Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2565
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
8 กรกฏาคม 2565
 
All Blogs
 
ฺBOOK HAUL หนังสือล็อตใหญ่ประจำปี ๒๕๖๕ จากเว็บนายอินทร์ - สำนักพิมพ์อรุณ/แพรวและแพรวเยาวชน


   

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เรามีหนังสือไตรมาสสองของปีและเป็นหนังสือล็อตใหญ่จากเว็บนายอินทร์ที่เราซื้อตลอดหลายปีที่ผ่านมาเวลาลดครั้งใหญ่ในเดือนเกิดของร้าน335 โดยปีนี้ลด ๒๒% รอบนี้ได้มาสองกล่องใหญ่เลยค่ะแต่สภาพเยินนิดหน่อย และเราได้มาทั้งหมด ๓๑ เล่ม แต่หนึ่งเล่มซื้อให้เพื่อนเลยไม่ได้เอามาลงด้วยนะคะ ไปดูกันค่ะว่าเราได้หนังสือเล่มไหนมาบ้าง 284บอกก่อนว่าตอนแรกว่าจะซื้อไม่เยอะ จำได้ว่าเคยบอกตัวเองว่าจะไม่รีบซื้อเพราะซื้อมาก็เก็บไว้ในตู้กว่าจะได้อ่าน แต่รอบนี้ไม่รู้ยังไงเจอหนังสือของสำนักพิมพ์น้องใหม่อย่าง piccolo ที่ขยันออกหนังสือใหม่ๆปกสวยดึงดูดใจเยอะมาก แม้กระทั่งวันที่เรากำลังจะซื้อก็ออกอีกหลายเล่มเราก็กดใส่ตะกร้ารัวๆ จากที่ตอนแรกมีนิดเดียวไปๆมาๆมันก็เยอะมากจนต้องทยอยเอาออกให้งบไม่บานปลาย287

   

สำนักพิมพ์อรุณ ๕ เล่ม


เล่มแรก เรือนไม้สีเบจ - ว.วินิจฉัยกุล
เริ่มอย่างนี้ดีกว่า ถึงความรู้สึกแรกที่เห็นเรือนไม้สีเบจ! มุกร้องออกมาอย่างลืมตัว "อุ๊ย! บ้านของพี่อาร์มเหมือนบ้านใน...ใน..." "บ้านในสลัมรึเปล่า" พี่อาร์มยิ้มเมื่อถาม แต่น้ำเสียงไม่มีแววหัวเราะ จะด้วยอะไรก็ตาม มุกสงสัยว่าคงจะมีใครสักคนทำให้พี่อาร์มรู้สึกเช่นนี้ "แหม! พูดได้ไงคะ บ้านพี่อาร์มน่ารักจัง มุกนึกคำเปรยไม่ออกตะหาก" มุกพยายามนึก "ไม่เหมือนในบัตรคริสต์มาสต์ มันไม่ใช่กระท่อมแบบฝรั่งนี่คะ นึกออกแล้ว...เหมือนในละครย้อนยุคน่ะเอง" มันเป็นบ้านชนิดที่เราเจอในรูปถ่ายเก่าๆสมัยคุณย่ายังสาว คือเป็นบ้านไม้สองชั้นหลังกะทัดรัด รูปทรงสูงชะลูดกว่าบ้านสมัยใหม่ ตัวไม้ฝาบ้านตีเกยซ้อนกัน มองดูคล้ายๆกับบ้านนั้นจีบพลีตตามขวางเป็นบานเกล็ดไม้ ชั้นล่างปิดสนิท ส่วนชั้นบนมีหน้าต่างกระจกสีชาอ่อนปิดอยู่อีกทีหนึ่ง ตัวบ้านทาสีเนื้อ แบบบ้านรุ่นเก่าที่มักเล่นสีสัน ไม่ใช่บ้านสมัยใหม่ทาสีขาวเห็นกันดาษดื่นหมดทุกหมู่บ้าน

เราตกหลุมรักบ้านในหน้าปกมากก็เลยตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้โดยที่ไม่รู้เรื่องราวเลย เห็นแล้วอยากมีบ้านแบบนี้บ้าง เรื่องราวน่าจะอบอุ่นใจดีแต่คงมีดราม่านิดหน่อยเพราะประโยคแรกที่พี่อาร์มถามออกมาดูแปลกๆ และอันที่จริงปีนี้ก็มีแค่เล่มนี้เล่มเดียวของคุณหญิงวินิตาที่เราตั้งใจว่าจะซื้อเพราะชอบปกมาก แต่พอได้อ่านเรื่อง"ช่อมะลิลา"แล้วดันเกิดอินจัด เลยหาดูเล่มอื่นๆของคุณหญิงเพิ่มแล้วก็ได้มาตั้งห้าเล่มทั้งที่ยังมีกองในตู้อีกหลายเล่ม แถมปีก่อนก็ไม่ได้เอาออกมาอ่านพอปีนี้ได้อ่านงานคุณหญิงอีกก็เกิดอยากตุนไว้อ่านเวลาอยากอ่านจะได้มีให้เลือกเยอะๆ


เล่มที่สอง ราตรีประดับดาว - ว.วินิจฉัยกุล
มโหรีเล่นเพลงใสเยือกเย็นเข้ากับบรรยากาศ ทำให้เท้าที่ก้าวเดินผ่านมีอาการชะงักไปอยู่ชั่วครู่ วันนี้ แสนสุดยินดี พระจันทร์วันเพ็ญ ขอเชิญสายใจ เจ้าไปนั่งเล่น ลมพัดเย็นเย็น หอมกลิ่นมาลี...เกดรู้สึกหูอื้อ...ตาลายไปอึดใจ ราตรีประดับดาว เพลงกล่อมหอของเกด...คุณนาถชอบร้องเพลงนี้เบาๆยามว่างและอารมณ์ผ่องใส ตั้งแต่คุณนาถจากไปอุดรธานี เกดไม่เคยได้ยินจากที่ไหนอีกเลย หรือว่า...มันจะเป็นนิมิตหมายอันงดงามว่าการค้นหาสามีสุดที่รักได้บรรลุผลแล้วในที่สุด เทพเจ้าจึงบันดาลเพลงนี้มาให้เกดรู้ตัวเสียก่อน จะได้ไม่ดีใจสุดขีด เกินกว่าหัวใจที่โศกศัลย์รันทดมานานปีจะทนทานรับไว้ได้ น้ำตาออกมาคลอเต็มตา มองเห็นขั้นบันไดหน้าบ้านเพียงรางเลือน เกดแข็งใจก้าวขึ้นไปทีละขั้นขนถึงห้องรับแขก

ขอบอกว่าได้แรงบันดาลใจในการซื้อเล่มนี้มาจากเล่ม"ช่อมะลิลา"อีกเช่นกัน ไม่อย่างนั้นเราคงไม่มีทางซื้อหนังสือเล่มนี้แน่ เพราะเรื่องราวมันดราม่ามากจากที่อ่านรีวิวในเว็บก่อนตัดสินใจซื้อซึ่งมีคนรีวิวว่ามันหนักหน่วง ดราม่า แถมเรื่องความรักก็ยังมีช่วงปวดใจ สามีมีใจให้หญิงอื่นอีก แต่ทุกรีวิวก็ให้ห้าดาวหมด และในเว็บยังบอกว่าหนังสือเล่มนี้เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ ที่ได้นำโครงเรื่องบางส่วนจากชีวิตจริงของ "คุณหญิงวิเศษสิงหนาท" ภริยานายทหารชั้นผู้ใหญ่สมัยรัชกาลที่ 7 มาเขียนด้วย บอกตามตรงถ้าเราไม่ได้อ่านเล่มช่อมะลิลามาก่อนคงรับความดราม่าอะไรแบบนี้ไม่ไหว แต่หลังจากอ่านเล่มนั้นมาแล้วและพบว่าเขาเขียนได้ดีมากแม้จะปวดใจเหลือทน อีกอย่างคือโชคดีที่เราซื้อเล่มนั้นแบบไม่รู้ว่าเรื่องเป็นแบบไหนแต่ก็ทำให้เราเก่งขึ้นในการอ่านหนังสือแนวดราม่าหนักๆ ขอแค่อย่าบังเอิญอ่านไปเจอหลายเล่มต่อกันแบบคราวก่อนที่ปวดหัว ปวดใจ จิตตกไปเลยเจอสามเล่มติดโดยไม่ตั้งตัว

