เป็นหนังสือที่สอนให้เราจัดระเบียบความคิดในชีวิตด้วยวิธีที่เรียบง่ายที่สุดแต่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับรูปแบบความชอบของแต่ละคนได้ด้วย แต่ต้องคงไว้ซึ่งส่วนสำคัญๆที่ต้องมีในเล่มเช่นสารบัญ บันทึกประจำเดือน บันทึกประจำวัน ด้วยการจดสิ่งต่างๆแบบข้อความสั้นๆแต่ได้ใจความแทนที่จะอธิบายยืดยาว ซึ่งวิธีการจดบันทึกแบบนี้ได้มาจากการที่ไรเดอร์เป็นโรคสมาธิสั้นตั้งแต่เด็กเขาไม่สามารถจดจ่อกับอะไรได้นานๆเลยเริ่มการจดโน้ตถึงสิ่งต่างๆขึ้นมา แล้ววันหนึ่งแม่เขาก็ส่งสมุดที่เขาเคยใช้จดบันทึกสิ่งต่างๆเหล่านั้นมาให้ทางไปรษณีย์ และเมื่อเขาอ่านทบทวนดูก็เห็นว่ามันมีประโยชน์และน่าสนใจจึงเริ่มพัฒนาให้มันเป็นระบบมากขึ้นและเผยแพร่ออกไปทางเว็บไซต์จนผู้คนได้รู้จักกันทั่วโลก
ซึ่งในหนังสือจะแบ่งเป็น ๕ ภาคที่ไม่จำเป็นต้องอ่านเรียงหน้าก็ได้ตามคำบอกของไรเดอร์ ซึ่งมีตั้งแต่การเตรียมพร้อม ระบบบุลเล็ตเจอร์นัล การลงมือทำ ศิลปะ และจบ ซึ่งจะมีการอธิบายวิธีการเขียนตั้งแต่แรกเริ่ม ความหมายของสัญลักษณ์ที่ใช้ในเล่ม การรวบรวมความคิดลงกระดาษและการดึงสิ่งที่เราต้องการออกมาเขียนลงในเล่ม รวมถึงการปรับแต่งบันทึกในเดือนต่อไปหรือในเล่มต่อไปโดยการทบทวนดูจากเรื่องราวที่เราจดบันทึกที่ผ่านๆมา ซึ่งจะทำให้เราไม่พลาดกับเรื่องที่ต้องทำในอนาคต ใส่ใจกับสิ่งที่ต้องทำในปัจจุบันไม่วอกแวกไปกับสิ่งต่างๆรอบตัวจนเหนื่อยแต่ไม่ได้งาน และย้อนทบทวนอดีตที่ผ่านมาว่าเราให้เวลากับการทำสิ่งใด แล้วอะไรคือสิ่งที่เราทำไม่เสร็จสักทีและเราควรทำต่อหรือตัดทิ้งจากรายการที่ต้องทำ
เรารักหนังสือเล่มนี้มาก แต่บอกก่อนว่าเราซื้อสีดำไม่ทันทั้งที่เป็นสีที่อยากได้ แต่อย่างน้อยก็ได้จับ เขามีหลายสีมากเราได้สีแซลมอนมา (ต้องบอกว่าการหาซื้อหน้าร้านเป็นอะไรที่ยากมากหมดไปทุกร้าน แต่ถ้าสั่งซื้อกับนายอินทร์ก็โดนสุ่มสีอีก) เราชอบหนังสือเล่มนี้เพราะปกติเราก็ทำบุลเล็ตเจอร์นัลอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าการได้อ่านหนังสือของเขาทำให้เราได้เห็นภาพของสิ่งที่ควรมี ควรตัด ซึ่งไรเดอร์จะเน้นย้ำเสมอว่าเราต้องจัดลำดับความสำคัญ ไม่ใช่รวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ทั้งหมด เก็บเฉพาะสิ่งจำเป็น ยิ่งเรียบง่ายยิ่งดี และสิ่งสำคัญอีกอย่างคือการทบทวนเพื่อที่เราจะได้รู้จักตัวเองดีมากยิ่งขึ้น อะไรที่ไม่ได้สำคัญอีกต่อไปก็ให้เราตัดมันทิ้ง เพราะทุกวัน ทุกเดือนเราต้องเขียนงานที่คั่งค้างทำไม่เสร็จไปยังวันต่อไป เดือนต่อไป ถ้าเห็นว่าจริงๆแล้วเราไม่ได้ต้องการทำ ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นก็ตัดออกได้เลย หรือการที่เราได้ทบทวนเรื่องราวในแต่ละวันของเดือนว่าทำอะไรบ้างก็จะเห็นว่าเราได้ให้คุณค่าและเวลาไปการทำอะไร และสามารถทำเป็นคอลเล็คชั่นขึ้นมาได้เลยเช่นหนังสือที่เราอ่าน ซึ่งแต่ละเดือนเราอ่านเยอะมากก็แยกออกมาเป็นหนึ่งหัวข้อ ซึ่งหัวข้อเดียวก็ปาไปห้าหน้ากับรายการหนังสือที่เรามี
เรามักวุ่นวายกับงานมากมายที่ทำอยู่ (หรือควรทำ) จนลืมถามตัวเองว่า ทำไมเราจึงทำสิ่งเหล่านั้น สุดท้ายก็กลายเป็นการสร้างภาระให้ตัวเองด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง การทำรายการความคิดช่วยให้คุณได้ถอยหลังกลับมาหนึ่งก้าวเพื่อถามตัวเองว่าทำสิ่งเหล่านั้นทำไม
ประโยคนี้ที่โดนใจเรามากตั้งแต่ที่ฟัง Readery Podcast อ่านให้ฟัง ก็เลยไปซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านทันใด