
ศิวาราตรี...ราตรีแห่งการลอยบาป ได้กำเนิดยุพราชแฝดสามองค์ องค์หนึ่งตกไปอยู่ในอุ้งมือโจร องค์หนึ่งตกอยู่ในมือของนักมายากล อีกองค์หนึ่งตกไปอยู่ในนครของนักบวช ทั้งสามองค์จะเจอกันได้อย่างไร ติดตามการสู้รบและชิงไหวชิงพริบได้ในผลงานชิ้นเอกที่ท้าทายนักอ่าน (จากนายอินทร์)
ระหว่างที่รอหนังสือจากนายอินทร์มาส่งจนหงุดหงิดใจก็เลยไปได้หนังสือเรื่องนี้มา ด้วยความที่เรากำลังจะสั่งหนังสือของพนมเทียนที่ในเว็บลดราคาหนังสือมีตำหนิพอดี เราก็ได้เจอบูธหนังสือที่ B2Sมาจัด ทันใดนั้นสายตาก็ไปประสบพบเจอกับ "ศิวาราตรี ลด 50 %" ซึ่งเราเองไม่เคยอ่านของพนมเทียนมาก่อนเคยได้ยินเรื่องที่น้องที่ทำงานอ่านเพชรพระอุมาแล้วเล่าให้เราฟัง มันโคตรสนุกเลย น้องก็ยืนยันความสนุกอย่างแน่วแน่ และอ่านอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่เรายอมแพ้ต่อจำนวนเล่มอันมากมายขอฟังเรื่องเล่าดีกว่าจริงๆแล้วใครที่เป็นสมาชิกห้องสมุดตอนเรียน ต้องเคยเห็นหนังสือเพชรพระอุมาเรียงรายเต็มชั้นมาก่อน แค่เห็นเราก็ส่ายหน้าหนีแล้ว แต่มาตอนนี้ดันอยากอ่านงานเขียนของพนมเทียน

คนขายใจดีมาก พอดีว่าเล่มแรกในชุดเหลืองมากเลยถามป้าว่ามีชุดที่ไม่เหลืองไหม ป้าก็เอาอีกชุดนึงมาให้ดู คือเหลืองอย่างที่เห็นแต่น้อยกว่าอันที่อยู่กับชุดนี้แต่แรกป้าเขาเลยเปลี่ยนให้ ป้าบอกว่าปกติป้าไม่แกะหรอกนะ แต่หนูซื้อง่ายดีป้าก็อยากขาย เราก็เลยได้เล่มที่ดีกว่ามา แล้วก็แปลกใจตัวเองที่ไม่รู้อะไรดลใจให้อยากอ่าน เราว่าคงเพราะพออ่านหนังสือไปเรื่อยๆ อ่านมากๆเข้าเราจะเริ่มเบื่อนิยายประโลมโลกทั่วๆไป แล้วเริ่มหาอะไรที่มันทำให้เราได้คิดมากขึ้น ซับซ้อน ต้องตีความมากขึ้นหรือเพราะ...เราเริ่มมีวัยวุฒิ ไม่ใช่แก่ไม่ใช่ๆ
ด้วยข้อมูลที่เท่าเรารู้เพียงด้านบนจากเว็บนายอินทร์ก็วิ่งโร่ไปซื้อแล้ว มาหาข้อมูลเพิ่มก็เริ่มหวั่นไหว พอได้ลองเปิดอ่านเริ่มหวาดหวั่น ภาษาเขายากมากแค่หน้าแรกนะ คือต้องแปลไทยเป็นไทย อ่านเผินๆเราไม่เข้าใจ ศัพท์สูงมากจริงๆ หน้าปฐมการณ์นี่อ่านยังกับกลอน คล้องจองกันไปหมด และคงต้องเอาพจนานุกรมมานั่งแปลข้างๆล่ะงานนี้
เล่มแรก
...เหตุใดหนอ มนุษย์จึงรักในการเบียดเบียน แก่งแย่งชิงดี และมีจิตหนาไปด้วยกองกิเลสอย่างไม่มีวันรู้จบสิ้น แทนที่จะอยู่ด้วยการปรองดอง สมานสามัคคีเยี่ยงภราดร โดยถือเสียว่าเป็นมนุษย์เช่นกัน กลับอยู่กันด้วยการทำลายล้าง และสถาปนาความยิ่งใหญ่ให้แก่ตนเอง โดยมิได้คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น...
...กรรมเวรอันใดหนอ ที่ทำให้ข้าถือกำเนิดมาภายใต้พิชัยฉัตรของพระชนกนาถขัตติยวงศ์อารยัน ผู้ตลอดเวลามีพระทัยฝักใฝ่ลุ่มหลงอยู่แต่ในกิจอันมิสงบ โดยมิรู้ต้นสายปลายเหตุ ข้าเปรียบประหนึ่งเหยื่ออันน่าสมเพชให้พระชนกใช้เป็นชนวนแห่งสงคราม ล่อความหายนะวิบัติมาสู่แผ่นดินเสมอมา โดยที่ข้าเองจะได้รู้สึกตนแต่สักน้อยก็หามิได้ ยามาระตี นามนี้หรือที่จะเป็นต้นเหตุให้ปฐพีลุกเป็นเปลวเพลิงทุกหัวระแหง...
เล่มที่สอง
อา...ทัสสยุเอย จะมีใครในพิภพนี้อีกเล่าที่จะสุขสำราญได้เท่าเจ้า ด้วยมายาศาสตร์อันเรืองรณที่ถ่ายทอดมาจากบิดา ด้วยความคล่องแคล่วอ่อนหวานของลิ้นลมแห่งวาทะ แลด้วยนิ้วอันวิเศษที่สวรรค์ประทานมาให้ในการสังคีตดุริยางค์ทุกชนิด ทัสสยุร่อนเร่ผ่านไปทุกแว่นแคว้นด้วยกระเพาะที่บรรจุเต็ม มิถึงกับอดอยากยากแค้นนัก...ผ่านไป...ผ่านไปเป็นลำดับ ถนนขรุขระยาวเหยียดสุดสายตา...สาลีเกษตร...ทุ่งหญ้า...ขุนเขา...ลำธารชนบท นิคมคามหมู่บ้าน และนครหลวงราชธานีของอาณาจักรทุกแคว้นที่จะอยู่ในเส้นทางจร ท่ามกลางแสงแดดอันแรงกล้าที่แผดเผาพื้นปฐพีจนดูเป็นประกายระยิบระยับ หนทางนั้นมีทั้งรื่นรมย์ สมบูรณ์ แลยากแค้นทุรกันดาร แต่กระนั้นก็หาได้มีสิ่งใดมายับยั้งทัสสยุเสียได้
เล่มที่สาม
...ลำน้ำคงคาเมื่อวาระอันเป็นศิวาราตรีแห่งการลอยบาปเป็นสถานที่มาของข้า แรดน้ำอุ้มชูให้ได้รับความอบอุ่นของแสงตะวัน อัวลาแม่สิงห์เป็นผู้ให้ถันธารา นกุลาสอนภาษามนุษย์แลวิทยาการทุกชนิด ทุ่งพยัคฆินสาแลผาสิงห์คำรนเป็นแหล่งสถิต เหล่าโจรเดียรถีย์เรียกข้าว่าเวชยันต์...
เวชยันต์เจริญเติบโตมาในลักษณะของครึ่งสิงห์ครึ่งมนุษย์ มีกำลังแลสัณชาตญาณผิดสามัญมนุษย์ยิ่งนัก มุทะลุดุดันแลคลุ้มคลั่งอยู่เป็นนิจ เข้าใจในสัญชาตญาณสิงห์แลเป็นเจ้าแห่งปวงสัตว์ร้ายเหนือทุ่งพยัคฆินสา มีส่วนสัมพันธ์เป็นอยู่กับฝูงสิงห์ได้สนิทเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก โดยมิมีมนุษย์ปุถุชนคนใดเหมือน อันเนื่องมาจากแม่สิงห์เลี้ยงมาแต่เยาว์ เวชยันต์จะกลายสภาพจากมนุษย์ไปในทุกครั้งที่ราตรีเพ็ญพระจันทร์เหมือนหนึ่งต้องมนต์สาปจากนรก
เล่มที่สี่
ข้าพเจ้ามิอาจกระทำได้ในสองสิ่ง คือมิอาจจะฝ่าฝืนสัจจะที่ข้าพเจ้าได้ถวายเป็นกตเวทีบูชาไปแล้วประการหนึ่ง ขณะเดียวกัน ข้าพเจ้าก็มิอาจที่จะทรยศต่อเผ่ามิลักขะอันเป็นสายกำเนิดของข้าพเจ้าโดยยอมตนเป็นอาวุธของท่านต่อไป อีกประการหนึ่ง ดังนั้นโดยเกียรติศักดิ์ของชายชาติชาตรี ขอท่านจงรับเอาเศียรของข้าพเจ้าไปเถิด...
...เกิดเป็นชายอาชาชาติ จงดูทุษยันต์เป็นเยี่ยงอย่างไว้เถิด เขาผู้นี้เพียบพร้อมแล้ว ด้วยความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยวเสียสละ กตัญญูกตเวทีแลสงวนสัตย์ ควรแก่การเป็นยอดบุรุษที่อนุชนรุ่นหลังทั้งหลายจะพึงเอาเยี่ยงอย่างต่อไป...
อ่านเรื่องราวหลังเล่มแต่ละเล่มแล้วรู้สึกว้าว อยากอ่าน คือเรื่องมันน่าสนใจมาก แต่มันต้องว้าวเพิ่มอีกแน่เพราะพนมเทียนเป็นคนเขียน อยากอ่านมากแล้ว