 


เล่มแรก นิรมิต - แก้วเก้า
"...จริงๆแล้วภูวงไม่เคยยอมแพ้ เขา 'เนรมิต' ชีวิตใหม่ขึ้นมาแทนชีวิตเก่าที่เขาจำลองผิดพพลาดไป" "เขา'เนรมิต'คุณขึ้นมา แล้วดิฉันล่ะคะ..." "คุณเป็นผู้หญิงที่เขาคอยอยู่ เมื่อผมเห็นรูปวาดผู้หญิงในหอภาพ ผู้หญิงคนนั้นคือคุณ ผมก็รู้ว่าคุณเป็นคนเดียวที่จะช่วยผมปลดเปลื้องภูวงจากพันธนาการได้..." "แต่เจ้าภูวงกับดิฉันไม่เคยรู้จักกัน ไม่เคยเห็นกันมาก่อน" "ภูวงไม่เคยอธิบายให้ผมฟังว่าเขาวาดรูปคุณขึ้นมาจากไหน บางทีมันอาจจะเป็นการหยั่งรู้อะไรสักอย่างของเขา หรือมิฉะนั้นเขาก็อาจจะสร้างคุณขึ้นมาอย่างผมก็ได้" ใกล้รุ่งหัวเราะเห็นฟันเรียบขาวเป็นเงา "ถ้าเป็นอย่างหลัง คงจะต้องสร้างพ่อแม่กับพี่ๆขึ้นมาด้วยมังคะ ดิฉันเป็นแต่เพียงคนธรรมดาๆ" "ไม่ใช่หรอก" นัยน์ตาคมซึ้งของอีกฝ่ายเปล่งประกายลึกล้ำ "ถ้าคุณเป็นคนธรรมดาอย่างนายตำรวจหนุ่มคนนั้น คุณจะไม่มีวันเข้ามาถึงสถานที่นี้ได้เลย" จริงของเขา ใกล้รุ่งเหลียวมองรอบตัว...แม้ในยามที่สมองเต็มปรี่ด้วยเหตุการณ์หนักสมอง หญิงสาวยังไม่วายเคลิบเคลิ้มกับภาพกึ่งความจริง กึ่งความฝันที่ล้อมรอบกาย "ภูวงกำลังรอใครสักคนที่ "พิเศษ" ไม่น้อยกว่าเขา เพื่อมาปลดเปลื้องเขาเป็นอิสระ...ภังคีกับผมเหมือนกลางวันกับกลางคืน เมื่อมีเวลาหนึ่ง ก็จะไม่มีอีกเวลาหนึ่ง" "แต่ช่วงต่อระหว่างกลางวันกับกลางคืน ที่เรียกว่าสนธยาก็ยังมีนะคะ" ชายหนุ่มส่งยิ้มกระจ่างให้หล่อน เหมือนจะล้อเลียน "หรือไม่ก็...เวลาใกล้รุ่ง"

เล่มนี้เราเห็นมาสักพักแล้ว และคิดว่าจะเก็บไว้ก่อนยังไม่ซื้อมาตลอดแต่รอบนี้พอจะซื้อหนังสือของคุณหญิงมาเก็บไว้อ่านก็เอามาทุกเล่มที่สนใจ เล่มนี้เรื่องก็น่าสนใจดีแล้วก็ไม่รู้ว่าใครเป็นพระเอก เรื่องราวก็เป็นแนวที่เราไม่เคยอ่านมาก่อนก็เลยอยากลองอ่าน

 

เล่มที่สอง ทางเทวดา-เทวาวาด - แก้วเก้า
"แล้วงั้นจะให้ทำยังไง" พระอาทิตย์กับพระจันทร์ถามพร้อมกันราวกับนัด ต่างองค์ต่างก็มองพระราหูอย่างไม่ค่อยจะไว้ใจ พระราหูแสยะยิ้ม มองเทพทั้งสององค์ขึ้นๆลงๆเหมือนกะขนาดว่าพอดีกับปากหรือไม่ ทำเอาเทพผู้ถูกมองรีบลอยถอยกรูดไปแอบหลังพระพฤหัสบดีประธานในที่ประชุม "ก็อนุโลมว่าแสงไฟฟ้า แสงเทียน แสงตะเกียง ถือเป็นประเภทเดียวกับแสงอาทิตย์สิท่าน ยังไงมันก็เป็นแสงที่เกิดจากความร้อนเหมือนกันอยู่ดี ส่วนแสงอื่นๆที่ไม่ร้อนเป็นแสงสะท้อน อย่างแสงพระจันทร์ก็อนุโลมแบบเดียวกับแสงจันทร์ นายสาแคนจะหน้าตาดีได้ก็ต้องอยู่ในที่มืดสนิท..." "ช้าก่อน ท่านราหู" พระศุกร์ชูมือท้วงขึ้นมาด้วยเสียงนุ่มนวล "หากที่ใดไร้ซึ่งรังสีเฉิดฉันพรรณรายลงสู่ความมืดมนอนธการอย่างสนิท อย่าว่าแต่มองเห็นหน้าผู้อื่นเลย แม้เจ้าตัวสาแคนเองก็ย่อมไม่เห็นแม้แต่ปลายจมูกตัวเอง จึงไม่เข้าเกณฑ์พรของสวรรค์อีกเช่นกัน" "แล้วยังไง" ทั้งเทวสภาถามพร้อมกันราวกับนัด พระศุกร์ยืดตัวขึ้นอย่างผึ่งผาย "ข้าขอเสนอให้แก้ไขเป็นว่า ยิ่งแสงสลัวลงเท่าไร นายสาแคนก็ยิ่งมีรูปโฉมงดงามมากขึ้นเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม หากแสงสว่างค่อยเจิดจ้ามากขึ้น เขาก็จะขี้ริ้วมากขึ้น" "แสดงว่าความหล่อของเขาปรับระดับได้ตามแสงน่ะหรือ" พระพุธซักด้วยความฉงนฉงาย

เป็นปกที่สะดุดตาเราแต่แรกเห็น แต่ภาพเทวดาอ้อนแอ้นเกินเปลือกตาสีเขียว แก้มอมชมพู ปากแดงเลยไม่ได้ซื้อมาตั้งแต่คราวก่อนแต่ส่วนอื่นๆของภาพเราชอบหมด ดูสวยแบบไทยๆดี แม้เรื่องราวที่อ่านจากปกหลังไม่ได้โดนใจนัก แต่ก็ด้วยว่าจะซื้อมาเก็บไว้อ่าน เล่มไหนที่เรื่องราวไม่ได้เป็นแบบที่เราไม่สนใจจริงๆก็กวาดมาหมด


เล่มที่สามแต่ปางก่อน - แก้วเก้า
ในห้องนั้นไม่มีเครื่องเรือนอื่นใด นอกจากดนตรีไทยวางเรียงรายอยู่บนพื้นพรมสีแดง ที่ปูลาดอยู่เกือบเต็มห้อง ไม่มีคนอยู่ในห้องนั้น...ทว่าเสียงดนตรีดังมาจากเครื่องดนตรีไทยที่วางนิ่งสนิทที่วางอยู่บนพื้น ราชาวดีก้าวเดินเข้าไปในห้อง...เลื่อนลอยและเชื่องช้าเหมือนเคลื่อนไหวอยู่ในน้ำ หล่อนไม่รู้เหมือนกันว่าจะเดินไปไหนแต่ขาก้าวไปโดยอัตโนมัติ ในขณะที่เสียงดนตรีกังวานชัดเจนขึ้นราวกับมีนักดนตรีบรรเลงอยู่ตรงหน้าอย่างพร้อมเพรียง เพลงที่ได้ยินแต่ไกลนั่นเอง เหมือนกับมีคนเล่นซ้ำอีกครั้งหนึ่ง แล้วเครื่องดนตรีเกือบทุกชนิดก็เงียบเสียงลง ปล่อยให้ซอสามสายกังวานขึ้นเจื้อยแจ้วเป็นเสียงเด่นชัดเพียงเสียงเดียว เสียงซอนั้นหวานไพเราะ แจ่มชัดราวกับจะเอ่ยเอื้อนออกมาเป็นคำพูดได้ ฟังละม้ายเสียงสตรีผู้ขับร้องได้อย่างเพราะพริ้ง กำลังชมโฉมสตรีอีกผู้หนึ่งที่ทรงโฉมงดงามเกินคำพรรณนา "เพลงอะไรนะ ไพเราะเหลือเกิน" ราชาวดีถามตัวเองอย่างเผลอไผล "ลาวม่านแก้ว...น้องจำไม่ได้แล้วหรือ...ลาวม่านแก้วของเราทั้งสองคน" คำตอบนั้นดังแว่วมาจากที่ใดที่หนึ่ง ทุ้มกังวานเป็นเสียงบุรุษ แต่ไพเราะนุ่มนวลราวกับเสียงดนตรี

ตกหลุมรักภาพปกสวยๆอีกแล้ว แม้ว่าเราจะจำได้ว่าหนังสือเล่มนี้เคยเอาไปทำเป็นละครมาก่อนและโดยปกติเราก็ไม่ค่อยซื้อเล่มที่เคยเอาไปทำเป็นละคร แต่เล่มนี้สวยมากและเรื่องราวจากปกหลังก็น่าสนใจจริงๆ อีกอย่างตอนทำเป็นละครก็ไม่น่าจะได้ดูเลยไม่น่ามีปัญหา แถมพอดูสันปกซึ่งเราเห็นว่ามีแต่พิมพ์ครั้งที่ ๙ กับ ๑๐ มาเล่มนี้ ๑๖ ไปเลยจ้า





สำนักพิมพ์แพรวและแพรวเยาวชน ๗ เล่ม



ภาพรวมน้องๆเมื่อซื้อครบและได้รวมตัวกัน
 

เล่มแรก The witcher short story collection II - Sword of destiny ดาบแห่งโชคชะตา - Andrzej Sapkowski
วิทเชอร์มีกฎสำคัญข้อหนึ่งคือ ห้ามฆ่ามังกรโดยเด็ดขาด มังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่แสนอันตราย วิทเชอร์จะฆ่าสัตว์ประหลาดตัวใดก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่มังกร ครั้งนี้เกรอลท์ต้องเข้าร่วมขบวนล่ามังกรของราชานีดาเมียร์อย่างเลี่ยงไม่ได้ ขบวนนี้มีทั้งเอค อัศวินผู้ทรงธรรม พี่น้องรีฟเวอร์ผู้เชี่ยวชาญในการล่ามังกร และคนแคระทั้งหกภายใต้การนำของยาร์เปน ซิกริน ทุกฝ่ายมีแรงจูงใจต่างกัน แต่เป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียว โอกาสรอดของมังกรช่างริบหรี่ยิ่งนัก รวมเรื่องสั้นที่ท้าทายขีดจำกัดของความเป็นไปได้ ก่อนเข้าสู่ภาคหลักของ The Witcher เกรอลท์จะทำอย่างไรเมื่อต้องเผชิญกับโชคชะตาที่อันตรายดุจดาบสองคม

เรามีเล่มแรกแล้วก็เลยต้องตามซื้อเล่มสองของรวมเรื่องสั้นมาด้วย แม้ว่าจะยังไม่ได้อ่านก็ตามที แต่คิดว่ารอบนี้มีเยอะขนาดนี้น่าจะเริ่มอ่านได้แล้ว เรื่องราวก็ดูน่าสนใจดี แถมมีหนังให้ดูด้วยหลังอ่านจบ น่าจะได้อารมณ์ไปคนละแบบดี


