มารู้จัก"รองช้ำ"กันเถอะ
ไม่ทราบว่าเพื่อน ๆ ที่นี่มีใครเคยเป็น "รองช้ำ" กันบ้างหรือเปล่าเอ่ย ส่วนตัวเราเองยังไม่เคยเป็นนะคะ แต่พอดีว่าได้ยินญาติข้าง ๆ บ้าน บ่น ๆ ว่าเป็น "รองช้ำ" ก็เลยเกิดอาการสงสัยว่า เอ๊ะ .... รองช้ำ นี่มันคืออะไรกันหนอ ?
รองช้ำ หมายถึง การมีจุดปวดบนเท้า เช่น ที่ส้นเท้าเวลาเดินลง น้ำหนัก โดยเฉพาะก้าวแรกหลังจากตื่นนอนตอนเช้า หรือนั่งนานๆ แล้วลุกขึ้นยืนเดิน โรคนี้มีการอักเสบ ปวดส้น ผังผืดฝ่าเท้า Placentar fascia สัมพันธ์กับการเดินลงน้ำหนักที่เท้า มักพบมี ความผิดปกติของการลงน้ำหนักที่เท้าร่วมด้วย
อาการของการเจ็บส้นเท้า/ฝ่าเท้า อาการที่พบคือปวดส้นเท้า หรือ ส่วนโค้งของเท้า และจะมีลักษณะเจ็บคล้ายๆกับมีของแหลมมาทิ่ม กล้ามเนื้อน่องจะมีอาการเกร็ง อาการจะเป็นมากในตอนเช้าหลังจาก ที่ตื่นนอน และจะเริ่มดีขึ้นเมื่อมีการบริหารฝ่าเท้า หรือบางครั้งอาการ ปวดจะมีขึ้นเมื่อยืนนานๆ ในกรณีที่เป็นมากอาจจะมีอาการปวดตลอด ทั้งวัน
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่ทำให้เป็นโรคนี้คือ ผู้ที่มีน้ำหนัก ตัวมากเกิน และผู้ที่เป็นโรคอ้วน / ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน พวกนักวิ่ง หรือผู้ที่ต้องใช้เท้ามาก ๆ/ ผู้ที่เป็นโรคเท้าแบน หรือว่าผู้ที่มีส่วนโค้ง ของเท้ามาก
โรคนี้ไม่ถึงกับเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ควรได้รับการรักษาเนื่องจาก กระทบการเทือนต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วย การรักษาสามารถ ทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการโดย
อาจจะหยุดกิจกรรมที่ต้องทำการใช้เท้านานๆ สามารถที่จะช่วย ให้ผู้ป่วยหายจากอาการปวดนี้ได้ รวมไปถึงการวิเคราะห์ถึง สภาพกิจกรรมหรือร่างกายที่ผ่านมาว่า มีส่วนทำให้เป็นโรคนี้ ได้หรือไม่เช่นน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น หรือการฝึกวิ่งที่หักโหม มากเกินไป
ใช้ Ice Packs เป็นการใช้ความเย็นช่วยในการรักษาการอักเสบของ เส้นเอ็น โดยนำ Ice packs เข้าไปประคบฝ่าเท้าหลังการทำกิจกรรม การยืดกล้ามเนื้อ เป็นเวลา 10-15 นาที หรืออาจจะใช้วิธีการออก กำลังกายก็จะช่วยได้เช่นกัน
ใช้แผ่นรองรองเท้า เพราะการใช้แผ่นรองรองเท้าที่ดีนั้นจะช่วย ลดแรงกระแทกที่ฝ่าเท้ากระทำกับเข้ากับพื้นรองเท้า ในกรณี ที่ใช้แผ่นรองรองเท้าที่ทำแค่เฉพาะเท้าของผู้ป่วยนั้น ก็จะยิ่ง ช่วยลดแรงกระแทกได้
หรือถ้าใช้วิธีต่าง ๆ แล้วอาการไม่ดีขึ้น ยังคงมีอาการปวดอยู่แนะ ว่าให้ลองผ่าตัด ซึ่งการฝ่าตัดจะถูกใช้เมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษา ด้วยวิธีอื่นๆแล้ว แต่ว่าอาการปวดก็ยังคงอยู่ แต่วิธีนี้ไม่ค่อยจะนำ มาใช้ในการรักษาเท่าไหร่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการ และคำวินิจฉัย ของแพทย์
Create Date : 02 ตุลาคม 2551 |
|
0 comments |
Last Update : 2 ตุลาคม 2551 9:48:55 น. |
Counter : 1281 Pageviews. |
|
|
|