Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
12 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

ธารลาวา ๒๔ (ธัญรัตน์)





ตอน ๒๔

นเรศนั่งสนใจหนังสือพิมพ์ตรงหน้า พลันก็หันไปมองลูกสาวและลูกชายที่อยู่ในชุดนักเรียน วิ่งไล่กันลงบันไดมาด้วยความร่าเริง โดยมีคนแม่เดินตามลงมาช้า ๆ สีหน้าบึ้งตึงไม่เคยว่างเว้น เมื่อต้องสบตากับเขา ไม่รู้ว่า ‘คณิศรคนเก่า’ ที่เขาเคยหลงรักเพราะใบหน้าเปื้อนยิ้มแทบจะทั้งวัน คนที่พูดจากไพเราะเสนาะหู คนที่เอาอกเอาใจเก่งสารพัดหายไปไหนหมด มันเหลือแต่ความเบื่อหน่ายเมื่อเห็นหน้าที่แทบจะหาความสุขไม่ได้ของเธอ

“คุณพ่อคะวันนี้คุณพ่อบอกว่าจะไปรับเจนนี่ตอนเรียนรำไทยเสร็จใช่มั้ยคะ เจนนี่จำได้เพราะคุณพ่อสัญญาเอาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ใช่มั้ยพี่เจเจ” หนูน้อยผมเปียสองข้างหันไปหาพี่ชายเพื่อให้ช่วยยืนยัน เมื่อคนพี่พยักหน้ารับ จึงยิ้มแป้นหันมาหาพ่ออีกครั้ง

“ได้ลูก พ่อบอกว่าไปก็ไปสิ”
คนพ่อพับหนังสือพิมพ์ลงแล้วจัดการกับอาหารตรงหน้าพร้อมกับลูก ๆ คณิศรเบะปากใส่สามีเพราะไม่เชื่อในน้ำคำ กี่ครั้งแล้วที่บอกว่าจะไปรับลูกจากโรงเรียน สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิมกับเหตุผลโง่ ๆ ที่ใช้หลอกลูกไปวัน ๆ

‘เจนนี่พ่อยังประชุมไม่เสร็จเลยลูก กลับกับแม่ก่อนแล้วกันนะ วันหลังพ่อจะไปรับ พ่อสัญญา’ คำ ๆ นี้เธอฟังมาจนชาชิน

“ห้ามผิดคำพูดนะคะ ไม่งั้นเจนนี่จะไม่พูดกับคุณพ่ออีกเลย พี่เจเจด้วยใช่มั้ย”
คนนั่งหันไปหาพี่ที่มีข้าวเต็มปากจนพูดไม่ได้ เอาแต่พยักหน้าหงึก ๆ แทน นเรศถึงกับหัวเราะ

ครูสาวยิ้มอย่างเอ็นดู เมื่อหนูน้อยเจนนี่รับสิ่งที่ถ่ายทอดไปให้ได้เกือบหมด ในใจก็อดสงสารไม่ได้ถ้าอนาคตอันใกล้นี้ตัวเองจะเป็นคนทำให้ชีวิตพ่อและแม่ของเด็กน้อย ต้องพบกับปัญหาจนอาจจะถึงขั้นแตกหัก แต่จะมานั่งคิดกับเรื่องนี้ทำไมกัน ต่อให้ไม่มีเธอคอยเป็นชนวน คนทั้งสองก็หาได้อยู่ด้วยกันเพราะความรักไม่ นเรศมีผู้หญิงคนอื่นนับหน้าไม่ถ้วน นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกผิดน้อยลง เมื่อมองหน้าหนูน้อยเจนนี่

มือถือส่งสัญญาณดังขึ้นบ่งบอกว่ามีข้อความเข้า ถ้าเป็นปกติจะไม่สนใจ แต่สำหรับช่วงนี้ แพทบอกให้รอรับข้อความจึงจำต้องคอยเช็คตลอดเวลา ‘ผลไม้มาถึงแล้ว’ ยิ้มอย่างพึงใจ เมื่อรู้นัยของข้อความ มองนาฬิกาอีกแค่ห้านาทีจะหมดเวลาเรียนแล้ว คณิศรเดินขึ้นมารอรับลูกสาวเช่นทุกวัน ประณาลียิ้มเป็นการทักทายเช่นทุกวัน แต่ก็ไม่ยกมือไหว้เช่นเคย คนเป็นแม่ยิ้มรับอย่างไม่ใคร่เต็มใจนัก แล้วพาลูกสาวไปเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมกลับบ้าน ทันทีที่สองแม่ลูกหายเข้าไปในห้องน้ำ

ครูสาวรีบวิ่งเข้าออฟฟิศ สำรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกายและใบหน้า แล้วก็วิ่งลงบันไดไปโดยเร็ว แต่พอถึงสามขั้นสุดท้าย กลับเปลี่ยนเป็นเดินลงไปด้วยท่วงท่าที่สง่าผ่าเผยเหมือนที่เคยเป็น เมื่อลงมาถึงเห็นเหยื่อนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ชุดรับแขกด้านหน้า ที่จัดไว้เป็นสัดส่วนมีพาทิชั่นกระจกสูงแค่เอวกั้นเอาไว้ ไม่ได้ตรงไปทักทายในทันที แต่ตรงไปหานกกับคนงานใหม่กำลังสอนงานกันอย่างขมักเขม้น ส่วนเหยื่อก็ไม่ได้สนใจความเคลื่อนไหวภายในนัก

“นกตารางงานเดือนหน้าออกมาหรือยังจ๊ะลีกับพี่แพทยังไม่ได้เลย”
น้ำเสียงราบเรียบเป็นทางการกว่าทุกครั้งที่นกเคยได้ยิน ก่อนจะกุลีกุจอเดินไปค้นหามาให้ตามคำขอ นเรศละสายตาจากหนังสือพิมพ์หันไปมองเจ้าของเสียงทันทีเพราะจำได้ ประจวบกับอีกคนหันมาหาพอดี แววตาที่แสดงว่าดีใจเมื่อได้เห็นเขาวันนี้ มีให้เห็นเด่นชัดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ครูสาวยิ้มให้ เท้าก้าวเดินตรงไปหาเขาหมายจะพูดคุยและทักทายเช่นคนคุ้นเคย

“คุณพ่อขา เจนนี่ดีใจจังเลยค่ะที่คุณพ่อมารับ เจนนี่รักคุณพ่อที่สุดเลย”
ริมฝีปากที่ทำท่าจะเอื้อนเอ่ยกลับเม้มเข้าหากันแทน สีหน้าที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่ไม่มีโอกาสได้พูดกับเขาแม้แต่คำเดียวเพราะถูกขัดจังหวะส่งให้เขาเห็น เมื่อหนูน้อยกับคนเป็นแม่เดินลงมาจากชั้นบน แววตาที่ปีติแต่แรกของนเรศก็พลอยต้องเก็บพับความรู้สึกนั้นเอาไว้ด้านในไม่แพ้กัน ในใจให้สงสารเธอขึ้นมาจับใจ แต่ก็ต้องรีบทำให้ทุกอย่างเป็นปกติโดยเร็ว

“พ่อบอกว่ามาก็มาสิลูก กลับกันเถอะพ่ออยากอาบน้ำเต็มทีแล้ว”
อยากจะออกไปจากที่นี่โดยเร็ว ใจจริงไม่อยากจะมาเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดที่คณิศรตามไปลากตัวมาจากออฟฟิศ เพราะบอกว่าสัญญากับลูกไว้แล้ว เขาก็คงจะไม่มาเด็ดขาด รู้ว่ามาแล้วอาจจะทำให้อีกคนเสียความรู้สึก เหมือนตอนนี้ หวนคิดถึงคำพูดของเธอเมื่อครั้งก่อน ‘สมบัติที่มีเจ้าของ’

“เจนนี่สวัสดีคุณครูก่อนสิคะลูก” ถึงไม่ค่อยชอบหน้าครูนัก แต่คณิศรก็มักจะสอนลูกเสมอ ๆ ในเรื่องนี้
“เดี๋ยวไปลาที่รถก็ได้ค่ะน้องเจนนี่ วันนี้ครูจะเดินไปส่งแทนครูนกดีมั้ยคะ มาค่ะ”

บอกแล้วก็จูงเอามือเด็กน้อย เดินนำคนเป็นพ่อแม่ออกไปหารถ ที่จอดอยู่หน้าโรงเรียน สายตาละห้อยชะลอยตัดพ้อส่งให้คนเป็นพ่ออย่างจงใจ ยืนมองรถที่เคลื่อนออกไปจนแทบจะลับสายตา คนที่ขับรถจากมาก็หาได้สุขใจไม่ เฝ้ามองกระจกหลังก็เห็นครูสาวยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับไปไหน ในใจให้สงสารเป็นที่สุด ยิ้มหยันที่เห็นเหยื่อตกหลุมพลาง ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปด้านใน

สงสารอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน สงสารที่เธอมาตกหลุมรัก ‘สมบัติที่มีเจ้าของ’ เช่นเขา สงสารตัวเองที่ใจเกิดคิดจริงจังกับเธอขึ้นมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนแค่คิดว่าอยากจะเชยชมเท่านั้น แต่ตอนนี้มันอาจจะไม่ใช่แค่นั้นแล้ว ความกลัดกลุ้มซ่อนเอาไว้ไม่ให้คนนั่งมาข้าง ๆ ที่ตอบคำถามลูกสาวมาแทบจะตลอดทางได้เห็น

“เป็นไงลี” แพทที่ยืนสังเกตการณ์อยู่หน้าต่างในออฟฟิศถามทันที ที่เจ้าของแผนการเดินเข้ามา ยิ้มอย่างสมใจเป็นคำตอบได้ดีโดยไม่ต้องเอ่ยปาก นึกขึ้นได้อีกเรื่องที่จะต้องถามแพทจึงเอ่ยอีกครั้ง

“แล้วนายคณินล่ะตอนนี้ลีจะทำยังไงต่อ”
“รอค่ะพี่แพท ตอนนี้เราทำได้แค่รอ แต่อีกไม่นานหรอกค่ะเราจะได้ยิ้มอย่างสะใจแล้ว”
ตอบโดยไม่ต้องคิด เพราะสิ่งที่คาดหวังไว้ไม่น่าจะไกลเกินคาด

“แม่แป้นคุณณินไปทำงานหรือยัง”
อัมพรเดินตรงมาที่โต๊ะอาหารช้ากว่าทุกวัน เดาได้ว่าลูกชายคนโตกับลูกสาวคนเล็กคงจะไปกันหมดแล้ว ส่วนลูกชายอีกคนถ้าเป็นวันปกติไม่ต้องพูดถึง แทบจะไม่กลับบ้านเลย ปักหลักอยู่ที่แกลอรี่ตลอด บางครั้งแทบจะไม่ได้มานอนบ้านเป็นเดือนก็ว่าได้ หรือบางทีก็แค่มาให้แม่เห็นหน้ากินข้าวกับแม่แล้วก็ออกไป จนคนเป็นแม่ชาชินแล้วกับลูกคนนี้

“ยังค่ะคุณท่าน เมื่อคืนเห็นนทีว่ากลับดึกค่ะ รู้สึกจะตีสามบอกว่าทำงานไม่เสร็จ”
แม่ครัวใหญ่บอกขณะตักข้าวต้มร้อน ๆ ใส่จานให้ประมุขของบ้าน
“เหรอ! งั้นให้บัวไปดูทีสิว่าคุณณินตื่นหรือยัง ฉันจะได้รอกินข้าวพร้อมกับลูกหน่อย”

“ไม่ต้องครับคุณแม่ ผมมาแล้ว” เดินมาในชุดทำงาน สูทพาดไว้กับแขน อีกมือมีกระเป๋าเดินตรงมาหาแม่ที่โต๊ะอาหาร รู้ว่าแม่คงจะถามเพราะความเป็นห่วงจึงรีบบอกไปก่อน
“เมื่อคืนทำงานเร่งอยู่ครับก็เลยกลับดึกหน่อย นี่ก็จะกลับไปตรวจอีกทีกว่าจะเสร็จก็หลายวันครับ โปรเจคใหญ่เหมือนกัน” พยักหน้าเป็นการขอบคุณแป้นที่ตักข้าวต้มมาเสิร์ฟแล้วเดินกลับเข้าครัวไป