เล่มที่สอง The Witcher
I - Blood of elves สายเลือดแห่งเอลฟ์ - Andrzej Sapkowski
วิทเชอร์เกรอลท์และซิริ เด็กที่เขาเก็บมาท่ามกลางศึกสงคราม ต่างเป็นโชคชะตาของกันและกัน โชคชะตาอันไม่คาดฝันที่จะพลิกผันชีวิตของทั้งคู่ไปตลอดกาล เป็นเวลากว่าศตวรรษที่เหล่ามนุษย์ คนแคระ โนม และเอลฟ์อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แต่แล้วทุกอย่างกลับมีอันต้องเปลี่ยนแปลงไป เมื่อฉากหน้าแห่งความสงบสุขนั้นได้พังทลายลง การต่อสู้ระหว่างเผ่าพันธุ์กำลังจะอุบัติขึ้นอีกครั้งท่ามกลางความสับสนและความคลางแคลงใจของทุกฝ่าย
ซิริ บุตรแห่งโชคชะตาผู้มีพลังในการเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบคือตัวแปรสำคัญของความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นนี้ และย่อมเป็นหน้าที่ของเกรอลท์แห่งริเวีย นักฆ่าฝีมือฉกาจซึ่งรู้จักกันในฐานะวิทเชอร์ในการปกป้องนางจากภยันตรายทั้งปวง วิทเชอร์ผู้นี้ไม่รู้จักความพ่ายแพ้อยู่แล้ว!

ในที่สุดก็ถึงเล่มแรกของเนื้อเรื่อง และเรื่องราวจากปกหลังก็ดูน่าสนใจเพราะมีเอลฟ์ด้วย ซึ่งเราชอบมาตั้งแต่ตอนดูหนังเดอะลอร์ด ซึ่งหนังสือเรื่องนี้ดูท่าทางว่าจะเข้มข้น หนักหน่วงเอาการเพราะเรื่องราวจากปกหลังแต่ละเล่มมีแต่หนักๆทั้งนั้นอ่านแล้วน่าจะคึกคักหึกเหิมดี เราไม่ได้อ่านแนวนี้มานานมากทีเดียว


เล่มที่สาม The Witcher
III - Baptism of fire ล้างบาปด้วยเปลวไฟ - Andrzej Sapkowski
เกรอลท์กำลังทำภารกิจสำคัญ คือการช่วยเหลือซิริให้ได้โดยเร็วที่สุด ทว่าหมาป่าเดียวดายเช่นเขาจะทำอย่างไร เมื่ออาการบาดเจ็บและความรู้สึกผิดบาปในจิตใจคอยฉุดรั้งเขาไว้ไม่หยุดหย่อน ช่วงเวลาอันดำมืดได้มาเยือนแล้ว สงครามที่แสนบ้าคลั่งแผ่ขยายไปทั่วทุกหนแห่ง และอนาคตของเวทมนตร์ก็กำลังระส่ำรำสาย หลังจากสมาคมผู้วิเศษพังทลายเพราะการกบฏที่เกาะธาเนดด์ การตามหาตัวเด็กสาวเพียงหนึ่งเดียวกลับกลายเป็นเรื่องยาก เมื่อซิริ ทายาทแห่งบัลลังค์ซินเทราได้หายตัวไป จนกระทั่งมีข่าวลือว่านางอยู่ในนิล์ฟการ์ดและกำลังเตรียมจะแต่งงานกับองค์จักรพรรดิของที่นั่น...

แล้วเราก็มีครบทุกเล่ม (ที่สำนักพิมพ์ออกมาจนถึงตอนนี้) หลังจากที่มีเล่มแรกและเล่มล่าสุดซึ่งคิด ณ ตอนนั้น จนกระทั่งเราไปเดินร้านหนังสือแล้วเห็นว่าเขาวางแผงเล่มใหม่อีกแล้วทั้งที่เล่มก่อนหน้าก็เพิ่งออก ก็เลยถือโอกาสนี้ซื้อทุกเล่มที่ค้างคามาใส่ตู้ไว้ซะเลย เวลาอ่านจะได้อรรถรสไม่ติดขัด 




 

เล่มแรก The secret garden ในสวนลับ - ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์
มารี เลนน็อกซ์ ...เด็กหญิงอารมณ์ร้าย เอาแต่ใจต้องย้ายมาอยู่ในคฤหาสน์ของลุงซึ่งมีลูกชายขี้โรคหนึ่งคน ชื่อ "คอลลิน" ...เขาเอาแต่นอนอยู่บนเตียง เดินแทบจะไม่ได้ แล้ววันหนึ่งมารีก็เจอสวนลับที่ถูกปิดตายมานานโดยบังเอิญ และได้รู้จักกับ "ดิคคอน" ...เด็กหนุ่มที่เข้ามาเปลี่ยนทัศนคติการใช้ชีวิตของมารี ให้ค่อยๆ ดีขึ้น ทั้งสามคนกลายมาเป็นเพื่อนกัน และใช้เวลาร่วมกันในสวนลับแห่งนั้น มารีนิสัยดีขึ้น อ่อนโยนลง ส่วนคอลลินก็แข็งแรง และร่าเริงขึ้นในที่สุด

วรรณกรรมเยาวชนเป็นอะไรที่เรารักมาก แล้วเล่มนี้ก็เห็นมีคนสนใจซื้อ ขายมือสองกันเยอะเราก็เลยได้เห็นหนังสือเล่มนี้กับเขา แล้วเกิดความสนใจเลยซื้อมาด้วยเลยในรอบนี้แถมหน้าปกยังมีข้อความ Best of the world ด้วย ยิ่งทำให้เราอยากอ่านจะได้รู้ว่าทำไมใครๆถึงได้หลงรักหนังสือเล่มนี้กัน


เล่มที่สอง There's a boy in the girl's bathroom บรัดเล่ย์เด็กเกเรหลังห้องเรียน - หลุยส์ ซัคเกอร์
บรัดเลย์ ซอล์กเกอร์ส คือเด็กที่มักจะสร้างปัญหาในโรงเรียน เขาไม่สนใจที่ครูสอน ไม่ทำการบ้าน และชอบรังแกเพื่อน จนใครๆต่างก็ไม่ชอบเขา ยกเว้นเพียงคาร์ล่า ครูที่ปรึกษาคนใหม่ของโรงเรียนที่รู้ว่าเขาไม่ใช่ตัวปัญหา และไม่ใช่เด็กเกเรอย่างที่ทุกคนเข้าใจ เธอรู้ดีว่าเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ถ้าเขามีความเชื่อมั่นมากพอ แต่เมื่อคุณเป็นเด็กที่มีคนเกลียดมากที่สุดในโรงเรียน การเชื่อมั่นในตัวเองนั้นกลับกลายเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเสียเหลือเกิน...

วรรณกรรมเยาวชนอีกเล่มที่เราอยากได้มานาน นอกจากปกสวยๆที่ดึงดูดใจเราแล้ว เรื่องราวจากปกหลังก็น่าอ่านมากๆ เวลาอ่านหนังสือพวกนี้เรารู้สึกว่ามันทำให้เราเป็นคนที่อ่อนโยนขึ้นกว่าเดิมยังไงก็ไม่รู้ แล้วก็นับถือใจคนที่เขาใจดีมีเมตตาแบบนี้จริงๆ และเหตุที่เราอ่านแนวนี้บ่อยๆคงเพราะอ่านจบได้ไม่นานความอ่อนโยนก็ละลายหายไป เลยต้องคอยอ่านเพื่อขัดเกลาจิตใจเรื่อยๆ555 60


เล่มที่สาม ให้ร้านหนังสือนำทางรัก - ประชาคม ลุนาชัย
ถนนทุกสายมุ่งสู่ร้านหนังสือขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ที่จะนำพาคุณให้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า ความรัก ที่นี่จะสอนให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกับแง่งามของชีวิต และช่วงเวลาแห่งความสุขที่อาจหาไม่ได้ หากยังมองหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เพราะความเข้าใจและความรักเท่านั้นที่จะมอบสิ่งที่เราตามหาอยู่ได้...

