เปิดกล่องหนังสือที่สั่งมาจากเว็บนายอินทร์ 3
รอบนี้สั่งไปเพราะมีลดราคา 20% วันฮาโลวีน แต่กว่าเราจะได้หนังสือก็วันที่ 8 นานมาก(ซึ่งเราควรได้ของวันที่ 5) เพราะบริษัทCJ ซึ่งเป็นเจ้าใหม่ในการจัดส่งรอบนี้ไม่ยอมเอามาส่งให้เราสักที โทรมาถามว่าอยู่หมู่บ้านไหนวันนี้จะมีของมาส่งนะ แล้วก็หายไปเลย เราเช็คข้อมูลสิ่งที่ได้ตลอด 3 วันคือ "ส่งไม่หมดภายในวัน คาดว่าจะจัดส่งถึงคุณในเร็วๆนี้" คือช้าไปวันนึงเราก็โอเค สองวันเริ่มหงุดหงิด พอวันที่สาม "เฮ้ย! คาดไม่ได้แล้วนะเว้ย" วันที่สี่นี่เริ่มจ้องประตูบ้าน (เราติดต่อไปที่บริษัทส่งของแต่ไม่มีคนรับสาย เลยฝากนายอินทร์ตามเรื่อง แต่มาได้ของก่อนพอดี) แม่สั่งของไปวันก่อน วันรุ่งขึ้นมีKerry express มาส่ง โอ้โห...ทำร้ายจิตใจมากเลย เรานี่รอทั้งวันได้ตอนบ่าย ของแม่นี่มาแต่เช้าเชียว เราชอบส่งไปรษณีย์มากสุดละ ไม่ต้องมีใครโทรถามทาง เขารู้ว่าบ้านเราอยู่ไหน แค่รอรับของพอ (ดราม่ายาวเลย >.<) มาเข้าเรื่องดีกว่า เปิดกล่องออกมาเจอกระดาษลังยัดไว้ข้างๆด้วยเพราะหนังสือไม่เต็มกล่อง คงใส่ให้หนังสือไม่กลิ้ง ห่อกันกระแทกดีเช่นเดิม เล่มใหญ่ TWO BY TWOถูกแยกห่อมาเล่มเดียวเลย ที่คั่นแบบนี้อีกแล้ว พร้อมแม่เหล็กฮาโลวีน จริงๆเราเลือกเอาของแถมเป็นที่คั่นฮาโลวีนของนายอินทร์มันน่ารักดี ไม่เอาแม่เหล็กมันน่ากลัวแต่เราก็ได้มันมาอยู่ดี คิดว่าเพราะระบบจัดการมั้งถ้ายอดซื้อ 600+ ได้ที่คั่น 800+ ได้แม่เหล็ก นี่ได้มา 3 อันเลยทีเดียว เราก็เอาไปปล่อยเรียบร้อยแล้ว บ้าบอน่ากลัว โดยเฉพาะนังผีควักหน้า โฉมหน้านวลน้องที่พี่รอหน้าประตูทุกเช้าค่ำ รอบนี้ได้มาทั้งหมด 8 เล่มเนื่องจากหลายเล่มก็หมดไปก่อนซะแล้ว มันก็เศร้านะที่ไม่ได้น้องมาพร้อมหน้าพร้อมตา แต่ก็น่ายินดีตรงที่รอบนี้เราจะได้เสียเงินน้อยหน่อย ไว้พี่เก็บเงินเก็บทองได้มากพอจะไปรับน้องมาอยู่ด้วยพี่สัญญา มาเริ่มดูกันเลยดีกว่าว่าเราได้เล่มไหนมาบ้าง เล่มแรก มหาสมุทรที่สุดปลายถนน - นีล เกแมน เทศมนฑลซัสเซ็ก ประเทศอังกฤษ ชายวัยกลางคนกลับคืนสู่บ้านเก่าเมื่อครั้งเยาว์วัยเพื่อร่วมพิธีศพ ถึงแม้บ้านที่เขาอาศัยอยู่ในครั้งนั้นจะสูญสิ้นไปนานแล้ว แต่เขาก็ถูกดึงดูดไปยังบ้านไร่ที่อยู่ปลายถนน ตอนอายุเจ็ดขวบ เขาเคยไปที่นั่นและได้พบกับเด็กผู้หญิงที่พิเศษที่สุด ชื่อเล็ตตี้ เฮมป์สต็อก รวมทั้งแม่และยายของเธอด้วย ขณะที่เขานั่งอยู่ริมหนองน้ำ (หนองน้ำที่เธออ้างว่าเป็นมหาสมุทร) ซึ่งอยู่ด้านหลังบ้านไร่อันเก่าโทรม อดีตที่ไม่เคยถูกระลึกถึงกลับโถมทะลักกลับคืน เมื่อสี่สิบปีก่อนความมืดถูกปลดปล่อยออกมา เป็นอะไรที่น่ากลัวและไม่อาจเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงสำหรับเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ตอนนั้นเล็ตตี้สัญญาว่าจะปกป้องเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่คือหนังสือที่เราตามหามานาน เพราะเราอ่านของเขาเกือบทุกเล่ม เริ่มจาก Stardust มาเลยเพราะปกสวย หนังสือเขาอ่านแล้วมันรู้สึกแฝงข้อคิดอะไรไว้ แต่เราก็เข้าใจ50 งง50นะ แต่ก็ตามอ่านหนังสือเขาเพราะมันแปลกดี โครงเรื่องไม่เหมือนใครจากสถานที่ธรรมดาๆผูกเรื่องราวได้น่าสนใจ ใส่จินตนาการ แต่เรื่อง AMERICAN GOD เป็นเรื่องที่อ่านไม่จบสักทีมันแบบสุดจริงๆ ทั้งหนา ทั้งคาดเดาอะไรไม่ได้เลย จริงๆแล้วหนังสือเขาก็คาดไม่ได้อยู่แล้ว แต่เรื่องนี้คืออ่านไปก็แม่เจ้าโว้ย ตาค้าง พะอืดพะอม เล่มนี้พิเศษตรงที่นอกจากเราหาซื้อมานานมากกว่าจะได้แล้ว ยังได้ห่อปกด้วย เพราะนายอินทร์โทรมาหาเราบอกว่าหนังสือมีรอยถลอกที่สันปกนิดหน่อย เราจะรับไหม พอดีหนังสือเหลือจำนวนไม่มากแล้ว (ถามด้วยน้ำเสียงฟังไม่มั่นใจเท่าไหร่) เราเลย "อ้อค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ" พอทางนั้นได้ยินว่าเราเอาก็พูดร่าเริงขึ้นว่าจะห่อปกให้เราด้วย เราก็ "อ้อ ขอบคุณค่ะ" เรารู้แค่จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด
เล่มที่สอง THE TOMBS OF ATUAN - URSULA K. LE GUIN เล่มต่อของ A Wizard of Earthsea เล่มสองในชุด Eartsea Cycle หนึ่งในวรรณกรรมแฟนตาซีที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดตลอดกาล เทนาร์คือมหาปุโรหิตหญิง คือผู้ถูกเลือก นับตั้งแต่วันที่ถูกเลือก ชีวิตของเทนาร์ก็ไม่เหมือนเดิมนางต้องใช้ชีวิตโดยตัดขาดจากโลกภายนอก ตัดขาดจากพ่อแม่และบ้าน แม้แต่ชื่อของนางก็ไม่มีอีกต่อไป เพราะนางคือผู้ถูกกลืนกิน คือผู้พิทักษ์แห่งสุสานอาทูอัน แต่ว่าอีกไม่นานการมาถึงของพ่อมดหนุ่มคนหนึ่งจะทำให้ชีวิตของนางเปลี่ยนไปอีกครั้ง เขามีชื่อว่าเก๊ด สแปร์โรวฮอร์ค เรารักเล่มแรกมาก แน่นอนว่าเราย่อมไม่พลาดทันทีที่รู้ว่ามีเล่มใหม่ออกมา อีกอย่างเรากลายเป็นแฟนคลับสนพ.เวิร์ด วอนเดอร์ไปแล้ว หลังจากที่เราเปิดใจซื้อA Wizard of Earthsea มาอ่าน เพราะก่อนหน้านั้นอ่านเล่มก่อนๆแล้วเจอพิมพ์ผิดเยอะ มันหมดอารมณ์เลยกะว่าจะเลิกแล้วต่อกัน ปกสวยมาก แต่พิมพ์ผิดเยอะก็ไม่ไหว แต่พอได้ซื้อเล่มใหม่ๆมาอ่านอีกครั้งเฮ้ย...เขาพัฒนาแล้วไม่พิมพ์แล้ว แถมหนังสือก็น่าสนใจอีก เป็นแฟนตาซีที่ต้องติดตามเลย