“แม่ว่าลูกทำงานหนักเกินไปแล้วนะ ถ้าแน่ใจว่าเลือกใครได้แล้วก็รีบ ๆ พาเขามาดูแลเราเถอะลูก ชีวิตคนมันสั้นนัก อย่าไปรออะไรให้มันนานกว่านี้เลย ไม่เคยได้ยินเหรอที่คำโบราณเขาว่าไว้ ‘เลือกนักมักได้แร่’ น่ะ อย่างหนูลีแม่ว่าก็น่าจะทำให้ลูกแม่มีความสุขได้ รักกันแล้วก็รีบ ๆ แต่งงานกันเถอะลูก”

อัมพรรู้ว่าเดาใจลูกไม่ผิด แต่คนเป็นลูกถึงกับหันไปมองมารดา ‘แต่งงาน’ เขายังไม่ได้คิดถึงขั้นนี้เลย และไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะว่ายังไง และกับคำ ๆ นี้ของแม่ มันได้ตามติดเขาไปด้วยกระทั่งเข้าไปนั่งในห้องทำงานแล้ว แม้งานวันนี้จะยุ่งสักแค่ไหน แต่ก็มีเวลาคิดถึงคำ ๆ นี้ได้เกือบจะทุกสิบนาที ยิ่งคำพูดแม่ลอยมากระทบหูอีกเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วเขาเองก็จำไม่ได้ ปากกาในมือวางลงแทบจะทันที

“แหม่มเข้ามาหาผมทีมีเรื่องอยากให้ช่วยด่วน”
เลขาฯ หน้าห้องแม้จะเคยงงกับคำสั่งของเจ้านายหนุ่ม ที่สั่งแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยในหลาย ๆ ครั้ง แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่ทำให้งงมากเท่าครั้งนี้ กับงานที่ได้รับมอบหมาย เสร็จจากคำสั่งเจ้าของหน้าคมก็ก้มหน้าก้มตาเคลียร์งานให้เสร็จ เรียกบรรพตมาสั่งฉับ ๆ มองนาฬิกาพบว่าเป็นเวลาที่จะต้องไปแล้ว บวกกับงานเสร็จพอดี จึงไม่รอช้ารีบไปทำตามที่หัวใจเรียกร้องทันที

หลังเวลาสอนครูสาวกับนกเดินออกมาจากโรงเรียนพร้อม ๆ กัน ประตูกระจกล็อคแล้วตามด้วยประตูเหล็ก ถึงจะเป็นเจ้าของโรงเรียน แต่ประณาลีก็ไม่เคยวางตัวเยี่ยงนายกับลูกน้องสักครั้ง อันไหนที่ช่วยได้ก็จะช่วย เช่นตอนนี้ที่เธอช่วยดึงประตูเหล็กลงมา นกหันมายิ้มให้เหมือนทุก ๆ วัน

“เดี๋ยวลีจะไปส่งให้เหมือนเดิม เสร็จแล้วจะเลยไปหาพี่แพทที่ร้านอาหาร หรือว่านกจะไปด้วยกันก่อน ไปก็ดีจะได้กินอาหารอร่อย ๆ ที่ร้านด้วยเอามั้ย”
บอกเมื่อเดินไปที่รถ นกมักจะได้กลับบ้านกับประณาลีในช่วงหลัง ๆ นี้ เพราะจะต้องก้าวมาเป็นครูสอนแทนเธอในบางครั้ง บวกกับบ้านของนกเป็นทางผ่านกลับคอนโดฯ เธอพอดี

“คุณลี”
ไม่ทันที่ประตูรถจะได้เปิดออก แหม่มที่นั่งรออยู่ในรถก็เปิดประตูเดินแกมวิ่งมาหา พร้อมทำหน้าตื่น ๆ จนทั้งสองที่จะขึ้นรถมองด้วยความสงสัย โดยเฉพาะประณาลีแปลกใจไม่น้อยที่เห็นแหม่มมารออยู่หน้าโรงเรียนแบบนี้
“พี่แหม่มมีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมทำหน้าไม่ค่อยดีเลย”

“คุณณินสิคะคุณลี ตอนนี้ป่วยหนักค่ะ ใครจะพาไปหาหมอก็ไม่ยอม เรียกหาแต่คุณลีคนเดียว ไปช่วยแหม่มเข็นแกไปหาหมอทีค่ะ ชวนตั้งแต่เช้าแล้วนะคะ ยังไงก็ไม่เอา พอบ่าย ๆ ทรุดเลยค่ะ นอนซมอยู่ห้องตัวร้อนจี๋เลย”
คนเล่าส่งน้ำเสียงที่ฟังแล้วออกจะหนักหนาสาหัสจนทั้งสองมองเห็นภาพ

“ครูลีไปเถอะค่ะ นกกลับเองก็ได้” นกรู้ดีว่าจะต้องพูดว่าอะไร
แหม่มไม่ได้พาประณาลีไปที่ห้องพักของคณินตามที่เธอเข้าใจ แต่พามาคอนโดฯ แห่งหนึ่ง ดูจากรอบ ๆ ไม่บอกก็รู้ว่าราคาคงจะไม่สามารถทำให้คนมีฐานะธรรมดา ๆ ซื้อหามาไว้ครอบครองได้

“คุณลีใช้การ์ดรูดเปิดเลยนะคะ แหม่มซื้อผลไม้กับของอื่น ๆ ว่าจะเอามาให้คุณณินลืมไว้ที่หลังรถ ขอลงไปเอาก่อนค่ะ เข้าไปเลยนะคะไม่ต้องเคาะประตู คุณณินคงจะหลับค่ะ คงไม่มีแรงลุกมาเปิดให้เราหรอก”

ส่งการ์ดให้แล้วแหม่มก็รีบเดินกลับไปทางเดิม ประณาลีเปิดประตูเข้าไปพบว่าในห้องมืดสนิท เสียบการ์ดลงไป ไฟก็สว่างขึ้นทั่วห้อง แม้ไม่เคยเข้ามาในห้องนี้เลยสักครั้ง แต่ร่างในผ้าซิ่นคาดเดาได้ว่า ปกติห้องนี้คงไม่ได้มีดอกไม้สดนานาชนิดประดับไว้ในห้องตั้งแต่ประตูทางเข้า เรื่อยไปจนแทบจะถึงระเบียงแบบนี้เป็นแน่ ความเป็นประณาลีไม่ได้ทำให้เธอมองไม่ออกว่า เขาจะทำอะไรต่อไป หลังจากสั่งเลขาฯ ให้ไปหิ้วเธอมาด้วยเหตุผลที่ปฏิเสธไม่ได้

คณินเดินเงียบ ๆ มาทางด้านหลังคนที่ยืนมองดอกไม้ที่ตกแต่งไว้จนเต็มห้อง ด้วยฝีมือการจัดการของแหม่ม วงแขนแข็งแรงโอบกอดเธออย่างแผ่วเบา ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าเป็นวงแขนที่คุ้นเคยก็หันมาหาเขา ยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากพร้อมนัยตาหวานซึ้งที่เขาส่งให้ ทำให้หัวใจหญิงสาวเกือบจะหล่นวูบลงไปในนาทีนั้น ใบหน้าของเขาในเวลานี้ ช่างน่ามองเหลือเกิน เป็นใบหน้าที่ดูออกว่ากำลังเปี่ยมด้วยสุขมากแค่ไหน

“หายไข้แล้วเหรอคะ”
น้ำเสียงเย้าแหย่ แกมเหน็บนิด ๆ ส่งให้เขาแทบจะทันทีที่เธอตั้งสติได้ กำลังจะเอ่ยถามต่อ แต่ก็หยุดไว้แค่นั้น เมื่อคณินคุกเข่าลงตรงหน้าในมือยื่นกล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เปิดอ้าเอาไว้ สิ่งที่ปักอยู่ในกล่อง คือสิ่งที่เธอคาดเอาไว้แล้วว่าจะได้เห็นในไม่ช้า

“ลี ผมรักคุณ แต่งงานกับผมนะ”
ความดีใจที่แสดงออกมาผ่านรอยยิ้มหวานละมุนในตอนนี้ ประณาลีแยกแยะไม่ได้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใดมากกว่ากัน ระหว่าง ‘ดีใจที่เหยื่อหลงเข้ามาในกับดัก’ หรือ ‘ดีใจที่ชายแทบจะเพอร์เฟคอย่างเขาขอแต่งงาน’ กันแน่ หญิงสาวไม่มีเวลาที่จะวิเคราะห์ในจุดนี้ สิ่งที่ต้องคิดและทำก็คือ ยิ้มหวานละมุลพร้อมเปล่งประโยคที่ควรจะเป็น

“ค่ะ”
คำตอบสั้น ๆ แต่มันทำให้คนที่นั่งคุกเข่าอยู่ยิ้มกว้างออกมา แหวนเพชร น้ำงามที่เขาไปสรรหามาเมื่อช่วงเย็น ถูกสวมเข้าไปนิ้วนางข้างซ้ายอย่างแผ่วเบา ลุกขึ้นได้ก็สวมกอดเธอเอาไว้ โดยไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาจากปากทั้งสองคน มีแต่ความเงียบเท่านั้นที่โอบรอบเอาไว้ แล้วเขาก็เป็นคนเริ่มบอกความในใจที่เขามีในเวลานี้

“ลี ผมไม่รู้ว่ารักคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าอนาคตของเราสองคนจะเป็นยังไง ไม่รู้ว่าเวลาที่เรารู้จักกันจะนานพอมั้ย แต่ผมมั่นใจว่า ผมได้รักและเลือกคนไม่ผิดแล้ว คุณคือคนที่หัวใจผมเรียกหามาโดยตลอด มันอาจจะเร็วไปสักนิดกับการตัดสินใจของผมในครั้งนี้ แต่ผมไม่เห็นประโยชน์ว่าเราสองคนจะรอไปอีกทำไม มีเวลาถมเถให้เราได้ศึกษาซึ่งกันและกัน ถ้าลีไม่ขัดข้องผมจะจัดงานแต่งงานของเราให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตกลงมั้ย”

ไม่รู้จะเป็นเพราะคำพูดหวาน ๆ หรืออกอันอบอุ่นของเขากันแน่ ที่ทำให้ประณาลีรู้สึกปลอดภัย รู้สึกโล่งโป่ง เบาสบาย อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาบอกออกมา หรืออาจจะเป็นเพราะเธอสามารถกำหัวใจเขาไว้ได้แล้ว อันนี้หญิงสาวเองก็ให้เหตุผลที่แจ่มชัดกับตัวเองไม่ได้ สิ่งที่เธอบอกตัวเองให้ทำในตอนนี้ก็คือ ปล่อยให้เขาโอบรัดร่างเอาไว้อย่างนั้น

ปลายคางถูกเชยให้แหงนขึ้นไปมองหน้าเขาตรง ๆ เพิ่งจะสังเกตุเห็นว่าผู้ชายที่จ้องมองเธออยู่ตอนนี้ น่ามองมากแค่ไหน เครื่องหน้าของเขาแทบทุกส่วน ประกอบเข้ากันจนได้หน้าที่หล่อเหลา คมคาย ออกมาอวดสายตาสาว ๆ แทบจะทั้งเมือง ให้หลงใหล คลั่งไคล้ ใจไม่อยากจะคิดว่าสาว ๆ ที่เขาควง ๆ อยู่จะหมั่นไส้เธอมากแค่ไหน ที่ได้เขามาครอบครอง สุดท้ายก็จะถูกเธอ ‘เขี่ย’ ทิ้งอย่างไม่ใยดี เมื่อแผนการจบสิ้นลง คิดถึงจุดนี้ใจก็หายวาบลงไปในทันที

“ทำไมเราต้องแต่งงานกันให้เร็วที่สุดด้วยคะ เอ่อ! ลีว่าเราหมั้นกันก่อนจะดีมั้ยคะ ลียังไม่ได้บอกยายเลยค่ะ”
“ก็เพราะผมรักคุณ และอยากอยู่ใกล้ ๆ คุณเร็ว ๆ ไง หรือว่าคุณไม่รักผม”
ปากถามแต่ใจไม่เคยคิดแม้แต่น้อย เพราะมั่นใจว่าได้หัวใจสาวเจ้ามาครองไว้นานแล้ว

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ คือลีหมายถึงว่า การแต่งงานแบบเร็ว ๆ ด่วน ๆ คนมักจะ เอ่อ...”
หากว่าเขาไม่ใช่ลูกศัตรู ข้ออ้างนี้แทบจะไม่มีน้ำหนักให้เธอยกเอาขึ้นมาเลยสักนิด แต่สำหรับเขาคนนี้ แค่ได้หมั้นเธอก็ถือว่ายอมให้มากพอแล้ว อีกฝ่ายเหมือนจะได้คิดในเรื่องที่เธออ้ำอึ้ง จึงยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะบอกไปหัวเราะไป

“ลี คุณกลัวคนจะหาว่าท้องก่อนแต่งเหรอ ฮ่า ๆ ๆ”
“อย่ามาหัวเราะลีนะคะ คนบ้า ตัวเองเป็นผู้ชายใครจะไปว่าอะไรล่ะ แต่ลีเป็นผู้หญิงนะคะ แล้วอีกอย่างคุณก็ไปนอนที่ห้องลีมาแล้ว ไหนจะนอนที่บ้านยายอีก ใครจะไม่คิดล่ะคะ จู่ ๆ ก็รีบจัดงานแต่งงาน”

ดีใจที่เขาเข้าใจได้ง่าย ๆ และคาดหวังว่าเขาจะตกลงตามที่เธอต้องการ เพราะนี่เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ตัวเองหลุดรอดจากการตกเป็นของเขาได้ ก่อนที่แผนการจะสำเร็จลง ความกลัวว่าเหตุผลจะไม่เพียงพอเธอจึงรีบบอกไปอีก

“อีกอย่าง ลีเป็นใครมาจากไหนก็ไม่มีใครรู้ จู่ ๆ จะกลายมาเป็นเจ้าสาวของเศรษฐีหนุ่มพันล้านง่าย ๆ ลียังปรับตัวไม่ได้ค่ะ จะเดินไปไหนมาไหน ก็มีแต่คนรู้จักภายในเวลาอันรวดเร็ว ไหนจะคนในครอบครัวคุณอีก ลียังไม่รู้จักใครเลย ทุกคนจะว่ายังไง จะคิดยังไงกับลีก็ยังไม่รู้ นะคะ เราหมั้นกันไว้ก่อน สักสองเดือนก็ได้ค่ะ แล้วค่อยจัดงาน ระหว่างนี้ลีสัญญาว่าจะพยายามปรับตัวให้เข้ากับคนรอบข้างของคุณ และสังคมของคุณให้ได้”

อีกฝ่ายก็ค่อนข้างจะเห็นด้วยไม่น้อย แต่ก็ยังขัดใจอยู่ดีที่โอกาสจะได้อยู่ใกล้ ๆ คนที่รักต้องยืดออกไปอีก แต่ก็ไม่เป็นไร เหตุผลต้องอยู่เหนืออารมณ์เสมอ

“ก็ได้ แต่เราจะหมั้นกันแค่สองเดือนเท่านั้นนะลี และคุณต้องสัญญากับผมว่า จะยอมให้ผมกอดแบบนี้ได้ทุกวันนับตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป จนกว่าเราจะแต่งงานกัน ถ้าไม่อย่างนั้นอย่าได้หวังว่าผมจะยอม”
“สัญญาสิคะว่าแค่กอดเท่านั้น”
“อืม! งั้นขอเพิ่มเป็นแบบนี้ด้วย...”

ปากบอกส่วนหน้าก็ก้มต่ำลงประกบริมฝีปางบางได้รูปอย่างดูดดื่ม ดวงตากลมโตหลับพริ้มรับสัมผัสจากเขาอย่างไม่มีบ่ายเบี่ยง เพราะรู้ดีว่าเขาจะต้องหาข้ออ้างมาทำแบบนี้กับเธอได้ไม่ช้าก็เร็ว มือบางสองข้างแม้จะอยู่ในท่าดันอกเขาไว้แต่เรี่ยวแรงมันก็หดหายในที่สุด หญิงสาวไม่แปลกใจนักที่มีสาว ๆ มาคอยรุมล้อมเขาแทบไม่ขาด ก็สัมผัสที่เขามอบให้เธอในตอนนี้ช่างอ่อนหวาน นุ่มนวลเสียยิ่งกระไร

“ลีผมรักคุณ”
ละจากเรียวปากก็พร่ำคำรักออกมาให้เธอได้ยิน เพราะรู้สึกรักเธอจริง ๆ ยิ่งร่างบางปล่อยให้เขาเชยชมโดยไม่ขัดขืนด้วยแล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองช่างสุขใจเป็นที่สุด ปากอิ่มถูกเขาปิดไว้อีกวาระหนึ่ง จากนั้นก็ไล้ไปตามใบหนู ต้นคอ มืออีกข้างไม่ได้ปล่อยให้ว่าง แต่ไปเคล้าคลึงบัวคู่งามที่เต่งตึงอยู่ใต้บราอย่างหลงใหล แม้ปากจะบอกตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ทำอะไรให้เลยเถิดกับเธออีก แต่ใจกลับเรียกร้องจนต้องอุ้มร่างบางไปวางไว้ที่เตียง แล้วตามไปติด ๆ

ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้ห้ามปรามสักนิด กลีบกุหลาบก็ถูกปิดลงไปอีกครั้ง แม้จะผ่านหญิงมานักต่อนัก แต่ไม่เคยมีใครทำให้เขาสุขใจได้ขนาดนี้ มันสุขอย่างบอกไม่ถูก อาจจะเป็นเพราะมีความรักเข้ามาเป็นส่วนผสมด้วยก็เป็นได้ อันนี้เขาเองก็ไม่แน่ใจนัก และก็ไม่คิดว่าอานุภาพแห่งรัก จะทำให้มนุษย์สุขได้ถึงเพียงนี้ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วกับเขา อกอวบอิ่มถูกดูดดื่มอยู่เนิ่นนาน ใจห้ามมืออีกข้างไม่ให้เลื่อนต่ำลงไม่ได้ แม้จะมีมือบาง ๆ คอยห้ามปรามไว้

“คุณณินคะ อย่าค่ะ ลียังไม่พร้อม ได้โปรดเถอะค่ะ นะคะลีไม่อยากทำให้ยายเสียใจ รอให้เราแต่งงานกันก่อนนะคะ”
ยายถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องอีกแล้ว และมันก็ได้ผลอีกแล้วเช่นกัน เมื่ออีกฝ่ายถอนหายใจออกมาแรง ๆ เมื่อเห็นหน้ายายของเธอลอยมาอยู่ใกล้ ๆ ‘ใช่’ เขาไม่ควรทำให้ยายผิดหวัง ยายอุตส่าห์ปราณีเขามากขนาดนี้

“สัญญานะว่าเราจะหมั้นกันแค่สองเดือน”
ยังไม่ลืมทวงเมื่อผละจากร่างบางไปนั่งอยู่ข้าง ๆ เตียง ปล่อยให้เธอจัดการกับเสื้อผ้าให้เรียบร้อย โดยที่เขาไม่หันมามอง ยิ้มในใจเจ้าของแผนการที่เอาเขาอยู่ได้อีกครั้ง ‘ไม่ใช่เอาเขาอยู่ฝ่ายเดียวสิ เอาตัวเองอยู่ด้วยกระมัง’ เพราะเธอเกือบจะเผลอไปกับเขาแล้วด้วยซ้ำ หากไม่พยายามตัดใจ และคิดถึงความแค้นขึ้นมา มันช่วยได้เสมอ ๆ

“ค่ะ” รับปากไปอย่างหนักแน่น
“คืนนี้กินข้าวที่นี่นะ ผมจะสั่งมา อยากให้ลีดูดอกไม้พวกนี้ก่อน แหม่มหาร้านที่จัดได้สวยจริง ๆ เลย ดูสิผมไม่รู้ว่าลีชอบดอกอะไร ก็เลยสั่งให้กวาดมาจนหมดร้านเลย”
แม้จะขัดใจอยู่บ้างแต่ก็กลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง เมื่อมองรอบ ๆ ห้องที่เต็มไปด้วยดอกไม้ พลอยทำให้ประณาลีอดชื่นชมไปด้วยไม่ได้ ดอกไม้สดจัดไว้แทบจะทุกจุด มองไปแล้วเรียกรอยยิ้มได้ไม่ยากเลยจริง ๆ เป็นยิ้มที่ไม่ได้มีอะไรเคลือบแฝงเอาไว้เลยในตอนนี้

‘ผู้หญิงมักคู่กับดอกไม้’ คณินคิดได้แค่คำ ๆ นี้เท่านั้น หันไปเห็นเจ้าของหน้าเนียนยิ้มแทบไม่ยอมหุบ เมื่อมองดูดอกไม้รอบ ๆ ก่อนจะก้มลงไปดอมดมกุหลาบสีแดงสด แล้วยิ้มให้เขา มันช่างเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เธอดูสวย จนเขาไม่อยากจะมองหญิงใดอีกเลย นี่เขา ‘รัก’ เธอมากขนาดนี้เลยหรือ







 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2552
0 comments
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2552 9:04:07 น.
Counter : 394 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.