เล่มแรกของหนังสือเล่มนี้เราอ่านเมื่อนานมากแล้ว น่าจะช่วงที่เขาออกใหม่ๆเลยจำได้ว่าเรื่องราวออกจะเศร้าๆ หม่นๆ ถ้าจำไม่ผิดคือผู้ชายเจ้าของร้านป่วยและตอนอ่านจบก็ไม่ได้อินอะไรมากนัก แต่เก็บไว้อยู่เพราะเป็นนักเขียนในดวงใจของเรา แต่ที่ทำให้เราซื้อเล่มต่อเพราะจำได้ว่าตอนที่ป้าเราเอาไปอ่านป้าบอกร้องไห้ด้วยเพราะว่ามันเศร้า เราเลยกะว่าเดี๋ยวจะไปเอาเล่มแรกออกมาอ่านใหม่แล้วค่อยอ่านเล่มนี้ต่อ ซึ่งอารมณ์ ความรู้สึกที่ได้จากการอ่านหลังเวลาผ่านไปนานและมีประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆขึ้นอาจจำทำให้เราเข้าใจหนังสือเล่มนั้นได้มากขึ้น เอาไว้อ่านแล้วผลเป็นยังไงจะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ


เล่มที่สี่ เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น ตราบชั่วเวลาของคำโกหก - คาวางุจิ โทชิคาซึ
มีตำนานเมืองน่าอัศจจรย์ เล่าขานถึงที่นั่งตัวหนึ่งในร้านกาแฟร้านหนึ่ง ณ เมืองแห่งหนึ่ง กล่าวกันว่า หากได้นั่งที่นั่งนั้น เพียงชั่วเวลาที่ยังนั่งอยู่ จะย้อนคืนสู่ช่วงเวลาที่ปราถนาได้กลับมาอีกครั้งกับร้านกาแฟฟูนิคูลี ฟูนิคูลา ร้านซึ่งพาคุณย้อนกลับไปในอดีตได้ แต่กฎของร้านนั้นมีมากมาย เมื่อทราบกฎแล้ว คุณยังอยากย้อนกลับไปในอดีตอยู่หรือเปล่า เรื่องราวของคนสี่คน ที่อยากย้อนเวลาไปเพื่อเจอคนที่ตนเองรัก กลับไปเพื่อเอ่ยคำโกหกให้คนเหล่านั้นได้ฟัง ทั้งผู้ชายผู้กลับไปพบเพื่อนสนิทที่เสียชีวิตไปเมื่อยี่สิบสองปีก่อน ลูกชายผู้ไปเข้าร่วมงานศพของแม่ไม่ได้ ชายผู้เดินทางไปพบแฟนสาวที่ไม่อาจแต่งงานด้วยได้ และตำรวจสืบสวนสูงวัยที่ไม่เคยมอบของขวัญใดให้กับภรรยา ทุกเรื่องราวล้วนมีคำโป้ปดโกหกอยู่ในนั้น แล้วเหตุใดกัน คนที่ย้อนกลับไปนั้นจึงต้องโกหก สี่เรื่องราวปาฏิหาริย์พร้อมเสิรฟ์ให้คุณได้ดื่มด่ำไปกับ...เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น

เป็นอีกเล่มที่ภาคต่อออกมาแล้วแต่เล่มแรกยังกองอยู่ในตู้ แต่ด้วยน่าปกน่ารักๆและเรื่องราวงานแปลญี่ปุ่นก็ทำให้เราเชื่อมั่นว่าหนังสือเล่มนั้นต้องน่าสนใจมากแน่ๆ เราก็ไม่รู้เหมือนกันแต่รู้สึกว่าเวลาอ่านหนังสือแปลญี่ปุ่นแล้วมันอินได้ง่าย เวลาเขาอธิบายเรื่องราวหรือความรู้สึกแต่ละอย่างมันช่างละเอียดอ่อน เข้าถึงอารมณ์ได้มากจริงๆ

แล้วพบกันตอนต่อไปนะคะ 



 



Create Date : 08 กรกฎาคม 2565
Last Update : 10 กรกฎาคม 2565 17:19:21 น. 0 comments
Counter : 821 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร


ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 3651244
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อารมณ์ติสท์ติดตัว
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 3651244's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.