กุหลาบแวร์ซายส์ , Lady Oscar , La Rose de Versailles , The Rose of Versailes , Berusai No Bara
|
||||
ตอนที่ 20(1) แฟร์ซอง , บทกวีแห่งการจากลา (Fersen , a Farewell Rondeau) ในทุกๆค่ำคืน ความสัมพันธ์ของพระนางมารีอังตัวเน็ต และลอร์ดแฟร์ซองขุนนางสวีเดน ยังคงดำเนินต่อไปอย่างลับๆ เมื่อมีโอกาสพวกเขาก็จะแอบมาพลอดรักกันภายในสวนของพระราชวังแวร์ซายส์เสมอๆ ในคืนนี้ก็เช่นกัน เขาทั้งคู่อยู่ด้วยกันจนฟ้าเริ่มสาง แสงอ่อนๆของพระอาทิตย์เป็นสัญญาณของการจากลา หมอกในยามเช้าช่วยปกคลุมร่างของคนทั้งคู่จากสายตาของคนอื่นๆ ทั้งคู่กอดกันด้วยความอาลัยเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มีโอกาสอยู่กันสองต่อสองอีก อังตัวเน็ต : “ทำไมถึงได้เช้าเร็วจังนะ? ฉันต้องกลับแล้วล่ะ...” แฟร์ซอง : “หม่อมชั้นไม่อยากให้พระนางไปเลย ต่อให้พระอาทิตย์ขึ้นและคนทั่วทั้งฝรั่งเศสมาเห็นเราสองคนอยู่ด้วยกัน หม่อมชั้นก็ไม่อยากให้พระนางไป” พระนางอังตัวเน็ตน้ำตาคลอเบ้า เพราะไม่อยากที่จะจากแฟร์ซองไปเช่นกัน แฟร์ซอง : “ได้โปรดอย่าร้องไห้เลย ถ้าหม่อมชั้นเห็นน้ำตาของพระนางแล้ว หม่อมชั้นก็เหมือนกับตกอยู่ในนรก...จนกว่าจะได้พบกันอีกครั้ง ได้โปรดยิ้มให้หม่อมชั้น ยิ้มให้เหมือนดั่งสายลมของฤดูใบไม้ผลิเหมือนที่พระนางเคยทำ” พระนางอังตัวเน็ตฝืนยิ้มออกมาทั้งน้ำตา และทั้งคู่ก็ต้องจากลากันด้วยความเจ็บปวด แฟร์ซองขี่ม้าออกจากพระราชวังแวร์ซายส์ไปที่บ้านของออสการ์และชวนออสการ์ซ้อมฟันดาบเพื่อระบายความอัดอั้นภายในใจ วันเวลาผ่านไปพวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ผมหยักโศกสีทองของออสการ์ยาวถึงกลางหลัง รูปร่างผอมเพรียวแต่ก็ยังดูสง่างาม ส่วนอังเดรจากผู้ชายตัวเล็กเท่าๆกับออสการ์ก็กลับสูงใหญ่ รูปร่างกำยำล่ำสันคมเข้มขึ้น ผมหยักโศกสีน้ำตาลเกือบดำยาวถูกรวบไว้ด้านหลังเหมือนเดิม ออสการ์และแฟร์ซองซ้อมดาบกันในสวนหลังบ้าน โดยมีอังเดรนั่งดูอยู่ใกล้ๆ พร้อมกับกัดแอปเปิ้ลในมืออย่างสบายอารมณ์ หลังจากซ้อมดาบเสร็จ ออสการ์ก็ชวนแฟร์ซองเข้ามาดื่มชาในบ้าน แฟร์ซอง : “ฉันไม่ได้มีเรื่องอะไรจะคุยเป็นพิเศษหรอกนะ ฉันแค่อยากจะมาซ้อมดาบบ้างเท่านั้น ขอบคุณนะ ฉันได้ออกกำลังกายอย่างดีเลย” แฟร์ซองพยายามปกปิดความทุกข์ในหัวใจเอาไว้และเขาก็หันไปหาอังเดรที่นั่งกินแอปเปิ้ลอยู่ที่บันได แฟร์ซอง : “โอ้ อังเดร เธอเคยพูดถึงบาร์ถูกๆในปารีสนี่! เธอจะพาฉันไปที่นั่นบ้างได้มั้ย? ไปดื่มกันซักครั้ง” แฟร์ซองขอตัวกลับก่อน ออสการ์และอังเดรจึงออกมาส่งเขาที่หน้าบ้าน แฟร์ซองกระโดดขึ้นหลังม้า แต่ออสการ์ก็อยากจะชวนให้เค้าอยู่ต่อ ออสการ์ : “แฟร์ซอง เราเตรียมอาหารเย็นไว้ให้ท่านด้วยนะ ทำไมไม่อยู่ต่ออีกซักหน่อยล่ะ?” แฟร์ซอง : “ไม่ล่ะ ขอบใจ เอาไว้คราวหน้านะ ฉันสัญญา” แล้วเขาก็ขี่ม้าจากไป อังเดรโยนแอปเปิ้ลลูกหนึ่งให้ออสการ์ อังเดร : “พาเค้าไปบาร์ถูกๆในปารีสน่ะหรอ! พวกขุนนางจะถูกโยนออกจากบาร์ภายในเวลาไม่เกิน 5 นาทีน่ะสิ!” อังเดรหยิบแอปเปิ้ลอีกลูกขึ้นมากินต่อ ออสการ์และอังเดรกลับเข้ามาในห้องรับแขก ออสการ์ยืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง อังเดร : “ทั่วทั้งเมืองมีแต่ข่าวลือเรื่องพระราชินีอังตัวเน็ตและคนรักของเธอ ชายสวีเดนที่หญิงสาวต่างพากันหลงใหล “ความรักต้องห้าม” ที่ลุกโชนทุกๆคืนในแวร์ซายส์! ข่าวลือจากปากต่อปากถูกใส่สีตีไข่จนเกินจริงได้แพร่กระจายไปทั่ว ฉันไม่เคยเห็นเค้าท์แฟร์ซองเป็นแบบวันนี้มาก่อนเลย เขาดูทุกข์ทรมานในสิ่งที่เค้าทำ แต่เค้าก็ทำอะไรไม่ได้ ทำไมเขาถึงต้องตกอยู่ในความรักที่เจ็บปวดด้วย? อะไรคือความเจ็บปวดเพื่อให้ได้ความรักและการถูกรัก ยังมีความรักอีกมากมายที่ไม่สามารถเปิดเผยออกมาได้” ออสการ์ได้ยินคำพูดเช่นนั้นเธอก็หันกลับมาหาอังเดรทันที และชวนเขาออกไปซ้อมดาบเพื่อระบายอารมณ์ ออสการ์ : “ไปเอาดาบมา อังเดร ไปที่สวนหลังบ้าน” ออสการ์และอังเดรออกมาที่สวนหลังบ้านถือดาบคนละเล่ม ออสการ์ : “อังเดร วันนี้ฉันจะไม่ออมมือให้แล้วนะ!” อังเดร : “ดี ฉันก็อยากให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ออสการ์” ทั้งคู่เข้าฟันดาบกันอย่างไม่มีใครยอมใครเหมือนเช่นเคย อังเดรรู้ดีว่าภายในใจของออสการ์นั้นรู้สึกอย่างไรกับแฟร์ซอง เขาได้แต่ภาวนาในใจว่า อังเดร : “ออสการ์ ลืมแฟร์ซองซะ! ไม่ใชสิ ฉันอยากให้เธอลืม...ได้โปรดเถอะ” ในอีกมุมหนึ่งของกรุงปารีส มีชายจรจัดตาเดียวผู้หนึ่งที่คอยเล่นดนตรีคลอเคล้ากับบทกวีที่เขาแต่งขึ้นจากชีวิตจริง ที่สะท้อนความเป็นอยู่และเหตุการณ์ต่างๆในขณะนั้น ให้ผู้คนชนชั้นรากหญ้าที่ผ่านไปผ่านมาได้ฟังกัน “ไวน์เพียงแก้วเดียวเท่านั้น นี่คือชีวิตของฉัน! ไม่มีความรัก ไม่มีความโรแมนติก นี่คือสิ่งที่ฉันทำหลังจากทำงานมาทั้งวัน... แค่ไวน์แก้วเดียว นี่คือชีวิตของฉัน! ไม่มีความรัก ไม่มีความโรแมนติก ฉันมีแต่หนี้สินและครอบครัวที่หิวโหย นั่นคือทั้งหมดที่ฉันมี ใครบ้างรู้จักแวร์ซายส์? เจ้าหญิงจากออสเตรียหรอ? คบชู้สู่ชายกับขุนนางสวีเดนหรอ? พวกเราไม่เคยได้ยินมันเลย พวกเราไม่สนใจแวร์ซายส์ เราสนแค่ไวน์ แค่เพียงไวน์เท่านั้น” ชีวิตความเป็นอยู่ของสามัญชนช่างแตกต่างจากชีวิตของขุนนางในพระราชวังแวร์ซายส์อย่างสิ้นเชิง ตอนเที่ยงของวันหนึ่งพระนางมารีอังตัวเน็ตได้จัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันขึ้นภายในสวนของพระราชวังแวร์ซายส์ โดยเชิญเหล่าสตรีชนชั้นสูงและขุนนางทั้งหลายมาร่วมในงานเลี้ยง รวมทั้งเค้าท์แฟร์ซองด้วย เสียงบรรเลงดนตรีคลาสสิคดังพอจะกลบเสียงของเหล่าสตรีชนชั้นสูงที่ต่างพากันจับกลุ่มซุบซิบนินทาและคอยจับผิดพฤติกรรมของพระนางอังตัวเน็ตทุกฝีก้าว ผู้หญิง : “ว้าว ดูงานเลี้ยงอาหารกลางวันนั่นสิ! เกิดอะไรขึ้นกับเค้าสองคนหรอ?! เธอมาแล้วนั้นไงๆ เธอเดินมานั่นแล้ว!” พระนางอังตัวเน็ตเดินเข้ามากลางงานเลี้ยงและกล่าวต้อนรับแขกในงาน อังตัวเน็ต : “ยินดีต้อนรับสู่งานเลี้ยงอาหารกลางวัน ขอให้สนุกนะทุกคน” พระนางกวาดสายตาไปรอบๆงาน แล้วสายตาของพระนางก็ไปหยุดอยู่ที่เค้าท์แฟร์ซองโดยที่ไม่สามารถข่มความรู้สึกข้างในใจได้ ผู้หญิง : “นั่นๆ เธอเดินเข้าไปหาเค้าท์แฟร์ซองแล้ว! โอ้” แต่เพื่อรักษาเกียรติของตัวเองพระนางจึงต้องฝืนใจทำเป็นไม่สนใจแฟร์ซอง แต่ก็ไม่สามารถรอดหูรอดตาของเหล่าสตรีในงานไปได้ ผู้หญิง : ”เธอเสแสร้งนี่! ทุกคนรู้เรื่องของพวกเค้าหมดแล้ว ไม่ใช่แค่ในแวร์ซายส์นะ แต่ทั่วทั้งฝรั่งเศสเลยแหละ!” เมื่อสบโอกาสเขาทั้งคู่จึงนัดพบกันอีกเช่นเคย อังตัวเน็ต : “แฟร์ซอง ฉันจะไปพบเธอที่ Temple of love คืนนี้!อย่าลืมนะ!” แฟร์ซอง : “แน่นอน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หม่อมชั้นก็จะไปที่นั่นให้ได้!” ในช่วงบ่ายหลังจากงานเลี้ยงอาหารกลางวันเสร็จสิ้นลง พระนางอังตัวเน็ตได้เรียกออสการ์ให้มาเข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัว ระหว่างทางที่ออสการ์เดินไปที่ห้องรับแขกของพระนางอังตัวเน็ตนั้น เธอก็ยังคงได้ยินคำซุบซิบนินทาต่างๆนานา ของเหล่าสตรีในวัง ผู้หญิง : “ฝ่าบาททรงทำยังไงรู้มั้ย? เธอไม่พูดกับลอร์ดแฟร์ซองเลย” “ก็ใช่น่ะสิเธอต้องนึกถึงสถานะของตัวเองด้วย ถ้าพระราชารู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็...” “ชู้ว ชู้ว อย่างเสียงดังสิ!” ออสการ์เดินมาถึงห้องรับแขกของพระนางอังตัวเน็ตและเข้าไปข้างใน ซึ่งพระนางอังตัวเน็ตได้นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ออสการ์ปิดประตูและโค้งคำนับต่อหน้าพระนาง ออสการ์ : “ฝ่าบาทเรียกหม่อมชั้นหรือพะยะค่ะ?” พระนางอังตัวเน็ตสั่งให้นางกำนันที่อยู่ในห้องออกไปข้างนอกก่อน อังตัวเน็ต : “พวกเธอออกไปก่อน” นางกำนัน : “เพคะ ฝ่าบาท” ทันทีที่นางกำนันทั้งหมดออกไปจากห้อง บุคลิก ท่าทางและสีหน้าของพระนางอังตัวเน็ตก็เปลี่ยนไปทันที น้ำตาของพระนางไหลลงมาอาบแก้ม พระนางใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างปิดพระพักต์ของตัวเองและร้องไห้ออกมา อังตัวเน็ต : “เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ฉันเชื่อใจได้ ออสการ์! ฉันจะขอร้องอะไรเธอหน่อยได้มั้ย? และเธอก็เป็นเพียงคนเดียวที่จะเก็บความลับนี้ไว้ได้ ได้โปรด ช่วยไปบอกเค้าด้วยว่าคืนนี้ฉันไปพบเค้าไม่ได้ ฉันลืมไปว่าคืนนี้เพื่อนของฝ่าบาทจะมาเยี่ยม ฉันจะต้องรับรองแขกกับฝ่าบาททั้งคืน ได้โปรดบอกให้เค้ายกโทษให้ฉันด้วยนะ! ตอบว่าได้สิ ออสการ์! มิเช่นนั้นฉันคงจะไม่สามารถสู้หน้าเธอได้อีก!” ออสการ์เดินเข้าไปจับมือทั้งสองข้างของพระนางอังตัวเน็ตเอาไว้ในขณะที่พระนางยังคงก้มหน้าไม่กล้าที่จะสบตาออสการ์เพราะความละอายใจ ออสการ์ : “ได้โปรดเปิดพระพักตร์เถอะฝ่าบาท หม่อมชั้นจะปฏิเสธคำขอร้องของฝ่าบาทได้อย่างไรกัน?” พระนางอังตัวเน็ตได้ยินดังนั้นก็รู้สึกดีใจที่ออสการ์ยอมช่วยเหลือเธอ อังตัวเน็ต : “อ๊า ออสการ์ เธอคนเดียวเท่านั้น! ในขณะที่คนอื่นๆพากันซุบซิบนินทาฉัน มีแต่เธอคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ข้างฉัน!” ออสการ์เดินกลับออกมาจากวังด้วยจิตใจที่เศร้าหมอง ตรงไปที่ม้าของเธอซึ่งมีอังเดรคอยอยู่ อังเดร : “ออสการ์ ฝ่าบาทมีอะไรให้รับใช้หรอ?” อังเดรถามด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่มีคำตอบหรือคำพูดใดๆออกมาจากปากออสการ์ ออสการ์รีบควบม้าออกไปอย่างรวดเร็วโดยมีอังเดรตามไปติดๆ อังเดร : “เฮ้ ออสการ์ เป็นอะไรไป?!” ทันใดนั้นออสการ์ก็ขี่ม้ากระโดดข้ามกำแพงเตี้ยๆออกไปนอกเส้นทางที่จะกลับบ้าน และบอกกับอังเดรว่า ออสการ์ : “นายกลับไปก่อนเลย ฉันจะตามกลับไปทีหลัง!” |
Lady Oscar
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]
Group Blog All Blog
Friends Blog Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |