Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2566
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
17 พฤศจิกายน 2566
 
All Blogs
 
BOOKHAUL 2023 (ตุลา - ธันวา )ฺ - จิตวิทยา ความเรียง

 
157สวัสดีค่ะทุกคนวันนี้ตรงกับวันสิ้นปีพอดี158 156 เราก็พาเหล่าบรรดาหนังสือทั้งหลายที่เราซื้อมาช่วงสามเดือนสุดท้ายของปีมาให้ได้ชมกันว่าเราได้หนังสือเล่มไหนมาบ้าง แล้วทำไมเราถึงตัดสินใจซื้อมา และก็เป็นเหมือนช่วงก่อนค่ะที่เราซื้อมาเพราะใช้โค้ดลดจากช้อปปี้!! ที่มันดึงดูดให้เราจนอยากซื้อไปหมดแถมมีหนังสือออกใหม่เยอะมากให้เราเสียเงินต่อไปเรื่อยๆ
 

 
 
และนี่คือหนังสือทั้งหมดที่เราซื้อมาค่ะ ได้มาทั้งหมด 39 เรื่อง 40 เล่มถ้วนส่งท้ายปี 2566 ค่ะ เขียนไปฟังเสียงพลุไปให้อารมณ์ดีจริงๆเลย157


 
หมวดจิตวิทยา ความเรียง


เล่มแรก อะไรทำให้ชีวิตเราดีกว่าเมื่อวาน - คิมจงวอน

มีอยู่ 5 สิ่ง ผลักดันคนเราไปสู่ที่ที่ดีขึ้น แม้แต่คนที่ไม่เคยกำหนดชีวิตตัวเองได้

คิมจงวอน นักเขียนด้านมนุษยศาสตร์อันดับ 1 ของเกาหลี ได้ตั้งคำถามและศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในชีวิตมนุษย์มานานกว่า 20 ปี จนพบ 5 หัวใจที่แสนทรงพลัง นั่นคือ สภาพแวดล้อม, ผู้คน, เวลา, คำพูด, ความคิด

เมื่อคุณปรับเปลี่ยนแม้เพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ใน 5 อย่างนี้ ชีวิตจะขยับเปลี่ยนตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ คิมจงวอนเรียกสิ่งนี้ว่า การเปลี่ยนแบบที่มีปัญญาเป็นตัวนำทาง มันคือศาสตร์และศิลป์ที่ทำให้ชีวิตก้าวสู่วันที่ดีกว่าอย่างลื่นไหล มันแสนทรงอานุภาพกว่าการก้มหน้าบากบั่นอย่างไร้เสาหลัก

การเปลี่ยนสู่ชีวิตที่ต้องการนั้นเรียบง่ายกว่าที่คุณคิดมากนัก


เป็นหนังสือที่เราไปเจอที่ร้านมานานแล้วแต่ยังไม่ได้ซื้อสักที ในที่สุดเราก็ได้ซื้อมาหลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็ลังเลใจแล้วเอาแต่ซื้อหนังสือออกใหม่ไปเรื่อย แต่ปกก็ดึงดูดใจเรากลับมา ตอนแรกคิดว่าหนังสือของญี่ปุ่นซะอีกเพราะเห็นวงกลมที่ปกนึกว่าแดนอาทิตย์อุทัยอะไรแบบนี้ พอได้หนังสือมาอ้าว เกาหลีนี่นาแล้วก็ชอบกับเรื่องราวที่ปกหลังด้วย ดูน่าอ่าน น่าสนใจดีชอบตรงที่บอกว่าปรับเปลี่ยนแม้เพียงสิ่งเล็กๆน้อยแล้วชีวิตจะขยับตาม มันดูไม่ยากเย็นและยิ่งใหญ่จนเกินไป 


เล่มที่สอง 
How to Live a Good Life - นิ้วกลม

 

'ชีวิตที่ดี' คืออะไร มีหน้าตาแบบไหน แล้วทำยังไงจึงจะได้มีมัน ความสนใจเรื่องนี้ของผมนำพาไปสู่การเดินทางยาวไกลผ่านหนังสือ ปรัชญา จิตวิทยา ศาสนา การพูดคุยกับคน และการเดินทาง เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตที่หลากหลาย
แม้หนังสือจะชื่อ How to live a good life กระนั้นก็มิได้หมายความว่าหนังสือเล่มนี้จะประกาศสัจธรรมคำตอบว่า ถ้าอยากมีชีวิตที่ดีจงใช้ชีวิตดังต่อไปนี้ ผมกลับคิดว่ามันเป็นประโยคคำถามที่ชวนตอบและเติมไปด้วยกันว่า "เราจะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร"


