|
|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
https://dhammachati.blogspot.com/2021/08/blog-post.html
รู้เราด้วย รู้เขาด้วย รู้แต่ของเรา ไม่รู้ของเขาบ้างเลย ชก ๑๐๐ ครั้ง ถูกน๊อคทั้ง ๑๐๐ ครั้ง สังคมปัจจุบันต่างจากอดีต สภาพแวดล้อมเปลี่ยน ประชากรเพิ่มขึ้น คนย้ายถิ่นจากภาคหนึ่งไปอยู่อีกภาคหนึ่ง จากประเทศหนึ่งไปอยู่อีกประเทศหนึ่ง ขณะเดียวกันก็นำวัฒนธรรมประเพณีของตนติดไปด้วย ตัวอย่างนี้
หลังจากออกจากมหาลัยสงฆ์ ถึงเวลาแล้วที่จะออกเดินทางตามที่ตั่งใจไว้ และจะไม่กลับมาอีกแล้ว โดยเริ่มจากกลับไปที่บ้านเกิด เพื่อสร้างบ้านให้พ่อก่อน และเพื่อทดสอบตัวเอง เพราะถ้าผ่านที่บ้านมาได้ก็สามารถไปอยู่ทุกหนแห่งได้สบาย และก็บังเอิญพระที่มาจำพรรษา ในถ้ำราชคฤห์ ออกพรรษาก็ย้ายออกพอดีเลยอยู่คนเดียว ถือโอกาสทดสอบตัวเองเรื่องความกลัว อยู่ภาวนาในถ้ำเป็นเวลาเดือนกว่า เรื่องการปฏิบัติ ความกลัวก็ไม่มีปัญหาเพราะอยู่ไปๆ ก็ได้ผีนี้แหละเป็นเพื่อนทำให้หายกลัวไปเลย แต่มีปัญหาเรื่องอาหารการฉัน ตอนเช้าไปบิณฑบาตใส่แต่ทางบ้านกับบ้านญาติอีกสองหลัง บ้านอื่นไม่ใส่ และที่บ้านใส่ก็เพราะบอกให้ใส่ทุกๆวัน จะได้กับข้าวมาสามถุงก็ฉันอยู่แค่นี้อยู่ไปๆรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเรื่องอาหารการฉัน เพราะเหมือนไปบังคับให้เขามาใส่บาตร อยู่ได้เดือนกว่าก็เลยเดินทางไป ดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
ตอนอยู่ดอยอ่างขางได้เจอเหตุการณ์หนึ่งทำให้ตกใจมาก คือ ถูกคนอิสลามทำร้าย
เรื่องมีอยู่ว่า มีพระจะไปซื้อของฝากญาติทางบ้าน ก็ชวนเราไปเป็นเพื่อน ตรงด้านหน้าสถานีเกษตรหลวง บังเอิญร้านที่ซื้อเป็นร้านอิสลาม เราก็ยืนอยู่หน้าร้านรอพระเพื่อน ปรากฎว่า มีคนอยูชั้นบนโยนกระสอบลงมาโดนเราเต็มๆ แต่ดีข้างในไม่ใช่ของแข็ง ก็เลยไม่เป็นไรมาก ด้วยความตกใจ ก็เลยรีบเดินกลับ คนรอบๆ เขาก็เห็นนะ แต่ไม่มีใครกล้าว่าอะไร
อยู่ดอยอ่างขางหนึ่งเดือน ก็เลยเดินทางไปดอยปุย มาอยู่ดอยปุย ได้เจอเอกสารเล่มหนึ่ง จริงๆแล้วก็เคยอ่านนานแล้วเป็นเอกสารที่หลุดออกมาเกี่ยวกับแผนการยึดครองประเทศไทยของศาสนาอิสลาม
ในเอกสารเขียนถึงดอยอ่างขาง และดอยปุยแล้วก็เป็นอย่างที่เขียนไว้จริงๆ คือ เขาสำเร็จแล้ว คือตรงไหนเป็นแหละท่องเที่ยว ย่านเศรษฐกิจ การค้า เขาจะส่งคนของเขาลงไปให้แต่งงานกับคนในพื้นที่แล้วค้าขาย เพื่อเงินจะได้อยู่ในกลุ่มคนของเขา
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าร้านขายของฝากในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จะมีร้านของคนอิสลามเกือบครึ่งหนึ่ง แล้วมีร้านอาหารใหญ่โต ตั้งอยู่หน้าสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง หรืออย่างดอยปุยร้านขายของฝากในหมู่บ้านม้งรวมถึงหน้าตำหนักราชนิเวศภูพิงค์ ก็เหมือนกัน
จากที่สังเกตุ ตอนเช้าไปบิณฑบาต ร้านที่เป็นคนอิสลามเขาจะเปิดร้านก่อนคนพุทธคือเปิดแต่เช้ามืด พอตอนเช้า พระไปบิณฑบาตนักท่องเที่ยวก็จะไปซื้อของจากร้านอิสลามมาใส่บาตร อย่างหน้าสถานีเกษตรหลวงอ่างขางกับหน้าตำหนักราชนิเวศภูพิงค์ประจำเลยจะได้แต่อาหารอิสลาม
ก็คงไม่แปลกที่มีข่าวว่าจะมีการสร้างโรงงานผลิตอาหารฮาลาลที่ดอยหล่อ และช่วงที่อยู่ดอยปุยก็เจออีกเหตุการณ์หนึ่ง คือ ตอนเช้าเราจะลงไปบิณฑบาตในหมู่บ้านม้ง มียายคนหนึ่งแกจะพาหลานสองคนมารอใส่บาตรตรงจุดจำหน่ายตั๋วเพื่อเข้าชมดอกฝิ่นเป็นประจำทุกๆวันไม่เคยขาด ดูแล้วก็คงจะมีฐานะอยากจน แต่มีศรัทธามาใส่บาตรทุกวัน เรายังรู้สึกเปลื้มเลย
แต่แล้วก็มีอยู่วันหนึ่ง ในขณะกำลังเดินบิณฑบาต ปรากฎว่ามีคนอิสลามประมาณร้อยกว่าคนเหมารถแดงขึ้นมาถึงแล้วก็แบ่งกันแยกย้ายเดินสำรวจดูหมู่บ้าน จะว่ามาเที่ยวทำไมมาแต่เข้ามืดร้านค้ายังไม่เปิดเลย พอเดินบิณฑบาตมาถึงยายที่ว่า ปรากฎว่ามีคนอิสลามล้อมอยู่ประมาณ 10 คน พอเห็นพระเดินมาก็เปิดทางให้ยายใส่บาตร พอใส่เสร็จก็มาล้อมยายอีก และจากวันนั้นยายคนนี้ไม่มาใส่บาตรอีกเลย ก็แปลกใจเหมือนกัน
จริงๆแล้วก็เจออะไรมาเยอะ แต่ไม่อยากเอามาเล่าก็เฉพาะบางส่วน จากเหตุการที่พบเจอกับความคิดว่าออกจากมหาลัยสงฆ์แล้วจะไม่กลับมาอีก เริ่มรู้สึกไม่มั่นใจขึ้น ขนาดหนีจากเมืองมาอยู่ตามป่าเขา กลับมาต้องมาเจออะไรแบบนี้ ยอมรับว่ารู้สึกกลัวขึ้นมา ถ้ายังมาอยู่แบบนี้ต่อไปในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร อย่างที่ว่าพระก็เหมือนกับเต่าไม่มีกระดองใครสาดอะไรมาก็โดนเต็มๆ ก็เลยตัดสินใจกลับจำพรรษาที่วัดในสังกัดเพื่อมาตั้งหลักใหม่
ที่เคยเล่าว่า มีคนอิสลามมาสำรวจดูหมู่บ้านม้งตอนพระบิณฑบาต จริงๆแล้วมีข้อมูล คือ เขามาสำรวจดูว่าบ้านไหนใส่บาตรเขาจะยื่นข้อเสนอเพื่อให้เลิกใส่เพื่อให้พระอยู่ไม่ได้. เช่นกับยายที่พาหลานมาใส่บาตร เขาเห็นว่ามีเด็กด้วยกลัวเด็กจะซึมซับ เห็นแล้วสงสารยาย บางวันแกยังอุตส่าห์มาแอบดักใส่บาตร
ชาวเขามีประเพณีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ทุกคนที่เกิดก็ซึมซับในประเพณีวัฒนธรรม โดยเฉพาะด้านความเชื่อ ถึงบางคนนับถือพุทธก็จริง แต่ยังขาดความเข้าใจประเพณีพุทธ เพราะไม่ได้ปลูกฝังมาแต่บรรพบุรุษ ซึ่งต่างจากชาวคริสในสกลนคร ถึงจะนับถือคริสก็จริง แต่พวกเขานับถือพุทธมาก่อน คุ้นเคยกับประเพณีพุทธมาตั้งแต่บรรพบุรุษ แล้วค่อยมาเปลี่ยนเป็นคริสต์ภายหลัง เมื่อเปลี่ยนมานับถือคริสต์ก็จริง สิ่งที่ถูกฝัง สิ่งที่คุ้นเคยก็ยังอยู่ จึงไม่แปลกที่พวกเขายังมาใส่บาตร หรือบางคนที่ใส่บาตรมีญาติพี่น้องที่ยังไม่เปลี่ยนเป็นคริสต์มาบวชอยู่ก็มี ที่มหาลัยสงฆ์ก็มีพระเพื่อนที่มาจากสกลนคร ก็เล่าให้ฟัง เขามาบวช แต่ญาติทางบ้านเปลี่ยนไปนับถือศริสต์แต่ก็ยังใส่บาตรอยู่ และที่สำคัญ คือ ชาวคริสต์ในสกลนครนั้นถูกซื้อตัวไป เรื่องการปฏิบัติจึงไม่ค่อยเคร่งเท่าไหร่ แต่อย่าลืมว่าอิสลามไม่เหมือนคริสต์นะ คริสต์ยังเข้ากันได้ https://www.youtube.com/watch?v=krkWwcqTDVo แต่อิสลามเขาไม่เอาใครนะ
จาก https://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=49704&sid=d6725fd82a08c13d9ef25c05034fb527&start=60
ตัวอย่างที่ขีดเส้นใต้สุดท้าย
https://www.facebook.com/100025876042775/videos/463566874515843
Create Date : 21 สิงหาคม 2564 |
|
0 comments |
Last Update : 7 ธันวาคม 2564 19:13:25 น. |
Counter : 4554 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
BlogGang Popular Award#20
|
|
|