เปตรา นครแห่งมนตราที่น่าไปเยือน~
ตั้งใจจะอัพเรื่องงาน แต่ยังหาวิธีถ่ายโอนไฟล์ภาพที่ถ่ายด้วยน้องแท็บมาลง sd card ไม่ได้เลยเด้อ ทั้ง ๆ ที่ปกติเวลาถ่ายรูปมันก็ลงในการ์ดให้อยู่แล้วนะ แต่ทำไมงวดหลัง ๆ นี่มันไม่ยอมลงให้น้อ ดันไปลงในหน่วยความจำเครื่องซะฉิบ
i'm not superman
...........
20 เมษายน 2554~ นครเปตรา นครแห่งมนตราที่น่าไปเยือน
เอาฟระ..อัพเรื่องงานไม่ได้ อัพเรื่องอื่นแทนละกันนิ
วันนี้หาข้อมูล "หนึ่ง" ในสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไปที่สุดในโลกของตัวเองมาให้ชมกันเฮ่าะ (จริง ๆ มีเยอะมากกว่าหนึ่งอ่ะ เป็นคนโลภมาก ฮี่ ๆ แต่ตอนนี้ขอแปะไว้เป็นหนึ่งเดียวในดวงใจก่อนละกันนิ)
เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนก็คงมี สถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไปเยือนมากที่สุดของตัวเองเหมือนกันอ่ะนะคะ
อิชั้นเอง นอกจากเตียงนอนหนานุ่ม ชีสเยอะ ๆ (เอ๊ย ๆ..ไม่ใช่แระ ) แล้ว สถานที่อีกแห่งนึงที่ตั้งใจไว้ว่า จะไปเยือน ไปเดินถ่ายรูปให้หนำใจให้ได้ในสักครั้งในชีวิตก็คงเป็นที่นี่ล่ะค่ะ
นครเปตรา ประเทศ จอร์แดน
นครเปตรา (จากภาษากรีก πέτρα แปลว่าหิน ภาษาอารบิก البتراء ) คือนครหินแกะสลักโบราณที่ซ่อนตัวอย่างลึกลับในหุบเขาวาดี มูซา หุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบเดดซีกับทะเลอัคบาในประเทศจอร์แดนค่ะ
นครนี้แต่เดิมนั้นเป็นนครแห่งการค้าขนาดใหญ่ซึ่งต่อมาถูกละทิ้งเป็นเวลานานกว่า 700 ปี จนเมื่อมีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท เดินทางผ่านมาพบเห็นเข้าเมื่อปี พ.ศ. 2355 (ค.ศ. 1812)
นครเปตราได้รับลงทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2528 โดยกล่าวอธิบายไว้ว่า "เป็นหนึ่งในสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งมวลมนุษยชาติ" (one of the most precious cultural properties of man's cultural heritage) [1] ปัจจุบันสามารถเดินทางเข้าไปโดยอาศัยม้าเท่านั้น
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 นครเปตราได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ของโลก จากการลงคะแนนทั่วโลกทั้งทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ
ภาพนี้น่าจะได้จากเลนส์ ฟิช อาย นะ
เฮ้อ..ใจละลาย ดูแต่ละภาพสิคะ ว่าสถานที่แห่งนี้มันน่าหลงใหลขนาดไหน
ผ่านมานับพันปีแล้ว แต่ก็ยังคงความสวยงามไว้ซะขนาดนี้ หากเป็นยุคที่ที่นี่รุ่งเรือง จะงดงามกว่านี้สักแค่ไหนเนี่ย...
ชนกลุ่มแรกที่เดินทางเข้ามาสู่เปตราคือพวกเอโดไมต์ ซึ่งเข้ามาราวปี 1000 ปีก่อนคริสตกาลค่ะ แต่ชนชาติที่สร้างเมืองเปตราขึ้นมานั้นคือชาวนาบาเทียน (Nabataeans) ในช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล ซึ่งแต่เดิมเป็นเพียงชนเผ่าเร่ร่อนในทะเลทรายอาหรับ คนกลุ่มนี้สกัดผาหินทรายเป็นบ้านเรือนและอาศัยอยู่ในถ้ำทีมีอยู่ทั่วเมือง พวกเขามีอาชีพเป็นคนเลี้ยงแกะ แต่เปลี่ยนมาค้าขายและรับจ้างเป็นยามรักษาความปลอดภัยให้แก่กองคาราวาน คนเผ่านี้มีความซื่อสัตย์ ค่าธรรมเนียมผ่านทางที่เรียกเก็บจากผู้สัญจรก็ช่วยให้พวกนาบาเทียนมีชีวิตที่รุ่งเรื่องขึ้น
สาเหตุที่ เปตรา ตั้งอยู่บนดินแดนอันแห้งแล้ง มีแต่หินกับทรายนั้นก็น่าจะเพราะเปตราตั้งอยู่เส้นทางการค้าสำคัญที่สุดของโลกในขณะนั้น 2 สาย ได้แก่เส้นทางสายสายตะวันออก - สายตะวันตก คาบสมุทรอาหรับกับอ่าวเปอร์เซียจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และสายสายเหนือ - ใต้ ที่เชื่อมทะเลแดงกับ กรุงดามัสกัส ซีเรีย นอกจากนั้นเมืองนี้ยังมีแหล่งน้ำจืดสำคัญซึ่งต่อมาเรียกกันว่า วาดี มูซา หรือ หุบเขาโมเสส ซึ่งเล่ากันว่าเป็นน้ำที่ได้เมื่อโมเสสเสกออกมาเพื่อให้ชาวยิวได้กินแก้กระหาย เหล่าพ่อค้าหรือนักเดินทางที่เดินทางผ่านทะเลทรายอันว่างเปล่าและแห้งแล้งใกล้เคียงนั้นไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากมุ่งมาที่เมืองเปตราอย่างเดียว (อย่างนี้นี่เอง.. )
เปตรา เป็นศูนย์กลางค้าขนาดใหญ่ จนทำให้นักเดินทางชาวกรีกมักนำเรื่องความมั่งคั่งมาเล่าให้ฟัง ตามบันทึกของสตราโบ นักภูมิศาสตร์ชาวกรีกได้อธิบายไว้ว่า เมืองเปตราเป็นตลาดซื้อสินค้าสำคัญที่สุดของโลกตะวันออก ยางไม้หอม กำยาน เครื่องเทศของชาวอาหรับ ทองแดง เหล็ก เครื่องปั้นดินเผา รูปปั้น ผ้าย้อมของชาวฟินิเซียนล้วนถูกลำเลียงผ่านเมืองเปตราไปสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และชาวเปอร์เซีย
วิหารใหญ่ในเมืองเปตราเปตราเจริญถึงขีดสูงสุดในช่วง 50 ปีก่อนคริสตกาล จนถึงคริสต์ศักราชที่ 70 ในช่วงเวลานี้เปตราถูกปกครองด้วยกษัตริย์นาม อารีตัสที่ 4 (Aretas IV) ผู้ที่ชาวกรีกยกย่องให้ว่า ฟิโลเดมอส (Philodemos) ซึ่งแปลว่า ผู้รักประชาชน และด้วยความมั่งคั่ง ความเป็นเมืองที่อยู่ห่างไกล และชัยภูมิอันยากแก่การพิชิต จึงทำให้เมืองมีโอกาสเจริญเติบโตได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องกลัวศัตรูจากภายนอก
ชาวเปตรานับถือเทพเจ้าสององค์คือ เทพดูซาเรส (Dushares) เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ และเทพอัลอัซซา (Al Uzza) ชายาของเทพดูซาเรส เทวีแห่งน้ำ
ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย / ภาพ จาก อินเตอร์เน็ต
พรุ่งนี้ถ้ายังถ่ายโอนรูปจากหน้างานไม่ได้ มาแวะชมนครเปตราด้วยกันอีกวันนึงเนาะ อิอิ
วันนี้ขอตัวไปโม่งานต่อก่อนค่ะ ช่วงนี้รู้สึกสมองแล่นเร็วมาก อะไร ๆ ผ่านฉิวไปอย่างไม่ทันตั้งตัว แถมเวลาแห่งการเร่งปิดงานก็งวดลงทุกที เหนื่อย ๆ หนัก ๆ ยังไงไม่รู้อ่ะ แต่ก็ยังสู้อยู่ทุกเมื่อ ไม่ท้อหรอกนะคะ
.............
คิดถึงเสมอ แล้วเจอกันค่ะ
i'm not superman
Create Date : 20 เมษายน 2554 |
Last Update : 20 เมษายน 2554 8:30:41 น. |
|
36 comments
|
Counter : 4181 Pageviews. |
|
|
อากาศร้อนมั๊ยฝั่งกระโน้น...ฝั่งนี้สุดๆจ้า