราะถูกน้องฉันฟันแล้วทิ้งไง ไม่แน่นะเผลอ ๆ ตอนนี้อาจจะกำลังท้องอยู่ก็ได้ แต่ขอโทษนะที่จะต้องท้องไม่มีพ่อ เพราะน้องฉันไม่มีวันจะรักลูกคุณหรอก พอ ๆ กับที่ฉันไม่มีวันจะรักนายคณินไง รู้มั้ยว่าฉันสะใจแค่ไหน

ที่เขาต้องตามไล่ล่าเจ้าของงานที่หวังว่าจะได้นักหนาไง เขาคงไม่รู้หรอก ว่าฉันนี่ล่ะที่เป็นคนขายความลับให้คู่แข่งเอง น่าแปลกมั้ยคะคุณอัมพร ลูกชายคุณทั้งเก่งทั้งฉลาด น้อยนักที่จะเสียรู้ใคร แต่กลับไม่เคยเอะใจเลยว่าฉันจะเป็นคนทำให้เขาสูญเงินเกือบห้าร้อยล้านจากกำไรที่ควรจะได้เลย”

“โธ่! ยายญาลูกแม่ ณินลูกแม่ เธอทำแบบนี้ทำไม อยากจะแก้แค้นทำไมไม่มาทำกับฉันนี่ ฉันเองที่เป็นคนก่อเรื่องทั้งหมดไว้ ไปทำกับลูกฉันทำไม ฉันอยู่นี่มาทำกับฉันนี่ ทำลูกฉันทำไม” ร้องไห้ออกมาด้วยความสงสารลูกเป็นที่สุด
“คุณรักลูกคุณเหรอ แล้วพ่อแม่ฉันล่ะ คิดว่าท่านจะไม่รักลูกท่านบ้างเหรอ ลูกใครใครก็รัก และอยากจะหาสิ่งดี ๆ ให้ทั้งนั้น แต่แม่อย่างคุณกลับใช้ความเลว แลกสิ่งดี ๆ ให้ลูกตัวเอง คุณไม่คิดบ้างเหรอว่าความเลวที่คุณทำไว้ จะทำให้วิญญาณพ่อกับแม่ฉันไม่สงบสุขได้ คุณอยากรู้ใช่มั้ยว่าทำไมฉันไม่ทำคุณ”

“ทำไม”
“ก็ฉันจะให้คุณเห็นคนที่คุณรักเจ็บไง ต่อจากนี้ไป คุณก็จะได้นั่งดูลูกสาวหม้าย ที่วัน ๆ เอาแต่วิ่งตามด่าผู้หญิงทุกคนที่เดินผ่านอดีตสามี ว่าไปแย่งมาจากตัวเอง นั่งโทษคนอื่นโดยที่ไม่ได้ดูตัวเองเลย ว่าบกพร่องในหน้าที่เมียแค่ไหน นั่งดูหลานเป็นกำพร้าทั้ง ๆ ที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ นั่งดูลูกชายสองคนไม่มองหน้ากัน เพราะรักผู้หญิงคนเดียวกัน นั่งมองลูกคนเล็กอุ้มท้องไม่มีพ่อ ให้อับอายถึงวงสกุลอันโด่งดัง ส่วนฉันก็จะนั่งดูคุณตายทั้งเป็นไปเรื่อย ๆ ไง อย่างนี้มันถึงจะสาสมกับความเลวที่คุณทำไว้ อย่างนี้มันถึงจะคุ้มกับชีวิตพ่อกับแม่ฉัน” ยิ้มใส่หน้าคนที่คุกเข่าลงกับพื้นด้วยความสะใจ อัมพรยังไม่ละความพยายามที่จะอ้อนวอน

“หนูลี ได้โปรดเถอะนะ อย่าทำอย่างนี้เลย แม่ขอร้อง อย่าสร้างเรื่องให้มันเป็นปัญหาไม่จบสิ้นเลยนะ ขอให้เราเลิกแล้วต่อกันเถอะ ที่ผ่านมาแม่ไม่เคยมีความสุขในสิ่งที่แม่ทำเลยสักวัน แม่สำนึกผิดต่อคุณนพและคุณณามาโดยตลอด ยกโทษให้แม่ด้วย ขอร้องเถอะ อย่าทำแบบนี้อีกต่อไปเลย”

“มันคงจะสายไปแล้วล่ะค่ะคุณอัมพร แต่ไม่เป็นไร ถ้าคุณขอให้ฉันหยุด ฉันก็จะทำตาม นับแต่นี้ต่อไป ฉันกับคุณจะเป็นเหมือนคนไม่รู้จักกัน เชิญคุณเสวยทุกข์ที่ฉันป้อนให้ตามสบาย แล้วอย่าลืมไปจุดธูปบอกผัวคุณด้วย ว่าวันนี้คุณหนูลีมาหา อ้อ! ฝากขอบคุณในความโง่ของคุณและลูก ๆ คุณด้วยนะ มันคงจะทำให้คุณเจ็บปวด พอ ๆ กับที่พ่อกับแม่ฉันเคยโง่มาแล้วเหมือนกัน แล้วฉันกับน้องก็รับเอาความเจ็บปวดนั้นมา ทีนี้ก็เป็นทีของคุณแล้วล่ะ”

ข้าวของที่ตกอยู่เกลื่อนพื้นถูกกวาดขึ้นไปใส่กระเป๋าไม่มีเหลือ ถึงจะไม่แคร์ว่าใครจะมาเห็น แต่หญิงสาวก็ไม่อยากให้แม้แต่กระดาษแผ่นเดียว ตกลงไปอยู่ถิ่นศัตรูเด็ดขาด ไม่เว้นแม้แต่ในมือของอัมพร หญิงสาวก็กระชากกลับด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะเดินออกจากห้องหนังสือ อย่างไม่ใยดีคนที่นั่งร้องไห้และช็อคกับเรื่องที่เกิดขึ้น

“ไปกันเถอะค่ะพี่แพท ทุกอย่างมันจบแล้ว” ทั้งสองเดินออกจากบ้านตรงไปหารถด้วยความสะใจ
“พี่แพทคะโจทย์เก่าเรามาแล้วค่ะ” ประณาลีหันไปหาแพทที่กำลังจะเปิดประตูรถ เพราะเห็นรถของคณิศรและญาณินขับไล่หลังกันเข้ามาจอดใกล้ ๆ
“แกมาบ้านฉันอีกทำไม หรือว่ามาง้อน้องชายฉัน เห็นทีจะง้อยากหน่อยนะ เพราะณินคงจะเห็นธาตุแท้ของแกแล้ว ถึงไม่เอา หน้าด้านผู้ชายเขาทิ้งแล้วยังจะมีหน้ามาหาเขาอีก ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว” คณิศรไม่ยอมปล่อยโอกาสทองให้หลุดมือ

“พี่ณิ พอได้แล้วค่ะ เข้าบ้านเถอะ พี่ลีกำลังจะกลับแล้ว” ญาณินเป็นคนเข้ามาห้ามพี่สาวไว้ พร้อมจ้องมองหน้าประณาลีอย่างพินิจพิเคราะห์ จึงได้สังเกตุเห็นว่าเค้าโครงหน้ามีส่วนคล้ายปวีร์อยู่มาก
“อย่ามาห้ามพี่นะ พี่จะจัดการอีนังคนหน้าด้านสองคนนี้ ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว ก่อนที่เสนียดจะมาแปดเปื้อนบ้านฉัน”
“ฉันไปแน่ บ้านที่พ่อแม่แกโกงเงินเขามาซื้อ ฉันก็ไม่อยากจะอยู่นักหรอกนะ” แพทไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะเอาคืนเช่นกัน

“แกหมายความว่ายังไงอีกระเทยควาย”
“ก็หมายความอย่างที่ว่านั่นล่ะ แกนี่คงจะได้เลือดพ่อมาเยอะสินะ ถึงทำตัวต่ำ ใช้วาจาต่ำ ๆ ได้คล่องแบบนี้” มือท้าวสะเอวด่าคณิศรกลับทันที ประณาลีไม่คิดจะห้ามแพทแต่อย่างใด กลับยืนดูหน้าตาเฉย ส่วนญาณินกลัวจะมีเรื่องกันจึงรีบห้าม
“พี่ณิเข้าบ้านเถอะค่ะ อย่าไปต่อปากต่อคำกับเขาเลย”
“ไม่! เรื่องอะไรพี่จะหนี นี่มันบ้านเรา พวกมันต่างหากที่จะต้องหนี ออกไปจากบ้านฉันนะก่อนที่ฉันจะตบแก”

“ก็เอาซี้! ถ้าแกคิดว่าฉันจะโง่อยู่เฉย ๆ ให้แกตบได้ อีนังผู้ดีแต่เปลือก อีลูกคนขี้โกง แกคงไม่รู้หรอกนะ ว่าเมื่อก่อนพ่อกับแม่แกมันจนแค่ไหน พอโกงเงินคนอื่นมาได้หน่อย ทำเป็นบอกว่าตัวเองรวย ทุเรศ” น้ำคำที่ฉะฉานแพทถนัดอยู่แล้ว
“แก! ปากดีนักนะนี่” คณิศรฟาดมือไปที่หน้าแพทหนัก ๆ ส่วนอีกคนก็รีบสวนทันควัน
“ตบเหรอ ได้! คิดว่าฉันจะกลัวเหรอ นังผู้ดีจอมปลอม” เพียงเท่านั้น สองคนก็ผลัดกันตบ ผลัดกันจิกหัวชุลมุนวุ่นวายอยู่อย่างนั้น ประณาลียังยืนมองเฉยโดยไม่คิดจะทำอะไร เพราะดูจากร่างกายแล้ว รู้ว่าพี่เป็นต่ออยู่หลายขุม ส่วนญาณินทั้งร้องและรีบเข้าไปห้าม

“หยุดนะบอกให้หยุดทั้งสองคน พี่ลีห้ามสิคะ จะให้ตบกันตายไปข้างหนึ่งรึไง” แต่ประณาลีกลับเฉย อัมพรและคนในบ้านรีบออกมาดู เพราะได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย เมื่อเห็นว่าลูกสาวกำลังตบตีอยู่กับแพท คนเป็นแม่แทบจะลมจับอยู่ตรงนั้น
“หยุดนะแม่ณิ หยุด ๆ ๆ แม่บอกให้หยุด ใครก็ได้ไปห้ามเร็ว ๆ เข้า” บอกคนรับใช้ที่ยืนงงอยู่ข้าง ๆ มือก็ยกไปทาบอกไว้เพราะรู้สึกปวดหนึบ ๆ ขึ้นมาทันที เข่าก็อ่อนแรงลง

“คุณแม่!” ญาณินร้องออกมาดัง ๆ เมื่อเห็นอาการแม่ไม่สู้ดี ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปประคองทันที
“แม่เหนื่อยเหลือเกินยายญา” บอกด้วยน้ำเสียงขัด ๆ
“ไปพักก่อนเถอะค่ะคุณแม่ ญาจะพาไปเอง ถ้าอยากจะตีกันก็ปล่อยแบบนี้ล่ะค่ะ”
ความห่วงแม่มีมากกว่าเรื่องอื่นใด จึงประคองร่างที่อ่อนแรงขึ้นไปด้านบน ประณาลียืนยิ้มอย่างสะใจ ที่เห็นคณิศรเพี้ยงพร้ำให้แพท เพราะโดนตบติด ๆ กันหลายที จนล้มไปนอนให้แพทขึ้นค่อมตบซ้ำ ๆ กันจนสาแกใจ แรงหญิงมีหรือจะสู้แรงชายอย่างแพท

“พี่แพทคะ พอได้แล้วล่ะค่ะ แค่นี้มันก็ไม่กล้ากับเราแล้วล่ะ สั่งสอนเบาะ ๆ พอ กลับกันดีกว่านะคะ ลีหมดสนุกแล้ว” ห้ามพี่สาวแล้วตัวเองก็ขึ้นไปสตาร์ทรถรอ
“จำไว้นะว่าทีหลังอย่ามาหือกับฉัน เพราะฉันไม่คิดจะกลัวใคร”
แพทตบอีกฉาดก่อนจะตามประณาลีไป หน้าตาที่แดงกร่ำเต็มไปด้วยรอยนิ้วของคณิศร แป้นกับบัวเห็นแล้วทั้งอยากจะหัวเราะ และร้องไห้ในเวลาเดียวกัน แต่ทั้งคู่ก็รีบไปพยุงเจ้านาย ที่นอนอยู่กับพื้นในที่สุด หลังจากที่รถประณาลีแล่นออกไปแล้ว

“ไม่ต้องมาช่วย ทีเมื่อกี้พวกแกยืนดูเฉย ๆ เห็นฉันสู้มันไม่ได้ ทำไมไมช่วย ไปออกไปให้พ้น อีพวกเลี้ยงไม่เชื่อง”
เพียงเท่านั้น แป้นกับบัวรีบเดินหนีเข้าบ้านโดยเร็ว เพราะรู้ฤทธิ์ของเจ้านายดีว่าร้ายแค่ไหน เมื่อลุกขึ้นได้คณิศรรีบตรงเข้าบ้านไปหาแม่บนห้องทันที เพราะยังไง ๆ ก็ห่วงแม่ไม่น้อยเช่นกัน

“คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ”
“แม่ไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะแม่ณิ สองคนนั้นกลับไปหรือยัง ทำไมต้องไปตบตีกันด้วย ไม่อายคนในบ้านหรือไง”
แม้จะหมดแรง แต่ก็ยังรวบรวมกำลังสั่งสอนลูกอีกจนได้
“จะยอมมันทำไมคะ คุณแม่ดูสิว่ามันร้ายแค่ไหน ณิอยากให้ณินมาเห็นกับตาตัวเองจริง ๆ เลย จะได้ตัดใจจากมันได้”
บอกแล้วก็รีบกดโทรศัพท์ที่หัวเตียงแม่ทันที แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร น้องสาวก็ร้องถามก่อน

“พี่ณิจะทำอะไรคะ”
“พี่จะโทรบอกณินไง มันจะได้รู้ว่าแฟนมันเก่งกาจแค่ไหน ถึงขนาดกล้าเข้ามาตบพี่ถึงในบ้าน”
“แค่นี้ พี่ณิยังทำเรื่องไม่พออีกเหรอคะ เห็นคุณแม่มั้ยคะ จะแย่อยู่แล้ว”
“ยายญา แกเป็นน้องฉันนะ ทีหลังอย่าเที่ยวมาสอนฉันแบบนี้ ตัวแกเองเอาให้มันรอดก่อนเถอะ”
หัวเสียที่สุดที่ถูกน้องสั่งสอน อัมพรเห็นลูกไม่ยอมวางโทรศัพท์จึงต้องห้ามอีกแรง

“แม่ณิพอได้มั้ย แม่ขอร้องล่ะ ณินมีเรื่องกลุ้มใจมากพอแล้ว อย่าเอาอะไรไปใส่หัวน้องให้หนักไปกว่านี้เลย”
“คุณแม่” มือถือโทรศัพท์ค้างไว้ เรียกแม่ด้วยน้ำเสียงตัดพ้อเป็นที่สุด
“แม่ไม่เป็นอะไรมากแล้ว ออกไปทั้งสองคนเลย แม่จะพักผ่อน และไม่ต้องให้ใครมากวนแม่นะ ออกไปสิ ล็อคประตูให้แม่ด้วย ถ้าแม่ไม่เรียกห้ามใครเข้ามาเด็ดขาด”

ไล่ลูกทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน น้ำตาไหลพรากออกมาทันทีเมื่อได้อยู่ตามลำพัง ใจก็ภาวนาขอให้สิ่งที่ได้รับรู้เป็นเพียงความฝัน แต่กระนั้นมันก็คงจะเป็นฝันร้าย ที่ยากจะลืมเหลือเกิน หยิบรูปสามีที่หัวเตียงมากอดเอาไว้ แล้วก็ร้องไห้ออกมาดัง ๆ

“คุณคะ ลูกคนที่เราทำผิดไว้ตามมาแก้แค้นเราแล้วนะคะ เขาคงจะเกลียดเรามากค่ะ เขาตามมาทำร้ายลูกของเราทั้งสี่คน เขาบอกว่าจะให้พรเหมือนตายทั้งเป็น คุณได้ยินมั้ยคะ พรจะทำยังไงดี ถ้าคุณเชื่อพรสักนิด เรื่องก็คงจะไม่ออกมาเป็นแบบนี้”
น้ำตาไหลออกมา เมื่อคิดไปถึงเรื่องในอดีต ที่เป็นเหมือนตราบาปติดตัวมาโดยตลอด

“นี่พรเห็นเงินนี้มั้ย ผมจะเอาไปซื้อบ้านทิ้งไว้ที่กรุงเทพฯ เจ้านพมันจะได้ตามไม่เจอ”
คณึงที่อยู่ในวัยหนุ่ม เปิดกระเป๋าที่มีเงินเป็นปึก ๆ ให้ภรรยาดู
“คุณคะ ทำไมได้เงินมาบ่อยจังพักนี้ เดี๋ยวคุณนพสงสัยขึ้นมาจะลำบากนะคะ”

“มันจะสงสัยได้ยังไง ก็ในเมื่อผมไม่ได้เอาเงินมันมา นี่พวกซัพพลายเออร์จ่ายให้ผมมาต่างหาก ได้เงินมาบ่อย ๆ ก็ดีสิ จะได้ซื้อบ้านช่องไว้ไง ลูกที่อยู่กับคุณแม่จะได้มาอยู่กับเราซักที หรือคุณอยากเป็นลูกจ้างเจ้านพแบบนี้ไปจนตาย อีกอย่างผมทำประโยชน์ให้เจ้านพมามากแล้ว แบ่งมาใช้จ่ายบ้างจะเป็นไรไป”

“แต่การที่คุณลดสเปคอุปกรณ์ก่อสร้างบ่อย ๆ แบบนี้ ไม่กลัวตึกมันจะทรุดแล้วพังเหรอคะ พรกลัวจังค่ะ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาคุณนพแย่เลยนะคะ ถ้าเราพอมีพอกินแล้วก็หยุดเถอะค่ะ” ยังคงสำนึกผิดอยู่ในใจเสมอ

“นี่อย่ามาทำเป็นรู้ดีกว่าผมหน่อยเลย ผมเป็นวิศวกร ผมรู้ดีว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ คุณมีหน้าที่สั่งจ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์เร็ว ๆ ก็พอ เอามาแค่นี้เจ้านพมันไม่จนลงหรอก มันเก่งจะตาย ไม่งั้นมันจะสร้างตัวได้เร็วขนาดนี้เหรอ”

“ถ้าคุณฟังพรบ้าง คงไม่เป็นแบบนี้หรอกค่ะ”

นั่งร้องไห้อยู่คนเดียว ไปกับความรู้สึกผิด ไหนจะสงสารลูก ๆ ที่ต้องมารับกรรมที่พ่อแม่สร้างไว้ อัมพรพยายามคิดไตร่ตรองว่า ทำไมกับแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างประณาลีเพียงคนเดียว จะกลับมาสร้างรอยร้าวในครอบครัวตัวเองได้มากมายถึงเพียงนี้ และได้เวลาพอเหมาะพอดีขนาดนี้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า เด็กสาวจะต้องวางแผนไว้เป็นอย่างดี จะต้องไม่ได้ทำงานคนเดียว และจะต้องเคียดแค้นชิงชังตัวเองและสามีอย่างมาก ถึงได้กล้าที่จะเอาตัวเข้ามาแลกถึงเพียงนี้

“คุณนพ คุณณา พรขอโทษค่ะ ยกโทษให้พรด้วย ขอให้วิญญาณของพวกคุณจงไปสู่สุขตินะคะ และขอให้คุณช่วยไปดลใจหนูลี ให้เลิกโกรธแค้นพรกับลูกด้วยเถอะค่ะ พรไม่อยากให้ความแค้นพวกนี้มันเป็นเหมือนกงกรรมกงเกวียน คอยวนเวียนสร้างหนี้แค้น คอยแก้แค้นกันแบบนี้ไม่รู้จักจบสิ้น ให้พรแลกด้วยชีวิตก็ได้ ถ้ามันจะทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี ได้โปรดช่วยพรด้วยเถอะนะคะ อย่าให้ลูก ๆ ของพวกเราต้องมาเกลียดชังกันอีกเลย”

เมื่อไม่มีหนทางไหนที่จะเป็นทางออกที่ดีให้ ก็ได้แต่หวังพึ่งสิ่งที่มองไม่เห็นเท่านั้น แม้จะไม่มั่นใจว่ามันจะเป็นผล แต่อัมพรก็ยอม

สามพี่น้องต่างมารวมตัวกันอยู่คอนโดฯ แพท สั่งอาหารและเปิดแชมเปญน์ เพื่อฉลองปิดภารกิจอันสำคัญในครั้งนี้ แพทกับปวีร์ดูเหมือนจะโล่งอกที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี โดยที่ไม่มีคนของฝ่ายตนต้องสูญเสียอะไร ไปกับงานใหญ่อย่างที่เคยหวั่นกลัวไว้ก่อนหน้า ส่วนประณาลีเองก็ไม่ได้ต่างจากอีกสองคนนัก หากทำไมหญิงสาวช่างรู้สึกห่อเหี่ยวจิตใจอยู่ลึก ๆ อย่างบอกไม่ถูก แม้จะบอกตัวเองว่าเกลียดศัตรูมากแค่ไหน แต่หัวใจเจ้ากรรม มันช่างคอยจะมีชื่อเขาผุดขึ้นมาสะกิดให้ร้าวรานอยู่ร่ำไป

“ลีจะนอนที่นี่นะคะพี่แพท เสร็จแล้วพรุ่งนี้จะไปเก็บของที่คอนโดกับวี ลีสั่งคนมาทำความสะอาดแล้ว วันมะรืนก็จะบินกลับไปหายายเลยค่ะ ยายบ่นคิดถึงลีจะแย่แล้ว ถ้ามีคนมาเช่าได้พี่แพทก็จัดการได้เลยนะคะ ลีจะไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้วค่ะ หรือถ้าขายได้ก็ขายไปเลย” สั่งเสียแพทอย่างมั่นอกมั่นใจ

“พี่ว่าไม่เห็นจะต้องหนีจากคอนโดนั้นเลยนี่ลี ไปกลัวอะไร พวกมันคงไม่กล้ามายุ่งกับพวกเราแล้วล่ะ”
แพทไม่เห็นประโยชน์ที่จะต้องทำแบบนั้น หากเหตุผลที่แท้จริงที่มีในใจหญิงสาวกลับไม่ใช่การหนี เพราะกลัวเรื่องที่ตามมาเอาคืน แต่กลับกลัวใจตัวเองมากกว่า กลัวว่าถ้ายังคงอยู่ในห้องนั้น ภาพของเขาที่เข้า ๆ ออก ๆ ห้องต่างหาก ที่จะทำให้หัวใจเจ็บ ไม่อยากบอกให้น้องกับพี่รู้ว่า ตอนนี้แท้ที่จริงแล้ว ประณาลีรู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังชดใช้กรรม กรรมที่ไม่เชื่อฟังคำยาย กรรมที่คอยคิดแต่จะแก้แค้น สุดท้ายตัวเองก็ต้องมาเจ็บ เพราะเผลอใจไปกับเขาเข้าให้แล้ว

‘ฉันจะลืมนายให้ได้’

เป็นคำที่ท่องเอาไว้ นับตั้งแต่ตัดสินใจดำเนินแผนขั้นสุดท้ายแล้ว ก็ยังดีที่แค่เผลอใจ ก็ยังดีที่แผนการใช้เวลาไม่ยาวนานอย่างที่คิด ก็ยังดีที่เขาไม่คอยมาอ้อนวอน เพื่อขอคืนดี มันคงจะง่ายสำหรับหัวใจที่จะตัดเขาออกไปได้ และระยะทางที่จะอยู่ห่างไกลเขาออกไป ก็คงจะเป็นเครื่องช่วยได้ดีเช่นกัน การฉลองของสามพี่น้องเป็นไปเรียบ ๆ เรื่อย ๆ จนกระทั่งเที่ยงคืน ถึงได้แยกย้ายกันเข้านอนด้วยอาการมึน ๆ จนถ้วนหน้า

อัมพรที่ขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่ยอมให้ใครเข้ามายุ่ง หันไปมองนาฬิกาพบว่าดึกมากแล้ว แต่ก็ยังข่มตาให้หลับลงไม่ได้ มิหนำซ้ำน้ำตายังคงไหลรินออกมาแทบจะตลอดเวลา เมื่อคำพูด น้ำเสียง สีหน้าของประณาลี และภาพการตายของประนพและปวีณา คอยมาตอกย้ำให้สำนึกผิดอยู่ร่ำไป ยานอนหลับที่หมอเคยให้ไว้ ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่อัมพรหวังพึ่ง น้ำในห้องไม่มีใครเตรียมมาไว้ให้เช่นทุกคืน เพราะห้ามใครเข้ามารบกวน

จึงจำเป็นต้องเดินออกจากห้อง เพื่อลงไปด้านล่าง อาการเซนิด ๆ เกิดขึ้น เมื่อก้าวจะเดินในครั้งแรก แต่ก็พยายามจะพยุงตัวให้ยืนได้มั่นคงอยู่สักพัก จึงค่อย ๆ ก้าวต่อไป แต่เมื่อเดินมาถึงบันได อาการมึนศีรษะก็เริ่มขึ้นอีก หูเริ่มอื้อ ตาเริ่มลายจนต้องยืนตั้งหลักอยู่สักพัก เมื่อคิดว่าพอจะก้าวเดินต่อไปได้ จึงก้าวขาลงบันได

“ว๊าย!”
ร่างอัมพรกลิ้งตกลงไปตามขั้นบันได ตั้งแต่ชั้นบนไปถึงชานพัก แล้วก็หมดสติอยู่ตรงนั้น ญาณินที่อยู่ห้องใกล้แม่ที่สุด เหมือนได้ยินเสียงร้อง ขณะที่ตัวเองก็หลับตาไม่ลง เพราะหวนคิดแต่เรื่องของปวีร์กับประณาลี วิ่งออกมาดูแม่ที่ห้องแต่ไม่พบ

“คุณแม่คะ คุณแม่อยู่ไหนคะ คุณแม่!”
ร้องสุดเสียง เมื่อชะโงกหน้าลงมาจากด้านบน เห็นร่างแม่นอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย! พี่ณิ! ช่วยคุณแม่ด้วย”

