สภาวะนิพพาน
สภาวะนิพพาน
นิพพาน คือ สภาวะที่รู้เข้าถึงธรรม มีสัมปชัญญะอย่างยิ่งยวดที่จะรับหรือไม่รับกิเลสตัณหา หรือสิ่งแวดล้อมต่างๆ ซึ่งไม่สามารถเข้าไปมีอิทธิพลต่อดวงจิตนี้ได้ หรือจิตนี้อยู่เหนือหรือหลุดพ้นจากอิทธิพลของกิเลสตัณหา จิตนี้อยู่เหนือแต่ไม่ใช่หลุดจากกิเลสตัณหา ดำรงความเป็นสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลานี่แหละคือภาวะแห่งพระนิพพาน นิพพานเป็นธรรมตัวหนึ่ง อยู่เหนือธรรมแต่ไม่ได้หลุดออกจากธรรม ยังอยู่ในภาวะแห่งธรรม นิพพานไม่ใช่เป็นสถานที่ไหนที่หนึ่ง แต่นิพพานเป็นภาวะธรรมภาวะการณ์หนึ่งของธรรม เพราะมีสัมปชัญญะพร้อมที่จะไม่ให้สิ่งแวดล้อมต่างๆ มีอิทธิพลต่อเรา
กิเลสตัณหาไม่ได้หายไปไหน แต่กิเลสตัณหาไม่สามารถมีอิทธิพลเหนือจิตนี้ได้
ถ้าเราสามารถเข้าสู่ภาวะนิพพานนี้ได้ จิตเราก็ไม่เป็นโลดแล่นอยู่กับอะไร ไม่ตื่นเต้นกับอะไร เข้าสู่ความเป็นตถตา (เป็นเช่นนั้นแล)
จึงมีคำถามต่อมาว่า เราสามารถดำรงสัมปชัญญะไม่ให้กิเลสตัณหาครอบงำหรือมีอิทธิพลต่อเราได้หรือไม่ ถ้าได้แค่บางขณะ ก็จะเรียกว่าเป็น "นิพพานลองชิม"
ถ้าเราสามารถดำรงสัมปชัญญะไม่ให้กิเลสตัณหาครอบงำ ๕ นาที เราก็ได้นิพพานลองชิม ๕ นาที แต่หลังจากนี้เราไม่สามารถดำรงสัมปชัญญะได้ เราก็จะหลุดออกจากนิพพาน และไม่ให้ครอบงำ ๑๐ นาที เราก็ได้นิพพานลองชิม ๑๐ นาที เป็นต้น
ตัวอย่าง นิพพาน ๕ นาที จบ หรือที่เรียกว่า นิพพานลองชิม
เรานั่งอยู่ไก่วิ่งผ่านหน้า เราหันไปมองดู นี่แหละเป็นสิ่งแวดล้อมเข้ามา ถ้าเรากำหนดจิตได้ เราจะกำหนดไม่ให้ไปมองดูไก่วิ่งมา จิตเราก็ไม่ถูกทำลาย ถ้าจิตของเราถูกกำหนดไปจับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไก่วิ่งมาเราไม่เอาจิตไปจับที่ไก่ ไก่วิ่งมาแล้วก็วิ่งไปของมัน เพราะเราไม่ส่งประสาทไปรับ เราไม่เอาจิตไปจับปรุงแต่ง เราเห็นแต่เราไม่รับ เหมือนกับบางครั้งเราเห็นอะไรอย่างหนึ่ง แต่เราไม่เห็น คือ เห็นสักว่าแต่เห็น คือ เห็นแต่ไม่เข้าไปในจิต เห็นแต่ไม่เข้าไปในกระบวนการประสาท นี่แหละนิพพานลองชิม นี่แหละถ้าเรากำหนดจิตได้ จิตก็จะไม่ถูกการรบกวน เพราะสามารถควบคุมจิตได้ ไม่ให้ไปทำอะไร
^_^ ..._/_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต