Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2566
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
8 มิถุนายน 2566
 
All Blogs
 
รีวิวหนังสือ "Yes to life in spite of everything - Viktor E.Frankl"


หนังสือที่รวบรวมเนื้อหาจากการปาฐกถาของ วิกเตอร์ อี. ฟรังเคิล จิตแพทย์ชาวออสเตรีย ที่ได้พูดไว้หลังได้รับการปล่อยตัวจากค่ายกักกันนาซีหลังจากถูกกักขังมานานถึง 3 ปี และเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งใหญ่ ผู้คนต่างหมดสิ้นความหวัง และเนื้อหาจากการปาฐกถาครั้งนั้นก็ได้ถูกเรียบเรียงออกมาเป็นหนังสือเล่มนี้

ซึ่งภายในเล่มก็จะเล่าถึงเรื่องราวชีวิตระหว่างที่เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในค่ายกักกัน ซึ่งถูกย้ายตัวไปอยู่หลายค่ายแม้กระทั่งค่ายที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายที่สุดอย่างค่ายเอาชวิตซ์ เล่าถึงการถูกใช้แรงงาน การทารุณกรรม การถูกกดขี่ทำให้มนุษย์รู้สึกด้อยค่าเหมือนไม่เหลือคุณค่าอันใด ชีวิตในแต่ละวันคิดเรื่องใดบ้างเพื่อให้ผ่านไปได้ เช่นการอดทนทำงานหนักที่แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆเพื่อให้ได้กลับไปกินน้ำซุปใสๆจ๋อมแจ๋มสักชามเป็นอาหารเย็นที่หวังว่าอาจจะตักเจอมันชิ้นเล็กๆสักชิ้น ,การต้องทำให้ตัวเองดูแข็งแรง แม้ว่าจะเจ็บป่วย หรืออ่อนแรงมากเพียงใด ต้องคอยโกนหนวดด้วยสิ่งที่หาได้อย่างเศษแก้วเพื่อให้หน้าดูเกลี้ยงเกลา สดใส เพื่อไม่ให้ถูกลงไม้ลงมือ และถูกส่งเข้าห้องรมแก๊สเพราะอ่อนแอเกินกว่าจะทำงานไหว, การเลือกเดินตรงกลางแถวเวลาเดินแถวไปทำงาน เพื่อให้ปลอดภัยจากการถูกทุบตีจากผู้คุม รวมถึงวิธีการคิดระหว่างที่อยู่ในค่ายที่เขาพยายามคิดให้พ้นจากชีวิตที่เป็นอยู่ คิดถึงอนาคตที่เขาใฝ่ฝันและต้องการเมื่อได้ออกไปจากค่าย 

และหลังจากที่เขาได้รับอิสรภาพ เขาก็เป็นบุคคลหนึ่งที่ต่อต้านการการุณยฆาต เพราะมองว่าแพทย์คือคนที่ควรช่วยชีวิตคนอื่นไม่ใช่พรากชีวิต และไม่ควรตัดสินชีวิตใคร และเล่าถึงคนไข้ที่เขาได้เจอ คนหนึ่งเป็นนักออกแบบโฆษณาที่งานยุ่งมาก แต่ป่วยด้วยโรคเนื้องอกร้ายแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาล แขนขาเป็นอัมพาตแต่เขาก็ค้นพบความหมายในชีวิตแบบใหม่ด้วยการอ่านหนังสือที่อยากอ่านมาตลอดแต่ไม่เคยได้ทำตอนที่งานยุ่ง และฟังเพลงอย่างแข็งขันแล้วเอาไปพูดคุยถกเถียงอย่างออกรสกับเพื่อนผู้ป่วยในโรงพยาบาล แล้ววันหนึ่งอาการเขาก็ทรุดหนักจนพูดอย่างยากลำบาก และเมื่อใกล้วาระสุดท้ายเขาก็ขอให้ฟรังเคิลซึ่งมาตรวจอาการเขาพอดีฉีดมอร์ฟีนให้เขาตอนนี้แทนที่จะเป็นตอนกลางคืนอย่างที่เขาแอบได้ยินหมอคนก่อนหน้าพูดมาเพื่อช่วยระงับความเจ็บปวดของเขา จะได้ไม่รบกวนเวลานอนของพยาบาล ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความเจ็บป่วยไม่จำเป็นต้องทำให้สูญสิ้นความหมาย แต่ขึ้นอยู่กับความเป็นไปได้ทั้งหลายในชีวิตของเราซึ่งเป็นสิ่งที่มีความหมายเสมอ

และอีกคนที่ห้าปีไม่เคยพูดเลยสักคำปิดวาจาโดยสมบูรณ์ วันๆนอนบนเตียงที่โรงพยาบาลจนแขนขาลีบและต้องให้อาหารทางสายยาง แต่วันหนึ่งเขาก็ลุกมานั่งแล้วบอกพยาบาลว่าขอกินอาหารแบบปกติ และให้พยาบาลพยุงเดิน แล้วหัดเดินอีกครั้งราวสามสัปดาห์ก่อนจะกลับมาเดินไปตามปกติ แล้ววันหนึ่งเขาก็มาแสดงปาฐกถาเล่าเรื่องราวการเดินทางเที่ยวต่างประเทศ รวมถึงทริปเทือกเขาอัลไพน์ที่เขาเพิ่งไปมา ซึ่งเป็นตัวอย่างว่าแพทย์มีสิทธิ์หรือไม่ที่จะฆ่าผู้ป่วยทางจิตที่รักษาไม่ได้ ซึ่งชีวิตของเขานั้นถูกถือว่าไร้ความหมายและ "ไม่ควรค่าจะมีชีวิตอยู่" ซึ่งก่อนหน้านั้นนักศึกษาที่มาเยี่ยมชมโรงพยาบาลและพบคนไข้รายนี้ก็ได้ถามเขาว่าจะไม่ดีกว่าหรือที่จะปล่อยให้เขาผู้นี้ตายไป

 

เป็นหนังสือที่อยากอ่านมาก เพราะเป็นผู้เขียนหนังสือ "ชีวิตไม่ไร้ความหมาย" หนังสือเล่มดังที่ก่อนหน้ามีการปั่นราคาไปสูงลิ่ว แล้วเราก็ได้หนังสือเล่มนี้มาเลยเอามาอ่านก่อน ปรากฏว่าไม่ได้ชอบขนาดนั้นอย่างที่คิด แต่ก็ได้รับรู้เรื่องที่นักโทษต้องเจอ การถูกทารุณกรรมอย่างที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับใคร ซึ่งอ่านเล่มนี้แล้วสิ่งที่ได้คือ ชีวิตคนเราจริงๆแล้วต้องการอะไรไม่กี่อย่างเท่านั้น และสิ่งที่สำคัญคือความคิดเมื่อชีวิตเผชิญกับปัญหาต้องมองไปให้ไกลกว่าสิ่งที่กำลังพบเจอและเผชิญอยู่เพื่อให้มีกำลังใจที่จะสู้และมีชีวิตต่อไป



Create Date : 08 มิถุนายน 2566
Last Update : 9 มิถุนายน 2566 15:18:45 น. 0 comments
Counter : 217 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 3651244
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อารมณ์ติสท์ติดตัว
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 3651244's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.