แล้วความวุ่นวายก็เกิดขึ้นในบ้านคณานุรักษุ์ นับตั้งแต่วินาทีนั้น คามินที่ถูกพี่สาวโทรไปบอกข่าว ขับรถมารอพี่และน้องอยู่โรงพยาบาลแล้ว เป็นเวลาเดียวกับที่รถพยาบาลแล่นเข้ามาถึงพอดี ทั้งหมดวิ่งตามรถเข็น ที่มีร่างของแม่นอนหมดสติไปห้องฉุกเฉินทันที แพทย์ประจำบ้านรีบรุดเข้าไปดูอาการอย่างไม่รอช้า

“ญาติรออยู่ข้างนอกก่อนนะคะ”
พยาบาลกันทั้งหมด เมื่อมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน คณิศรยังไม่ละความพยายามที่จะติดต่อคณิน แต่ก็ไม่เป็นผล อยากจะโทรหาบรรพตแต่ก็ไม่มีเบอร์ นทีอีกคนที่ไม่สามารถติดต่อได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน คามินรู้สึกโกรธพี่ชายไม่น้อย ที่เวลาต้องการตัวกลับไม่อยู่

“ไปทำอะไรนักหนา ถึงไม่ยอมกลับบ้านมาดูคุณแม่”
“พี่มิน อย่าว่าพี่ณินนะคะ พี่ณินไปทำงาน ไม่ได้อยู่เฉย ๆ ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
ญาณินอดว่าพี่ชายไม่ได้ อาการโทษกันไปโทษกันมา เกิดขึ้นกับพี่น้องทั้งสามคน แต่ไม่นานเมื่อต่างคนต่างเหนื่อย ก็เลิกลากันไปเอง แล้วกลับมานั่งรอที่หน้าห้องฉุกเฉินอีก เวลาเกือบตีสาม แพทย์ย้ายอัมพรที่ยังไม่ได้สติ ไปยังห้องไอซียู เพื่อรอดูอาการ

“หมอขอให้ทุกคนกลับบ้านไปพักก่อนนะครับ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ หมอยังวินิจฉัยอะไรไม่ได้ในตอนนี้ ต้องรอผลตรวจจากแล็ปก่อนครับ เชื่อหมอเถอะ กลับไปพักเอาแรง พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
แพทย์ประจำบ้านแจ้งก่อนจะปลีกตัวไป สามพี่น้องไม่มีทางเลือก จึงจำเป็นต้องทำตามแพทย์อย่างเสียไม่ได้ ทั้งหมดกลับไปพักผ่อนได้คนล่ะไม่กี่ชั่วโมง ก็พากันมาดูอาการแม่ที่ห้องไอซียูอีก แต่แพทย์ก็ยังให้คำตอบอะไรไม่ได้

“อะไรนะพี่ณิ คุณแม่เป็นอะไรนะ” เสียงคณินกรอกมาตามสาย เมื่อคณิศรติดต่อได้ในเวลาเกือบสิบโมง
“ผมจะรีบกลับไป ทันทีที่เสร็จงานทางนี้ แค่นี้นะครับ ผมฝากพี่ณิดูแลคุณแม่ดี ๆ ด้วย”

เขารีบตัดสายแล้วก็หันไปสั่งงานบรรพต และผู้จัดการไซด์งานด้วยความรวดเร็ว แต่กว่าจะคุยตกลงกับเจ้าของงานได้ ก็เกือบเที่ยง นทีขับรถด้วยความเร็วกว่าทุกครั้ง ‘เร่งให้เร็วกว่านี้นที ผมห่วงคุณแม่’ ไฟเขียวจากเจ้านายที่นั่งอยู่ด้านหลัง บ่ายสองเขาก็มาถึงโรงพยาบาล พบว่าแพทย์ย้ายมารดาไปอยู่ห้องพิเศษแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้สึกตัวแต่อย่างใด สายระโยงระเยงเต็มไปหมด คุณป้าหญิงกับคุณลุงกัมปนาทที่เพิ่งรู้ข่าวก็รีบมาดูอาการด้วยความเป็นห่วง

“คุณท่านตกลงมาศีรษะกระแทกพื้น ทำให้สมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมาก จากการตรวจตามร่างกายพบว่าไม่มีส่วนไหนได้รับบาดเจ็บนอกจากสมอง ที่ไม่ตอบสนองการกระตุ้นของแพทย์เลย เราทำอะไรได้ไม่มาก นอกจากรอครับคุณณิน” แพทย์ตอบแบบไม่ใคร่จะเต็มเสียงนัก เมื่อเขาคาดคั้น แต่คนฟังไม่เข้าใจ

“รออะไรครับคุณหมอ แล้วคุณแม่เป็นอะไรกันแน่ ช่วยบอกผมให้เข้าใจด้วย เมื่อไหร่คุณแม่จะฟื้นครับ”
“ไม่แน่ครับคุณณิน อาจจะหนึ่งวัน หนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือน หนึ่งปี หรืออาจจะตลอดไปก็ได้ ต้องขึ้นอยู่กับหลาย ๆ อย่างด้วยครับ หมอให้คำตอบที่แน่นอนไม่ได้ เพราะร่างกายคุณท่านไม่ตอบสนองอะไรเลย”
“อะไรนะคะคุณหมอ นี่หมายความว่าคุณแม่จะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ไม่ยอมฟื้นตลอดไปอย่างงั้นเหรอคะ”
คณิศรร้องด้วยความตกใจ

“ใจเย็น ๆ หน่อยสิยายณิ แม่เราอาจจะไม่อาการหนักถึงขนาดนั้นก็ได้”
คุณป้าหญิงรีบเอ็ดหลานสาว ที่ตีโพยตีพายไปเกินกว่าเหตุ พลอยทำให้ทุกคนตกใจไปตาม ๆ กัน
“แต่ที่คุณณิพูดมาก็เข้าข่ายอยู่นะครับ คุณท่านอาจจะกลายเป็นเจ้าหญิงณิทราไปเลยก็ได้ หรือถ้าฟื้นขึ้นมา ร่างกายก็อาจจะไม่เหมือนเดิม อันนี้หมอยังบอกไม่ได้ ต้องรออย่างเดียวครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัว”

แพทย์รู้ว่าญาติคนไข้คงยังไม่อยากจะฟังข่าวอะไร ที่ไม่ดีในตอนนี้นัก จึงปลีกตัวออกจากห้องไป สี่พี่น้องต่างน้ำตาร่วงออกมาแทบจะพร้อมกัน เมื่อมองร่างที่นอนแน่นิ่งของแม่อยู่บนเตียง คุณป้าหญิงกับคุณลุงต่างช่วยกันปลอบหลาน ๆ เป็นการใหญ่ คณินให้รู้สึกผิดเป็นที่สุด ที่ไม่กลับบ้านแค่คืนเดียว แม่ก็ต้องเป็นแบบนี้แล้ว

ประณาลียกมือถือขึ้นมาดู เมื่อพบว่าเป็นใครก็ปล่อยให้ดังอยู่อย่างนั้น เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะเสแสร้งอะไรอีกต่อไปแล้ว ไม่นานเจ้าสิ่งเล็ก ๆ ก็ดังขึ้นอีก จนเจ้าของต้องปิดทิ้งไป เพราะกำลังวุ่น อยู่กับการเก็บข้าวของลงกระเป๋า ส่วนน้องชายก็ช่วยเก็บข้าวของอื่น ๆ ลงกล่อง เพื่อเอาไปเก็บไว้ที่บ้านแทน เพราะพี่สาวลั่นวาจาไว้แล้ว ว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีก คนทำความสะอาดก็ทำหน้าที่ไปอย่างขมักเขม้น

“พี่ลีผมจะไปหาซื้อกล่องมาเพิ่มนะ ของกันกระแทกด้วย” ปวีร์บอกพี่สาว ก่อนจะหายออกไป โทรศัพท์ในห้องดังขึ้น คนที่วุ่นอยู่กับการเก็บของรีบไปรับ เพราะไม่ทันได้คิดว่าจะเป็นใคร
“มีอะไรคะคุณเรศ ลีบอกแล้วไงคะ ว่ายังไม่อยากให้เราพบกันตอนนี้ อะไรนะคะ! ลีไม่ว่างค่ะ”
“ถ้าคุณลีไม่ว่าง ผมจะบุกขึ้นไปหาเองบนห้องนะครับ คงไม่ต้องเดานะ ว่าผมรู้เบอร์ห้องคุณลีได้ยังไง ผมไม่รบกวนเวลาคุณลีมากหรอกครับ ลงมาเจอผมหน่อย จะรอที่สวนหย่อมด้านหลังคอนโดนี่ล่ะ หรือจะที่สระน้ำก็ได้”
นเรศที่รออยู่คอฟฟี่ชอปด้านล่างส่งเสียงไปตามสาย

“ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยรอก่อนนะคะ ให้ลีจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อน แล้วเราค่อยคุยกัน”
วางสายได้ก็รีบกดโทรศัพท์หาน้องทันที
“รอแป๊บนะพี่ลี ตอนนี้รถติดอยู่ไฟแดงนี่ล่ะ” คนน้องตอบมาตามสาย







 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2552
0 comments
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2552 8:01:12 น.
Counter : 369 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.