เล่มที่สาม THE RITHMATIST - BRANDON SANDERSON โจเอลอยากเป็นริธเมทิสต์มากกว่าสิ่งอื่นใด ริธเมทิสต์คือผู้ถูกเลือกให้ใช้เวทมนต์ สามารถสร้างกองทัพ สร้างวงแหวนเวทและโจมตีคู่ต่อสู้ได้โดยการวาดสิ่งเหล่านั้นบนพื้นด้วยชอล์ก และทำให้มีชีวิตได้ตามจินตนาการ โจเอลรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับวิชาริธเมติก ฝีมือการวาดเส้นด้วยชอล์กของเขายอดเยี่ยม การคำนวณสัดส่วนไม่มีที่ติ แต่เขาไม่ใช่ผู้ถูกเลือก เส้นของเขาไม่มีอำนาจหรือเวทมนต์อะไร เขาเป็นเพียงลูกชายของช่างทำชอล์กที่อาศัยอยู่ในวิทยาลัยที่สอนเวทมนต์เท่านั้น จนวันหนึ่งเมื่อเหล่าริธเมทิสต์ในวิทยาลัยค่อยๆหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา โดยไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมันทำให้โจเอลเข้าไปพัวพันกับการสอบสวนเรื่องนี้ด้วยกันกับศาสตราจารย์สอนวิชาริธเมติก และเพื่อนอีกคนชื่อเมโลดี้ สิ่งที่พวกเขาค้นพบจะเปลี่ยนโลก และริสเมติกไปตลอดกาล เราเห็นหนังสือเล่มนี้จากเฟสบุคของสนพ.เวิร์ด วอนเดอร์ และเรื่องนี้กำลังจะเป็นหนัง ได้ดูตัวอย่างหนังก็น่าสนใจมากจริงๆขนาดแค่เห็นตอนขีดชอร์ก พอได้อ่านท้ายเล่ม โอ้โห! อยากอ่านทันทีเลย ปกก็สวย
เล่มที่สี่ TWO BY TWO - NICHOLAS SPARKS รัสเซล กรีน ลาออกจากงานประจำมาตั้งบริษัทของตัวเอง นับจากนั้น ชีวิตของเขาก็พลิกผันเกินควบคุม ภรรยาต้องกลับไปทำงาน และมีท่าทีเหินห่าง สุดท้าย เขาต้องกลายเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว ชีวิตอิสระ เป็นนายตัวเอง ไม่เข้ารูปเข้ารอยง่ายดังหวัง รัสเซลต้องเผชิญอุปสรรคสาหัส ทั้งในฐานะสามีและพ่อ...ซ้ำร้าย พายุลูกใหญ่ยังใกล้เข้ามา... แต่โมงยามที่ฟ้ามืดครึ้ม รัสเซลยังได้เรียนรู้รักแท้ รักแท้ที่จะเดินเคียงข้าง...กันและกัน ไม่เคยเห็นเขาเขียนเล่มหนาขนาดนี้มาก่อน เล่มนี้ 695 หน้า หน้าปกเป็นภาพเด็กผู้หญิงขี่คอผู้ชายและกางแขนทั้งคู่ ซึ่งคิดว่าคงเป็นเรื่องของพ่อลูกสมกับชื่อเรื่อง อ่านหลังปก โอ้เรื่องนี้น่าจะรันทดพอดู และก็อยากรู้มากว่ามันเกิดอะไรขึ้นมากมายกับชีวิตเขา เล่มนี้เขาว่าไม่มีคาวบอยหนุ่มหน้าตาดี ปาฏิหาริย์ หรือเรื่องชวนฝันใดๆ เล่มนี้แตกต่างจากเล่มอื่น ยิ่งอยากอ่านเข้าไปอีกว่าเขาจะเขียนออกมาแนวไหน
เล่มที่ห้า A FAREWELL TO ARMS - ERNEST HEMINGWAY "รักระหว่างรบ" คือเรื่องราวในชีวิตจริงของผู้เขียนในช่วงการรับใช้ชาติ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ฉาก สถานที่ ตัวละครและการดำเนินเรื่อง กระทั่งบทสนทนา ล้วนมาจากความทรงจำของชีวิตจริง นวนิยายเรื่องนี้จึงมีเลือดเนื้อ มีอารมณ์ ความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นความหวั่นผวาของฉากสงคราม แม้จะไม่มีการรบและการฆ่าฟันสุดหฤโหดก็ตามที ตัวเอกของเรื่องคือนายทหารหน่วยรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ในฐานะคนขับรถพยาบาล ประเทศอิตาลี เขาได้พบรักกับพยาบาลสาว ความรักที่ล้ำลึก บวกกับความเด็ดเดี่ยวของทั้งคู่ จึงทำให้เขาทั้งสองร่วมกันหนีจากความโหดร้ายของสงคราม เพื่อให้พ้นจากวิกฤตอันน่าหวาดกลัวแห่งนี้ ไปสู่แผ่นดินที่จะนำความผาสุกมาให้เขา เหตุการณ์มันไม่ได้ง่าย เขาต้องผ่านและเผชิญอะไรมากมาย จึงทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้อ่านจะต้องลุ้นระทึกไปกับการหนีสงครามของทั้งคู่ มันไม่ใช่เพียงความรักของหนุ่มสาวที่หนีสงคราม ยังมีความรักระหว่างเพื่อนร่วมชะตากรรม ความบ้าบิ่นของการตัดสินใจในการหนีสงคราม สร้างความหวั่นผวาและความพรั่นพรึงให้กับผู้อ่านไปไม่น้อย ความรักสวยงามและยิ่งใหญ่ชนิดที่ทำให้ชายชาติทหารคนหนึ่งหนีสงครามได้จริงหรือ หรือทว่ามันคือความหวาดกลัวต่อชะตากรรมที่ต้องเผชิญในสมรภูมิ (ข้อมูลจากเว็บนายอินทร์) ด้วยความที่หน้าปก และรูปเล่มสวยบาดตามาก จึงมาอยู่ในมือเรา หลังปกไม่ได้บอกอะไรเราเลย มีเพียงรูปภาพผู้ชายคนหนึ่งในชุดทหารที่เราคิดว่าน่าจะเป็นเขาตอนหนุ่ม และเราได้มารู้ทีหลังว่าเป็นวรรณกรรมคลาสสิก และเขาโด่งดังมาก เก่งมาก เล่มที่หก UTOPIA - SIR THOMAS MORE ยูโทเปีย...เมืองที่มีแต่ความดีงาม ความยุติธรรม บ้านเมืองน่าอยู่ เป็นระเบียบเรียบร้อย มีประชากรที่เป็นมิตร เป็นเสมือนสังคมในอุดมคติของใครหลายๆคน ทั้งด้านการปกครอง กฎหมาย การจัดระเบียบทางสังคม ทุกอย่างล้วนถูกกำหนดกฏเกณฑ์ไว้อย่างมีระเบียบแบบแผน ขนาดที่เรียกได้ว่า "สมบูรณ์แบบ" หากแต่ไม่มีใครรู้ตำแหน่งที่ตั้งของ ยูโทเปีย ยกเว้นเสียแต่ "ราฟาเอล" นักปราชญ์สูงวัยผู้รักการเดินทาง ผู้ซึ่งเคยได้ไปเยือนเมืองยูโทเปียและเคยได้อาศัยอยู่ที่นั่นมาก่อน เรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับยูโทเปียที่ได้อธิบายไว้ในหนังสือเล่มนี้นั้นได้รับการบอกเล่าโดยราฟาเอลผ่านงานเขียนของ เซอร์โธมัส มอร์ ขุนนางในราชวงศ์อังกฤษ ผู้ซึ่งได้ถ่ายทอดเรื่องราวของยูโทเปียที่เขาได้รับฟังทั้งหมด แล้วเรียบเรียงเป็นหนังสือ นำเผยแพร่ออกสู่สาธารณชน เราก็ขอสารภาพว่า เราชอบปกอีกแล้วเราถึงได้สนใจหนังสือเล่มนี้ และแม้จะมีคำว่า หนังสือCLASSICS ที่โลกยกย่องประทับหน้าปก ก็ไม่คิดว่าจะอ่านยาก เพราะขนาดเล่มที่บางกำลังดี และคิดว่าเราชอบโครงเรื่องที่เขาเล่ามันน่าสนใจดี เล่มที่เราเห็นคือเล่มนี้ แต่พอมาสั่งในนายอินทร์เห็นเล่มเก่ามันถูกใจเลยเอาแบบเก่ามา มันดูคลาสสิกสมวรรณกรรมคลาสสิกดี
เล่มที่เจ็ด TRAP TALES : OUTSMARTING THE 7 HIDDEN OBSTACLES TO SUCCESS - DAVID M. R. COVEY / STEPHAN M. MARDYKS คุณเคยรู้สึกไหมว่า มีเวลาแต่ก็เหมือนไม่มี? มีเงินทองแต่ก็เหมือนไม่พอ? มีพลังงานแต่กลับรู้สึกห่อเหี่ยว? มีความสุขแต่ก็ไม่เต็มเปี่ยม? หากคุณมีอาการเหล่านี้ คุณอาจจะกำลังติดกับดักอยู่! ในหนังสือ Trap Teles เล่มนี้ เดวิด เอ็ม.อาร์.โควีย์ และสเตฟาน เอ็ม.มาร์ไดคส์ ผู้เขียนจะพาคุณไปพบกับดักที่ธรรมดาที่สุด 7 อย่างในชีวิตและการงานที่เหมือนทรายดูด ก้าวเข้าไปง่าย แต่หนีออกมายาก ยิ่งเราพยายามปีนป่ายออกมามากเท่าไร เราก็ยิ่งจมลึกมากขึ้นเท่านั้น แม้แต่คนที่ฉลาดที่สุดและดูเหมือนประสบความสำเร็จมากที่สุดก็ยังพบว่าตัวเองติดกับและมองไม่เห็นทางออก ผ่านการเล่าเรื่องจากตัวละคร อเล็กซ์และวิกตอเรีย ผู้ซึ่งหลงเข้าไปติดมันเหมือนคุณ ถ้าคุณพบว่าตอนนี้คุณกำลังติดกับดักอยู่ หนังสือเล่มนี้คือสายชูชีพของคุณ บทเรียนต่างๆ ที่มีอยู่ใน Trap Tales จะสอนให้คุณรู้วิธีหลบกับดักเหล่านี้ในอนาคตแล้วก้าวสู่ความสำเร็จอย่างแท้จริงด้วยคุณเอง!!! เล่มนี้เราซื้อมาเพราะปกดึงดูดใจเหมือนกันและได้ฟัง Readery PODCAST แนะนำหนังสือ เราเลยรู้สึกว่ามันน่าสนใจมากขึ้นไปอีกเยอะ ตอนแรกเปิดผ่านๆไม่ได้สนใจ แต่พอฟังเขาเล่าทำไมมันน่าสนใจมากขนาดนี้ มันพลาดไม่ได้แล้วเล่มนี้
เล่มที่แปด ทำแล้วดีแต่เลิกทำแล้วดีกว่า - วาตานาเบะ ปง ลองมองดูรอบตัวสิ ข้าวของที่ใช้เป็นประจำ สิ่งต่างๆ ที่ทำจนเคยชินสิ่งเหล่านี้ทำให้เรามีชีวิตที่ "โอเค" มาโดยตลอด แต่เคยมีใครบอกคุณไหมว่าทันทีที่คุณเลิก ชีวิตจะดียิ่งขึ้นไปอีก วาตานาเบะ ปง ค้นพบ "พลังวิเศษของการเลิก" ที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นจิตใจปลอดโปร่ง และเปิดรับความสุขได้มากกว่าที่เคย ตั้งแต่การเลิกใช้หม้อหุงข้าว เลิกใช้รองพื้น เลิกคิดว่าต้องใช้อย่างคุ้มค่า ไปจนถึงเลิกขอโทษคนอื่น บอกเล่าผ่านการ์ตูนสนุกๆ และมุกตลก แต่แฝงด้วยข้อคิดที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณไปตลอดกาล เราคิดว่าเราเคยเห็นผ่านตามานะเล่มนี้ แต่ไม่ได้สนใจใดๆว่าจะซื้อ และใช่เลย Readery PODCASTพูดถึงมัน และเราตัดสินใจต้องหามาอ่านดูหน่อยแล้ว เขาบอกว่าด้านในเป็นภาพการ์ตูนอ่านง่าย น่าสนใจ เราก็เลยอยากรู้ว่ามันน่าสนใจยังไง เราเองก็ชอบอ่านหนังสือที่มีภาพวาดประกอบมันทำให้เราอินไปกับเรื่องดี ก็เลยจัดมาตามคำแนะนำ หมดแล้วสำหรับหนังสือที่สั่งรอบนี้ ซึ่งแม้ว่าเราจะเพิ่งแกะกล่องนี้ไปไม่กี่วัน เราก็กำลังสั่งเพิ่มมาอีก หนังสือคือชีวิตคือจิตวิญญาณเราไปแล้วล่ะ
Create Date : 16 พฤศจิกายน 2561 |
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2561 21:10:43 น. |
|
0 comments
|
Counter : 801 Pageviews. |
 |
|