หนังสือที่ไม่รู้ว่าออกใหม่ไหมของพี่นิ้วกลม รู้แต่ว่าพอเจอในตะกร้าที่ร้านไลฟ์อยู่เราก็ใส่มาเลยเพราะชอบชื่อหนังสือ แล้วพอรู้ว่าเป็นของพี่เขาและเนื้อหาน่าอ่านก็จัดการซื้อแบบไม่ต้องคิดมากเลย เริ่มจากปกที่ดึงดูดใจ ตามด้วยชื่อนักเขียนในดวงใจทำให้เราไม่ต้องคิดมาก


เล่มที่สาม The gift 
ชีวิตคือของขวัญ - Dr.Edith Eger

คนที่ไม่อนุญาตให้คุณมีความสุข ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวคุณเอง

เมื่อเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นในชีวิต เรามักฝังตัวเองอยู่กับความเจ็บปวด ความหวาดกลัว ความโกรธ ความโศกเศร้า ความเครียด ความรู้สึกผิด ความอับอาย การหลีกเลี่ยง และอีกสารพัดอย่างที่ทำให้เราไม่สามารถก้าวออกไปใช้ชีวิตอย่างเต็มที่แบบเดิมได้ เราคิดว่าเราคนเดิมตายไปแล้ว คนคนนั้นแตกสลายไปแล้ว

ดร.อีดิธ อีเกอร์ นักจิตวิทยา ผู้เคยถูกคุมขังอยู่ในค่ายกักกันนาซีตอนอายุ 16 ปี บอกว่า คุกที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่คุกที่พวกนาซีจับเธอขังไว้ แต่คือคุกที่เธอสร้างขึ้นให้ตัวเอง

การรอดตายจากค่ายกักกันเป็นเพียงก้าวแรกสู่อิสรภาพของเธอเท่านั้น เธอยังเป็นนักโทษของอดีตอยู่หลายทศวรรษ แม้หลังจากได้รับการปลดปล่อย เธอเรียนต่อด้านจิตวิทยาจนจบปริญญาเอก แต่ก็พบว่าเธอคงรักษาใครไม่ได้ หากไม่ได้เยียวยาตัวเองเสียก่อน

หนังสือเล่มนี้คือเรื่องราวของการเยียวยาที่เธอใช้ในชีวิตของตัวเอง และใช้กับบรรดาคนไข้ในงานทางคลินิกของเธอ

ดร.อีเกอร์ไม่ได้เขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อให้คุณคิดว่า ความทุกข์ของคุณไม่มีทางเทียบกับของเธอได้เลย แต่อยากให้คุณคิดว่า “ถ้าเธอทำได้ คุณก็ทำได้”

บทเรียน 14 ข้อนี้จะทำให้คุณตระหนักถึงคุกทางความคิดที่คุณสร้างขึ้นและใช้กุญแจเพื่อไขตัวเองออกจากคุกเหล่านั้น

หนทางสู่อิสรภาพอยู่ในมือคุณเอง แล้วคุณจะพบว่า ชีวิตไม่ว่าจะผ่านมากี่ทุกข์กี่โศก กี่ความเจ็บปวด มันก็คือของขวัญหนึ่งชิ้น


ปกสีฟ้าสวยสะดุดตา แล้วชื่อหนังสือก็น่าสนใจ พอได้อ่านเรื่องราวปกหลังว่าผู้เขียนเป็นนักจิตวิทยาแถมยังเคยถูกคุมขังในค่ายกักกันนาซีอีก ทำให้เราอยากอ่านหนังสือเล่มนี้มากเลย แล้วยิ่งพอได้รู้เรื่องราวของนักเขียนแล้วมาอ่านชื่อหนังสือ เรารู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งมากเลยนะ แล้วหนังสือก็เขียนออกมาเป็น 14 บทเรียนทำให้เราคิดว่าน่าจะอ่านได้ง่ายขึ้นด้วย


เล่มที่สี่  The art of making memories ความทรงจำสร้างสุข - Meik Wiking

"เธอไม่รู้หรอกว่ากำลังสร้างความทรงจำ เธอรู้แค่เธอกำลังสนุกอยู่เท่านั้น" - วินนี เดอะ พูห์

คุณยังจำจูบแรกได้ไหม จำอาหารมื้ออร่อยที่สุดที่เคยลิ้มลองได้หรือเปล่า ยังจำกลิ่นลมทะเลที่โชยปะทะใบหน้าในวันหยุดฤดูร้อน หรือจำอ้อมกอดคนรักในยามอ่อนล้าได้หรือไม่
 
ความทรงจำ คือเรื่องเล่าแห่งชีวิตที่ประกอบสร้างเป็นตัวตน คือกาววิเศษที่เชื่อมปัจจุบันกับวันวาน คือเครื่องมือก่อร่างสร้างฝันเพื่ออนาคต
 
ไมก์ วิกิง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยความสุขแห่งเดนมาร์ก และผู้เขียนหนังสือ ฮุกกะ และ ลุกกะ รวบรวมผลการวิจัยความสุขจากทั่วโลก ตลอดจนข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความทรงจำ มากลั่นกรองเป็นคู่มือแห่ง "ความทรงจำแสนสุข" ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดลับการสร้างความทรงจำใหม่ๆ ด้วยพลังแห่งครั้งแรก การเรียกคืนความทรงจำผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า การเก็บรักษาช่วงเวลาเปี่ยมความหมายผ่านหลักฐานที่ไม่ใช่แค่ภาพถ่าย ไปจนถึงศิลปะแห่งการปล่อยวางอดีตเพื่อก้าวต่อไป
 
นี่คือภารกิจเสาะหาความทรงจำที่สูญหายและเปลี่ยนคืนวันว่างเปล่าให้เป็นโมงยามอันน่าจดจำ เพื่อรวบรวมขุมทรัพย์แห่งอดีตแสนงดงามจากวันวาน ร้อยเรียงเป็นปัจจุบันที่มีความหมาย และก่อร่างเส้นทางแห่งความทรงจำแสนสุขในอนาคต


อย่างแรกเลยคือเราชอบปกหนังสือ มันดึงดูดใจมากสวยแบบเรียบๆ หนังสือของนักเขียนคนนี้เราเห็นมาหลายเล่ม แต่สนใจเล่มนี้ที่สุดแล้วก็คิดว่าน่าจะเข้ากับเราเลยตัดสินใจซื้อมาอ่าน หลังจากที่เล่มก่อนๆลองพลิกๆดูเนื้อหาแล้วไม่ถูกจริตเท่าไหร่ ดีใจที่มีสักเล่มของเขากับปกสวยๆแนวนี้ที่เราจะได้อ่านกับเขาบ้าง ดูจากปกกับเรื่องราวแล้วเหมาะกับการไว้อ่านช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อย่างตอนนี้มากๆเลย


เล่มที่ห้า Breath ลมหายใจมหัศจรรย์ - James Nestor

"น้อยมากที่จะมีหนังสือวิทยาศาตร์สำหรับคนทั่วไปที่ทำให้ผู้อ่านอดหลับอดนอน ไม่อาจละสายตาจากหน้ากระดาษ แต่ Breath ตรึงเราได้ขนาดนั้น มันจะทำให้คุณตระหนก มันจะทำให้คุณอยู่ไม่ติด และมันจะให้แรงบันดาลใจคุณ ใครจะไปรู้ว่าการหายใจจะปลุกเร้าจิตใจได้ขนาดนี้" - Spirituality & Health

"ใครจะไปจินตนาการออกว่า 'หนังสือพัฒนาตนเอง' จะอ่านสนุกอย่างกับนิยาย วางไม่ลงจริงๆ" - Steven R. Gundry, M.D.

"ถ้าคุณอยากอ่านหนังสือสักเล่มที่เกี่ยวกับพลังของการหายใจ ขอให้เป็นเล่มนี้!" - Patrick Mckeown

"หนังสือที่ตราตรึง เต็มไปด้วยการเปิดเผยที่น่าอัศจรรย์" - Dr. Rangan Chatterjee

หนังสือที่เราอยากอ่านมานานมาก เพราะติดตามช่องของหมอแพทย์แผนไทยคนหนึ่ง แล้วบางช่วงหมอเขาก็จะมีหนังสือเกี่ยวกับสุขภาพมาแนะนำให้อ่าน ซึ่งเล่มนี้ก็เป็นเล่มที่สามแล้วที่เราซื้อมาอ่านตามหมอ ชอบสีปกหนังสือที่เหลืองสว่างเจิดจ้ามากๆเลยแถมคนแปลหนังสือยังเป็นหมอด้วย สุดยอดไปเลยเวลาอ่านน่าจะเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น


เล่มที่หก บันทึกลับของแอนน์ แฟร้งค์ ฉ.สมบูรณ์ - แอนน์ แฟร้งค์

"ฉันหวังว่าจะไว้วางใจ 'เธอ' ได้ทุกเรื่องอย่างที่ฉันไม่อาจวางใจผู้หนึ่งผู้ใดเลย และหวังว่า 'เธอ' จะเป็นพลังยิ่งใหญ่ในการปลอบประโลมใจฉัน 
ความเห็นเขียนเพิ่มเติมโดยแอนน์ "เท่าที่เป็นมา 'เธอ' เป็นสิ่งปลอบใจฉันได้อย่างวิเศษจริงๆ เช่นเดียวกับคิตตี้ซึ่งฉันเขียนถึงอย่างสม่ำเสมอ การเขียนบันทึกประจำวันแบบนี้ช่างดีเหลือเกิน ฉันแทบจะอดทนรอไม่ไหวให้ถึงเวลาที่ฉันจะเขียนข้อความลงไปใน 'เธอ' ฉันดีใจเหลือเกินที่นำ 'เธอ' ติดตัวมาด้วย"

หนังสือที่อยากอ่านมานานมาก เฝ้ารอที่จะได้อ่านแต่กว่าจะหาซื้อได้ก็ยากเอาการ หนึ่งเพราะพลาดตอนซื้อหน้าร้านไปเล็งไว้พอจะซื้อก็หมด ดูในเว็บก็ราคาแพงไม่มีส่วนลดที่พึงพอใจ ในที่สุด...วันที่รอคอยก็มาถึง 


 


เล่มแรก A Wonderful Life ชีวิตนี้คู่ควรที่จะงดงาม  -  Frank Martela

ชีวิตของคนเรามีความหมายไหม ถ้าชีวิตมีความหมาย สิ่งนั้นคืออะไร และเราจะเข้าถึงความหมายนั้นได้อย่างไร

ในโลกอันโกลาหล มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่ครุ่นคิดถึงความหมายในแทบทุกขณะของการมีชีวิต เราเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายของการดำรงอยู่ ความสุขคือความหมายของชีวิตใช่หรือไม่ ชีวิตของเราเปี่ยมด้วยคุณค่าหรือเป็นเพียงเสี้ยวความไร้สาระของจักรวาลกันแน่ หรือเพราะมนุษย์ถูกกำหนดมาให้แสวงหาความหมายของชีวิตไปตลอด

แนวคิดเรื่องความหมายของชีวิตไม่ได้ติดตัวเรามาราวสัญชาตญาณ แต่เป็นผลของการใคร่ครวญของบรรดานักปรัชญา คำสอนศาสนา รวมถึงแนวปฏิบัติต่าง ๆ ในสังคมโลก จนมาเป็นคำตอบไร้ที่สิ้นสุดของคำถามอันยิ่งใหญ่ ว่าแท้จริงแล้วความหมายของชีวิตไม่ใช่สิ่งไกลตัวอย่างที่เคยเข้าใจ ความหมายอยู่ในทุกย่างก้าวของการใช้ชีวิต อยู่ภายในตัวของเรา ในสายสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ในสิ่งที่เราอุทิศตนให้ แม้กระทั่งในความทุกข์ทนหรือความตาย

Frank Martela นักปรัชญาผู้มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในแวดวงวิชาการทั่วโลก ได้เรียบเรียงเรื่องราวการเดินทางทางความคิดของมนุษย์เพื่อแสวงหาคำตอบเรื่องความหมายของชีวิต ตั้งแต่จุดเริ่มต้นอันว่างเปล่าไปจนถึงวิถีสู่ชีวิตที่เปี่ยมด้วยความหมายซึ่งอยู่ใกล้จนบางครั้งคุณอาจมองไม่เห็น

"ชีวิตนี้คู่ควรที่จะงดงาม" คือหนังสือที่ผสมผสานทั้งแนวคิดปรัชญาที่กระตุ้นความคิด และแนวทางปฏิบัติที่ทุกคนทำได้ เรียบเรียงในรูปแบบที่เข้าใจง่าย และอาจทำให้คุณได้พบหนทางการใช้ชีวิตอย่างงดงามกว่าที่เคยเป็นมา

ชอบปกที่ดูเรียบง่ายดี แล้วก็ชอบชื่อหนังสือมากเลย ยิ่งพอรู้ว่าคนเขียนเป็นนักปรัชญายิ่งอยากอ่านเพราะแต่ก่อนเราก็อ่านหนังสือที่เกี่ยวกับปรัชญาอยู่บ้าง แต่พักหลังๆนี่ไม่ค่อยได้อ่านเลย ขนาดเล่มก็บางๆกำลังดี


เล่มที่สอง 
Wabi Sabi วะบิ ซะบิ  - Beth Kempton

แนวคิด วะบิ ซะบิ ที่ถูกกลั่นกรองเพื่อนำมาเปลี่ยนแปลงทุกแง่มุมของชีวิตและค้นพบความสุขจากสิ่งที่คุณเป็นจริงๆ หนังสือเล่มดังที่ได้รับการตีพิมพ์ไปแล้วกว่า 20 ภาษาทั่วโลก

วะบิ ซะบิ คือปรัชญาเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับปรัชญาอื่นๆ อย่าง "อิคิไก" และ "คินสึงิ" ซึ่งฝังรากลึกอยู่ในวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมายาวนาน และเผยแพร่ไปทั่วโลกอย่างกว้างขวาง

แต่หากถามคนญี่ปุ่นว่า วะบิ ซะบิ คืออะไร ก็แทบไม่มีคนญี่ปุ่นคนไหนตอบได้ตรงๆ ทุกคนจะบอกว่ามันลอยอยู่ในสายลม เร่าร้อนอยู่ในแสงแดด สดชื่นอยู่ในซากุระบานและตรึงใจอยู่ในใบเมเบิ้ลเหี่ยว ทั้งในความสุขและในความทุกข์ ในรูปและในนาม และอาจกล่าวด้วยว่าทุกสรรพสิ่งล้วน "ไม่เที่ยง ไม่สมบูรณ์ และ ไม่เสร็จสิ้น"

เรื่องราวของ วะบิ ซะบิ จึงเปรียบได้กับการเฉลิมฉลองให้ความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิตคนเรา

เบท เคมป์ตัน นักเขียนหญิงที่ได้รับการยอมรับว่า เข้าใจวัฒนธรรมญี่ปุ่นลึกซึ้งอย่างหาคนเทียบได้ยาก เธอแกะรอย วะบิ ซะบิ ว่ามันคือสิ่งใด และมีประโยชน์ต่อชีวิตผู้คนอย่างไร เธอออกตามหาความหมายของคำนี้ ตั้งแต่บ่อน้ำในวัดศักดิ์สิทธิ์ ในตำนานของซามูไร ในชาเขียวรสขมในถ้วยรากุ ไปจนถึงแนวทางการออกแบบของดีไซเนอร์ชื่อดัง เพื่อกลั่นวิถีของปรัชญาเก่าแก่นี้ออกมาเป็นวิธีคิด และวิธีปฏิบัติให้เราสามารถนำมาใช้ในโลกที่เน้นความสมบูรณ์แบบอย่างรู้ทันว่า แท้จริงแล้วชีวิตที่ดีคือชีวิตที่ไม่สมบูรณ์แบบและเราจะปฏิบัติตัวอย่างไร เพื่อให้ความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิตเรานั้นเปล่งประกายงดงามตามที่ควรจะเป็น


ปกสวยดี ดูเรียบๆ น่าอ่านแถมได้ยินคนพูดถึงเยอะก็เลยตัดสินใจซื้อมาลองอ่านบ้าง แล้วก็ไม่คิดว่าหนังสือจะหนาขนาดนี้ คิดว่าจะเล่มบางๆเหมือนหนังสือเกี่ยวกับแนวคิดญี่ปุ่นเล่มอื่นๆ แถมเล่มนี้คนเขียนยังเป็นต่างชาติด้วย เราก็แปลกใจอยู่นะเพราะตอนที่ซื้อไม่ได้อ่านชื่อนักเขียนก็คิดว่าเป็นคนญี่ปุ่นเขียนซะอีก แต่ก็ดูน่าสนใจดีเพราะเราก็จะได้อ่านจากมุมมองของคนที่ไม่ใช่คนญี่ปุ่นดูว่าเขาคิดยังไง แล้วทำไมเขาถึงได้สนใจแนวคิดหรือภูมิปัญญานี้


เล่มที่สาม Daheim ติดบ้าน - Judith Hermann

"เขาชอบความว่างเปล่าของบ้านฉัน เขารู้สึกว่าความว่างเปล่าในบ้านฉันอบอุ่นอย่างน่าประหลาด นั่นคือสิ่งที่เขาพูด.... ฉันชอบเวลาเขามาค้างที่บ้าน รู้สึกดีที่ได้นอนหลับและไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ไม่ต้องนอนลืมตาโพลงคอยเงี่ยหูฟังเสียงแห่งค่ำคืน เฝ้ารอบางสิ่งบางอย่าง เวลาที่อาริลท์มาค้างบ้านฉัน สัตว์ตัวนั้น ถ้ามันยังอยู่ในบ้าน มันจะช่อนตัว และฉันก็หลับไปเหมือนก้อนหินจมดิ่งลงสู่ก้นบึง การนอนหลับพาฉันไป และวางฉันลงตรงส่วนที่ลึกที่สุด..."

นิยามของคำว่า "บ้าน" นั้นหลากหลายเสมอ "การกลับบ้าน" ก็มีความหมายแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเวลาและผู้คนที่เราพบพาน การกลับบ้านยังอาจหมายถึงการเดินทางสู่ตัวตนคนเดิมที่เคยสูญหายหรือกลายเป็นอื่นในบางห้วงของชีวิต

หลายครั้งที่การกลับบ้านคือการได้ที่ทบทวนเวลาทั้งอดีตและอนาคต ทำความเข้าใจเรื่องราวที่ผ่านมาและการเตรียมพร้อมรับวันใหม่ การกลับบ้านยังอาจทำให้เรามีความสัมพันธ์เกินคาดหมาย ได้เห็นร่องรอยของความเอ่อล้น และได้รู้ซึ้งถึงรูปรอยของความว่างเปล่าเหมือนกับตัวละครใน ติดบ้าน หรือ Daheim (2021) วรรณกรรมเยอรมันร่วมสมัยที่จะทำให้หัวใจวาบไหว ด้วยสายลมแห่งการหวนคืน


เห็นหนังสือกับชื่อเรื่องแล้วอยากอ่านมากเลย เอาใส่ตะกร้าไว้แล้วหมดไวมาก จนต้องไปหาร้านใหม่แล้วก็พรีออเดอร์จนได้มาในที่สุด ขนาดเล่มบางๆทรงยาวแต่ราคาแอบแรงนะ 270 ด้วยความอยากอ่านตอนนั้นเลยไม่ได้คิด พอได้หนังสือมาแล้วพลิกไปพลิกมาเจอราคาก็ตกใจเบาๆ3 แต่ก็เอาเถอะยังไงก็อยากอ่านมากอยู่ดี งานแปลจากภาษาเยอรมันเราไม่ค่อยมีโอกาสได้อ่านเท่าไหร่นัก

 

เล่มที่สี่ จงอย่าหวั่นไหวไปกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น - ฮันซองฮี (Han Sung-hee)

37 ข้อคิดเพื่อเป็นคนเข้มแข็ง ไม่โอนอ่อนหวั่นไหวง่ายดายต่องาน ความรัก และความสัมพันธ์

ชอบภาพปกอีกแล้ว ดูสวยดี ไม่เคยเห็นปกแนวนี้กับหนังสือแนวที่เราอ่านบ่อยๆมาก่อน แถมนักเขียนก็เป็นจิตแพทย์ด้วย เราก็เลยอยากลองอ่านดู เหมือนว่ารอบนี้เราจะได้อ่านหนังสือของจิตแพทย์จากหลากหลายประเทศทั่วโลกเลย


เล่มที่ห้า 
Big feelings ความรู้สึกนี้ใหญ่หลวงนัก - Liz Fosslien & Mollie West Duffy

เราไม่อาจห้ามอารมณ์เชิงลบที่เกิดขึ้นรอบตัว และเราไม่จำเป็นต้องกดดันให้ตัวเองคิดบวกตลอดเวลา แต่เราเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับอารมณ์เหล่านั้นอย่างมีเหตุผลได้

ชีวิตนี้ต้องมีสักครั้งที่คุณรู้สึกเหมือนกำลังเดินลุยขวากหนามแห่งความรู้สึก ทั้งเจ็บปวดและยากจะทนไหว และระดับการทนต่อความเจ็บปวดของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป ซึ่งหากคุณทนได้น้อยก็ไม่เป็นไรเลย คุณเพียงต้องสร้างไลฟ์สไตล์ที่เหมาะกับระดับความสามารถของคุณเท่านั้นเอง ต่อไปนี้เป็นแง่คิดบางส่วนที่จะช่วยให้คุณสร้างภูมิคุ้มกันทางใจเมื่อต้องเจอกับความรู้สึกอันใหญ่หลวงที่รับมือได้ยาก
  • อย่าวัดชีวิตของตัวเองด้วยไม้บรรทัดของคนอื่น
  • สุขภาพนั่นเองที่เปิดโอกาสให้คุณได้ทำงานที่มีความหมาย
  • โมงยามอันยากเย็นที่สุดในชีวิตจะเปลี่ยนเราไปเป็นคนที่ดีกว่าเดิม
  • คุณอาจรู้สึกแตกร้าวไปบ้าง หรือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นบ้าง เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้ ไม่เป็นไรเลย
"ความรู้สึกนี้ใหญ่หลวงนัก" คือหนังสือที่เปรียบดังเสื้อชูชีพ คำแนะนำภายในเล่มจะช่วยพยุงให้คุณลอยอยู่เหนือคลื่นอารมณ์ที่ถาโถมได้อย่างปลอดภัย แต่ละบทเจาะลึกความรู้สึกต่าง ๆ ที่รับมือได้ยาก เช่น อาการหมดไฟ ความวิตกกังวล ความรู้สึกเสียใจภายหลัง ฯลฯ สะท้อนผ่านประสบการณ์จริงของผู้เขียนและกรณีตัวอย่างหลากหลาย รวมทั้งผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่จะทำให้คุณต้องเซอร์ไพรส์
เล่มนี้สะดุดตากับปกสีเขียวสว่างเตะตาก่อนเลย แล้วก็ชอบชื่อหนังสือมาก เนื้อหาหนังสือก็ดูน่าสนใจดีเราก็เลยไม่ลังเลที่จะซื้อมา

 

เล่มที่หก 15 Minutes to happiness  แค่ 15 นาที เปลี่ยนวันนี้ให้เป็นวันสุข - Richard Nicholls

บ่อยไหมที่คุณรู้สึกแบบนี้ ทำไมคนอื่นดูมีความสุขกันง่ายจัง, ทำไมชีวิตคนนั้นในโลกโซเชียลช่างดูดี, ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับฉันด้วย, ไม่เห็นจะต้องพยายามเลย เพราะยังไงก็ทำไม่ได้อยู่ดี, อยากพักผ่อนนะ แต่ไม่กล้าปฏิเสธนัดเพื่อน ฯลฯ

ริชาร์ด นิโคล์ส นักจิตบำบัดและนักสะกดจิตบำบัดที่มีประสบการณ์ในการเยียวยาจิตใจและเปลี่ยนชีวิตคนมากว่า 20 ปี ได้นำเสนอแบบฝึกหัดง่าย ๆ ที่จะทำให้คุณรู้สึกดีกับตัวเอง และมีความสุขมากยิ่งขึ้น โดยใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีเท่านั้น  

วิธีของริชาร์ดได้รับการยืนยันจากผลการวิจัยกว่าหลายทศวรรษแล้วว่าได้ผลจริง ในการช่วยให้คุณมีความสุขขึ้นในทุกแง่มุมของชีวิต และสามารถรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ที่เจอในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคิดด้านลบ การจัดการกับความเครียด ความมั่นใจและการเห็นคุณค่าของตนเอง นิสัยการใช้เงิน การยึดติดกับความสมบูรณ์แบบ และสุขภาพกาย ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลโดยตรงต่อความสุขของเราทั้งสิ้น     

ด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันเองและการให้กำลังใจราวกับมีเพื่อนอยู่เคียงข้าง หนังสือเล่มนี้จะช่วยยืนยันกับเราว่า ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้เสมอ ขอเพียงแค่เราลงมือทำด้วยตัวเอง ด้วยวิธีการง่ายๆ ในเวลาเพียง 15 นาที

"เป็นคำแนะนำเชิงปฏิบัติที่เข้าใจง่าย อ่านจบแล้วรู้สึกว่าฉันไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือพัฒนาตนเองเล่มอื่นๆอีกในอนาคต ฉันจะอ่านหนังสือเล่มนี้อีกครั้ง หากต้องการคำแนะนำและจดจำสิ่งที่มีค่าในชีวิต" - Angela Kirby

ชอบปกที่เป็นรูปการ์ตูนน่ารักมากเลย พออ่านเนื้อหาที่ปกหลังก็รู้สึกว่าน่าสนใจดี ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นคนที่จิตตกหรือเครียดง่ายแต่ก็คิดว่าถ้าเกิดเราอ่านเจออะไรที่มันน่าสนใจแล้วทำให้เราเป็นคนที่ดีกว่าเดิมก็จะดี 

 

เล่มที่เจ็ด ชีวิตน่ะ...ไม่ต้องพยายามไปซะทุกเรื่องหรอกนะ - ไทระ โคเก็น

เมื่อการพยายามมากไปทำให้เหนื่อยล้า...เมื่อการทุ่มเททำเพื่อใครต่อใครทำให้ไม่มีความสุข...ลองมองหาวิธีพักและรักใจตัวเอง ถ้ามีใครสักคนที่ให้คำปรึกษาเรื่องนี้กับคุณได้คงไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าจิตแพทย์ผู้เคยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน
 
ไทระ โคเก็น  ใช้เทคนิคในหนังสือเล่มนี้เยียวยารักษาตัวเองและผู้ป่วยทางใจกว่า 1,000 คนให้หายขาด จนกลายเป็นหนึ่งในจิตแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น


ชอบภาพปกที่ตัวการ์ตูนดูสู้ชีวิตดี แถมปกเป็นสีเหลืองนวลที่เราชอบด้วย ชื่อหนังสือก็น่าอ่านโดยเฉพาะคนที่ก็ไม่ได้มีความพยายามไปทุกเรื่องอย่างเรา อ่านแล้วจะได้มีเรื่องให้เข้าข้างตัวเองได้ แถมเรื่องราวมาจากจิตแพทย์ด้วยยิ่งดีเข้าไปใหญ่เลยไว้ใช้อ้างอิงได้11753
 

 

เล่มที่เจ็ด Journal จัดระเบียบใจ - โยชิดะ เท็นเซ

เมื่อไหร่ที่จิตใจว้าวุ่น สับสน มีเรื่องให้คิดมากมาย ขอให้คุณหยิบสมุดกับปากกาขึ้นมาแล้วทำสิ่งที่เรียบง่ายที่สุด นั่นคือ การจดบันทึก

ชั่วขณะที่คุณปลดปล่อยความคิดผ่านตัวอักษร สมองจะผ่อนคลาย จิตใจที่ยุ่งเหยิงจะกลับมาเข้าที่เข้าทางและได้พบกับทางออกของปัญหาที่เผชิญอยู่

“JOURNAL จัดระเบียบใจ” จะเป็นเหมือนที่ปรึกษาที่ช่วยให้คุณจดบันทึกด้วยมุมมองใหม่ในแบบที่ง่าย มีพลัง แถมยังสนุกสนานให้คุณดูแลจิตใจตัวเองได้ในทุกวัน

ชอบภาพปกหนังสือก่อนเลย ชื่อหนังสือก็น่าอ่าน แต่เราเพิ่งมารู้เอาตอนพิมพ์นี่ล่ะว่านี่ไม่ใช่หนังสือจัดบ้าน นั่นสินะมันชื่อหนังสือว่า Journal นี่นา มันก็ต้องเป็นการเขียนบันทึกสิ53 ไอ้เราก็ซื้อมาแบบไม่ดูให้ดี พรีออเดอร์มาตั้งนานด้วยนะ แต่ไม่เป็นไรเราก็ชอบเขียนเหมือนกัน

 

 

 

 

 

 

 



 


Create Date : 17 พฤศจิกายน 2566
Last Update : 4 มกราคม 2567 17:32:08 น. 0 comments
Counter : 110 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 3651244
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อารมณ์ติสท์ติดตัว
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 3651244's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.