พิพิธภัณฑ์ทหาร Musée de l'armée ตอนที่ 1
หลังจากไปวิ่งเล่นที่ปารีสมา ก็ได้ถ่ายรูปมาเยอะแยะ และหนึ่งในนั้นที่พลาดไม่ได้สำหรับนักเรียนประวัติศาสตร์ทหารอย่างเราก็ต้อง....

ใช่แล้ววว....พิพิธภัณฑ์ทหารนั้นเอง จริงๆมันเป็นผลพลอยได้จากอยากไปดูหลุมศพนโปลิอง แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นป้าย



มันคือพิพิธภัณฑ์ทหาร โอ้ววว นโปลิองเอาไว้ก่อนละกัน ฮ่าา วิ่งเข้าไปโดยเร็ว
พิพิธภัณฑ์ทหารนี้เปิดทุกวันตั้งแต่สิบโมงเช้า ยกเว้นวันจันทร์แรกของทุกเดือน วันที่ 1 มกราคม (วันปีใหม่) วันที่ 1 พฤษภาคม (วันแรงงาน) และวันที่ 25 ธันวาคม (วันคริสมาส)

สำหรับค่าเข้าชม ไม่รู้ รู้แต่เราเข้าฟรี เพราะนักศึกษาที่เรียนในประเทศฝรั่งเศสทุกคนจะเข้าพิพิธภัณฑ์ส่วนมากฟรี

พอเข้าไปจะเจอกับ



แผนที่ภายในอาคาร โดยจะแบ่งเป็น (แปลจากขวาล่าง วนขึ้นมา, แล้วต่อด้วยซ้ายบนลงมาข้างล่างนะคะ) อาวุธและยุโธปกรณ์ (สมันยุคกลาง), สมัยมหาสงครามโลกทั้งสอง, ร้านกาแฟและขายของที่ระลึก, หลุมศพของนโปลิอง, ที่ซื้อตั๋ว, โบสท์เซนต์หลุย, อาวุธและเครื่องแบบ, พื้นที่เฉพาะของพระเจ้าหลุย์ที่ 14 (กษัตริย์แห่งสงคราม) และชาล์ เดอ โกล, ที่ขายตั๋ว (อีกรอบ ขายแยกกับเข้าชมหลุมศพ) แล้วก็ส่วนต้อนรับ

พอเดินเข้ามาก็เจอปืนใหญ่วางเรียงราย (เหมือนอยู่หน้ากระทรวงกลาโหมไทยเลย แหะๆๆ)



และแล้วก็เข้าสู่โซนของอาวุธและยุโธปกรณ์ในศตวรรทที่ 13 - 17 พอเดินเข้าไปจะเจอทหารม้าออกมาต้อนรับดังภาพ



ภายในห้องจะเจอชุดเกราะสองชุดนี้ก่อนเลย เป็นชุดเกราะในช่วงประมาณปี 1510 ของ Poinçon de Niccolo Silva แห่ง Milan



ตามด้วยสองฝั่งผนังจะเป็นปืนและดาบในสมัยนั้นพร้อมคำอธิบายอย่างละเอียด (แต่เนื่องจากไม่มีเวลามากจึงจดคำอธิบายไม่ไหว อยากจดใจจะขาด ได้แต่ถ่ายรูปคำอธิบายมาบางอันมากเก็บไว้... แล้วอ่านไม่ออก)



ตู้เดียวกันแต่จากอีกด้าน



จากทั้งสองภาพข้างบนนะคะ คือภาพงานฝีมืออาวุธของอิตาลีสมัย ศตวรรทที่16 คะ

ต่อมาจะเป็นหน้ากากรูปแบบต่างๆนะคะ (Armet du comte Palatin, Armet à mézail humain)




ตามด้วยปืนทั้งหลายคะ






พอจบตรงนี้ก็ออกจากห้องโดยไว แล้วไปต่อใสส่วนของสงครามโลกกัน (อยู่ชั้นสอง) เจอกันต่อหน้านะคะ

ปล. ภาษาไทยพิมพ์ผิดเยอะตามเคย พยายามแก้ไขอยู่นะคะ



Create Date : 20 มีนาคม 2555
Last Update : 20 มีนาคม 2555 21:00:10 น.
Counter : 2156 Pageviews.

1 comment
ปืนใหญ่สมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
หลังจากที่อาจารย์สอนเรื่องอะไรไม่รู้เรื่องอีกแล้ว จึงต้องค้นคว้าหาข้อมูลจนได้เจออะไรที่น่าสนใจ (ก็ที่อาจารย์สอนอะแหละ) เลยขอเอามาแปลสรุปให้ตัวเองเข้าใจพร้อมทุกคนไปด้วยเลย

หัวข้อแรกวันนี้ว่าด้วยเรื่อง "ปืนใหญ่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง"

(หัวข้อแรกตามใจเจ้าของบล๊อกสุดๆ อาจจะเหมาะกับคนที่พอจะรู้เรื่องประวัติศาสตร์มาบ้างแล้วนะคะ)



ว่ากันตามประวัติศาสตร์

ในสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เยอรมันได้ผลิตปืนใหญ่ขนาด 210 mm อันแสนมีประสิทธิภาพ (ยิงได้ไกลถึง 132 กิโลเมตร) โดยคนฝรั่งเศสเรียกมันว่า Grosse BERTHA หรือ Le canon de paris (แปลตรงตัวสุดๆได้ว่าปืนใหญ่ของฝรั่งเศส) ถือว่าเป็นปืนใหญ่ที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุดในมหาสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยที่ปืนใหญ่ที่ว่านี่ ได้ทำการยิงปารีสจากระยะทางไกลถึง 127 กิโลเมตร ในเขตแดนเยอรมันที่เมือง Saint Gobain (เมืองในฝรั่งเศส)




โดยว่ากันว่า (ตามหนังสือ) เยอรมันได้เริ่มยิงเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 1918 ตอน เจ็ดโมงยี่สิบนาที และยิงต่อเนื่องจนถึงวันที่ 17 สิงหาคมในปีเดียวกัน จำนวนกระสุนทั้งสิ้น 230 นัดด้วยกัน (เรียนละเอียดกันขนาดนี้) เล่นยิงถล่มกันซะขนาดนี้ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า หลังจากสงครามโลกจบลง ไม่มีใครหาลำกล้องมันเจอ (ยาวซะขนาดนั้นเอาไปซ้อนที่ไหนเนี่ย คือแค่ส่วนลำกล้องก็ยาว 36 เมตรเข้าไปแล้ว)

เอาละจบแล้วเรื่องในตำรา

คราวนี้เรามาต่อด้วยเรื่องนอกตำรากันดีกว่า

มีเสียงค้านว่าไอ้ปืนใหญ่ที่ยิงปารีสในปี 1918 ไม่ใช่แค่ Grosse BERTHA อย่างที่เราๆเข้าใจกันนะ!! แต่ปารีสถูกยิงด้วยปืนใหญ่ทั้งหมดสามอัน สองอันแรกยิงมาจากป่า Saint Gobain ส่วนอันที่สาม (ไม่ระบุที่ตั้งซะงั้น) ยิงปารีสจากระยะทางไกลถึง 121 กิโลเมตร โดยที่บางคนบอกว่าบางที่มันมาจากเครื่องบิน บางก็บอกว่ามาจาก canon pneumatique (ปืนใหญ่ที่ใช้แรงลม? อันนี้ไม่แน่ใจภาษาไทยจริงๆๆนะคะ ถ้าผิดขอโทษด้วยใครรูปแนะนำหนูที่) แล้วฝ่ายฝรั่งเศสก็พยายามที่จะตอบโต้กลับไปบ้าง (หลังจากได้ยินเสียงปืนใหญ่ และเดาได้ว่ามันมาจากตรงไหน) แต่ก็ไม่เคยจะทำลาย (จริงๆๆเขาใช้คำว่าสัมผัส) Grosse BERTHA ได้เลย

และพอสัญญาสงบศึกถูกเซนต์ เยอรมันก็ขนย้ายปืนใหญ่อย่างไว (ว่ากันว่าถูกเอากลับไปที่โรงงานที่เป็นผู้ผลิตปืนตัวนี้ในเยอรมัน ชื่อ Krupp) เอกสารทั้งหมดถูกทำลาย เพื่อที่จะรักษาความลับของอาวุธสุดยอดนี้ไว้

ผลงานของปืนใหญ่ทั้งสามตัว ในการถล่มปารีสคือ ยิงไปรวม 351 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 256 คน บาดเจ็บ 620 คน

ที่มารูปและข้อมูลนิดหน่อย (เอามาไม่หมด)ส่วนแรก //koufra1941.skyrock.com/2574641625-Grosse-Bertha-Pariskanone.html

ข้อมูลส่วนที่สอง (ในหัวข้อนอกตำรา)//www.birgy14-18.com/histoire.htm


ปล. ตอนทำบล๊อกครั้งแรกกะจะเอาประวัติศาสตร์มาว่ารูปอธิบายน่ารักๆ ทำไมเนื้อหามันดันหนักได้ขนาดนี้เนี่ย... เอาเป็นว่าคราวหน้าจะพยายามใหม่นะคะ มีอะไรติชมได้นะคะ (เพราะเราไม่มีความรู้เรื่องอาวุธเลย อยู่ไทยไม่เคยสนใจ ต้องมาเรียนอะไรลึกๆแบบนี้ เรียกภาษาไทยไม่ถูกเหมือนกัน) ถ้ามีอะไรผิดพลาด ตกหล่น ขอโทษไว้ ณ ที่นี้เลยนะคะ



Create Date : 12 มีนาคม 2555
Last Update : 12 มีนาคม 2555 6:04:14 น.
Counter : 2293 Pageviews.

2 comment
Bienvenu-ยินดีต้อนรับ
ยินดีต้อนรับเพื่อนๆทุกคนสู่บล๊อกของเรานะคะ

เนื่องจากเราได้รับโอกาสมาเรียนประวัติศาสตร์ไกลถึงประเทศฝรั่งเศส เลยได้มีโอกาสได้เจอหนังสือดีดีมากมาย ที่ไม่ได้แปลเป็นภาษาไทย และก็ไม่ได้แปลเป็นภาษาอังกฤษ อีกทั้งภาพบางภาพก็น่าสนใจ (จะแอบสแกนมาลงถ้ามีเครื่องสแกน 55) เจ้าของบล๊อกเลยจะพยายามแปลมาลงบ้าง สรุปมาบ้าง ถ่ายรูปจากสถานที่จริงที่มีโอกาสได้ไปมาลงบ้าง หวังว่าเพื่อนๆจะมีความสุขไปกับการเรียนรู้ประวัติยุโรปนะคะ

ข้อมูลส่วนมากแปลมาจากภาษาฝรั่งเศส (ทุกครั้งที่เอามาจะมีเครดิตเอาไว้สำหรับคนที่อยากอ่านต้นฉบับ) ดังนั้นถ้ามีข้อผิดพลาดยังไง เจ้าของบล๊อกขอโทษมา ณ ที่นี่ด้วยนะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมคะ



Create Date : 10 มีนาคม 2555
Last Update : 10 มีนาคม 2555 2:32:54 น.
Counter : 624 Pageviews.


บะหมี่ต้มยำไม่ใส่ผัก
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]