ตอนที่ 36(2) คำสำคัญคือ ‘ลาก่อน’ (The Watchword is ‘Au Revior’)
          ภายในปารีสเต็มไปด้วยการเดินขบวนประท้วงของประชาชนที่ต้องการขับไล่ทหารของกองทัพออกไป
ผู้ชุมนุม : “กลับไป! กลับไป!”
ในขณะที่เซนต์จัสเดินเข้าไปในปารีสนั้น เบอร์นาร์ดก็ได้แอบตามเขาไปเพื่อจับตาดูเซนต์จัส ตามที่โรเบสปิแอร์สั่งไว้ ระหว่างที่เซนต์จัสเดินอยู่ เขาก็รู้สึกได้ว่ามีคนติดตามเขามา เขาจึงเดินหลบเข้าไปในซอยเล็กๆซอยหนึ่ง แต่เมื่อมองทะลุไปในซอยเขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นออสการ์ อัลเลนและอังเดรซึ่งกำลังลาดตระเวนอยู่บนหลังม้า เขาจึงหยุดชะงักและแอบอยู่แถวนั้น
อัลเลน : “หัวหน้า มีพื้นที่เหลือไม่มากที่เราจะสามารถลาดตระเวนได้ ทหารของกองทัพประจำอยู่ทุกมุมถนนแล้ว พวกเราลาดตระเวนแค่รอบๆก็พอ”
ออสการ์ : “จะเกิดอะไรขึ้น? จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้? กับปารีสและประชาชน?” ออสการ์ถามด้วยความเป็นห่วงอนาคตของประเทศ
อัลเลน : “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีมันอาจจะเป็นจุดจบ นอกซะจากทหารจะถอนกำลังออกจากปารีส...”
ออสการ์ : “จลาจล เธอหมายความว่าอย่างนั้นใช่มั้ย?”
อัลเลน : “เรียกมันว่า การปฏิวัติ จะดีกว่า”
ออสการ์ : “การปฏิวัติหรอ?” ออสการ์รู้สึกตกใจที่ได้ยินคำนั้น เธอหันไปหาอังเดร อังเดรพยักหน้าตอบ
ออสการ์ : “การปฏิวัติ...”  แต่แล้วเธอก็รู้สึกเหมือนมีคนแอบมองมาจากด้านหลัง เธอจึงหันไปดู
อังเดร : “มีอะไรหรอออสการ์?”
ออสการ์ : “ฉันรู้สึกว่ามีคนแอบดูเราอยู่ตรงนั้น”
อังเดร : “ให้พวกเราไปดูมั้ย?”
ออสการ์ : “ไม่ต้องหรอก ฉันอาจจะคิดไปเอง” ระหว่างที่เซนต์จัสแอบอยู่ในซอยนั้นเอง เขาก็เห็นเบอร์นาร์ดที่แอบเดินตามเขามา เซนต์จัสจึงหลบเพื่อให้เบอร์นาร์ดเดินผ่านไปก่อน เบอร์นาร์ดเดินผ่านไปโดยไม่เห็นเซนต์จัสและไม่รู้ว่าเซนต์จัสรู้ตัวแล้ว
ส่วนออสการ์ อังเดร อัลเลน นั้นก็ขี่ม้าลาดตะเวนในปารีสต่อ จนมาเจอกับกองทหารราบพร้อมอาวุธ ที่ทำการปิดถนนไว้
ทหารกองทัพ : “หยุด! จัตุรัสปลาส ว็องโดม ข้างหน้านั่นถูกปิดแล้ว ไปใช้ทางอื่น!” ทหารของกองทัพไม่ยอมให้พวกเขาผ่านไป
ออสการ์ : “พวกเรากำลังลาดตระเวนในปารีส ให้พวกเราผ่านเถอะ”
ทหารกองทัพ : “กลับไป! มันอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทหารราบ ไม่จำเป็นต้องลาดตระเวน!” ทหารคนนั้นตะคอกใส่พวกเขา
อัลเลน : “เฮ้ เฮ้ พอได้แล้ว นายไม่เห็นเครื่องแบบนี่หรอ? พวกเราก็เป็นทหารฝรั่งเศสเหมือนกัน”
ทหารกองทัพ : “ฉันได้รับคำสั่งว่า ไม่ให้ใครผ่านทั้งนั้น! กลับไป!” ทหารคนนั้นยังคงตะคอกกลับ อัลเลนจึงรู้สึกโมโหขึ้นมา เขาลงจากหลังม้าแล้วเดินเข้าไปดึงคอเสื้อทหารคนนั้น
อัลเลน : “ไอ้งี่เง่าเอ๊ย! ทำไมไม่หลีกทางไปเล่า?”
ออสการ์ : “อย่าเลย อัลเลน พวกเราแค่อ้อมไปทางอื่น” ออสการ์พยายามห้ามอัลเลน
อัลเลน : “ก็ได้ หัวหน้า” ก่อนที่อัลเลนจะปล่อยทหารคนนั้น เขากลับตีเข่าไปที่ท้องของทหารคนนั้นจนล้มทรุดไป “เป็นอะไรไป? ปวดท้องหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า จำไว้นะ อย่ามาซ่าในปารีส! พวกบ้านนอกควรกลับไปที่ฐานและเก็บกวาดหน่วยเน่าๆของพวกแกซะ!” อัลเลนพูดท้าทายทหารเหล่านั้น จนทหารพวกนั้นรู้สึกโกรธมาก
ทหารกองทัพ : “อะไรนะ?! จัดการมันเลย!” อัลเลนและทหารกลุ่มนั้นวิ่งเข้าต่อยตีกัน
ออสการ์ : “อย่านะ อัลเลน!”  ออสการ์พยายามห้ามแต่อัลเลนก็ไม่ฟัง
จนในที่สุด ออสการ์ อังเดร อัลเลน ก็ออกมาจากตรงนั้น โดยที่อัลเลนโดนตีจนน่วมทั้งตัว พวกเขาขี่ม้ามาแวะริมแม่น้ำในเมือง อัลเลนเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามแผลบนใบหน้าของเขาแล้วร้องโอดโอยด้วยความเจ็บโดยมีอังเดร และออสการ์คอยดูอยู่ห่างๆ
อัลเลน : “โอ้ย โอ้ย...”
อังเดร : “นายโอเคมั้ย อัลเลน?”
อัลเลน : “ไม่เป็นไรหรอก แค่ถลอก แต่ฉันไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มานานแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า”
ออสการ์ : “อัลเลน ไปรวมกับคนอื่นๆแล้วกลับไปที่ค่าย เหมือนที่เธอพูดนั่นแหละ การลาดตระเวนของพวกเราไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว” ออสการ์กำลังจะควบม้าออกไปแต่อัลเลนก็พูดทิ้งท้ายกับเธอว่า
อัลเลน : “หัวหน้า! เกี่ยวกับเรื่องที่เคยคุยกันไว้ ในกรณีที่เกิดการปฏิวัติ ประชาชนจะชนะ อย่างที่ท่านเห็นนั่นแหละ ทหารจะไม่สามัคคีกัน ไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะประชาชนผู้ต่อสู้กับความหิวโหยมานานได้หรอก” จากคำพูดนั้นเอง ทำให้ออสการ์ตระหนักถึงความโหดร้ายที่จะเกิดขึ้นตามมา
 
         ในขณะนั้นเบอร์นาร์ดกำลังเดินตามหาเซนต์จัสโดยที่ไม่รู้ว่า ตอนนี้เซนต์จัสรู้ตัวแล้วและกำลังย้อนกลับมาตามเขาแทน เซนต์จัสจึงแอบไปดักรอเบอร์นาร์ดอยู่ในซอยเล็กๆซอยหนึ่งที่ปลอดผู้คน เมื่อเบอร์นาร์ดเดินมาถึง เขาจึงแสดงตัวออกมา
เซนต์จัส : “นายกำลังตามใครอยู่หรอ เบอร์นาร์ด? ไม่ใช่ฉันใช่มั้ย? เราทั้งคู่ต่างเป็นสาวกของโรเบสปิแอร์ มันไม่ดีที่จะมาคอยตามพวกเดียวกันเอง ฉันไม่ชอบ” ทันใดนั้นเอง เซนต์จัสก็ชักมีดสั้นออกมาพยายามจะแทงเบอร์นาร์ด แต่เบอร์นาร์ดจับแขนของเขาไว้ได้ทัน
เบอร์นาร์ด : “ฟังนะ เซนต์จัส! โลกกำลังจะเปลี่ยนไปเร็วๆนี้ มันเป็นเรื่องธรรมชาติเหมือนใบไม้หล่นในฤดูใบไม้ร่วง ทำไมท่านไม่รอล่ะ?
เซนต์จัส : “ฉันจะขอถามอะไรนายหน่อย นายรู้มั้ยว่าโรเบสปิแอร์จะทำอะไรหลังจากนี้?”
เบอร์นาร์ด : “ปฏิวัติ เพื่อสร้างสถานะที่เท่าเทียมกับอธิปไตยของประชาชน!”
เซนต์จัส  : “นายมันเป็นนักอุดมการณ์ ไร้เดียงสามาก เป้าหมายที่แท้จริงของโรเบสปิแอร์คือ อำนาจ ด้วยการสนับสนุนของประชาชนเขาก็จะได้นั่งอยู่บนจุดสูงสุด! การปฏิวัติหรอ? เพื่อประชาชนหรอ? โรเบสปิแอร์ก็ไม่ต่างอะไรกับโอเลียนหรอก”
เบอร์นาร์ด : “ท่านไม่เชื่อใจเขาหรอ? ก็จริงอยู่ที่เขากำลังพูดถึงการเป็นผู้นำในตอนนี้แต่ไม่ใช่เพื่ออำนาจของตัวเอง!”
เซนต์จัส : “หยุดนะ ไม่มีใครซักคนที่ฉันเชื่อใจได้! ไม่ว่าประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนไปยังไงหรือยุคใหม่จะไปทางไหนก็ตาม คนเราทุกคนเกิดมาแล้วก็ต้องตาย เพราะฉะนั้นในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนก็นึกถึงแต่ตัวเองทั้งนั้น ฉันแค่อยากทำในสิ่งที่ฉันอยากจะทำ!”
เบอร์นาร์ด : “ก่อการร้ายคือสิ่งที่นายต้องการงั้นหรอ?”
เซนต์จัส : “ใช่! ก็ยังดีกว่าการเป็นผู้นำปราศรัย มันเหมาะกับฉันมากกว่า แล้วนายจะได้เห็น เบอร์นาร์ด เขาพูดถึง การเจรจาต่อรอง หรือ สภานิติบัญญัติ แต่แท้ที่จริงแล้วเขากำลังรอโอกาสที่จะฆ่าชนชั้นพิเศษด้วยเหตุผลอันชอบธรรม ในความรู้สึกของฉันแล้ว เขาคือผู้ก่อการร้ายขนาดใหญ่ที่ฉันไม่สามารถเทียบเขาได้เลย! ฮ่าฮ่าฮ่า” เซนต์จัสพยายามพูดให้เบอร์นาร์ดนั้นแตกคอกับโรเบสปิแอร์ แล้วเขาก็เดินจากไป
 
                เมื่อพระนางอังตัวเน็ตทราบว่า ฌัก แนแกร์พยายามทำให้พระราชาสนับสนุนสมัชชาแห่งชาติ เธอก็รู้สึกโกรธมาก
อังตัวเน็ต : “รัฐมนตรีคลัง ฌัก แนแกร์ ท่านไม่เพียงแต่ละทิ้งหน้าที่ของรัฐมนตรีที่รับผิดชอบการเงินเท่านั้น พฤติกรรมของท่านยังดูหมิ่นนโยบายของฝ่าบาทอีกด้วย เราไม่สามารถยอมได้อีกแล้ว จากนี้ไปห้ามท่านเข้ามาในแวร์ซายส์อีก” พระนางอังตัวเน็ต ไล่ฌัก แนแกร์ออกจากวัง ต่อหน้าขุนนางในห้องประชุม
ข่าวการถูกปลดของรัฐมนตรีคลัง แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจราชวงศ์เป็นอย่างมาก
ผู้ชุมนุม : “ฌัก แนแกร์ ถูกปลดแล้ว! รัฐมนตรีคลังถูกไล่ออกแล้ว!” บนท้องถนนเกิดความวุ่นวายขึ้น จนออสการ์เองก็สังเกตเห็นได้
เมื่อโรเบสปิแอร์รู้ข่าวร้ายนี้ เขาก็รู้สึกโกรธมาก เขาจะยอมไม่ได้อีกต่อไป เขาจึงเริ่มปลุกระดมให้ประชาชนลุกขึ้นสู้
โรเบสปิแอร์ : “สหาย บอกประชาชนทุกคนว่า ในที่สุดพระราชาก็เริ่มกดขี่ผู้รักชาติแล้ว ตามอย่างของฌัก แนแกร์ การสังหารหมู่กำลังจะเริ่มขื้นแล้ว และอย่าลืมเพิ่มเติมด้วยว่า พวกเราควรจับอาวุธและต่อสู้! ถึงเวลาลุกขึ้นแล้ว!” โรเบสปิแอร์สั่งลูกน้องของเขา
ลูกน้องโรเบสปิแอร์ : “ท่านครับ ท่านฌัก แนแกร์ไม่ได้ถูกสังหารนะครับ เขาถูกกักตัวอยู่ในบ้านพัก”
โรเบสปิแอร์ : “ทำอย่างที่ฉันบอก!”
ลูกน้องของโรเบสปิแอร์ที่เป็นแกนนำการชุมนุม เริ่มปลุกระดมประชาชนตามท้องถนน
แกนนำชุมนุม : “ประชาชนทั้งหลาย! ในที่สุดพระราชาก็ท้าทายพวกเรา! ถึงเวลาลุกขึ้นแล้ว! จับอาวุธขึ้นมา! พวกเราไม่ควรใช้มือเปล่าต่อกรกับอำนาจของพวกเขา!”
ผู้ชุมนุม : “ใช่! ทหารของพระราชาเตรียมพร้อมตลอดเวลา คืนนี้เขาจะสังหารคนที่รักชาติ! ไปเอาอาวุธมา! แสดงพลังของพวกเรา!” “โรเบสปิแอร์กำลังจะกล่าวคำปราศรัย เขาจะพูดที่ St. Germaine!”
ประชาชนจำนวนมากต่างมุ่งหน้าไปที่ ที่ St. Germaine เพื่อฟังคำปราศรัยของโรเบสปิแอร์
โรเบสปิแอร์ : “ฉันมีแค่ 2 มือ แต่แรงผลักดันและความกล้าหาญสำหรับประเทศของฉันกำลังลุกเป็นไฟ เหมือนกองเพลิงขนาดใหญ่ที่จะสามารถเผาพระราชวังแวร์ซายส์ให้ไหม้เป็นจุลได้! ประชาชนทั้งหลาย จงจับมือกัน! สู้ไปด้วยกัน!” เสียงประชาชนโห่ร้องสนับสนุนอย่างกึกก้อง
เบอร์นาร์ดเองก็ได้ร่วมฟังคำปราศรัยของโรเบสปิแอร์พร้อมกับประชาชน เขาคิดถึงคำพูดของเซนต์จัสที่พูดกับเขา
เซนต์จัส : “แล้วนายจะได้เห็น เบอร์นาร์ด เขาพูดถึง การเจรจาต่อรอง หรือ สภานิติบัญญัติ แต่แท้ที่จริงแล้วเขากำลังรอโอกาสที่จะฆ่าชนชั้นพิเศษด้วยเหตุผลอันชอบธรรม ในความรู้สึกของฉันแล้ว เขาคือผู้ก่อการร้ายขนาดใหญ่ที่ฉันไม่สามารถเทียบเขาได้เลย!”
แต่เบอร์นาร์ดคิดว่า “ไม่ใช่ เซนต์จัส คนอย่างโรเบสปิแอร์ไม่ทำอย่างนั้นหรอก สิ่งสำคัญคือประชาชนจะยืนหยัดหรือไม่ เพื่อตัวของพวกเขาเอง!”
ประชาชนทั้งหลายได้ฟังคำปราศรัยของโรเบสปิแอร์ ทุกคนต่างพากันลุกฮือไปหยิบอาวุธเท่าที่พวกเขาจะหาได้ “ไปเอาอาวุธมา!”
 
                ด้วยสถานการณ์ที่เริ่มจะเลวร้ายนั้นเอง ออสการ์ไม่สามารถจะนิ่งเฉยได้ เธอต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อหยุดมัน เธอจึงรีบไปเข้าเฝ้าพระนางอังตัวเน็ตเพื่อขอร้องให้อังตัวเน็ตถอนกำลังออกจากปารีส ออสการ์คุกเข่าต่อหน้าพระนาง
ออสการ์ : “ได้โปรดรับสั่งถอนกำลังทหารออกจากปารีสเถอะพะยะค่ะ ราชวงศ์จะต้องไม่ฆ่าประชาชนของตัวเอง!” ออสการ์ขอร้องพระนางอังตัวเน็ตด้วยสีหน้าจริงจัง
อังตัวเน็ต : “ออสการ์ ถ้ามันเกิดขึ้น เธอจะยังปกป้องฉันอยู่มั้ย?”
ออสการ์ : “หม่อมชั้น...ไม่ใช่ทหารองครักษ์อีกต่อไปแล้ว” แล้วน้ำตาของทั้งคู่ก็เอ่อล้นออกมา พระนางอังตัวเน็ตรู้คำตอบแล้วโดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆอีก
ออสการ์ : “ได้โปรดถอนกำลังเถอะฝ่าบาท! ราชวงศ์จะต้องไม่หันปากกระบอกปืนไปที่ประชาชน!” ออสการ์ขอร้องพระนางจากใจจริง
อังตัวเน็ต : “ฉัน..ทำอย่างนั้น..ไม่ได้ ออสการ์” อังตัวเน็ตปฏิเสธ ออสการ์ได้แต่โค้งคำนับ แล้วหันหลังเดินออกไปด้วยความเสียใจ
อังตัวเน็ต : “ออสการ์! ทำไมเธอถึงร้องไห้ล่ะ? เหมือนว่า..เราจะไม่ได้พบกันอีก” ออสการ์ไม่ได้หันกลับมา
อังตัวเน็ต : “ ลาก่อน...”
ออสการ์ : “ลาก่อน...”
                Au Revior หมายถึง ลาก่อน แล้วพบกันใหม่ แต่ทั้งอังตัวเน็ตและออสการ์ต่างรู้ดีแก่ใจว่า พวกเขาจะไม่ได้พบกันอีก มิตรภาพที่ยาวนานไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคของการเป็นราชินีของประเทศได้
จบตอนที่ 36



Create Date : 05 มีนาคม 2563
Last Update : 18 มีนาคม 2563 14:18:34 น.
Counter : 777 Pageviews.

0 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณnewyorknurse

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Lady Oscar
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]



New Comments
มีนาคม 2563

1
4
6
8
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog