หนังสือเล่าชีวิตของ เอ.เจ.ฟิกรี้ ชายวัย๓๙ ปีที่ภรรยาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ทิ้งเขาให้ทำกิจการร้านหนังสือ"ไอแลนด์ บุ๊กส์" บนเกาะอลิซเพียงลำพังอย่างซังกะตายและหวังที่จะกินเหล้าให้ตายๆไป ซ้ำร้ายวันหนึ่งหลังจากที่ดื่มหนัก ตื่นเช้ามาก็พบว่าหนังสือที่มีมูลค่ามหาศาลในร้านที่เก็บไว้อย่างดีในตู้นิรภัยได้หายไป จนทำให้เขาตัดสินใจไม่ล็อคประตูร้านอีกเพราะสิ่งที่มีค่าที่สุดในร้านได้หายไปแล้ว เพราะกิจการเขาเองก็ไม่ได้รุ่งเรืองนักโดยเฉพาะเมื่อภรรยาจากไปผู้คนก็แทบไม่เข้ามาที่นี่ นอกจากฤดูกาลท่องเที่ยวที่จะมีนักท่องเที่ยวมาเยือน และเขาก็เลือกหนังสือตามความชอบของตัวเองไม่สนใจหนังสือในกระแสใดๆทั้งสิ้น
แล้วไม่นานหลังจากที่เขาออกไปทำธุระข้างนอกโดยไม่ได้ล็อคประตูร้านเช่นเคย กลับมาก็พบว่าประตูร้านถูกเปิดทิ้งไว้และมีเด็กหญิงตัวน้อยวัย ๒ ขวบนั่งอยู่ที่พื้นมุมหนังสือเด็กชื่อว่า"มายา" พร้อมกระเป๋าและจดหมายที่แม่ของเธอเขียนว่าอยากให้มายาเติบโตมาเป็นคนรักหนังสือถูกทิ้งไว้ที่ร้านของเขาแทน และแม้จะแจ้งตำรวจไปแล้วเขาก็ยังอาสาดูแลเธออยู่เพราะไม่คิดว่าควรทิ้งเธอไว้ที่สถานีตำรวจแม้ว่าเขาจะไม่เคยเลี้ยงเด็กเลยก็ตามแต่เขาก็ตัดสินใจเลี้ยงดูมายาในที่สุด จึงไม่อาจทำตามแผนเดิมที่จะได้ตายตามภรรยาไป และทำให้เขาได้มีโอกาสอ่านหนังสือ"กว่ารักจะผลิบาน" หนังสือเล่มหนึ่งที่ "เอมิเลีย" เซลล์ขายหนังสือของสำนักพิมพ์ไนท์ลีย์นำมาเสนอกับเขาโดยบอกว่าเป็นหนังสือที่เธอชอบมากแม้ว่าจะเป็นหนังสือเล่มแรกของหนังเขียนคนนี้ก็ตามและทิ้งตัวอย่างไว้ให้เขาอ่านแต่เขาไม่สนใจสักนิดจนวันที่เขาบังเอิญหยิบมาอ่านขณะต้องนั่งเฝ้ามายาระหว่างที่เธอป่วย และพบว่าเป็นหนังสือที่เขาชอบและอยากนำมาวางขายจึงติดต่อเธอกลับไป และพบว่าเธอเป็นคนที่น่าสนใจและเสียใจที่เคยทำตัวไม่ดีไว้เมื่อคราวแรกที่ได้พบกันเพราะตอนนั้นเขายังเสียศูนย์จากการเสียภรรยาจึงทำตัวแย่ๆกับเธอ
หลังจากที่มีมายาเข้ามาในชีวิตก็ทำให้เขาดูเป็นคนดี มีน้ำใจกับผู้คนมากขึ้นจนเปิดรับสิ่งใหม่ๆทำให้ยอดขายในร้านเริ่มดีขึ้น และเรียนรู้ที่จะดูแลมายาเด็กน้อยที่เข้ามาสร้างชีวิตชีวาให้เขาอีกครั้ง ทำให้เขาอยากมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมและก้าวข้ามสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะทำเพื่อมายาและเอมิเลีย
เป็นหนังสือที่อ่านได้เรื่อยๆด้วยความน่าสนใจของการที่ตัวเอกอย่าง เอ.เจ ฟกรี้ที่เป็นเจ้าของร้านหนังสือก็จะมีการพูดถึงหนังสือหลายๆเล่มพร้อมบทวิจารณ์ต่างๆที่อ่านแล้วเราก็ยิ่งสนใจ เล่มไหนที่รู้จักก็จะอยากรู้ว่าคนเขียนรู้สึกยังไงกับหนังสือที่เราชอบหรือเคยอ่าน ส่วนเล่มที่ไม่รู้จักก็อยากอ่านตาม แล้วก็จะมีอารมณ์จิกกัดหนังสือบางเล่มด้วยทำให้เป็นเสน่ห์ที่น่าติดตามอ่านต่อไปเรื่อยๆจนทำให้เราอ่านจบในวันเดียวแม้ว่าวันนั้นจะเหนื่อยมากและอยากนอนเป็นที่สุด แต่เนื้อเรื่องก็ไม่ได้เบาๆเรื่อยๆไปทั้งเล่มเพราะมันมีความดราม่าใส่เข้ามาสร้างน้ำหนักให้เรื่องราวมากบ้างน้อยบ้าง แต่ทำให้หนังสือเล่มนี้คุ้มค่าแก่การอ่านมาก
และนี่คือส่วนที่เราชอบค่ะ
-"หลายๆปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นจะแก้ไขได้ง่ายๆเลย แค่เพียงแต่พวกเขาให้โอกาสสิ่งต่างๆมากกว่านี้"
-"บางทีเราก็ยังไม่เจอหนังสือที่ใช่จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม"
-"ปฏิกิริยาของพ่อสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการได้อ่านหนังสือสักเล่มในช่วงเวลาที่เหมาะสมของชีวิต จำไว้นะมายา ตอนอายุยี่สิบเราอาจจะรู้สึกคนละแบบกับตอนอายุสี่สิบก็ได้ เรื่องนี้จริงทั้งกับการอ่านหนังสือและการใช้ชีวิต"