|
||||||
ดอกบัว ๔ เหล่า ดอกบัว ๔ เหล่า ดอกบัว คือ ท่านขึ้นมาจากบัว กว่าจะมาเป็นบัวได้นั้น จะต้องมีการไต่เต้ามาตั้งแต่เล็กๆ ตั้งแต่ยังอยู่โคลมตม ผุดแทงหน่อขึ้นมาเป็นบัวใต้น้ำ ปริ่มน้ำ และพ้นน้ำ เช่นเดียวกับเรา เมื่อเราเกิดมาเป็นมนุษย์เราต้องเอาเยี่ยงอย่างบัว เกิดมาจากอวิชชา ความไม่รู้แจ้ง ก็กระทำให้เกิดความรู้แจ้ง เห็นสภาพตามความเป็นจริงของธรรม ดอกบัวสี่เหล่านี้ ทุกๆ คน สามารถมีทั้งหมด ๔ เหล่านี้อยู่ในตัว เช่น บางคนเป็นช่างซ่อมรถ เมื่อมีผู้รู้พูดถึงเกี่ยวกับรถ เข้าก็เข้าใจได้ง่าย ไม่ต้องอธิบายมาก เป็นอุคคฏิตัญญู แต่ถ้าพูดเรื่องการวาดภาพ ซึ่งช่างรถไม่เคยได้เรียนรู้มาก่อน อธิบายยังไงเขาก็ไม่เข้าใจ ดอกบัว ๔ เหล่า มีดังนี้ ดอกบัวเหล่าที่ ๑ โคลนตม คือ เหลวใหล ไม่จริงจัง มีชีวิตอยู่ไปวันๆ ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีจุดหมาย ประเภทหลงทาง เรื่อยเฉย ไปตามสภาวะรูปธรรม (จะคิดถึงตัวเอง) พวกที่ไร้สติปัญญา และยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ แม้ได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจความหมายหรือรู้ตามได้ ทั้งยังขาดศรัทธาปสาทะ ไร้ซึ่งความเพียร เปรียบเสมือนดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตม ยังแต่จะตกเป็นอาหารของเต่าปลา ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำเพื่อเบ่งบาน (ปทปรมะ) ดอกบัวเหล่าที่ ๒ รู้จักเอามาเสียดายเวลา มีการริเริ่ม ความรู้สึกริเริ่ม มีความรู้สึกล่ะ ริเริ่มสัมมา อยากให้มีสาระมากขึ้น อยากจะรู้ (จะคิดถึงตัวเอง) พวกที่มีสติปัญญาน้อย แต่เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มอยู่เสมอ มีความขยันหมั่นเพียรไม่ย่อท้อ มีสติมั่นประกอบด้วยศรัทธา ปสาทะ ในที่สุดก็สามารถรู้และเข้าใจได้ในวันหนึ่งข้างหน้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ซึ่งจะค่อยๆ โผล่ขึ้นเบ่งบานได้ในวันหนึ่ง (เนยยะ) ดอกบัวเหล่าที่ ๓ กระตือรือร้น อยากเห็น อยากเปลี่ยนแปลง อยากแก้ไขสิ่งที่ถูกต้อง อยากทำอะไรให้มีสาระ เริ่มเห็นประโยชน์ จะตั้งเป้าหมาย จุดหมาย เห็นประโยชน์ว่าตนเองเป็นคนทำ พวกที่มีสติปัญญาดี เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันไม่ช้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำซึ่งจะบานในวันถัดไป (วิปจิตัญญู) ดอกบัวเหล่าที่ ๔ พ้นน้ำ รับแสงอาทิตย์ พยายามขบคิด ปุจฉา วิสัชนาอะไรต่างๆ วินิจฉัย พิจารณาสิ่งต่างๆ เตรียมตัวเข้าสู่ปรมัตถ์ พวกที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถรู้ และเข้าใจในเวลาอันรวดเร็ว เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์ก็เบ่งบานทันที (อุคคฏิตัญญู) บัวเหล่านี้ก็จะพยายามให้ออกเป็นเม็ดผล ให้เป็นสำเร็จ เข้าใจ เพราะว่าเป็นเม็ด พอเป็นเม็ดแล้วต้องบ่มเพาะ มี ๓ ขั้น ให้เกิดอานิสงส์แบบกว้าง โปรดสัตว์ มหาชน ทะลึ่งดันขึ้นมา ก็จะเป็นบัวถัดไป ทุกขั้นมี ๑๒ ขั้น สาเหตุที่เปรียบเทียบกับดอกบัว เพราะใกล้ชิดกับมนุษย์มากที่สุด การดูบุคคล ดูว่าเขาขาดอะไร จะเพิ่มเติมอะไร ดอกบัวเหล่าที่ ๑-๒ จะคิดถึงแต่ตัวเอง ถ้าสืบต่อไม่ได้ สั่งสอนคนอื่นไม่ได้ จะเรียกว่าปัจเจกพุทธก็ได้ ดอกบัว ๔ เหล่า อีกมุมหนึ่ง ดอกบัว คือ ท่านขึ้นมาจากบัว กว่าจะมาเป็นบัวได้นั้น จะต้องมีการไต่เต้ามาตั้งแต่เล็กๆ ตั้งแต่ยังอยู่โคลมตม ผุดแทงหน่อขึ้นมาเป็นบัวใต้น้ำ ปริ่มน้ำ และพ้นน้ำ เช่นเดียวกับเรา เมื่อเราเกิดมาเป็นมนุษย์เราต้องเอาเยี่ยงอย่างบัว เกิดมาจากอวิชชา ความไม่รู้แจ้ง ก็กระทำให้เกิดความรู้แจ้ง เห็นสภาพตามความเป็นจริงของธรรม ดอกบัว ๔ เหล่า มีดังนี้ ๑. อุคคฏิตัญญู พวกที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถรู้ และเข้าใจในเวลาอันรวดเร็ว เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์ก็เบ่งบานทันที ๒. วิปจิตัญญู พวกที่มีสติปัญญาดี เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันไม่ช้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำซึ่งจะบานในวันถัดไป ๓. เนยยะ พวกที่มีสติปัญญาน้อย แต่เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มอยู่เสมอ มีความขยันหมั่นเพียรไม่ย่อท้อ มีสติมั่นประกอบด้วยศรัทธา ปสาทะ ในที่สุดก็สามารถรู้และเข้าใจได้ในวันหนึ่งข้างหน้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ซึ่งจะค่อยๆ โผล่ขึ้นเบ่งบานได้ในวันหนึ่ง ๔. ปทปรมะ พวกที่ไร้สติปัญญา และยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ แม้ได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจความหมายหรือรู้ตามได้ ทั้งยังขาดศรัทธาปสาทะ ไร้ซึ่งความเพียร เปรียบเสมือนดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตม ยังแต่จะตกเป็นอาหารของเต่าปลา ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำเพื่อเบ่งบาน ดอกบัวสี่เหล่านี้ ทุกๆ คน สามารถมีทั้งหมด ๔ เหล่านี้อยู่ในตัว เช่น บางคนเป็นช่างซ่อมรถ เมื่อมีผู้รู้พูดถึงเกี่ยวกับรถ เข้าก็เข้าใจได้ง่าย ไม่ต้องอธิบายมาก เป็นอุคคฏิตัญญู แต่ถ้าพูดเรื่องการวาดภาพ ซึ่งช่างรถไม่เคยได้เรียนรู้มาก่อน อธิบายยังไงเขาก็ไม่เข้าใจ
สาธุ
โดย: อุ้มสี วันที่: 13 ตุลาคม 2564 เวลา:20:57:39 น.
|
พรหมสิทธิ์
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์ เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต ศึกษาเรียนรู้ธรรมะโดยธรรม นำมาปฏิบัติ และเผยแผ่ธรรมะนั้น ให้คนรู้จักบริหารกรรม แก้กรรม พัฒนากรรม ให้เกิดสันติสุข
Group Blog
All Blog Link |
|||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |